รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)

ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 2 ครับ
1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
= บทเรียนวันนี้ ทำให้เข้าใจ ในหลายๆ อย่างเกี่ยวกับ การบรรลุโสดาบันมากขึ้น
ยิ่งเข้าใจ ก็ยิ่งมีกำลังใจครับ เป็นเรื่องใหญ่แต่ไม่ใช่เืรื่องยาก...
2. ให้ลองค้นหาประวัติและคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
= ค้นดูแล้วครับ แม้ผมจะเกิดไม่ทัน แต่ผมก็ศรัทธาในตัวท่าน โดยเฉพาะคำสอนครับ
คำสอนมากมายหลายอย่างทีเดียวที่ทำให้ผมมาถึงทุกวันนี้ได้...
3. ลองดูคลิปต่อไปนี้
= ดูแล้วครับ...

 

1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
-การเป็นพระโสดาบันจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา
2. ให้ลองค้นหาประวัติและคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
-หลวงพ่อทำคุณประโยชน์ให้กับศาสนามากมายเหลือเกินค่ะ สาธุ
3. ลองดูคลิปต่อไปนี้
-ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆแม้แต่ร่างกายก็ยังไม่เน่าเปื่อย สาธุ

 

1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้

รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และไม่ไกลเกินตัว ทำให้มีกำลังใจในการเรียนและปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบต่อไปค่ะ

 

การบ้านของชั่วโมงที่ 2 :
1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
ตอบ การที่บรรลุโสดาบันได้นั้นขึ้นอยู่กับกำลังและความศรัธทาต่อพระพุทธศาสนา แต่แอบคิดว่าคิดเราก้อคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ แต่ยังไม่บริสุทธิ์พอใช่หรือไม่ แล้วทำอย่างไรเราจึงสามารถคิดอย่างบริสุทธิ์ใจได้ (งงมั้ยคะ - -")
2. ให้ลองค้นหาประวัติและคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
ตอบ ได้รู้ประวัติของท่านมานานแล้ว และเลื่อมใสท่านมากๆๆๆ ที่บ้านคุณแม่มีหนังสือของท่านอยู่หลายเล่มได้ลองอ่านแล้วติดใจเพราะอ่านเข้าใจง่ายสนุก
3. ลองดูคลิปต่อไปนี้
ตอบ รู้สึกถึงปฏิหาริย์ของพระอริยเจ้า ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติต่อไปค่ะ

 

ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 2 ค่ะ

การบ้านของชั่วโมงที่ 2 :
1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
ตอบ ที่ อ.karan20 บอกว่า การเป็นพระโสดาบันไม่ได้สำคัญที่วิธีทำแต่สำคัญที่วิธีคิด
1.1. คิดว่าพระรัตนตรัยเป็นของดีแน่นอน เราไม่สงสัย
คือคิดว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ท่านมีความดีและเราควรเคารพ
(ละวิจิกิจฉา)
ข้อแรกนี้เก้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ และนอกจากคิดว่าเป็นของดีแล้วยังพากเพียรน้อมนำมาปฏิบัติตามด้วยค่ะ อาจจะไม่ได้เต็มทั้งหมด ขอแค่ค่อยเป็นค่อยไปก็พอใจแล้วค่ะ

1.2. คิดว่าคนเราเกิดมาต้องตาย เราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้
อาจจะตายวันนี้ก็ได้ ตายเมื่อไหร่เราขอไปนิพพานอย่างเดียวเท่านั้น
(ละสักกายทิฐิได้ในระดับหนึ่ง และมีการเจริญอุปสมานุสติ)
ข้อสองนี้เก้าคิดปล่อยวางอยู่เสมอค่ะ คนเรามีความตายเป็นธรรมดา วันเวลาใดที่จิตทิ้งร่างนี้กายนี้ จิตนี้เขาก็แค่เปลี่ยนภพเปลี่ยนที่ไปตามกรรมที่ได้สร้างได้รับรู้เรียนรู้ไว้เองเมื่อตอนที่ยังมีชีวิตน่ะค่ะ เก้าขอแค่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จิตบางกายเบา ก็เป็นสุขแล้วค่ะ ซึ่งที่คิดนั้นเป็นยังงั้นยังไม่ได้หวังว่าต้องนิพพานหรือไม่.. เพราะ...ไม่รู้จะตอบว่าเพราะอะไรค่ะ..ก็..มันรู้สึกว่าง..ไม่มีคำตอบขึ้นมาซะเฉยๆ ยังงั้น ..

