Law of Attraction การควบคุมกฏแห่งแรงดึงดูดให้ทำงานให้เราอย่างมีประสิทธิภาพ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sarissa, 8 เมษายน 2011.

  1. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    เพิ่งตั้งกฏใหม่ให้ตัวเองว่า ปลื้มอะไรแล้วจะส่งต่อให้คนอื่น
    วันนี้เลยได้ส่งสตางค์ให้มูลนิธิผ่าตัดหัวใจเด็ก
    ให้น้องๆได้มีหัวใจที่แสนงามตลอดไปค่ะ
    ปล วันนี้ปลื้มคนอ่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2011
  2. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    A child has no trouble believing the unbelievable,
    nor does the genius or the madman.
    It's only you and I,
    with our big brains and our tiny hearts,
    who doubt and over think and hesitate.

    Don't think. Act.


    เด็กๆไม่มีปัญหาที่จะเชื่อในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
    อัจฉริยะหรือคนบ้าก็เช่นเดียวกัน
    มีแต่คุณกับฉันเท่านั้น
    ผู้มีสมองก้อนใหญ่ กับ หัวใจก้อนเล็ก
    ที่มักสงสัย คิดมาก และ ลังเล

    อย่า คิด
    จง ลงมือทำ


    from 'Do The Work'
    by Steven Pressfield
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2011
  3. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    ยินดีด้วยกับอาจารย์ไก่ค่ะ รู้สึกดื่มด่ำรับรู้ได้ไปกับพลังงานความรักทวีคูณ
    ระหว่างสายใยแห่งความรักที่เชื่อมโยง
    จากแม่สู่ลูก จากภรรยาสู่สามี จากรักสู่รัก
    ขอบคุณอาจารย์ไก่ที่เข้ามาแบ่งปันถึงการเปลี่ยนแปลงความคิด

    การเปลี่ยนแปลงความคิดเป็นกุญแจสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    แม้ว่าในช่วงเริ่มต้น
    เราอาจจะยังไม่สามารถสลัดภาพภาพอนาคตต่างๆที่กำลังเคลื่อนที่เข้าหาเราได้
    ภาพเหล่านั้นอาจจะขัดแย้งกับความรู้สึกขอบคุณ ความเบิกบานของเราในขณะนี้
    ปัญหายังคงเฝ้าวนเวียนถามเราว่า
    เราจะทำอย่างไร เราจะทำอะไรในขณะนี้เพื่อให้เราพ้นจากปัญหา
    จนกระทั่งเราหลงลืมความเบิกบานไปชั่วขณะอีกครั้งต่อไป

    ดิฉันขออนุญาตเล่าประสบการณ์ตนเองในช่วงหนึ่งนะคะ
    ตอนที่ดิฉันเริ่มตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างที่ชีวิตควรจะเป็น
    ดิฉันเบิกบาน รู้สึกมีความหวัง แต่ความกังวลลึกๆถึงปัญหายังคงตามมา
    มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิง
    คำถามวนเวียนในตอนนั้นคือ เอาละฉันจะทำอย่างไรต่อไป
    นี่ฉันกำลังหลอกตัวเองด้วยการสร้างความรู้สึกดีๆไปวันหรือเปล่า
    ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นจริงไหม พอไหมแค่รู้สึกดี

    ดิฉันขับรถไกลออกไปจากกรุงเทพฯ ในขณะที่วนเวียนหาคำตอบให้ตนเอง
    จู่ๆ ดิฉันก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ดิฉันเกือบเสียชีวิตด้วยความหลงตนเอง
    หรือความคิดโง่ๆบางอย่างที่คิดว่าตนเก่ง

    ทำไมไม่กลับไปอีกละ มันดูจะเป็นวิธีแก้ปัญหาได้
    แม้ดิฉันยังนึกกลัวเมื่อคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นก็ตาม มันเป็นความกลัวจับขั้วหัวใจ
    ที่ดิฉันไม่เคยออกปากบอกใคร เลือกที่จะไม่พูดถึงมันอีกเลย

    ดิฉันจึงตัดสินใจขับรถกลับไปที่นั่น จังหวัดกาญจนบุรี
    ผู้ชายคนนั้นเจ้าของแพที่เคยช่วยชีวิตดิฉันไว้ยังคงอยู่แล้วเขาก็จำดิฉันได้ด้วย
    คงจะไม่มีใครเหมือนดิฉันละมังที่กล้าทำอะไรแบบนั้น เขาจึงไม่ลืม

