สังฆทานอันตราย ! ทำแล้วอาจตายกลายเป็นเปรต โปรดระวัง !!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย surer, 12 ธันวาคม 2011.

  1. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    สังฆทานอันตราย ! ทำแล้วอาจตายกลายเป็นเปรต โปรดระวัง !!

    ในปัจจุบันนี้ การทำบุญสังฆทาน ชาวพุทธเข้าใจผิดมานานกว่า 30 ปี โดยนำของใส่ถัง แล้วไปถวายพระ 1 รูปบ้าง 2 รูปบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญสังฆทานที่ผิด ได้บุญน้อย บางครั้งแทบจะไม่ได้บุญเลยถ้าทำผิด เพราะสังฆทานที่ถูกต้อง พระที่รับสังฆทานนั้น จะต้องมีตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป ถึงจะทำมติแทนสงฆ์ได้ เพราะสงฆ์ในที่นี้คือ พระที่บรรลุธรรมแล้วเท่านั้น แต่พระโดยทั่วไป เรียกว่า สมมติสงฆ์ อย่างนี้จึงเรียกว่าสังฆทานที่ถูกต้อง แต่เมื่อถวายสังฆทานถูกต้องแล้ว แต่ถ้าพระไม่ได้ทำการอปโลกน์สังฆทาน ( พระ 4 รูปมีมติแบ่งปันของสงฆ์เป็นของปุถุชน ) ถ้าอาหารเหล่านั้น ใครไปทานเข้าก็เท่ากับกินของสงฆ์ เมื่อตายไปแล้วจะต้องกลายเป็นเปรต แม้พระที่รับสังฆทาน ถ้าไปฉันเข้าเมื่อตายไปแล้วจะต้องกลายเป็นเปรตเช่นกัน ประชาชนชาวพุทธทั้งหลายควรจะต้องรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง


    วิธีปฏิบัติ ในการถวายสังฆทานที่ถูกต้อง มีดังนี้
    ต้องเป็นอาหารที่พระฉันได้ในเวลานั้น และต้องถวายก่อนเที่ยง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับการถวายภัตตาหารเพลพระนั่นเอง ( ส่วนของที่เป็นถังๆ หรือ ของอย่างอื่น เป็นได้แค่เพียงบริวารสังฆทานเท่านั้น )
    ต้องกล่าวคำถวายสังฆทาน
    พระ ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป ( พระ 4 รูปเรียกว่า ครบสงฆ์ ) จึงจะรับสังฆทานได้ เพราะคำว่า สังฆทานนั้น แปลว่า เป็นทานที่ถวายแด่สงฆ์ เป็นบุญสูงสุดด้านอาหาร
    จะต้องทำการอปโลกน์สังฆทาน หลังจากที่พระรับสังฆทานแล้ว ถ้าพระไม่ทำการอปโลกน์ อาหารทุกชิ้นถือเป็นของสงฆ์ทั้งสิ้น ถ้าผู้ใดก็ตามขืนไปกินเข้า เมื่อตายไปจะต้องเกิดเป็นเปรตประมาณ 92 กัลป์ ( 1 กัลป์ คือ 6,420 ล้านปี )
     
  2. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    ขออนุญาต copy นะครับ


    เมื่อกี่ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดู ปรากฎว่าข้อมูลนี้คล้าย ๆ กับข้อมูลในเว็บอีกที่หนึ่ง
    แต่ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับห้องนี้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  3. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ใช่ บางวัด ญาติโยมไปทำบุญ พอกล่าวถวายสังฆทานเสร็จ พระฉันเสร็จ พระคุณเจ้าท่านไม่ได้กล่าวอุปโลกน์ อนุญาติให้ญาตฺโยม ญาติโยมไม่รู้ก็ยกมากินมารับประทาน แม้แต่อุบาสกอุบาสิกา อย่างนี้ก็ไปเป็นเปรต ตกนรกหมกไหม้กันเป็นแถว
     
