ร่วมแสดงความศรัทธารับ..อัฐิ ผงอังคาร เกศา พ่อแม่ครูบาอาจารย์((ประกาศผลแล้วครับ))หน้า6

55555 พี่บอกแล้วจริงๆนะ เจ้าของตำนาน นานจริงๆข้ามปีอีกแล้ว

 

ประวัติหลวงปู่มาก+รูปถ่าย**ในอนาคตผมอาจทำล๊อคเก๊ตติดเกศาแจกก้อได้55+

 

อิอิ..จะบอกว่าพออ่านแล้วนึกถึงตัวเอง ก่อนที่จะนับถือพระองค์ใดๆ ได้นับถือเทพองค์แรกในชีวิตเหมือนท่านเป็นที่พึ่ง เป็นจุดจูงใจในชีวิต เทพองค์นั้น คือ พระแม่กวนอิม ตอนนั้นไม่รู้จักพระอริยสงฆ์องค์ใดสักองค์ แต่เมื่อเกิดปัญหาอะไร อ้อนวอนท่าน ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีทุกครั้ง รอยยิ้มของท่านเมตตามาก สุขใจทุกครั้งที่ได้มอง จนมาได้เข้ามาปฏิบัติ เข้าใจถึงกฏแห่งกรรม จึงได้รู้ว่า หากเราไม่ทำกรรมดีไว้ แม้ว่าท่านอยากจะช่วย ท่านก็ไม่สามารถช่วยได้อย่างที่ท่านอยากช่วย
ฉะนั้นมองในคำสอน มองในสิ่งที่ท่านปฏิบัติแล้วปฏิบัติตามท่านดีกว่า กฏแห่งกรรมให้ผลเที่ยงตรงเสมอและไม่เคยผิดตัว ฉะนั้นทำกรรมดีด้วยความคิด ความรู้สึกที่ดี ผลของความดีจะตอบแทนเราเองโดยที่ไม่ต้องร้องขอ

 

รู้แล้วว่าทวงอันนี้ เดี๋ยวจะกลับไปหนองคาย
จะไปถ่ายรูปปัจจุบันให้เลย ตอนนี้เริ่มสร้างเจดีย์แล้วด้วย

ใครที่มีเกศาของหลวงปู่เก็บไว้ให้ดีเถอะ ชาตินี้ชาติสุดท้ายของหลวงปู่แน่ พี่ยังเคยเจอพระธาตุในเกศาหลวงปู่เลย

 

ผมส่งบรรจุเจดีย์ที่วัดป่าชัยพฤกษ์ที่อุดรธานีเดี๋ยวได้รูปจะนำมาให้ชมที่นำมาแจกนี้เป็นของที่พอมีบ้าง..ไม่รู้ดิตอนนั่งสมาธิเมื่อวานมีเสียงบอกให้สละออกเสียบ้างทีละนิดก็ยังดีดีกว่าแบกไว้ไม่สละอะไรเลย...

 