1.3. คิดว่าเราจะไม่เบียดเบียนทำร้ายใครโดยเด็ดขาด
(ละสีลัพพตปรามาส)
ข้อสามนี้ เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ และนอกจากไม่เบียดเบียนทำร้ายใครแล้ว ยังดำรงสติไม่เปิดโอกาสที่จะให้ใครมาเบียดเบียนทำร้ายเราได้ด้วยเช่นกัน ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ตั้งสติ อดทน หรือไม่ก็ให้อภัยกันไปค่ะ

2. ให้ลองค้นหาประวัติและคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง และ 3.ดูคลิป
ตอบ ดูจากในคลิปแล้วค่ะ ทันใจดีจัง ขอกราบอนุโมทนากับหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านจากจิตเบื้องลึกจริงๆ
ที่สำคัญคืออ่านคำสอนท่านแล้ว เก้าสนใจอยากปฏิบัติมโนมยิทธิด้วยค่ะ ไม่รู้ว่ายากไหม ขอคำแนะนำจาก อ.karan20 ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

สนใจอยากปฏิบัติมโนมยิทธิ อ่านตามลิ้งค์นี้นะครับ

สถานที่ฝึกมโนมยิทธิ

 

เหตุที่อยากฝึกมโนมยิทธิ

ขอบคุณ คุณ karan20 สำหรับคำแนะนำค่ะ เพิ่มเติมอีกที่ก็มีการฝึกปฏิบัติกันคือ วัดสาขาท่าซุงศูนย์พุทธศรัทธา อ.บ้านหมอ จ.สระบุรีค่ะ
คิดว่าถ้ามีโอกาสก้อตั้งใจจะไปพร้อมครอบครัว ลองดูที่สะดวก กึ่งสัปปายะนิดหน่อยก็สงบดีค่ะ

ขออนุญาตคัดลอกมาจากวัดสาขาท่าซุงศูนย์พุทธศรัทธาค่ะ
คำแนะนำการฝึกมโนมยิทธิ สำหรับนักปฏิบัติใหม่
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

วัตถุประสงค์ของการฝึกมโนมยิทธิ เพื่อให้นักปฏิบัติทุกท่าน พิสูจน์พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า นรก สวรรค์ พรหม นั้นมีจริงหรือไม่ พระนิพพานสูญจริงหรือ และเป็นการปฏิบัติทางลัดให้เข้าสู่พระนิพพานได้โดยเร็วขึ้น ไม่ใช่ฝึกเพื่อความสนุกสนานหรือเพื่อเป็นการโอ้อวดบุคคลอื่น หรือเพื่อไปเป็นหมอดูให้ชาวบ้าน
จุดประสงค์ให้ทุกท่านตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน โดยเริ่มเป็นพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ นักปฏิบัติทุกท่านควรศึกษา สังโยชน์ ๑๐ และบารมี ๑๐ ให้เข้าใจ และอารมณ์ของพระอริยเจ้าตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงปลาย

 

ตอบการบ้านค่ะ
กราบขอขมาเบื้องบนหากมีข้อผิดพลาดประการใดเจ้าค่ะ

1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
รู้สึกปิติค่ะ
กราบขอบพระคุณในพระเมตตาอันประมาณมิได้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่ให้โอกาสมนุษย์บาปหนาคนนี้เจ้าค่ะ

เราเคารพศรัทธาเบื้องบนทุกๆพระองค์ 100% ข้อ1คิดว่าคงผ่าน

แต่
สำหรับข้อ 2 เราไม่ได้คิดพิจารณาสังขารสม่ำเสมอ กิเลสครอบงำหนักค่ะ

สำหรับข้อ 3 เคยคิดว่าจะไม่เบียดเบียนทำร้ายใครโดยเด็ดขาด
แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะคิดว่าถ้าตั้งใจอย่างนี้แล้วผิดสัญญาจะกลายเป็นกรรมชั่ว

ตอนนี้ยังไม่เชื่อมั่นว่า
ตัวเองจะไม่เบียดเบียนทำร้ายใครทางกายและใจ ด้วยเจตนาและไม่เจตนา
ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เช่น อาจเหยียบมดตายไม่ตั้งใจ พูดห้วนทำให้คนฟังไม่สบายใจ
ชอบกอดอุ้มกระต่ายเลี้ยงที่บ้าน มันคงรำคาญ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะไปยุ่งกับมัน

 

