ไปกันทริปวันวิสาขบูชา 31-1-2-3 มิถุนายนนี้

ระหว่างเดินขึ้นเขา..หุบเขาไตรลักษณ์
หลงเมืองลับแลกันหลายรอบ..ทางลัดมีแต่เราไม่ขึ้น..(มารู้ทีหลัง)
คุณ Falkman กับพี่อ๊อดแรงดี เดินขื้นเขาถึงถ้ำหลวงพ่อเป็นชุดแรก

 

ทุกทริป น้องนุ๊ก แรงดีไม่มีตกเช่นเคย เดินไปพูดไปไม่หยุดตลอดทาง
ไม่รู้ว่า คุณพ่อกับคุณแม่ เลี้ยงด้วยอะไรครับ ++

 

อ้าว..นึกว่าถึงชุดแรก หลงทางก่อนเหรอ (เกือบไม่ได้กลับมาเลย์ อิอิ)
เดินจนรองเท้าขาดเลย ใจอยู่ครบนะ++

(verygood)

 

ภาพหลวงปู่เครา
พวกเราไปถึงก็เข้าไปกราบหลวงปู่กันในถ้ำ
พูดคุยสนทนากัน ท่านก็พูดคุยอย่างอารมณ์ดีและเป็นกันเองมากๆ
ท่านก็เมตตาตอบให้เราคิด พูดตรงๆ ตอบหมดทุกคำถามครับ

 

คำถามแรกเกี่ยวกับภัยพิบัติ
ท่านไม่บอกเราตรงๆ ว่าจะเกิดภัยใหญ่เมื่อไหร่ ท่านบอกว่าอาจเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้ พระพุทธเจ้าท่านก็บอกไว้แล้วคร่าวๆ และที่บอกไม่ได้เพราะมันเป็นการฝืน"กฎแห่งกรรม" ท่านให้เร่งรีบปฎิบัติ โดยเริ่มที่ตัวเราก่อนที่จะไปช่วยผู้อื่น ถ้าเห็นคนนับร้อยนอนตายเกลื่อน เราจะช่วยเขาได้ไหม? ท่านถามกลับ พวกเราก็อึ้งกันหมด (ตอบในใจครับ)
ท่านบอกว่ามนุษย์มีกรรม ประเทศทีกรรม โลกมีกรรม จักรวาลเองก็มีกรรม เป็นธรรมดา มีด้านมืดให้เราได้เรียนรู้ ขอให้มีสติอยู่กับธรรม

ภัยเกิดทุกที่ ทำดีไว้รอดได้ ไม่ต้องไปวิ่งหาที่หลบภัยใดๆ ไม่จำเป็น แต่ถึงเวลาคนที่มีเซนส์จะรู้เอง น้ำทะเลจะท่วมมาถึง ต.พระนอน จ.สิงห์บุรี ค่อยๆเอ่อขึ้นมา พอมีเวลาอพยบกัน (แต่เราก็ได้แผนที่บริเวณที่เกิดภัยหนักของประเทศไทยมาครับ)
ท่านบอกว่าการบอกข่าวพวกนี้มีทั้ง ผลดี-ผลเสีย ทางที่ดีให้เราช่วยกันหาทางแก้ไขดีกว่า เริ่มที่ตัวเราเอง ทำตัวเองให้เป็นผู้สร้างพลังด้านดีๆออกมา เพื่อค้ำจุนโลกใบนี้เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด ท่านย้ำมาเช่นนี้ครับ

กรรมของประเทศก็เป็นส่วนหนึ่ง การแก้ปัญหากรรมของประเทศอยู่ที่ผู้มีอำนาจ ผู้เป็นใหญ่ทำร่วมกัน ทั้งๆทีก็รักชาติแต่อดีตชาติเป็น พม่า มอญ ความโกรธแค้นยังมีกันอยู่ แล้วท่านก็ยกตัวอย่างนิทานเรื่อง "ลิงรดน้ำต้นไม้"ให้ฟ้งครับ


ยังมีอีกหลายคำถาม เกี่ยวกับมิติและภพภูมิ ของมนุษย์ต่างดาว เทพเทวดา พระศรีอารย์ และเรื่องของพระเจ้า..ท่านก็ไม่ปฎิเสธความมีอยู่ของต้นกำเนิดของจิตวิญญาณ ท่านก็ตอบให้เราฟังมากมาย แต่บอกว่ารู้ไปก็เท่านั้น สู้ทำจิตเราให้บริสุทธิ์ดีกว่า..

