สรรพสิ่งต่างๆเกิดมาจากที่ไหนครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย KAJ, 4 เมษายน 2007.

  1. KAJ

    KAJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +143
    อยากสอบถามผู้รู้ครับ ทุกชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เกิดมาไม่รู้กี่ภพภูมิ ทั้งวิญญาณต่างๆที่อยู่ในภพภูมิของนรก ทั้งวิญญาณต่างๆที่อยู่ในภพภูมิของเดรัจฉาน ทั้งวิญญาณต่างๆที่อยู่ในภพภูมิของมนุษย์ และวิญญาณต่างๆที่อยู่ในภพภูมิที่เหนือมนุษย์ มีต้นกำเนิดจากที่ใด และเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เกิดขึ้นมาแล้วทางที่จะหยุดเกิดก็คือนิพพาน ถ้าวิญญาณทุกดวงในสากลจักรวาลได้มาเกิดในภพภูมิของมนุษย์ แล้วเกิดปัญญาเห็นธรรมขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเข้าสู่นิพพานกันหมดจักรวาลแล้วจะมีการเกิด เกิดขึ้นอีกหรือไม่ครับ.........
     
  2. SERAPHIM

    SERAPHIM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +884
    สงสัยได้ดีครับ

    วิญญานที่คุณกล่าวถึงนั้นหมายถึง จิต ครับ

    จิต คือ ธรรมชาติที่ทำหน้าที่เห็น ได้ยิน รับกลิ่น รับรส รู้สัมผัสถูกต้อง ตลอดจนธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดการคิด นึก จำนวนของจิตมีทั้งหมด ๘๙ หรือ ๑๒๑ (โดยพิสดาร) แต่เมื่อกล่าวโดยลักษณะแล้วมีเพียง ๑ เท่านั้น คือ รู้อารมณ์ (อารมณ์ในที่นี้หมายถึง รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งต่าง ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ที่จิตไปรับรู้)

    จิตเป็นนามธรรม และมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น วิญญาณ มโน มนัส มนินทรีย์ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ มนายตนะ เป็นต้น

    จิต จัดเป็นปรมัตถธรรมครับ
    ปรมัตถธรรม ประกอบด้วย
    1. จิต (สภาพที่คิด, ภาวะที่รู้แจ้งอารมณ์)
    2. เจตสิก (สภาวะที่ประกอบกับจิต, คุณสมบัติและอาการของจิต )
    3. รูป (สภาวะที่เป็นร่าง พร้อมทั้งคุณและอาการ)
    4. นิพพาน (สภาวะที่สิ้นกิเลสและทุกข์ทั้งปวง, สภาวะที่ปราศจากตัณหา)
    ปรมัตถธรรม คือ ธรรมชาติที่เป็นความจริงแท้แน่นอน ที่ดำรง ลักษณะเฉพาะของตนไว้โดย
    ไม่ผันแปรเปลี่ยนแปลง เป็นธรรมที่ปฏิเสธ ความเป็นสัตว์ ความเป็นบุคคล ความเป็นตัวตนโดยสิ้นเชิง
    เป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้วด้วยตัวมันเอง ปรมัตถธรรมนี้มีอยู่แล้ว ไม่มีใครบันดาล หรือสร้างขึ้น
    ดังนั้น พระพุทธองค์ก็เป็นพระบรมศาสดา เป็นบรมครูที่ชี้ให้เห็นวิธีข้ามโอฆสังสาร ไม่ได้เป็นผู้สร้างนิพพาน เพราะธรรมนี้มีอยู่แล้วด้วยตัวเอง
    ดังนั้นจึงไม่ต้องคำนึงถึงว่าจิตจะเกิดขึ้นอย่างไร คิดไปก็เท่านั้นครับ เด๋วจะออกนอกลู่
    หันมาปฏิบัติให้มากครับ วิจิกิจฉาทั้งหลายจะหมดไปเอง (ละสักกายทิฐิ และสีลัพพรตปรามาสด้วยยิ่งดีครับ)

    โมทนาครับ

    นมัตถุ พุทธานัง
    นมัตถุ โพธิยา
    นโม วิมุตตานัง
    นโม วิมุตติยา
     
  3. KAJ

    KAJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +143
    อนุโมทนาครับ แต่ยังเหมือนมีอะไรติดอยู่ในความคิดครับ หลายคำถามที่เกิดขึ้นก็ผ่านไปได้ด้วยเวลาและการอ่าน แต่คำถามนี้มันเกิดขึ้นและผมก็ไม่รู้จะหาคำตอบให้ตัวเองอย่างไร เหมือนกับรู้เส้นทางที่ต้องเดิน รู้จุดหมายปลายทางของการเดินทางที่ปรารถนา แต่ไม่รู้ว่าอยู่ๆเรามาจากที่ไหน มีทฤษฏีเรื่องใดที่พอจะขจัดความเขลาของผมบ้างไหมครับ อาจเป็นคำถามที่ไม่มีความจำเป็นสำหรับผู้ที่เดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง และรู้จุดมายปลายทางที่แน่นอนแล้ว เช่นเดียวกับไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฝนทั่วโลกตกที่ใดบ้าง หรือจักรวาลจะขยายตัวไปถึงเมื่อไหร่ แต่ผมก็คิดว่าคงจะมีคนที่เกิดคำถามเหมือนกับผมบ้างและยังสงสัยอยู่แต่ไม่รู้จะถามใคร ธรรมะคือธรรมชาติย่อมมีการเกิดและการเสื่อม และมีการเปลี่ยนแปลงไปจากผลของการกระทำ ผมเชื่อว่าน่าจะมีบางทฤษฎีที่สามารถขจัดความเขลาและเพิ่มปัญญาให้ผมได้ ขอเพียงทฤษฏีเล็กน้อยก็ยังดีครับ ขอบพระคุณผู้รู้ทุกๆท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...