ฌาณค้างเป็นอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นทีบุญ, 1 สิงหาคม 2011.

  1. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    เคยได้ยินเรื่องอาการ ฌาณค้าง ไม่ทราบว่า อาการเป็นอย่างไรแล้วมีผลดี ผลเสียอย่างไร

    เวลาทำสมาธิก่อนนอน หรือทำสมาธิระหว่างนอนแล้วหลับไปเลย ประมาณสัก 1-2 ชม. พอตื่นมากลางดึกก็รู้สึกเหมือนตัวยังลอยๆเบาๆ คล้ายๆเราทำสมาธิอยู่ เหมือนยังไม่ออกจากอารมณ์นั้น แต่ถ้าลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วมานอนต่อ โดยไม่บริกรรมอีก อาการก็จะหายไป

    แบบนี้ถือว่าเป็นอารมณ์ของสมาธิที่ทรงอยู่เมื่อตอนที่เราทำก่อนนอนหรือเวลานอนหรือเปล่า แล้วมีผลดี หรือผลเสียอย่างไรบ้าง

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    วิธีแก้อาการฌานค้าง โดย หลวงพี่เล็ก

    [​IMG]

    ถาม : อย่างนี้ก็เลยไม่แน่ใจว่าดีไหม ถ้าเผลอไหลไปตามเพลงนี่ช่วยได้ไหม ?

    ตอบ : ต้องมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ใน ลักษณะของพระมีการเปลี่ยนอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง นอน ทำท่าเดียวนานๆ ไม่ไหว ร่างกายจะแย่

    ถึงเวลาก็ไปเดินดูฟ้าดูดินบ้าง แทนที่เราจะไปนั่งภาวนาอย่างเดียว อาจจะไปรดน้ำต้นไม้บ้าง ไปกวาดลานวัดบ้าง แล้ว จับอิริยาบถการเคลื่อนไหว ต่อไป พอถึงเวลาจิตจะได้คลายออกมาบ้าง หายเครียดแล้วก็ไปนั่งภาวนาของเราต่อ หรือไปเดินจงกรมของเราต่อ


    ถาม : เราฝึกเข้าฌานได้ทุกสภาวะ แล้วเวลาเดินฌานค้างเราจะทำอย่างไรคะ ?

    ตอบ : ก็ถ้าหากว่า ฌานค้าง ก็ลดลงมาเหลือแค่ฌาน ๒ หรือฌาน ๑ ก็ไปต่อได้แล้ว ความจริงฌานค้างเป็นของดีนะ เพราะไม่ต้องยุ่งกับ รัก โลภ โกรธ หลง ไปเลย กลัวแต่ว่าจะไม่ยอมค้างนะสิ..!

    ถาม : คลายออกมาใช่ไหมคะ ?

    ตอบ : ถอยลงมาหน่อยแล้วก็ต่อไป เสร็จแล้วก็ตั้งท่ายื้อกันหน่อย ดูซิว่าจะไปได้อีกสักนิดไหม ?

    เหมือนกับเข้าเกียร์รถไว้แล้วลองพยายามเข็นดู ปกติรถเข้าเกียร์อยู่ ถ้าเครื่องติดก็ไปได้ใช่ไหม ? ทีนี้เราเข็นไปจนเครื่องต้องติดเอง ลองดูนะ..ถ้าไม่ไหวก็เข้าเกียร์ว่างไปก่อน

    ถาม : เมื่อเข็นไปแล้วก็จอดใช่ไหมคะ ?

    ตอบ : พอเข็นไปเครื่องติดก็ไปต่อสิจ๊ะ จริงๆ แล้วไม่ต้องมาต่อวิชาแล้วก็ได้ เป็นเองแล้วนี่ ต่อไปเราจะรู้แล้วว่า แค่ไหนถึงจะพอดีสำหรับเรา

    มีอยู่ช่วงหนี่งที่ฝึกใหม่ๆ ตอนนั้นยัง เดินจงกรมทั้งวัน ภาวนาทั้งวัน นับลูกประคำทั้งวัน หรือไม่ก็นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน ประเภทใครเห็นเข้าก็ว่าบ้าแน่ๆ นั่งลงไปแล้วก็นอน นอนแล้วก็นั่ง ทำอยู่แค่นี้

