ถามครับสงสัยเกิดมาทําไม ทําไมถึงมาเกิด แล้วถ้านิพพานแล้วจะทําอะไร?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 2 มกราคม 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมสงสัยว่า เกิดมาทําไม บางคนบอกว่า เกิดมาชดใช้กรรม ชดใช้กี่ชาติก็ไม่หมดหรอก เกิดมาก็ทํากรรม ก็ส่งผลหน้าต่อไป ก็ทํากรรมต่อไป ผมคิดว่าคงไม่ใช่แน่ๆ

    เกิดมา เป็นคนหาเงินทํางาน มีลูกมีครอบครัวมีรถมีบ้าน ตายไปก็เอาไปไม่ได้ไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ดีพอสมควร

    เกิดมา เพื่อทําบุญสร้างบารมี(กําลังใจ) อันนี้มีเหตุมีผลเหมือนกัน เพราะพระโพธิสัตว์ต้องทําบุญสร้างบารมี

    เกิดมา เพื่อให้ เจ็บให้ตาย อันนี้จริงๆ แต่เจ็บตายตลอดไปทั้งชาติก็ไม่ได้มันไม่สนใจต้องหาทางพ้นทุกขื

    เกิดมาเพื่อไม่ต้องมาเกิดอีก ให้นิพพาน อันนี้ฟังดูมีเหตุมีผล ไม่โต้แย้ง


    คําถามต่อไป ทําไมถึงมาเกิดอันนี้ ผมพอรู้แต่ไม่ค่อยแจ่มแจ้งเท่าไหร่ เหตุเกิดภพชาติ ก็ตัณหา อยากไปนุ้นเป็นนี้ อยากทํานนุ้นทํานี้ ทําชาตินี้ไม่ทันไปต่อชาติหน้า ก็เป็นเหตุต่อไป ผมเลยคิดว่า ถ้าจะชนะตัณหาได้ก็ใช้ตัณหาชนะ อยากไปนิพพาน ซะ ก็ไม่ต้องเกิด ตัณหาก็จบ จริงไหม? แย้งได้ผมมึนๆอยู่ ผมอ่านมาจากพระอานนท์สอนธรรม ถ้าอยากเป็นพระอรหันต์ พอทําความอยากเป็นพระอรหันต์แล้วก็ไม่ต้องยาก ก็แค่นั้น

    แต่ถ้าไม่อยากจะพระอรหันต์ ไม่อยากนิพพาน อยากไปเรื่อยๆ ก็เกิดทุกข์ต่อไป

    ถามต่อไป ถ้านิพพานแล้วจะทําอะไรหมดความอยาก หมดกิเลศ หมดความรู้สึก ร้อนหนาวหิว หมดการตาย แล้วจะทําอะไร ผมสงสัยว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ นิพพานแล้วทําอะไร?
    ผมลองคิด ผมลองเปรียบอุปมา (ผมไม่รู้ว่าอุปมาแปลว่าอะไร ใครรู้ก็บอกที คิดว่าน่าจะยกตัวอย่าง)

    วัฏฏะสงสาร เปรียบเหมือนคุก นิพพาน เปรียบเหมือน ออกจากคุกออกจากทุกข์ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ก็เคยอยู่ในวัฏฏะสงสารมาก่อน
    พออออกจากคุก ไปนิพพาน แล้วก็น่าจะไปเยี่มเยียนช่วยเหลือคนที่อยู่ในคุกให้มาเจอสิ่งที่สุขดั่งพระนิพพาน

    แต่คนอยู่ในคุกเยอะแยะมากมาย หาค่ามิได้ ผมก็เศร้าเช่นกัน

    สุดท้ายนี้อยากฟังคําตอบของท่านครับว่า เกิดมาทําไม ทําไมถึงมาเกิด แล้วถ้านิพพานแล้วจะทําอะไร?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  2. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    เกิดมา(ก่อรึรับ)กรรม(ดีรึชั่ว) เพื่อรับใช้วัฏสงสาร เกิดมาเพราะกรรมนำเกิด
    ดำเนินตนเพื่อประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พระท่านว่า ถ้านิพพานเป็น เมืองแก้ว