3 หลวงปู่ชา สุภัทโท “คำสอนหลวงปู่หลวงปู่ชาที่ข้าพเจ้าประทับใจและนำไปปฏิบัติ"<O</O
เรื่องการภาวนา อารมณ์ที่เรียกว่าภาวนา เขาเอาพุทโธ ธัมโม สังโฆ มาภาวนาทำกรรมฐานกัน แต่เราเอาสั้นกว่านั้น เมื่อรู้สึกว่าใจ มันหงุดหงิด ใจไม่ดี โกรธ เราก็ร้อง ฮึ เวลาใจดีขึ้นมาก็ร้อง ฮึ ว่ามัน ไม่เที่ยงดอก ถ้ามันรักคนนั้นขึ้นมาในใจก็ ฮึ ถ้ามันจะโกรธคนนั้นขึ้น มาก็ ฮึ เข้าใจไหม ไม่ต้องไปดูลึก ไม่ต้องไปดูพระไตรปิฎกหรอก ## ฮึ นี่เรียกว่ามันไม่เที่ยง ความรักนี่มันก็ไม่เที่ยง ความชังนี่มันก็ไม่เที่ยง ความดีมันก็ไม่เที่ยง ความชั่วมันก็ไม่เที่ยง มันเที่ยงอย่างไรเล่า มันจะ เที่ยงตรงไหม มันเที่ยงก็เพราะของเหล่านั้นมันเป็นของมันอยู่อย่าง นั้น คือมันเที่ยงอย่างนี้มันไม่แปรเป็นอย่างอื่น มันเป็นอย่างนั้น นี่ เรียกว่าความเที่ยง เที่ยงก็เพราะว่ามันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น มันไม่ ได้แปรเป็นอย่างอื่น เดี๋ยวมันก็รักเดี๋ยวมันก็ชัง มันเป็นของมันอยู่ อย่างนี้ นี่คือมันเที่ยงอย่างนี้<O</O
ฉะนั้น จึงจะบอกว่าเมื่อความรักเกิดขึ้น เราก็บอกฮึ มันไม่ เปลืองเวลาดี ไม่ต้องว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว ถ้าโยมขี้เกียจ ภาวนามาก เอาง่ายๆดีกว่า คือ ถ้ามันเกิดมีความรักขึ้นมา มันจะหลง ก็ร้อง ฮึ เท่านี้แหละ อะไรๆมันก็ไม่เที่ยงทั้งนั้นมัน เที่ยงก็เพราะมัน เป็นของมันอยู่อย่างนั้น เห็นเท่านี้ก็เห็นแก่นของธรรมะ คือสัจธรรม อันนี้ถ้าเรามา ฮึ กันบ่อยๆ ค่อยๆทะยอยไป อุปาทานก็จะน้อยไป น้อยไปอย่างนี้แหละ ความรักนี้ฉันก็ไม่ติดใจ ความชั่วฉันก็ไม่ติดใจ อะไรๆฉันก็ไม่ติดใจทั้งนั้น อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น เชื่อ สัจธรรมอย่างเดียว รู้ธรรมะเท่านี้ก็พอแล้ว<O</O
<O</O

 

สาธุีๆๆๆ ธรรมใดที่หลวงปู่เห็นแล้วขอให้ผมได้เห็นบ้างนะครับ สาธุ๊ๆ

 

ถึงแม้ข้าพเจ้า จะเกิดไม่ทันหลวงปู่ แต่เมื่อศึกษษประวัติและปฏิปทา การปฏิบัติของ พระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง จากพุทธศาสนิกชนทุกเทศทุกวัย ทั้งในและ ต่างประเทศ

แม้ หลวงปู่จะได้ลาขันธ์ไป ตั้งแต่คืนวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๒๘ แต่ความทรงจำในกระแส เมตตา ปฎิปทาสัมมาปฎิบัติ จริยาวัตรที่งดงาม พร้อมกับธัมโมวาทอันล้ำค่า ของหลวงปู่ ก็ยังส่อง สว่างอยุ่กลางใจของพวกเราชาวพุทธทุกผู้ทุกนาม
เมื่อ น้อมระลึกถึงหลวงปู่ที่ไร ความสุข สงบ ความโสมนัส ชื่นบาน ความสมหวัง โชคดี ความเป็นสิริมงคล จะดื่มด่ำอยู่ในจิตใจ อย่างไม่รู้อิ่มรู้คลาย
ผู้ ที่โชคด มีโอกาสกราบไหว้ องค์หลวงปู่ ได้เคยฟังการปรารภธรรม แสดงธรรม จากหลวงปู่ ต่างก็ประจัษ์ความไพเราะ นุ่มนวลละมุนละไม ประดุจเสียงทิพย์ที่ไพบูลย์ด้วยธรรมะ อันเป็นสากลสัจจะ ยังความอิ่มเอิบ เบิกบาน และเป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิต

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นผู้สืบเนื้อนาบุญอันไพศาล นับเป็นพระอริยสาวก ที่ควรแก่กราบ ไหว้บูชาอย่างแท้จริง คำสอนที่ข้าพเจ้า ประทับใจ
***ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีวันสำเร็จ***



วิกร วรรณบุญญากร

 

หลวงปู่แหวน สุจิณโน
อดีตเป็นธรรมเมา อนาคตเป็นธรรมเมา
จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน
ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะทิฏฐิ
ตัดความยึดมั่นถือมั่นของตนให้เสร็จลง
...ก็สงบได้...


