มายกระดับคุณภาพทางกาย และใจ จากการปลุกพลังกุณฑาลิณีภายในให้ตื่นขึ้นมา

การเดินเข้าสู่ความเงียบจริงๆนั้น ที่จริงแล้ว ก็ควรจะเงียบ ไม่มีเสียงภายนอกใดๆรบกวน รวมถึงเพลงบรรเลงคลอเคลียไปด้วย

แต่หากจะมีเพลงบรรเลงไปด้วยในช่วงเริ่มแรก ก็ใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยได้ครับ

เพราะเมื่อเข้าสู่ความเงียบแล้ว เพลงบรรเลงนี้ ก็จะหยุดเล่นไปเอง
คือ ไม่มารบกวนเราอีกต่อไป

สถานที่ ที่ใช้ในการฝึก ก็ที่บ้านเราเองครับ

เริ่มแรก ก็ยืนตัวตรง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หายใจเข้าออกลึกๆเบาๆอย่างผ่อนคลาย สำรวจดูว่าเรายืนตรงหรือยัง กระดูกสันหลังตั้งตรงหรือไม่ สัมผัสเสียงทุกเสียงที่ได้ยินรอบข้าง ภาพทั้งหมด กลิ่นทุกกลิ่น อากาศลม ที่กระทบกับร่างกาย เป็นการเปิดประสาทการรับรู้ขึ้นมา

ต่อมานำสัมผัสกลับมาที่ภายในของเรา อยู่กับกล้ามเนื้อ กระดูก ภายในของเราเอง นึกภาพไม่ออกไม่เป็นไรครับ ตอนนี้อยู่กับมโนภาพของตนเอง กล้ามเนื้อ กระดูก เราเป็นยังไง นึกเอาไว้ก่อน

เมื่อสัมผัสกลับเข้ามาข้างในแล้ว ย่ำเท้าอยู่กับที่ก่อนครับ สลับซ้าย สลับขวา เมื่อยกเท้าซ้าย ทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าขวาทั้งหมด และเมื่อยกเท้าขวา ก็ทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าซ้ายทั้งหมดเช่นกัน ให้น้ำหนักหมุนวน สลับกันอยู่ภายในร่างกาย ย่ำไปย่ำมา จนรับรู้ถึงการถ่ายเทน้ำหนักต่อเนื่องลื่นไหลเหมือนน้ำ หากมีความคิด อารมณ์ใดๆปรากฎ ให้วางไปก่อน เว้นแต่จะเป็นความคิด ที่อยู่กับการย้ำเท้า ถ่ายเทน้ำหนัก

เมื่อรับรู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว นั่นคือ เราเริ่มเปิดสวิตซ์ของประสาทสัมผัสภายในแล้ว เราจะเริ่มรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจ และลมหายใจว่า หยาบ หรือ ละเอียดอย่างไร

 

ตามธรรมชาติของจิตสำนึก จะรับรู้ได้ทีละเรื่อง ทีละอย่าง ตามลำดับ

เราไม่สามารถรับรู้ การเต้นชีพจร ลมหายใจ การขยับของกระดูก การขยับ การกระตุกของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ อารมณ์ ความคิด พร้อมๆกันทั้งหมดได้ ถึงแม้เครื่องยนต์กลไกทุกอย่างข้างต้น จะทำงานพร้อมๆกันทั้งหมดเป็นปัจจุบัน