  4. Sonaz

    Sonaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    761
    ค่าพลัง:
    +348
    ขอความเห็นท่านอื่นด้วยๆ
     
  5. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    งั้นต่อไปใครจะทำสังฆทานละ ถ้าต้องกลายเป็นเปรต.........ไม่ต้องเข้าวัด ตักบาตรกันแล้ว สงสัยต้องเปลี่ยนศาสนากันหมด.....อย่างพุทธศาสนา.....จะอยู่ได้ยังไง........คนทำบุญด้วยใจ นับถือด้วยใจ..ยังจะพิธีรีตองอีก.......แถมได้ของแถมต้องตกนรก.........พิธิกรรมบางอย่างมันต้องเปลี่ยนได้ตามเวลา.....ไม่ใช่จะยึดยังก็ยังไง........เด็กรุ่นใหม่ก็จะไม่เข้าวัด......ไม่สนใจพุทธศาสนา เหลือแต่คนแก่ ๆ เดินหิ้วปิ่นโตเข้าวัด
     
  6. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    ตอนนี้คนไทยที่นับถือพุทธ 99% เป็นเปรตแล้วซิ......แล้วอย่างนี้ดีหรือไม่ดี.....ที่มานับถือพุทธ......เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวท้านเองการที่จะทำบุญทุกอย่างที่เกี่ยวกับวัดต้องระมัดระวังให้มาก ๆ ๆ ๆ ถ้าท่านไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนา ควรจะไปทำบุญที่อื่นแทน

    อย่างนี้หรือ........ที่ เจ้าของกระทู้ต้องการ......
     
  7. เสียนพระ

    เสียนพระ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +5
    ง่ะทำไมทำบุญแล้วได้บาป
     
  8. kpb

    kpb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +43
    ทุกวันนี้เวลานำถังสังฆทานเดี่ยว ไปถวายพระอาจารย์รูปหนึ่งเป็นประจำ ท่านก็จะไม่ให้เรากล่าวคำถวาย ท่านบอกไม่ครบองค์สงฆ์ ให้ถวายเหมือนถวายอาหารหรือของใช้ธรรมดา และทุกครั้งท่านจะย้ำว่า ทั้งหมดนี้ถวายให้อาตมานะถือเป็นการถวายให้ส่วนตัว
     
  9. มโหสถผู้เจริญ

    มโหสถผู้เจริญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    ผมไม่เห็นหลวงพ่อฤษีลิงดำจะพูดถึงเรื่องแบบนี้เลย
    หลวงพ่อไปกราบพระพุทธเจ้าออกจะบ่อย เรื่องใหนไม่ถูกต้องจะได้รับการเตือนมาหลวงพ่อก็จะมาเทศมาสอนต่อ อย่างเช่นคำว่าบารมี ที่ความหมายที่แท้จริงก็คือ กำลังใจเต็ม
    เพราะฉะนั้น บารมีเต็มไม่ต้องรอชาติใหน ขอให้มีกำลังใจเต็ม นั่นแหละ บารมีเต็ม
    หาโหลดเทปของหลวงพ่อมาฟังได้


    แล้วนี่ท่านเอาข้อมูลมาจากใหน ใครยืนยัน

    ครั้งหนึ่งมีคนถามหลวงปู่เณรคำ ปัญญาพโล ว่า...
    หลวงปู่ทำบุญอย่างไรจึงได้บุญ หลวงปู่ตอบว่า ทำเหมือนมึงไปขี้
    ท่านย้อนถามว่าคนเราเวลาถ่ายอุจจาระออกแล้วเสียดายใหม....ไม่เสียดายใช่ใหม...
    การทำบุญก็เหมือนกัน จิตใจเราต้องบริสุทธิ์ในการให้...ย่อมไม่ต้องการสิ่งไดตอบแทนถามใจเราเองแล้วจะรู้ว่าที่เราทำนั้นได้บุญหรือไม่ได้บุญ ส่วนที่ควรใส่ใจคือการอธิฐานเวลาทำบุญต่างหากเล่า ว่าจุดประสงค์เพื่ออะไร ทำให้ใคร อุทิศให้ใคร อย่างนี้จึงจะสมบูรณ์ ซึ่งหลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อฤษีก็ได้เน้นย้ำเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
     
  10. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ไปกันเล็กแล้ว ......!!!

