{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย Amuletism, 2 มกราคม 2012.

  1. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน สมุทรปราการ (วัดบางเหี้ย)

    หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน สมุทรปราการ (วัดบางเหี้ย)
    [​IMG]<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เกิดเมื่อ พ.ศ.2368 ในสมัย รัชกาลที่ 3 มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๕๓ รวมสิริอายุ ๘๕ ปี หลวงพ่อปานฯ กับหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง จังหวัดระยอง (ซึ่งได้พบกันในระหว่างธุดงค์) ได้ชวนกันไปเรียนวิทยาคมการปลุกเสกเสือ จากอาจารย์ท่านหนึ่งพร้อมกัน ขณะที่เรียนอยู่นั้น เมื่อเรียนถึงขั้นทดลองพิสูจน์ดู โดยเอาเสือใส่บาตร ปลุกเสกจนเสือออกมาจากบาตรเข้าไปในป่า ถ้าใครภาวนาเรียกเสือกลับมาได้ก็จะได้เรียนต่อไป หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย ปลุกเสกเสือออกจากบาตรเข้าป่าไปได้ และเรียกกลับมาได้ ส่วนหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง ปลุกเสกเสือออกมาได้เข้าป่าไปเช่นกัน แต่เรียกเท่าไรๆ ก็ไม่กลับ ก็เป็นอันว่าหลวงพ่อปานเรียนต่อจนสำเร็จองค์เดียว หลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้งก็ต้องเปลี่ยนไปเรียนการสร้างและปลุกเสกแพะ จนสำเร็จ ต่อมาก็มาเป็นอาจารย์ของหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก จังหวัดระยอง <o:p></o:p>
    เครื่องรางของขลังที่หลวงพ่อปานนิยมมอบให้ลูกศิษย์ลูกหาจะเป็นวัตถุมงคลของท่านที่ขึ้นชื่อได้แก่ เขี้ยวเสือแกะ และตะกรุด ในช่วงชีวิตของท่านไม่เคยสร้างหรือปลุกเสกเหรียญรุ่นใดๆ เลย ดังนั้นเหรียญที่เล่นหากันอยู่ในปัจจุบันจึงมีราคาไม่สูง เพราะไม่ทันท่าน ทั้งนี้เหตุผลในการสร้างเสือนั้น เพราะท่านให้ความเห็นว่า เสือเป็นสัตว์ที่ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะเดช และอำนาจ สามารถสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ภายใต้อำนาจได้ ท่านเคยกล่าวว่า เสือนั้นนอกจากมีมหาอำนาจแล้ว ยังมีมหานิยมอย่างยิ่งด้วย เพราะเมื่อเอ่ยถึงเสือ แม้ทุกคนจะเกรงกลัวเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครไม่อยากเห็นเสือ
    ตามความเชื่อโบราณนั้น เขี้ยวเสือถือเป็นของทนสิทธิ์ ซึ่งมีอานุภาพและความเข้มขลังอยู่แล้ว แม้จะไม่ผ่านพิธีปลุกเสกก็ตาม ยิ่งถ้าได้รับการปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคม ก็ยิ่งทวีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น มีการบอกเล่ากันต่อๆมา ถึงประสบการณ์ในทางด้านมหาอำนาจ คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ค้าขายได้ผล พ่อค้าแม่ค้าจึงมักไปขอเขี้ยวเสือจากหลวงพ่อปานจำนวนมาก <o:p></o:p>

    เสือของหลวงพ่อปาน จะมีทั้งเขี้ยวเต็มและเขี้ยวซีก หากเป็นเขี้ยวเต็มจะปรากฏรูกลวงตรงการ แกะเป็นรูปเสือที่มีศิลป์เฉพาะ ที่นิยมพูดกันว่า เรียกว่า เขี้ยวโปร่งฟ้า เสือหน้าแมว ตาลูกเต๋า หูหนู ยันต์กอหญ้า (ใต้ฐานมียันต์เฑาะขมวดหัวขมวดหาง) <o:p></o:p>
    สันนิษฐานว่าเขี้ยวเสือยุคแรกๆ น่าจะเป็น เขี้ยวซีก ต่อมาเมื่อเสือหลวงพ่อปาน เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง บรรดาเจ้าสัว เจ้านายก็จ้างคนหาเขี้ยวเสือที่ค่อนข้างใหญ่และงาม นำมาให้ช่างแกะ จนมีเรื่องเล่าว่า ค่าตัวของเสือหลวงพ่อปานสมัยนั้น (เมื่อร้อยปีมาแล้ว) มีราคาตั้งแต่ ๑ บาท ๒ บาท จนถึง ๓ บาท นั่นคือราคาที่แพงที่สุด แต่ก็มีเรื่องเล่า (อีก) ที่ว่า มีคหบดีท่านหนึ่งให้ราคาเสือถึง ๕ บาท เพื่อให้ช่างหาเขี้ยวและนำมาแกะเป็นตัวเสือ
    มีเรื่องเล่าว่าสมัยพระสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ประตูระบายน้ำคลองด่าน หลวงพ่อปาน ก็มารับ สด็จด้วย ท่านเตรียม เขี้ยวเสือ ซึ่งแกะเป็นรูปเสืออย่างงดงามใส่พานไว้ โดยให้เด็กชายป๊อด อายุประมาณ ๗-๘ ปี เดินถือพานตามหลังท่าน เมื่อถึงที่ประทับ พระสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลวงพ่อปานได้เรียกเอาพานใส่เขี้ยวเสือ แต่เด็กชายป๊อดกลับบอกว่า "เสือไม่มี เพราะมันกระโดดลงน้ำไปแล้ว" หลวง พ่อปานได้ยินเช่นนั้น จึงนำเอาชิ้นหมูที่ทำขึ้นจากดินเหนียวเสียบกับไม้ แกว่งล่อเอาเสือขึ้นมาจากน้ำต่อหน้าพระพักตร์ จากนั้นก็ได้ถวายเขี้ยวเสือนั้น<o:p></o:p>
     