ถ้าสามารถทำตามที่หลวงปู่บอกได้สูงสุดคือ นิพพานที่ปารถนา

ภัทรชัย สำราญบำรุง : kanamukrop69

 

ขอรับพระธาตุชานหมากของหลวงพ่อพระราชพรหมยานครับ
คำสอนของหลวงพ่อสอนให้นึกถึงความดีเป็นอารมณ์และให้รีบทำแต่ความดี
คุณ ชัชช์ วันไพศาขมาส
บริษัท ซียูอีแอล จำกัด
18 อาคารไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า
ชั้น 4 อาคาร 2 (เวสต์) ถนน รัชดาภิเษก
แขวง-เขตจตุจักร กรุงเทพฯ10900<O</O

 

สุขใจ ยิ้มน้อยๆเมื่อเข้ามาอ่านความรู้สึกของแต่ละท่านที่เขียนถึงครูบาอาจารย์

 

คำสอนของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่ข้าพเจ้าประทับใจ และวิธินำไปปฏิบัติ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o></o>
<o></o>
เมื่อเอ่ยถึงนามพระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณโณ (ต่อไปขออนุญาตกล่าวถึงว่า “หลวงปู่”) วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ แม้ผมจะเกิดทันหลวงปู่ แต่ก็ไม่มีวาสนาได้กราบหลวงปู่ขฌะดำรงขันธ์ด้วยหลวงปู่ได้ละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพานเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2528 ซึ่งในขณะนั้นผมศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่6<o></o>
<o></o>
แม้จะไม่เคยได้กราบหลวงปู่ขณะดำรงขันธ์แต่ผมก็ประทับใจในคำสอนของหลวงปู่ทีว่า “ อดีตก็เป็นทำเมา อนาคตก็เป็นทำเมา จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้อยู่ในปัจจุบัน ละอยู่ในปัจจุบันนี้จึงเป็นพุทโธ เป็นธัมโม ปัจจุบันก็พอแล้ว อดีต และอนาคตไม่ต้องคำนึงถึง เกิด แก่ เจ็บ ตาย วัน คืน เดือน ปี สิ้นไป หมดไป อายุเราก็หมดไป สิ้นไป หมั่นบำเพ็ญจิต บำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนาต่อไป”

โดยผมได้พยายามยึดคำสอนของหลวงปู่ดังกล่าวและนำคำสอนดังกล่าวของหลวงปู่มาปฏิบัติกล่าวคือพยายามมีสติอยู่กับปัจจุบัน ให้มีสติอยู่ในทุกอริยาบท ไม่มัวจมปลักอยู่กับอดีต และไม่ฟุ้งซ่านคิดถึงอนาคต เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ล่วงมาแล้ว อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผมจึงพยายามที่จะมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ และหมั่นทำทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา ตามคำสอนของหลวงปู่ด้วยมุ่งหวังว่าผมจะสามารถทำพระนิพพานให้แจ้งได้ในสักวัน<o></o>
<o> </o>
กราบนมัสการพระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ด้วยเศียรเล้า<o></o>
นายสุรเทพ ธนะทรัพย์ชูศักดิ์<o></o>
(Username :suratept)<o></o>
<o></o>

 

เรียนคณะกรรมการฯ ขอโพสอีกรอบครับเมื่อครู่ตัวอักษรเล็กไปหน่อย
คำสอนของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่ข้าพเจ้าประทับใจ และวิธินำไปปฏิบัติ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o></o>
<o></o>
เมื่อเอ่ยถึงนามพระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณโณ (ต่อไปขออนุญาตกล่าวถึงว่า “หลวงปู่”) วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ แม้ผมจะเกิดทันหลวงปู่ แต่ก็ไม่มีวาสนาได้กราบหลวงปู่ขฌะดำรงขันธ์ด้วยหลวงปู่ได้ละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพานเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2528 ซึ่งในขณะนั้นผมศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่6<o></o>
<o></o>
แม้จะไม่เคยได้กราบหลวงปู่ขณะดำรงขันธ์แต่ผมก็ประทับใจในคำสอนของหลวงปู่ทีว่า “ อดีตก็เป็นทำเมา อนาคตก็เป็นทำเมา จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้อยู่ในปัจจุบัน ละอยู่ในปัจจุบันนี้จึงเป็นพุทโธ เป็นธัมโม ปัจจุบันก็พอแล้ว อดีต และอนาคตไม่ต้องคำนึงถึง เกิด แก่ เจ็บ ตาย วัน คืน เดือน ปี สิ้นไป หมดไป อายุเราก็หมดไป สิ้นไป หมั่นบำเพ็ญจิต บำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนาต่อไป”
<o></o>
โดยผมได้พยายามยึดคำสอนของหลวงปู่ดังกล่าวและนำคำสอนดังกล่าวของหลวงปู่มาปฏิบัติกล่าวคือพยายามมีสติอยู่กับปัจจุบัน ให้มีสติอยู่ในทุกอริยาบท ไม่มัวจมปลักอยู่กับอดีต และไม่ฟุ้งซ่านคิดถึงอนาคต เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ล่วงมาแล้ว อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผมจึงพยายามที่จะมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ และหมั่นทำทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา ตามคำสอนของหลวงปู่ด้วยมุ่งหวังว่าผมจะสามารถทำพระนิพพานให้แจ้งได้ในสักวัน<o></o>
<o> </o>
กราบนมัสการพระคุณเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ด้วยเศียรเล้า<o></o>
นายสุรเทพ ธนะทรัพย์ชูศักดิ์<o></o>
(Username :suratept)<o></o>
<o></o>