    ก็ให้หาผ้าขาวติดมือไว้ด้วย

    เวลา นิพพานไปอยู่เมืองแก้ว แล้วจะได้มีอะไรทำต่อบ้าง

    แต่ถ้า สิ้นตัณหา สิ้นตัณหาอยากไปเยี่ยมคนในคุก สิ้นตัณหา
    อยากจะช่วยคนในคุก สิ้นตัณหาสิ้นเชิงแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนก็
    ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  4. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    จะให้เอาผ้าไป เช็ดแก้วหรอ ท่าน
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    มันมีความ ดับ อยู่ด้วย ที่เรียกว่า "นิโรธ"อะไร ดับ ดับอย่างไร ก็แล้วแต่ใครจะขวนขวายรู้ละครับ................:cool:
     
  6. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    มันไม่มีอะไร ก็ไม่ต้องทำอะไรซิครับ :cool:
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่ๆ เคยได้ยินเรื่องที่พระโมคคัลานะ เหาะหาบาตรพระพุทธองค์ไหม

    ที่ท่านหลงไปจักรวาลอื่น จนไปเจอพระพุทธเจ้าอีกจักวาลหนึ่ง

    นี่แปลว่าอะไรแปลว่า จักรวาลอื่นก็ยังมีสัตว์อีกมากมายเลยนะที่ไม่เข้านิพพาน

    ไม่ใช่แค่ จักรวาลเดียวนะที่มีสัตว์


    ที่นี้

    หาก มีปรารภว่า ตราบใดที่สัตว์ยังไม่เข้านิพพาน ก็จะไม่ขอเข้านิพพาน จะ
    ขอเป็น วิสุทธิเทพ หรือ ชื่ออื่นแล้วแต่จะเรียก

    ยุ่งเลยนะ คือ พอสัตว์ในจักรวาลตนเข้านิพพานหมด นู้น ต้องไปแย่งเขา
    สอนสัตว์ในจักรวาลอื่นอีก แล้วก็จักรวาลอื่นอีก แล้วก็อีก โอยยยยยยยยย
     
  8. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    จักรวาลเดียวก็ยังไม่รอดเลย จักรวาลนี่ผมได้ยินมาว่า มีเป็นโกฎิจักวาล ตอนแรกผมก็คิดแบบ พระกษัตริครรถ์โพธิสัตว์ ตราบใดคนยังอยู่ในนรกจะไม่ขอนิพพาน ผมคิดไปคิดมา คนก็ยังทําชั่วเป็นธรรมดา ถ้าทําอย่างงั้นไม่ดีแม้ ขนาดพระพุทธเจ้ามีเมตตาหาที่สิ้นสุดมิได้คําว่าโกรธอิจฉาไม่มีเลย มีแต่พรหมวิหารสี่ ตลอดเวลา บําเพ็ญมา 20 อสงไขย

    ผมเลยสงสัย พระกษัตริครรถ์โพธิสัตว์ จะทําได้จริงรึเปล่า หรือคนแต่งขึ้นเพื่อเป็นธรรมสอนใจ ลองคิดดู สมมุติ จักรวาลนี้ละกัน มีพระพุทธเจ้ามากมายตรัสรู้ แต่คนยังตกนรกอยู่ พระอรหันต์ก็มีเยอะแยะ คนก็ยังทําชั่วตกนรกอยู่ แล้วจะไปเอาอะไรกับจักรวาลอื่นโอย เปลี่ยนใจไม่เอาแบบพระกษัตริครรถ์โพธิสัตว์ ไปเอาแบบพระพุทธเจ้าดีกว่า บําเพ็ญ นานแสนนาน พาคนไปนิพพาน พอนิพพานแล้วก็สามารถไปพรหม ไปเทวโลก ไปที่ไหนสอนคนก็ได้
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คนแต่ง เขาก็เก่งนะ แต่ มันเป็นดาบสองคม แต่งให้วิเศษเกินความเป็น
    จริงเนี่ยะ คนไมมีธรรมะเขาก็เห็นได้ว่า มันไม่มีความเป็นจริง ทำให้ ศรัทธา
    แทนที่จะเกิดก็ไม่เกิด

