ใครปฏิบัติธรรมด้วยวิธีสุกขวิปัสสโกบ้างครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย romanof3, 23 มีนาคม 2012.

  1. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    อยากทราบว่า มีใครบ้างครับที่ปฏิบัติธรรมด้วยวิธีนี้บ้างครับ
    ซึ่งผมก็บปฏิบัติอยู่ อยากหาคนสนทนา ครับจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน และเป็นสหธรรมิกกันครับผม

    -------------------------------------------------
    ขอย้ำครับว่า ด้วยวิธีสุกขวิปัสสโกเท่านั้น แบบอภิญญาหรือ แนวทางศาสนาอื่นถ้าตอบกระทู้ ผมกลัวจะคุยด้วยไม่รู้เรื่องครับ ด้วยความเคารพครับ
     
  2. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +1,072
    - ผมเองก็เคยปฏิบัติแนวนี้เมื่อสมัยบวชเป็นพระ

    - เมื่อสึกออกมาแล้วก็ด้วยศรัทธาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    - ก็ไปฝึกมโนยิทธิ ถ้าจะพูดกันตามตรงคือปฏิบัติแนวสุขวิปัสโกแล้วมาฝึกมโนยิทธิแล้ว
    สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เรามั่นใจในการปฏิบัติมากขึ้นนะครับ

    - อันนี้ไม่ได้มาโน้มน้าวให้คุณมาฝึกมโนยิทธินะครับ

    - แต่รู้สึกดีใจที่ได้สนทนากับผู้ใฝ่ในการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์เหมือนกัน
     
  3. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    โมทนาสาธุครับ ผมมีเพื่อนหนึ่งคนแล้ว
    ผมไม่ได้ฝึกมโนมยิทธิแบบจิงจังครับ แต่ปฏิบัติตาม ข้อศีลและวิธีพิจารณาตามที่หลวงพ่อท่านเทศน์ไว้ครับผม ประกอบกับสมาธิผมไม่ค่อยเก่งคับทำให้ผมชอบพิจาณาวิปัสนามากกว่าสมถะคับ ณ. ตอนนี้กำลังใจที่จะจบในชาตินี้ มีสูงมากคับ ผมปฏิบัติรักษาศีล 8 มาประมาณ 4 ปีแล้วครับ เพิ่งเข้ามาในบอร์ดพลังจิต เหนหลายกระทู้ เเล้วเหนื่อยใจคับเพราะ ผมเองก็ไม่มีความรู้ด้านสมาธิมากนัก เลยอยากหาเพื่อนที่พิจารณาแบบสุกขวิปัสสโก จิงๆ ไม่ใช่ศึกษาไปเรื่อยๆ มากมายแต่ยังปฏิบัติไม่ถึงไหน ศีลก็ไม่มี ผมเลยตั้งกระทู้ว่า แบบสุกขวิปัสสโกคือ สบายๆไม่โลดโผนแต่จิงจังในการจบชาตินี้ครับ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน
     
  4. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +1,072
    - รักษาศีล ๘ มา ๔ ปี ต้องขออนุโมทนาด้วยครับ

    - ที่คุณ romanof3 กล่าวว่าศึกษาไปเรื่อย ๆ แต่ปฏิบัติไปไม่ถึงไหน ผมโดนกับตัวเองมา
    เลยครับ ทั้งนี้เพราะตอนผมบวชแล้วสึกมาใหม่ ๆ ผมปฏิบัติแบบคนโง่ตามที่ครูอาจารย์
    สอนมาทุกอย่าง กำลังใจเดินหน้าดีมาก

    - หลัง ๆ อ่านหนังสือมากไป มานะเลยเกิด การปฏิบัติแม้จะเท่าเดิมแต่กำลังใจตกต่ำครับ
    และเหมือนกับย่ำอยู่กับที่มาเป็นเวลาหลายปี ด้วย

    - ถือเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตเลยครับ
     
  5. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    วิธีสุกขวิปัสสโกมันเป็นแบบไหนครับ ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยครับแบบว่าไม่รู้จริงๆครับ ผมเองก็ชอบใฝ่หาความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาครับ ยินดีที่ได้ร่วมสนทนาครับ
     