 

ขออัพเดตให้ทุกท่านครับ

1.ผงอังคารหลวงปู่แหวน สุจิณโน 1 รายการ (6 ท่าน)
2.อัฐิหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ 1 รายการ (1 ท่าน)
3.เกศาหลวงปู่ชา สุภัทโท 1 รายการ (2 ท่าน)
4.เถ้าถ่านอังคารหลวงพ่อพุธ ฐานิโย 1 รายการ (1 ท่าน)
5..พระธาตุชานหมากหลวงปู่ฤาษีลิงดำ 1 รายการ (6 ท่าน)
6. อังคารหลวงปู่ทูล ขิปปัญโญ 1 รายการ
7..ผงอังคารธาตุ ครูบาบุญปั๋น ธัมมปัญโญ 1 รายการ
8..อัฐิหลวงปู่คำตา ทีปังกโร 1 รายการ
9.เกศาหลวงปู่อว้าน เขมโก 1 รายการ

ถ้าพลาดยังไงขอขมาด้วยครับ ในฐานะที่เรียนบัญชี เราต้องแข่งขันในตลาดที่มีคู่แข่งน้อยราย (ทั้งที่ใจอยากขอหลวงปู่ฤาษีลิงดำแทบขาดใจ) แต่ว่าคู่แข่งมากเกินไปดังนั้นไว้เจอกันครับ

สาธุกับท่านที่อัญเชิญมาด้วยครับ

 

อันที่จริงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่นับถือมีมากพอสมควร แต่เมื่อต้องเลือกเพียงหนึ่งเดียวก็จะระลึกถึง หลวงปู่แหวน ด้วยมีสิ่งที่เกาะติดในใจมาตั้งแต่เด็กเป็นเรื่องของความน่าเสียดาย เพราะคุณแม่อยู่เชียงใหม่ มีโอกาสไปที่วัดที่ท่านอยู่แต่ด้วยความเป็นเด็กในตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไร ก็เลยพลาดโอกาสได้กราบท่าน มารู้ตอนโตท่านก็ละสังขารไปแล้ว คงทำได้แต่ศึกษาประวัติ ปฏิปทาและคำสอนของท่าน ได้รู้ว่านอกจากเรื่องความอดทน (ขันติ) ต่อความยากลำบากอันเกิดจากการปฏิบัติที่น่าประทับใจแล้ว คำสอนของท่านก็มีคุณค่าและมากมายเช่นกัน แต่ที่ประทับใจคือ ท่านเคยสอนคนที่บุกบั่นมากราบท่านตอนท่านอยู่ในที่กันดาร แล้วเรียนท่านว่ามาเพื่อกราบบารมีท่าน ท่านเลยสอนว่า "บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง " ซึ่งตรงและยังคงใช้ได้ดีถึงปัจจุบัน มีคนจำนวนมากที่เข้าใจว่าการมีของขลัง การได้กราบไหว้พระที่มีชื่อเสียงแล้วจะทำให้ตัวเองมีบารมี มีสิ่งดี ๆ เพิ่มขึ้น...ในความเป็นจริงและที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ยังสอนและปรากฏอยู่ในบทสวดมนต์ทุกวันนี้คือ "...เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน.." ไม่มีสิ่งได้มาดลบันดาลให้ได้ สิ่งทั้งหลาย..วัตถุทั้งหลายเป็นเพียงสื่อสัญลักษณ์ที่มีไว้ให้ระลึกถึง ไม่ใช่ไว้ให้ ยึดถือ

