ตามหา หมอดู เชียงใหม่ คนนี้ให้ผมด้วยครับ มีรายละเอียดให้ครับ

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย ramai, 23 ตุลาคม 2010.

  1. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    "สมัยหนึ่ง" ในพุทธกาล
    มีบุรุษท่านหนึ่ง ได้กราบทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เรื่องสัจธรรม และเป้าหมายสูงสุดของพระศาสดาโดยที่เขาเองยังคงเคลือบแคลงสงสัยต่อคำสั่งสอนต่างๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเขาเอง กำลังสนทนากับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ จึงกล่าววาจาว่าภิกษุรูปนี้กล่าวตู่ ไม่เป็นความจริง พระพุทธเจ้าจึงมีพระดำรัสด้วยพระเมตตาเพื่อให้คลายความสงสัยที่สูมอยู่ภายในดวงจิตของเขาจึงตรัสเรียกชื่อเขาว่า ท่านผู้แสวงบุญ ผู้แสวงหาสัจจะ และกามนิต
    พระพุทธองค์จึงตรัสพระกถาว่า
    มีเด็กชายคนหนึ่งได้ปวดฟัน จึงหาหมอเพื่อให้หมอรักษาแต่ด้วยความใจร้อนเพราะหมอท่านต้องหาสาเหตุเสียก่อน เด็กคนนั้นจึงต่อว่า ว่าเขาเองได้รับทุกข์จากอาการปวดฟันอย่างแรงกล้าเขาไม่สมควรปลดเปลื้องทุกข์ที่มีอีกหรือจึงเปลี่ยนไปหาหมอเถื่อนซึ่งเป็นนักเล่นกล หมอบอกว่าเพียงแต่ต้องจ่ายค่ารักษาเสียก่อนเราจักบันดาลความปราถนาให้ได้ ว่าแล้วผู้เป็นหมอกำมลอทำปากขมุบขมิบ แล้วใช้มือแตะตรงปากของเด็กพลางพูดขึ้นว่าเจ้าจะหายจากการอาการปวดฟัน ทันใดนั้นเมื่อเด็กได้รับการปลอบซะโลมใจจึงหายจากอาการปวดฟันนั้น
    เด็กจึงกลับไปที่บ้าน ต่อมาอาการปวดฟันก็กลับกำเริบขึ้นมาอีก จึงได้กลับมาหาหมอท่านแรก หมอได้วินิจฉัยว่าเกิดจากรากฟันอักเสบมีหนอง จึงแนะนำให้เด็กกลับไปที่บ้านหาปลิงมาเกาะที่ริมฝีปากตรงที่ปวดฟันแล้วให้ปลิงดูดหนองและเลือดเสียออกให้หมดจากนั้นใช้สมุนไพรตำแล้วพอกเอาไว้แล้วอาการนั้นจะหายไป แล้วไม่ต้องกลับมาปวดอีกเพราะได้รักษาที่ต้นเหตุแล้ว
    "แล้วท่านละ!ท่านควรเลือกวิธีการไหน"
    ส่งถึงท่านที่โทรมาปรึกษาจาก จังหวัดมหาสารคาม
    ละพระพุทธองค์ก็ตรัสว่า "ดูก่อนภราดา พระผู้มีพระภาคสัมมาสัมพุทธะนั้น ได้ยังจักรแห่งธรรมอันประเสริฐให้หมุน ใกล้อิสิปัตนะในมฤคทายวันจังหวัดพาราณสี ก็แหละจักรแห่งธรรมนั้น อันสมณะหรือพราหมณ์ เทวดาหรือมาร พรหม หรือผู้ใดผู้หนึ่งในโลกนี้ไม่พึงขัดขวางไว้มิให้หมุนได้
    พระธรรมที่ทรงประกาศ คือ ธรรมอันให้เห็นแจ้งความจริงอย่างยิ่ง สี่ประการ สี่ประการนั้น คืออะไร? ได้แก่ ความจริงอย่างยิ่ง คือทุกข์ ความจริงอย่างยิ่ง คือเหตุของทุกข์ ความจริงอย่างยิ่ง คือการดับทุกข์ทั้งสิ้น และความจริงอย่างยิ่ง คือทางที่ไปถึงความดับทุกข์ทั้งสิ้น