    เขาดูแปลกใจที่ดิฉันมาคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้ถาม
    หลังจากเปิดแพหลังเล็กให้ดิฉันแล้ว
    เขาก็เชิญทานข้าวด้วยกันเพราะไม่มีลูกค้าคนอื่น
    เรานั่งคุยกัน เขาเล่าให้ดิฉันฟังถึงประสบการณ์ชีวิตเขากับสายน้ำ
    ดิฉันบอกเขาว่าอยากกลับไปตรงที่เดิมที่เขาเคยช่วยไว้อีกแล้วไปแบบเดิมด้วย
    เขามีสีหน้าตกใจ เลยรีบบอกเขาไปว่าไม่ได้คิดมาฆ่าตัวตาย
    หากแต่มาถอดความยึดติดออกไป
    ดิฉันบอกเขาว่าดิฉันยังกลัวอยู่เมื่อนึกถึงวันนั้น
    จึงอยากมาละทิ้งมันด้วยการยอมรับมัน

    เขาเล่าว่ามีคนหลายคนตายที่นั่น แล้วเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้
    การช่วยคนที่กำลังถูกดูดจากน้ำวนทำได้เพียงตะโกนบอกเท่านั้น
    ถ้าคนคนนั้นทำไม่ได้ ก็คงได้แต่มองคนคนนั้นจมน้ำไปต่อหน้า
    น้ำวนที่แม่น้ำสายนี้มีหลายจุด ไม่ค่อยมีใครกล้าว่ายน้ำไปกลับถ้าไม่ชำนาญพอ
    หรือไม่ก็ต้องทนงและโง่พออย่างดิฉัน

    เช้าวันนั้น เราจึงไปว่ายน้ำด้วยกัน เขาให้ดิฉันว่ายตามเขาติดๆ
    แล้วเราก็มาถึงจุดน้ำวน ที่เคยเกือบจะดูดร่างดิฉันที่ว่ายเข้าไปแบบไม่รู้เรื่อง
    ดิฉันได้กลิ่นของกระแสน้ำที่รุนแรงและมีพลัง ดิฉันเริ่มกลัว
    นึกถึงภาพวันนั้นที่มีแต่ความกลัว นึกถึงพ่อแม่ที่จะไม่ได้เจอกัน
    เสียงชายเจ้าของแพตะโกนบอกเป็นระยะนำทางให้
    ทำให้มีสติ แล้วจากนั้น
    ดิฉันนึกถึงภาพที่พ่อแม่เคยโอบกอด นึกถึงภาพความสุขที่เคยมีมา
    เราจะกลับไปกอดพ่อแม่
    ดิฉันว่ายตัดข้ามน้ำวนตามที่เจ้าของแพบอกอย่างนุ่มนวล
    ราวกับว่ามีสิ่งบางอย่างคอยปกป้อง โอบล้อมดิฉันด้วยความรักและเรียบง่าย
    น้ำวนดูดช่วงปลายๆตอนที่จะตัดผ่านเท่านั้น
    นาทีนั้น ดิฉันสำนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังโอบอุ้ม
    และขอให้คุ้มครองทุกคนที่ผ่านสายน้ำนี้

    ความรู้สึกยึดติดกับปัญหาผ่อนคลายลงเมื่อดิฉันผ่านมันไป
    ดิฉันก้าวผ่านความกลัวที่เคยซ่อนไว้ในใจ
    สายน้ำเย็นฉ่ำ สายลมแผ่วเบาเรียกหัวใจดิฉันกลับคืนมาอีกครั้ง
    ความรู้สึกสำนึกถึงความรักที่พ่อแม่มีให้มันขยายห่อหุ้มตัวดิฉัน
    จนดิฉันส่งผ่านความรัก ความขอบคุณไปให้ทุกคนรอบๆตัว
    เรานั่งพักที่ท่าแพ แล้วดิฉันก็บอกเขาอย่างสำนึกว่า "ขอบคุณ ขอบคุณจริง"

    ถ้าเราแต่ละคนสามารถครอบครองปัญญาจากภายในได้
    มันจะต้องมีพื้นที่ของปัญญาส่วนหนึ่งที่รู้ว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไป
    เพื่อสร้างความเป็นจริงในชีวิตที่เราปรารถนา
    มันไม่ใช่ความอุดมมั่งคั่งที่จู่เกิดขึ้นตรงหน้า
    มันไม่ใช่การเฝ้าบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์หน้าหิ้ง
    แล้วรอคอยว่าสักวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้น

    มันไม่ใช่ความมั่งคั่งที่เราต้องการโดยการเขียนคำว่า
    "ฉันร่ำรวย" แล้วอ่านมันทุกสิบนาทีเป็นเวลาสิบปี
    มันไม่ใช่ปาฏิหาริย์ใดๆ