    ถวายสังฆทาน หมายถึง ถวายให้พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงรูป


    เมื่อไม่เจาะจง พระรูปใดมารับ เราก็ทำไป แล้วท่านก็จะไปเอาเข้าส่วนกลางของวัด

    แล้วพระรูปใด ขาดสิ่งของ ท่านก็มาเอาไปใช้ สบู่ ยาสีฟัน อะไรก็แล้วแต่

    หรือท่าน จะเอาไปใช้เพราะ ท่านขาดอยู่ ก็แล้วแต่ ท่านจะพิจารณา




    ................ ทำบุญทำด้วยใจ แค่นั้นเอง ทำแล้วเรื่องมาก คิดมาก จะทำไปทำไมให้เป็นทุกข์..................
     
  11. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    เกือบทุกอาทิตย์ ผมไปถวายสังฆทาน
    หวังได้บุญแต่กลับเป็นเปรต ไปซะได้

    (งงเลย ไม่บอกก็รู้ว่าใครสอนสั่งมาถ้าไม่ใช่คุณเกษม ณ.สามแยก)
     
  12. roneychai

    roneychai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +156
    ที่ จริง การทำบุญ ไม่ได้ ซับซ้อนอะไรมากมายนะ

    ท้ายที่สุด สิ่งที่ ชาวพุทธ ถวายไป ก็เพื่อ ทำให้ ความเห็นแก่ตัว
    ความยึดถือ มันลดลง และก็เพื่อเป็นปัจจัยให้พระสงฆ์แจ้งนิพพาน
    แล้ว มาโปรด ชาวพุทธต่อไป
     
  13. จอมพล GAY

    จอมพล GAY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +219
    พ่อแม่&เพื่อนๆ ชอบพาไปถวาย..
    ทำแล้วได้อะไรผมยังไม่รู้ ต้องสวดมนต์บทไหนบ้างก็ไม่รู้ ความหมายของบทสวดผมก็ไม่รู้ ผมเลยไม่อยากไปทำ ใครชวนไปก็ไปพองั้นๆ...

    ผมชอบเน้นปฏิบัติตามหลักธรรมที่เรียนมามากกว่า พวกอิทธิบาท4 ฆราวาสธรรม4 ศีลห้า ทางสายกลาง ฯลฯ เข้าใจง่ายดี
     
  14. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    ---------------------

    นั่นแหละครับ ถ้าเราทำเรื่องที่ดี มันย่อมได้สิ่งที่ดี คุณจะเลือกปฏิบัติ
    หรือจะถวายทาน อะไร ก็แล้วแต่ มันเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เพราะทำให้เรา
    ได้มีจิตที่คิดแบ่งปัน และทางธรรม เราก็ได้บุญ

    แต่เรื่องนี้ มันขัดแย้งกับคำสอนที่บอกว่าทำสังฆทาน ต้องไปเป็นเปรต
    นี่มันไม่ถูกต้อง
     
  15. AFIKLIFI๋

    AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    การที่คุรเจ้าของกระทู้เอามาลง
    ก็ดีนะ เพราะยังมีคนที่เข้าใจตาม
    ข้อความข้างต้นอีกเยอะ ในนี้มีผู้
    ที่ให้ข้อคิดเพื่อดึงผู้ที่หลงไปใน
    ทางทุกข์ให้ลองคิดดูอีกทีว่าการ
    ทำบุญแบบนี้มันดีหรือไม่ดี แต่หาก
    ไม่มีผู้ที่รู้ๆหลายๆท่านมากล่าวก็
    อาจทำให้คนที่อ่านแล้วไม่มีการ
    พิจารณาหลงไปในทางทุกข์คือ
    ทำบุญแล้วทุกข์ กลัวเป็นเปรต
    เราว่าทำบุญไม่ต้องกลัวเป็นเปรต
    แต่ถ้าจะระวังก็สุดแล้วแต่
     
