ภัยพระพุทธศาสนา ::: พระไม่เชื่อถือพระไตรปิฎกอย่างที่เขียนไว้ตามตัวอักษร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย PrinceCharming, 14 สิงหาคม 2011.

  1. PrinceCharming

    PrinceCharming เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +773
    [​IMG]



    วันนี้ผมมีโอกาสได้อ่านงานเขียนของพระรูปหนึ่งที่ใช้นามปากกาว่า ว.วชิรเมธี ในหนังสือภาคภาษาอังกฤษของท่านที่ชื่อ Happiness Is Here and Now แปลจากภาษาไทยโดยอาจารย์นพมาศ แววหงส์ หากจำไม่ผิดเล่มนี้แปลมาจากฉบับภาษาไทยที่ใช้ชื่อว่า ความทุกข์มาโปรด ความสุขโปรยปราย ภัยของพระศาสนาที่ว่ามาจากหนังสือเล่มนี้ครับ ก่อนอธิบายว่าภัยนั้นคืออะไรอื่นผมขอสรุปความตอนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ให้ฟังคร่าวๆก่อนเพื่อความเข้าใจถึงที่มาที่ไปครับ

    ในบทที่ 5 ชื่อตอน What is essential is invisible to the eye. หน้า 109-113 มีคนถามท่านถึงปาฏิหาริย์ในพุทธประวัติ ท่านผู้ตอบคือท่านว.ฯ เริ่มตอบโดยชี้แจงว่าปาฏิหาริย์ในพระพุทธศาสนามี 3 ประเภท คือ 1.อิทธิปาฏิหาริย์ (การเหาะเหินเดินอากาศ ดำลงในน้ำ ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา)
    2.อาเทสนาปาฏิหาริย์(การทายใจ รู้ถึงความคิดของคนอื่น ) และ 3.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (การแสดงพระธรรม)

    จากนั้นท่านว.ฯ ชี้แจงว่าปาฏิหาริย์ทั้งสองแบบแรกหากใช้ถูกจะนำประสิทธิผลที่ดีมาให้แต่หากใช้ในทางที่ผิดจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง และได้กล่าวสนับสนุนแนวความคิดหลังโดยยกตัวอย่างพระเทวทัตใช้ปาฏิหาริย์ทำให้พระเจ้าอชาติศัตรูหลงนับถือจนได้ฆ่าพ่อตัวเอง คือพระเจ้าพิมพิสารในที่สุด จากนั้นได้กล่าวถึงการที่ต่อมาพระเทวทัตถูกธรณีสูบ แต่ได้วงเล็บไว้ด้วยว่า มีการตีความกรณีการมรณภาพของพระเทวทัตไว้สองแบบ คือ ถูกธรณีสูบเพราะทำพระพุทธเจ้าห้อพระโลหิตจริงๆ และ ถูกประชาชนที่โกรธแค้นตั้งสารเตี้ยตัดสินหรือถูกแขวนคอจนมรณภาพและการถูกธรณีสูบนั้นเป็นการกล่าวอุปมา

    ต่อมาท่านผู้เขียนได้กล่าวว่าในบางครั้งปาฏิหาริย์สองแบบแรกก็เป็นการหลอกลวงหรือทำให้คนเข้าใจผิดเพราะแทบจะไม่มีสิ่งใดมาพิสูจน์ถึงความสัตย์จริงของปาฏิหาริย์เหล่านั้น จากนั้นท่านผู้ที่แปลจากฉบับภาษาไทยท่านใช้คำว่า "...It is therefore a waste of time meddling with them..." แปลเป็นใจความว่าดังนั้นจึงเป็นการเสียเวลาเปล่าที่จะไปยุ่งวุ่นวายกับปาฏิหาริย์เหล่านั้น(หมายถึงปาฏิหาริย์สองแบบแรก)

    จากนั้นท่านกล่าวชื่นชมปาฏิหาริย์แบบที่สามหรืออนุสาสนีปาฏิหาริย์ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้คนพ้นทุกข์ได้และปาฏิหาริย์แบบนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในชีวิตนี้โดยการฝึกสติ และท่านได้กล่าวต่อถึงพระพุทธประวัติว่า
    "...Those who walk on earth in awareness are, like the baby Buddha as recounted in His life story, walking on lotuses.

    Do you recall how Prince Siddhattha walked on lotuses the monment he was born and this is considered a miracle? In fact, his walking on lotuses is analogous to his walking in mindful awareness.

