ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาด้วยจ้า น้าหมง
     
  2. หวงจื้อเซวียน

    หวงจื้อเซวียน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,296
    ค่าพลัง:
    +8,718
    ผมขอร่วมทำบุญสร้างองค์พระทันใจ
    ถวาย สำนักสงฆ์สวนป่าศรัทธาธรรม อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ จำนวน 200บาท ครับ<!-- google_ad_section_end -->
    โอนวันที่ 5/01/55 เวลา 20.28น.
    ขออนุโมทนาบุญกับสหายทางธรรมทุกท่านด้วยครับ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2012
  3. konkangwad

    konkangwad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +5,910
    สาธุครับพี่สาว ผมก็ขอโมทนาบุญกับพี่สาวด้วยเช่นกันครับพี่สาธุๆๆ
     
  4. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    โมทนาบุญกับน้าหมงด้วยจ้า.. วันหน้า..ไปถึงวัดเพื่อกันลืม.. (ปลาทองอย่างพวกเรา อัพเกรดแรมกันดีกว่า) พี่หนิงใช้วิธีถ่ายภาพชื่อวัดไว้อ่ะน้า.. นำไปใช้บ้างก็ได้นะ..ไม่ว่ากัน...


    อนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยนะคะ ทุกๆ บุญเลย...ค่ะ เรื่องที่ไปทำบุญมารอสักครู่ใหญ่ๆ นะคะ
     
  5. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    ขอปรึกษาหน่อยนะคะ ปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิหรือสวดมนต์เท่าไรหรอกคะ เคยแต่ไปบวชเนกขัมมะ ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรตอนหลวงพ่อท่านให้ทำกรรมฐาน ท่านก็บอกให้นั่งตามสบาย หลับตา หรือลืมตาก็ได้ พอดีวันนั้นเป็นวันสุดท้ายจะได้ 7 วัน (ทำวัตรเช้าช่วงประมาณตี 4 ) ก็ไม่ได้คิดอะไรคะนั่งหลับตาแต่ง่วงมาก(เหมือนทุกครั้ง) หูขวาได้ยินเสียงเหมือนคนสวดมนต์ ฟังได้พักเดียวก็งงเลยตกใจ แล้วพอดีกับที่หลวงพ่อท่านเคาะระฆังเพื่อเป็นการหยุดทำกรรมฐาน เสียงนั้นก็ค่อยๆเงียบไป ก็เลยถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆว่าเมื่อกี้สวดมนต์หรือป่าว เขาบอกเปล่า ถามใครก็บอกไม่ได้ยิน เพื่อนที่นั่งข้างๆเขาก็เพิ่งกลับเข้ามานั่งตอนที่หลวงพ่อเคาะระฆังไปแล้ว ตอนสายก็ไปถามแม่ชี ท่านก็บอกว่าเป็นนิมิตเสียงซึ่งเราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ท่านก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก พอเราสึกแล้วตอนเก็บของก็ลองนั่งอีกที แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะความอยากรู้มั้งถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนล่าสุดไม่เกิดนิมิตอะไรหรอกนะคะ แต่ว่ามีช่วงหนึ่งที่สวดมนต์นั่งสมาธิแล้วรู้สึกร้อนภายในไปหมด ที่มือก็ร้อนผ่าวๆแต่ก็ไม่ได้แสบนะคะแค่รู้สึกว่าร้อนๆ แต่อย่าว่าจิตคิดอกุศลเลยคะ เพราะช่วงนั้นเราไม่มีอะไรกับแฟนแต่ว่ามันรู้สึกอยากมี ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับตรงไหนกันแน่ระหว่างที่สวดมนต์นั่งสมาธิแล้วเป็นหรือเพราะความอยากมีอะไรกับแฟน (แต่ปกติก็ไม่ค่อยได้มีอะไรกันก็ไม่มีอาการที่ว่าเลยนะคะ)รบกวนท่านผู้รู้หรือเคยผ่านประสบการณ์ด้านนี้ช่วย ชี้แจงให้ฟังด้วยคะ ขอขอบคุณค่ะ
     
  6. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    =เล่าต่อนะคะ=

    ทริปสร้างพระประธานในโบสถ์วัดดอนชะเอม

    ขากลับจากวัดดอนชะเอม มาที่วัดพระอจ. พวกเราแวะ โลตุส express เพื่อแวะซื้อถังทำน้ำหมักให้ที่วัด กะว่าจะทำน้ำยาอเนกประสงค์ พระอจ. ท่านแพ้ผงซักฟอกค่ะ เป็นผื่นขึ้นที่มือและคันมาก ครั้งก่อนท่านกัปตันฝากน้ำยาอเนกประสงค์มาถวายให้ท่านซักผ้าสบงจีวรหลายขวดแต่คงจะหมดไปแล้ว

    พระอจ.เล่าให้ฟังว่าท่านใช้วิธี นำผงซักฟอกมาโรย ตักน้ำใส่ในถัง แล้วหาขวดมาทิ่มๆ (พร้อมกับท่าทางประกอบ..ฮา..) เห็นแล้วก็นะ.. อยากช่วยแต่ไม่สามารถค่ะ

    ไปถึงโลตุส..แต่เราตื่นตา..กับ ตลาดนัดข้างๆ มากกว่า ..ตุ๊กกับเบน..ร่ำๆ จะออกจากศีลแปด เพราะเห็นอาหารแล้วเกิดอาการหิว ไปๆ มาๆ บุญยังส่ง ทำให้ตัดใจได้(กำลังใจดีมาก) หรือสองคนเค้าเตือนสติกันเองไม่ทราบเหมือนกันนะคะ แว่วๆ มาว่าตุ๊กนะ อยากถือศีลแปดยาวถึงสวดมนต์ข้ามปีจบ อานิสงค์สูงมาก..สุดท้ายคือสองสาวยังคุมสติและตั้งอารมณ์ได้ดีทั้งคู่ เก่งมากค่ะน้อง.. โมทนาด้วยนะคะ

    ที่โลตุสไม่มีถังที่เราต้องการ พวกเราเลยซื้อชา น้ำปานะและอื่นๆ ไปถวายพระอาจารย์ พร้อมทั้งซื้อน้ำตาล ซื้อแปรงขัดห้องน้ำ และน้ำยาขัดห้องน้ำ ทำความสะอาดห้องน้ำของวัด ก่อนกลับออกมาเดินตลาดนัดด้านข้างๆ ซื้อผลไม้เพื่อหมัก ซื้อพรมเช็ดเท้าไว้ทีกุฏิที่พัก


    กลับมาถึงวัด เห็นพระอจ.กำลังเจิมรถให้ลูกศิษย์ พอรถเริ่มเลี้ยวเข้าวัด อาการปวดโพรงไซนัสกลับมาเป็นอีก.. ตอนนี้เพิ่งคิดได้ว่าสงสัยพระอจ. จะไม่ได้ไปร่วมงานเพราะท่านป่วย พอได้จังหวะที่เข้าไปกราบพระอจ. จึงถามท่าน ถึงได้ทราบว่าเป็นไปตามที่คิดไว้ค่ะ