  6. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    ท่านเพื่อน บารมี 10 ครับ สี่ปีที่ รักษาศีล นั้นย่อมมีการทดสอบกำลังใจจากบุคคลต่างๆ หรืออารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในใจของผม ซึ่งผมก็เปนคนสมาธิไม่เก่ง ไม่มีความชำนาญพอที่จะกดข่มอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้ ทั้งความโกรธ และกามราคะ ซึ่งพิจารณาแล้วเราเสพกามมานานและเกือบทุกชาติ การล้างกามออกจากใจนั้น ไม่ใช่ของง่ายเปนธรรมดา ถ้าง่ายเราคงไม่กลับมาเกิดเปนเราในตอนนี้หรอก กำลังใจสำคัญที่สุดครับ หลวงพ่อท่านว่าไว้ว่า ขั้นตอนแรกคือ การมุ่งเรื่องศีลครับ รักษาศีล รักให้เปนปกติจนศีลรักษาเรา คือมีความเข้าใจในศีล ว่า รักษาไปทำไม รักษาเพื่ออะไร ถ้าเรารักรักษาศีลแบบ ตามๆเขามาเอาความเทห์ เข้าว่า หรือ เอาใจครูบาอาจารย์ ก้อจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เป็นศีลพตปรามาส คือ รักษาศีลแบบลูบๆคลำๆ ไม่จริงจัง ตรงนี้เองคับ ที่สร้างกำลังใจ ให้เราก้าวต่อไป เมื่อมีศีลมั่นคงดีแล้วคือ รู้คำตอบว่าเราตั้งใจรักษาเพื่ออะไร แล้ว การทดสอบต่างๆ อารมณ์ ใจต่างๆ ก็ยังเกิดเช่นเดิมครับ แต่เรามีกำลังใจที่จะก้าวต่อไปครับ คือ เรารู้แล้วว่าประโยชน์ที่จะได้นั้นมากกว่า ความสุขจากการเสวยอารมณ์กาม และ กิเลศต่างๆที่ยั่วให้ผิดศีล เราจึงไม่ทำผิดศีลด้วยชีวิตเพราะเห็นทุกข์และโทษ ถึงการผิดศีล และประโยชน์ของการรักษาศีล ตรงนี้เองครับคือการเข้าใจโดยใช้ปัญญา ผลคือเรามีความมั่นคงต่อศีล เพราะพิจารณาเห็นประโยชน์ นั่นเอง วิธีนี้ละเรียกว่าสุกขวิปัสสโก ไม่เน้นการใช้สมาธิ แต่ใช้ปัญญาพิจารณา การที่เราพิจารณารักษาศีลให้ได้กับชีวิตประจำวันนั้น คือ มีความระลึกว่าเราจะพยายามรักษาศีลให้ดีที่สุด ( ตรงนี้ละได้ทั้งสมาธิและสติอัตโนมัติ แบบสุกขวิปัสสโก ) เมื่อแรกเริ่มอาจมีความพลั้งเผลอ เพราะเรามีความเคยชินในการทำผิดศีลอยู่แล้ว วิธีของผมคือ สมาทานศีลทุกวันก่อนนอน เมื่อการทวนพิจารณาว่าเราทำผิดศีลอะไรบ้างใน 1 วัน แต่กำลังใจเราสู้ครับ ไม่เป็นไร เอาใหม่สมาทานใหม่ ทุกวัน จนในที่สุดเราก็จะระวังรักษาศีลแบบอัตตโนมัติ ในชีวิตประจำวันแบบไม่รู้ตัว ( ได้ทั้งสติ และสมาธิ ตลอดเวลาที่เรารักษาศีลอยู่นั้นเอง แต่ไม่ได้ลึกเข้าไปถึงระดับสมาธิละเอียดครับ ) ธรรมมะการปฏิบัติข้อใด วิธีไหนก็ตาม ค่อยทำต่อ ค่อยพิจารณาต่อ เอาพื้นฐานคือศีล เป็นลำดับแรกก่อน ถ้ามั่นคงแล้ว ย่อมพิจารณาละกิเลศ เห็นกิเลศได้ง่ายขึ้นครับ ต่างจากคนที่อ่านหนังสืออ่านธรรมมะเยอะนะครับ รู้ทุกวิธี รู้ธรรมต่างๆ ตอบธรรมต่างๆ แต่ตัวเองไม่มีศีล คำตอบก็ยังเป็นคำตอบอ้างอิงกับตัวหนังสือ หรือครูบาอารย์ ความเข้าใจหรือคำว่า ปัจจัตตัง ยังไม่มี ถึงมีก็เข้าใจประเดี๋ยวประด่าว เพราะอะไรเพราะเข้าใจแล้วก็กลับไปเสพกาม กลับไปทำผิดศีลต่อ แล้วความรู้ที่ได้ยินได้ฟังมามันก็หายไป ไม่ก้าวหน้า เพราะไม่มีศีลเป็นพื้นฐาน กำลังในการปฏิบัติจากศีล มันไม่มี รู้มากมายแต่ไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ก้าวหน้าครับ ดังนั้นจากประสบการณ์ของผม ก้าวแรกของการปฏิบัติ คือ ศีล ทำความรู้ ให้เข้าใจคำว่าศีลครับ เป็นเบื้องต้นเลย
     