    หากแต่เป็้นช่วงขณะนี้ ณ จุดจุดนี้ ณ ขณะที่ลมหายใจผ่านเข้าออกนี้
    ขณะนี้ที่ดิฉันรู้สึกขอบคุณต่อชีวิตอย่างซาบซึ้ง
    ราวกับจิตใจของดิฉันเชื่อมต่อกับสิ่งที่ผลิตความสมบูรณ์พร้อมอันอุดมในทันที
    ที่นี่ เวลานี้

    ความเป็นจริงของชีวิตก็เหมือนของเหลวชนิดหนึ่งในร่างกายเรา
    ส่วนความกลัวคือสิ่งที่ทำให้ของเหลวนั้นแข็งและหยุดนิ่งไม่ไหลเวียน
    มันจึงก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ติดขัดในความเป็นจริงแห่งชีวิต

    เมื่อใดที่ความเป็นจริงแห่งชีวิตยังไม่ปรากฏ
    สิ่งที่เราต้องทำคือ คิดให้ช้าลงเพื่อตรวจสอบ
    จับความคิดขึ้นมาดูทีละชิ้น
    หากพบว่ามีความกลัวเคลือบแฝงมันอยู่
    จงอย่าไล่ตีมัน อย่าปิดตาเพื่อจะไม่เห็นมัน
    อย่าปฏิเสธกับตัวเองว่ามันไม่ได้อยู่ที่นั่น
    จงยอมรับมันอย่างนุ่มนวลแล้วเชื่อมต่อมันด้วยความรัก

    ถ้าเรายังคงเป็นคนในกลุ่มที่ฝักใฝ่แต่คำว่า เรา...ไม่พอ
    ดิ้นรนแสวงหาหนทางเพื่อเติมคำว่า...ไม่พอ
    พยายามผลักดันตนเองให้เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น
    จงหยุดเสีย หายใจเข้าลึกๆ คุณอยู่ ณ ที่นี้ ขณะนี้
    เปิดตัวเองออกไปสู่การรับจากผู้อื่น
    หากมีใครสักคนมอบความช่วยเหลือแก่คุณแล้วทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น
    จงยอมรับ

    ปล่อยให้จักรวาลช่วยเหลือคุณให้ง่ายขึ้น
    แรกๆ คุณอาจจะเคอะเขินที่จะรับเพราะบ่วงแห่งอัตตา
    จงปล่อยให้สิ่งต่างๆคลี่คลายอย่างเรียบง่าย

    นี่คืออาณาจักรของคุณ
    คุณคือราชา/ราชืนีแห่งอาณาจักรที่ชื่อว่าชีวิต
    คุณจะทำอย่างไรกับอาณาจักรของคุณ
    ลองปล่อยให้ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ
    ลองเป็นผู้รับดูบ้าง คุณจะพบว่ามันน่าหลงใหลมากทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2011
  4. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    Our greatest fear is fear of success.

    ....

    Fear of Success
    I've never read anything better on the subject than this from Marianne Williamson:

    Our deepest fear is not that we are inadequate. Our deepest fear is that we are powerful beyond measure. It is our light, not our darkness, that most frightens us. We ask ourselves, Who am I to be brilliant, gorgeous, talented, fabulous? Actually, who are you not to be? You are a child of God. Your playing small does not serve the world. There is nothing enlighted about shrinking so that other people won't feel insecure around you. We are all meant to shine, as children do. We were born to make manifest the glory of God that is within us. It's not just in some of us; it's in everyone. And as we let our own light shine, we unconsciously give other people permission to do the same. As we are liberated from our own fear, our presence automatically liberates others.


    ความกลัวที่ร้ายกาจที่สุดนั้น ได้แก่ ความกลัวที่จะประสบกับความสำเร็จ

    กลัวการประสบความสำเร็จ
    ผม(ผู้เขียน)ไม่เคยเห็นใครเขียนถึงหัวข้อนี้ได้ดีเท่ากับคุณแมรีน วิลเลียมสัน เลย โดยเธอเขียนไว้ว่า