    พระอจ. บอกว่าท่านไม่สบายหายใจไม่ออก หลังจากฉันเพลแล้วจึงกลับมาที่วัดไม่ได้ไปร่วมงานด้วย ท่านขอผิดคำพูดไม่ไปนั่งปรกที่วัดดอนชะเอม ท่านส่งพระลูกวัดและคณะแม่ชีไปร่วมแทน หนิงถามพระอจ.ถึงอาการป่วยที่พระอจ. เป็นอยู่คือปวดที่โพรงจมูกขึ้นไปที่หน้าผากใช่ไหมค่ะ พระอจ. ตอบว่าใช่ ท่านหายใจไม่ออกด้วย เกรงว่าจะไปไม่รอด เพราะคืนนี้ต้องนำสวดมนต์ด้วยจึงขอพักดีกว่า หนิงเลยบอกพระอจ.ไปว่า ตอนที่ขับรถออกไปเมื่อเช้า อยู่ๆ หนิงก็ปวดโพรงไซนัส (ทำท่าให้พระอจ.ดู ว่าเป็นตรงไหน) ซึ่งไม่เคยเป็นมานานมากแล้ว อยู่ๆ เป็นขึ้นมาต้องมีเหตุ พระอจ. บอกว่า ใช่ ท่านเป็นตามที่หนิงบอก , แล้วก็ตอนที่กลับมาถึงวัดเป็นอีกรอบ จึงแน่ใจว่า พระอจ.ไม่สบาย ท่านก็ยิ้มๆ ไม่ว่าอะไร

    นั่งคุยไปสักพัก มีลูกศิษย์พระอจ. เข้ามาพบ พวกเราเลยขอตัวออกมาอาบน้ำเตรียมตัวไปช่วยเตรียมของที่จะใช้คืนนี้ พระอจ. บอกว่า มีดอกไม้ ๕ ดอก ธูป ๕ เทียน ๕ เล่ม เมื่อก่อนนี้ไม่เรียกเงิน แต่พระข้างบนท่านว่าไม่ได้ ต้องมีเงินด้วย ๔ บาท ก็จึงต้องขอให้เตรียมเงินมาด้วย ๔บาท (ทางวัดจัดเตรียมจานใส่ดอกไม้ ธูป เทียนไว้ให้ทำบุญตามกำลังทรัพย์ค่ะ เงิน ๔ บาท แต่ละคนนำใส่จานเอง) สำหรับพวกเรา แม่ครูบอกว่าเตรียมไว้ให้แล้ว (วีไอพีจริงๆ เชียว)

    แต่มีแอบเบี้ยวแม่ครูไปสองครั้งค่ะ แม่ครูเตรียมอาหารไว้ให้พวกเรา สองวันแล้วแต่พวกเราไปนั่งฟังพระสวดช่วงถวายเพล ก็เลยได้อานิสงค์ พระอจ.ให้จัดสำรับไว้ให้พวกเรา อาหารที่แม่ครูเตรียมไว้ก็เลยไม่ได้กินซะงั้น เช้าวันสุดท้าย แม่ครูบอกให้มากินกับทางคณะที่เตรียมข้าวต้มมาถวายพระตอนเช้าแทน..ฮา. แม่ครูบอกว่า แม่ไปบอกให้แล้วนะคะ ว่าให้คณะน้องหนิงมากินที่นี่..เอิ๊ก..

    คืนวันที่ ๓๑ หลังจากที่พวกเราอาบน้ำเสร็จแล้ว หนิงถามว่าจะมีใครอยากไปนั่งสมาธิที่วิหารขาวบ้างไหม หนิงชอบที่นี่ค่ะ รู้สึกได้ว่าพลังเยอะมาก.. ท่านกัปตันบอกว่าให้มาก่อน จะตามไป ก็เลยมากับคิมและเบนก่อน กราบพระ และหาที่ส่วนตัวได้แล้ว ทางใครทางคนนั้นค่ะทำสมาธิกันไป ก็เหมือนเดิมคือ พอเริ่มนั่งจนจิตนิ่งสงบรวมเป็นสมาธิแล้ว หนิงขึ้นไปกราบพระ แว่บไป แว่บมา ระหว่างพระ กับนาค..แต่หนิงดื้อขอเลือกอยู่กับพระ.. นาครอก่อนนะคะ..ยังไม่ถึงเวลาเจ้าค่ะ..
     
  7. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามีเสียงฟึดฟัดๆ อยู่ด้านหลัง แล้วเหมือนมีคนเปิดประตูออกไป ไม่รู้ว่าหนิงได้ยินเสียงจากหูหรือว่าจากไหน เป็นเสียงท่านกัปตันดังมาว่า "ไม่ไหวแล้วเว้ย หรือ โว้ย.." ประมาณนี้อ่ะ ตามมาด้วย "ออกไปก่อนแล้วกันนะ จะแย่แล้ว หายใจไม่ออก มันจะเลื้อยตลอดเวลาเลย" ฮา.. ก็ แหม พญานาคท่านมาซะเต็มวิหาร ไม่เลื้อยก็แย่แล้ว.ท่านพี่..

    พอออกจากสมาธิ กราบพระ หันมาอีกที อ้าว เห็นหลังท่านกัปตันไวๆ กำลังเดินลงบันได เราก็ตามออกไปแบบ งง..งง... ว่าเกิดอะไรขึ้น..ฮา.. สักพัก มาเล่าให้ฟังว่าไม่ไหวแล้ว โดนจับดัดคอหักป๊อก..อ่อ ก่อนหน้านี้ท่านกัปตันถามว่า มีหลวงปู่แหวนด้วยป่าว .. เราตอบว่า มะยู้อ่ะ

    จากนั้นพวกเราไปที่ศาลาเพื่อเตรียมหาที่นั่งสวดมนต์ ซึ่งพิธีการสวดมนต์ข้ามปี พระอจ.บอกว่า จะเตรียมพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ด้วย ในคราวเดียวกัน ต้องมีดอกไม้ ๕ ดอก ธูป ๕ เทียน ๕ เล่ม เงิน ๔ บาท เมื่อปีก่อนไม่ได้เอาเงินด้วย แต่พระข้างบนบอกว่าต้องมีเงินด้วย ปีนี้พระอจ.เลยขอให้คนที่จะเข้าร่วมพิธีใส่เงินไปด้วย ๔ บาท (พวกเราก็ซื่อซะ ใส่ไป ๔ บาท แต่คนอื่นๆ เห็นมีเกิน ๔ บาท ฮา..)

    ที่ศาลาใหญ่ที่จะใช้เป็นสถานที่สวดมนต์คืนนี้ มีคนเยอะมาก เยอะกว่าปีที่แล้วหรือไม่ก็ไม่ทราบนะคะ เพิ่งเคยมาปีแรก พวกเราจัดเตรียมจานดอกไม้ธูปเทียนของแต่ละคน หนิงมานึกได้ว่า .. แม่ครูเตรียมไว้ให้เราควรไปถามแม่ครูก่อนดีไหม ว่าใช่ชุดเดียวกับที่ทางวัดเตรียมไว้หรือเปล่า.. กลัวครั้งหน้าแม่ครูไม่เตรียมไว้ให้แล้ว พวกนี้ชอบให้เตรียมเก้อ.. หนิงเลยไปที่กุฏิแม่ชีเพื่อถามแม่ครู สรุปว่า แม่ครูเตรียมไว้ให้แต่ยังไม่มีใครยกมา เลยช่วยกันยกออกมาแบ่งให้พวกเรา โดยนำของทางวัดไปคืน

