พระพุทธเจ้าไม่ได้สวดมนต์ ไม่เคยสอนให้สวดมนต์ เราสวดมนต์ไปเพื่ออะไร ?

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย karan20, 30 ตุลาคม 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    มีคนมาบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สวดมนต์ และเขาบอกว่าเราสวดไปเพื่ออะไร

    คำอ้างดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่ผิด


    1. พระพุทธเจ้าทรงสวดมนต์ เพราะอะไร
    ด้วยเหตุว่าบทสวดมนต์หลายบทคือคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้า
    กล่าวอีกอย่างได้ว่าก็
    การแสดงธรรมหรือการตรัสสอนนั่นล่ะคือการสวดมนต์ของพระพุทธเจ้า
    การสวดมนต์ก็คือการสาธยายธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสนั่นเอง

    บทสวดมนต์ ที่เป็นคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้า เรียกอีกอย่างว่าพระสูตร

    มักขึ้นต้นว่า [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา
    แปลว่า
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ข้าพเจ้า (คือพระอานนท์) ได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า[/FONT]......
    ต่อจากนั้นก็จะเป็นการบรรยายว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ที่ไหน กับใคร และตรัสว่าอย่างไรบ้าง

    ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
    พระสูตรนี้กล่าวถึงปฐมเทศนาซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์
    ภายหลังจากการตรัสรู้แล้ว 2 เดือน​
    อ้างอิง

    โพชฌงค์สูตร
    เมื่อพระมหากัสสปะอาพาธ พระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงเยี่ยมแล้วสวดโพชฌงค์สูตร
    ซึ่งเป็นองค์ธรรมว่าด้วยการตรัสรู้ให้ฟังจนหาย
    และเมื่อพระมหาโมคคัลลานะอาพาธพระพุทธเจ้าไปเยี่ยมแล้วสวดให้ฟังจนหาย
    อีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธ
    หลังจากนั้นพบว่าพระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้

    แม้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประชวรอยู่ที่เวฬุวนาราม ก็โปรดให้พระจุนทะสวดโพชฌงค์ถวาย
    เมื่อพระพุทธเจ้าได้ฟังแล้วก็ทรงหายประชวรเช่นกัน
    อ้างอิง


    รัตนสูตร
    พระพุทธเจ้าสอนรัตนสูตรให้พระอานนท์เพื่อนำไปทำน้ำพระพุทธมนต์
    ใช้ขับไล่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในแคว้นวัชชี
    ถ้าพระพุทธเจ้าไม่สวดให้พระอานนท์ฟังแล้วพระอานนท์ท่านจะเรียนได้อย่างไร
    และด้วยเหตุนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันว่า
    - ยืนยันว่า....บทสวดมนต์มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
    - ยืนยันว่า....พระพุทธเจ้าท่านสอนให้สวดมนต์


    พระพุทธเจ้าเสด็จถึงประตูเมืองไพศาลีในเวลาเย็น ได้ตรัสให้พระอานนท์เรียน "รัตนสูตร"
    เพื่อเดินจาริกทำพระปริตไปในระหว่างกำแพง ๓ ชั้น ในเมืองไพศาลีกับบรรดากุมารลิจฉวี
    แล้วตรัส "รัตนสูตร" ขึ้นในกาลครั้งนั้น
    ที่เรียกพระสูตรนี่ว่า "รัตนะ" เพราะหมายถึง พระรัตนตรัย
    คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ อ้างอิง



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=fEDa6jIqx4M&feature=related"]รัตนสูตร รัตนะปริต (ยังกิญจิ) Ratana Sutta - YouTube[/ame]




    พระพุทธเจ้าเป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์ให้แก่อายุวัฒนกุมาร
    พระพุทธเจ้าให้ภิกษุเจริญพระพุทธมนต์สิ้น ๗ วัน ในวันที่ ๗ พระศาสดาได้เสด็จไปเอง
    อ้างอิง



    คำถามที่ว่าสวดมนต์เพื่ออะไร....
    การสวดมนต์นั้นรู้คำแปลหรือไม่รู้คำแปลก็มีผลดีทั้งนั้น
    หากรู้คำแปล ก็เกิดการคิดพิจารณา จัดเป็นวิปัสนากรรมฐาน หรือสัมมาทิฏฐิ
    หากไม่รู้คำแปล แต่ก็เกิดความตั้งใจสงบ จัดเป็นสมถกรรมฐาน หรือสัมมาสมาธิ

