"ประสงค์"ยืนกราน"รธน." ไม่บรรจุ"พุทธ" หาว่ามีนักการเมืองหนุนหลัง

ผู้นำคณะสงฆ์กล่าวจะปิดล้อมสภา ดึง"สุรยุทธ์-สนธิ"ร่วมรับร่าง ส.ส.ร.ขอเลื่อน-ถึงมือ26เม.ย.




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
ยื่นหนังสือ-พระเทพวิสุทธิ์กวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย พร้อมคณะสงฆ์ ยื่นหนังสือต่อ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 17 เมษายน

</TD></TR></TBODY></TABLE>
"ประสงค์"ยืนกรานไม่บรรจุ"พุทธ" ชี้ไม่เคยมีการแก้หมวดศาสนาและพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่ปี 2475 บอกม็อบพระสิ่งสำคัญกว่าคือคำสอน ปักใจ"การเมือง"ชักใย รองอธิการบดี มจร.ขู่ยกพลชุมนุม 100 เท่า ปิดสภาไม่ให้มีทางออก ยันไม่มีเบื้องหลัง สภาร่างฯขอเลื่อนรับร่างแรกจาก กมธ.26เม.ย.



**ประสงค์ปัดบรรจุ"พุทธ"ในรธน.

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันเมื่อวันที่ 17 เมษายน จะคงแนวคิดในหมวดพระมหากษัตริย์และศาสนาไว้ตามเดิม ด้วยเหตุผลรัฐธรรมนูญทุกฉบับไม่เคยมีการแก้ไขสองหมวดนี้มาก่อน นั่นเท่ากับเป็นการปฏิเสธ ไม่บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามเสียงเรียกร้องขององค์กรเครือข่ายชาวพุทธและพระสงฆ์ แต่ยังเปิดทางในขั้นการแปรญัตติ

ในการให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา น.ต.ประสงค์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นความหวังดีของชาวพุทธ แต่รัฐธรรมนูญฉบับตั้งแต่ปี 2475 จน 2540 ไม่ได้มีการบรรจุเนื้อหาดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เคยมีผลกระทบว่าเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความยุ่งยากแตกแยกในสังคมไทย รัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงฉบับสุดท้ายปี 2540 เนื้อหาของรัฐธรรมนูญไม่เคยมีการแก้ไขในหมวดของพระมหากษัตริย์และศาสนาแต่อย่างใด ซึ่งตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ก็ไม่ได้มีการปรับแก้เนื้อหาในหมวดเหล่านี้เช่นกัน

**เปิดทางให้แปรญัตติแก้ไข

อย่างไรก็ตาม ข้อคิดเห็นต่างๆ สามารถนำไปแปรญัตติให้แก้ไขได้ หลังจากการทำประชาพิจารณ์แล้ว ซึ่ง กมธ.จะพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียอีกครั้ง แม้การร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกได้เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่การแก้ไขปรับปรุงนั้นจะต้องดีขึ้นและต้องคำนึงถึงประโยชน์ชาติบ้านเมือง

ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญกล่าวว่า มั่นใจว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ จะไม่มีผลกระทบต่อระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดเดิม ส่วนเรื่องภายนอกเป็นสิทธิของประชาชนที่จะแสดงความเห็น ทั้งนี้หลังจากได้ส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญให้กับประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ องค์กรต่างๆ และนำไปจัดพิมพ์ในทุกจังหวัด เพื่อให้นำไปทำประชาพิจารณ์ ความเห็นต่างๆ ที่เข้ามายังปรับปรุงแก้ไขได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญได้มีการรับฟังความคิดเห็นมาโดยตลอด แต่การร่างรัฐธรรมนูญอาจไปกระทบกับผลประโยชน์ของบางกลุ่มบางพวกได้ ทั้งนี้ขอให้มีความเข้าใจ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีเนื้อหาที่มุ่งให้การเมืองการปกครองมีความโปร่งใส สามารถรับใช้ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