  16. rubian

    rubian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +483
    กรรม(บุญ บาป)อยู่ที่เจตนา

    สั้นๆง่ายๆ

    อย่าให้สิ่งใดมาสั่นคลอนศรัีทธาในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  17. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ส่ายหน้า.gif
    "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ"
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนานี้แลเป็นตัวกำหนดกรรม

    กรรม เป็นคำกลางๆ เป็นชื่อของการกระทำมีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ กาย วาจา ใจ

    ฝ่ายกุศล มี 10 อย่างคือ
    กายกรรม 3 การไม่เบียดเบียนสัตว์,การไม่ลักทรัพย์,การไม่ประพฤติผิดในกาม
    วจีกรรม 4 การไม่พูดปด,การไม่พูดคำหยาบ,การไม่พูดส่อเสียด,การไม่พูดเพ้อเจ้อ
    มโนกรรม 3 ความไม่คิดเพ่งเล็งจ้องจะเอาของผู้อื่น,ความไม่พยาบาท,ความไม่เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
    รวมเรียกว่ากุศลกรรมบท 10

    ฝ่ายอกุศล มี 10 อย่าง ก็ตรงกันข้าม แล (ขี้เกียจ พิมพ์)
    รวมเรียกว่าอกุศลกรรมบท 10

    ที่นี้เมื่อเราได้ข้อมูลในข้างตนแล้ว เราก็มาวิเคราะห์กัน !
    เจตนาเรา ตั้งไว้อย่างไร เวลาเราไปทำบุญ ! เรื่องของ สังฆทาน เนี้ย...
    ในกรณีที่ 1.
    หากเราตั้งใจ(เจตนา)ถวายเป็นการส่วนตัวแก่พระสงฆ์ ถึงเราจะกล่าวคำ ถวาย ตามบาลีว่าเป็นสังฆทานก็ตาม (นั่นเป็นส่วนของพิธีกรรมเท่านั้น)
    มันมิได้เป็นสังฆทานโดยส่วนรวม แก่สงฆ์ทั้งหลายเลย (ปากว่าเป็นสังฆทานจริงอยู่แต่ใจรู้ว่ามีพระสงฆ์ไม่ครบ 4 รูป) ในกรณีนี้ ขึ้นอยู่กับประธานสงฆ์ในอาวาสเป็นสำคัญ ว่าจะบริหารจัดการสังฆทานที่ได้มาอย่างไร ?
    ในกรณีที่ 2.
    หากเราตั้งใจ(เจตนา)ถวายเป็นการส่วนรวมแก่พระสงฆ์ แต่พระสงฆ์ไม่ครบ 4 รูปก็ไม่ถือว่าเป็นสังฆทานในอาวาสนั้น (เหมือนกรณีที่ 1)
    ในกรณีที่ 3.
    หากเราตั้งใจ(เจตนา)ถวายเป็นการส่วนรวมแก่พระสงฆ์ และมีพระสงฆ์ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป ในอาวาสนั้น ถึงแม้ว่าจะมีพระสงฆ์รับสังฆทานเพียงรูปเดียวก็ตาม รับพร้อมกันหลายรูปก็ตาม ให้ ถือว่าเป็นสังฆทานโดยแท้
    เพราะถือว่าเป็น บุญเขต (เขตแห่งบุญ) มีความพร้อมในอาวาสนั้น
    ย่อมสามารถทำกิจกรรมต่างๆทาง พระศาสนาให้บริบูรณ์ได้
    *ดังเราจะเห็นว่า หากต้องการถวายให้เป็นมหาสังฆทานในยุคปัจจุบันนี้
    (ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน) จึงมักนิมนต์พระสงฆ์จากอาวาสอื่น ให้มาร่วม
    เป็นสักขีพยานเพื่อให้ครบองค์สงฆ์ตั้งแต่ 5รูป 7รูป 9รูป ...ขึ้นไป
    เพื่อร่วมสวด เจริญพุทธมนต์ และอนุโททนาคาถาต่างๆ เป็นต้น