    ส่วนที่นั่ง พวกเราเลือกนั่งด้านหลัง แต่หนิงนะ กลัวว่าแม่ครูจะเตรียมที่ไว้ให้พวกเราอีก ซึ่งจริงๆ แม่ครูเตรียมที่ให้พวกเราแล้วค่ะ ด้านหน้าแต่เนื่องจากคนเยอะมาก ที่นั่งด้านหน้าก็มีคนมาจับจองพื้นที่นั่งไปแล้ว แม่ครูบอกว่าน้องหนิงต้องมานั่งข้างหน้านะ ไม่งั้นพระอจ. ถามถึงอีกแม่ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร (เอ่อ..คิดนานพอควร เนื่องสถานที่ด้านหน้าค่อนข้างเต็ม) ตัดสินใจชวนน้องตุ๊กไปนั่งด้วย แต่ว่ามานั่งได้ไม่นานต้องเปลี่ยนใจกลับไปนั่งข้างหลังเหมือนเดิม เพราะว่านั่งตรงหน้าอาสนะที่ปูไว้สำหรับพระอจ. พอดี แถม.. อยู่ในระยะใกล้ซะ..เหลือเกินค่ะ

    ที่ไปนั่งข้างหน้าในระยะค่อนข้างประชิดพระอจ. หันไปคุยกับตุ๊ก..ว่า เอาไง ดีฟร่ะ.. ไม่อยากนั่งหน้าขนาดนี้ คิดไปคิดมา อ่อ.. นึกได้ว่า..ใช้จิต..กราบเรียนพระอจ. ก็ได้ และคิดว่าพระอจ.เองก็ทราบว่าพวกเราอยู่ตรงไหนของศาลา ฉะนั้น.. ตัดสินใจบอกตุ๊กว่า ป่ะ .. เราไปนั่งข้างหลังดีกว่า จังหวะเดียวกับคุณยายคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับหลานสาว กำลังหาที่นั่ง ก็เลยเรียกคุณยายมานั่งแทนที่เราสองคน...ฮา.. ได้บุญเพิ่มอีกนิด.. ปัญญาดีขึ้นมาหน่อยนึง..เพิ่งเริ่มคิดได้..ดูสิคะ
     
  8. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    ขออนุโมทนาสาธุกับผู้ใจบุญทุกท่าน ที่มีจิตศรัทธาทำบุญแล้วนำมาเล่าให้ฟัง ทุกๆประสบการณ์ในเวปนี้คะ สาธุ;41
     
  9. ias

    ias Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +57
    สวัสดีค่ะ พี่ me myself ขออนุญาติเรียกพี่สาวนะคะ คือว่าหนูอยากฝึกมโมนยิทธิที่บ้านใจดีค่ะแต่ไม่ทราบว่าจะแจ้งอย่างไรค่ะ เข้าเว็บชุมชนมโมนยิทธิก็ปิดแล้ว ไม่ทราบจะต้องทำอยากไรบ้าง ปกติหนูทำงานจันทร์-เสาร์ ก็จะว่าง วันอาทิตย์วันเดี่ยวค่ะ แล้วหนูทำงานอยู่บางละมุง ชลบุรี ก็สามารถนั่งรถตู้ลงบางนาได้ค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนช่วยสงเคราะห์หนูหน่อยนะคะ หรือแจ้งทาง sai-nam-sai@hotmail.com ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ 082-4962572
     
  10. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    เข้ามาอนุโมทนาด้วยอีกครั้ง มาอนุโมทนาด้วยทีไร อุ่นใจทุกครั้งเลยครับ น้าหมง(ใช่ไหมครับ เผื่อเรียกชื่อไม่ถูก)
     
  11. แม่หมูอ้วน

    แม่หมูอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +6,061
    ขอโมทนาในบุญทุกประการ ทั้งหมดทั้งมวล กับทั้งคุณหมง และคณะคุณสาวทุกท่านค่ะ น้องคิมรอพี่ด้วยนะ ลากๆพี่ไปด้วยคน สงสัยจะตามคิมไม่ทันแล้วละ เล่นไปทุกงานบุญเลยน่ะ พี่ส่งใจไปด้วยนะคะ
     
  12. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    สวัสดีค่ะ พี่วิ.. ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพนะคะ ..

    เล่าต่อนะคะ ท่านกัปตันบอกว่า รอคุณหนิงเขียนให้จบก่อน..ฮา. ธรรมะจากทริปอื่นรออยู่ ไม่ต้องรีบนะ แต่ให้ไว (อันนี้เติมเองค่ะ)


    **เรื่องเก็บเสื่อ นี่ตอนที่ทำวัตรเย็นกับน้องคิม ได้มีโอกาสช่วยพระและแม่ชีเก็บเสื่อ เห็นพระและแม่ชีม้วนเก็บโดยเสื่อตั้งขึ้น ก็เกิดความสงสัยจึงถามว่าทำไมต้องตั้งขึ้นคะ แม่ชีเป็นผู้เฉลยให้ฟัง ว่าหลวงพ่อ(แม่ชีและพระที่วัดจะเรียกพระอจ. ว่าหลวงพ่อค่ะ) สอนว่าให้ตั้งเสื่อขึ้นก่อนที่จะม้วนเก็บ เพราะ...มดแมลง หรือสัตว์ที่เดินอยู่ตามเสื่อ จะตกลงจากเสื่อ (อันนี้หนิงเสริมให้ว่า พระอจ.น่าจะหมายถึงว่าตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกมั้งค่ะ) และ..เศษผงที่อยู่บนเสื่อก็จะตกลงเช่นกัน..(ในใจนะคิดว่า เจ๋งแหะ ความคิดนี้) แม่ชีบอกว่าหลวงพ่อบอกว่าเก็บแบบนี้ เราก็ไม่ต้องใช้วิธีสลัดเสื่อให้เศษฝุ่น เศษผงคลุ้งขึ้นมา (พระอจ.เป็นภูมิแพ้ด้วยค่ะ) รวมไปถึง...การเก็บเสื้อแบบนี้ต้องใช้ความสามัคคีของคนสองคน.. จะช่วยกันตั้งเสื่อคนนึงอีกคนก็ม้วนเก็บ... _/\_

    หลังจากที่เก็บกวาดจนเรียบร้อย ปิดประตูศาลา พวกเราเดินออกมาด้านหลังจะไปเข้าห้องน้ำ ช่วงที่ผ่านด้านหลังองค์พระใหญ่(สมเด็จองค์ปฐม) มือหนิงเปื้อนอะไร จำไม่ได้แล้วค่ะ ไปหยิบจับอะไร หรือว่าไปจับน้องหมาตัวเล็กๆ ก็จำไม่ได้.ฮา. จำได้แต่ว่ามือเปื้อนจะไปล้างมือ แต่ตอนที่เดินกันมาเป็นกลุ่ม ผ่านด้านหลังขององค์พระใหญ่ หนิงได้ยินเสียงถามว่า "เอาพรปีใหม่ไหม" ฮา. .. เป็นเรืองเฉพาะตนจริงๆ นะคะ หันไปเห็นทุกคนยังเดินหน้าตาเรียบเฉย.. แต่ในใจคิดแย้งกันว่าจะไปล้างมือก่อน เพราะมือไม่สะอาด หรือจะไปรับพรก่อนดีละ...คิดไม่นานค่ะ มือสกปรกเพราะนั่นคือร่างกายที่สกปรก จิตเราไม่ได้สกปรก พระท่านเมตตามาแล้วถ้าช้าโอกาสหมด..พร..ไม่ได้รับ.. จะขอใหม่ก็ใช่ที พระท่านไม่ได้มีเวลามาสงเคราะห์บ่อยๆ ..ฮา. วิ่งไปรับพร ทั้งๆ ที่มือยังไม่ได้ล้างละคะ