 

ได้คุยกับพี่เปี้ยก ตั้งใจอีกแล้วว่า อยากไป แต่แล้ว เมื่อ 10 นาทีสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
เจ้านายนัด Meeting โบว์พรุ่งนี้มาทำงานน่ะ วันวิสาขก็ยังไม่เว้น เราเลยอดตามเคย
เหอๆ ชีวิตนี้ช่างรันทด พลาดไป 2 งานแล้ว ....
ยังไงก็ต้องขอโมทนาสาธุกับพี่ๆ เพื่อนทุกทนที่ได้ร่วมทำบุญด้วยกันน่ะคะ
ขอพระคุ้มครองๆ พี่ๆ ทุกคนคะ

 

ปู่มีเสียงการสนทนาระหว่างหลวงปู่เครา กับกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติมาให้ฟังด้วย หากสนใจลองฟังดูนะว่าปู่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติยังไง

 

มาเล่าบ้าง กลับก่อนเล่าก่อนครับ

หลังเสร็จจากพบหลวงปู่เครา พวกเราเดินทางสู่วัดถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นเขาลูกนึงแล้ว แต่ก็ไม่ย่อท้อ เดินขึ้นภูเขาสู่วัดถ้ำวัวแดงอีกครั้ง ถึงที่หมายเวลา 5ทุ่ม พิชิตอาหารกันอีกรอบ ก่อนไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัว เนื่องจากภายในถ้ำผู้มาปฏิบัติธรรมหลับกันหมดแล้ว และคุณคณานันท์แจ้งว่ามีพระกำลังสวดมนต์อยู่ เราต้องใช้ความเงียบอย่างมากในการเข้าไปนอนในถ้ำ ทำให้ต้องแยกบางส่วนนอนที่ศาลา เนื่องจากไม่ต้องการรบกวนผู้มาปฏิบัติธรรมท่านอื่น

เมื่อขึ้นถึงถ้ำแต่ละคนหาทำเลเหมาะสำหรับการนอน ส่วนใหญ่จะนอนที่ด้านหน้าพระพุทธรูป ในถ้ำส่วนนอก ผมและอีก 3 ท่าน เข้าไปหาที่นอนด้านในลึกเข้าไปอีก โดยคิดว่ายิ่งลึกยิ่งขลัง และอาจได้พบพญานาคบ้าง จากนั้นนอนหลับทำสมาธิจนหลับ ได้ยินเสียงบ้างเป็นระยะแต่ไม่ได้สนใจ ไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เมื่อตื่นเช้าทราบว่า คนอื่นที่นอนด้านนอกได้พบหลวงปู่เทพโลกอุดร ขณะที่ผมนอกจากจะไม่ได้พบพญานาคแล้ว ยังไม่ได้พบหลวงปู่เทพโลกอุดรอีก แต่ก็ไม่ได้เสียใจคิดว่าเป็นเรื่องธรรมจัดสรรจริงๆ ... เอาไว้ให้ท่านที่พบหลวงปู่มาเล่าต่อนะครับ

 