    ดูก่อนภราดา ความจริงอย่างยิ่ง คือทุกข์นั้นอย่างไร? ได้แก่ความเกิดมานี้เป็นทุกข์ความที่ชีวิตล่วงไปๆ เป็นทุกข์ ความเจ็บป่วยเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความอาลัย ความคร่ำครวญ ความทนลำบาก ความเสียใจ และความคับใจล้วนเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ความประจวบกันสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์ ความที่ไม่ได้สมประสงค์เป็นทุกข์ รวมความ บรรดาลักษณะต่างๆ เพื่อความยึดถือผูกพันย่อมนำทุกข์มาให้ทั้งนั้นดูก่อนภราดา นี่แหละความจริงอย่างยิ่งนั้นคือ ทุกข์
    ก็แหละความจริงอย่างยิ่ง คือ เหตุของทุกข์นั้นอย่างไร? ได้แก่ความกระหายซึ่งทำให้เกิดมีสิ่งต่างๆ อันความเพลิดเพลินใจและความร่านเกิดตามไปด้วย เพลิดเพลินนักในอารมณ์นั้นๆ คือ กระหายอยากให้มีไว้บ้าง กระหายอยากให้คงอยู่บ้าง กระหายอยากให้พ้นไปบ้าง ดูก่อนภราดา นี้ความจริงอย่างยิ่งคือ เหตุของทุกข์
    ก็แหละความจริงอย่างยิ่ง คือ การดับทุกข์ทั้งสิ้นนั้นอย่างไร? ได้แก่ความดับสนิทแห่ง ความกระหายนี้เองไม่ใช่อื่น ความเสียสละได้ ความปลดเสียได้ ความปล่อยเสียได้ ซึ่งความกระหายนั้นแหละ และการที่ความกระหายนั้นไม่ติดพัวพันอยู่ ดูก่อนภราดา นี้แหละความจริงอย่างยิ่งคือการดับทุกข์ทั้งสิ้น
    ก็แหละความจริงอย่างยิ่ง คือ ทางไปถึงความดับทุกข์ทั้งสิ้นนั้นอย่างไร? ได้แก่ทางอันประเสริฐมีองค์แปด คือความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ ความเพียรชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจชอบดู ก่อนภราดา นี่แหละความจริงอย่างยิ่ง คือทางไปถึงความดับทุกข์ทั้งสิ้น
    เมื่อพระศาสดา มีพระพุทธบรรหารด้วยอริยสัจเป็นเบื้องต้น ปานว่าได้ประดิษฐานหลักศิลาขึ้นสี่มุมด้วยประการดั่งนี้แล้ว ก็ทรงยกพระธรรมทั้งมวลขึ้นตั้งประกอบ โดยอุบายให้เป็นดั่งเรือนยอด สำหรับเป็นที่อาศัยแห่งดวงจิตผู้สาวก ทรงจำแนกแยกอรรถออกเป็นตอนเนื้อความ แล้วทรงชี้แจงกำกับการไป เสมือนดั่งบุคคลตัดแท่งศิลาออกเป็นชิ้นๆ แล้ว และขัดเกลาฉะนั้น ทรงเชื่อมตอนเนื้อความต่อเนื้อความ เสมือนบุคคลได้ลำดับซ้อนแท่งศิลาเหล่านั้น ผจงจัดดุจเป็นรากให้รับกันเองแน่นหนา มีสัมพันธ์เนื่องถึงกันตลอดเรียบร้อย ทรงนำหลักความเห็นแจ้งว่า สิ่งทั้งปวงย่อมแปรปรวนเข้าประกอบกับหลักความเห็นแจ้งว่า สิ่งทั้งปวงเป็นทุกข์แล้วเชื่อมหลักทั้งสองนี้เป็นดั่งซุ้มทวาร ด้วยเครื่องประสาน คือมนสิการ อันแน่นแฟ้นที่ว่า สภาวธรรมทั้งปวงล้วนเป็นอนัตตาเลือกเอาไม่ได้ ทรงนำสาวกเข้าสู่ทวารอันมั่นคงนี้ คราวละขั้นเป็นลำดับไป แล้วย้อนลงย้อนขึ้นหลายครั้งหลายครา โดยขึ้นบันไดอันสร้างไว้มั่นคงแล้ว คือปฏิจจสมุปบาทหลักธรรมอันมีเหตุผลอาศัยกันเองเกิดขึ้นเป็นขั้นๆ สืบเนื่องดั่งลูกโซ่ ซึ่งมั่นคงเต็มที่อยู่ทั่วไป
    อันว่า นายช่างผู้เชี่ยวชาญ ก่อสร้างปราสาทมโหฬาร ย่อมเพิ่มรูปศิลาจำหลักไว้ในที่สมควรตามทำนอง มิใช่จะใช้เป็นเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นประโยชน์รองรับหรือค้ำจุนที่บางแห่งนั้นไว้ด้วย ความข้อนี้อุปมาฉันใด พระศาสดาในบางคราวย่อมทรงชักเอาเรื่องที่เปรียบเทียบเป็นภาษิตที่น่าฟัง และสมด้วยกาลสมัยขึ้นแสดง ก็อุปไมยฉันเดียวกัน เพราะทรงเห็นว่า เทศนาวิธีชักอุทาหรณ์ขึ้นสาธกเปรียบเทียบ ย่อมกระทำไห้พระธรรมอันประณีตลึกซึ้งที่ทรงสำแดงหลายข้อ ให้แจ่มแจ้งขึ้นได้แก่บางเวไนยชน