  2. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ขอโพสต์ใหม่ ปรับ font หน่อย รู้สึกว่าอ่านยากครับ

    หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน สมุทรปราการ (วัดบางเหี้ย)
    [​IMG]
    เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๓๖๘ ในสมัย รัชกาลที่ ๓และมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๕๓ รวมสิริอายุ ๘๕ ปีหลวงพ่อปานฯ กับหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง จังหวัดระยอง (ซึ่งได้พบกันในระหว่างธุดงค์)ได้ชวนกันไปเรียนวิทยาคมการปลุกเสกเสือ จากอาจารย์ท่านหนึ่งพร้อมกันขณะที่เรียนอยู่นั้นเมื่อเรียนถึงขั้นทดลองพิสูจน์ดู โดยเอาเสือใส่บาตร ปลุกเสกจนเสือออกมาจากบาตรเข้าไปในป่าถ้าใครภาวนาเรียกเสือกลับมาได้ก็จะได้เรียนต่อไป หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย ปลุกเสกเสือออกจากบาตรเข้าป่าไปได้และเรียกกลับมาได้ ส่วนหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง ปลุกเสกเสือออกมาได้เข้าป่าไปเช่นกันแต่เรียกเท่าไรๆ ก็ไม่กลับ ก็เป็นอันว่าหลวงพ่อปานเรียนต่อจนสำเร็จองค์เดียวหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้งก็ต้องเปลี่ยนไปเรียนการสร้างและปลุกเสกแพะจนสำเร็จ ต่อมาก็มาเป็นอาจารย์ของหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอกจังหวัดระยอง <O:p></O:p>
    เครื่องรางของขลังที่หลวงพ่อปานนิยมมอบให้ลูกศิษย์ลูกหาจะเป็นวัตถุมงคลของท่านที่ขึ้นชื่อได้แก่ เขี้ยวเสือแกะและตะกรุดในช่วงชีวิตของท่านไม่เคยสร้างหรือปลุกเสกเหรียญรุ่นใดๆ เลย ดังนั้นเหรียญที่เล่นหากันอยู่ในปัจจุบันจึงมีราคาไม่สูง เพราะไม่ทันท่าน ทั้งนี้เหตุผลในการสร้างเสือนั้น เพราะท่านให้ความเห็นว่า เสือเป็นสัตว์ที่ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะเดช และอำนาจสามารถสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ภายใต้อำนาจได้ท่านเคยกล่าวว่า เสือนั้นนอกจากมีมหาอำนาจแล้ว ยังมีมหานิยมอย่างยิ่งด้วย เพราะเมื่อเอ่ยถึงเสือ แม้ทุกคนจะเกรงกลัวเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครไม่อยากเห็นเสือ
    ตามความเชื่อโบราณนั้น เขี้ยวเสือถือเป็นของทนสิทธิ์ ซึ่งมีอานุภาพและความเข้มขลังอยู่แล้วแม้จะไม่ผ่านพิธีปลุกเสกก็ตามยิ่งถ้าได้รับการปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมก็ยิ่งทวีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น มีการบอกเล่ากันต่อๆมา ถึงประสบการณ์ในทางด้านมหาอำนาจ คงกระพันชาตรีเมตตามหานิยม ค้าขายได้ผลพ่อค้าแม่ค้าจึงมักไปขอเขี้ยวเสือจากหลวงพ่อปานจำนวนมาก <O:p></O:p>
    เสือของหลวงพ่อปาน จะมีทั้งเขี้ยวเต็มและเขี้ยวซีก หากเป็นเขี้ยวเต็มจะปรากฏรูกลวงตรงการ แกะเป็นรูปเสือที่มีศิลป์เฉพาะ ที่นิยมพูดกันว่า เรียกว่า เขี้ยวโปร่งฟ้า เสือหน้าแมว ตาลูกเต๋า หูหนู ยันต์กอหญ้า(ใต้ฐานมียันต์เฑาะขมวดหัวขมวดหาง) <O:p></O:p>
    สันนิษฐานว่าเขี้ยวเสือยุคแรกๆ น่าจะเป็น เขี้ยวซีก ต่อมาเมื่อเสือหลวงพ่อปาน เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางบรรดาเจ้าสัว เจ้านายก็จ้างคนหาเขี้ยวเสือที่ค่อนข้างใหญ่และงามนำมาให้ช่างแกะ จนมีเรื่องเล่าว่า ค่าตัวของเสือหลวงพ่อปานสมัยนั้น (เมื่อร้อยปีมาแล้ว) มีราคาตั้งแต่ ๑ บาท ๒ บาท จนถึง ๓ บาทนั่นคือราคาที่แพงที่สุดแต่ก็มีเรื่องเล่า (อีก) ที่ว่า มีคหบดีท่านหนึ่งให้ราคาเสือถึง ๕ บาทเพื่อให้ช่างหาเขี้ยวและนำมาแกะเป็นตัวเสือ
    มีเรื่องเล่าว่าสมัยพระสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ประตูระบายน้ำคลองด่าน หลวงพ่อปานก็มารับ สด็จด้วย ท่านเตรียม เขี้ยวเสือซึ่งแกะเป็นรูปเสืออย่างงดงามใส่พานไว้ โดยให้เด็กชายป๊อด อายุประมาณ ๗-๘ ปีเดินถือพานตามหลังท่านเมื่อถึงที่ประทับพระสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลวงพ่อปานได้เรียกเอาพานใส่เขี้ยวเสือแต่เด็กชายป๊อดกลับบอกว่า "เสือไม่มี เพราะมันกระโดดลงน้ำไปแล้ว" หลวงพ่อปานได้ยินเช่นนั้น จึงนำเอาชิ้นหมูที่ทำขึ้นจากดินเหนียวเสียบกับไม้แกว่งล่อเอาเสือขึ้นมาจากน้ำต่อหน้าพระพักตร์ จากนั้นก็ได้ถวายเขี้ยวเสือนั้น
     
