ข่าว(ไทยรัฐ)เตือนอย่ายึดติดนิมิต

เตือนอย่ายึดติดนิมิต(นสพ.ไทยรัฐ)<!-- google_ad_section_end -->
หลังจากที่ไทยรัฐนำเสนอข่าวกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรม และเชื่อว่าประเทศไทยจะประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงจากกลุ่ม(พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ) ต่อมาเมื่อวันที่16ก.ค ผู้สือ่ข่าวได้รับการเปิดเผยจาก(พระเทพวิสุทธิกวี วัดราชาธิวาส เลขาธิการศูนย์พิทักย์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย) ถึงเรื่องนี้ว่า ทราบข่าวมีการนั่งสมาธิและเห็นนิมิตลักษณะนี้จำนวนมาก แต่ทุกวันนี้การสื่อสารกว้างขวางขึ้นเพราะมีอินเตอร์เน็ต ทำให้แนวคิดนี้กระจายออกไปเร็ว มองว่าในแง่ของสงฆ์ หากปฎิบัติสมาธิ เมื่อเห้นนิมิตแล้วนำมาถ่ายทอด อาจมองว่าเป็นการอวดอุตริมนุสธรรมได้ อยู่ที่ว่าจะมาพูดเพื่อให้คนกลัวหรือหาผลประโยขน์อะไรหรือไม่ ในส่วนนักสมาธิฆราวาส มีหลายคนนำนิมิตออกมาทำนายเรื่องภัยพิบัติใหญ่บ่อยๆ ถึงเวลาก็ไม่เกิดขึ้นจริง พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่ให้เรายึดติดกับการทำสมาธิและให้ข้ามไปสู้การวิปัสสนาให้เห็นอนิจจังทุกขังที่ชัดเจน จึงขอให้ผู้ที่นั่งสมาธิแล้วเห้นเรื่องเหล่านี้กลับมาบำเพ็ญภวานา หรือปฏิบัติไปให้สูงขึ้น ดีกว่ามายึดติดเรื่องนี้จะทำให้คนตื่นกลัวตามไปด้วยซึ่งหากเกิดอะไรขึ้นในโลก ทำหลุมหลบภัยไว้ก็คงไม่รอด ส่วนเรื่องที่นำเสนอให้วัดเตรียมเป็นสถานที่รองรับคนเวลาที่เกิดภัยพิบัติ ก็มองว่าวัดทุกแห่งทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว

 

นี่เป็นข่าวของวันนี้ค่ะนำมาให้อ่าน ก็อยากให้ใช้"สติ"ในการอ่าน อย่าได้ถือโทษโกรธกันนะค่ะ เพราะทราบมาว่าทุกๆท่านในนี้(ส่วนใหญ่)ต่างก็เป็นนัก(ปฏิบัติธรรม)ขั้นสูง"มีใจเป็นทิพย์-มีตาเป็นทิพย์" เชื่อว่าต้องเป็นผู้ไกลจากความโกรธ มีจิตใจที่เยือกเย็นตามวิสัยของนัก(ปฏิบัติกรรมฐาน)ทั้งหลาย ขอบคุณค่ะ

 

ขอขอบพระคุณ(นสพ.ไทยรัฐ)ค่ะ

 

ขอบคุณด้วยครับแมวกับไทยรัฐด้วยครับ

 

น่าจะนำเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐทั้งหมดมาให้ครบถ้วนด้วย
เท่าที่อ่านมาก็มีสาระและประโยชน์มิใช่น้อย(มีสถานที่หลบภัย(ถ้ามี)
และ(ถ้าไม่มี)ก็ใช้เป็นที่ปฏิบีติธรรมได้)

 

เนื้อความจากข่าวทั้งหมดเลยค่ะ คุณมาลีขอบคุณค่ะ

 

เมื่อ 2-3เดือนที่ผ่านมา

ได้รับธรรมะจาก พระอจ.บุญมี วัดถ้ำเต่า อุดรฯ ท่านเมตตา เทศน์ว่า.......


ภัยพิบัติทั้งหลายนั้น ไม่น่ากลัวยิ่งกว่า

ภัยจากวัฎสงสาร...ที่เราต้องเวียนว่ายตายเกิด...


จึงควรเร่งภาวนาดีกว่า...สนใจ เรื่อง ภัยพิบัติ...

.<!-- google_ad_section_end -->

 

สุดยอดที่สุดค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

อย่าไปสนใจเลยครับ ถ้ามันจะร้ายแรงขนาดตามที่หลายๆคนบอก ก้อรอเวลาที่จะเกิดขึ้นแล้วกันครับ อย่ามัวแต่วิตกไปเลย ทำมาหากินตามปกติไปเถอะ..คิดไปคิดมา ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวอะไรหรอกครับ ถ้ามีจริงตอนนั้นเราอาจเป็นคนแรกๆที่ตายไปก่อนก้อได้ บางที ข้าวของที่เตรียมไว้อาจยังไม่ทันได้ใช้สักอย่าง...