แต่เราสามารถรับรู้ทีละอย่าง อย่างต่อเนื่องได้ ไม่ตกหล่น

สิ่งที่ทำให้เรารับรู้ได้ตลอด ต่อเนื่อง ตลอดสาย คือ สติสัมปชัญญะ

เช่น
บางขณะ เราจะรับรู้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นอย่างไร เร็ว ช้า ต่อเนื่อง หรือกระตุกกระตัก
บางขณะ จะรับทราบ ถึงลมหายใจว่า เร็ว ช้า หยาบ ละเอียด
บางขณะ จะรับทราบ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ตึง หรือหย่อน เมื่อย หรือผ่อนคลาย
บางขณะ จะรับทราบ การเคลื่อนที่ของกระดูกแต่ละข้อ
บางขณะ จะรับทราบ การเคลื่อนที่ของปราณภายในข้อกระดูก ที่เป็นปราณปฐมภูมิ
บางขณะ จะรับทราบ อารมณ์ในการเคลื่อนไหว ว่าเบิกบาน หดหู่
บางขณะ จะรับทราบ ความคิด ว่าความคิดอยู่ในขณะเคลื่อนไหว หรืออยู่ภายนอก

การรับรู้ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่ฝึกขับเครื่องยนต์ชีวภาพนี้ ไม่มีคำภาวนา ไม่มีอกุศล มีกุศล ก็คือ การนึกคิด ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆในกาย และใจ
เป็นการรับรู้ตามความเป็นจริง

 

ขณะขยับขาขึ้นลง สลับกันไปเรื่อยๆ

รู้สึกถึงแรงกระทบ ที่เท้าสัมผัสกับพื้น และรู้สึกว่าหัวใจเต้นยังไงบ้างครับ
ช้า หรือเร็ว

หากรู้สึกเร็ว แรง นั่นคือ การก้าวเท้าของเราแรงไป การจดจ่อยังอยู่ภายนอกเป็นหลักอยู่
นั่นคือ การจดจ่อเราอยู่ที่การสัมผัสของเท้า กับพื้น

หากรู้สึกเบา นั่นคือ การจดจ่อของเรากลับเข้ามาที่ภายในกาย ด้วยความผ่อนคลาย

หากยังแรงไป ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกๆส่วน และใช้การหายใจประกอบด้วย เพื่อระบายความร้อน ความอึดอัดที่เกิดขึ้น

ยกเท้าซ้าย หายใจเข้า
ยกเท้าขวา หายใจออก

หายใจตามธรรมชาติที่เราทำได้ครับ อย่าฝืน และอย่าปล่อยปละละเลย
เพราะเมื่อส่วนผสมเข้าที่ ลมหายใจจะเบา และการเต้นของหัวใจ จะช้าลงเอง

ให้ลมหายใจ การถ่ายเทน้ำหนัก ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

เมื่อส่วนผสมลงตัว หัวใจเราจะเต้นช้าลง และรู้สึกถึงความผ่อนคลายของร่างกาย

 

เมื่อลมหายใจ การถ่ายเทน้ำหนัก รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว

เริ่มขยับเดินไปข้างหน้าครับ

เดินไปซักพัก จนรู้สึกว่า การจดจ่อเราไม่หลุดจากกายเลย

เริ่มนึกถึงโครงกระดูกภายในอีกครั้งนึง

ว่าตัวเราที่เป็นโครงกระดูกกำลังเดินอยู่ เริ่มนึกตั้งแต่ส่วนที่ขยับขึ้นไปครับ ซึ่งก็คือ เท้า

แล้วค่อยๆขยายการรับรู้ไปยังหน้าแข้ง หัวเข่า สะโพก กระดูกสันหลัง กระดูกสะบักไหล่ ซี่โครง กระดูกแขน กระดูกมือ กระดูกต้นคอ กระโหลกศีรษะ

ระหว่างเดิน ค่อยๆขยับแขน หรือขยับคอ เข้าจังหวะไปด้วย

จนการรับรู้เราเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถึงภาพรวมของโครงกระดูกทั้งหมด

เมื่อการจดจ่อมีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ กระดูกสันหลังจะเริ่มตั้งตรง บางท่านอาจจะรู้สึกถึงการขยับของรอยต่อ กระดูกกระเบนเหน็บ และกระดูกสันหลัง เหมือนการกดสวิตซ์ ให้พลังงานภายในกระดูกสันหลังเคลื่อนไหวอย่างสะดวก