    ความกลัวที่อยู่ลึกสุดข้างในนั้น ไม่เกี่ยวกับความขาดแคลนแต่อย่างใด
    เอาเข้าจริง ความกลัวที่อยู่ลึกสุดใจ กลับเป็นเรื่องของ การที่เรามีอำนาจเกินกว่าที่คาดไว้
    กลับกลายเป็นด้านสว่างของเรา (ที่เรากลัว) ไม่ใช่ด้านมืดของเรา ที่ทำให้เราหวาดผวา
    เรามักถามตัวเราเองว่า เราเป็นใครกัน ที่จะกล้าเป็นบุคคลที่เฉลียวฉลาด งดงาม เต็มไปด้วยพรสวรรค์และความมหัศจรรย์
    ที่ถูกคือ เราควรตั้งคำถามตัวเองว่า อะไรล่ะที่ไม่ใช่เรา
    เพราะความจริงคือ คุณ คือ ลูกหลานของพระเจ้า
    การที่คุณมัวแต่ตีกรอบเล็กๆให้กับตัวเองนั้น มันไม่ช่วยอะไรหรือใครๆ
    ความขลาดกลัวจะไม่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจใดๆได้เลย
    ฉะนั้น จงอย่าทำอย่างนั้น เพราะนั่นจะทำให้คนรอบข้างคุณรู้สึกหวาดระแวงกลัวไปด้วย
    เราทั้งหลายต่างมีชีวิตเพื่อส่องแสงสว่าง เหมือนดั่งที่เด็กๆเป็นกัน
    พวกเราเกิดมา เพื่อฉายความเป็นผู้ตื่นรู้เบิกบาน ที่อยู่ภายในตัวตนเรานี้เอง
    ไม่เฉพาะ บางคน
    แต่เป็น ทุกคน
    และเมื่อเราได้พากันฉายแสงงดงามของเราเองแล้ว
    เมื่อนั้น เราก็กำลังเปิดโอกาสให้ผู้อื่นทำตามเช่นเดียวกัน
    ทุกครั้ง ที่เราปลดแอกตนเองจากความกลัวในใจ
    อันหมายถึง การแสดงตัวตนแท้จริงของเราออกมาได้นั้น
    ก็จะเท่ากับ เป็นการปลดพันธนาการผู้อื่น ออกจากความกลัว เฉกเช่นกัน ทุกครั้งไป


    from 'Do The Work'
    by Steven Pressfield
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2011
  5. cosmiccell

    cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    ขอบคุณครับ คุณริสา ที่ได้เล่าประสบการณ์อันมีค่าให้ฟัง เรื่องการเอาชนะความกลัว
    ชนะสิ่งใดๆ ก็ไม่สู้ชนะใจตนเองนะครับ :)

    ขอบคุณครับ คุณ treeam มาโพสเรื่อยๆนะครับ
    สิ่งที่คุณโพส ผู้อ่านได้ประโยชน์อย่างแน่นอน

    ในวัยเด็ก เราไม่เคยกังวลเลยนะครับ
    ว่าจะอ่าน จะเขียน จะเดิน จะวิ่ง หรือจะทำสิ่งใดๆไม่ได้
    แต่เราก็สามารถอ่าน เขียน เดิน วิ่ง และทำอื่นๆได้หมด
    โดยที่ไม่มีความรู้สึกกลัวที่จะทำไม่ได้เลย

    วันก่อน ผมนั่งมองดูต้นแสงจันทร์ที่บ้าน
    ต้นก็สูงชะลูดดี และด้านบนก็รวมตัวกันเป็นร่มอย่างที่ต้องการ

    เพราะผมได้ตัดกิ่งที่ขยายออกด้านข้างออกไป
    แรกๆมันก็ยังงอกใหม่อยู่ แต่พอตัดไปเรื่อยๆ ไม่ให้มันโต
    กิ่งที่ไม่ต้องการมันก็ไม่ออกมาแล้ว
    ทำให้การเจริญเติบโต มันขึ้นไปในแนวที่เราต้องการโดยอัตโนมัติ

    ก็เหมือนกับแนวคิดเรานะครับ หากเห็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ แล้วทำให้มันอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ
    จนมันหมดเชื้อ สิ่งที่เราต้องการก็จะมาเสริฟให้อย่างแน่นอน
     
  6. cosmiccell

    cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    ขอบคุณครับ คุณริสา ที่ได้เล่าประสบการณ์อันมีค่าให้ฟัง เรื่องการเอาชนะความกลัว
    ชนะสิ่งใดๆ ก็ไม่สู้ชนะใจตนเองนะครับ :)

    ขอบคุณครับ คุณ treeam มาโพสเรื่อยๆนะครับ
    สิ่งที่คุณโพส ผู้อ่านได้ประโยชน์อย่างแน่นอน

    ในวัยเด็ก เราไม่เคยกังวลเลยนะครับ
    ว่าจะอ่าน จะเขียน จะเดิน จะวิ่ง หรือจะทำสิ่งใดๆไม่ได้
    แต่เราก็สามารถอ่าน เขียน เดิน วิ่ง และทำอื่นๆได้หมด
    โดยที่ไม่มีความรู้สึกกลัวที่จะทำไม่ได้เลย