**ม็อบพระขู่ระดมพลปิดสภา26เม.ย.

ทั้งนี้ ขณะที่ น.ต.ประสงค์เป็นประธานการประชุม กมธ.เพื่อพิจารณาถ้อยคำและความถูกต้องในร่างรัฐธรรมนูญเรียงตามมาตราเป็นครั้งสุดท้ายอยู่นั้น องค์กรเครือข่ายชาวพุทธและคณะสงฆ์กว่า 200 คน ชุมนุมเรียกร้องอยู่บริเวณด้านหน้ารัฐสภา โดยนายสมาน ศรีงาม รักษาการกระบวนการศาสนาเพื่อมนุษยชาติ กล่าวว่า จะชุมนุมจนถึงวันที่ 19 เมษายน จากนั้นจะติดตามในชั้นแปรญัตติของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หากไม่แก้ไขก็จะเดินธรรมยาตราครั้งใหญ่ทั่วประเทศต่อไป

พระราชปัญญาเมธี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวปราศรัยกับผู้ร่วมชุมนุมว่า ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายนเป็นต้นไป จะต้องมีคนมาร่วมชุมนุมหน้ารัฐสภามากกว่านี้ 100 เท่า ต้องปิดรัฐสภาให้หมด ไม่ให้มีทางออกได้ และสภาร่างฯต้องเปลี่ยนใจแปรญัตติใส่คำว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ การชุมนุมในครั้งนี้การพลังบริสุทธ์ ไม่มีเบื้องหลัง ไม่ใช่พลังสีเทาเหมือนกับที่มีผู้กล่าวหา

**รุกยื่น"ประสงค์"ให้ทบทวนร่างแรก

ต่อมาเวลา 14.00 น. พระเทพวิสุทธิกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศน์ มจร. รองประธานองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย พร้อมคณะสงฆ์ประมาณ 20 รูป เข้ายื่นแถลงการณ์เรียกร้องให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อ น.ต.ประสงค์ ให้เหตุผลว่าการระบุไว้จะก่อให้เกิดความชัดเจนในการบริหารจัดการ ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง เป็นการส่งเสริมอารยธรรมที่สูงส่งในพระพุทธศาสนา โดยที่ศาสนาอื่นก็ได้รับการส่งเสริมคุ้มครองไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชาติบ้านเมือง ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในทุกๆ ด้าน จึงขอให้ กมธ.ยกร่างได้ทบทวนแก้ไขร่างแรกให้มีข้อความว่า "ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก"

**ประธานกมธ.บอก"ไม่สำคัญ"

น.ต.ประสงค์กล่าวว่า "ผมก็เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งที่อยากจะเห็นพระพุทธศาสนารุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม การที่จะบัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น คิดว่าไม่ใช่ปัญหาสำคัญ สิ่งสำคัญกว่าคือชาวพุทธต้องเข้าใจคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้นอยู่ที่พุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในการที่จะทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา ดังนั้น ชาวพุทธต้องมีการประพฤติปฏิบัติให้ตรงตามคำสอน จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าจะต้องมีบทบัญญัติเอาไว้หรือไม่"

นายเศวต ทินกูล สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า จะแปรญัตติเสนอให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ขณะนี้มีผู้ร่วมลงชื่อครบ 10 คน เพื่อขอแปรญัตติแล้ว และมีสมาชิกกว่า 25 คน ให้การสนับสนุน "หากไม่สามารถแปรญัตติได้เชื่อว่าประชาชนจะต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับ คมช. เพราะจะมีคนส่วนใหญ่ไม่รับร่าง" นายเศวตกล่าว

**ธรรมยุต-มหานิกายพร้อมหน้า

นอกจากองค์กรเครือข่ายชาวพุทธและพระสงฆ์ นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ต.ประสงค์เช่นกัน เพื่อเรียกร้องห้ามเลือกปฏิบัติกับคนพิการ และให้คนพิการมีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้

รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มพระภิกษุที่ชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา มีทั้งพระจากสายธรรมยุตและมหานิกายจากวัดต่างๆ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ที่ 1-12 นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มพระภิกษุจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมก.) และ มจร.มาร่วมในการชุมนุมด้วย การชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พระสายธรรมยุต มหานิกาย มมก. และ มจร. มาชุมนุมร่วมกัน