ในขณะนี้ การก้าวของเราจะเริ่มเบา เริ่มผ่อนคลาย และเริ่มรู้สึกถึงปราณในกระดูก

เมื่อส่วนผสมลงตัว ทั้งลมหายใจ การถ่ายเทน้ำหนัก การรับรู้ชัดเจนถึงการเคลื่อนไหวของกระดูก เส้นเอ็น

เราจะเริ่มรับรู้ ถึงความอุ่น หรือความเย็น ภายในกระดูก แผ่ซ่านออกมาตามข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า จนกระทั่งศรีษะ

ดำรงการรับรู้นี้ไปเรื่อยๆ จดจ้อง อย่างผ่อนคลาย

 

ตอนนี้การจดจ่อ เราจะอยู่ที่ปราณภายในกระดูก

ดำรงการจอจ่อไปเรื่อยๆครับ สังเกตุว่าลมหายใจเราจะเบา เหมือนไม่หายใจ รวมถึงจังหวะการเต้นของหัวใจก็เบาสบายมาก

จดจ่อไปเรื่อยๆครับ อย่างเบาสบาย ในตอนนี้ไม่ว่าเราจะก้าวช้า ก้าวเร็ว จะหยุดก้าว ขยับแขน ขยับคอ ไหล่ ขยับตัว อัตราการเต้นของหัวใจจะเป็นปกติ สติสัมปชัญญะจะไม่มีหลุดแม้แต่ขณะเดียวเลย

ดำรงการจดจ่อต่อไปเรื่อย เมื่อการจดจ่อต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เปรียบเหมือน เราก้าวเข้าไปสู่อะตอม สู่ภายในอะตอม สู่นิวเคลียสภายใน มากขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์

การจะเข้าสู่แต่ละชั้นๆลึกลงไปเรื่อยๆ ต้องใช้พลังงานที่เข้มข้น และละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ

เช่นเดียวกับการชำระไขกระดูก คือ ล้างพลังงานที่เสีย ที่เก็บสะสมไว้ในไขกระดูก ให้หลุดลอกออกมา เนื่องจากสาเหตุของอาหารการกิน อากาศ มลภาวะทางจิตใจ

เมื่อพลังงานเริ่มรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจที่เป็นตัวสะท้อน จะเต้นแรงขึ้นมาซักพักนึง
เนื่องจากกระบวนการในการชำระล้างพลังงานที่เสีย ที่คั่งค้างอยู่ในไขกระดูก ให้สลายออกมา

จะรับรู้ได้ถึง ปราณที่ได้รับการปลดปล่อยออกมาตามข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า ศีรษะ รักแร้ ข้อพับ

ปราณเสียเหล่านี้ คือ พลังงานที่ทำให้ การทำงานของร่างกายผิดเพี้ยนไปจากเดิม ซึ่งเกิดจากการสั่งสมที่ผ่านมาของเรา

เมื่อปราณเสียได้รับการปลดปล่อย เราจะรู้สึกถึงคำว่า อิสระ รู้สึกถึงความเงียบสงบ

 

​

เราจะรับทราบถึงความเย็น บริเวณทรวงอก และภายในอย่างชัดเจน

อนุภาค ที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละครับ คือ งานภายในของเรา งานในการผลิตพลังงานป้อนให้กับโลก

อนุภาคนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ ต้องมีการสร้างขึ้นมา ด้วยสติสัมปชัญญะที่ต่อเนื่อง หรือหัวใจที่อ่อนโยน

เมื่อเราสร้างขึ้นมาแล้ว แผ่อนุภาคความรักนี้ ไปยังโลก และจักรวาล ให้กับสรรพสิ่งทั้งหลาย
ที่ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกับเรา

 