    ในท้ายแห่งเทศนา พระองค์ทรงประมวลพระธรรมบรรยายทั้งหมด ในคราวเดียวกันเสมือนด้วยเรือนอันตะล่อมขึ้นด้วยยอดเด่นเห็นสง่างามรุ่งเรืองได้แต่ไกล ด้วยพระวาจาว่าดั่งนี้ "ดูก่อนอาคันตุกะผู้แสวงบุณย์ ความเกาะเกี่ยวใคร่กระหายต่อความเกิดย่อมเป็นเหตุให้ถึงความเกิด หากตัดความใคร่กระหายเช่นนั้นเสียได้ขาด ท่านก็ย่อมไม่เกิดในภพไรๆ อีก"
    อันภิกษุ ผู้พ้นจากความเกาะเกี่ยวยึดถือพึงใคร่ในอารมณ์ไรๆ แล้ว ย่อมบังเกิดญาณความรู้แจ้งขึ้นในจิตอันสงบแจ่มใสปราศจากอวิชชาความมืดมัว ว่า "วิมุตติความหลุดพ้นนั้น บัดนี้เป็นผลประจักษ์แล้ว นี้คือ ความเกิดเป็นครั้งที่สุด สิ้นความเกิดใหม่ในภพโน้นแล้ว"
    ภิกษุผู้บรรลุธรรมปานนี้ ย่อมได้รับผลตอบแทนคือธรรมรสอันล้ำเลิศ ดูก่อนอาคันตุกะผู้แสวงบุณย์ ก็ธรรมรสอันล้ำเลิศนั้นคืออะไร? ได้แก่ "ญาณอันรู้ว่าทุกข์ทั้งปวงดับแล้ว" ผู้ใดได้รับรสพระธรรมนี้ ก็ย่อมพบความหลุดพ้นอันเป็นผลเที่ยงไม่แปรผันเพราะสิ่งใดไร้สาระเป็นอยู่ชั่วขณะ สิ่งนั้นไม่ใช่ของจริง สิ่งใดมีสาระคงที่ถาวร สิ่งนั้นเป็นของจริงและเป็นที่สุดแห่งสิ่งมายาทั้งปวง
    ผู้ใดจำเดิมแต่ต้นมาทีเดียว ตกอยู่ในความเกิด ในความสืบชีวิตเปลี่ยนไปๆ ในความตาย และบัดนี้ได้กำหนดรู้ไว้ดีแล้ว ซึ่งลักษณะแห่งสภาพอันเป็นพิษนี้ ผู้นั้นย่อมชนะด้วยตนเองแล้ว ถึงซึ่งความพ้นภัยในความเกิด ความแก่ และความตาย และเขาซึ่งเคยตกอยู่ในโรคาดูร ในมลทินกิเลส ในบาป ผู้นั้น ณ บัดนี้ได้รับความรับรองแน่นอนแล้วว่าไม่มีพิการแปรผัน อันเป็นผลสะอาดหมดจด และเป็นบุณย์
    "เราพ้นแล้ว ความหลุดพ้นได้ประจักษ์แล้ว ชาติหยุดอยู่เพียงนี้แล้ว กรณียะของเราสำเร็จแล้ว โลกนี้หยุดแก่เรา ไม่สืบต่ออีกแล้ว"
    ดูก่อนอาคันตุกะผู้แสวงบุณย์ นรชนมีญาณทรรศนะเช่นนี้ชื่อว่า "ผู้สำเร็จแล้ว" เพราะเขาเสร็จสิ้นธุระ และถึงที่สุดบรรดาความทุกข์ยากทั้งปวง
    ดูก่อนอาคันตุกะผู้แสวงบุณย์ นรชนมีญาณทรรศนะเช่นนี้ ชื่อว่า "ผู้ได้ขจัดแล้ว" เพราะเขาได้ขจัดแล้วซึ่งอุปาทาน (ความออกรับ?) ว่า "ตัวเรา" และ "ของเรา"
    ดูก่อนอาคันตุกะผู้แสวงบุณย์ นรชนมีญาณทรรศนะเช่นนี้ ชื่อว่า "ผู้ถอนแล้ว" เพราะเขาได้ถอนแล้ว ซึ่งต้นไม้คือ ความมี ความเป็นตลอดกระทั่งรากมิให้เหลือเชื้อเกิดขึ้นได้อีก
    บุคคลมีลักษณะเช่นนี้ ตราบเท่าที่ยังมีร่างอยู่ เทวดาและมนุษย์คงเห็นได้ แต่เมื่อร่างสลายเพราะความตายแล้ว เทวดาและมนุษย์มิได้เห็นต่อไป แม้แต่ธรรมดาผู้เห็นได้ตลอดก็ไม่เห็นเขาคนนั้นอีก ผู้นั้นได้ทำให้ธรรมดาถึงความบอดแล้ว เขาพ้นจากมารแล้ว ได้ข้ามห้วงมหรรณพที่ต้องแหวกว่ายวนเกิดเวียนตาย ถึงเกาะอันเป็นแหล่งเดียวที่ผุดพ้นเหนือความเกิดความตาย กล่าวคือ พระอมฤตมหานิรพาณ"

