คนป่วยโรคจิตแก้กรรมได้หรือไม่

อยากทราบว่าผู้ป่วยโรคจิต เคยทำกรรมอะไรไว้ และเค้าจะสามารถปฏิบัติวิปัสสนาแก้กรรมได้หรือไม่ ในเมื่อเขาไม่มีสติสัมปชั__ะ เราจะสามารถช่วยปฏิบัติวิปัสสนาและแก้กรรมแทนเขาได้หรือไม่

เพราะผู้ป่วยคนนั้นคือพี่สาวดิฉันเอง

 

ใครว่าผู้ป่วยโรคจิตไม่มีสติครับ
มีครับ...
แต่มีแบบคนที่เป็นโรคจิต....ได้แค่นั้น...มีแค่นั้น
วิปัสสนาไม่สามารถแก้กรรมได้...
และไม่มีใครสามารถจะไปช่วยรับกรรมแทนคนอื่นได้..ไม่มีได้อย่างแน่นอนครับ
คุณจำคำที่ผมบอกเอาไว้เลยนะครับว่า....ไม่มีวิชาใดๆ หรือศาสตร์ใดๆ สามารถ "แก้กรรม" ได้
ไม่มีครับ....
วิปัสสนาไม่สามารถแก้กรรมได้...
แต่ "หนีกรรม" ได้
คุณไม่ได้บอกว่าโรคจิตที่พี่สาวคุณเป็นนั้น...อาการเป็นอย่างไร ?
เลยตอบไม่ได้ว่าจะใช้วิธีไหนช่วยให้ดีขึ้น

 

ให้คุณหมอรักษาให้หายก่อนค่ะ โดยจิตแพทย์หรือลองรักษาด้วย
วิธีสะกดจิต (น่าสนใจมาก) ปรึกษาแพทย์หรือผู้รู้ผู้เชี่ยวชา_ทางด้านวิชาสะกดจิตจะช่วยให้ดีขึ้น เมื่ออาการดีขึ้นแล้วหาผู้รู้ช่วยสอนกรรมฐานได้ค่ะค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่คงไม่ใช่แก้ไขกรรมเก่า แต่ช่วยเสริมเพิ่มคุณงามความดีเติมเข้าไป เพิ่มน้ำหนักบุ_ กรรมเก่าที่ไม่ดีก็อ่อนลงถ้าความดีที่ทำใหม่มีพลังเพียงพอ

 