    หากไม่รู้คำแปล แล้วใจก็ไม่ค่อยสงบ

    แต่อาศัยมีความตั้งใจจริง จิตใจเราเคารพและระลึกถึงพระพุทธเจ้า
    นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เพราะเป็นพุทธานุสติ
    และละสังโยชน์ข้อวิจิกิจฉา ไม่โลเล ไม่ลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย เป็นกุศลมหาศาล


    ขอยกตัวอย่างและอธิบายแต่เพียงเท่านี้

    คิดง่าย ๆ ว่าพระอริยสงฆ์มากมายท่านไปพระนิพพานแล้ว ท่านก็ยังเคยสวดมนต์
    แต่เรายังไม่รู้เลยว่าคนที่ตำหนิการสวดมนต์จะไปที่ขุมไหน
    เราเชื่อพระรัตนตรัยไว้ดีกว่า

    แม้พระสงฆ์ปัจจุบันท่านก็ต้องมีกิจคือการทำวัตรสวดมนต์
    หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ท่านสอนว่า สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  2. gitti

    gitti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,035
    การสวดมนต์เป็นวิธีการรักษาพระธรรมที่พระพุทธองค์เคยตรัสสอนเอาไว้ได้วิธีหนึ่ง สมัยก่อนการเขียนคงยาก เลยต้องอาศัยการท่องจำต่อๆ กันมาเลยกลายเป็นการสวดมนต์นั่นเอง...ซึ่งก็ดีเพราะธรรมะอยู่กับเราตลอดเวลา ถ้ารู้ความหมายของบทสวดนะคะ ^^
     
  3. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    การสวดมนต์บางพระสูตรและพระคาถาออกเสียงเป็นภาษาบาลี ไม่เหมือนกับท่องโคลง, กาพย์ แต่พระคุณเจ้าท่านก็สวด ท่องจำกันได้ ไม่ผิดช่างอ้ศจรรย์ ยิ่งนัก การสวดก็เป็นทำนองคล้ายเสียงดนตรีซึ่งทางการแพทย์เคยวิเคราะห์ว่าสามารถบำบัดโรคสำหรับผู้สวดเองป่วยหรือผู้ป่วยได้รับฟังเสียงสวดมนต์
     
  4. makcloud

    makcloud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +535
    ขอบคุณมากครับ
     
  5. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    สวดเพื่อความเจ้าใจ ให้รู้ควายหมาย แล้วจำ และนำไป ปฏิบัติได้ในการใช้ชีวิต
     
  6. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ผมว่าการสวดมนต์มีอะไรดีดีเยอะนะ
    ผมเคยได้ยิน พระพรหมโมลี ท่านบอกว่า การสวดมนต์เป็นกสิณ อย่างนึง
    ไม่รู้เหมือนกันว่าจริง รึป่าว แต่ผมว่าการสวดมนต์มันง่ายกว่าการเต้นรำบูชาแบบอินเดีย
     
  7. Sgman

    Sgman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +12
    สวดเพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน เป็นการเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมก่อนนั่งสมาธิครับ
    อาจเรียกว่าเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งก็ได้
     
  8. sarawut2011

    sarawut2011 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +60
    บทสวดมนต์แต่ละบท มีอานุภาพมากอยู่แล้ว ก่อนสวดมนต์ทุกครั้งต้อง กล่าวขอขมาทุกครั้งก่อนสวดมนต์ต่อดวงจิตวิญาณทุกดวงที่ได้ยิน และขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยให้ดวงจิตวิญาณทุกดวงที่ได้ยินได้เข้าใจ และฟังรู้เรื่อง แล้ววิญาณเล่านั้นจะได้ร่วมอนุโมทนาไปด้วย เพราะการสวดมนต์ แต่ละครั้ง จะมีสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายมาร่วมอนุโมทนาบุญ และทุกครั้งหลังและก่อนสวดมนต์ ต้องอุทิศส่วนบุญ กุศล บารมี ทุกครั้ง แบบนี้ทำให้เราได้บุญที่เกิดจากการสวดมนต์ นะครับ และยังได้สมาธิตามมาอีก
     
  9. seapro

    seapro Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +38
    สาธุๆๆ ครับ จะพยายามสวดให้ชัดขึ้นครับ
     