    วันก่อน ผมนั่งมองดูต้นแสงจันทร์ที่บ้าน
    ต้นก็สูงชะลูดดี และด้านบนก็รวมตัวกันเป็นร่มอย่างที่ต้องการ

    เพราะผมได้ตัดกิ่งที่ขยายออกด้านข้างออกไป
    แรกๆมันก็ยังงอกใหม่อยู่ แต่พอตัดไปเรื่อยๆ ไม่ให้มันโต
    กิ่งที่ไม่ต้องการมันก็ไม่ออกมาแล้ว
    ทำให้การเจริญเติบโต มันขึ้นไปในแนวที่เราต้องการโดยอัตโนมัติ

    ก็เหมือนกับแนวคิดเรานะครับ หากเห็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ แล้วทำให้มันอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ
    จนมันหมดเชื้อ สิ่งที่เราต้องการก็จะมาเสริฟให้อย่างแน่นอน
     
  7. meamanee

    meamanee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +41
    bookmark ไว้แล้วกระทู้นี้ ชอบ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะสิ่งบังเอิญไม่มีในโลก นอกจากเราดึงดูดเข้ามาเอง

    ตอนนี้ที่ำกำลังฝึกอยู่ำ็ก็คือ ฝึกทำใจให้เบิกบาน แจ่มใส อิ่มเอิบอยู่ตลอดเวลา บางท่านอาจจะนึกไม่ออกว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน ถ้าจำตอนมีความรักได้แบบว่าคิดถึงแล้วใจมันพองโต ปลื้ม อยากยิ้มทั้งวัน คิดว่าน่าจะเป็นอันเดียวกันค่ะ

    อยากรู้ว่าถ้าเราอารมณ์ดี เบิกบาน แจ่มใส ให้ได้ตลอดเวลาเป็นเวลาหนึ่งเดือนจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    แล้วจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ของกฎแห่งแรงดึงดูดค่ะ
     
  8. meamanee

    meamanee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +41
    สิ่งที่เหมือนกันจะถูกดึงดูเข้าหากัน

    ขอถามผู้รู้ค่ะว่าใครมีประสบการณ์แบบเดียวกันบ้าง คือมีเพื่อนที่สนิทกันคบกันมานาน ก็ใช้ชีวิตเหมือนทั่วๆไป มีเมาท์มีนินทาบ้างตามประสา ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยวด้วยกัน แต่หลังจากที่ตัวเองเริ่มมาสนใจเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูดก็เลยเลิกคิดลบ ไม่นินทา แล้วก็ไม่ค่อยดูละคร ไม่ค่อยดูข่าว เหมือนเมื่อก่อน หันมาสนใจเรื่องธรรมะมากขึ้น เริ่มสนใจว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงได้สอนนักสอนหนาให้คิดดี พูดดี แล้วก็ทำดี ก็มีเหตุให้ต้องห่างจากเพื่อน ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนเมื่อก่อน บางทีจะนัดเจอกันก็มีเหตุให้คลาดเคลื่อน พอคุยกันก็เหมือนไม่มีเรื่องจะคุยกันเหมือนเมื่อก่อน แรกๆก็รู้สึกแปลกๆค่ะ แต่หลังๆคิดว่าเป็นเพราะกฎแห่งแรงดึงดูด คงเป็นเพราะเราเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมของเรา
     
  9. อินทัช

    อินทัช สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    เป็นคนอ่านมานาน ได้สาระและความรู้จากผู้รู้มากมาย เปิดโลกของความรู้ให้กว้างขึ้น ได้สัมผัสถึงความสุขจากความรู้สึกของการเป็นผู้ให้จากหลายๆคน ที่ต่างมีมุมมองแง่คิดในเรื่องที่สร้างสรรค์อันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จากสังคมเล็กๆที่อนาคตอาจเป็นกำลังหลักของการเปลี่ยนแปลง เพราะเชื่ออยู่เสมอว่า ความคิดมีแรงดึงดูด ที่จะดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้าหากัน และผลจะเกิดขึ้นเมื่อพลังของการคิดมากพอ วันนี้ได้อ่านที่ จขกท. ได้นำเสนอไว้ สามารถตอบคำถามที่เกิดขึ้นในใจตัวเองมาตลอดเวลามานานมาก ขอบคุณนะครับกับสิ่งดีๆที่นำมาเสนอ
     
  10. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    Soul Mates and Spiritual Ascension into Oneness

    พูดถึงกฏแรงดึงดูดแล้วจะไม่พูดถึง ความรัก ก็คงไม่ได้นะคะ
    แต่ไม่ค่อยสันทัดหัวข้อนี้ค่ะ เลยขออนุญาตแปลบทนี้จากคุณ Inelia
    Soul Mates and Spiritual Ascension into Oneness