 

อ่านหมดแล้ว ครับ

ตัวใครตัวมัน ใครอยากจะเชื่ออะไรก็เชื่อกันไป
แต่ถ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นแล้ว ก็รับผลกรรมแห่งการตัดสินใจของตัวเองไปด้วย

อย่ามาโทษกันว่า "ไม่ได้เตือน"

 

เยี่ยมครับ.

 

ทุกๆคนกลัวตายกันทั้งนั้น.ไม่มีใครไม่กลัวตาย ยกเว้น(พระอรหันต์) เชื่อวาถึงเวลาจริงๆสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดของทุกๆคนย่อมมี คงไม่ต้องให้ใครต่อใครมาเตือนหลอกค่ะ บางที คนเตือนเองอาจจะตายก่อนก็ได้นะคะ หมายถึงป่วยตายหรือพบอุบัติเหตอะค่ะ สวัสดีค่ะ

 

หากมองในแง่ดีแล้วการรวมตัวเพื่อนั่งสมาธิ หรือ รวมตัวเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในแบบที่ตนเองเชื่อ โดยที่ไม่ไปเบียดเบียนใคร แค่นี้ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้วค่ะ ส่วนจะเป็นสร้างกระแสให้ผู้อื่นกลัวตามหรือเปล่านั้น ก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่เสพข้อมูลว่าจะรับข้อมูลไปพิจารณาแล้วเลือกเอาแนวทางที่ดี ที่ไม่ประมาทไปเตรียมตัว หรือรับข้อมูลแล้ว กลัวอย่างเดียว ก็ต้องขึ้นอยู่กับ สติ และ ปัญญา ของแต่ละบุคคล

 

ถ้าสิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องดี คนส่วนใหญ่ก็คงจะเห็นด้วยนะคะ... คงไม่เป็น(ประเด็น)แบบนี้แน่ๆค่ะ แม้แต่"ท่านเจ้าคุณเทพพระเถระผู้ใหญ่"ท่านยังออกมาเตือน นี่คุณยังคิดว่าเป็นเรื่อง(ปกติ)อีกหรือคะ?

 

สาธุๆ กระผมตาสว่างแล้ว

 

ง่ะ ผมมีความเชื่อนะ มันกระตุ้นต่อมขี้เกียจได้ดีอ่ะ ทำให้เรากลัว แล้วเราจึงเร่งในการฝึกจิตอ่ะ เอามาเป็นเครื่องเตือนใจว่า อย่าประมาทได้ดีเลย งุงิ

 

หนังสือพิมเค้าจั่วหัวแบบนี้เลยค่ะพี่ตั้ม.....

เตือนอย่ายึดติดนิมิต(นสพ.ไทยรัฐ)<!-- google_ad_section_end -->

 

จริงๆที่โพสต์ไปก็ถูกต้องสมบูรณ์ดีแล้ว นะครับ...ว่า

ตัวใครตัวมัน ใครอยากเชื่อย่างไรก็เชื่อกันไป ไม่ได้บังคับให้ใครมาเชื่อ

ส่วนตัวก็รู้มาในระดับหนึ่งซึ่งคงไม่ต้องไปป่าวประกาศว่ารู้มาจากใคร
เรื่องกลัวตาย เดี๋ยวนี้เฉยๆ เพราะผ่านสภาวะเหล่านั้นมามากแล้วในชีวิต

เสียดายแต่โอกาสที่เกิดมาในร่มพระพุทธศาสนา แต่ฌานบารมียังไม่แก่กล้าเป็นที่น่าพอใจ จึงขอมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อบำเพ็ญในระดับที่สูงขึ้นไปเท่าที่ยังมีลมหายใจ

จริงอยู่ทุกคนมีสัญชาติญานเอาตัวรอดกันทั้งนั้น......แต่ถามว่า
ถ้าภัยพิบัติมา จะรอดแบบสง่างามหรือจะรอดแบบรุ่งริ่ง

คำตอบคงเห็นมาเมื่อเร็วๆนี้ ที่ฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่นแล้ว นะครับ

ทีนี้ลองมาดูประเทศรอบๆตัวเราว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ยกตัวอย่างน้ำท่วมประเทศจีนเมื่อเดือนก่อน คนเดือดร้อนกันเป็นล้าน

ถ้าเราไม่มีแผนการป้องกันหรือสร้างที่พักสำรองไว้ล่วงหน้า
วันหนึ่งเวลานั้นมาถึงเราบ้าง จะเป็นอย่างไร เพราะภัยพิบัติไม่มีการเตือนล่วงหน้า

"ผู้ที่ยังประมาทอยู่ คือ ผู้ที่ตายไปแล้ว"

 

อนุโมทนาครับ
นี่แหละครับ คือปัญญา..ที่จะนำพาให้หลุดพ้น