  7. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    ผมใช้การเจริญสติเริ่มจาก คิดแล้วรู้ อยู่ตลอดทั้งวันให้ได้มากที่สุดนั่งสมาธิก็นั่งรู้ความคิด (นั่งแบบให้ใจสงบไม่ได้เพราะเป็นคนคิดมาก)ทำได้เดือนหนึ่งก็รู้สติจริงๆว่าเป็นอย่างไร แล้วก็ฝึกสติ รู้ ทั้งกายและใจ ทำมา3ปีแล้วไม่มีวันใหนที่เลิกทำสักวัน
    (แบบนี้จะเรียกว่าสุกขวิปัสสโกหรือเปล่าครับ)คุณ รักษาศีล ๘ มา ๔ ปี เก่งมากเลยครับ
    ผมบังคับใจตัวเองไม่ได้ ทำได้ศีล ๕ ก็บุญแล้ว:cool::cool::cool:
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .......... เจริญสติ สามารถ ทำให้เกิด ศิล สมาธิ...:cool:
     
  9. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    โมทนา สาธุท่าน thepkere

    วิธีท่านถูกต้องแล้วครับ หากท่านเจริญสติในเรื่องศีล คือ ควบคุมดูแลศีล มาในชีวิตประจำวัน และสามารถตอบตัวเองได้ว่า วันนี้ทำผิดศีล หรือยัง ถ้าตอบว่ายัง ก็ต้องลองทำใหม่ จนเรามั้นใจว่า ศีลเราบริสุทธิ์ ทุกลมหายใจ นั้นละครับท่านจะไม่ต้องมัวมาระวังศีลแล้วแต่ เปนการดำเนินชีวิตประจำวันโดยมีศีล เป็นอารมณ์ทุกขณะลมหายใจ อันนี้ละครับ คือการเจริญสติและศีล ควบคู่กันไปแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลในเรื่องสติ หรือการผิดศีลอีกต่อไป เพราะมันเป็นปกติอยู่แล้วในชีวิตเรา

    ดังนั้น การเจริญสติในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องพิจารณาทุกอิริยาบถ( ยืน เดิน นั่ง นอน )หรอกครับ พิจารณาเรื่องศีล เรื่องเดียว เจริญสติเรื่องศีลเรื่องเดียว ได้ผลลัพธ์ลับมากกว่าครับ คือได้ทั้งสติ และได้ทั้งศีล 2 in 1 เลยทีเดียวครับ
     