ในขณะนี้ เราจะรับทราบว่า

หัวใจเราเต้นช้าลง

ลมหายใจเบามากเหมือนไม่ได้หายใจ

ร่างกายผ่อนคลาย

โครงกระดูกผ่อนคลาย

สิ่งภายนอก สวยสดงดงาม

เรากำลังเข้าสู่ท่วงทำนอง ของธรรมชาติ

เรากำลังขยับแขนขา ขยับตัว ไปตามท่วงทำนองของพลังงานภายใน

ไม่มีความกังวล กับการก้าว กับการเคลื่อนไหว กับลมหายใจ กับการเต้นของหัวใจ กับการเคลื่อนไหวของกระดูก

เรากำลังเริงระบำอยู่กับท่วงทำนองของธรรมชาติรอบกาย ที่เหมือนเสียงดนตรีจากความสงบเงียบ

 

หากเราดำรงการจดจ่อไม่ตกหล่น ได้ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง อย่างต่อเนื่อง

เราต้องรับทราบถึงท่วงทำนองนี้อย่างแน่นอนครับ

เมื่อเราสร้างอนุภาคความรักขึ้นมาแล้ว จากการรู้ชัดของสติสัมปชัญญะ
ช่วงนี้ตัวปัญญาภายในจะทำงาน หากมีสิ่งใดผุดขึ้นมาในจิตสำนึกภายนอก ลองเฝ้ามอง เพราะเป็นการสื่อสารกับข้อมูลข่าวสารทั้งหลายจากจิตวิญญาณภายในของเรา

แล้วลองขยายความสงบเงียบนี้ ไปยังชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะทำสิ่งใดๆ เพราะทุกอย่างล้วนคือการฝึกฝนภายนอก และภายใน ไปพร้อมๆกันครับ

ขอความสงบเงียบ ความปิติสุข จงบังเกิดในหัวใจ เพื่อนๆจิตวิญญาณทุกๆท่านครับ

 

ขอบคุณครับคุณเซลล์ แวะเข้ามาคุยเป็นเพื่อน
เทคนิคเหล่านี้มีประโยชน์มากที่เดียว ที่สำคัญคือการฝึกฝนนะครับ​

ขอนำมาฝากอีกแนวนึงครับ เห็นว่าแปลกดี
ทราบว่าเธอเป็นนักร้องทางจิตวิญญาณที่ได้รับพรสวรรค์พิเศษมาด้วย
เธอเป็นช่องทางเสียงโดยตรงสำหรับ "ภาษาของแสงสว่าง"
และเธอได้รับการสนับสนุนโดยชาวดาว Angelic
เป็นคณะนักร้องประสานเสียงด้านการสั่นสะเทือนความถี่ในการรักษาและซ๋อมแซม DNA ด้วยสิครับ
เสียงเธอฟังแล้วเหมือนโน๊ตเสียงดนตรีเลย เธอชื่อ Shekina ลองฟังดูครับ ​

"Language of Light" 528 Hz
Miracle Solfeggio Transmissions - Ascension Activation​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=NYt9cSIvZZs&feature=player_embedded"]‪"Language of Light" 528 Hz Miracle Solfeggio Transmissions - Ascension Activation‬‏ - YouTube[/ame]​

 

-love mode-
เอากระทู้นี้ ขึ้นมาเคียงกระทู้ Almine คู่มือการเลื่อนระดับ ของคุณ chayutt
หน่อยค่ะ อ่านไปด้วยกันแล้วรู้สึกว่า มีบางอย่างที่สนับสนุนกันค่ะ

 

เมื่อคืนได้ยินเสียงคนร้องเพลงประสานเสียงข้างหู ไพเราะเหมือนเพลงที่ร้องกันในตามโบทส์
หลังจากที่ไม่ได้ยินอะไรพวกนี้มานาน

 

ขอบคุณค่ะ อ่านจบแล้วก็กลับมาอ่านใหม่ อีกคร้ัง

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับผม...^^

 