  3. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    หลักการพิจารณา เสือหลวงพ่อปาน

    หลักการพิจารณา เสือหลวงพ่อปานนั้นต้องแกะจากเขี้ยวเสือเท่านั้น(ไม่แกะจากกระดูกสัตว์ เขี้ยวสัตว์อื่น หรือวัสดุชนิดอื่นใด ต้องระวังเสือที่ทำจากพลาสติก หรือเรซิ่น)ให้พิจารณาความเก่าโดยพิจารณาจาก ความแห้ง ความฉ่ำและรอยแตกรานซึ่งเกิดจากธรรมชาติความเก่า เพราะมีอายุกว่าร้อยปีโดยรอยแตกรานดังกล่าวจะต้องเป็นแนวตั้งจากบนลงล่าง หากเป็นรอยแนวขวางเป็นวงแหวนสันนิษฐานว่าเป็นเขี้ยวหมีสีของเขี้ยวเสือที่มีความฉ่ำ (สีเหลืองออกน้ำตาล คล้ายเทียนไข) จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานอย่างไรก็ตามจะไม่เป็นสีเดียวกันเสมอกันทั้งอัน (เสือทอดน้ำมัน)
    รอยจารก็เป็นจุดสำคัญที่ใช้พิจารณา ลักษณะเป็นเส้นคมเล็กบาง จารหวัดๆ ไม่พิถีพิถันคล้ายเลขสามไทย (๓) เลขเจ็ดไทย (๗) หรือเลขเก้าไทย(๙) ส่วนรอยจารใต้ฐาน ลักษณะเป็นยันต์กลมรี วนไปมาเป็นก้อนกลมซ้อนกันหลายวง เรียกว่า “ยันต์กอหญ้า”
     
  4. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    เขี้ยวเสือแกะ พิมพ์อ้าปาก หลวงพ่อปาน บางเหี้ย สมุทรปราการ

    เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน มีทั้งแบบเสืออ้าและเสือหุบปาก เชื่อกันว่าเสืออ้าปาก เป็นเสือที่กำลังคำรามมีมหาอำนาจ ในขณะที่เสือหุบปากเป็นเสืออิ่มไม่อดอยากครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เขี้ยวเสือตัวนี้ เป็นเขี้ยวเต็ม พิมพ์อ้าปากครับ ตอนได้มามีลวดรัดอยู่เดิม จึงคาดว่าเจ้าของดั้งเดิมถักเอาไว้ห้อยคอเพื่อใช้งาน เนื่องจากเมื่อก่อนไม่มีสร้อยและตลับ ตอนเลื่อมทองผมก็เลยไม่ได้เอาออก ดูแล้วคลาสสิคดี แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ก่อน
    [​IMG] <o:p></o:p>
    เคยถามเซียนพระว่าสมาคมฯ เขารับออกใบรับรองเครื่องรางหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่าไม่ครับ เพราะมีผู้รู้จริงน้อยมากๆ การประกวดในโต๊ะเครื่องรางแต่ละครั้งก็มีกรรมการไม่กี่คน เสือตัวนี้ผมได้มาจากเซียนใหญ่ด้านเครื่องรางรุ่นเก่าที่รู้จักชอบพอกันดีครับ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือเครื่องราง (เป็นหนังสือเก่าหายากของวงการด้วย) จึงมั่นใจว่าแท้แน่นอน และ ก็เคยไปเช็คที่พันธุ์ทิพย์อีกหลายตาแล้วด้วยครับ จึงนำมาให้แชร์ชมกัน อยากให้เพื่อนๆ ได้พิจารณาคราบไคล รอยแตกราน ความฉ่ำ และสีของเขี้ยวครับ
    <o:p>[​IMG]</o:p>
     