ขอให้ศึกษาต่อไปนะครับ เนื่องจากท่านยังมีความเข้าคลาดเคลื่อน

การเบียดเบียนนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เ็ป็นอกุศลกรรม
ไม่เกี่ยวกับว่าตั้งใจว่าจะไม่เบียดเบียนแล้วเปลี่ยนใจจึงจะเป็นอกุศลกรรม

ในทางกลับกันการตั้งใจว่าจะไม่เบียดเบียนผู้อื่นนั้น
ถึงแม้จะทำได้เพียงช่วงสั้น ๆ ก็มีอานิสงส์มากมาย
ดีกว่าไม่ตั้งใจซะเลยเพราะกลัวเปลี่ยนใจ แบบนี้เป็นการเสียโอกาสในการทำความดี
หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านสอนว่า
สำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจหรือมีความจำเป็นให้เริ่มต้นจากการรักษาศีลเฉพาะช่วงเวลาก่อน หรือเฉพาะบางวันก่อน
เมื่อมั่นใจหรือชินแล้วแล้วจึงค่อยรักษาศีลเป็นปกติตลอดเวลา


รวมถึงความเข้าใจในเรื่องศีล พระพุทธเจ้าตรัสว่าเจตนาคือกรรม
เมื่อเหยียบมดโดยไม่เจตนาเป็นอกุศลย่อมไม่ผิดศีล

ขออธิบายสั้น ๆ เพียงเท่านี้นะครับ เพราะในบทเรียนต่อ ๆ ไป อธิบายไว้แล้ว

 

ขอส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 2 :
1. แสดงความคิดเห็น รู้้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้้
รู้สึกว่าการเป็นพระโสดาบันไม่ยาก ถ้าตั้งใจจริง และมีแนวทางให้เดินจะได้ไม่ต้องหลงทาง หรือเข้าใจผิดไขว้เขวต่อไป

2. ให้ลองค้นหาประวัติและคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง

เคยได้ยินชื่อหลวงพ่อมานาน แต่มีโอกาสได้ไปกราบท่านที่วัดท่าซุงประมาณกลางปีนี้ รู้สึกซาบซึ้ง และศรัทธาในคำสอน และยึดมั่นในพระรัตนตรัยมากกว่าเดิม

3. ลองดูคลิปต่อไปนี้
รู้สึกขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงพ่อที่มีต่อลูกศิษย์ทุกๆคน

 

การบ้านของชั่วโมงที่ 2 :
1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้

การเป็นประโสดสบัน น่าจะอยู่ที่จิต ของคนเท่านั้น ว่าสามารถจะอยู่ในอารมณ์นั้นได้เป็นนิสัยหรือเปล่า เงื่อนไขทั้งหมดไม่ยาก แต่ไม่ง่ายสำหรับทุกคน ต้องมีการฝึกจิตใจมาสมบูรณ์ระดับหนึ่ง และฝึกตนให้เข้าสู่อารมณ์นั้นเป็นปกติ กำลังใจจึงน่าจะถึงค่ะ

2. ให้ลองค้นหาประวัติและคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง

เคยอ่านและฟังมาบ้างแล้ว แต่จะกลับไปทบทวนอีกเร็วๆนี้ค่ะ

3. ลองดูคลิปต่อไปนี้

ขอเก็บไว้ดูภายหลังค่ะ เพราะตอนนี้ไม่มีสติพอจะดู

 

บทต่อไป

รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)

 

รู้สึกว่ามันง่ายแต่ขณะเดียวกันมันก็ให้ความรู้สึกยากเช่นกันด้วย

 

สาธุครับ
กายกรรม๓
ประพฤติชอบทางกาย มี ๓ อย่างคือ
เว้นจากฆ่าสัตว์
เว้นจากลักทรัพย์
เว้นจากประพฤติผิดในกาม

วจีกรรม๔
วจีสุจริต
เว้นจากการ พูดเท็จ
เว้นจากการ พูดส่อเสียด
เว้นจากการ พูดคำหยาบ
เว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล

มโนกรรม๓
มโนสุจริต ๓
๑.ไม่โลภอยากได้ของเขา
๒.ไม่พยาบาทปองร้ายเขา
๓.เห็นชอบตามคลองธรรม
ถ้าคนเรารักษาได้ตามนี้เราจะไปถึงไหนครับ ขอความกรุณาครับ

 

คุณ Karan 20 เยี่ยมมากครับ ;ปรบมือ
แนะนำเพิ่มกับสมาชิกว่าต้องลงมือ "คิด" ตั้งแต่ตอนนี้ เดี๋ยวนี้