**กลุ่มม็อบอ้างไม่มีการเมืองเอี่ยว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มของนายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่เคยเข้ามาร่วมกับกลุ่มองค์กรพุทธมาก่อน การเข้าร่วมครั้งนี้อาจหวังผลทางการเมืองก็เป็นได้

นายกำพล ภู่มณี อดีต ส.ว.นครราชสีมา หนึ่งในแกนนำกลุ่มสภาองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่กลุ่มสภาองค์กรชาวพุทธออกมาเคลื่อนไหว เพราะเห็นว่าหากไม่บรรจุแล้วจะทำให้ศาสนาพุทธอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทำร้ายและย่ำยีชาวพุทธ ดังนั้น การบรรจุข้อความดังกล่าวคงจะไม่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับศาสนาอื่นตามที่หลายคนเป็นห่วง เพราะที่ผ่านมาศาสนาพุทธในประเทศไทยอยู่ร่วมกับศาสนาอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา

"ยืนยันว่าการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มสภาองค์กรฯ ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่ นอน เพราะเรื่องนี้เป็นความตั้งใจของฆราวาสและคณะสงฆ์ ส่วนนายสุวิทย์นั้นเป็นอดีต ส.ส.ขอนแก่น จึงรับรู้ถึงความต้องการของประชาชนในจังหวัด ที่สนับสนุนให้บรรจุพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติ" นายกำพลกล่าว

**กมธ.เชิญสุรยุทธ์-สนธิส่งมอบ

สำหรับการประชุม กมธ.นั้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม น.ต.ประสงค์หารือถึงการใช้งบประมาณเพื่อจัดงานพิธีมอบรัฐธรรมนูญ จากเดิมกำหนดในวันที่ 19 เมษายน โดยเปลี่ยนเป็นวันที่ 26 เมษายน ภายใต้งบประมาณ 600,000 บาท โดย กมธ.การประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้เสนอ โดยนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เลขานุการ กมธ.แจ้งว่าจะเชิญ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เข้าร่วมพิธีมอบรัฐธรรมนูญ เพื่อสะท้อนความเป็นเอกภาพด้วย

อย่างไรก็ตาม กมธ.ส่วนใหญ่คัดค้านการใช้งบฯดังกล่าว นายวิชา มหาคุณ กล่าวว่า การจัดงานเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญอย่างอึกทึกครึกโครมมโหฬาร อยากให้ทำอย่างโปร่งใสและเปิดเผย โดยให้บริษัทที่สนใจเข้ามายื่นข้อเสนอ เพราะหากทำกันอย่างลับๆ เกรงว่าจะถูกโจมตีเหมือนกรณีของนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร (ญาติ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.ที่เข้าไปรับงานประชาสัมพันธ์ให้กับ คมช.) ว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง อย่าให้กลายเป็นเชียรช่วงสอง ให้ถูกโจมตีได้ในภายหลัง เพราะถ้าหากเป็นนั้นรัฐธรรมนูญจะล้มตั้งแต่เริ่มต้น ในที่สุด น.ต.ประสงค์จึงไม่อนุมัติงบฯ

**เผยปธ.สภาร่างขอเลื่อนรับ

"ผมจะไม่ลงนามและขอให้โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างฯประสานไปยังคณะกรรมาธิการการประชา สัมพันธ์ เพื่อจัดประชาสัมพันธ์ผ่านรูปแบบอื่น การส่งมอบในวันที่ 26 เมษายน อาจทำเป็นโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจก็ได้ หากภาครัฐจะให้การสนับสนุน เพราะเกรงว่าหากจัดงานพิธีส่งมอบตามที่เสนอ อาจเกิดคำติฉินว่าไม่ประหยัดในสิ่งที่จำเป็น และขอให้โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างฯและฝ่ายเลขานุการประสานไปยังภาครัฐเพื่อขอการสนับสนุน" น.ต.ประสงค์กล่าว