เรียน ตอบปัญหาเกี่ยวกับ โรคจิต โดยอาศัยความรุ้เท่าที่มีตามกำลังนะครับ(โดยจะอาศัยเอกสารทั้งทางโลกและทางธรรม(ทั้งจากพระอริยเจ้าและพระบาลี)มาช่วยอ้างอิงนะครับ....จะไม่ใช้วิปัสนึกเอาเองมาตอบครับผม
1.ในทางการแพทย์
จะต้องหาวินิจฉัยให้ได้ก่อนว่า ผุ้ป่วยที่กล่าวถึงนั้นเป็นโรคอะไรกันแน่ คำว่า โรคจิต ในทางการแพทย์นั้นหมายถึงโรค หรือภาวะ Psychosis ทั้งสิ้น ซึ่งจะมีองค์ประกอบคร่าวๆดังนี้
- มีความคิดที่ไม่อยู่ในความเป็นจริงของคนทั่วไป(out of reality)เป็นกัน อาทิ คิดว่าตนเองเป็นพระศรีอารยเมตรัย มาจุติ (Grandiosity type) คือมีความ หลงผิด (delusion) คิดว่าการกินอวัยวะภายในของมนุษย์เป็นของดี เป็นต้น
- มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน (behavioral change)
- ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นบ้า (No insight)
อันนี้เป้นข้อหลักๆ ของ อาการโรค จิต
แต่ในความหมายของคนทั่วไป มักใช้คำว่า โรคจิต ในลักษณะที่หมายรวมๆ เอาเกือบทุกเรื่อง เช่น อาการซึมเศร้า ก็เหมาว่าเป็นโรคจิต ดังนั้นอยากทราบว่าอาการที่พี่คุณเป็นเป็นกลุ่มไหน หรือได้ รับการวินิจฉัยว่าอะไรครับ
2.อาการหรือภาวะ โรคจิต (psychosis) กลุ่มโรคที่จัดเป้นกลุ่มโรคจิตมีอะไรบ้างดังนี้
2.1จิตเภท(schizophrenia)
2.2หลงผิด (delusion)
2.3จิตในกลุ่มอารมณ์แปรปรวน (mood disorder: mania ,hypomania)
2.4จิตจาก ยากลุ่มออกฤทธิ์ทางระบบประสาท เช่น แอมเฟตามีน
2.5โรคจิตเฉียบพลัน(acutepsychosis) กลุ่มนี้มักมีสาเหตุแต่งต่างกันและพยากรณ์โลกดีสุด
3.สำหรับ การรักษา ที่มีอยู่ในปัจจุบันทางการแพทย์มีหลายอย่าง เท่าที่ทราบและเคยเจอมานั้น ยังไม่ทำให้หายขาดได้ในภาวะของ โรคจิตที่อยู่ในกลุ่ม จิตเภท และกลุ่มหลงผิด แต่อาการจะดีขึ้นเป็นปกติและอาจจะเป็นใหม่ได้ดังนั้นถ้าทางการแพทย์จะแนะนำว่า..............อย่านั่งสมาธิ อย่าอยู่คนเดียว และคิดอะไรไปคนเดียว ซึ่งตรงนี้ ผมเอง (แพทย์เหมือนกันแต่ไม่ใช่ จิตแพทย์นั้นยังไม่ขออกความเห็น)
4.ในทางพุทธศาสนา (โรคจิต ในทางพระศาสนานั้นไม่ได้หมายถึงโรค จิตเดียวกับทางการแพทย์ดังนี้)โรคจิตในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง กิเลส หรือ ตัวประกอบทางจิตต่างๆ ที่มาทำให้จิตเสียคุณภาพ และเสียสุขภาพ ทำใจให้เศร้าหมอง บางทีก็เรียกว่า อาสวะ แปลว่า สิ่งที่หมักหมมทับถมอยู่ในใจ บางครั้งก็เรียก อนุสัย แปลว่า สิ่งที่เกาะจับจิตใจ โรคจิตตัวที่ละเอียดที่สุด เรียกว่า อวิชชา คือ ความโง่ ความไม่รู้ความจริง ไม่รู้ในอริยสัจ 4 ประการ คือ ทุกข์ สมุหทัย นิโรธ และ มรรค
คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา จำแนกโรคจิตไว้อย่างละเอียดถึง 1608 ชนิด เช่น ตัณหา ความอยาก อุปาทาน ความยึดถือ โลภะ ความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง เป็นต้น
การแบ่งประเภทของคนตามโรคจิต

พระพุทธศาสนา จัดประเภทตามขนาดโรคจิตเป็นชั้นๆ คือ

1. อันธพาลชน คือ คนที่มีปริมาณของโรคที่เข้มข้นมาก มีพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อสังคม

2. พาลชน คือ คนที่มีปริมาณของโรคเข้มข้นปานกลาง

3. ปุถุชน คือ พวกที่มีทั้งคุณและโทษต่อสังคม

4. กัลยาณชน คือ พวกที่มีคุณมากกว่าโทษ

5. อริยชน ขั้นโสดาบัน คือ บุคคลที่ละโรคจิตได้เด็ดขาด ร้อยละ 25

6. อริยชน ขั้นสกิทาคามี ละขาดได้ ร้อยละ 50

7. อริยชน ขั้นอนาคามี ละขาดได้ ร้อยละ 75

8. อริยชน ขั้นอรหันต์ ละขาดได้เต็มร้อย คือ ไม่มีโรคจิตเหลืออยู่อีกเลย
แต่ข้างต้นทั้งหมดคงไม่ได้ตรงกับประเด็นที่ถาามต้องขอโทษด้วยนะครับผม
5.พุทธวิธี กรรมฐาน ในการรักษา โรคจิต (ใช้คำว่าโรคของกรรมจะเหมาะสมกว่านั้น คนสติผิดปกติ เรียกว่า คนสติวิปลาส , คนจริตผิดปกติ เรียกว่า คนวิกลจริต )
ถ้าอยู่ในระยะของโรคที่แอคทีฟ คือ ยังมีอาการหลงผิด หูแว่ว ประสาทหลอน อยู่ ยังไม่ควรทำ หรือจะทำกรรมฐานจริงๆ ขอให้อยู่ภายใต้ดูแลของผู้ที่มี วิชชา3 วิชชา8 โดยแท้นะครับ ไม่งั้นเสร็จแน่