    ในกรณีที่ 4.
    พระสงฆ์ผู้รับ สมควรจะกล่าวอปโลกน์ หรือไม่ ? อย่างไร ?
    อปโลกน์ หรือ การประกาศเพื่อแจกภัตต์ แจกภัตตราหาร หรือ การแจกสังฆทานนั้นเอง...
    บางสำนักก็สวด บางสำนักก็มิได้สวด จะทำอย่างไรกันดี ผิดมากไหม ?
    ยักเข ภันเต สังโฆ ชานาตุ...
    เราต้องดูวัตถุประสงค์ก่อน พระพุทธองค์ปรารถเหตุใดหนอ ถึงตรัสให้มีการ
    แจกภัตต์ ก็ทราบว่าสมัยนั้นพระสงฆ์จำนวนมากแวดล้อม พระพุทธองค์อยู่
    เกรงว่าสังฆทานนั้นจะไม่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พระสงฆ์ทั้งหลาย จึงแต่งตั้ง
    มอบหมายหน้าที่ให้มีผู้ประกาศแจกภัตต์ (ภัตตุเทศ) เพื่อความเสมอภาค เพื่อความ เป็นระเบียบเรียบร้อย ของประชุมสงฆ์หมู่ใหญ่ ฯลฯ

    เมื่อเราทราบเหตุดังนี้แล้ว ก็จะเห็นว่าในยุคปัจจุบัน หากวัด หรือสำนักใด
    มีพระสงฆ์อยู่กันเยอะ ก็เห็นสมควรที่จะสวด ประกาศ เพื่อแจกภัตต์
    หากวัด หรือสำนักใด มีพระสงฆ์อยู่กันน้อย (จะมากเรื่องไปทำไมละ)
    แต่บางสำนักเขาถือเคร่งครัดในธรรมวินัย จะสวดประกาศ ก็ไม่ผิดอะไรนี่
    (ก็ฉันอยากรักษารูปแบบเดิมเอาไว้จะว่าอย่างไร)

    ถามว่าโยมจะบาปมั้ย หากกินของพระ หรือรับของสังฆทานโดยที่พระมิได้สวดแจกภัตต์ ?
    ก็คุณมิได้ ขโมยกินของสงฆ์นี่หน่า ! ท่านลุกจากที่แล้วถือว่า ห้ามภัตต์
    ด้วยกิริยาจากไป ที่เหลือพระคุณท่านก็ให้เป็นทานนะซิ !
    จะให้ด้วยการบอกว่า "มาทานข้าวกันนะโยม" "มารับที่เหลือไปทานกันนะ"
    พระสงฆ์ท่านก็ต้องการได้บุญจากโยมบ้างนะซิ ไปขัดบุญท่านได้หรือ !
    งั้น...หมาแมววัด ท่านให้ของที่มาจากสังฆ์ทาน มันก็เป็นบาปนะซิ !

    เฉพาะในกรณีที่เป็น บริขาร ๘ ของพระโดยตรง และ วัตถุที่เป็นส่วนรวมของสงฆ์ ห้ามแจก เช่น กุฎิ วิหาร อุปกรณ์โรงครัวของสงฆ์ พระพุทธรูปประจำสำนัก อิฐ หิน ปูน ทราย ฯลฯ

    หากเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ ของวัด และท่านอนุญาติแล้ว แต่ของสิ่งนั้น
    เป็นของส่วนกลางของสงฆ์ ล่ะ ?