    <!-- #EndEditable -->จาก สิริ ศรีสมบัติ
     
  2. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    "มหัศจรรย์ มหาพุทธธานุภาพ"

    ขอเรียนเชิญสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ มหาพุทธานุภาพ
    จาก ๙ ประเทศ
    ไหว้พระธาตุ ๑๒ ราศรี
    ไหว้พระ ปิดทอง
    พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ (จำลอง)
    ๙ องค์ ๙ วัด ๙ จังหวัด
    ถวายผ้าไตรเป็นพุทธบูชาเพื่อเสริมมงคลชีวิต
    ณ มหามณฑลพิธี "พุทธสถานเชียงใหม่"
    อ.เมือง จ .เชียงใหม่ (ใกล้สะพานนวรัฐ)
    ตั้งแต่ ๕ มกราคม ถึง ๑๗ เมษายน พ.ศ ๒๕๕๕

    วันเสาร์ ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ ๒๕๕๕
    ประกอบพิธี "สืบชะตาแบบล้านนา"
    โดย.พระเกจิอาจารย์จาก วัดลอยเคราะห์ วัดดับภัย วัดศรีดอนชัย วัดชัยมงคล
    วัดอุปคุต และวัดบุพพาราม เจริญพระพุทธมนต์ สวดบูชานพเคราะห์ เสริมมงคลชีวิต

    วันอาทิตย์ ที่ ๑ และวันอาทิตย์ ที่ ๘ เมษายน พ.ศ ๒๕๕๕
    บวชเนกขัมมะ (ชีพราหมณ์)ไม่มีค่าใช้จ่าย

    วันที่ ๑๒-๑๕ เมษายน พ.ศ ๒๕๕๕
    ขอเชิญสรงน้ำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ๙ องค์ ๙ วัด ๙ จังหวัดทุกภาคของประเทศ
    เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนบำเพ็ญมหากุศล
    ถวายเป็นพุทธบูชามหาสงกรานต์
    รับพระสมเด็จนางพระญา ฟรี ! ทุกท่านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    ฝ่ายพิธีการ โทร 084-3830141,087-1726529
    อนุโมทนาบุญ มา ณ โอกาสนี้ สาธุ สาธุ สาธุ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2012
  3. boonrit

    boonrit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +74
    ขอบคุณอ้าย ศิริ มากครับ

    ได้อู้ปรึกษาแล้ว สบายใจขึ้น ขอบคุณอ้ยศิริ มากครับ
     
  4. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    สิกขาปทสูตร บุคคลสี่จำพวก
    เสียงบรรยายพระธรรมโดย พระอาจารย์ นพน สังฆโสภโณ
    (สด ทางสถานีวิทยุเพื่อการศึกษาพระพุทธศาสนาลำพูน)
    กระผมได้รับฟังมาอย่างนี้
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องบุคคลสี่จำพวกดังนี้คือ
    1.บุคคลผู้ซึ่ง ปฎิบัติเพื่อเกื้อกูลตนเอง แต่ไม่เกื้อกูลผู้อื่นหมายถึง
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ แต่ไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการฆ่าสัตว์
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการลักทรัพย์ แต่ไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการลักทรัพย์
    ตนเอง เป็นผู้เว้นละจากการประพฦติผิดในกาม แต่ไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการประพฦติผิดในกาม
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการพูดเท็จ แต่ไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการพูดเท็จ
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมา แต่ไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมา
    2.บุคคลผู้ซึ่ง ปฎิบัติเพื่อไม่เกื้อกูลตนเอง แต่เกื้อกูลชักชวนผู้อื่นหมายถึง
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ แต่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการฆ่าสัตว์
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการลักทรัพย์ แต่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการลักทรัพย์
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการประพฦติผิดในกาม แต่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการประพฦติผิดในกาม
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการพูดเท็จ แต่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการพูดเท็จ
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมา แต่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมา
    3.บุคคลผู้ซึ่ง ปฎิบัติเพื่อไม่เกื้อกูลตนเอง และไม่เกื้อกูลผู้อื่นหมายถึง
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ และไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการฆ่าสัตว์
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการลักทรัพย์ และไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการลักทรัพย์
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการประพฦติผิดในกาม และไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการประพฦติผิดในกาม
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการพูดเท็จ และไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการพูดเท็จ
    ตนเอง เป็นผู้ไม่ละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมา และไม่ชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมา
    4.บุคคลผู้ซึ่ง ปฎิบัติเพื่อเกื้อกูลตนเอง และปฎิบัติเพื่อเกื้อกูลผู้อื่นหมายถึง
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ และชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการฆ่าสัตว์
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการลักทรัพย์ และชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการลักทรัพย์
    ตนเอง เป็นผู้เว้นละจากการประพฦติผิดในกาม และชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการประพฦติผิดในกาม
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการพูดเท็จ และชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการพูดเท็จ
    ตนเอง เป็นผู้ละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมา และชักชวนให้ผู้อื่นละเว้นจากการดื่มสุราของมืนเมาซึ่งเป็นเหตุของการขาดสติ ฯลฯ
    พระพุทธองค์ทรงยกย่องบุคคลที่สี่ว่า เป็นเลิศ เป็นประธานแก่บุคคลทั้งหมดในบรรดาบุคคลสี่จำพวก
    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
     
  5. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    อนุโมทนา ผ้าป่าสามัคคี 3 กอง พร้อมญาติธรรมทุกท่าน