    ขอผู้อ่านพบกับคู่แท้และตระหนักได้ถึง Power of Love
    ขอ Power of Now อยู่คู่สถิตย์กับทุกคู่แท้ในโลกในจักรวาลนี้ตลอดไป
    เอเมน
    _______________________________
    February 2010
    It is one of the urges of our nature to reconnect with Source, with Oneness. The closest we can identify this urge as in daily life is the complete connection with another human being. To be able to connect with another human being at this level, both parties have to have a very similar vibrational signature. When we meet another human being with whom we have a similar vibrational signature, we resonate with them. This often is called finding our twin soul, soul mate of twin flame.

    It just so happens that when we do find someone like that we stop looking, and therefore the belief that there can only be one soul mate on Earth was conceived. But, fortunately, there are many other people on Earth with whom we can resonate at a vibrational level. And it so happens that if we change signatures through our soul journey work, if our soulmate doesn't do it too, we will eventually become dissatisfied and move on. This doesn't mean that our soul mate was not the "true one". It just means they are no longer vibrationally similar to the level we need for the connection.
    When two souls meet and embark on Ascension work together, no matter what the modality is, fantastic results can happen. There are well known couples throughout history that have changed the course of human evolution and path due to their combined power.
    It is said, in India, that the true couple doesn't look into each others' eyes, but in fact are looking forward in the same direction, toward the same goal.
    Once you enter Oneness, and make it the center of your attention, the urge to connect with another human being at this level passes. This results in the ability to achieve just that, to find and connect, or reconnect, with a soul mate in total freedom and with no expectations or ego getting in the way.
    ____________________________________



    คู่แท้และการยกระดับสู่ความเป็นหนึ่งเดียว

    กุมภาพันธ์ 2010

    เรื่องคู่แท้และการยกระดับสู่ความเป็นหนึ่งเดียว
    ถือเป็นหนึ่งในแผนของความเป็นตัวตนของเราที่มุ่งหมายจะกลับไปรวมเชื่อมโยงอีกครั้งกับต้นทางที่ยิ่งใหญ่ Source
    เพื่อกลับไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียว Oneness

    คำอธิบายที่ใกล้เคียงที่สุดที่เราจะนำมาอธิบายถึงแรงผลักดันนี้ได้
    ก็คือ การรวมเชื่อมต่อกันกับมนุษย์ผู้อื่นในชีวิตประจำวันของคุณ
    ในการที่จะสามารถเชื่อมโยงกับผู้อื่นให้เกิดขึ้นได้ในระดับดังกล่าวนั้น
    ต่างฝ่ายต้องมีระดับพลังงานที่ใกล้เคียงกัน
    เมื่อเราได้พบกับคนที่เราคิดว่าใช่ เราจะสอดคล้องรับประสานกัน
    เรื่องนี้คล้ายกับที่มักเรียกกันว่า ตามหาคู่แท้ฝาแฝดจิตวิญญาณ
    our twin soul, soul mate of twin flame


    สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อเรามองหาใครที่เป็นแบบนั้นได้แล้ว
    เราจะ หยุดมอง หาใครอื่นอีก
    และในที่สุด ความเชื่อที่ว่า คู่แท้ของเรานั้นมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้
    ก็จะถูกเข้าใจได้อย่างแท้จริงสักที
    ถึงกระนั้นก็ตามแต่ โชคยังดีที่ มีคนอีกจำนวนมากมายบนโลกให้เลือกได้
    ให้เราสามารถสอดรับประสานคล้องกันในระดับพลังงานได้

    และความจริงอีกข้อก็คือ หาก ระดับพลังงานของเรามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นระหว่างเส้นทางงานทางจิตวิญญาณ
    แล้วคู่แท้ของเราไม่ได้ทำเช่นนั้นด้วย
    เราทั้งคู่ก็จะเริ่มไม่ลงรอยกันและแยกทางกันไป

    แต่นี่ไม่ได้หมายความถึงว่า
    คู่แท้ของเราที่เราคิด ไม่ใช่คู่แท้แท้ดั่งที่เราคิดนึกไว้ "true one"
    แต่เพียงหมายว่า
    พวกเขาไม่ได้มีระดับพลังงานที่คล้ายคลึงกันในแบบที่เราต้องการใช้เพื่อการเชื่อมต่อกัน อีกต่อไปแล้ว