    แต่ความจริงแล้วเราซ้อมทรงสมาธิตามลำดับ พอนอนลงก็เข้าตามลำดับจนเต็มที่ไปเลย เวลานั่งก็คลายออกมาตามลำดับจนเต็มที่เหมือนกัน ...สนุกมากเลยช่วงนั้น แต่คนเห็นว่าเราบ้าทุกคน เพราะเอาแต่นั่งๆ นอนๆ

    ถาม : เหมือนคุณพ่อเลยค่ะ นั่งๆ นอนๆ เหมือนคนบ้า จะพาไปโรงพยาบาล คุณพ่อบอกไม่ต้อง ไม่เป็นไร ไม่ต้องพาไป ก็ไม่มีใครเชื่อ ?

    ตอบ : ไม่มีใครเชื่อหรอก เพราะคนบ้ามักจะบอกว่าตัวเองไม่บ้าทุกราย..!


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔

    วิธีแก้อาการฌานค้าง


    <!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ลองอ่านดูครับ ธรรมะจาก หลวงปู่สรวง ปริสุทโธ วัดถ้ำขวัญเมือง อ.สวี ชุมพร


    การเข้าฌานนั้น เราเข้าไปตั้งแต่ฌาน ๑ ขึ้นฌาน ๒ จากฌาน ๒ ขึ้นฌาน ๓ จากฌาน ๓ ขึ้นฌาน ๔ เรียก ว่า "เข้าฌาน" และที่จะต้องรู้จักออกฌาน ด้วย การออกฌาน กำหนดที่จิตว่าถอย ๓ คือถอยจากฌาน ๔ ลงมาฌาน ๓ พอถอยลงมา ๓ คือลดตัวลงมาหน่อย ฌานก็ถอยแล้วเมื่อจิตคิดถอย ฌานมันก็ถอยลงมา อุเบกขาก็ค่อยหมดไปมาอยู่ที่ฌาน ๓ ฌานสุข แล้วก็ถอยจากฌาน ๓ อีกแหละ มาฌาน ๒ พอถอยมาถึงฌาน ๒ ปิติ อุปเพงคาปิติก็ขึ้นโครมๆกายโยกกายสั่นอีก ตรงนี้มีพวกที่ได้ฌานใหม่ๆ ติดมาก มันติดเพราะมันสนุกมันเพลิน มากรู้สึกเพลินมาก รู้สึกมีกำลังวังชาด้วย แล้วก็รู้สึก กายมันเบา อยากกระโดดโลดเต้นไปด้วยซ้ำมันกระโดดโลดเต้น แต่ว่ามันออกจะอึกทึก ไปเอาเพียงให้มันสั่น กายโยกกายสั่นกายคลอนบางทีหมุนติ้วบางทีก็เอาแขน ๒ ข้างตีปีกดังเหมือนไก่ตีปีก บางคนก็ตบมือ ๒ มือเลย มีลักษณะต่าง ๆ ปีติทั้งหมดมี ๕ ชนิดแต่ละชนิดมี ๘,๙ อย่างเรื่องของอาการของปีติทั้งหมด ๓๘,๓๙ ปีตินี่ให้พึงเข้าใจ เมื่อออกมา ฌาน ๒ แล้ว เราก็ถอยออกฌาน ๑ อีกถอยมาที่ ๑ ถอยฌาน ๑ แล้วเวลาออกฌานก็สลัดหัวคิดว่าออกคือออกจากฌาน ๑ หรือออกจากฌาน นั่นเอง การเข้าฌานตามขั้นเหมือนกับเราขึ้นบันไดเรือนขั้น ๑ ขั้น ๒ และ ๑ และก็ลงอีกเป็นแบบนี้ ถ้าใครอวดดีไม่ลงตามฌาน คือไม่ถอย ลงมาจะเจอดีไปติดฌาน ๔ มันถอยไม่ออก มันเที่ยวเดินซึมอยู่นั่นแหละ ถ้าฌาน ๔ ไม่ออกจะเป็นคนไม่พูด และบางครั้งเขาถามอะไร ก็ไม่ได้ยิน บางทีพูดอะไรคำหนึ่งและไม่พูดต่อ มันเฉยเสียให้รู้ว่าใครถึงฌาน ๔ แม้ฟ้าผ่าลงมาเปรี้ยงไม่สะดุ้งเลย แล้วในฌานนี้ทั้งหมด ผู้ได้ฌานแล้วตั้งแต่ฌาน ๒,๓,๔ ไปแล้วมีฤทธิ์มีอำนาจวาจาสิทธิ์ วาจามีสัจจะ เราจะว่าใครให้ฉิบหายป่นปี้อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ถ้าว่าไปแล้วเป็นจริง ๆ เป็นไปได้เพราะตอนที่เรามีฌานทำฌานอยู่ทุกวันนั้น จิตเราเป็นพรหม กายเราเป็นมนุษย์จริงแต่จิตเป็นพรหม มีวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์อย่าได้พูดปรักปรำใคร อย่าได้กล่าวตำหนิใครในทางที่เสีย เสียไปจริง ๆ เช่นสมมุติว่าเห็นคนขึ้นต้นไม้ เราพูดขึ้น ้เชิงเล่นว่า " เออ...ระวังนะ...มันจะตกลงมา " อย่าพูดเข้า ถ้าพูดมันตกลงมาจริง ๆ นี่สำคัญมาก ฉะนั้นเราต้องระวัง