  5. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    เสือหลวงพ่อปาน ที่ระลึกครบรอบ ๑๐๑ ปี

    ไหนๆ ก็ว่าด้วยเสือแล้ว
    ก็เลยเอาเสือเนื้อโลหะที่เพิ่งได้มาไม่นาน มาลงให้ดูครับ
    เสือที่ระลึกครบ ๑๐๑ ปี หลวงพ่อปาน จัดสร้างโดย
    ชมรมพระเครื่องสมุทรปราการ เพอื่มอบเป็นรางวัลในการประกวด
    พระเครื่องของชมรม ซึ่งจัดขึ้นที่พันธุ์ทิพย์
    พอจบงานประกวดก็มีคนมารับซื้อในราคาตัวแล้ว ๓๐๐ บาท
    ตอนหลังเห็นขายกันอยู่ตัวแล้วพันเศษๆ
    แต่ผมไม่ได้ขายเก็บมาแบ่งให้น้องๆ พกติดตัวเป็นมงคลดีกว่า

    [​IMG]
     
  6. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สวยทั้งคู่ครับ อื่มฮื่ม
     
  7. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    เสือหลวงพ่อคง ๒๕๒๑ วัดวังสรรพรส จันทบุรี

    เสือตัวนี้เป็นรุ่นสองของหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี
    ได้มาจากรุ่นพี่ที่สะสมพระด้วยกัน เขาเช่ามาจากวัดเลยครับ
    ตอนนี้ก็ยังถือเป็นของดีที่ราคาย่อมเยาว์ครับ

    [​IMG]
     
  8. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    คุณโอ๋สะพาน ขอบคุณอย่างย่งสำหรับคำชมครับ
     
  9. noitak

    noitak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +88
    น่าเสียดายนะพี่ น่าจะเป็นครอบแก้ว สวยออกอย่างนี้แต่ด้านข้างทึบตัน เลยไม่เห็นหน้าเสือว่าจะน่ารักขนาดไหน
     
  10. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    จริงๆ ก็อยากใส่ตลับอย่างดีนะครับ
    แต่ตอนทำเงินน้อย เพราะอย่างที่รู้กันครับ
    สำหรับคนรักษ์พระ จะได้พบเจอพระที่อยากสะสมเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา
    สภาพคล่องในแต่ละขณะ จึงเป็นประเภทมาเร็วไปเร็ว
    เงินกลายเป็นวัตถุมงคลที่รักที่ชอบเสียหมดนะครับ
     
  11. น้า ต๋อย

    น้า ต๋อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +661
    พูดถึงประวัติพระผมขอนอกเรื่องนิดนะคุณAmuletism
    อาจจะฟังดูแล้วน่าสยอง แต่ไม่ต้องคิดมากนะครับทุกท่าน
    ก็เล่นไปตามน้ำแล้วกันขวางไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา.......

    ทุกท่านคงรู้จักพระ วัดลิงขบกันดีนะครับ สมัยก่อน [ก่อนปี2530]
    พระวัดลิงขบ แทบจะไม่มีความหมายสำหรับนักเล่นเลย องค์ไม่กี่ร้อย
    บาท ส่วนใหญ่จะเอาไว้เป็นน้ำจิ้มกันสะมากกว่า ไม่ค่อยจะซื้อ-ขายกัน
    แต่พอมาหลังปี 2530 พระวัดลิงขบเริ่มจะมีราคาขึ้นมาบ้าง และราคา
    สูงสุดณ.ชม. นั้นสามารถซื้อ-ขายกันได้องค์หละเกิน 5000 บ.
    แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นมาคือ มีผู้ทำพระวัดลิงขบเก๊ออกมา
    ต้องขอชมว่าเก๊ออกมาได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่ทำออกมาได้สุดๆไปเลย และที่สำคัญ เรื่องรา โหแม่จ้าว! เห็นแล้วทึ้งจริงๆใจยัง
    คิดว่ามันทำออกมาได้ไง โดยปกติแล้วราเก๊มักทำกันออกมาได้ไม่เหมือน แต่ราลิงขบชุดนี้เขาทำออกมาสุดยอดครบเครื่อง เขาสามารถ
    ทำตีนรา ซึ่งถ้าคนไหนดูราเป็นจะรู้จัก คือคล้ายๆกับขอบใบผักชีครับ ยักๆ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ตายกันเป็นแถบๆ จนปัจจุบันราเก๊ฝีมือนี้
    ก็ยังไม่เคยเห็นในพระเก๊อย่างอื่นเลย