    เมื่อสองดวงจิตคู่มาพบมาปะ และมาก่อร่างสร้างงานยกระดับไปด้วยกัน
    ไม่ว่าจะเป็น บรรทัดฐานค่านิยมแบบไหน หรือฝันฝ่าข้ามผ่านจินตนาการแบบใดก็ตาม ก็สามารถบังเกิดได้จริง
    มีคู่รักที่มีชื่อเสียงหลายคู่ในประวัติศาสตร์ที่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของตัวตนออกมา และสรรสร้างปฏิวัติแห่งมนุษยชาติ
    ทั้งนี้เกิดได้ก็เพราะการประสานรวมพลังซึ่งกันและกัน นั่นเอง

    มีคำกล่าวไว้ว่า ในอินเดีย คู่รักแท้จะไม่มองเข้าหาในสายตาซึ่งกันและกัน
    หากแต่ต่างพากันมองไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน ตรงเข้าหาจุดเป้าหมายเดียวกัน

    และเมื่อคุณได้เข้าไปสู่ถึงความเป็นหนึ่งเดียว Oneness และวางไว้ในใจกลางความจดจ่อของคุณ
    ถึงแรงผลักดันที่จะเชื่อมต่อกับผู้อื่นในระดับเดียวกันนี้
    เมื่อคุณทำได้ดั่งว่านี้แล้ว ผลที่บังเกิดตามมาก็คือ
    ศักยภาพที่จะทำอย่างเช่นที่ว่านั้นได้ กล่าวคือ ค้นหา เชื่อมต่อ หรือย้อนกลับมาเชื่อมกันอีกครั้ง กับคู่แท้
    ในแบบฉบับแห่งอิสระเสรีภาพ ปราศจากความคาดหวัง หรืออัตตาตัวตนใดใด มาคั่นอยู่ระหว่างทาง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2011
  11. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    A Secret Scrolls message from Rhonda Byrne
    Creator of The Secret and The Power


    From The Secret Daily Teachings There is no past or future for the law of attraction, only the present, so stop referring to your life in the past as very difficult, or full of hardship and pain, or in any other negative way.
    Remember that the law only operates in the present, so when you speak of your past life negatively the law is receiving your words and sending those things back to you NOW.

    May the joy be with you,

    Rhonda Byrne
    The Secret... bringing joy to billions

    _______________________________

    ภายใต้กฏแรงดึงดูดนั้นไม่มี อดีต หรือ อนาคต มีเพียง ปัจจุบัน
    ฉะนั้น อย่าไปเอ่ยถึงชีวิตที่ผ่านมาในอดีตอันแสนยากลำบาก
    หรือเต็มไปด้วยความรวดร้าว หรือเลวร้ายใดใดอีกเลย

    โปรดระลึกไว้ว่า

    กฏแรงดึงดูดจะทำงานได้ก็เฉพาะในเวลาปัจจุบัน เท่านั้น


    ดังนั้น เมื่อคุณมัวแต่พูดถึงอดีตที่ย่ำแย่
    กฏฯก็จะดูดซึมซับคำพูดของคุณไว้
    และสะท้อนสิ่งลบลบเหล่านั้นกลับมาหาคุณ ในปัจจุบันขณะ


     
  12. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    A Secret Scrolls message from Rhonda Byrne
    Creator of The Secret and The Power

    From The Secret Daily Teachings

    The process of creation is the same for all things, whether you want to bring something to you or remove something negative from your life.
    If you have a habit you wish to break, or anything negative you wish to remove from your life, you must focus on what you want. That means you visualize and imagine yourself in that negative-free state right now. Imagine yourself in as many scenes as you possibly can where the negative situation is completely absent. Imagine yourself happy and free. Eliminate any picture from your mind of you with the negative situation. Just imagine yourself in the state you want to be in, and feel that you are that, right now.

    May the joy be with you,

    Rhonda Byrne
    The Secret... bringing joy to billions

    ___________________________________

    กระบวนการสรรสร้างนั้น สามารถถูกนำมาใช้ได้กับทุกสิ่ง
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณต้องการจะนำสิ่งใดมาสู่ชีวิตคุณ
    หรือละทิ้งสิ่งด้านลบใดๆออกจากชีวิตของคุณ
    หากคุณมีนิสัยที่ไม่ดีและต้องการจะพ้นจากตรงนั้น
    หรืออะไรก็ตามที่ไม่ดี ที่คุณอยากจะกำจัดให้พ้นจากชีวิตคุณ