    อ่านเต็มๆที่นี่ครับ จากเครดิตพี่รูปหล่อ ลีลาวดีครับ

    <TABLE id=post2295260 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ลีลาวดี<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2295260", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    [​IMG]






    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2295260 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->รูปฌาณ 4 หลวงปู่สรวง ปริสุทโธ วัดถ้ำขวัญเมือง อ.สวี ชุมพร



    </TD></TR></TBODY></TABLE>




    <TABLE id=post2295260 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>








    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2295260 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->




    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE id=post2295260 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>







    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2295260 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 สิงหาคม 2011
  4. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    อนุโมทนาครับ

    ยังไม่ได้สักฌาณ เลยไม่มีโอกาศค้างกะเข้าครับ...คิคิ
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เอ่อ...แล้วมันอันเดียวกันกับอารมณ์ค้างหรือป่าวครับ หมายถึง ถ้าเปรียนสภาวะหนึ่งๆเป็นอารมณ์
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมเพิ่งเคยได้ยินคำว่า"ฌาณค้าง"เป็นครั้งแรกครับ ผมรู้แค่ว่าหากประคองจิตให้อยู่นิ่งได้นานๆ จิตของเราจะมีการพัฒนาไปในทางที่ดี ยิ่งถ้าคงอยู่ได้ตลอดทั้งวันก็ยิ่งดี

    แม้ยามที่เราหลับไปแล้ว จิตก็ได้พักผ่อน จิตจะพักผ่อนเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง แล้วที่เหลือเป็นการพักผ่อนของร่างกาย ในช่วงเวลานี้ที่ทำให้เกิดการฝัน หากจิตนิ่งก็จะทำให้สิ่งที่เคยประสพพบเจอมาทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน ผุดขึ้นมาเป็นความฝัน แต่หากจิตเป็นสมาธิก็จะไม่มีอาการฝัน

    ในการปฎิบัตินั้นมีกล่าวไว้ว่า ปฎิบัติได้ทั้ง"ยืน เดิน นั่ง นอน" ในการยืน เดิน นั่ง เป็นที่เข้าใจได้ง่าย แต่การ"นอน"หลายคนไม่เข้าใจ และ ที่คุณพบเจอใช่การปฎิบัติกรรมฐานในขณะนอนรึเปล่า

    สำหรับผมการที่จิตเป็นสมาธิได้นาน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ และ พอถึงเวลาจิตก็จะคายตัวออกจากสมาธิเอง เพราะจิตก็ต้องพักผ่อน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อาการฌานค้างนี่จะพบเจอได้กับคนที่ทรงฌานอยู่เป็นปกติ แต่ ไม่รู้จักวิธีการใช้ให้เป็นประโยชน์และตรงเวลาที่ควรจะใช้ครับ....