    แล้วตอนนี้ นายลองดูประเทศต้นตำหรับ ที่แต่งตำราโพธิสัตว์สิ

    เด็ก5ขวบถูกรถทับ ซ้ำสองรอบ คนยังเดินผ่านกันหน้าตาเฉย

    แต่ก็นั่นแหละ มันเป็น ภาพสะท้อนอีกเช่นกันว่า ทำไม ตำราต้อง
    แต่งให้ดูเลิศขนาดนั้น

    จะเอาไปแก้ไขประชาชนเขาไง แต่ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง

    * * * *

    ทีนี้ นายก็ปรารภว่า ไม่เอาและ แบบกวนองกวนอิม กษิติครรภ์ ที่วาดฝัน
    เรียกว่า ทิ้งสรณะอื่น กลับมาศรัทธาต่อพระพุทธองค์ นี่ก็ ขอสาธุดังๆสักที

    แต่...

    เคยได้ยินหรือเปล่าว่า

    มีเทวดาไปถามพระพุทธองค์ว่า ที่พระพุทธองค์เที่ยวจาริกสอนสั่งแก่เวนัยสัตว์เหล่านี้
    เพราะ ความอยากให้สัตว์พ้นทุกข์หรือ พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบว่า พระพุทธองค์ไม่ได้
    ทำไปด้วยเพราะความ "อยาก" นะ

    เทวดาก็ งง เลยนะ เอ ถ้าจะโกหกกันหรือไง มีที่ไหน จาริกไปลำบากขนาดนั้น ไม่ได้
    เกิดจากแรง ตัณหา ผลักดันให้ไป

    ก็นะ ลองไปพิจารณาดู หากเป็น ปุถุชนที่ขาดการสดับ เราก็จะเอ มันต้องเป็น
    ความ "อยาก" สิหน่า มันจะเป็นเพราะอย่างอื่นได้หรือ ?
     
  10. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมสงสารมากกว่าจะว่าอยากก็ไม่เชิงสงสารคนที่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย ล้านๆครั้งไม่รู้ทางดับทุกข์ ถ้าผมดับทุกข์หมดแล้วก็อยากจะ(สงสาร)ช่วยเหลือให้เค้าพ้นทุกข์เหมือนๆกัน
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฮึย ไอ้การสงสาร นั่นมัน วิถี กวนองกวนอิม

    พระพุทธองค์ใช้ สงสาร ที่ไหนกันเล่า

    ไม่เคยได้ยินหรือ พระพุทธองค์ เล็งญาณไปว่า วันนี้มีใครมี อินทรีย์ที่พร้อม
    บรรลุธรรม บ้าง

    เข้าใจคำว่า คนเขามีอินทรีย์พร้อมบรรลุธรรมไหม

    มันเหมือน เขารวยอยู่แล้ว พร้อมทุกอย่าง ดังนั้น คนรวยอยู่แล้ว มีอินทรีย์
    พร้อมแล้ว คุณจะถือว่า คุณวางจิต สงสาร เขาหรือ ถึง จาริกไปสอน

    ม่ายช่ายนะ คนเขาพร้อมของเขาแล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จไป สงเคราะห์
    ให้อีกหน่อยเดียว เท่านั้น

    แล้ว ทีนี้ ก็จะมี หมู่คน เทวดา หมู่พรหม ติดตาม บรรุตามกันอีกมาก
    อันนั้น เขาก็มีวาสนาของเขา ที่ยังคอยเงี่ยหูฟังธรรม

    เขามีวาสนาของเขานะ วาสนาในการได้เกิดมามีโอกาสสดับธรรม

    ดังนั้น พระพุทธองค์ ไม่ได้ใช้ อยาก และ ก็ไม่ได้ใช้ สงสาร

    แล้วใช้อะไรหนอ

    หากเป็น ปุถุชนขาดการสดับ ก็วิจัยไม่ออก มันจะไม่ใช่ อยาก หรือ สงสาร
    ได้อย่างไรกันน๊อ !?
     