    "พระท่านให้พรมาว่า ขอให้สมปรารถนาทุกประการ" โอย.........แค่นี้ก็เป็นปลื้มแล้ว.. คิดเผื่อให้ทุกท่านแล้วนะคะ ว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีนี้ไป พวกเราทุกคนที่ปรารถนานิพพานสมบัติ ขอให้ได้ตามปรารถนา ให้พวกเราและทุกคนในครอบครัวเป็นที่รักของเทพเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย โดยมีนิพพานเป็นที่หมาย ให้พวกเราทุกคนอยู่ในสัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา ไม่เลี้ยวไปหามิจฉาทั้งปวง (ถึงตรงนี้ไม่รู้ว่าตัวเอง หูแว่วหรือว่าเพี้ยนไปหรือเปล่านะคะ เพราะเห็นสมเด็จท่านยกมือประทานพร มีพระฉัพพรรณรังสีสว่างมาที่ตัวหนิง รวมถึงได้ยินเสียงสาธุการของพรหมเทวดา มากมาย)


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5492.JPG
      IMG_5492.JPG
      ขนาดไฟล์:
      119 KB
      เปิดดู:
      596
    • IMG_5502.JPG
      IMG_5502.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.9 KB
      เปิดดู:
      668
  13. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    กลับมา เล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่าสมเด็จท่านให้พรมา (อ่อ ก่อนไปนะ บอกท่านกัปตันว่าเดี๋ยวมานะ ไปรับพรก่อน) จากนั้น พอน้องๆ ที่ไปเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปกราบพระอจ.ในกุฏิ ได้สนทนากับพระอจ. ท่านนานพอสมควร จนตีสามพระอจ.ถามว่า พวกเธอไม่นอนกันหรือ ไปนอนกันได้แล้ว..ฮา.. ถ้าพระอจ.ไม่ให้กลับเราก็จะอยู่ต่อค่ะ นานๆ มีโอกาสมารับธรรมะจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งที ไม่อยู่รับให้คุ้ม แต่บาปนะเนี่ย

    เช้ามาเหมือนเดิมค่ะ ตื่นสายนอนกันหลับสนิทมาก เช้าตื่นมาต้องรีบวิ่งเข้าครัว เพราะซื้อชมพู่มาถวายพระ วันนี้พระอจ. บอกว่าท่านไม่ฉันเช้า เพราะเมื่อคืนนี้นอนเช้ามาก.. (เล่นเอาหนิงฟังแล้วอึ้ง กราบขอขมาพระอจ. ไม่ทันเลยค่ะ) แต่พระอจ. บอกว่า หลังจากที่พวกเรากลับไป ท่านนั่งสนทนากับอีกคณะจนถึงตีสี่ พระมาทำวัตรเช้าท่านจึงให้ไปทำที่วิหารแทน

    พวกเราอยู่จนถึงบ่าย เก็บกวาดศาลา ทำน้ำหมัก น้องเบนอาสาเป็นคนขัดห้องน้ำ (โมทนาด้วยนะคะ)

    น้องๆ ถามว่าแล้วเราจะกลับกันตอนไหน กี่โมง .. เป็นธรรมเนียมที่มากราบพระอจ. เวลากลับไม่แน่นอนค่ะ ขึ้นอยู่ที่พระอจ. จะให้กลับตอนไหน บางทีพวกเรากราบลาท่านแล้ว ลาอีก เพื่อให้พระอจ. ท่านพักผ่อน ท่านก็จะยิ้มๆ ถามว่าจะกลับกันแล้วเหรอ แล้วนั่งคุยต่อจนลืม พอรู้สึกตัวได้ว่า อ้าวตะกี้กราบลาพระอจ. แล้วนิ.. ฮา....เคยมีครั้งหนึ่งกราบลาพระอจ. ตั้งแต่บ่ายสองโมง ได้กลับจริงๆ 6 โมงเย็น มีเหตุค่ะ ที่พระอจ.ท่านดึงไว้..รอเวลาที่เหมาะสม

    ครั้งนี้ก็เช่นกันที่คิมถามมา พี่หนิงตอบไม่ได้ ตอบได้แต่ว่าแล้วแต่พระอจ. แต่ครั้งนี้โชคดีที่เข้าไปกราบลา พระอจ.ท่านให้พร แล้วพวกเราก็กลับได้..อาจจะเป็นเพราะว่าพระอจ.ท่านเหนื่อย ต้องการพักผ่อนมั้งค่ะ พระอจ.นั่งไล่วันที่ท่านว่าง และรับกิจนิมนต์ให้หนิงฟัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หนิงฟังแล้วเหนื่อยแทน

    ก่อนจะเข้าไปกราบลาพระอจ. หนิงไปลาแม่ครู เห็นแม่ครูจะนำน้ำลูกตาลไปถวายหลวงตา หลวงตาท่านอายุมากแล้วค่ะอาพาธด้วย แต่แม่ครูบอกว่าหลวงตาไม่อยู่ (จริงๆ หลวงตาบอกว่าท่านอยู่ในบริเวณโบสถ์นี่ละ ไม่ได้ไปไหน..) พวกเราเลยได้มานั่งสนทนากับแม่ครูได้สักพัก หนิงเห็นหลวงตาเดินมาพอดีเลยบอกแม่ครู แม่ครูจึงชวนให้ไปกราบหลวงตา ครั้งแรกเพื่อนๆ ไม่เข้าไปด้วยให้หนิงไปกราบหลวงตาพร้อมแม่ครู

    พอเห็นดวงตาสีฟ้าเป็นประกายของความเมตตาจากหลวงตา หนิงอดใจไม่อยู่ ต้องกวักมือชวนเพื่อนๆ มากราบ...ค่ะ..

    เล่าสู่กันฟังนะคะ หนิงได้รับการสอนมาว่า..การที่เราวิ่งตามหาพระดีเพื่อเข้าพบ และไปกราบเพื่อเพิ่มบารมีของตัวเอง หรือว่าถือว่าเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่เราคิดถูกครึ่งเดียว บางครั้งพระดีอยู่ตรงหน้าเรา แต่เรากลับมองข้ามท่านไป โดยไม่ใส่ใจและไม่ยินดี

    ท่านที่ได้มโนมยิทธิ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่เราเคยบำเพ็ญสร้างสมมาแล้วในอดีต ไม่ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ในชาติปัจจุบันนี้ การที่เราทราบว่าพระดีอยู่ที่ไหน ใช้มโนไปกราบท่านก็สำเร็จตามที่ปรารถนาค่ะ เหมือนที่เราใช้มโนมยิทธิขึ้นไปกราบพระที่พระนิพพานค่ะ ถือเป็นการฝึกใช้วิชชามโนมยิทธิให้คล่องแคล่วด้วยนะคะ