ดีมีประโยชน์ ขอดันหน่อย

ให้ทำตัว หรือสภาวะรับรู้ เหมือนดั่ง ธารน้ำไหล ดูสิครับ เปลี่่ยนจากวนอยู่ในตัว ให้ปล่อยออกไป ทันที เข้ามาแล้วไหลปล่อยออกไป เหมือนดั่งธารน้ำไหล

ลำน้ำที่ไหลอยู่ตลอดเวลาจะเป็นธารน้ำที่มีประโยชน์ ทุกชีวิต สัตว์น้อยสัตว์ใหม่ จะอาศัยได้ดื่มกิน แต่สำหรับหนองบึง ที่น้ำเข้ามาเติมเต็ม และนิ่ง เป็น แหล่งน้ำพิษ สัตว์น้อยใหญ่ จักไม่เข้ามาดื่มกินอาบ เพราะมันมีพิษ ที่ที่หมัก ซากพืช ซากสัตว์ ดังนั้น จึงไม่เป็นที่เจริญ....

เหมือนกับการฝึกวิชาที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เอาแต่เพ่งกสิน กำหนดจุด ดูลูกแก้ว ย่างหนอ แต่ไม่ไปไหน ย่ำอยู่กับที่ ซอยเท้าเดินวนอยู่กับที่เดิม

คิดดูสิครับ จะได้ไปไหนกันหรือเปล่า

ปล่อยไป อย่าไปยึดสิ่งที่มา ได้แต่รู้อย่างเดียว พอแล้ว ..... ทำตัวให้เหมือนธารน้ำไหล (ไหลเรื่อย ๆ เย็นๆ สบายๆ) จะพบสิ่งแปลกใหม่ ที่มากับสายน้ำ ...

 

เนื้อความในกระทู้ดิฉันไม่ได้อ่าน เมื่อกี้อ่านข้อความอาจารย์ phudit999 แล้วรู้สึกถึงธารน้ำไหล ชำระล้าง รู้สึกสดชื่น เหมือนเพลงๆนี้ แต่สำหรับตนเองแล้วมากๆไม่ได้ หนาวค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=x3BWxTtylIk]Buddhist Peace Song - Wash Mind - YouTube[/ame]

 

ปรารถนารู้เป็นอย่างไร ต้องทำดูครับ สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นธรรม ของตน ตนรับได้เท่าใด ก็เท่านั้น ตามขนาดของภาชนะ ของตน ... ขอให้เจริญ

 

กราบขอบพระคุณอาจารย์ phudit999 ในมิตรภาพและกุศลทั้งปวง

ผู้น้อยกราบขอขมาอาจารย์ phudit999 หากตนเองหรือสหายท่านใดได้ล่วงเกินท่านไป
ด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ดี ด้วยกาย วาจา ใจก็ดี ผู้น้อยยินดีรับผลแห่งวิบากนั้นตามกรรมสัมพันธ์ที่มี ถวายเป็นธรรมทานและอภัยทานแก่สรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งปวงทั่วสังสารวัฏ

ขออานิสงค์จากสัจจะกิริยานี้จงบังเกิดแก่ตถาคตตรีกายตรีกาล บิดามารดา ครูบาอาจารย์ บรรพบุรุษ สหายร่วมสัจจะปณิธานให้ได้หลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวง ล่วงสู่นิพพานอันยิ่งใหญ่ในกาลอันสมควรทุกท่านทุกองค์เทอญ สาธุ อนุโมทนามิ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=xqWPMJFbx9I&feature=endscreen&NR=1]普賢菩薩行願品The King of Aspirations by Bodhisattva Samantabhadra（祈菩行） - YouTube[/ame]

 

ไม่ว่าใคร ทั้งนั้น เพียงแต่ ให้ชาวประชา ได้มองเห็น สิ่งดีงาม เท่านั้น วางใจได้ ไม่ได้ตำหนีใคร

 

กราบขอบพระคุณอาจารย์ phudit999 เป็นอย่างสูงครับ