เดินจงกรม เห็นเทพนิมิตร เป็นพระพุทธเจ้า และ ในหลวง เป็นเพราะอะไรค่ะ

สวัสดีค่ะเรียนถามท่านผู้รู้ค่ะว่า

วันนี้ ได้เดินจงกรมเห็นเทพนิมิตรเป็นพระพุทธเจ้า และสักพักเป็นในหลวง เป็นเพราะอะไรค่ะ

ขอบคุณค่ะ

 

เป็นเพราะสติอ่อนค่ะ...เกิดภาพนิมิต แล้วกำหนดเห็นหนอไม่ทันอ่ะค่ะ

(ปล.ในหลวงของเรา พระองค์ท่านกำลังสั่งสมบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตกาลค่ะ)

 

ขอบคุณค่ะ

 

เดินจงกรมแล้วเห็นภาพพระและในหลวง เป็นมงคลยิ่งแล้วครับ

 

ใจเย็นๆ..อย่าเพิ่งตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็น.ได้พบ.ให้เงียบๆก่อน(ครั้งต่อไปนะครับ).ไม่งั้นจะโดนปิดการมองเห็นและการรับรู้เรื่องภพภูมิอีกหลายๆเรื่อง..
อนุโมทนาสาธุครับ..และเป็นกำลังใจสำหรับการปฎิบัติในครั้งต่อไปให้นะครับ...

 

ขอบพระคุณสำหรับข้อแนะนำมากๆค่ะ

 

ทิ้งปัจจุบันอารมณ์คือสติอ่อนไป ตัวอย่างถมเถ

จงกรม

 

เป็นมงคลแล้ว ให้ตั้งใจปฏิบัติ จะได้ดีกว่านี้แน่นอน...โมทนาุบุุญ..

 

<TABLE border=1 width="22%" align=center><TBODY><TR><TD>นิมิตทำให้บ้า

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

มีเรื่องที่จะทำให้บ้าอีกเรื่องหนึ่งคือ นิมิต นิมิตคือภาพที่ปรากฏให้เห็นเพราะเมื่อกำลัง
สมาธิเข้าถึงระยะอุปจารสมาธินี้ จิตใจเริ่มสะอาดจากกิเลสเล็กน้อย เมื่อจิตเริ่มสะอาดจาก
กิเลสพอสมควรตามกำลังของ สมาธิที่กดกิเลสไว้ ยังไม่ใช่การตัดกิเลส อารมณ์ใจเริ่ม
เป็นทิพย์นิด ๆ หน่อย ๆ ยังไม่มีความเป็นทิพย์ทรงตัวพอที่จะเป็นทิพจักขุญาณได้ จิตที่สะอาด
เล็กน้อยนั้นจะเริ่มเห็นภาพนิด ๆ หน่อย ๆ ชั่วแว้บเดียวคล้ายแสงฟ้าแลบคือ ผ่านไปแว้บหนึ่งก็
หายไป ถ้าต้องการให้เกิดใหม่ก็ไม่เกิดเรียกร้องอ้อนวอนเท่าไรก็ไม่มาอีก ท่านนักปฏิบัติต้อง
เข้าใจตามนี้ว่าภาพอย่างนี้เป็นภาพที่ผ่านมาชั่วขณะจิตไม่สามารถบังคับภาพนั้นให้กลับมาอีก
ได้ หรือบังคับให้อยู่นานมาก ๆ ก็ไม่ได้เหมือนกัน
ภาพที่ปรากฏนี้จะทรงตัวอยู่นานหรือไม่นานอยู่ที่สมาธิของท่าน เมื่อภาพปรากฏ
ถ้ากำลังใจของท่านไม่ตกใจพลัดจากสมาธิ ภาพนั้นก็ทรงตัวอยู่นานเท่าที่สมาธิทรงตัวอยู่ ถ้า
เมื่อภาพปรากฏท่านตกใจ สมาธิก็พลัดตกจากอารมณ์ ภาพนั้นก็จะหายไป ส่วนใหญ่จะลืม
ความจริงไปว่า เมื่อภาพจะปรากฏนั้นเป็นอารมณ์สงัดไม่มีความต้องการอะไรจิตสงัดจากกิเลส
นิดหน่อยจึงเห็นภาพได้ ครั้นเมื่อภาพปรากฎแล้ว เกิดมีอารมณ์อยากเห็นต่อไปอีก อาการอยาก
เห็นนี้แหละเป็นอาการฟุ้งซ่านของจิต จิตตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลส จิตมีความสกปรกเพราะ
กิเลส อย่างนี้ต้องการเห็นเท่าไรก็ไม่เห็น เมื่อไม่เห็นตามความต้องการก็เกิดความกลุ้ม ยิ่งกลุ้ม
ความฟุ้งซ่านยิ่งเกิด เมื่อความปรารถนาไม่สมหวังในที่สุดก็เป็นโรคประสาท (บางราย
บ้าไปเลย) ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่เชื่อตามคำแนะนำของพระพุทธเจ้า ที่ทรงแนะนำไว้ว่าจงอย่า
มีอารมณ์อยากหรืออย่าให้ความอยากได้เข้าครอบงำบังคับบัญชาจิต