    Problems in the study of the Buddha's life story rest not on how miraculous it was but rather on how perceptive and intelligent we are in "decoding" and "demystifying" those miracles..."

    ข้อความนี้ผมขออนุญาตไม่แปลและให้แต่ละท่านใช้วิจารณญาณของท่านเองในการทำความเข้าใจตามถ้อยอักษร แต่จะขอเรียนให้ทราบว่าผมนำมาจากหนังสือของท่านว.วชิรเมธี ตรงทุกตัวอักษร ไม่มีผิดพลาด

    ____________________________________________________



    ทีนี้มาถึงสิ่งที่ผมกล่าวว่าเป็นภัยพระพุทธศาสนา เพราะการเขียนของพระรูปนี้มีจุดบกพร่องในความคิดเห็นส่วนตัวของผมอยู่ 3 ประการหลักๆคือ

    1.เป็นการเผยแผ่พระไตรปิฎกและพระพุทธประวัติโดยใส่ความเห็นส่วนองค์ในแง่ที่ไม่เห็นด้วยกับอิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ลงไปด้วย เช่นตรงที่กล่าวว่า"เป็นการเสียเวลาเปล่าที่จะไปยุ่งวุ่นวายกับปาฏิหาริย์เหล่านี้" ท่านผู้เขียนได้ศึกษาทางปริยัติจนเป็นถึงเปรียญ 9 ประโยคควรมีความเข้าใจดีว่าบุคคลมีอัชฌาสัยต่างกันถึง 4 แบบ คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ดังนั้นเป็นที่แน่นอนว่ามีบุคคลมากมายที่มีอัชฌาสัยชอบฤทธิ์เดช หากได้ฝึกฤทธิ์ประกอบด้วยจะทำให้เข้าถึงพระอรหัตตผลและพระนิพพานได้ง่ายและเร็วกว่าไม่ฝึก


    ดังนั้นแค่การใช้มโนมยิทธิหรือฤทธิ์ทางใจที่เป็นกึ่งเตวิชโช กึ่งฉฬภิญโญ ก็มีผลมากมายทำให้คนเข้านิพพานได้ไม่รู้เท่าไร เพราะสามารถพิสูจน์ได้จริงถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า เห็นความสุขบนสวรรค์จริง เห็นความทุกข์ในนรกจริง เห็นการให้ผลของกรรมจริง ฯลฯ แล้วท่านจะกล่าวว่าปาฏิหาริย์สองแบบแรกเป็นการเสียเวลาเปล่าที่จะเข้าไปวุ่นวายได้อย่างไร?


    2.มีการตีความพระพุทธประวัติโดยใช้ความเห็นส่วนองค์ไปให้การสนับสนุนให้คนอ่านเข้าใจว่าการที่พระพุทธประวัติเขียนว่าพระพุทธเจ้าทรงพระดำเนินได้ 7 ก้าวหลังประสูติทันทีนั้นไม่ได้ทรงพระดำเนินได้จริงๆ เพียงแต่เป็นการที่ทรงมีพระสติครบถ้วนเท่านั้นเอง ตรงนี้แม้ท่านผู้เขียนเองท่านจะเป็นพระแต่ท่านก็ไม่มีสิทธิจะไปแก้ความเข้าใจของพุทธบริษัทให้เห็นผิดไปจากพระพุทธประวัติอย่างนี้ การที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระโพธิญาณมาอย่างน้อยสิ้นเวลา 4 อสงไขยกำไรแสนกัปส่งผลให้พระองค์ทรงเป็นเป็นอัจฉริยมนุษย์แล้วทำไมแค่การที่จะทรงพระดำเนิน 7 ก้าวหลังประสูติใหม่ๆจะเป็นไปไม่ได้จริงๆ


    3.ท่านผู้เขียนกล่าวให้ "decoding" และ ""demystifying" ปาฏิหาริย์ในพระพุทธประวัติโดยการใช้การสังเกต ความฉลาดและไหวพริบปฏิภาณ ซึ่งจริงๆแล้วภิกษุซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมโลกนาถซึ่งถือว่าศึกษาจบหลักสูตรปริยัติแล้ว ควรรู้จักหลักกาลามสูตรเป็นอย่างดีและควรจะให้กำลังใจเหล่าพุทธบริษัทท่านอื่นๆให้ลองพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าดูว่ามันผิดหรือถูกกันแแน่ มีจริงหรือมีไม่จริง เพราะวิธีการปฏิบัติให้ได้ฤทธิ์และอภิญญาต่างๆก็มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก


    ฤทธิ์ต่างๆเหล่านี้ควรเป็นสิ่งที่ได้จากการฝึกปฏิบัติภาวนา ไม่ใช่รู้ได้ด้วยการใช้การสังเกตและไหวพริบหรือความฉลาดทางสมองเพียงฝ่ายเดียว และหากเรายังต้องใช้การ "decoding" และ "demystifying" ปาฏิหาริย์ที่เขียนไว้อีกก็แสดงว่าท่านมีความเห็นว่าสิ่งที่เขียนไว้ในพระพุทธประวัติไม่เป็นความจริงหรือถูกบิดเบือนเสริมแต่งจนเพี้ยนไปแล้วอย่างนั้นหรือ

    _________________________________________________________


    เคยได้ยินหลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนจำใจความได้ว่าคนที่ยังไม่เป็นพระอริยเจ้าเพียงใด ให้พูดเรื่องพระนิพพานก็ผิดหมด ทำให้คิดว่าบางทีอาจรวมถึงการสอนธรรมเรื่องอื่นๆก็อาจผิดหมดด้วยหรือไม่

    ที่เขียนบรรยายมาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อท่านว.วชิรเมธี ด้วยเข้าใจและเห็นดีด้วยที่ท่านเผยแผ่พระธรรมขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่หลายๆคำสอนท่านนำเอาความคิดเห็นส่วนองค์ที่ทำให้คนอ่านแล้วเข้าใจผิดพลาดจากพระไตรปิฎกใส่ลงไปด้วย ทำให้ไม่อาจอยู่เฉยได้ในฐานะที่รักพระศาสนาสุดหัวใจ ไม่อยากเห็นพระศาสนาต้องพังไปก่อนเวลาอันควรด้วยพระที่ไม่สอนตามพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง

    ปล.เนื่องด้วยฉบับที่อ่านเป็นฉบับภาษาอังกฤษ ดังนั้นใจความอาจมีความผิดพลาดได้จากการแปล หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องขอกราบนมัสการขออภัยพระคุณเจ้ามา ณ ที่นี้ด้วย แต่คิดว่าไม่น่าจะผิดใจความเพราะผู้แปลเป็นถึงรองศาสตราจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชื่อว่าอาจารย์คงไม่ทำงานออกมาชุ่ยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2011
  2. nutt_nst

    nutt_nst เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,470
    อนุโมทนากับความห่วงใยในพระศาสนาครับ

    ถือว่าท่านมีเจตนาดีในการเผยแพร่ศาสนาครับ แต่ถ้าคนที่ฟังเข้าใจไปว่านรกไม่มีสวรรค์ไม่มี โทษก็จะอยู่กับท่านเองครับ
     
  3. kirakungzz

    kirakungzz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +145
    อนุโมทนากับความห่วงใยในพระพุทธศาสนาด้วยจริงๆครับ
    ปัจจุบันนี้หลายคนพยายามจะพูดจาตีความอะไรต่างๆให้เป็นไปในแนววิทยาศาสตร์
    เพื่อให้ดูดีมีชาติตระกูลและน่าเชื่อถือ ทำให้หลักความจริงถูกบิดเบือน
    ช่วงนี้ผมก็เบื่อๆเหมือนกัน เพราะไม่ว่าใครก็บอกว่าสวรรค์ นรก ไม่มีจริง นิพพานต้องสูญ
    พอผมบอกให้ลองไปฝึกมโนมยิทธิ พวกเขาเหล่านั้นก็บอกว่ามันไม่มีทางได้กันง่ายๆหรอก
    จนตอนหลังผมเลิกพูดไปแล้ว เพราะถือว่าทางใครทางมัน

    ส่วนสำหรับท่าน ว. ผมไม่เห็นด้วยกับท่านในหลายเรื่องเหมือนกัน
    ที่ไม่เห็นด้วยมากที่สุดคือที่ท่านกล่าวไว้เป็นใจความว่า ฆ่าคนดีกว่าฆ่าเวลาให้เสียประโยชน์
    ฟังแล้วลมแทบจับ...
     