 

รักษาไปตามวิถีทางแต่ปล่อยให้กรรมทำงานต่อไปและพยายามสร้างบุญทำกุศล จะด้วยตนเองหรือญาติมิตรแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรแทนตัวผู้ป่วย คงพอช่วยได้นิดหน่อย

 

ยังมีวิธี

จำประโยคนี้ไว้ให้ดีนะครับ

(เหนืออิทธิวิธีคือวิบากกรรมแต่เหนือวิบากกรรมคือการอธิษฐานจิต)

แต่ผู้ที่ปิดกั้นกระแสแห่งกรรมย่อมจะถูกกระแสนั้นมากระทบเสมอ

ลองดูเองครับ

 

ผมไม่ขอโพสแสดงความคิดเห็นน่ะครับ เพราะบอกตรงๆ ว่าครูบาอาจารย์ ท่านอาจจะพอช่วยได้
ส่วนตัวกระผมเอง แค่ตัวเองยัง ไม่รอดเลยครับ

------------------------------------------------------

ลองติดต่อ ไปที่วัดท่ากระบือ อยุ่ติดแม่น้ำท่าจีน จ.สมุทรสาคร ( ช่วงก่อนถึง สามพราน อยุ่ในซอยวัดเทียนดัด )

ที่วัด มีพระหนุ่มอยุ่รูปนึง ชื่อหลวงพ่ออุเทน สิริสาโร
ท่านเมตตามากและบารมีท่านสูงส่งมาก ท่านอาจจะพอช่วยได้ครับ

ยังไงลองติดต่อไปดูน่ะครับ
นี่เบอร์โทรที่วัดครับ 034-449-514

 

ถ้า ไม่ ถึง ขั้น บ้า ก็ พอ จะมี วิธี

 

อันนี้น่าจะอยู่ที่ผู้สอนมากกว่าครับ ถ้าเราสอนเขาให้เบื่อขันธ์ห้าได้ ทำให้เขาไม่อยากเกิดอีกได้ ก็มีโอกาสบรรลุธรรมได้ครับ ในพระสูตรก็เคยมีบอกไว้นะครับ ว่าพระพุทธเจ้าเคยเทศนาโปรดหญิงเสียสติ จนบรรลุธรรม

ฤทธิ์ไม่สู้บุญ แต่บุญไม่สู้กรรม

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยป่วยโรคจิตแบบหลงผิดนะคะแต่ดีขึ้นมากแล้วเกือบปกตินะคะแต่ต้องทานยาอยู่ เพิ่งได้มาอ่านกระทู้นี้ไม่ทราบว่าหายหรือยังถ้ายังไม่หายเป็นกำลังใจให้นะคะ แต่ถ้าหายพอที่จะพูดคุยรู้เรื่องเวลาทุกครั้งที่ผู้ป่วยทำบุญให้ผู้ป่วยอฐิฐานอโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ป่วยเป็นโรคนี้ทั้งหมดของการทำบุญ ขอให้จบกันในชาตินี้อย่าได้ติดตัวไปในชาติหน้าอีกเลย มีคนแนะนำมานะคะ

 

คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา จำแนกโรคจิตไว้อย่างละเอียดถึง 1608 ชนิด เช่น ตัณหา ความอยาก อุปาทาน ความยึดถือ โลภะ ความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง เป็นต้น

ถ้าเป็นเช่นนั้น หมายความว่ามนุษย์ทุกคนเป็นโรคจิต เราเกิดเพราะมีอวิชชาและตัณหา มนุษย์ที่ไม่มีตัณหาไม่ใช่มนุษย์ เพราะตัณหา(ดีมาน)จึงทำให้โลกและมนุษย์สัตว์ เคลื่อนที่ไปไม่หยุดนิ่ง แต่คนที่เป็นบ้าวิกลจริตจิตวิปลาส เพราะมีความไม่รู้ จึงติดยึดตัณหาอุปทานมากเกินไปสูงเกินไป เมื่อไม่ได้เสพสมใจจึงเศร้าเสียใจจนเพี้ยนไป..
จงอยู่กับความจริง เพราะทุกสิ่งคือภาพลวงตาที่สุดแสนงดงาม...
จงรักตนเองให้เป็นก่อนรักผู้อื่น มิเช่นนั้นเราจะถูกทอดทิ้ง จากผู้อื่นและตัวเราเอง...