  12. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เหรอครับที่ต้องสั่งสอนคนอืนโปรดสัตว์ไวเนยสัตว์
    ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทํากิจของพระพุทธเจ้าก็คงไม่ไช่พระพุทธเจ้าละมั้ง

    หรือไม่ก็ทําตามอธิฐาณจิตสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์ละมั้ง เพื่อไม่ให้โกหกสิ่งที่พูดไป
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณอย่าไป อิน กับ ตำรา จีนมาก

    หน้าที่ ของพระพุทธองค์คืออะไร คุณ สืบเอาจากจรณะ ในพระไตรปิฏกได้

    หน้าที่ของ สมณะ คือ ภิกขาจาร หรือ เที่ยวบิณฑบาตร ขออาหาร เขาทาน

    พอได้อาหารแล้ว ก็ให้ ตอบแทนคุณ แก่ผู้ให้อาหารนั้น ด้วยการแสดงธรรม

    มีครั้งหนึ่ง ยาจก คนเข็ญใจ เขาไม่มีอะไร แต่ มีเมล็ดข้าวหนึ่งเมล็ด เพื่อเป็น
    อาหารในวันนั้น แต่ พอเห็นพระเดินมา ก็เอาไปถวาย

    ทีนี้ คนเข็ญใจนั้น เข้ามาวัด มาขอธรรม ก็ต้องเป็นไปตามกฏว่า เขาคนนี้
    เคยให้ข้าว ถวายทานกับใคร ให้คนนั้น แสดงธรรมตอบแทนคุณ

    ก็พอดี พระสารีบุตรเป็นคนรับข้าวเมล็ดนั้นไว้ ก็เลยต้อง แสดงธรรม

    นี่ แบบนี้เรียก หน้าที่ !!

    * * * *

    กล่าวสั้นๆ คือ คนที่รับธรรมะนั้น จะต้องรู้จักหลักประโยชน์ คนถวายทาน
    ได้ก็เพราะว่า เล็งเห็นประโยชน์ที่จะได้รับ เมื่อนั้น เราจึงแสดงธรรมได้

    ไม่ใช่ เจอใครผ่านไปผ่านมา เที่ยวไป สะกิด เธอๆ ฉันจะแสดงธรรมให้ฟัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  14. วัชรวงศ์

    วัชรวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +7
    กระผมจะพยายามตอบตามความรู้ที่มีแต่โดยสัมมาทิฏฐินะครับ

    1.ทำไมถึงมาเกิด ต้นเหง้าเคล้าปัจจัยที่ทำให้สรรพชีวิตใน31ภูมิมาจุติมาเกิดมาท่องไปในสังสารวัฏนั้น ก็คือกิเลสกองกุศลกรรมแลกองอกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้ต้องมีเหตุมาจุติมาเกิดมาท่องไปในสังสารวัฏ กิเลสมากก็อกุศลกรรมมากก็ทุกข์มากอยู่ในภพภูมิที่ต่ำในใจขณะนั้นแลที่ต่ำในภพที่ต่ำในภูมิที่ทรามที่ทุกข์เวทนาเป็นเบื้องหน้าโดยมิต้องสงสัย กิเลสน้อยกุศลกรรมมากก็ทุกข์น้อยสุขที่เที่ยงแท้มากอยู่ในภพภูมิที่ประเสริฐในใจในขณะนั้นแลในภพที่สูงภูมิที่สูงสุขคติเป็นเบื้องหน้าโดยมิต้องสงสัย ตราบใดที่กิเลสยังไม่หมดก็ไม่มีทางที่จะหนีกรรมพ้น การท่องไปวัฏฏะสงสารก็ไม่มีที่สิ้นสุด
    2.เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อประกอบกุศลกรรมคุณงามความดีละเว้นความชั่วทำจิตใจให้ใสสอาดในลมหายใจปัจจุบันทุกขณะจิต มีเมตตาธรรมศีลแลสติทุกกิริยา มีปัญญารู้เท่าทันการเกิดขึ้นแลดับไปของกิเลสทุกการกระทำ มีคุณธรรมเป็นสัมมาทิฏฐิทุกลมหาย แลที่สำคัญที่สุดแลถูกต้องที่สุดตามหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมที่มีรอบ๓มรอาการ๑๒พระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในพระอริยสัจ๔ในข้อมรรคมีองค์๘
    2.1เกิดมาเพื่อมีความเห็นชอบ สัมมาทิฏฐิ
    2.2เกิดมาเพื่อดำริชอบ สัมสังกัปปะ
    2.3เกิดมาเพื่อเจรจาชอบ สัมมาวาจา
    2.4เกิดมาเพื่อกระทำชอบ สัมมากัมมันตะ
    2.5เกิดมาเพื่อเลี้ยงชีวิตชอบ สัมมาอาชีวะ
    2.6เกิดมาเพื่อพยายามชอบ สัมมาวายามะ
    2.7เกิดมาเพื่อระลึกชอบ สัมมาสติ
    2.8เกิดมาเพื่อทำสมาธิชอบ สัมมาสมาธิ
     