    ส่วนการไปกราบด้วยกายเนื้อ ตามวาระและโอกาสค่ะ บางท่านที่ได้อ่านประสบการณ์ที่พวกเราไปพบไปเจอมา หนิงเชื่อว่าหลายๆ ท่านอยากมีส่วนร่วมไปกราบ หรือขอเดินตามรอยไปกราบพระ ไปตามวัดที่พวกเราได้ไปกันบ้าง ในส่วนนี้ขอโมทนาในความตั้งใจของทุกท่านด้วยนะคะ แต่..กราบขอขมาล่วงหน้าว่า บางครั้งพวกเราเองไม่ได้มีความคิดว่าอยากไป หรือคิดว่าอยากไป แต่ไม่คิดว่าต้องไป ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบเหมือนกัน ทำให้พวกเราต้องไป ดังเช่นเรื่องที่พวกเราได้ไปกราบหลวงปู่จิตติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2012
  14. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ตอนขาไป ในใจหนิงคิดไว้ว่า ถ้ามีโอกาสเหมาะๆ และได้กลับเร็ว จะชวนเพื่อนๆ ไปกราบพระสรีระสังขารของหลวงปู่จิตติ ท่านเพิ่งละสังขารไปเมื่อมกราคมค่ะ คณะศิษย์ได้อัญเชิญร่างท่านบรรจุในโลงแก้ว นำไปไว้บนเขา

    หนิงเคยได้มีโอกาสมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้กราบหลวงปู่เพราะหลวงปู่อาพาธ พระที่วัดบอกว่าให้ขึ้นมากราบพระในถ้ำบนเขาสิ ก็เลยได้ขึ้นไป พอขึ้นไปแล้วกลับต่อมน้ำตาแตก ตรงห้องภายในถ้ำ ที่รูปหลวงปู่ใหญ่ (มารู้ภายหลังว่าห้องนี้หลวงปู่ใหญ่เคยมาสอนหลวงปู่จิตติบ่อยๆ ค่ะ)

    ขากลับในรถ อยู่ๆ ก็นึกถึงหลวงปู่จิตติขึ้นมาเฉยๆ ก็เลยถามเพื่อนๆ ว่าอยากแวะกราบหลวงปู่จิตติกันป่าว ทุกคนไม่มีความเห็น คือไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้.. ตามใจคนขับ.. มีหลงนิดหน่อย..ตามฟอร์มของหนิง..ของแท้ ต้องหลง..แต่ก็ไปถึงวัดได้(แอบอธิษฐานในใจถึงหลวงปู่ว่า ถ้าได้ไปขอเมตตาจากหลวงปู่ด้วยค่ะ) สุดท้ายคือได้ไป แต่การที่จะไปแบบง่ายๆ นะไม่ใช่พวกเรามั้ง..ฮา..

    ขับรถเข้ามาที่วัด เงียบมาก เงียบจนเอะใจว่าจะมีพระอยู่หรือเปล่าหนอ แล้วถ้ำจะเปิดให้พวกเราเข้าไปกราบหลวงปู่หรือเปล่าเนี่ย มีรถคิมคันเดียวเอง แต่..ไหนๆ มาแล้ว พาไปจอดที่หน้าทางขึ้น เข้าห้องน้ำทำธุระก่อนจะขึ้นไปกราบพระกันก่อน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    พวกเราเดินขึ้นบันไดไปยังถ้ำที่อยู่ด้านบน ครั้งที่แล้วที่มามีพระสงฆ์รูปหนึ่งท่านบอกว่า หลวงปู่สั่งให้พระขึ้นมาดูแลที่ถ้ำนี้ จะผลัดเปลี่ยนกันมา ตอนที่เดินขึ้นไปก็ได้แต่ขอให้มีพระอยู่จะได้ขออนุญาตท่านเข้าไปด้านใน แต่..พอขึ้นไปแล้วเงียบมาก ประตูรั้วถูกปิดไว้ ไม่ได้ล็อคมีป้ายเขียนไว้ว่า เปิดแล้วกรุณาปิดด้วย.. พวกเรากราบพระพุทธรูปด้านนอกแล้วขออนุญาตเดินเข้าไป โดยหนิงนำเข้าไปก่อน ตามด้วยคิม ตุ๊ก เบน ส่วนท่านกัปตันนะ รั้งท้ายและทำท่าเหมือนไม่อยากเข้ามา

    ผิดกับหนิงที่เดินเข้ามาแบบออกอาการอยากเข้ามาก..(ไป) พอลงมาได้นิดนึง มองหาพระเพื่อขออนุญาตไม่พบท่าน จึงชะงักไม่กล้าเข้าไปลึกกว่านั้น ในใจก็เตรียมจะขออนุญาต แต่ได้ยินเสียงหลวงปู่ใหญ่ดุมาก ถามว่า "ใครอนุญาตให้เข้ามา" เห่อ..เห่อ.. ได้ยินแล้วหนาวค่ะ กราบขอขมาแล้วรีบหันหลังกลับ แต่..ยังอดเสียดาย ยังแอบบ่นน้อยใจเล็กๆ ว่า "หลวงปู่ขา ครั้งที่แล้วหนิงมากราบหลวงปู่ก็ไม่ได้พบหลวงปู่อาพาธ นี่มาถึงที่แล้วก็ยังไม่ได้กราบอีกหรือคะ น้อยใจแล้วค่ะ ขอหลวงปู่เมตตาลูกหลานด้วยนะคะ พวกเราจะไม่มีบุญได้กราบสังขารหลวงปู่จริงๆ หรือ ถ้าหลวงปู่เมตตาขอให้ได้พบพระหรือมีคนมาช่วยพาเราไปกราบหลวงปู่ด้วยเถิดค่ะ"

    คิดในใจแล้วเดินหันหลังออก ไม่กล้าอยู่ต่อกลัวได้ยินเสียงตอบ แต่ในใจยังคิดว่าได้เข้า ได้กราบ คิดว่าตัวเองสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ ดูจากเหตุการณ์แล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ พอออกมาก็เดินตามท่านกัปตันที่เดินลงมาก่อน กับตุ๊ก และคิม หนิงกับเบนยังอ้อยอิ่ง..เดินลงแบบ.. น่านะ.. จะไม่ได้เข้าถ้ำจริงๆ หรือ.. สักพักได้ยินเสียงท่านกัปตันบอกว่า มีรถมา รอข้างบนก็ได้เผื่อมีคนมา พวกเราก็รอกันข้างบนสักพักมีผู้ชายคนหนึ่ง ลงมาจากรถแล้ววิ่งตรงขึ้นที่ถ้ำ มาพูดทักทายอะไรกับท่านกัปตันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่พอมาถึงตรงที่หนิงและเบนยืนอยู่ ผู้ชายคนนั้นพูดว่าสวัสดีครับ มากราบหลวงปู่หรือครับ

    ก็ตอบไปว่า ตั้งใจจะมากราบหลวงปู่ค่ะ แต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะไม่มีพระอยู่
    ผู้ชายคนนั้น บอกว่า มาครับตามผมมา ถูกตามมาหรือเปล่าเนี่ย แล้วก็หัวเราะ

    เล่าย่อๆ ให้ผู้ชายคนนี้ฟัง ว่าทราบข่าวในงานหลวงปู่ลมัยวันที่ ๑๘ มกรา แต่ไม่สามารถมาได้ วันนี้ไปวัดพระอจ.มา ได้โอกาสเลยชวนเพื่อนๆ แวะมา , ผู้ชายคนนั้นบอกว่า งั้นตามผมมาเลยครับ โทรหาหลวงพี่แล้ว สงสัยจะจำวัดมากกว่าไม่เป็นไร ตามผมมาแล้วกันผมพาเข้าไปเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5525.JPG
      IMG_5525.JPG
      ขนาดไฟล์:
      240.6 KB
      เปิดดู:
      434
    • IMG_5527.JPG
      IMG_5527.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.4 KB
      เปิดดู:
      382
    • IMG_5528.JPG
      IMG_5528.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.4 KB
      เปิดดู:
      395
  15. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    พวกเราเลยได้เข้าไป หนิงขออนุญาตเข้าไปในห้องที่หลวงปู่ใหญ่เคยมาสอนหลวงปู่จิตติ เพื่อไปกราบหลวงปู่ใหญ่ จากนั้นก็สองคนพร้อมใจกันไปกราบในจุดๆ เดียวกัน เหมือนนัดและรู้ว่าจากจุดนี้จะไปกราบตรงไหนต่อ