    พระชุดนั้นถูกนำมาขายที่ตลาดพระไทยณรงค์ สะพานใหม่เป็นที่แรก เชื่อมั้ยครับว่าเขาสามารถขายได้องค์ละ 700 บ. ผู้ซื้อก็ยอมซื้อเขาทั้งๆที่รู้ว่าเก๊ และมีอยู่เจ้าเดียววางยู่ประมาณ10กล่อง[กล่องใส่พระสแตนเลสมาตราฐาน] กล่องหนึ่งใส่มา 3 แถวเต็มๆ และมาขายน่าจะ
    3-4 ครั้งถ้าจำไม่ผิด แล้วก็หาไปเลย ลองคิดดูนะครับว่ามีจำนวณ
    มากน้อยแค่ไหนเขาขายได้ดีมากในแต่ละครั้งที่มา

    แต่ณ.ตอนนั้นสิ่งที่สังเกตุได้ง่ายคือ พระเขาพึ่งทำออกมาเนื้อพระยัง
    ดูสดไปหน่อย และ ตัวรา ถึงจะมีลักษณะที่เหมือนราจริงมาก แต่เมื่อ
    พึ่งทำออกมา ตัวราเมื่อลงกล้องดูจะยังดูช่ำๆเปรียกๆอยู่ ซึ่งจะขัด
    กับตัวอองค์พระที่มีความแห้งกว่ามาก

    คราวนี้ลองมาคิดถึงปัจจุบันบ้าง กาลเวลาผ่านไปเกือบ 30 ปี พระชุดดังกล่าวท่านคิดว่าจะอยู่สภาพไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเนื้อหรือรา ช่วง
    เวลาที่ผ่านมา พระถูกเปลี่ยนมือไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร สภาพต้องเปลี่ยนไปแน่ ราที่ดูว่าสดณ.ตอนนั้น แต่ปัจจุบันเนียนแนบเนื้อพระไปหมดแล้ว
    ครับ สิ่งที่ยังคงไว้ก็คือ ลักษณะของราที่ทำได้เหมือนของแท้

    อ่านกันแล้วไม่ต้องเครียดนะครับ ไม่ได้มาโจมตีอะไรพระแต่มาเล่าให้ฟังกันสนุกๆจากประสพการณ์ที่ผ่านมา
     
  12. BlueBlur

    BlueBlur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,664
    ค่าพลัง:
    +1,570
    เห็นรูปดิสเพลของท่าน Amuletism ผมเชื่อเลยครับว่าเป็นสุดยอดแห่งผง ผงพรายกุมาร ที่ขอได้ไหว้รับ มีตัวตนจริงๆ ของแม่ส้มและเจ้าพรายน้อย ขออนุญาตแจมหลวงปู่ทิมเหรียญเจริญพรล่าง สภาพพองาม นำให้่ท่านสมาชิกได้ศึกษาเหรียญดูคราบผิวปรอท ซึ่งปัจจุบันนี้ของเก๊ออกมาหลายฝีมือ ตำหนิทำได้หมดแล้ว ต้องดูตัวตัดเหรียญเท่านั้นครับ

    อีกประเด็นหนึ่งที่เซียนเจ้าถิ่นบอกว่าเจริญพรบนเอาไว้ขาย เจริญพรล่างต้องแขวน ...บล็อกล่างชำรุดก่อนบน อืมน่าคิดนะครับ

    ส่วนระดับความเก๊ฝีมือผมให้ 90% ที่เหลือแค่ผิว ความเก่า เท่านั้นครับ

    [​IMG]
     
  13. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372

    ต้องขอขอบคุณน้าต๋อยเป็นอย่างยิ่งสำหรับข้อมูลใหม่ๆดีๆแบบนี้
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
    ผมเองก็คยได้ยินมาว่าพระวัดลิงขบเป็นพระที่เล่นยาก เพราะเก๊ฝีมือดีเหลือเกิน
    แต่ก็เพิ่งจะทราบเป็นครั้งแรกว่ามาการปลอมรา ได้เนียนๆ
    โดยไม่ใช่แค่รอยของหมึกจีนธรรมดาๆอีกต่อไป
    ทราบแล้วคงต้องระมัดระวังการพิจารณาราในพระประเภทอื่น
    ให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
     
  14. น้า ต๋อย

    น้า ต๋อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +661

    รา เก๊ที่ใช้หมึกจีนทำ สำหรับพระเก๊ที่ฝีมือดีๆ หรือพอใช้ได้ คนพวกนี้เขาเลิกใช้มานานมากแล้วครับ เหลือแต่พวกทำเก๊แบบไม่ลงทุน และไม่เป็น
    พระแท้ คนพวกนี้ยังใช้อยู่ สังเกตุได้จากพระเก๊พวกนี้ จะเก๊ห่างมาก
    ทำขอไปทีประมาณนั้น
    โดยส่วนใหญ่พวกที่ทำพระเก๊ออกมาดีๆ คนพวกนี้เขาเป็นพระครับ
    และรู้ธรรมชาติทุกอย่างเกี่ยวกับพระ ลงทุนซื้อพระแท้มาถอดพิมพ์
    แพงไม่ว่า แต่ขอให้สวยเพราะจะได้ถอดพิมพ์ออกมาดี เมื่อตัวลูก
    ออกมาดี ตัวแม่เขาจะขายขาดทุนก็ได้ เพราะลูกๆทำกำไรได้เยอะ