    ขออนุโมทนาบุญ กับคณะญาติธรรมจากจังหวัดปราจีนบุรี
    คณะศรัทธาสาธุชน ชาวลำพูน เชียงใหม่ทุกท่าน
    วัตถุประสงค์ในการทอดผ้าป่า เพื่อถวายจตุปัจจัย
    ได้แก่...
    พระวิหารพระอายุรักษา
    กุฎิทั้งสี่ทิศ
    ห้องส่งสถานีวิทยุหลังใหม่(กำลังอยู่ระหว่างดำเนินงานก่อสร้าง)
    และถวายปัจจัยเงินทองเพื่อสมทบทุน ถวาย
    แด่พระอาจารย์ นพน สังฆโสภโณ เจ้าอาวาส วัดลอมพระเจ้าตอง
    เพื่อให้ท่านฯได้ใช้เป็นทุนทรัพย์ในการก่อสร้างถาวรวัตถุ ที่ยังไม่สำเร็จอีกหลายๆอย่างในคราวต่อไป
    ครั้งนี้ ได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว
    ข้าพเจ้า ในนามผู้แสวงบุญ และศิษย์ญานุศิษย์ทุกท่าน
    ขอขอบคุณ ที่ทุกท่านได้กรุณาร่วมสร้าง มหาอานิสงค์แห่งบุญในครั้งนี้
    ขอจงเป็นพลานิสงค์พลวปัจจัย อุปนิสัย จงมีแด่ทุกท่านพร้อมญาติทั้งหลายและข้าพเจ้า สาธุชนทั่วไป เพื่อให้เกื้อหนุนค้ำจุนพระพุทธศาสนา
    ทุกภพทุกชาติ ไปจนกว่าจะเข้าสู่กระแสพระนิพพานด้วยเทอญ.

    ข้าพเจ้า นายสิริ ศรีสมบัติ<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    หลักฆราวาสธรรม 4 สำหรับผู้ครองเรือน
    "ฆราวาสธรรม" คือ หลักธรรมสำหรับผู้ครองเรือน ที่จำเป็นต้องมีอยู่ประจำ เพื่อเสริมให้มีความสุขยิ่งขึ้น พระพุทธองค์ได้ตรัสกะยักษ์ ชื่ออาฬวกะ ปรากฎอยู่ในอาฬวกสูตร (๑๕/๒๙) มี ๔ ประการ คือ

    ๑. สัจจะ
    คือ ความจริง ดำรงมั่นอยู่ในสัจจะ ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทำจริง เป็นเหตุนำมาซึ่งความเชื่อถือ หรือไว้วางใจได้

    ๒. ทมะ
    คือ ฝึกตน ปรับปรุงตน บังคับควบคุมตนเองได้รู้จักปรับตัว และแก้ไขปรับปรุงตน ให้เจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ รวมทั้งการยอมรับและแก้ไขสิ่งบกพร่องของตนด้วย

    ๓. ขันติ
    คือ อดทน อดทนต่อความหนาว ร้อน หิว กระหาย ทนตรากตรำ ทนต่อความเจ็บใจ ทนข่มอารมณ์ของตนได้ ทนต่อความยั่วยวนต่าง ๆ อดทนต่ออำนาจฝ่ายต่ำ อดทนต่อการทำการงาน

    ๔. จาคะ
    คือ เสียสละ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล ช่วยเหลือบำเพ็ญประโยชน์ สละความโกรธ ความเห็นแก่ตัว มีใจกว้างร่วมงานกับคนอื่นได้ สละอารมณ์ขุ่นมัวภายในจิตใจได้

    และสิ่งที่ท่านควรเพิ่มเติมเข้ามาอีก คือสุภาษิตสามประการ
    ได้แก่คำว่า
    ตง ฮ่าว หมี่ หมายถึงการกตัญญูรู้คุณ
    "ตง" ต่อพระมหากษัตริย์
    "ฮ่าว" ต่อพ่อแม่
    "หมี่" ต่อเพื่อน ญาติมิตร ผู้มีพระคุณ
    ส่งถึงท่านฯ ที่อาศัยอยู่ ณ. เมือง
    เซี่ยงไฮ้ (จีน: 上海, พินอิน: Shànghǎi) สาธารณรัฐประชาชนจีน
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  7. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    มีหลายท่านที่เข้าเว็ปไซต์วัดลอมพระเจ้าตองไม่ถูก เพราะเข้าใจว่าต้องสมัครเป็นสมาชิกพลังจิตเสียก่อน
    ผมขออธิบายอย่างนี้ครับว่า แม้แต่ตัวผมเองแรกๆที่ยังใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น ก็ทำอะไรติดขัดและผิดๆถูกๆเป็นประจำ แต่ผิดเป็นครูจนกว่าเราจะเก่ง และเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยตนเองครับ!
    ต้องการทราบสิ่งใด ก็พิมพ์ข้อความ จนกว่าจะค้นเจอสิ่งที่เราต้องการ หรือท่านจะเลื่อนเมาส์ที่แสดงสัญลักษณ์รูปลูกศร ทับข้อความหลักที่เปลี่ยนเป็นรูปมือขึ้นมาแทน หมายถึงสามารถคลิ๊กเข้าไปดูได้อีก ซ้ำไป ซ้ำมาอย่างนี้โดยตลอดครับ ส่วนท่านใดที่อยากดาวน์โหลดเสียงอ่านพระธรรมจากพระไตรปิฎกของพระอาจารย์ นพน สังฆโสภโณ ก็อ่านวิธีการเพื่อฟังหรือจะเก็บไว้ในคอมฯลฯเพื่อทำแผ่น mp3 ท่านก็ปฎิบัติตามนั้นได้เลยครับ
    ส่วนพระสูตรอื่นที่พระอาจารย์ท่านไม่ได้ลงไว้ในเว็ปแต่เป็นไฟล์เสียงยังมีอีกมาก(84000)พระธรรมขันธ์ ท่านสามารถโทรศัพท์ กราบนมัสการเรียนสอบถามหรืออยากได้แผ่น ก็ขอเรียนเชิญที่เบอร์
    081-2899971 พระอาจารย์ นพน สังฆโสภโณ วัดลอมพระเจ้าตอง
    จังหวัดลำพูน ได้โดยตรงครับ!
    โดย สิริ ศรีสมบัติ
     