แค่นี้เนอะ..เดี๋ยวจะเครียด...
อนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้และผู้สนับสนุนสิ่งดี ๆ ทุกท่านค่ะ

 

อนุโมทนาบุญแก่ผู้แจกด้วยครับ สาธุ สาธุ

ขอเชิญร่วมบุญปรับปรุงซ่อมแซมเสนาสนะ ณ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต​

 

คำสอนหลวงปู่หลวงปู่ชา สุภัทโท ที่ข้าพเจ้าประทับใจและวิธีนำไปปฏิบัติ

คำสอนหลวงปู่หลวงปู่ชา สุภัทโท ที่ข้าพเจ้าประทับใจและวิธีนำไปปฏิบัติ

กาม ความลุ่มหลงในรูป รส กลิ่น เสียง จนต้องติดคุกหนังที่ทำให้มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารไม่มีจบ ไม่มีสิ้น หลวงปู่ชาท่านจะสอนแบบตรงไปตรงมา แม้จะหยาบ หรือฟังดูไม่เหมาะสมเพราะบางครั้งมันก็สามารถช่วยให้พระหลายต่อหลายรูปสามารถครองผ้าเหลือได้นานขึ้น ไม่รุ่มร้อนเพราะไฟแห่งตัณหา

หลวงปู่ชา มักสอนพระในเรื่องกาม หรือ กาเม นี้บ่อยๆ เพราะรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ผ้าเหลืองร้อนจนพระสึกมานักต่อนัก นั้นก็คือกาม ไม่ว่าจะ พระหนุ่ม เณร หรือแม่แต่พระที่หนุ่มเหลือน้อย ก็อาจโดนความปรารถนาในรูปหนังที่สวยงามนี้ คาบไปกินมานักต่อนักแล้ว ท่านจะสอนตรงไป ตรงมา เช่นถ้าวันไหนมีความต้องการมากๆ ก็ให้ทำความเพียรมากๆ ดูซิ ว่างูเห่าที่แผ่แม่เบี้ยอยู่ กับคนที่ทำกรรมฐานปวดหนอๆ อะไรจะตายก่อนกัน ของที่เห็นนั้นสวยจริงไหม ระวังจะติดคุกหนังที่ออกอยากเอานะ กว่าจะออกมาได้บางคนตายยังออกไม่ได้เลย โดยใช้อสุภะกรรมฐานเข้ามาช่วยในการสอน ที่เห็นนั้นสุดท้ายก็เน่าเหม็น สุดท้ายก็แก่หง่อม เหนียงยานกันทั้งนั้น เปรียบด้วยคนที่อยากกินเนื้อสัตว์ กินแล้วก็ติดฟันเจ็บฟันต้องแคะ แต่แคะเสร็จก็อยากกินอีกเป็นวังวนไปมาไม่รู้จบ สุดท้ายในเรื่องนี้ขอกล่าวกับการยึดติดที่ว่าเพราะเห็นว่าสวยจึงรัก เพราะเห็นว่างามจึงเกิดกาม ถ้ามองแบบทะลุปรุโปร่ง ว่ามันคือหนังหุ้มกระดูก ไม่มีความงามอยู่ ก็ทำให้ไม่เกิดกาม การนำไปใช้ เนื่องจากว่ายังไม่แข็งแรงเท่าไร จึงใช้วิธีการปลงอสุภะมาใช้ โดยการดูรูปศพต่างๆ ดูการผ่าตัดของผู้ป่วย แต่ว่าดูจนชาชินไม่แหวะ หรือรู้สึกกลัว ช่วงแรกก็กันได้ แต่ว่ากามมันฮั้วกันกับใจเรามามุขใหม่เรื่อยๆ ดังนั้นหลังหลังก็กันไม่อยู่แล้วต้องหาวิธีใหม่ๆ มาใช้จึงได้ผล ช่วงที่ไปถือศีลแปดรู้สึกว่าการบำเพ็ญจะช่วยได้มากเลย กามมาก็หนีไปที่เห็นหนอ คิดหนอ พิจารณาแบบนี้ก็รอดไปได้ตลอดหนึ่งเดือนครึ่ง แต่พอกลับบ้านไม่ค่อยได้ปฏิบัติ มันก็มาอีกแล้ว และเช่นเดิมมันมามุขใหม่ให้เราแพ้เรื่อยๆ จากที่ดูทางที่ดีที่สุดคือ การพิจารณาด้วยปัญญาว่าสิ่งนี้ไม่ใช้สุขที่ยั่งยืน มันก็แค่หนังหุ้มกระดูก แต่ไปติดกับหนังนี้ซะนานเลย ตอนนี้ก็ยังติดอยู่