    ฌานค้างจะไม่มีวันเกิดได้กับผู้ที่ไม่เคยทรงความดีที่ทรงฌานได้เป็นปกติครับ....
     
  8. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    จริงๆแล้วน่าจะเรียกว่า "ทรงฌาน" มากกว่านะครับ เรียกฌานค้างนี่มันฟังแปลกๆ ยังไงไม่รู้
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    มันแตกต่างกันนะ...ทรงฌาน กับ ฌานค้าง เนี่ย....
     
  10. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    รบกวนคุณPhanudet ช่วยอธิบายให้คนโง่อย่างผมทราบด้วยครับ

    เพราะตอนนี้บางทีผมอาจจะค้างอยู่แถวๆฌาน8 แล้วผมก็ถอยไม่เป็นด้วยครับ

    แล้วในหนังสือหลวงพ่อ ก็บอกให้ผู้ปฏิบัติธรรม ในอัชฌาสัยปฏิสัมภิทาญาณ ให้ทรงฌาน8 อยู่ตลอด

    แล้วตอนนี้มี คำว่า "ค้าง" มาอีก เลยงงละครับ


    เจริญในธรรมครับ
     
  11. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    ล่าสุดก็เมื่อคืนก่อนนี่เองอะครับ มุดมันไปหน่อย เวลาออกมาไม่ระวัง ค้างตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าๆยันตี3 นอนไม่ได้เลย กายต้องพัก ตื่นเช้ามาต้องไปทำงาน ยังดี ไม่ง่วงทั้งวันเลย เพราะกำลังของฌานช่วยไว้ ฝึกได้ขนาดนี้ ยังมีพลาดได้เช่นกัน ตกตมเลย

    เจริญธรรม
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ทรงฌาน ๘ เลยเหรอ.....

    ผมคงจะแนะนำท่านไม่ได้ครับ...คงจะเกินปัญญาที่ผมจะแนะนำท่านได้.....

    ศึกษาจากโดยตรงจากหลวงพ่อและหลวงพี่เล็กเถอะครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    นั่นหละนะครับ....แต่ก่อนผมก็เป็นนะ...เป็นอยู่นานด้วย....ไม่มีใครบอก...เพราะไม่ได้ใกล้ครูบาอาจารย์....อีกอย่างก็ไม่เคยอ่านเจอด้วยนะ.....เป็นอยู่นานนะ...ก็เพราะความเพียรเกินพอดีว่าจะทรงอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้กิเลสมันกินใจ(มันมาไม่มาเราก็มุด มุดอยู่ตลอด หลวงพ่อท่านสอน มันมากูมุด มันหยุดกูแหย่ มันแย่กูตี มันหนีกูตาม ไอ่เรานี่มันดีเกินไป มันดีเกินดี มันฉลาดเกินตัว มันเลยโดนเต็มๆ..)...สุดท้ายส่งผล ชิน นานไปนี่ร่างกายมันจะรับไม่ใหว...จิตใจสบาย....ทำงานนี่นิ่งๆนะ...งานก็ไม่ค่อยดีด้วยนะ...ก็คิดว่ามาจากร่างกายไม่ได้พักสมองมันเลยไม่ทำงาน...แต่สำคัญที่ว่าจิตนี้สบายนะ..(ว่าก็นี่ก็ยังดีนะ ตายตอนนั้นก็ไปพรหมโลกเลย...ดีนะ...ก็ยังถือว่าทรงอยู่ในความดี)

    ได้กัลญาณมิตรบอกให้ถอนนี่เลยรู้จากวันนั้นถึงวันนี้นะ เข้าใจดีเลย ไอ่คำว่า ฌานค้าง นี่มันเป็นอย่างไร....