  8. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    คำถามที่ผมค้างตอบมานานครับ!
    ปกติเป็นหมอดูอยู่แถวไหน? ใช่ในกรุงเทพมหานครรึเปล่า
    ตอบ...ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง "ผมเป็นปุถุชนธรรมดาเช่นเดียวกับท่านครับ"

    เป็นนักศึกษาธรรมะ จึงต้องพูดเฉพาะเรื่องธรรมะล้วนๆ...

    เป็นคนเหนือโดยกำเนิด ตอนนี้อาศัยอยู่ในจังหวัดลำพูนไกลจากตัวเมืองเล็กน้อยครับ(บ้านนอก)

    แรงบันดาลใจคือการสร้างมหาธรรมทาน ด้วยการเปลี่ยนสามัญทรัพย์ให้เป็นอาริยทรัพย์ และเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นอีกทั้งตนเองให้พ้นทุกข์

    ส่งเสริมการทำความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติ

    ค้ำจุนพระพุทธศาสนาและภิกษุสงฆ์ผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบทั่วโลก

    ให้คำปรึกษาแนะนำตามแนวทางวิถีพุทธ ปราศจากข้อขัดแย้งใดๆ
    ขจัดข้อสงสัยด้วยการนำไปปฎิบัติเพื่อการบรรเทาทุกข์ด้วยตัวของท่านเองโดยความสมัครใจ ตามหลักธรรมในพระไตรปิฎกโดยตรง

    ถ่ายทอดองค์ความรู้โดยพระอาจารย์ผู้มีเมตตา อบรมสั่งสอนทั้งภิกษุสามเณร
    และผู้ครองเรือน :สถานที่ ที่ตั้ง เบอร์โทรศัพท์ ตามที่ปรากฎอยู่ด้านบน
    ชื่อวัดลอมพระเจ้าตอง
    โดย สิริ ศรีสมบัติ
    นักศึกษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2012
  9. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    กราบขอบพระคุณท่านผู้ใจบุญ สามีภรรยา จากจังหวัดเชียงใหม่ทั้งสองท่านครับ

    กระผมในนามนักศึกษาและลูกศิษย์ทุกคน
    ตลอดจนคณะศรัทธาวัดลอมพระเจ้าตองทุกท่าน

    ซาบซึ้งในบุญคุณที่ท่านได้ถวายต้นสาระและได้ปลูกไว้จำนวนสองต้นใกล้ๆกับพระวิหารหลังเล็กแห่งนี้

    เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระอายุรักษา พระพุทธรูปปางมหาปรินิพพาน ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในพระวิหาร
    ขอเด็จแห่งคุณ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้วนั้นขอจงเป็นพลวปัจจัย คิดสิ่งหนึ่งประการใดก็ให้สำเร็จทุกประการ
    ขอให้มีสุขภาพกายใจ สมบูรณ์แข็งแรง
    ขอให้เจริญด้วยปัญญาสามารถรู้แจ้งแทงตลอดถึงหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกท่านด้วยเทอญ.
    อนุโมทนาบุญ มา ณ โอกาสนี้ 15/5/2555
    ข้าพเจ้า นายสิริ ศรีสมบัติ
    นักศึกษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2012
  10. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออภัยทุกท่านที่ต้องการโทรศัพท์ เพื่อปรึกษา

    25-27 พ.ค 2555 งดรับโทรศัพท์ครับ!( ศ ส อ )

    เพราะต้องเข้าร่วมกิจกรรมปฎิบัติธรรม "กล้าธรรม" ณ ลำพูน 1/1
    โดย อ.ปิยะนาถ และ อ.วิชชา ทั้งสองท่านครับ

    <LI class=g>ชมรม”กล้าธรรม”ต้นกล้... | Facebook




    <CITE>th-th.facebook.com/permalink.php?story_fbid...id...</CITE> - แคช
    คุณ +1 รายการนี้สู่สาธารณะ เลิกทำ
    ที่ทำการชมรม และสถานปฏิบัติธรรม “กล้าธรรม 1 ณ ลำพูน” บ้านหลุก ต.เหมืองง่า อ. เมือง จ. ลำพูน ติดต่อสอบถามได้ที่ อ.วิชชา เดชส่งจรัส โทร. 081-905-9515 อ.ปิยะนาถ ณ ลำพูน ...