ต่อมา น.ต.ประสงค์ให้สัมภาษณ์ถึงการเลื่อนวันส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญจากเดิมกำหนดในวันที่ 19 เมษายน เป็นวันที่ 26 เมษายน ว่า กมธ.สามารถส่งมอบทันวันที่ 19 เมษายน แต่นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้ทำหนังสือมายัง กมธ. ขอเลื่อนส่งมอบเป็นวันที่ 26 เมษายน นอกจากนี้ กมธ.การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ขอใช้งบประมาณในการทำพิธีส่งมอบถึง 600,000 บาท ภายในระยะเวลาแค่ 1 ชั่วโมง คือระหว่างเวลา 18.00-19.00 น. ที่บริเวณห้องโถง ของอาคารรัฐสภา แต่ไม่อนุมัติ เพราะเห็นว่าเป็นงบประมาณที่เกินความจำเป็น จึงเสนอให้ใช้สื่อของรัฐเป็นผู้เผยแพร่พิธีส่งมอบ

**เผยแพร่ร่างผ่านน.ส.พ.6ฉบับ

นายธงทอง จันทรางศุ โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวในที่ประชุม กมธ.ว่า เนื่องจากต้องเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางก่อนที่สมาชิกจะแปรญัตติประเมินตัวเลขว่า หากจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญชุดละ 50 บาท 1 ล้านชุด จะใช้งบฯค่อนข้างมากถึง 50 ล้านบาท ช่องทางหนึ่งคือการซื้อหน้าหนังสือพิมพ์เผยแพร่เพราะถูกกว่าจัดพิมพ์เองและเข้าถึงได้กว้างไกล แต่หากพิมพ์ทุกหัวหนังสือพิมพ์ก็จะใช้งบฯถึง 15 ล้านบาท จึงเลือกหนังสือพิมพ์ที่กระจายประชากรได้ 6 ฉบับ ภายใต้งบประมาณ 5 ล้านบาท เป็นเวลา 5 วัน หลังจากการส่งมอบรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 เมษายน ประชาชนกว่า 2 ล้านคนที่ได้รับข่าวสารทางหนังสือพิมพ์จะได้รับข้อมูลทันที รวมถึงการเผยแพร่ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือว่าคุ้มค่า ทั้งนี้ น.ต.ประสงค์ได้เห็นชอบ โดยให้โฆษก กมธ.เป็นผู้ประสานงาน และเสนอให้มีการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับภาษาอังกฤษด้วย

**ได้ข้อยุติปัญหาปธ.ตุลาการรธน.

จากนั้นที่ประชุมพิจารณาความถ้อยคำและความถูกต้องในร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่ไม่ได้แก้ไขสาระสำคัญ แต่เป็นการแก้ไขคำผิดและปรับถ้อยคำให้ถูกต้องตามมติของที่ประชุมที่ได้พิจารณาร่วมกันที่บางแสน จ.ชลบุรี มีการอภิปรายกันมากคือ กรณีประธานตุลาการรัฐธรรมนูญที่นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญโดยตำแหน่ง จะเกษียณอายุราชการจึงเกรงอาจเกิดปัญหา หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่มีผลบังคับใช้ภายในเดือนกันยายน นอกจากนี้ ยังมีตุลาการรัฐธรรมนูญที่มาจากศาลฎีกาอีก 2 จะเกษียณด้วยเช่นกันแต่คงไม่เป็นปัญหาเท่าประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นประธานโดยตำแหน่ง หลังการอภิปราย ที่ประชุมสรุปในหลักการว่า หากนายปัญญาเกษียณ ก็ต้องพ้นไปจากตำแหน่งประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญด้วย

**ต้องโหวตปมใบเหลือง-แดง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังอภิปรายมาตรา 233 เกี่ยวข้องกับอำนาจการให้ใบเหลือง-ใบแดงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยังให้อำนาจ กกต. เหมือนเดิม ยกเว้นเมื่อประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว หาก กกต.จะให้ใบเหลืองหรือใบแดงต้องส่งสำนวนคำร้องไปที่ศาลฎีกา