  15. วัชรวงศ์

    วัชรวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +7
    กระผมจะพยายามตอบตามความรู้ที่มีแต่โดยสัมมาทิฏฐินะครับ

    1.ทำไมถึงมาเกิด ต้นเหง้าเคล้าปัจจัยที่ทำให้สรรพชีวิตใน31ภูมิมาจุติมาเกิดมาท่องไปในสังสารวัฏนั้น ก็คือกิเลสกองกุศลกรรมแลกองอกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้ต้องมีเหตุมาจุติมาเกิดมาท่องไปในสังสารวัฏ กิเลสมากก็อกุศลกรรมมากก็ทุกข์มากอยู่ในภพภูมิที่ต่ำในใจขณะนั้น แลที่ต่ำในภพที่ต่ำในภูมิที่ทรามที่ทุกข์เวทนาเป็นเบื้องหน้าโดยมิต้องสงสัย กิเลสน้อยกุศลกรรมมากก็ทุกข์น้อยสุขที่เที่ยงแท้มากอยู่ในภพภูมิที่ประเสริฐในใจในขณะนั้น แลในภพที่สูงภูมิที่สูงสุขคติเป็นเบื้องหน้าโดยมิต้องสงสัย ตราบใดที่กิเลสยังไม่หมดก็ไม่มีทางที่จะหนีกรรมพ้น การท่องไปวัฏฏะสงสารก็ไม่มีที่สิ้นสุด

    2.เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อประกอบกุศลกรรมคุณงามความดีละเว้นความชั่วทำจิตใจให้ใสสอาดในลมหายใจปัจจุบันทุกขณะจิต มีเมตตาธรรมศีลแลสติทุกกิริยา มีปัญญารู้เท่าทันการเกิดขึ้นแลดับไปของกิเลสทุกการกระทำ มีคุณธรรมเป็นสัมมาทิฏฐิทุกลมหาย
    แลที่สำคัญที่สุดแลถูกต้องที่สุดตามหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมที่มีรอบ๓มรอาการ๑๒พระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในพระอริยสัจ๔ในข้อมรรคมีองค์๘
    2.1เกิดมาเพื่อมีความเห็นชอบ สัมมาทิฏฐิ
    2.2เกิดมาเพื่อดำริชอบ สัมสังกัปปะ
    2.3เกิดมาเพื่อเจรจาชอบ สัมมาวาจา
    2.4เกิดมาเพื่อกระทำชอบ สัมมากัมมันตะ
    2.5เกิดมาเพื่อเลี้ยงชีวิตชอบ สัมมาอาชีวะ
    2.6เกิดมาเพื่อพยายามชอบ สัมมาวายามะ
    2.7เกิดมาเพื่อระลึกชอบ สัมมาสติ
    2.8เกิดมาเพื่อทำสมาธิชอบ สัมมาสมาธิ<!-- google_ad_section_end -->
    ธรรมทั้งปวงเป็นไปเพื่อระงับแลดับกิเลส

    3.ถามว่านิพานแล้วไปไหน ***กระผมเป็นเพียงปุถุชนผู้หนาอยู่ด้วยกิเลส คำว่านิพพานเกินวิสัยที่กระผมจะหยั่งรู้แลตอบอธิบาย***
    ปัจจะตังเวทิตัพโพ วิญญูหีติ วิญญูชนจะพึงรู้พึงเห็นได้เฉพาะตัวเฉพาะตนเท่านั้น แต่หากรูปนามใดปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสัมมาทิฏฐิเป็นปกตินิสัยในกายวาจาจิตก็จักสิ้นสงสัยในคำถามเหล่านี้เอง
    ขอบคุณมากสำหรับคำถามท่านเจ้ากระทู้ครับผม ก็ให้ท่านสุขกายสุขใจตลอดกาลนาน สาธุ
     