    พอถึงจุดนี้...(ตามภาพ)


    ครั้งที่แล้วตรงนี้หนิงไม่เคยรู้มาก่อนว่ารูปปั้นพระองค์นี้คือพระรูปใด แต่นั่งแล้วขยับไปไหนไม่ได้ บ่อน้ำตาแตกตรงนี้มากมาย ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกันแต่อาการเบากว่าครั้งที่ผ่านมา ถ้าถามว่าร้องไห้เพราะอะไร จะบอกว่าจุดนี้เหมือนร้องไห้ด้วยความปิติยินดีประมาณนั้นค่ะ พอผู้ชายคนที่พาเข้ามา (ขอเรียกว่า ช. นะคะ) เห็นหนิงนั่งร้องไห้ ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่มองนิ่ง หนิงถามไปว่าสังขารหลวงปู่อยู่ในห้องไหนหรือค่ะ คุณช. ตอบว่า ทางนี้ครับ ในห้องคือเป็นถ้ำที่ลักษณะเป็นห้องค่ะ ครั้งที่แล้วมายังคิดว่าจุดตรงนี้ดีจังเลยเหมือนเป็นห้องที่เตรียมไว้ทำอะไรบางอย่าง มีประตูเหล็กปิดไว้ด้วย ซึ่งพระศพหลวงปู่ในโลงแก้ว อยู่ในห้องนี้ค่ะ ติดล็อกกุญแจไม่สามารถเข้าไปได้แล้วทีนี้ ต้องรอพระท่านอย่างเดียว

    ก็เลยกราบหลวงปู่ด้านนอก ฮา.. ยังมีแอบขออีกละค่ะ ขอในใจว่าหลวงปู่ค่ะ เมตตาลูกหลานมาจนถึงตอนนี้แล้ว ลูกหลานจะไม่มีโอกาสมีบุญเข้าไปกราบหลวงปู่ด้านในจริงๆ หรือค่ะ ขอหลวงปู่ช่วยอีกครั้งนะคะ ถ้าลูกหลานมีบุญ ขอให้พระท่านนำกุญแจมาให้ด้วยเถิดค่ะ

    หนิงกับคุณช. ออกมานั่งมองภาพหลวงปู่ใหญ่ (ส่วนท่านกัปตัน และคนอื่นๆ นั่งอยู่หน้าห้องหลวงปู่จิตติ) คุยกับคุณช. ต่อแอบบ่นว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปกราบหลวงปู่จิตติ ไม่รู้ว่าจะมีบุญได้เข้าไปหรือเปล่า คุณช. บอกว่า นั่งรอก่อนครับผมว่าพวกคุณน่าจะได้เข้าไปนะ ต่างคนต่างนั่งมองภาพหลวงปู่ใหญ่ คุณช. บอกว่าภาพหลวงปู่ใหญ่เนี่ย ลูกศิษย์หลวงปู่จิตติถ่ายไว้ได้ คนถ่ายยังมีชีวิตอยู่นะ แต่มีคนเอาไปลงเว็บ พูดกันเรื่อยว่า คนนั้นถ่ายได้ คนนี้ถ่ายได้ คนถ่ายตัวจริงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย ก็เลยเล่าให้คุณช. ฟังว่าครั้งแรกที่ได้มา เหมือนมีแรงดึงดูดให้มาตรงนี้ แล้วก็มานั่งแปะอยู่ตรงนี้ โดยที่ไม่รู้ว่ารูปปั้นพระองค์นี้คือใคร รูปหลวงปู่จิตติอยู่ด้านข้างก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ คุณช. บอกว่า ผมว่าคุณก็ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ละครับ ไม่งั้นไม่ได้มาที่นี่หรอก ผมว่าคุณถูกตามมาโดยไม่รู้ตัว พวกคุณทั้งหมดเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น ไม่งั้นวันนี้ผมไม่ได้มาหรอกครับ (ตอนนี้ยัง งง..งง..นะคะ)

    ถามคุณช. ว่าหลวงปู่เตรียมห้องนี้ไว้ล่วงหน้าหรือคะ เพราะครั้งที่แล้วมาห้องนี้ปิดไฟ หนิงยังมาแอบดูเลย ยังคิดว่าห้องนี้ต้องสำคัญ ใช้เก็บของสำคัญ คุณช.บอกว่าหลวงปู่ท่านเตรียมไว้นานหรือยังผมไม่ทราบครับ แต่ท่านสั่งลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดว่าถ้าท่านตายให้เตรียมโลงแก้ว นำร่างท่านมาไว้ในโลงแก้ว มาไว้ที่ห้องนี้ นี่ตั่งรองก็ยังไม่เสร็จถ้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะคล้ายๆกับหลวงพ่อวัดท่าซุงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3398.JPG
      IMG_3398.JPG
      ขนาดไฟล์:
      660.4 KB
      เปิดดู:
      105
  16. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    คุยกันไปได้สักพัก ได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ หรือนาฬิกาปลุก แล้วก็มีพระสงฆ์เดินออกมายื่นกุญแจให้คิม ถึงตรงนี้หนิงเห็นแล้วแอบดีใจเล็กๆ ว่าได้เข้าไปกราบแล้ว คุณช. บอกว่า เห็นมะผมว่าแล้ว คิมเหมือนจะยัง งง..งง.. หรือยังไงไม่ทราบได้ค่ะ แต่ก็นำกุญแจไปไข คุณช. ก็เดินนำเข้าไปกราบหลวงปู่ หนิงตามไปคนสุดท้าย แต่ทะลึ่งเดินผ่านเพื่อนๆ ไปนั่งซะหน้าโลงแก้วหลวงปู่ กราบและขอขมาหลวงปู่เสร็จ ในใจกราบขอบคุณที่หลวงปู่เมตตาสงเคราะห์ให้ได้เข้ามา (อารมณ์ตอนนี้ เป็นอารมณ์ดีใจที่คำขอของตัวเองสัมฤทธิ์ผล เป็นมิจฉาทิฐิตัวหนึ่งนะคะ ไม่ควรยึดติด) ก้มกราบครั้งแรก ยังไม่เท่าไหร่ ก้มกราบครั้งที่สอง และครั้งที่สาม ในใจตอนที่กราบครั้งที่สามคือกราบขอบคุณที่หลวงปู่แสดงธรรมะครั้งสุดท้ายให้ลูกหลาน ทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่มีใครนำติดตัวไปได้ แม้แต่สังขารร่างกายอันเป็นที่รักของเราและของคนทั้งหลาย ติดรูป ติดกายเมื่อหมดลมหายใจแล้ว กายก็เหมือนท่อ่นไม้ท่อนนึง วางนิ่งสนิทใครจะมาทำอะไรก็ได้ แม้แต่พระอริยะ ยังต้องละสังขารเป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ทั้งสิ้น พอคิดจบตรงนี้ละค่ะ .. ได้ยินเสียงหลวงปู่จิตติและเห็นหลวงปู่มายืนข้างๆ พูดเบาๆ ว่า "มาช้าจังเลยลูก" ทำนบ เขื่อน บ่อน้ำตาแตกพุ่งกระฉูด ใครจะฉุดรั้งอย่างไร บิ๊กแบคก็กั้นไม่อยู่ปล่อยโฮซะ น่าขายหน้า.. (อารมณ์ตอนนี้ คือ.. เหมือนเราเสียใจที่สูญเสียญาติผู้ใหญ่ที่เรารักไป ก็พลาด..ตรงที่ไม่มีสติควบคุมอารมณ์จิตของตัวเอง ร้องไห้ ปล่อยโฮออกมาสักพัก ดึงสติระลึกได้ว่าทุกคนก็ต้องตายเช่นเดียวกับหลวงปู่ทั้งสิ้น ถึงได้หยุดอาการร้องไห้ หยุดแบบดิสเบรค..เอบีเอี๊ยด..ดดดดดดดดดด.. ในบัดดล ..อารมณ์ตรงนี้ แตกต่างจากที่ได้ไปกราบหลวงปู่ฤาษีลิงดำครั้งแรกที่วัดท่าซุงนะคะ ต่างกันตรงที่วันนั้นจับอารมณ์ไม่ได้ รู้สึกอย่างเดียวเหมือนว่าตัวเองได้พบกับญาติผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบกันมานาน แต่ท่านตายไปแล้ว และที่สำคัญคือร่างกายเราขยับไปไหนไม่ได้)