 

1.ดิฉันจะรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติ (หลวงพ่อฤาษีบอกว่า"ศีล"แปลว่า"ปกติ")
2.ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตต้องตาย และความตายของดิฉันเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ รวมทั้งขณะนี้
3.ดิฉันจะมั่นคงในพระรัตนตรัยโดยไม่เสื่อมคลาย จะไม่มีความสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นอันขาด
4.ดิฉันจะสะสมบารมี (หลวงพ่อฤาษีบอกว่า"บารมี"แปลว่า"กำลังใจ") โดยมี ทาน ศีล ภาวนา ทั้ง 3 สิ่ง จะไม่ทิ้ง เพื่อสะสมบารมี จากวันนี้ ตราบเข้าสู่บ้านนิพพานอันเป็นจุดหมายสูงสุด

​

 

ส่งการบ้านค่ะ

1. ยากสำหรับบางคน ไม่ยากสำหรับบางคน
สำหรับเราคิดว่าพอได้ แต่คงต้องดูกันนานๆ
2. ฟังประวัติจากคลิป หลวงพ่อท่านเมตตา และสละเพื่อลูกๆอย่างแท้จริง
3. ดูแล้ว ซึ้งใจ อธิบายความรู้สึกไม่ถุกเลยจริงๆ

 

ส่งการบ้าน ชั่วโมงที่ 2

1. บทเรียนวันนี้ ทำให้อยากเรียน อยากเป็นมากๆ ค่ะ มีกำลังใจ รู้สึกปิติมากๆ ยิ่งได้อ่าน สิทธิประโยชน์ และโปรโมชั่น ทำให้มีความรู้สึกฮึดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ซาบซึ้งในความเสียสละขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ที่ท่านเสียสละพระวรกาย เอาตัวเองศึกษาเพื่อสั่งสอนพวกเราในวันนี้ค่ะ

2.ยกตัวอย่างคำสอนของท่านมาบางส่วนค่ะ
ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ระมัดระวังเรื่องจิตใจให้มาก ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนให้ใช้อนุสสติ คือ ตามนึกถึงความดี คือนึกยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า ๑ ยอมรับนับถือพระธรรม ๑ ยอมรับนับถือพระอริยสงฆ์ ๑ นี่เรียกว่า เป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ พยามยามนึกถึง ความดีของเทวดา นึกถึงความตายที่จะเข้ามาถึง นึกถึงอารมณ์ของพระนิพพาน อย่างนี้เป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ต้องครบทั้งหมด

องค์สมเด็จพระบรมสุคตทรงสอนว่า ขึ้นชื่อว่าความชั่วที่ทำมาแล้วในกาลก่อน จงอย่าตามนึกถึงมัน นึกถึงความดีที่ทำไว้แล้วเท่านั้น ผลของความดีจะส่งผลให้เป็นสุข คือไปเกิดบนสวรรค์ได้
ที่มา: แนะวิธีหนีนรกแบบง่ายๆ



เวลาที่เราจะเข้ามาเจริญสมาธิจิต ให้ตัดอารมณ์ที่มีความห่วงใยที่เรียกกันว่า ปลิโพธ

คิดเสียว่าเวลานี้ เราเป็นบุคคลคนเดียว เราไม่มีเพื่อน เราไม่มีพี่เราไม่มีน้อง เราไม่มีอะไรทั้งหมด แม้แต่ร่างกายนี่ก็เหมือนกัน เราก็ไม่ถือว่าเป็นสาระเป็นแก่นสาร เป็นร่างกายจริงๆจังๆอะไรของเรา เพราะมันมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความแก่ไปในท่ามกลาง แล้วก็มีการสลายตัวไปในที่สุด

เป็นอันว่าร่างกายนี่ก็ไม่ใช่ภาระของเราที่จะต้องห่วงเกินไป เป็นอันว่าเวลานี้เราเป็นคนไม่มีห่วง เรามีภาระอย่างเดียวคือจับจิตเฉพาะอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งซึ่งเป็นมหากุศล จะพาตนไปสู่สวรรค์ก็ได้ ไปสู่พรหมโลกก็ได้ ไปสู่พระนิพพานก็ได้
ที่มา: กรรมฐาน ๔๐

3. ดูแล้วค่ะ รู้ว่าท่านเสียสละมาก เพื่อลูกหลาน ท่านเกิดมาเพื่อให้ และมีแต่ความรักพวกเรา