  10. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    ผู้ใดที่ได้ปฏิบัติย่อมรู้แก่ใจ ไม่ต้องมีคำอธิบายมากมาย ส่วนคนที่ไม่ปฏิบัติย่อมตั้งคำถามมากมาย เช่นกัน เหมือนพระท่านเคยกล่าวว่า"อาตมาเอาอาหารมาให้โยม 1 จาน ถ้าใครได้ทานก็จะรู้รสชาติของอาหารนั้นๆ แต่ถ้าผู้ที่ไม่ทาน แล้วกล่าวโทษว่าอาหารไม่อร่อย อาหารไม่ถูกปาก อาตมาก็ช่วยอะไรโยมไม่ได้ เพราะเราทานอาหารเพื้อให้มีชีวิตอยู่รอด เหมือนคำกล่าวที่ว่า กินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน"

    อนุโมทนาบุญ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. ohmegaboy

    ohmegaboy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +9
    ผมก็มองว่าการสวดมนต์ช่วยให้จิตใจอยู่กับตัวมากทีเดียวนะครับ คล้ายๆ ทำสมถกรรมฐานเลย (พอดีทำวิปัสสนา เลยอาจจะพูดถึงสมถกรรมฐานผิดไป) แต่ก็หลายๆ ครั้งผมก็สวดมนต์ก่อน แล้วก็ทำวิปัสสนา ก็ทำให้จิตอยู่กับตัวได้ดี หรือบางทีก็ทำวิปัสสนาก่อน แล้วก็สวดมนต์ก็ทำให้รู้สึกว่า สมาธิในการสวดดีมาก และรู้สึกถึงพลังบางอย่างได้เลย
    ผมก็มองว่าการสวดมนต์ก็เป็นอุบายในการฝึกจิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน และเท่าที่ฟังกันมาก็คือ บทสวดมนต์หลายบท ก็มีคุณานับประการเลยครับ
    จำได้ว่าเริ่มสวดมนต์มาตั้งแต่เป็นเด็กๆ แล้วก็จำไม่ได้ด้วยแล้วก็สวดเป็นมาตั้งแต่ตอนไหน แต่มีความรู้สึกว่าบทสวดมนต์บางบทนั้นเราเห็นครั้งสองครั้งสวดแล้วคล่องขึ้นใจมากทีเดียว เหมือนเคยเห็นมาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองก็แปลกใจอยู่ แต่ก็อนุโมทนาอยู่ในใจว่า ชาติก่อนเราคงมีบุญได้สวดมาก่อน
    แล้วก็สวดมาทั้งเช้า ทั้งเย็น ถ้าไม่สวดเหมือนจะแปลกๆ มีที่ขาดไปบ้างช่วงเป็นวัยรุ่นแบบสิบกว่าๆ กลางๆ แต่ก็ขาดไปไม่นาน
    เท่าที่จำได้ ไม่ว่าจะสอบเข้าเรียนที่ไหน อยากทำงานที่ไหน อยากทำอะไรที่เป็นเรื่องเรียน การงาน หรือการกุศล ไม่เคยพลาดเลยครับ ทั้งๆ เราก็ไม่ได้ตั้งแต่ว่าจะสวดให้ได้สิ่งเหล่านี้
    ที่แปลกอีกอย่างหนึ่งคือ ผมเป็นคนไม่มีความรู้ภาษาบาลี แต่ส่วดเข้า สวดเข้าเป็นปี ๆ ก็รู้สึกว่าเราจะเข้าใจความหมายนั้นได้ พอได้มีโอกาสเช็คความหมายตามจริง ก็ไม่ต่างจากที่เรารู้สึก แถมยังเริ่มเข้าใจประโยคไวยากรณ์ของภาษาบาลี และเวลาสวดมนต์บทใหม่ๆ ก็จะรู้สึกว่าคำนี้แปลกๆ จนทำให้เราต้องไปค้นต่อ ซึ่งก็จะไปเจอว่าบางบทที่เราได้มา เพี้ยนอยู่ หรือขาดท่อนไป หรือไม่ถูกไวยากรณ์ครับ
    อย่างน้อย ผมว่าคนที่ยังไม่สามารถนั่งสมาธิได้ทุกวัน แต่ได้สวดมนต์ทุกวัน ก็เหมือนคนที่อาจจะไม่ได้อาบน้ำทุกวัน แต่อย่างน้อยก็เหมือนกับได้ล้างหน้าแปรงฟันทุกวัน ซึ่งก็จะให้ความปลาบปลื้มกับผู้ที่ทำอยู่ไม่น้อยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...