  10. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ผมเน้นรักษาใจครับเรื่องฤธิ์นั้นมันเป็นของไม่เที่ยงไม่ประมารถท่านผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายนะครับแต่ผมเห็นว่ามันไม่เที่ยงอีกทั้งยังทำให้เราเดินอ้อมต่อการเดินทางสู่ทางพ้นทุกดีใจที่เจอคอเดียวกันครับ รักษาใจ ส่วนตัวผมนั้น ไม่คิดเพ่งโทษผู้ใด ไม่คิดเบียดเบียนผุ้ได ไม่คิดแค้นผู้ใด แต่ก็มีบางครั้งที่ยังโมโห และหงุดหงิด แต่พอรู้ว่าหงุดหงิดก็ปล่อยไปบอกตัวเองว่ากำลังหงุดหงิดและโมโหก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของหงุดหงิดและโมโหไปส่วนเราก็อยู่กับความรู้ในอารมณ์ไปเรื่อยๆเพราะอารมณ์ของเรานี้มันเปลี่ยนไปตลอดเวลาถ้าไปติดหรือจับมันก็เป็นทุกข์แก่เราเปล่าๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมยังติดมันเป็นอย่างมากนั่นคือกาม และความรักใคร่ในตัวบุคคลที่เราชอบและพอใจอยากได้เขามาเป็นของๆเรากำลังพยายามตัดอยู่ครับจะแวะเข้ามาบ่อยๆนะครับหากระทู้แบบนี้ยากส่วนมากเขาจะเน้นอภิญญากันถ้ามีอะไรที่ผมสงสัยหรืออยากจะแชรืประสบการณ์จะมาเล่้าให้ฟังนะครับ
     
  11. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    หมวดนี้เน้นปัญญา ใช้ปัญญาศึกษาในขันธ์ 5 อย่างแจ่มแจ้งจนเบื่อการเกิด
    ไม่เหมือนหมวดอื่นที่ได้บุพเพนิวาสานุสติญาณย้อนกลับไปดูจนเบื่อหน่ายได้
     
  12. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    ขอบคุณ ท่าน wechza bluebaby2 ครับ

    ถูกต้องแล้วครับ เน้นการพิจารณาให้เห็นตามความจริง ไม่เ้น้น ฤทธิ์ อภิญญา แต่เอาความจริงมาวิเคราะห์จนเกิดปัญญาครับ
     
  13. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    ผมอยากได้อภิญญาแต่ทำสมาธิได้ไม่เก่งเลยเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้จริงๆ
    ธรรมะพระพุทธเจ้ามีมากมาย ท่านบอกว่าธรรมะของท่านบทเีดียวก็ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ผมจึงเลือกสัมมาสติ เหมือนผมชอบเสื้อตัวหนึ่งสวยมากอยากได้ลองใส่ดูแล้วมันคับอึดอัด เลยเรียกเอาตัวที่พอดีกับเราใส่แล้วรู้สึกว่าสบาย (หรือใครเขาจะลดหุ่นเื่พื่อเสื้อตัวที่ชอบได้ผมว่าเขาเก่งนะครับที่เขาทำได้):'(
     
  14. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    สาธุครับผม สัมมาสติ ดีแล้วครับการมีสติระลึกชอบ ถ้าเพิ่มการรักษาศีลเข้ามาจะทำให้เป็นการเพิ่ม

    สัมมาทิฏฐิ ปัญญาอันเห็นชอบ คือ เห็นว่าศีลความดีงามมีคุณมากมีประโยชน์จึงรักษา
    - สัมมาสังกัปโป ความดำริชอบ ไม่คิดเบียดเบียนจากการรักษาศีล
    - สัมมาวาจา วาจาชอบ ( ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ) ศีลขัอ 4 นั่นเอง
    - สัมมากัมมันโต การงานชอบ กรอบศีลจะทำให้งานที่กระทำไม่ผิดต่อธรรม
    - สัมมาอาชีโว การเลี้ยงชีวิตชอบ หากินโดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ไม่ผิดประเพณี
    - สัมมาวายาโม ความเพียรชอบ เพียรละชั่ว คือเพียรรักษาศีลเพราะไม่ต้องการเป็นคนชั่ว
    - สัมมาสติ การระลึกชอบ ระลึกในองค์ศีลว่าเป็นความดีงามเห็นคุณของศีล และโทษของการไม่มีศีล
    - สัมมาสมาธิ เมื่อมีสติในการรักษาแล้ว จะมีสมาธิเป็นของคู่กันอัตโนมัติ สมาธิเกิดจากในการดำเนินชีวิตโดยไม่ผิดศีลนั่นเองครับ