    ดีแล้วนะน้อง ทำได้แล้วนี่มันดีนะ...คือมันจะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร....อีกหน่อยจะได้รู้จักชัดแจ้ง...และจะได้ทำให้ได้ดีๆในกาลต่อไป....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  14. GoingMarry

    GoingMarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +124
    เอ่อ...มันอาการเดียวกับทำสมาธิก่อนนอน พอนอนแล้วรู้สึกว่าไม่หลับป่ะครับ ทั้งคืนเรยยย
     
  15. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ทำสมาธิก่อนนอน แล้วหลับไป พอตื่นขึ้นมายังรู้สึกตัวเบา
    เป็นฌานค้างหรือไม่

    เราอาจคิดว่าสมาธิเกิดจากการนั่งหลับตา พอออกจากสมาธิก็สลัดอารมณ์ต่างๆ ให้คืนกลับมาเหมือนความรู้สึกทั่วไป

    ที่จริง ในอิริยาบถเดิน ก็สามารถทำสมาธิได้ และหากได้สมาธิจะมั่นคงกว่าการนั่งมาก เพราะอายตนะที่เปิดอยู่ทั้งตาหูจมูก หากกำหนดจนได้สมาธิแสดงว่าจิตมั่นคงและสะเทือนน้อยลง
    สมาธิจากการเดินหรือในอิริยาบถทั่วไปจึงมั่นคงมาก จะต้องมีการกำหนดได้ดีควบคุมจิตได้ดี สภาวะนี้ อาจมีอาการตัวเบาจิตใจมีพลัง คล้ายกำลังนั่งทำสมาธิอยู่

    หรือคนที่ชำนาญ จะเข้าออกสมาธิทำได้ดังใจ อย่างที่คุณภานุเดชบอก คือออกจากอรูปเข้ารูปฌานและออกจากฌาน432 ลงมา

    โดยลักษณะที่ยังทรงฌานอยู่นี้ จะว่าค้างก็รู้สึกแปลก หรือเป็นเพราะรู้สึกทำอะไรไม่ได้ดังใจอย่างปกติ คือรู้สึกในภาวะนั้นรู้สึกสมาธิข่มไว้ เพราะในสภาวะนั้นจะว่าสติอ่อนไปกว่าสมาธิก็มี ทำให้เหมือนเคลื่อนไหวช้าถูกสมาธิข่มไว้ แต่ถ้ามีสติดี สมาธิก็สูงสติก็มีกำลังดีแม้จะอ่อนไปบ้าง ก็เคลื่อนไหวแบบได้ดังใจอยู่ นอกจากสติจะอ่อนไปมาก (ในสมาธิหากสติอ่อนลงไปแรงสมาธิจะข่มให้หยุดคิดหรือเคลื่อนไหวช้าลง แต่ไม่ได้หมายถึงไม่มีสติ สติสูงแต่สติอ่อนกว่าแรงสมาธิ แต่ถ้าขาดสติลงไปในสมาบัติแปดก็จะดับขันธ์แบบข่มไว้ไม่รับรู้ภายนอก)

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    อาการที่ว่า คนละอย่างกับอาการ ฌานค้างครับ

    อาการที่ว่า ถ้ามันเป็นเหมือนกับว่า เหมือนไม่ง่วงเหมือนมีแต่ความคิด แต่ว่าเรารู้อยู่ ไม่เดือดร้อนกับความคิด

    แต่จะเกิดอาการที่ว่า อยากจะนอนมากกว่า เลยเกิดการไม่ชอบใจในความคิดที่เกิดขึ้นเลยดูเหมือนจะฟุ้ง

    แต่ถ้าหาก เราใช้ความคิดๆที่เกิดนั้นมา ตามรู้ ตามดูเรื่อยๆ
    โดยทำความรู้สึกไปว่า มันจะคิดไปถึงไหนเราจะนอนดูความคิดนั้นไปเรื่อยๆ

    อย่างนี้จะทำให้กำลังสติมีกำลังขึ้นได้เร็ว
    ขอให้ชำนาญ และอาศัยโอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
    จะทำให้ก้าวหน้าได้เร็ว



    ส่วนสำหรับ อาการที่ฌานสลัดไม่หลุดนั้น มันเป็นอุเบกขาที่ติดมา
    แล้ว สลัดไม่หลุด หากเป็นแบบนี้บ่อยๆ