  4. Orisma

    Orisma สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งยุคสมัยนี้วัดกันที่ระดับการเรียนปริยัติ ไม่ได้วัดที่คุณธรรมการปฏิบัติ ยิ่งทำให้คนเข้าใจว่า นรก สวรรค์ นิพาน ไม่มีจริง อภิญญา อิทธิ์ฤทธิ์เป็นแค่เรื่องเล่า จะวิจารณ์เรื่องนี้ก็ต้องระมัดระวังนะคะ
     
  5. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อยากให้รัฐบาลประกาศวัดหยุดข้าราชและนักเรียนใหม่
    เป็นวันโกน วัดพระ หลังวันพระ เป็น 3 วัน
    รับรองพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเจริญขึ้นอีกเยอะ
    และประชาชนข้าราชการจะทำงานให้ประเทศเจริญขึ้นอีกมากมาย
    สำหรับเอกชนเขาจะหยุด วันเสาร์อาทิตย์ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
    เรานับถือพระพุทธศาสนา ต้องมีวันหยุดให้ตรงกับวันโกน วันพระ
    นี่ไปเอาวันหยุดมาจากศาสนาอื่นนะ
     
  6. RMX

    RMX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +2,666
    ผมเคยอ่านพบที่หลวงพ่อฤาษีฯสอนไว้เกี่ยวกับคนในยุคปัจจุบันนั้น
    มี กำลังใจต่ำ และ ปัญญาทรามลงกว่า ยุคพุทธกาลมาก
    การที่เราพบเห็นบุคคลตีความพระธรรมคำสอนไปในทิศทางต่างๆกันก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาครับ
    เพราะคนที่มีภูมิธรรมอยู่ในระดับใด ก็รับธรรมะได้ในระดับนั้นครับ

    ความจริงไม่เคยถูกบิดเบือน เพียงแต่ผู้พบเห็นอาจจะเห็นไม่ตรงกับความจริงก็เป็นได้

    หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านย้ำเสมอครับ "อัตนา โจทยัตานัง"
    ใครทำอะไรก็ไม่สำคัญครับ อยู่ที่เราจะทำอะไรมากกว่า
    จะมีคนกล่าวเกี่ยวกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้อย่างไร
    ก็ไม่สำคัญเท่า ใจเราจะ เคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างไรครับ

    ขอโมทนาในเมตตาจิตของท่านเจ้าของกระทู้ครับ
    ที่ห่วงใยพระพุทธศาสนา และบุคคลผู้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนในภายหลัง
    แต่อย่างไร ในพรหมวิหารสี่ ก็ต้องควบไปด้วย อุเบกขา คือ ยอมรับว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้พบเห็นสิ่งเหล่านี้ เพราะถ้าหากทุกคนมีศักยภาพเท่ากันหมดได้ ก็คงไม่มีคนมาเกิด ทุกคนคงไปอยู่ที่พระนิพพานกันหมดแล้วล่ะครับ

    ขออภัยหากความเห็นใดอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจนะครับ
     
  7. PrinceCharming

    PrinceCharming เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +773
    ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมปฏิบัติในสายพุทธภูมิ แม้จะยังไม่ทราบว่าตัวเองทำบารมีด้านนี้มามากน้อยเพียงไรและคู่ควรกับการปฏิบัติสายพุทธภูมิแล้วหรือไม่ แต่ผมวางเฉยในเรื่องที่เป็นภัยต่อพระศาสนาไม่ได้จริงๆครับ ตั้งแต่เกิดมาสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขได้อย่างแท้จริงก็คือพระพุทธศาสนาเท่านั้น หากเกิดมาแล้วไม่ได้พบเจอพระศาสนาชีวิตผมคงย่ำแย่มากๆ เวลาทุกข์ใจคงไม่รู้จะทำอย่างไร เวลาจิตใจไม่มีความสุขก็คงไม่รู้จะทำอย่างไร

    เพราะฉะนั้นผมอยากจะรักษาพระศาสนาไว้ให้คนอื่นๆที่ยังไม่พบพระศาสนาได้มีโอกาสปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัยและเพื่อเข้าถึงความสุขที่แท้จริงครับ ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติต่างภาษาหรือเยาวชนคนรุ่นหลังควรได้รับการสอนพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ตรงตามถ้อยคำที่เขียนไว้ในพระไตรปิฎก เพราะผมเชื่อแน่ว่าการสังคายนาพระไตรปิฎกแต่ละครั้งจะต้องมีพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณเข้าร่วมและรับรองด้วย

    ดังนั้นการที่พระที่ไม่ได้มีฤทธิ์ทางใจในปัจจุบันจะไม่เชื่อเรื่องราวปาฏิหาริย์ต่างๆก็เป็นสิทธิ์ของท่านครับ แต่ท่านไม่ควรอย่างยิ่งที่จะ"บิดเบือน"พระพุทธประวัติและพระไตรปิฎกด้วยความเห็นส่วงองค์ท่านเอง เพราะหากท่านไม่ได้เป็นปฏิสัมภิทาญาณแล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นไม่มีจริงครับ
     