​

<TABLE border=1 width="37%" align=center><TBODY><TR><TD>เมื่อนิมิตเกิดขึ้นควรทำอย่างไร

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

คำว่า นิมิต มี ๒ ประเภทคือ นิมิตที่เราสร้างขึ้น กับ นิมิตที่ลอยมาเอง
๑. นิมิตที่เราสร้างขึ้น จะแนะนำในระยะต่อไป นิมิตประเภทนี้ต้องรักษาหรือควบคุม
ให้ทรงอยู่ เพราะเป็นนิมิตที่สร้างกำลังใจให้ทรงสมาธิได้นาน หรืออาจสร้างกำลังสมาธิให้ทรง
อยู่นานตามที่เราต้องการ
๒. นิมิตลอยมาเอง สำหรับนิมิตประเภทนี้ในที่บางแห่งท่านแนะนำว่า ควรปล่อยไปเลย
อย่าติดใจจำภาพนั้น หรือไม่สนใจเสียเลย เพราะเป็นนิมิตที่ไม่มีความแน่นอนถ้าขืนจำหรือจ้อง
ต้องการภาพ ภาพนั้นจะหายไป กำลังใจจะเสีย แต่บางท่านแนะนำว่าเมื่อนิมิตเกิดขึ้นจะปล่อยใจ
ให้เพลิดเพลินไปในนิมิตนั้นก็ได้ เพราะใจจะได้เป็นสุข จะมีความชุ่มชื่นในนิมิตนั้น เป็นเหตุให้
ทรงสมาธิได้ดี แต่จงอย่าหลงในนิมิตถ้านิมิตหายไปก็ปล่อยใจไปตามสบาย ไม่ติดใจในนิมิตนั้น
คงภาวนาไปตามปกติ
ทั้งสองประการนี้ ขอให้ท่านนักปฏิบัติเลือกเอาตามแต่อารมณ์ใจจะเป็นสุข แต่ขอเตือน
ไว้นิดหนึ่งว่าเมื่อนิมิตปรากฏขึ้น ถ้าปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับนิมิต ท่านอย่าลืมว่าเมื่อนิมิต
หายไปนั้นเพราะใจเราพลัดจากสมาธิ ให้เริ่มตั้งอารมณ์โดยจับลมหายใจและภาวนาไปใหม่
ไม่สนใจกับภาพนิมิตที่หายไปจงอย่าลืมว่านิมิตเกิดขึ้นมาเพราะจิตมีสมาธิ และเราไม่อยาก
เห็นจึงเป็นได้ และ นิมิตนั้นไม่ใช่ทิพจักขุญาณ เมื่อหายไปก็เชิญหายไปเราไม่สนใจกับ
นิมิตอีกเราจะรักษาอารมณ์ใจให้เป็นสุขจากคำภาวนาและรู้ลมหายใจต่อไป ถ้าความกระวน
กระวายเกิดขึ้นให้เลิกเสียทันที ​

**************************************************<O</O

เข้าศึกษาได้ตั่งแต่เริ่มต้น...ทั้งหมด....ได้ที่นี่....หนังสือเล่มนี้เนื้อหาเพียงพอสำหรับผู้ที่จะปฏิบัติด้วยตนเอง....รวบรวมวิธี...และอาการทางสมาธิ...ทั้งหมด....ควรศึกษาให้เข้าใจสัก 1 รอบ(ไม่ยาวนัก)แล้วปฏิบัติได้เลย....คำถามทางสมาธิส่วนใหญ่ที่ถามในบอร์ดมักอยู่ที่นี่.......


วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่ายๆ....โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( ฤาษีลิงดำ )...


http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=7​

<!-- google_ad_section_end -->

 

ช่วงนี้คนถามเรื่อง นิมิต เยอะนะครับ....

ก็ดีนะอย่างน้อยก็มีหลายท่านได้เข้าถึงความดีขั้นต้นของการปฏิบัติภาวนา ก็จะได้รู้จักสถาวะว่า อาการของ อุปจารสมาธิ นั้น มีอาการอย่างไร....

 

นิมิตที่ได้เห็นก็เพียงรับรู้ว่าเห็น อย่าได้ใส่ใจกับสิ่งที่ได้เห็น

การที่เรามีความคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และ ได้วางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อจิตเกิดอาการสงบนิ่งสิ่งที่ได้คิดไว้ก่อนก็จะเกิดให้เห็นเป็นนิมิต

คุณต้องลองทบทวนดูว่าเคยคิดถึงสิ่งที่คุณได้เห็นมาก่อนรึไม่

การเข้าถึงสมาธิเป็นการที่มีจิตใจตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่มีอารมณ์ไปกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

ผมมีสิ่งที่จะฝากไว้ให้คิดสักนิดครับ "ความไม่รู้ทำให้เกิดความคิด"

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

...ปกติแล้วเมื่อเกิดนิมิต จะไม่ค่อยสนใจค่ะ พอเลิกนั่งสมาธิแล้วก็ลืม เพราะรู้ตัวเองดีว่า สมาธิที่เรามีนั้น ยังทำให้เกิดนิมิตที่เชื่อถือไม่ค่อยได้ค่ะ ก็เลยไม่ค่อยสนใจ...

 

ช่าย ฟันธงครับ

 

ปรุงเเต่ง