    ถ้าจะระวังเรื่องวัดลิงขบ ผมว่าไม่ต้องระวังอะไรมากมายนะครับ
    ปวดหมองป่าวๆเพราะทุกวันนี้ก็เป็นแท้ไปหมดแล้ว ขอแค่ดูว่า
    พระผิดพิมพ์หรือเนื้อเก๊ห่างๆหรือป่าว แค่นี้ก็พอครับ
     
  15. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ต้องขอบคุณ คุณ BlueBlur อย่างยิ่งที่นำพระแท้พระดีมาร่วมโชว์ในกระทู้นี้
    เชื่อว่าเมื่อเห็นเหรียญเจริญพรล่าง สภาพน่ารักแบบนี้ ใครๆ หลายคนที่ศรัทธาหลวงปู่ทิม คงเกิดความรู้สึกอยากได้อยู่ไม่น้อยทีเดียว (kiss)

    หากใครเคยอ่านกระทู้ที่ผมเขียนก็จะทราบว่า ผมเริ่มเข้ามาสะสมพระ โดยเริ่มต้นด้วยพระกรุพระเก่า ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี แต่มาขยายมาเป็นพระเนื้อดินของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา ซึ่งก็ถือว่าเป็นพระเกจิคณาจารย์ยุคเก่า เพราะรู้สึกสนุกกับการดูพระเนื้อดิน แรกทีเดียวไม่เคยให้ความสนใจกับพระใหม่เลย (พระหลังปี พ.ศ. ๒๕๐๐) แม้ว่าก่อนจะเริ่มสะสมพระได้อ่านนิตยสารพระเล่มหลักๆ ย้อมหลังแทบทุกเล่มแล้วก็ตาม
    แต่เมื่อเริ่มต้นคิดจะสะสมพระหลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ (ไม่นับรวมพระหลวงปู่ทวดที่อาจารย์ทิมวัดช้างให้สร้าง) ก็มีพระเกจิเพียงสององค์ที่เข้ามาในความคิดทันที จากข้อมูลและประวัติที่เคยได้อ่านมาตลอด ก็คือ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จังหวัดนครสวรรค์ และหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง

    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จังหวัดนครสวรรค์ ขายมรดกของตนเองเพื่อนำมาพัฒนาวัดเก่าที่รกร้าง ท่านเป็นพระเมตตาสูง ชอบแจกวัตถุมงคล เช่น เหรียญแจกทาน ผ้าขาวม้าแจกทาน ท่านไม่ชอบเก็บสะสมของใดๆเลย เมื่อจะสะสมพระหลวงพ่อพรหม ผมก็มุ่งหมายว่าจะต้องมีพระเนื้อทองระฆัง ที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านสักองค์ให้จงได้ครับ ก็คือองค์ที่ลงตอนเปิดกระทู้นี้แหละครับ หลังจากนั้นก็แล้วแต่โอกาสตามสมควร

    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง พระภิกษุที่ฉันมังสวิรัตตลอดชีวิต
    สร้างวัดจากที่ไม่มีอะไรเลย ลงมือเริ่มก่อสร้างและปั้นพระประธานด้วยตัวท่านเอง ในการเริ่มสะสมพระของหลวงปู่ทิม ผมก็คิดว่าน่าจะต้องเป็นพระชุดชินบัญชร หรือพระขุนแผน ผงพรายกุมาร สักองค์ครับ แต่เมื่อพิจารณาความชอบส่วนตัวแล้ว ก็พบว่าตนเองไม่ถนัด เพราะไม่เคยศึกษาพระในกลุ่มพระกริ่งและพระชัยวัฒน์เลย แต่มีพระผงอยู่บ้าง จึงตัดสินใจมองเห็นพระผงพรายกุมาร ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นพระใหม่ที่ประสบการณ์สูง และราคาก็สูงไม่น้อยกว่าพระกรุพระเก่าเลย ประวัติการสร้างก็น่าสนใจอย่างยิ่งครับ หลังๆมาก็ยังมองหาวัตถุมงคลที่ท่านสร้างรุ่นอื่นๆอยู่ แต่ต้องบอกว่าราคาสูงจริงๆเลยครับ
    :z3dencee:z5:z3
     
  16. aoodwing4

    aoodwing4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +282
    หลวงพ่อพรหม