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ในฐานะ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แย้งว่าไม่ตรงตามหลักการที่อนุ กมธ.ยกร่างกรอบ 2 เสนอ และไม่เป็นไปตามมติของที่ประชุมที่บางแสน อย่างไรก็ตาม นายวุฒิสาร ตันไชย ยืนยันว่าร่างที่ฝ่ายเลขานุการเสนอมานั้นถูกต้องแล้ว แต่นายประพันธ์และนางสดศรี สัตยธรรม กกต.และ กมธ.ยกร่าง เห็นว่าควรยึดตามรายงานของที่ประชุมยกร่างไว้ ทั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยินยอม จนมีการเสนอให้ลงมติ ในที่สุด ที่ประชุมลงมติ แต่ให้คงถ้อยคำตามร่างที่ฝ่ายเลขานุการเสนอมา โดยระบุว่า กกต.จะให้ใบเหลืองหรือใบแดงต้องส่งสำนวนคำร้องไปที่ศาลฎีกา ก่อนที่จะมีการพิจารณาทบทวนเรียงมาตราจนครบทั้ง 299 มาตรา

**"ประสงค์"แฉการเมืองแทรกม็อบพระ

จากนั้น น.ต.ประสงค์กล่าวย้ำต่อที่ประชุมอีกครั้งเรื่องการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า หากได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ร่างรัฐธรรมนูญก็คงจะเข้าถึงประชาชนจริงๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในชั้นการประชาพิจารณ์และการออกเสียงประชามติ ซึ่งจะต้องลองประสานไปดูถ้าภาครัฐไม่ไปเสียก่อน "ผมเป็นคนไม่ประมาท (หัวเราะ) ต้องเผื่อไว้ก่อน" น.ต.ประสงค์กล่าว

น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ขณะนี้มีฆราวาสและพระสงฆ์มาชุมนุมหน้ารัฐสภา "ผมได้ข้อมูลมาว่ามีฝ่ายการเมืองเข้าไปเกี่ยวพันด้วย มีพระผู้ใหญ่มาร่วมชุมนุม ผมถามถึงข้อเสนอที่จะยื่นต่อ กมธ.ก็บอกว่าได้ยื่นแล้วที่บางแสน ผมเห็นว่าข้อเสนอใหม่ก็ไม่มี ประกอบกับอยู่ในระหว่างการประชุมจึงไม่ได้ลงไปพบ ได้นิมนต์พระสงฆ์มาพบในอาคารแต่ปรากฏว่าไม่มา รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่พระไม่รับนิมนต์ และถ้าผมลงไปพบแล้วไม่ได้ข้อเสนออะไร ก็ไม่รู้จะลงไปทำไม ผมเห็นใจที่พระชั้นผู้ใหญ่ต้องมาชุมนุมกันแบบนี้ และพูดโจมตีด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและกล่าวหากันมาก แต่กรรมาธิการก็คงทำหน้าที่ไป ซึ่งทุกคนต้องยอมรับว่าไม่มีใครที่จะได้ดั่งใจของตนเองไปทุกเรื่อง" น.ต.ประสงค์กล่าว และปิดประชุมการพิจารณาทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ ในเวลา 12.15 น.

**ย้อนพวกวิจารณ์กลับไปดูร่างก่อน

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้มีการเลื่อนมอบร่างรัฐธรรมนูญ แต่เพราะเป็นห่วงเรื่องการตีความทางกฎหมายว่า จะนับวันหลังจากมอบร่างรัฐธรรมนูญให้ 12 องค์กรตามรัฐธรรมนูญและประชาชนอย่างไร เพราะในการประชุม กมธ.วิสามัญกิจการสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธานสภาร่างฯได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ และนายนรนิติ เศรษฐบุตร เห็นด้วย

นายสมคิดกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า อยากเรียกร้องว่าก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรขอให้อ่านร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกที่ กมธ.ยกร่างจัดทำไว้ก่อน เพราะขณะนี้ยังมีคนเข้าใจผิดว่า การเลือกตั้ง ส.ส.แบบเขตเดียว 3 เบอร์ ประชาชนสามารถเลือกได้เพียง 1 คน แต่ความจริงคือเลือกได้ 3 คน หรือมาตรา 67 เรื่องเปิดทางให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ความจริงก็ไม่ใช่