พบพระธุดงค์

ตอนเช้าหลังจากเข้าไปดูถ้ำน้ำแล้วกลับลงมาคุณกิ๊ก มาบอกว่ามีพระธุดงค์ 2 รูปเพิ่งลงมาจากถ้ำบนเขา ให้รีบนำน้ำ และกาแฟไปถวาย เมื่อถวายท่านแล้ว มีพระรูปหนึ่งท่านถามผมว่ามาจากที่ไหนกัน มากันกี่คน เมื่อทราบว่าพวกเรามากันจากวัดท่าซุงท่านก็ดีใจ บอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีเหมือนกัน คุยกันง่าย ท่านธุดงค์มา 2 ปีก่อนบวช เพิ่งมาบวชได้ 1 พรรษา แต่ธุดงค์ตลอด ท่านบอกเราพบทางตรงแล้ว เมื่อพบแล้วอย่าถอยหลัง ให้เร่งปฎิบัติ เพราะโลกนี้แปรปรวนแล้ว ใกล้หมดเวลาแล้ว (แม้ว่าผมจะไปกับกลุ่มภัยพิบัติแต่ไม่ได้ถามท่านสักนิดท่านสงเคราะห์บอกมาเอง) จึงเรียนถามท่านว่าอีกนานไหมครับจะเกิดเหตุ ท่านตอบว่า "ครึ่งปี ตอนนี้ถึงกาลเปลี่ยนยุคแล้ว" ให้เร่งรัดการปฏิบัติให้เร็วที่สุด ... หลังจากนั้นท่านถามผมว่าอายุเท่าไร ผมก็บอกท่านไป ท่านก็บอกว่าเกิดปีเดียวกัน เกิดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ จากนั้นได้สอบถามท่านเรื่องการปฏิบัติ ท่านว่าเราชอบแบบไหนก็ปฏิบัติอย่างนั้นให้ถึงที่สุด และท่านก็แนะนำเรื่องกสิน ผมได้บอกท่านไปว่ายังไม่ทราบเลยว่าตนเองจะเหมาะกับกองไหน ท่านแนะนำว่าไม่ยากเลย ให้อฐิษฐานเอา แล้วเริ่มทีละกอง กองไหนเคยทำมาแล้วจะได้ง่ายมาก ... หลังจากนั้นท่านบอกว่าจะมาที่กรุงเทพฯเพื่อสงเคราะห์โยม และจะขึ้นไปธุดงค์ทางเหนือ แล้วท่านว่า แล้วค่อยพบกันใหม่

จากนั้นท่านได้ติดรถโยมกลุ่มหนึ่งเข้ากรุงเทพฯเช้าวันนั้น ต้องขอขอบคุณ คุณกิ๊ก เป็นอย่างสูง ที่แนะนำให้ได้คุยกับหลวงพี่ครับ

 

เอ่อคือ..สงสัยครับ ว่า"ปู่ชอบเรียน"เป็นท่านไหนคับ?
ไม่ทราบจริงๆว่ามากับพวกเราด้วย
ถามพวกเราแล้ว แต่ไม่มีใครรู้เลยคับ
ที่รู้วันนั้น มีคุณ Falkmam กับพี่อ๊อด ที่อัดเสียงท่านไว้
แล้วคุณปู่ล่ะนั่งอยู่ตรงไหนคับ..
หรือว่าเป็นหลวงปู่ตัวจริงล่ะนี่.. อิอิ

 

โมทนาสาธุครับคุณพุทธโกมุท
ตอนนี้ได้ข่าวหัวหน้ากลุ่มไม่ค่อยสบายครับ
เพราะไปพิชิตหลายเขาหลายลูก รวม"เขากะลา"ขากลับด้วย
คุ้มค่าจริงๆครับทริปนี้ หลายคนกลับดึก - บางคนถึงเช้าวันจันทร์เลย
พักผ่อนให้เต็มที่กันก่อนครับ แล้วมาเล่าให้ฟังกันต่อครับ

 

ถึงว่าทำไมเงียบ

อ๋อที่แท้ก็ยังสลบกันอยู่นี่เอง รออ่านอยู่ทั้งวันเลย ไม่เป็นไรคะ รอไหว ทุกคนกลับมาปลอดภัยก็ดีแล้วละคะ..ฟื้นแล้วอย่าลืมมาบรรยายกันให้เต็มที่เลยนะคะ..

 

ขอให้หัวหน้ากลุ่มหายจากอาการป่วย โดยเร็ววันนะครับ
ตลอดจนทุกท่านด้วย
ใจทุกคนหนะสู้ แต่ต้องระวังรักษากายไว้ด้วยนะครับ
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน

ขุนศึก ย่อมมีเกราะกำบังกายฉันใด
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัย ก็ย่อมต้องมีสุขภาพกายที่แข็งแรง ฉันนั้น