    ยินดีด้วยครับท่าน Amuletism ที่ตั้งกระทู้ที่เป็นประโยน์กับเพื่อนสมาชิกครับ
    ส่วนผมก็ชอบเก็บสะสม หลวงพ่อพรหมครับ เพราะเป็นคน อ.ตาคลี โดยกำเนิดชอบศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องครับ
    พอดีมีพิมพ์เข่ากว้างหลังเตารีดอยู่ 1 องค์ครับ แต่ตอนนี้ล้างเอี่ยม ด้วยน้ำยาแอมโมเนียครับ ผิวกลายเป็นทองเหลืองอร่ามเลยครับแค่ 5 วินาทีเอง ลองชมดูครับ เพราะพระองค์นี้ส่วนตัวชอบมากแต่ตอนนี้ลังเลครับเพราะมีหลายจุดที่เซียนติครับ(แถวบ้าน) มีทั้งติ และชมว่าดีครับแต่ที่ติคือ
    1.เนื้อไม่ค่อยแตกลาน
    2.ขอบข้างไม่เลื่อย(ของผมปั้มขาดเกือบหมด)
    3.ด้านหลังเหมือนบล็อค เนื้อตะกั่วลองพิมพ์(เซียนบางคนบอกในสาระบบไม่มี)4.เนื้อไม่ใช่
    โดยส่วนตัวยังลังเล ท่านAmuletism และเพื่อนๆช่าวยวิเคราะห์หน่อยครับ โดยองค์นี้ในส่วนตัวแก่ทองเหลืองครับ เพราะถ้าแก่ทองระฆัง เนื้อจะแตกมากๆ ลองชมดูครับ(สภาพล้างได้ 1 วันครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC07014.jpg
      DSC07014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      673.1 KB
      เปิดดู:
      241
    • DSC07015.jpg
      DSC07015.jpg
      ขนาดไฟล์:
      663.1 KB
      เปิดดู:
      293
    • DSC07022.jpg
      DSC07022.jpg
      ขนาดไฟล์:
      651.6 KB
      เปิดดู:
      182
    • DSC07026.JPG
      DSC07026.JPG
      ขนาดไฟล์:
      763.3 KB
      เปิดดู:
      245
    • DSC07019.JPG
      DSC07019.JPG
      ขนาดไฟล์:
      789.5 KB
      เปิดดู:
      663
    • DSC07028.JPG
      DSC07028.JPG
      ขนาดไฟล์:
      782.4 KB
      เปิดดู:
      175
    • DSC07029.JPG
      DSC07029.JPG
      ขนาดไฟล์:
      775.1 KB
      เปิดดู:
      168
    • DSC07033.jpg
      DSC07033.jpg
      ขนาดไฟล์:
      445 KB
      เปิดดู:
      1,206
    • DSC07036.JPG
      DSC07036.JPG
      ขนาดไฟล์:
      801.7 KB
      เปิดดู:
      166
    • DSC07035.JPG
      DSC07035.JPG
      ขนาดไฟล์:
      803 KB
      เปิดดู:
      334
  17. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ขอขอบคุณ คุณ aoodwing อย่างยิ่งที่ให้เกียรติเข้ามาร่วมแจมในกระทู้นี้ ;38
    สำหรับพระองค์นี้ ตำหนิต่างๆ มีครบถ้วน สำหรับขอบข้างและหลังผมก็ยังไม่ติดใจ (การแตกรานของเนื้อมากน้อยจะขึ้นกันน้ำหนักการปั้มต่างละองค์อาจต่างกันไป แต่ขอให้พิจารณาธรรมชาติของการรานจากการปั้ม ไม่ใช่เป็นรอยเส้นทู่ๆ หนาๆ หรือรอยตื้นๆ ที่เกิดจากการหล่อฉีด ดูจากภาพคงไม่ดีเท่ากับพิจารณาจากองค์จริง) เคยเห็นมาหลายสภาพพอสมควร ระหว่างการหาพระที่ถูกใจครับ
    อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกเนื้อพระองค์นี้ค่อนข้างแปลกตา ดูเนียนไปนิด ซึ่งโดยปกติเมื่อใช้กล้องส่องผิวพระประเภทนี้จะไม่เรียบเนียน แต่จะรู้สึกถึงความขรุขระเล็กน้อย เนื่องจากเนื้อทองระฆังมีส่วนผสมของโลหะหลายประเภทที่ไม่กลืนกันสนิท
    ประเด็นสำคัญ คือ คุณ aoodwing บอกว่าล้างพระด้วยน้ำยา จึงอาจเป็นเหตุให้ธรรมชาติของเนื้อพระดูผิดเพี้ยนไป อยากให้นำองค์จริงไปตรวจสอบกับสายตรงน่าจะดีกว่าครับ
     
  18. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    อยากเชิญชวนเพื่อนๆทุกคนเข้ามาร่วมแชร์ภาพและข้อมูลต่างๆจะเป็นพระใหม่หรือพระเก่า สภาพสวยหรือไม่สวยก็ตาม เพื่อจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนสมาชิกที่จะได้รู้จักพระและได้เห็นพระทุกสภาพ เพราะพระสภาพใช้อาจจะเป็นองค์ครูที่ช่วยให้เราได้เห็นเนื้อแท้ของพระประเภทนั้นๆก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นการพิจารณาเนื้อพระนางพญา กรุวัดนางพญา หากเราเคยเห็น "พระเสียผิวหรือที่เรียกว่านางพญากรุน้ำ" ที่มีเม็ดแร่ลอยอยู่บนผิวพระก็จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาเนื้อพระนางพญาอย่างยิ่ง
    ;34;k03wel lcome_pink;41
     
  19. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง

    [​IMG]