    พอสติสตังค์ กลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนเดิม ก็ถามคุณช. ไปว่า ร่างหลวงปู่เปลี่ยนไปไหมค่ะ คุณช.บอกว่าเกือบจะไม่เปลี่ยน ขออนุญาตคุณช. เก็บภาพหลวงปู่ , คุณช. บอกว่า ขอกับหลวงปู่เองนะครับ ก็เลยตั้งจิตขออนุญาตจากหลวงปู่แล้วเก็บภาพมา (ไม่ขอลงนะคะ เพราะว่าศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ท่านยังไม่นำภาพมาเปิดเผย จึงขอสงวนสิทธิ์ไว้ค่ะ บวกกับไม่ได้ขอว่าจะมาลงเว็บด้วยค่ะ)
     
  17. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ตอนกลับออกมา คุณช. ถามว่า ไปไหนกันมาหรือครับ หรือว่าตั้งใจมาที่นี่ ตอบคุณช. ไปว่าเราไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดพระอจ. มา คุณช.บอกว่าอ่อ.. ผมก็บ่อยครับ คุณช. บอกว่า ยังมีลูกศิษย์หลวงปู่อีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าหลวงปู่ละสังขารไปแล้ว ผมคิดว่าพวกคุณถูกตามให้มากราบหลวงปู่ซะอีก

    หนิงได้กล่าวขอบคุณ คุณช. ไป คุณช. ตอบกลับมาบอกว่าไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เป็นหน้าที่ของผม เมื่อคืนนี้หลวงปู่เข้าฝันบอกผมว่า "เอ็งช่วยไปทำธุระที่ร่างข้าให้หน่อย ตอนสามโมงเย็น" ตัวคุณช. เอง ก็ยัง งง..งง.. ว่ามาทำไม แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ถ้าหลวงปู่สั่งอะไรก็ทำตามนั้น (ไม่เห็นเหมือนหนิงเลย.. รู้สึก รับรู้ได้ แต่ดื้อคิดว่าตัวเองเพี้ยน)

    พอได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง คุณช. บอกว่า ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าหลวงปู่ให้ผมมาทำไม (มาเปิดประตูให้พวกเราไงค่ะ) คุณช. เล่าให้ฟังว่า คุณช. เป็นนายทหารขับรถให้หลวงปู่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเมตตามากแม้กระทั่งลูกศิษย์ที่เป็นทหารที่เครื่องบินตกเมื่อครั้งที่แล้ว ท่านก็เมตตาโทรไปเตือนแต่..ด้วยหน้าที่เนอะ

    แหม.. หลวงปู่ท่านทราบล่วงหน้า ส่งคนรถให้มาช่วยเปิดประตู ช่วยนำพวกเราเข้ามากราบหลวงปู่นี่เอง สังโฆอัปมาโณ กราบหลวงปู่จิตติด้วยความเคารพสูงสุดค่ะ _/\_

    เป็นเรื่องเฉพาะตนนะคะ โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน และอย่าพึงเชื่อในข้อความที่เห็นทั้งหมด
     
  18. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    โมทนาบุญด้วยครับ พี่หนิง
    สาธุ สาธุ สาธุ


     
  19. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ขอโมทนาบุญกับพี่หนิง ท่านกัปปิตัน และทุกท่านที่ร่วมเดินในครั้งนี้ด้วยครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอกราบแทบเท้าหลวงปู่ ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

    (ปล. อ่านไปก็ขนลุกไป ลองหลับตาแล้วนึกว่าผมเดินทางร่วมบุญไปด้วย...สาธุ ขนลุกครับ)


     
  20. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    รายงานทริปถือศีลที่ภูโน ๑๐-๑๒ ธ.ค. ๕๔

    ทริปนี้มีไปกันประมาณสามสิบกว่าคน แบ่งเป็นรถตู้สองคัน รถส่วนตัวอีกสองคัน รถตู้คันที่ดิฉันนั่ง จะมีคุณหนิง น้องเบน น้องตุ๊ก พี่วิ น้องวิน น้องตั้ม น้องคิม น้องตู่ น้องปาล์ม น้องบีม น้องอ้อยคุชิ ส่วนอีกคันก็จะเป็นน้องๆเพื่อนๆน้องวิน รถตู้มาแวะรับดิฉันกับน้องเบนและน้องตู่ที่บ้าน น้องตู่ให้แฟนมาส่งที่บ้านดิฉัน รอขึ้นรถพร้อมกัน แล้วรถตู้ทั้งสองคันก็ไปนัดเจอกันที่ปั้ม ปตท ออกเดินทางกันคืนวันที่ ๙ อาทิตย์นั้นเป็นวันหยุดยาวติดต่อกันสามวัน ทำให้รถติดมาก จากที่นัดว่าจะมารับตอนสองทุ่มกลายเป็นว่ามาถึงตอนสี่ทุ่มกว่า ดิฉันทำข้าวเหนียวหมูทอดไว้แจกทุกคน มีข้าวไข่เจียวทรงเครื่องอยู่สามกล่อง กับข้าวหมูทอดอีกหนึ่งกล่อง กลัวว่าคนอื่นๆจะยังไม่ได้กินข้าวกันมา