ทริป ที่ผ่านมาล่าสุด เปรียบเหมือนการไปเยือนแหล่งขุมพลัง
ที่สามารถช่วยผ่อนวิกฤตหนัก ให้เป็นเบาได้
แต่ก็ไม่ได้ง่ายนัก เพราะกระแสลบ ต่อต้านก็มีมาก
ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนวิตกเกี่ยวกับ เรื่องร้ายแรง
ในบ้านเมืองเรา ก็สามารผ่านพ้นมาได้ช่วงหนึ่ง
ทั้งนี้พวกเรามีส่วนช่วยได้มาก

สถานการณ์ช่วงต่อไป จะเป็นอย่างไร ต้องดูกันไปเป็นช่วงๆ
ทุกอย่างแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
เมื่อข้างบนท่านไม่ได้อยู่นิ่ง ได้กำลังเสริมจากข้างล่าง
เหตุการณ์ก็ทุเลาเบาบาง...แต่ประมาทไม่ได้..

 

ภาพแผนที่ประเทศไทยด้านบนที่ Falkman มาโพสไว้
ได้มาจากลูกศิษย์ของหลวงปู่เคราครับ
ที่วงเอาไว้ หลวงปู่บอกว่าเป็นพื้นที่ที่จะประสบภัยพิบัติหนักมาก
คือภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลางบางส่วน
พื้นที่ไม่ได้วงก็โดนเหมือนกันแต่คงดีกว่าเล็กน้อยเท่านั้นครับ
รู้ไว้ใช่ว่า...ใส่บ่าแบกหาม

 

ไปทริปนี้ สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าพิเศษกว่าทริปอื่นๆที่ผ่านมาครับ ผมกลับมาถึงบ้านประมาณ 6 ทุ่มครับ ท่านกลางสายฝนตกหนักมาตลอดทาง


1. ที่วัดท่าซุงก็ได้ทำบุญ สังฆทาน บริจาคเลือด สะเดาะเคราะห์ และร่วมถวายแผ่นป้ายคาถาเงินล้านกับพี่ๆน้องๆกลุ่มพลังจิตฯ

2. ได้รับคำชี้แนะจากท่านพี่คลิ๊ก เรื่องปัญหาการปฏิบัติธรรมของผม เพิ่งรู้ว่าเล่ห์เหลี่ยมของพวกเจ้ากรรมนายเวรนี่..ร้ายนัก!! ทำเอาเราตื้อๆ งงๆ มาเป็นปีแล้ว

3.การไปพบหลวงปู่เครา ในส่วนของผมก็ได้ยิงคำถามสำคัญๆ ที่ตัวเองยังคาใจอยู่ ไปหลายคำถาม และท่านก็มีเมตตาตอบได้แจ่มแจ้งดีครับ เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟังในรายละเอียดนะครับ

4.ส่วนที่ถ้ำวัวแดง ถึงแม้จิตจะยังหยาบอยู่ สัมผัสความเป็นทิพย์อะไรไม่ได้เลย แต่ก็ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์สำคัญๆหลายอย่าง เช่น
- คุณพี่คลิ๊ก พอไปถึงท่านก็ได้เมตตาปลดปล่อยวิญญาณทั้งหลายที่ติดอยู่ในเขาลูกนั้น เป็นแสนเป็นล้านดวงวิญญาน ทีแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าพี่แกทำอะไร เห็นทำท่านเหมือนนั่งยกอะไรบางอย่าง แต่พี่ท่านมาเฉลย + คุณกิ๊กเล่าเสริมให้ฟังในภายหลังว่าท่านยกภูเขาขึ้น จากนั้นหลวงปู่ก็รับไป (เดี๋ยวรอคุณกิ๊กมาเล่าในรายละเอียดนะครับ)