    หลวงปู่ทิม อิสริโกนามเดิมชื่อ "ทิมงามศรี เกิดวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ณ หน้าหอสวดมนต์ วัดละหารไร่หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา เป็นเวลา 23 วัน อายุ96 ปี 72 พรรษาffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เมื่ออายุ 17 ปี บิดานำตัวไปฝากไว้กับหลวงพ่อสิงห์ (วัดละหารใหญ่) เล่าเรียนหนังสือทั้งไทยและอักษรขอม ประมาณ 1 ปีหลังจากนั้นขอลาหลวงพ่อสิงห์กลับไปช่วยโยมบิดา มารดา ทำงานบ้าน จนถึงอายุ 19 ปีหลวงปู่ทิมได้อุปสมบทที่วัดทับมา ได้รับฉายานามสงฆ์ว่า "อิสริโก"หลังจากบวชแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนทางปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานจากหลวงพ่อสิงห์เมื่ออยู่ครบพรรษาแล้วท่านก็ได้ขออนุญาตและมนัสการกราบลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปหลายจังหวัดเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นท่านก็มาพิจารณาว่า ท่านก็ได้ใช้เวลานานพอสมควรแล้วจึงควรเดินทางกลับมาพักเสียที เมื่อคิดดังนั้นท่านก็เดินทางกลับมาจังหวัดชลบุรีและท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูมเป็นเวลา 2 พรรษาระหว่างนั้นท่านก็ได้เที่ยวร่ำเรียนวิชากับเกจิอาจารย์หลายอาจารย์ด้วยกันรวมทั้งฆราวาสโยมเริ่ม โยมรอด และโยมสาย นอกจากนั้นยังศึกษาตำราซึ่งตกทอดมาจากหลวงปู่สังข์เฒ่าเจ้าอาวาสวัดเก๋งจีนซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของหลวงปู่ทิม เป็นเวลา 2 ปี เศษ(หลวงปู่สังข์องค์นี้เป็นผู้ก่อตั้งวัดละหารไร่ขึ้น ชื่อเดมคือวัดไร่วารี เป็นพระที่เรืองวิทยาอาคมมากน้ำลายที่ท่านถ่มถ้าถูกพื้น ๆ จะแตกเมื่อทางจังหวัดทราบถึงความเก่งกล้าในวิทยาอาคมของท่านจึงนิมนต์มาอยู่ที่วัดเก๋งจีนก่อนไป หลวงปู่สังข์ได้ทิ้งตำราและวิทยาการต่าง ๆไว้ที่วัดละหารไร่ทั้งหมด บรรดาตำราและวิทยาการต่าง ๆหลวงปู่สังข์ได้ทิ้งไว้ที่วัดละหารไร่นี้เองที่หลวงปู่ทิมก็ได้ใช้ศึกษาในเวลาต่อมา โดยท่านได้รับนิมนต์จากชาวบ้านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ตั้งแต่พ.ศ. 2450<O:p></O:p>
    หลวงปู่ทิม อิสริโกท่านเป็นพระที่ปฏิบัติเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและพระวินัยขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระมักน้อยสันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูปรส กลิ่น เสียง ฉันอาหารเจเป็นประจำฉันมื้อเดียวเวลาประมาณ 7.00น. และฉันน้ำชาประมาณ 4 โมงเย็นจะไม่มีการฉันเพลเลย อาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารคาวทุกชนิดท่านจะไม่ยอมฉันแม้แต่น้ำปลา อาหารที่ท่านฉันส่วนใหญ่จะเป็นผัก ถั่ว หรือน้ำพริกกับเกลือป่นปฏิบัติอย่างนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี ร่างกายผิวพรรณของท่านก็ปกติอยู่ตามเดิมพละกำลังของท่านยังสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ทั้งนี้คงเป็นเพระบุญบารมีของท่านที่สะสมมา จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดและบริสุทธิ์ในพระธรรมวินัย <O:p></O:p>
    วัตถุมงคลที่สร้างชื่อเสียงให้แก่หลวงปู่ทิม คือ พระชุดชินบัญชร ปัจจุบันพระกริ่งชินบัญชร ก้นทองแดงมีมูลค่าการสะสมประมาณห้าแสนบาท ในขณะที่พระชัยวัฒน์อยู่ในหลักแสนต้น อีกประเภทหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงปู่ทิม ก็คือ พระชุดผงพลายกุมาร ปัจจุบันขุนแผนพิมพ์ใหญ่ บล็อกแรก ราคาหลักแสนต้นไปจนถึงล้าน สำหรับรุ่นที่ฝังตะกรุดคู่ ในขณะที่ขุนแผน พิมพ์เล็กบล็อกแรก ราคาเริ่มที่แสนแก่ๆ สำหรับสีขาวไม่ทาบรอนด์ ไปจนถึงแสนต้น และแสนกลาง แล้วแต่สภาพ สีและเนื้อพระ แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ พระของหลวงปู่ทิมได้รับความนิยมทุกประเภทและทุกพิมพ์ ต่างจากพระเกจิหลายองค์ที่คนนิยมสะสมเฉพาะเหรียญรุ่นแรกเท่านั้น<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
     
  20. aoodwing4

    aoodwing4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +282
    ขอบคุณ

    ขอบคุณที่ชี้แนะครับ ลองดูรูปก่อนล้างครับ(ถ่ายภาพเองครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...