  16. inbhf123

    inbhf123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +35
    ถามครับสงสัยเกิดมาทําไม

    เกิดมาเพื่อรับกรรมเก่า และสร้างกรรมใหม่ ( กรรมคือการกระทำ )

    ทําไมถึงมาเกิด

    เพราะ กิเลส ตัณหา อุปทาน และ อกุศลกรรม

    แล้วถ้านิพพานแล้วจะทําอะไร?

    พระพุทธเจ้า ไม่ได้ตรัสไว้ ครับ ไม่กล้าคาดเดา เพราะยังไม่ถึง
     
  17. วัชรวงศ์

    วัชรวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +7
    1.ทำไมถึงมาเกิด ต้นเหง้าเคล้าปัจจัยที่ทำให้สรรพชีวิตใน31ภูมิมาจุติมาเกิดมาท่องไปในสังสารวัฏนั้น ก็คือกิเลสกองกุศลกรรมแลกองอกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้ต้องมีเหตุมาจุติมาเกิดมาท่องไปในสังสารวัฏ กิเลสมากก็อกุศลกรรมมากก็ทุกข์มากอยู่ในภพภูมิที่ต่ำในใจขณะนั้น แลที่ต่ำในภพที่ต่ำในภูมิที่ทรามที่ทุกข์เวทนาเป็นเบื้องหน้าโดยมิต้องสงสัย กิเลสน้อยกุศลกรรมมากก็ทุกข์น้อยสุขที่เที่ยงแท้มากอยู่ในภพภูมิที่ประเสริฐในใจในขณะนั้น แลในภพที่สูงภูมิที่สูงสุขคติเป็นเบื้องหน้าโดยมิต้องสงสัย ตราบใดที่กิเลสยังไม่หมดก็ไม่มีทางที่จะหนีกรรมพ้น การท่องไปวัฏฏะสงสารก็ไม่มีที่สิ้นสุด

    2.เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อประกอบกุศลกรรมคุณงามความดีละเว้นความชั่วทำจิตใจให้ใสสอาดในลมหายใจปัจจุบันทุกขณะจิต มีเมตตาธรรมศีลแลสติทุกกิริยา มีปัญญารู้เท่าทันการเกิดขึ้นแลดับไปของกิเลสทุกการกระทำ มีคุณธรรมเป็นสัมมาทิฏฐิทุกลมหาย
    แลที่สำคัญที่สุดแลถูกต้องที่สุดตามหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมที่มีรอบ๓มีอาการ๑๒พระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในพระอริยสัจ๔ในข้อมรรคมีองค์๘
    2.1เกิดมาเพื่อมีความเห็นชอบ สัมมาทิฏฐิ
    2.2เกิดมาเพื่อดำริชอบ สัมสังกัปปะ
    2.3เกิดมาเพื่อเจรจาชอบ สัมมาวาจา
    2.4เกิดมาเพื่อกระทำชอบ สัมมากัมมันตะ
    2.5เกิดมาเพื่อเลี้ยงชีวิตชอบ สัมมาอาชีวะ
    2.6เกิดมาเพื่อพยายามชอบ สัมมาวายามะ
    2.7เกิดมาเพื่อระลึกชอบ สัมมาสติ
    2.8เกิดมาเพื่อทำสมาธิชอบ สัมมาสมาธิ<!-- google_ad_section_end -->
    ธรรมทั้งปวงเป็นไปเพื่อระงับแลดับกิเลส