เรื่องกามต้องพูดกันตรงๆ จะมัวมาอายเพราะกลัวว่าหยาบไม่ดี ไม่ได้เดี๋ยวพระ เดี๋ยวเณรโดนมันคาบไปกิน ต้องย้ำบ่อยๆ จนกว่าจะตัดได้ โดยกามจะมีลูกเล่นใหม่เรื่อยๆ มุขเก่ามาเราแก้ได้มันก็เปลี่ยนมุขลากเราไปกินได้เรื่อยๆ ดังอย่าทำตัวเป็นไก่ให้กามลากลงน้ำนะครับ

มาจัง​

Note
ยาวหน่อยนะครับ
ส่วนแรกจะเป็นบทนำ ส่วนที่สองขยายความ มีคำสอน การนำไปปฏิบัติ และผลของการนำไปปฏิบัติ ส่วนสุดท้ายเป็นสรุป

ส่วนคำว่ามาจังนั้น เป็นชื่อที่เราใช้เวลาเขียนบทความต่างๆ ก็เราเป็นนักเขียนด้วยนะ ไม่ได้จ้างใครเขียน

 

4.เถ้าถ่านอังคารหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
หลักคำสอนของพลวงพ่อพุธ ฐานิโยที่ข้าพเจ้าประทับใจมากที่สุดคือเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา การปฏิบัติธรรมในทางด้านจิตนั้น เราจะต้องเริ่มต้นด้วยทำตนเป็นผู้มีศีล เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการปรับกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในสภาพปกติ โดยเฉพาะศีลห้าอันเป็นศีลของฆราวาสทั่ว ๆไป เป็นศีลหลักใหญ่และเป็นศีลที่สำคัญ ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ ก็รวมลงในศีลห้านั้น เมื่อทำศีลห้าให้บริสุทธิ์แล้ว และตั้งใจทำสมาธิภาวนา ก็ทำให้จิตสงบ รู้ซึ้งเห็นจริงในสภาวะธรรมตามความเป็นจริง สิ่งที่ข้าพเจ้านำไปปฏิบัติคือพยายามรักษาศีลห้าให้ดีที่สุด

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> 1.คำสอนของหลวงปู่แหวน
“เอา มรรคที่เกิดขึ้นจากกาย จากใจ น้อมเข้าหาตน น้อมเข้ามาในกาย น้อมเข้ามาในใจ ให้รู้แจ้งเห็นจริงในใจนี่แหละ อย่าไปยึดไปถือที่อื่น ให้แจ้งอยู่ในกายนี้ ให้แจ้งอยู่ในใจนี้ จะหลงจะเขวไปอย่างไรก็ตามพยายามดึงเข้ามาจุดนี้น้อมเข้ามาหากายนี้ น้อมเข้ามาหาใจนี้ เอาใจนี่แหละนำออก หลักมีเท่านี้แหละ...”
2.ข้าพเจ้าประทับใจและวิธีนำไปปฏิบัติ
คือให้เห็นว่าภายในกายเรานี้มีใจเป็นใหญ่เป็นประธาน ความโลภ ความหลง ความโกรธ กิเลส ตัณหา ก็เกิดขึ้นที่ใจนี้แหละ ฉะนั้นจงหมั่นพิจารณาดูใจของเราและคอยเตือนให้มีสติมิให้ประพฤติผิด หากชนะใจได้ก็เท่ากับชนะโลก คือกายเรานั่นเอง
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันคือ ขณะทำเราทำสิ่งใดหรือคิดสิ่งใด ควรมีสติคอยกำกับพิจารณาความต้องการของใจให้ชัดเจน หากเป็นสิ่งที่ดีก็ปฏิบัติ ถ้าเป็นสิ่งไม่ดีก็ควรละเว้นเสีย

 

อนุโมทนาครับ
“คำสอนหลวงปู่หลวงปู่เหรียญ วรลาโภที่ข้าพเจ้าประทับใจและวิธีนำไปปฏิบัติ"