- ได้อยู่ในเหตุการณ์ประลองกำลังภายในกันระหว่างผู้ทรงฌาน 2 ท่าน คือคุณพี่คลิ๊กของเรา กับคุณบุญลือ ซึ่งเป็นตาปะขาวที่เพิ่งมาถึงถ้ำเพียงวันเดียว แต่ตอนที่เราไปถึงนั้นเขานั่งสมาธิอยู่หน้าพระหันหลังให้พวกเราอยู่
นัยว่าคนๆนี้มีพระอภิญญาคุมร่างอยู่ถึง 2 องค์ คุณกิ๊กและคุณคณานันท์ผู้มีตาดีกว่าผมเล่าว่าตอนแรกๆที่มองไป เห็นเป็นพระนั่งอยู่ แต่พอดูไปดูมาก็ถึงเห็นเป็นคนใส่ชุดขาว
ส่วนรายละเอียดการประลองกำลังภายใน การลองภูมิจิต ภูมิธรรมกัน นี่ ต้องรอท่านอื่น เช่น คุณกิ๊กซึ่งส่งจิตตามดูอยู่นี่ มาเล่าให้ฟังนะครับ
- ยังมีอีกนะ เดี๋ยวคงมีคนมาเล่าเสริมเรื่อยๆครับ
- เออ..ใครคือคุณปู่ชอบเรียนครับ ผมเองก็งง เพราะนอกจากพวกเราแล้วก็ไม่มีใครไปด้วยแล้วนี่ครับ ส่วนคนที่บันทึกเสียงไว้อีกคนหนึ่งคือน้องเช้าใหม่ครับ
เอ..คุณปู่ชอบเรียนนี่ หรือว่าจะเป็นน้องนุ๊กปลอมตัวมาหรือเปล่า หรือว่าเป็นภรรยาหรือไม่ก็น้องสาวของภรรยาของคุณพุทธโกมุท หรือไม่ก็เป็นลูกสาวของคุณพุทธโกมุท..แหะๆอันหลังนี่ไม่น่าใช่นะ เพราะเพิ่ง 6 ขวบกับ 4 ขวบเองหงะ..

 

ต่ออีกนิดนะครับ

คงจำกันได้นะครับ ตอนที่ไปกราบหลวงปู่เครา มีตอนหนึ่งที่ท่านพูดถึงอดีตนายกว่า เคยเกิดเป็นชาวเขมรมาก่อน เป็นลูกหรือหลานของพระยาระแวกนี่แหละ ที่ถูกใครนะตัดหัวเอาเลือดล้างเท้า

พอมาที่ถ้ำวัวแดง.. หลังจากท่านพี่คลิ๊กกับคุญบุญลือได้ประลองวิชากันแล้ว ท่านก็แทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคู่ เห็นบอกว่าคุยกันถึงตี 3
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณบุญลือเข้ามานั่งในถ้ำ บริเวณใกล้กับที่ผมนอนอยู่
เขาก็ท่องกลอนอะไรสักอย่างขึ้นมา..
..แต่ที่ผมสะดุดใจก็เพราะมี "พระยาระแวก" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้วครับ
แกว่า..

"พ่อกูชื่อ..ภูมิพลมหาราช
เคยเอาเลือดล้างประวัติศาสตร์..ยังจารึกไว้
ไอ้หลานพระยาระแวก..ที่มันแหกรั้วเข้าใน
เหยียดหยามน้ำใจ..พ่อกู

ขวานทองทั้งสิ้น..นี่มันถิ่นพ่อกู
จะให้ขุดเหวขุดรู..หนีไปอยู่ที่ใด
ไม่ยอมหนีหน้า..ถิ่นนี้ถิ่นของกู
ไม่เชื่อพี่น้องคอยดู..เราขอสู้ให้โลกบูชา"

ตอนเช้ามา พอผมถามว่าหลานพระยาระแวกนี่หมายถึงใคร ดูท่าทางพี่แกจะอึกๆอักๆ
ไม่ค่อยกล้าบอกอะไร แล้วแกก็ย้อนถามผมว่าเป็นักศึกษาหรือเปล่า
ผมก็ตอบว่าไม่ใช่ จบมานานแล้ว แต่มาที่นี่เพื่อมาสำรวจสถานที่หลบภัย
เผื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอะไรแบบนั้น
แก็ท่าทางจะรู้เรื่องภัยพิบัติมาก่อนพอดูทีเดียว ดูแกเออออห่อหมกไปด้วยดีทีเดียว
แกก็เลยรับอาสาช่วยเอาเมล็ดพันธุ์ของผมที่ผมปลูกไม่หมด (เพราะมีเวลาน้อย) ไปปลูกต่อให้ครับ

 

ใส่ถ่าน Hi-Power

สงสัยใส่ถ่าน Hi-Power แหงๆครับ (b-oneeye)