    3.ถามว่านิพานแล้วไปไหน ***กระผมเป็นเพียงปุถุชนผู้หนาอยู่ด้วยกิเลส คำว่านิพพานเกินวิสัยที่กระผมจะหยั่งรู้แลตอบอธิบาย***
    ปัจจะตังเวทิตัพโพ วิญญูหีติ วิญญูชนจะพึงรู้พึงเห็นได้เฉพาะตัวเฉพาะตนเท่านั้น แต่หากรูปนามใดปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสัมมาทิฏฐิเป็นปกตินิสัยตลอดเลาทุกขณะจิตในกายวาจาจิตก็จักสิ้นสงสัยในคำถามเหล่านี้เอง
    ขอบคุณมากสำหรับคำถามท่านเจ้ากระทู้ครับผม ก็ให้ท่านสุขกายสุขใจตลอดกาลนาน สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมก็หมดความคิดแล้วว่าพระพุทธเจ้าจะแสดงธรรมช่วยเหลือทําไมถ้าไม่ใช่เพราะสงสารหรืออยาก ไว้ถ้าผมเจอพระพุทธเจ้าในอนาคต เดี๋ยวถาม

    แล้วถ้าเกิดอย่างที่ท่านว่า ทําไมคนบางคนยังเป็นมิจฉาทิฐิ แล้วเค้าต้องทําให้เค้าเป็นสัมมาฐิทิหรอครับ
     
  19. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่าโลกเที่ยง นี้เท่านั้นเป็นความจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ พระเจ้าข้า-------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่าโลกเที่ยง นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้น เป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์..................." ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่าโลกไม่เที่ยง นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ?-----------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่า โลกไม่เที่ยงนี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้นเป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์................."ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่าโลกมีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะดังนั้นหรือ---------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่าโลกมีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้นเป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์................................"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ว่าโลกไม่มีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ?--------------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่าโลกไม่มีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้นเป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์..........................ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่า ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้หรือ------------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่า ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้นเป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์..........................ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่า ชีวะก็อันอื่น สรีระก้อันอื่น นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ?---------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่า ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น นี้เท่านั้นเป็นคำจริงคำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้น เป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์.......................ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ?-------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่าตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้น เป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์.................." ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก เท่านั้นเป็นคำจริงอย่างอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ?-------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้นเป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์.................... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มี ไม่มีอีกก็มี นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ?-----โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่าตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มี ไม่มีอีกก็มี นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้นเป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์........................ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก ก็หามิได้ ไม่มีอีกก็หามิได้ นี้เท่านั้นเป็นคำจริงคำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ?-------------โปฎฐปาทะ ข้อที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้ ไม่มีอีกก็หามิได้ นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้นั้น เป็นข้อที่เราไม่พยากรณ์ ........................ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะเหตุอะไรเล่า ข้อนั้นนั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ทรงพยากรณ์?------------------- โปฎฐปาทะ เพราะเหตุว่า นั่นไม่ประกอบ ด้วยอรรถะ ไม่ประกอบด้วยธรรมะ ไม่เป็นเบื้องต้นของพรมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความระงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน เหตุนั้นเราไม่พยากรณ์........................ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไรเล่าที่พระองค์ พยากรณ์?------------โปฎฐปาทะ ข้อที่เราพยากรณ์นั้นคือ นี่ทุกข์ นี่เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์................ข้าแต่พระองค์ เพราะเหตุไรเล่าจึงทรงพยากรณ์?----โปฎฐปาทะ เพราะเหตุว่า นั่นประกอบอรรถะ ประกอบด้วยด้วยธรรมะ เป็นเบื้องต้นของพรมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความระงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และ นิพพาน เหตุนั้นเราจึงพยากรณ์----สี.ที.9/232-/233/292-293({)
     
  20. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ถ้านิพาน เป็นเมืองเเก้ว

    ถ้าตัวนิพานเป็นเมืองเเก้ว เเล้วเราเอาผ้าขาวติดไปด้วยได้จริง

    ก็เท่ากับว่า นิพานนั้น หาใช้นิพานจริง จริงไม่

    เป็นนิพานที่ เกิดจากใจเราเป็นกําลัง

    จึงมี ตัวมีตน มีรูป ให้เห็น

    ในนิพานจริง มันต้องไม่มีเหตุใด สิ่งใด ให้เป็นฉนวนในการเกิดดับได้อีก

    จึงถือว่าเป็น นิพาน ที่เป็นนิพานจริง จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...