    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    สิริ ศรีสมบัติ
    22/5/2555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2012
  11. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ใบไม้ในป่า กับใบไม้ในกำมือ

    เมื่อพูดถึงเรื่องใบไม้ในป่า กับใบไม้กำมือเดียว มีบางคนมักหยิบยกมาพูดเสมอ เกี่ยวกับในเรื่องของการปฏิบัติธรรมในลักษณะที่ว่า ธรรมเพื่อความหลุดความพ้นนั้นมีหลายทาง และพูดไปถึงว่า ที่พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบธรรมที่พระองค์ทรงสั่งสอนนั้นมีเท่ากับใบไม้ในกำมือเดียวของพระองค์เท่านั้น จริง ๆ มีมากกว่านี้ แต่พระองค์เลือกเอามาแค่นี้เอง และมีบางท่านอาจจะเชื่อว่า ที่ไม่ทรงเลือกมาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นไปเพื่อความหลุดความพ้นได้

    และพูดในทำนองที่ว่า ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่เราไม่รู้ ที่เป็นเสมือนใบไม้ในป่าที่ ที่อาจเป็นหนทางในการประพฤติปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นได้ วันนี้ผมจึงขอยกข้อความส่วนหนึ่งในพระไตรปิฎกมากล่าวไว้ในที่นี้ เพื่อให้เห็นตรงกันในเนื้อถ้อยร้อยเรียงนั้นครับ

    ---------------------------------------------

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น ไหนจะมากกว่ากัน?

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบ ที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มีประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.

    พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก ก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก

    เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก...

    ----------------------------------------------

    นี่ขอให้ท่านทั้งหลายทราบด้วยว่า ที่ไม่ทรงเลือกมานั้น คือสิ่งที่

    "ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน"

    "แต่ผม เลือกแล้ว" เลือกที่จะกระทำตามรอยพระพุทธเจ้า!
    เพื่อหนทางแห่งความหลุดพ้น ดับซึ่งเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง

    กระผมจึงอยากศึกษา ให้มากยิ่งๆขึ้นไปกว่านี้ และต้องให้จบในชาติเดียว
    หากยังมีโอกาสต้องเกิดเป็นมนุษย์อีกเมื่อไหร่ หรือชาติไหนๆ ค่อยย้อนกลับมาช่วยเหลือทุกๆท่านอีกครั้งครับ!

    พระธรรมและพระสงฆ์ก็ยังคงมีอยู่ ครูบาอาจารย์ก็มีอยู่ ท่านปราถนาอยากให้คุณทุกคนเจริญรอยตามพระธรรมคำสั่งสอน แล้วน้อมนำไปปฎิบัติอยู่เนืองๆ "ที่สุดแล้วนั้นก็ขึ้นกับตัวคุณเองแล้วครับ" ว่าควรต้องตัดสินใจอย่างไร
    สำหรับผม ณ ขณะนี้คงทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ
    จากสิริ ศรีสมบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2012
  12. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอน้อมรำลึกและเทิดทูล เนื่องในวันวิสาขบูชา
    พุทธชยันตี ครบรอบ ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของพระศาสดา

    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#240048><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=left>พุทธชยันตีจุดเริ่มต้นของพุทธศาสนา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left>
    [​IMG]



    พุทธชยันตีเป็นเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวเนื่องกับวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นับเป็นโอกาสดีที่ชาวพุทธจะน้อมนำคำสอนมาปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขกับตนเองและส่วนรวม


    มหาเถรสมาคมกำหนดความหมายของพุทธชยันตี ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่าพุทธ หมายถึงพระพุทธเจ้า กับคำว่า ชยันตี ซึ่งมาจากคำว่า "ชย" หมายถึงชัยชนะ รวมความหมายพุทธชยันตีคือ "การเฉลิมฉลองของชาวพุทธในชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่มีเหนือกิเลสและมารทั้งปวง" ในบางประเทศใช้คำเรียกที่แตกต่างกัน เช่น ศรีสัมพุทธชันตี หรือสัมพุทธชยันตี เป็นต้น


    การเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในปีนี้ มีวิธีการนับตั้งแต่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 หรือวันวิสาขบูชา ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดีย เมื่อ 45 ปีก่อนพุทธศักราช ซึ่งเมื่อนับถึงปี พ.ศ.2555 ในปัจจุบัน ก็จะบวกรวมได้ครบ 2,600 ปี โดยประเทศไทยเริ่มนับ พ.ศ.1 หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไป 1 ปี จึงครบ 2,600 ปีในวันวิสาขบูชาปีนี้พอดี


    รัฐบาลได้กำหนดให้งานฉลองพุทธชยันตีเป็นวาระแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวพุทธนานาชาติรู้จักประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก พุทธชยันตียังถือเป็นเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับวันวิสาขบูชา นับเป็นโอกาสดีที่ชาวพุทธจะน้อมนำคำสอนมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขกับตนเองและส่วนรวม