"มีหลายเรื่องที่ กมธ.ได้ยกร่างไปแล้วเชื่อว่าจะมีเสียงคัดค้าน เช่น การสรรหา ส.ว.คงจะถูกคัดค้านสูง แต่ผมยืนยันว่าพวกเรายกร่างตามที่ออกไปรับฟังประชาชนที่อยากให้ ส.ว.มาจากการสรรหา การลดจำนวน ส.ส. ก็เช่นกัน ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ลด" นายสมคิดกล่าว

**เสร็จสมบูรณ์ตามกรอบ6ก.ค.

นายปกรณ์ ปรียากร โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญในหนังสือพิมพ์รายวันเป็นเวลา 5 วันติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 20-24 เมษายน ในขณะที่หนังสือพิมพ์รายวันฉบับอื่น และสื่อสารมวลชนสาขาต่างๆ ที่มีความประสงค์จะพิมพ์เผยแพร่ กมธ.พร้อมจะสนับสนุนไฟล์ข้อมูลร่างรัฐธรรมนูญให้ทุกสื่อพร้อมที่จะให้เผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนเป็นต้นไป และประชาชนยังสามารถดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของรัฐสภา ที่ www.parliament.go.th

นายปกรณ์กล่าวว่า ตารางการทำงานของ กมธ.นั้น วันที่ 18 เมษายน จะจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญให้เพื่อตีพิมพ์ตามกำหนด วันที่ 19 เมษายน มอบร่างรัฐธรรมนูญให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นการภายใน วันที่ 23-24 เมษายน อาจจะมีการประชุมนอกรอบกับสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในรายหมวด วันที่ 26 เมษายน แจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญไปยังประชาชนและองค์กรตามรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ และระหว่างวันที่ 27 เมษายน-26 พฤษภาคม เปิดโอกาสให้สมาชิกยื่นคำแปรญัตติ วันที่ 27 พฤษภาคม-10 มิถุนายน กมธ.พิจารณาประเด็นการแปรญัตติและความเห็นต่างๆ พร้อมแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญและวันที่ 1 มิถุนายน จัดส่งร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขแล้วให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ และการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเสร็จภายในวันที่ 6 กรกฎาคม ตามกรอบที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน

**กกต.ขู่พวกป่วนประชามติ

นางสดศรี สัตยธรรม กล่าวว่า กกต.มีมติเห็นชอบร่างพระราชญัตติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพื่อรองรับอำนาจหน้าที่ของ กกต.ในการออกเสียงประชามติ และใช้เป็นมาตรการที่จะดำเนินการกับบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิด เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ โดยอยู่ระหว่างการเสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับบทลงโทษต่อกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ก่อความวุ่นวาย ขัดขวาง ส่งผลให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยนั้น จะได้รับโทษเพิ่มขึ้นคือ ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

[FONT=Tahoma,]http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01p0102180450&day=2007/04/18&sectionid=0101[/FONT]





<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ฉุนกมธ.ของบออกทีวี "ประสงค์"ลั่นสิ้นเปลืองใช้สื่อรัฐแทน</TD></TR><TR><TD vAlign=top>18 เมษายน 2550 00:51 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!--

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ม็อบชาวพุทธเดือด

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>7 องค์กรชาวพุทธ พร้อมชุมนุมใหญ่ 26 เม.ย.นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 เมษายน 2550 15:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>7 องค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์โดยให้บัญญัติข้อความในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นอกจากนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ยังได้โจมตี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า น.ต.ประสงค์ ทำงานด้วยโมหคติ คือ การกลัวคนส่วนน้อย แต่ไม่เกรงใจคนส่วนใหญ่ พร้อมกับไม่ยอมรับ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ
พร้อมกันนี้ ทางองค์กรยืนยันจะเดินหน้าปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 26 เมษายน ซึ่งเป็นการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการนั้นจะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ชุมนุมประมาณ 100,000-200,000 คน พร้อมกันนี้ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าสกัดกั้น เพราะหากปิดโอกาสแสดงความเห็นแล้วจะยิ่งมีผู้ชุมนุมมากขึ้น
ขณะเดียวกันเรียกร้องสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 100 คน ทำหน้าที่เสนอกรอบแปรญัตติให้เป็นผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE>

------------------------

Ref. http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000044262​

</TD></TR></TBODY></TABLE>