    วิธีนี้เองเปนอุบายปฏิบัติตามหลัก มรรค 8 แบบสุกขวิปัสสโก ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า มรรค 8 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ตามความเข้าใจของคนอ่านก็จะตีความแยกเป็นข้อๆว่า 3 ข้อนี้ คือ ศีล ข้อนี้คือ สมาธิ ข้อนี้คือปัญญา แต่ความจริงแล้วสำหรับผู้ปฏิบัติ และจากประสบการณ์ผมเอง กลับพบว่า ทั้ง 8 ข้อคือตัวศีล เมื่อปฏิบัติจนเป็นปกติสุขแล้ว หรือ อธิศีล( ศีลบริสุทธิ์ ) ตัวสมาธิ จะเกิดตาม และ ปัญญาจะเกิดตามมาเองอัตโนมัติ เหตุเพราะใจ ฝึกที่จะไม่เบียดเบียน ใจฝึกที่จะรักษาความดี ใจฝึกที่จะละการกระทำชั่ว มาจนเป็นปกติ คือ ศีลบริสุทธิ์ แล้ว จึงเกิดการวิวัฒน์ของตัวความรู้ เทียบเคียงผลที่ปฏิบัติกับจนเป็นความมั่นใจในความรู้แล้วน้อมมาสู้การพิจารณาสู่ใจตน คือ กระบวนการของปัญญา เป็นอัตโนมัติ แต่จะเป็นตัวผลจากการฝึกใจมาแล้ว คือ รักษาศีลจนเป็นปกติสุขนั้นเอง ถ้าไม่มีการรักษาศีล การเจริญปัญญาจะไม่เป็นระบบและไม่พัฒนาให้เท่าทันกิเลสในการปฏิบัติครับ
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .............ลองนั่งสมาธิบ้างสิครับ(ทำบ่อยบ่อย)แล้วลองเปรียบเทียบ เวทนา (สุข ทุกข์ อุเบกขา)...ความตั้งมั่นของจิต....กับที่ไม่ได้ทำสมาธิ:cool:
     
  16. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    ขอบคุณครับท่าน paetrix

    อย่างที่กล่าวตั้งกระทู้ คับ ผมไม่เก่งสมาธิ ดังนั้นการนั่งของผมจึงไม่สามารถทนได้นานครับ แต่ผมก็จะเปรียบเทียบตัวผลนะครับ

    การภาวนามี 2 ประเภทคือ 1. สมะถะภาวนา 2. วิปัสนาภาวนา

    สมะถะภาวนา ใช้สมาธิอบรมปัญญา คือ เกิดสมาธิก่อน จิตสงบนิ่งก่อน แล้วจึงใช้ปัญญาพิจารณา ( เช่น พิจารณาทุกข์โทษขันธ์ 5 เป็นต้น

    วิปัสสนาภาวนา ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ คือ ตั้งองค์ธรรมขึ้นมา เป็นหัวข้อแล้วพิจารณาจนจิตจับอารมณ์เดียว คือพิจรณาองค์ธรรมนั้นหัวข้อเดียวไม่มีอารมณ์อื่นใดมาแทรก หมายความว่า ใช้ปัญญา จนเกิดเป็นสมาธินั้นเอง

    ซึ่งตามแต่วาสนาสันดาน ของคนที่ปฎบัติมาครับ ว่ามีทุนวิธีในด้านใดมาก่อนในอดีต แล้วก็มาต่อ ยอด ในจบในชาตินี้ ซึ่งผมได้ลองเทียบเคียงกับผู้ปฏิบัติท่านอื่น และครูบาอาจารย์แล้วท่านก็บอกว่า ผลก็เหมือนกัน คือ เกิดเป็นองค์ฌาณ เกิด ปิติ สุข ไปสุดจนเหลือเอกกัคคัตตา อารมณ์เดียวเหมือนกัน

    ดังนั้นผลคือ ได้สมาธิเหมือนกัน แต่การเดินทาง คนละวิธีเท่านั้นเองครับ
     
  17. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    วิธีสุกขวิปัสสโก นั้นใช้สมาธิพอสมควรไม่ได้เก่งถึงมีฤทธิ์ หรือทรงฤทธิ์ทางจิต แต่อาศัยกำลังของศีลเป็นตัวตั้งมั่นแห่งจิต แทน ครับ กล่าวคือ รักษาศีลจนเปนอธิศีล ประเภทยอมตายดีกว่าผิดศีล เพราะเห็นถึงประโยชน์ที่มีมากกว่าการผิดศีลนั้นเองครับ