    ในนามพุทธศาสนิกชน กระผมขอเชิญชวนชาวพุทธทุกท่านร่วมทำบุญ เข้าวัด ฟังธรรม เวียนเทียน ตามวัดต่างๆที่ใกล้บ้านท่าน ถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตัวท่านเองและครอบครัวในวันสำคัญนี้ด้วยครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ





    ข้อมูลจาก : [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#24004a align=right><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=left>TAG : พุทธชยันตี พุทธศาสนา 2 600 ปี ตรัสรู้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2012
  13. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิ ทุกครั้งต้องแผ่เมตตาด้วยครับ!
    แผ่เมตตาไปไกลโดยไม่มีประมาณ

    สัพเพสัตตา สะทาโหนตุ, อะเวรา สุขะชีวิโน
    ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกันและกัน
    จงเป็นผู้ดำรงชีพ อยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด

    กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง, สัพเพ ภาคี ภะวันตุเต (เตให้ผู้อื่น,เม ให้ตนเอง)
    ขอให้สัตว์ทั้งสิ้นนั้น จงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญ
    อันที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้วนั้นเทอญ...สาธุ

    คำสอน พ่อแม่ครูอาจาร์ยสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ส่งถึงท่านที่อาศัยอยู่ ณ. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
    จาก สิริ ศรีสมบัติ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอเรียนเชิญ
    พุทธศาสนิกชนทุกท่าน ร่วมถวายเทียนพรรษา เข้าวัดฟังธรรม ทำบุญตักบาตร
    เนื่องในวันเข้าพรรษา วันพฤหัสบดีที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๕๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘/๘ ได้ ณ. ที่วัด/ทุกวัด ใกล้บ้านท่าน เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตัวท่านและครอบครัวครับ!
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
     
  15. ซ้อจิตต์

    ซ้อจิตต์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +63
    เช้าวันนี้ได้ไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ร่วมถวายเทียนพรรษา ที่วัดใกล้บ้าน
    ขอส่งบุญความดีที่ได้ทำในวันนี้ไปถึงให้ทั่วทั้ง 3 แดนโลกธาตุด้วย และส่งบุญนี้
    ให้แก่ชาวเวปพลังจิตทุกท่านด้วยนะคะ
     
  16. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ๘๐ พรรษา มหาราชินี

    ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี
    ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า นาย สิริ ศรีสมบัติ
    เสาร์ที่ ๑๑/๘/๒๕๕๕
    เวลา ๒๑:๑๑
     
  17. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ชมรม "กล้าธรรม" ต้นกล้า...แห่งพุทธธรรม สาขา บ้าน"กล้าธรรม 1.ณ ลำพูน

    จากที่ได้จัดอบรมการปฎิบัติธรรม สมาถะสมาธิภาวนา ระดับ 1.ให้แก่บุคคลทั่วไปในจังหวัดลำพูนมาแล้ว 2 รุ่น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดประโยชน์แก่คณะศิษย์มากขึ้น ชมรม"กล้าธรรม" ต้นกล้า...แห่งพุทธธรรม จึงได้กำหนด จัดการอบรมปฎิบัติสมาถะสมาธิภาวนา ในระดับ 2. ครั้งที่ 1. ขึ้น (เป็นหลักสูตรต่อเนื่องจากระดับ 1.) ในวันที่ 20-23 กันยายน 2555 ณ. บ้าน"กล้าธรรม 1. ณ ลำพูน" บ้านหลุก ต. เหมืองง่า อ. เมือง จ. ลำพูน
    จึงขอเรียนเชิญทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมศึกษาปฎิบัติสมาถะภาวนา กำหนดลงทะเบียน วันที่ 4-16 กย. 2555 แจ้งสมัครลงทะเบียนได้ที่
    อ.ปิยะนาถ ณ ลำพูน โทร. 081-8448182
    ครูสายสุนีย์ จัทร์เอี่ยม โทร. 089-5596079

    หรือต้องการโทรไปเพื่อแสดง มุทิตาจิต ร่วมอนุโมทนากุศล ก็ขอเชิญชวนทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
    โดย สิริ ศรีสมบัติ สมาชิกชมรมกล้าธรรม สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอขอบคุณ กับคุณรินดาเป็นอย่างสูงครับ
    ที่ชี้ประเด็นความเหมือน ในความต่าง
    เพราะผมจะได้ยุติบทบาทนี้ได้ซะที
    จากที่ตั้งใจไว้มานานพอสมควร เพราะในหัวใจของผมมีเพียงแต่คำว่าปฏินิสสัคคะ คือการเสียสละ และปฎินิสสัคโค คือการสลัดคืน ที่สมควรแก่ธรรม
    ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากๆที่ผมควรต้องหยุดทำหน้าที่นี้เสียที !
    เพราะเป็นหน้าที่ที่ทุกท่าน "ต้องดูแลตัวของทุกท่านเองครับ".
    สวัสดี สิริ ศรีสมบัติ
     
  19. pomvigo

    pomvigo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +250
    โทรปรึกษาเวลาใดได้บ้างครับ
     
  20. cheetah9

    cheetah9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +151

แชร์หน้านี้

Loading...