    อาการ ปวดท้ายทอยจะเริ่มเกิด
    และเวลาที่เพียง เราเพ่งอะไรมองอะไรซักอย่าง
    ก็จะรู้สึกเหมือนมันวูบผลุบเข้าไปได้เร็ว
    และหากเกิดเปลี่ยนอิริยาบทหรือ หันซ้ายขวา ก้มหัว
    จะปวดท้ายทอยคล้ายๆอาการเส้นมันตึง
    เป็นอย่างนี้บ่อยๆไม่ดี
    มันจะสะสมการทำโมหะ สมาธิไปเรื่อยๆ

    มักจะเกิดกับผู้ที่ ทำด้วยการเพ่งมากๆ หรือ มักอยู่ในอิริยบทเดียวมากๆ

    และฌานที่ว่าฌานค้างนี้ ไม่ได้เรียกฌานที่มีชื่อว่า
    ลักขณูปนิชฌาน ลักขณูปนิชฌาน จะไม่มีค้าง
    เกิดเมื่อไรเป็นประโยชน์มหาศาล บังคับให้เกิดไม่ได้ ได้แต่ทำเหตุใกล้ไว้เนืองๆ

    แต่ถ้าเป็นฌานที่เรียกว่า อารัมมนูปนิชฌาน

    การทำอารัมมนูปนิชฌาน ต้อง มีที่วิเวกจะเจริญได้เร็วเป็นฐาน
    และอาการที่ฌานในอารัมมนูปนิชฌานค้าง ก็จะแก้ ด้วยการ ฝึกฝน ทำบ่อยๆ

    และก็ หันมา คอยมองใจตัวเองบ่อยๆในแต่ละอารมณ์ ซึ่งจะต้องทำอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว
     
  17. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    " ฝึกฝน " นี่ฝนอะไรครับ ฝนเข็ม หรือฝนอะไร อธิบายหน่อย




    " หันมา" นี่อะไรครับ หันซ้าย หันขวาหรอครับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปวดคอ
    " มองใจ " นี่อะไรครับ มองใจมันก็ต้องก้มคอมองไม่ใช่หรอครับ มันเห็นแต่หน้าอก
    มีทำอย่างยิ่งยวดด้วย มันเป็งไงครับ " ยิ่งยวด "
    แล้ว "เลยทีเดียว" มันเป็นยังไงครับ ทำไมต้องเลยทีเดียว

    ผมงง ให้มองใจเลยทีเดียว หมายถึงให้มองเลยใจไปทีเดียวพอหรอครับ
    สองที สามทีไม่ได้ใช่ไหมครับ

    งงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  18. GoingMarry

    GoingMarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +124
    ใช่เลยคับ ค่อยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย ขอบคุณมากๆๆค้าบ
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ฝึกฝนเช่นว่า เราขึ้นกรรมฐาน จากอะไร ที่ทำ ให้รู้สึกอย่างนั้น

    ก็ให้ทำกรรมฐานนั้น บ่อยๆ

    คำว่า ฝึกฝน ผมจึงใช้ มาอธิบายในการฝึกกรรมฐานนั้นๆ



    ที่นี่ ถ้าเข้าใจ คำว่า บ่อยๆ มันไม่ได้นับครั้ง แต่เพียงว่า
    เราทำด้วยกรรมฐานนั้นและ
    และในระหว่างทำกรรมฐานั้น มีอะไรทำให้ ใจเกิดความกระเพื่อม
    ก็ให้หันมามองใจตัวเอง บ่อยๆ เท่านี้เอง

    และคำว่า บ่อยๆ จะเป็นคำตอบให้เอง เมื่อรู้จักคำว่าบ่อยๆ
     
  20. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    แล้วใจกระเพื่อมมันเป็นยังไงครับ

    ถ้าหมายถึงหัวใจ มันก็เต้นเป็นปกติอยู่แล้วนี่ครับ เป็นไปตามจังหวะหัวใจเต้น

    ส่วนมองใจบ่อยๆ หมายถึง ดูหัวใจทุกครั้งที่มันเต้นหรอครับ มิหน้าถึงปวดคอบ่อยๆ หุหุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...