    เมื่อมีศีลเปนที่ตั้งมั้น การระทำต่างๆ ที่ละเมิดข้อห้ามจะไม่กระทำ เมื่อไม่กระทำ จิตจึงไม่คิดที่จะกระทำเพราะ ถึงคิด คิดได้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันผิดศีล เมื่อจิตคิดได้แต่กระทำไม่ได้ รักษาเรื่อยไปจนเป็นปกติสุขแล้ว จิตจะไม่มีการคิดในเรื่องการกระทำผืดศีลเลย เมื่อจิตไม่มีการคิดปรุงแต่งไปในทางอกุศล ( ตามข้อห้ามของศีล ) จิตก็จะสงบ สบายสุข เพราะไม่เกิดการกระทบของอารมณ์ฝ่ายอกุศลในจิตเอง ดังนั้นผู้ที่มีศีล ย่อมอยู่เปนสุขอยู่ทุกเมื่อ ทุกลมหายใจ เปนที่รักใครของบุคคลอื่น เพราะไม่กระทบคนอื่น และไม่กระทบใจตนเองครับ

    สุกขวิปัสสโก นั้น อาศัยความตั้งมั่นของศีลเป็นที่ตั้งมั่นของจิต ความสุขที่ได้
    คล้ายๆ กับ ความสุขที่คุณ paetrix ใช้สมาธิ เปนตัวตั้งมั่นแห่งจิตนั้นเองครับ แนวทางคนละทางแต่ผลที่เกิด ไปสู่ที่เดียวกันครับ
     
  18. อิธิบาท

    อิธิบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2009
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +309
    พิจารณาตัวเองแล้วคงเป็นสุขวิัปัสโก เช่นกัน พยายามมีสติให้ได้ตลอด
    แล้วก็สมาทานศีลทุกวัน
     
  19. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เข้าใจผิดแล้วที่ว่าสายสุขวิปัสสโกไม่เน้นการใช้สมาธิ ทุกสายต้องเน้นสมาธิเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าเมื่อมีสมาธิ จะให้สมาธินั้นเป็นพลังในการไปตัดกิเลสโดยตรง หรือให้สามารถทั้งตัดกิเลสได้ และมีฤทธิ์มีเดชด้วย จุดแยกอยู่ตรงนั้น

    แล้วก็ไม่ใช่ว่าสายวิปัสสโกจะไม่มีฤทธิ์ เมื่อจิตกับกายรวมเป็นหนึ่ง หรือจะพูดให้ถูก เมื่อจิตกับลมหายใจรวมเป็นหนึ่ง จะให้แสดงฤทธิ์หรือไม่ก็ได้

    เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจว่าสายวิปัสสโกไม่ใช้สมาธิ เอาแต่ใช้ปัญญาพิจารณาอย่างเดียว อย่างนั้นเค้าไม่เรียกว่า ....นักปฏิบัติ...แต่เค้าเรียกวานักเรียน

    และจะบอกอะไรให้ว่า สายวิปัสสโกที่โดดเด่นที่สุดในปัจจุบัน ก็คือสายหลวงปู่มั่นนั่นแหละครับ

    print ข้อความของผมตรงนี้ไปถามครูบาอาจารย์ที่เป็นนักปฏิบัติเก่งๆรูปไหนก็ได้ (ขอย้ำว่าที่ท่านเป็นนักปฏิบัตินะ) ว่าผมพูดถูกหรือไม่
     
  20. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    55555+ ผมพิมพ์ว่า ไม่เน้น ไม่ใช่ไม่มี ครับ คนละความหมายนะครับ แล้วคุณ khomeraya นี้ละที่ผมกลัวที่สุดเลย หลังจากที่ผมได้อ่านมาหลายๆกระทู้ที่คุณตอบ
    ผมกลัวมาก กลัวคุณจะซวย บอกซื่อ บอกตรงนะครับ กลัวคุณจะซวย
    แต่ผมให้อโหสิกรรมทุกประการครับ ไม่เก็บขยะอามรมณ์ไว้ทั้งสิ้นครับ ด้วยความเคารพครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...