    *** เราถึงต้องมีการชำระหนี้สงฆ์ไงล่ะ หลวงปู่ฤาษีลิงดำ ท่านถึงได้ย้ำนักย้ำหนา ว่าเราควรทำบุญชำระหนี้สงฆ์ เนืองๆ เพื่อเป็นการไม่ประมาท...

    เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็น หนี้บุญ มิใช่ หนี้บาป ถ้าหนี้บาปก็ตกนรกแน่นอน
    แต่ หนี้บุญ มันต้องได้ตอบแทนแน่ๆ บางคนถึงต้องมาสร้าง มาทำอะไร
    ให้พระศาสนาโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนหนึ่งมันเป็นผลจากเราเป็นหนี้บุญ
    ยกตัวอย่าง มารดาบิดา ผู้มีบุญคุณ หากเราไม่ตอบแทน เราก็ติดหนี้ท่านนะซิ !...
    ก็คงพอสมควรนะ เอวังโหตุ...
     
  18. frank999

    frank999 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +1
    จะบอกไรให้นะ ทำบุญเพื่อหวังบุญก็อยาไปทำมันเลย

    คนดีจิงทำเพราะอยากทำคับ เค้าไม่หวังงอะไรตอบแทนหรอก

    ไปทำบุญในวัดก็เพื่อให้พระมีอาหารไว้ฉันท์ ถ้าทำเพียงเพราะอยากได้บุญ

    แล้วมากลัวว่าทำผิดวิธีแล้วไม่ได้บุญ ผมว่ามันไร้สาระมาก

    มันก็เหมือนการทำบุญไปเพื่อผลตอบแทนไม่ใช่หรอ ?

    คนดีจิงเค้าทำโดยไม่หวังผลหรอก ทำเพราะอยากทำ ช่วยเพราะอยากช่วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  19. phongpeera

    phongpeera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +138
    งั้นผมเคยทำแบบนี้ผมก็ต้องเป็นเปรตสิ บาปบุญอยู่ที่เจตนา เหมือนท่านด้านบนบอก ทำเหมือนไปขี้ ทำแล้วไม่ต้องไปคิด ระหว่างคนที่ไปถวายแบบนี้ โดยไม่รู้ ทำไปเพราะอยากทำ สบายใจสำหรับเขา เขาได้บุญ แต่ถ้าคุณโพสกระทู้นี้ แล้วทำให้คนที่อยากทำบุญ คิดหนักในการทำบุญ เขาไม่สบายใจ ใครที่จะเป็นเปรตหละครับ ถ้าวันหนึ่งเกิดเจอพระในป่า แล้วอยากถวายสังฆทานกับท่าน เมื่อเอาสังฆทานไป แล้วคิดได้ว่า ต้องครบ 4 นี่หว่า ไม่งั้นเดี๋ยวเป็นเปรต จะไม่ตาเหลือกหาพระมาเพิ่มเหรอ เกิดระหว่างทางที่จะไปหาพระ ดันตายซะก่อน แทนที่จะได้สวรรค์ดันเป็นนรกแทนซะนี่ ผมคิดว่ามันอาจจะลดขั้นตอนหรือผิดไปจากโบรานบ้างตามยุคสมัย แต่สำคัญสุดคือใจของผู้ไปทำ ผมว่าท่านไปฝึกกรรมฐานหลายๆกองลองดูก่อนน่ะครับ จะได้รู้ว่าบุญบาปมันอยู่ตรงไหน มันอยู่ที่ตัวอักษรหรือการปฏิบัติ ขอบคุณครับ
     
  20. konngaam

    konngaam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +369
    โดนใจมากครับ

    ผมยังเชื่อทุกสิ่งล้วนอยู่ที่เจตนา กรรมมากน้อยก็อยู่ที่เจตนาอยู่ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...