  8. RMX

    RMX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +2,666
    อนุโมทนาด้วยครับ

    "ควร" หรือ "ไม่ควร" กระทำสิ่งใดลงไป
    เราทุกคนล้วนมีหน้าที่ตอบกับตัวเองครับ
    ถ้าตอบผิด ก็ต้องเกิดมาตอบใหม่ไปเรื่อยๆ
    จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพานในทีุ่สุดครับ

    การไม่ต่อว่า หรือ ตอบโต้ ท่านที่เผยแผ่ธรรมะตามการวิเคราะห์ของท่านเอง
    ซึ่งอาจจะค้านกับธรรมะของคนอื่นๆนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่การวางเฉยนะครับ
    แต่มันไม่น่าจะมีประโยชน์อันใด นอกจากต่างเจ็บช้ำกันไปทั้งสองฝ่าย
    เพราะคนที่ัปักใจเชื่อท่านเหล่านั้นเป็นครูบาอาจารย์แล้ว
    ก็ไม่ยอมฟังเสียงจากผู้ปฏิบัติสายอื่นๆหรอกครับ

    หากท่านห่วงผู้อื่นที่ยังไม่เคยได้รับธรรมะที่คิดว่าดี คิดว่าเหมาะ
    สิ่งที่ทำได้คือ การเผยแผ่ธรรมะที่ท่านคิดว่าถูกต้อง ให้เข้าถึงผู้คนมากกว่า
    และขยายตัวกว้างไกลกว่า ผู้ที่ท่านมองว่าเผยแผ่แบบไม่ตรงทางครับ

    สุดท้ายแล้ว พระอริยะเจ้าทั้งหลายล้วนยอมรับกฏแห่งกรรมครับ
    คนเราทุกคนย่อมได้รับในสิ่งที่สมควร กับตัวเอง เสมอครับ
    หากผู้ใดผู้หนึ่งได้รับธรรมะที่ไม่ตรงกับความจริงที่เรียกว่า อริยสัจ
    แล้วเชื่อถือเอาเป็นที่พึ่ง
    ก็เป็นไปเพราะ ไม่สามารถมีปัญญา เข้าถึงธรรมนั้นๆ
    และ ไม่สามารถกรองเอาแต่ธรรมที่ถูกต้องเข้ามาสู่ตัวได้ครับ

    ขออภัยหากการแลกเปลี่ยนทัศนะนี้ อาจจะไม่ตรงกับความรู้สึกของท่านครับ
     
  9. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    พระพุทธเจ้ารู้
    และท่านก็ตรัสสรุป
    ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
    ตลอดจนหยุดตามท่าน
    คือการมองเข้าข้างใน
    และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
    คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
    พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
    เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
    อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
     
  10. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่ทำให้ผมได้อ่านหนังสือธรรมะดีๆของท่าน ว.วชิรเมธี

    เพราะเมื่อวานผมได้ไปลองเปิดอ่าน เวอชั่นภาษาไทย ก็ไม่เห็นมีข้อความดังที่

    เจ้าของกระทู้กล่าว แต่กลับได้เรียนรู้ธรรมะดีๆ ในเนื้อหาที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์

    ซึ่งผมก็จนปัญญาที่จะหาภัยที่ไหนจากหนังสือที่มีคุณค่าเช่นนี้ได้

    ถ้าใครอยากทราบข้อเท็จจริงก็ลองหาอ่านดูนะครับ เป็นหนังสือที่ดีมากๆเลย

    แต่เจ้าของกระทู้เค้ามีเจตนาดี ที่จะปกป้องพระศาสนา ช่างน่าสรรเสริญ ^___^

    ยังไงก็ฝากเจ้าของกระทู้ ช่วยดูพระรูปนึง ที่ออกมาสอนว่าพระมีเมียได้

    หรือบางทีก็สอนว่าขายเหล้าไม่ผิดด้วยนะครับ ไม่รู้ว่าคำสอนเหล่านี้จะเป็นภัยต่อพระศาสนา

    มากน้อยเพียงใดแค่ไหน ขอบคุณครับ
     
  11. kirakungzz

    kirakungzz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +145
    เรื่องขายเหล้านั้นมีอยู่ในหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมซักเล่ม น่าจะเล่ม 1 นะครับ
    ลองอ่านดู :D
     
  12. PrinceCharming

    PrinceCharming เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +773
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...