พรหมของลูก

ไม่ ลำเอียงเพราะความรัก ก็หมายความว่า อย่างว่ามีลูกหลายคน รักคนใดมากๆ ก็แบ่งสมบัติให้ลูกคนนั้นมากกว่าคนอื่นๆ นี่เรียกว่าลุอำนาจแก่ความรัก ถ้าไม่ลำเอียงเพราะรักแล้ว ก็หมายความว่า มีเมตตากรุณาเหมือนกันหมด ลูกทุกคนบางคนก็มีนิสัยไม่ดีๆ เราก็เมตตามัน เพราะมันได้มาเกิดกับเราแล้ว อย่างนี้แหละ ก็สงเคราะห์ไปตามกำลังที่สงเคราะห์ได้ ถ้าคนที่เสียจริงๆ ทำดีไม่ได้จริงๆ มันเหลือวิสัย ก็วางอุเบกขาลง

ไม่ต้องไปโกรธไปเกลียดอะไร ก็กรรมของเขาสร้างมาอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรได้ ฝึกอย่างไรจะให้มันดี มันก็ดีไม่ได้อย่างนี้ ถ้าขืนโกรธไป โมโหโทโสไป เสียใจกับลูกคนนั้นอยู่ ก็เป็นทุกข์เปล่าๆ เสียใจอย่างไรลูกก็ทำดีไม่ได้ เพราะว่านิสัยไม่ดีแต่ก่อน แต่ชาติก่อนโน้นแหละ ถ้าหากว่าผู้เป็นพ่อแม่ไม่รู้จักวางอุเบกขาลง ไม่นึกถึงกรรมของสัตว์แล้ว มันก็เป็นทุกข์
เราสามารถแยกแยะที่จะนำคำสั่งสอนของหลวงปู่มาปฎิบัติใน 2 ฐานะคือ
1) บุพการี
ก) ลูกทุกคนที่เกิดมาล้วนแต่แต่มีกรรมเกี่ยวเนื่องกันมา เราควรให้โอกาสและมอบสิ่งที่ดีให้ลูกทุกคนอย่างเสมอภาค แต่สิ่งที่ได้หรือบังเกิดขึ้นกับลูกแต่ละคนนั้นขึ้นกับกรรมของแต่ละคน
ข) ไม่มีใครเลือกเกิดได้ล้วนแต่กรรมกำหนดเมื่อเกิดเป็นลูกเราแล้วเราต้องดูแลให้ดี
2) ลูก
ก) การที่ได้มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ในสถานที่ๆมีพระพุทธศาสนาเผยแผ่นั้นถือว่าเป็นบุญอนันต์แล้วเราต้องนับถือผู้ให้กำเนิดและประพฤติปฎิบัติตนให้เป็นคนดีตามที่ท่านคาดหวัง
ข) หากบุพการี"ลุอำนาจแก่ความรัก " แล้วเราในฐานะลูกไม่ควรจะกล่าวตำหนิท่าน สิ่งที่เกิดนั้นเกิดแต่กรรมของแต่ละคน จึงต้องสร้างกรรมดีเพื่ออนาคตที่ดี
การนำคำสอนของหลวงปู่ไปปฎิบัติเพิ่มเติมในฐานะพุทธมามกะนั้น
1) ถือศีล 8 และฝึกสมาธิที่วัดสังฆทานเพื่อลด ละ เลิก กิเลสที่ติดตัวเรา
2) นำพามารดา อายุ 89 ปี ภรรยา และบุตรชาย 2 คน อายุ2 และ 5 ปี เข้าวัดทำบุญ ในโอกาสที่มีวัดหยุดเป็นการสะสมบุญเมื่อมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์
3) เปิดโอกาสให้ถือศีล 8 และฝึกสมาธิที่วัดปทุมวนารามโดยรับผิดชอบดูแลมารดาและบุตรทั้ง 2 คนในช่วงที่ถือศีลที่วัด
4) ให้บุตรชายคนโตร่วมฝึกจิตในช่วงสิ้นปีเพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้เป็นคนดี
การให้ทาน ถือศีล เป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องหาโอกาสฝึกสมาธิโดยการสวดมนตร์ทุกวันในช่วงขับรถยนตร์มาทำงานตอนเช้า รวมทั้งสวด อิติปิโส 108 จบเพื่อให้มีสมาธิและให้พุทธคุณคุ้มครองเรา