 

ใครๆใครก็บอกว่าเป็นกรรมของเขาหรือ อันนี้น่าคิด แต่หากเรามามองดูที่นายเวรที่เขาจองเวรเรามาไม่รู้กีชาติแล้ว คนเราเกิดมาหลายแสนล้านปีแล้วครับ (สมมติประมาณว่าผมนี้เกิดมาแล้ว 350,000 ล้านปีแล้วแต่ไม่รู้ว่ากี่ชาติแล้ว ตั้งแต่สมัยสมเด็จองค์ปฐมต้น อย่างนี้เป็นต้น) บางคน 10,000 ปี บางคน 1,000 ปี เช่นนี้ เกิดทุกชาติทำกรรมทุกชาติ ผู้ถูกกระทำทนไม่ได้ก็กล่าววาจาดังหรือในใจ ว่า จะขอจองกรรมจองเวรต่อ...ตลอดทุกชาติไป เป็นต้น ดังนั้นคนเราจึงมีเจ้ากรรมนายเวรมาตลอด แต่เราไม่ได้ปฏิบัติจนสามารถรู้ได้ว่าอดีตชาติเราเป็นใคร ทำกรรมใดไว้บ้าง จึงไม่ยอมหาทางหนีกรรม มีแต่จะผูกพันธนาการมันไว้กับตนเองตลอด มีแต่พระอริยสงฆ์เจ้าเท่านั้นที่เข้าสู่นิพพานแล้วหลุดพ้นจากกรรม ปัจจุบัน มนุษย์ไม่สามารถปฏิบัติและถอดนายเวรได้จึงไม่รู้วิธีการ ครั้นมีผู้อื่นสามรถปฏิบัติจนสามารถถอดนายเวรได้ ก็หาว่าบ้า และหรือกล่าวว่าไม่มีใครทำได้ดอกโดยเอาความคิดตนเองเป็นหลัก แล้วบอกผู้คนว่า บ้า ใครทำได้ก็บ้าแล้วหรือไม่ก็ ไม่มีใครทำได้ แต่ผมได้ถอดนายเวรออกจากตัวแล้ว ทุกวันผม มีสบายใจ กาย ดูไม่วุ่นวายเหมือนเมื่อก่อนที่ผมจะถอดนายเวร เมื่อก่อนนั้นผมวุ่นวาย เดือดร้อนในทุก ๆ เรื่องปัจจุบัน ทุกอย่างเริ่งผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
ข้อความนี้ขอได้โปรดใช้วิจารณาญาณ หากรู้ไม่จริง อย่ากล่าวคำปรามาสผู้ที่เขาสามารถปฏิบัติได้ เดี๋ยวจะลงอเวจี ครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ฝึก สติ ครับ

ให้มี สติ อยู่ตลอดเวลา ทุกลมหายใจ

ทำทาน

รักษาศีล

ภาวนา

ทั้ง 3 อย่างอย่าให้ขาดครับ

แล้วอุทิศ บุญ กุศล ให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกวัน

ป่วยโรคจิต เพราะมีกรรมมา

จะแก้ ก็ต้องไปแก้ที่ จิต ครับ

กฏแห่งกรรม ก่ออะไร สร้างอะไรไว้ ก็ส่งมาให้แบบนั้นละครับ

ถ้ามี สายบุญ สายกรรม สร้างร่วมกัน มา เป็น ญาิติ พี่ น้อง พ่อ แม่ กันมา

ช่วยเหลือกันได้ครับ

สายบุญ สายกรรม ทำกันมา สร้างกันมา ช่วยกันได้หมดละครับ