    ไปจอดแวะกินข้าวที่ปั้มกัน รอรถอีกคันด้วย พออิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ รถคันที่เรานั่งจะเป็นคันตาม ส่วนอีกคันจะเป็นคันนำหน้า แล้วใช้วิทยุคุยกัน ทุกคนนั่งหวาดเสียวกันเป็นระยะๆ โดยเฉพาะน้องสรคิม เพราะว่านั่งอยู่ด้านหน้า จะเห็นเหตุการณ์แบบเต็มๆ เพราะว่ารถคันหน้าจะวอให้รถคันหลังตามให้ติดๆ อย่างพอถึงสี่แยกไฟแดง ไฟยังเขียวอยู่ ก็จะวอบอกว่า เร็วๆๆเลย ตามมาๆ เอาไฟเขียวนี้แหละ ซึ่งคนขับรถก็จะรีบเหยียบให้ทัน จ่อก้นคันหน้าไปติดๆ ซึ่งเวลาเบรกทีก็เหมือนจะชนท้ายกัน ทำให้หวาดเสียวใจเล่น ฮา อย่างบางทีจะแซงรถ คันหน้าก็จะวอว่า ตามมาๆ แซงรถคันนี้ไป มายาวเลย ไม่ก็ มีรถทางซ้าย รอก่อน วอกันตลอดทาง แต่บึ่งกันเต็มสตีมเลย คนนั่งดูหัวใจจะวาย ฮา น้องสรคิมมาบ่นว่า แหม..จะรีบไปไหนกัน ก็บอกว่า เขากลัวไม่ทันไฟเขียวไง สรคิมว่า ก็รอไฟเขียวหน้าก็ด้ายยย ไม่ต้องรีบขนาดน้านก็ได้ ต้องบอกว่า เขากลัวคลาดกันซิ เกิดคันหน้าผ่านไปได้ คันหลังติดไฟแดง มันจะตามกันไม่ทัน อิอิ


    สรุปเราก็ไปถึงภูโนตอนสักประมาณเจ็ดโมงได้ ก็เตรียมตัวขนของลงไปเก็บ ไปจัดแจงหาที่พัก ใครจะอยู่ตรงไหน ศาลาพักหลังไหน ก็เอาของไปเก็บกันก่อน ก็หาที่กางเต้นท์ แล้วก็มาช่วยกันขนของที่เอามาถวายไว้ไปไว้บนวัด ดิฉันนำน้ำยาเอนกประสงค์ไปถวายด้วย พร้อมด้วยแก้วน้ำและถ้วยกาแฟ มีต้นโพธิ์ที่ดิฉันถอนจากประตูรั้วหน้าบ้านแล้วก็ปลูกไว้ในกระถางจนโตเอาไปถวายวัดเหมือนกัน และก็เมล็ดพันธุ์พืชที่ได้จากน้องเจี๊ยบไปถวายให้ที่วัดด้วย ส่วนคุณหนิงก็นำพระธาตุนาคนฤมิตรไปถวายให้พระอาจารย์ ตอนที่พวกเราขนของไปตรงที่ทำบุญ ปู่ก็ออกมาจากห้องพอดี ก็ได้สนทนากับปู่ แล้วปู่ก็เอาลูกแก้วพญานาคมาให้พวกเราชม แต่ละคนก็กรูกันเข้าไปขอดู ขอถ่ายรูป ไม่ก็เอามาจับต้องถือไว้ในมือ แล้วสุดท้ายก็มีพี่ๆน้องๆ พากันบูชาไปคนละลูกสองลูก จากนั้นก็ได้ทำบุญถวายเพลพระ

    รับศีลแปดกัน เมื่อพวกเราทานอาหารกันเสร็จก็ได้มานั่งคุยกับปู่อยู่พักหนึ่ง ก็ไปช่วยพระอาจารย์เพชรหล่อพระกัน บางคนก็เดินขึ้นทางลัด

    น้องวินถามว่า - พี่สาวจะเดินขึ้นทางลัดไหม หรือจะเดินไปทางองค์พระใหญ่ทางถนน


    เราก็เลยว่า - ไปทางถนนดีกว่า เพราะว่าพี่วิ เข่าไม่ค่อยดี เดี๋ยวพี่เขาจะเดินลำบาก แต่จะให้พี่เขาเดินไปทางถนนคนเดียว พี่เขาก็ไม่เคยมา เดี๋ยวพี่เดินไปเป็นเพื่อน


    สุดท้ายก็เลยเดินไปทางองค์พระใหญ่กัน มีสี่คน มีดิฉัน พี่วิ น้องตุ๊ก น้องแก้ว ตอนก่อนที่จะขึ้นไปปู่บอกว่า ใครอยากจะช่วยขนดิน ขนหินขึ้นไปสร้างพระก็แบกๆกันไปนะ พอพวกเราเดินผ่านกองทราย กองหิน ก็ว่าจะช่วยกันขนขึ้นไป แต่..โอ้โฮ หนักฉิบเป๋ง แบกไม่ไหวอ่ะ ทางเดินก็ชัน เดินลำบาก ขืนแบกขึ้นไปก็ได้ไม่กี่ก้าว แต่พี่วิมีถุงพลาสติกติดกระเป๋าอยู่หนึ่งใบ พี่วิเลยตักทรายใส่ถุงหิ้วมาหนึ่งถุง อิอิ อนุโมทนากับพี่วิด้วยค่ะ พอมาถึงตรงที่สร้างองค์พระ พระอาจารย์กับช่างก็กำลังแกะบล็อกองค์พระออก ตรงนี้จะหล่อพระสามองค์ค่ะ ท่านหล่อไปแล้วหนึ่งองค์ แล้วก็จะหล่อเพิ่มอีกหนึ่งองค์วันนี้ พอแกะบล็อกพระออก ก็ต้องเอาบล็อกพระมาทาด้วยน้ำมันเครื่องให้ทั่ว เพื่อเวลาหล่อเทปูนแล้วจะได้ไม่ติดบล็อก พวกเราก็ไปช่วยกันทาบล็อกองค์พระ แล้วก็ให้ช่างนำไปประกอบ ซึ่งพวกผู้ชายก็ขึ้นไปช่วยกันประกอบบล็อกองค์พระสำหรับที่จะหล่อองค์ต่อไป ส่วนองค์พระที่หล่อแล้ว ก็ต้องมาขัดเกลาตกแต่งเพิ่มเติม พวกเราก็เลยช่วยกันเอาปูนไปทาปิดรอยรูฟองน้ำ หรือเพิ่มเติมส่วนที่ขาดให้เต็ม ขัดผิวองค์พระ ตอนแรกดิฉันก็ใช้เกรียงแบบที่ช่างทำ แต่ว่ามันไม่ถนัด เพราะว่าบางที่รูฟองน้ำนิดเดียว เลยตัดสินใจใช้นิ้วป้ายปูนไปลูบทาแทน เสร็จงานนี้ปูนกัดนิ้วจนหนังลอก เหอ เหอ บุญเยอะคร้าบพี่น้อง


    พอประกอบบล็อกพระเสร็จ ก็เริ่มเทปูนกัน ทุกคนก็ร่วมด้วยช่วยกันหิ้วปูนไปเท ส่งถังปูนกัน ก็ได้มีส่วนกันทุกคน คุณหนิงนำพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม กับยันต์เกราะเพชรบรรจุไว้ที่ตรงพระเกศาด้วย พร้อมแผ่นทองคำเปลว แล้วก็มีน้องๆคนอื่นๆก็นำของมาบรรจุเหมือนกัน หลังจากที่เสร็จเรียบร้อย ก็บ่ายกว่าๆ ก็มานั่งสนทนากับปู่ แล้วก็แยกย้ายกันไปพักเอาแรงก่อน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A12.jpg
      A12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      412.7 KB
      เปิดดู:
      111
    • A13.jpg
      A13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      631.9 KB
      เปิดดู:
      104
    • A14.jpg
      A14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      578.1 KB
      เปิดดู:
      104
    • A15.jpg
      A15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      405 KB
      เปิดดู:
      104

แชร์หน้านี้

Loading...