    สิ่งที่คุณต้องทำ ก็คือ

    คุณต้องจดจ่อกับสิ่งที่คุณต้องการ นั่นหมายถึง
    คุณจินตนาการภาพตัวคุณในสถานะที่ปราศจากด้านลบ ในปัจจุบันขณะนี้
    นึกภาพตัวคุณเองแบบนั้น ให้มากในหลายสถานการณ์เท่าที่จะทำได้
    จนกระทั่งสถานการณ์ด้านลบจะมลายหายไป
    นึกภาพตัวคุณเองที่มีความสุขและอิสระ
    ลบภาพด้านลบใดๆของตัวคุณออกไปจากใจคุณ
    จงนึกแต่ภาพที่คุณต้องการจะเป็น และรู้สึกได้ถึงว่าคุณเป็นอย่างนั้นจริงๆ ณ ปัจจุบันขณะนี้เลย
     
  13. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    มุมมอง

    หลายวันมานี้ผู้เขียนได้รับเมล์จากเพื่อนเก่าที่โกรธแค้นเจ็บปวด
    จากการที่ผู้เขียนไม่ได้เข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายด้วย
    ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธทำให้เขามีมุมมองที่เป็นลบ

    การที่เรายึดมั่นกับความขุ่นเคืองและโกรธแค้น
    เรากำลังเกาะติดกับการตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์
    ถ้าเราติดอยู่ตรงนั้น ก็ไม่มีที่ว่างให้เรากลายเป็นผู้ชนะได้
    เราจะไม่สามารถเปิดชีวิตเข้าสู่ความรุ่งเรืองทั้งหมด ที่เราควรจะได้รับได้

    ในชีวิตเรา เราต่างเผชิญความเจ็บปวดและบททดสอบมากมายหลายครั้ง
    เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้
    เราได้แต่ปล่อยให้มันเปลี่ยนแปลงบางสิ่งในตัวเรา
    บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่ามีบางคนกำลังวางแผนการ
    จ้องเอาเปรียบอะไรกับเราอยู่
    โลกทั้งโลกหาเรื่องเราอยู่

    เราอาจเคยรู้สึกว่าคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติพี่น้อง คนแปลกหน้า
    คนพวกนั้นกำลังพูดถึงเรา หัวเราะลับหลังเรา หวังแต่จะเอาประโยชน์จากเรา
    กลุ่มคนที่กำลังจ้องจะตักตวงสิ่งต่างๆ แม้แต่ความรู้จากเราฝ่ายเดียว
    หรือบางวัน เราอาจเคยโดนคนแปลกหน้าพูดจาหยาบคายใส่
    โดนคนขับรถไม่มีมารยาทปาดหน้า
    แล้วเราก็คิดว่าโลกกำลังหาเรื่องเรา ทุกคนจ้องทำร้ายเรา

    ทีนี้ลองคิดดูสิว่า
    ทุกคนเหล่านั้นมีปัญหากับคุณจริงหรือ
    พวกเขาจ้องแต่จะเอาเปรียบหาเรื่องคุณจริงหรือ
    คุณคือหัวข้อที่พวกเขาตื่นเช้ามาในแต่ละวันจ้องจะตักตวงจากคุณงั้นหรือ

    เป็นไปได้ไหมที่คนเหล่านั้นแค่ดำเนินชีวิตตนเองไปตามหนทางเขา
    สิ่งต่างๆก็เกิดขึ้น มันแค่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง
    แต่คุณกำลังเอามันเข้าตัว เอามาเป็นเรื่องของคุณ

    ลองดูตัวอย่างเหตุการณ์นี้ดู
    คุณได้รู้จักกลุ่มเพื่อนใหม่กลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้ตื่นเต้นยินดีที่รู้จักคุณ
    คุณคิดว่าคุณมีความรู้เหนือกว่า
    คุณเองก็อยากตอบแทนที่พวกเขาต้อนรับคุณอย่างดี
    คุณจึงแบ่งปันความรู้ที่คุณคิดว่ามีเหนือพวกเขา
    พวกเขาก็ให้ความสนใจอย่างมาก

    จนมาวันหนึ่งคุณคิดว่าพวกเขาคงเป็นพวกเดียวกับคุณ
    คิดแบบเดียวกับคุณ เชื่อคุณแบบที่พวกเขาเชื่อถือในความรู้ที่คุณแบ่งปันเขา
    คุณจึงชวนพวกเขาให้ทำธุรกิจเครือข่ายร่วมกัน
    (คุณผู้อ่านคงมีเพื่อนที่ทำเครือข่ายมาบ้างคงเข้าใจสถานการณ์นี้ดี)
    พวกเขาลังเลและตัดสินใจไม่ไป
    คุณโกรธ คุณคิดว่าพวกเขาจ้องมาตักตวงจากคุณ
    พวกนี้ล้วนเห็นแก่ตัว อยากได้จากคุณฝ่ายเดียว
    ทั้งที่คุณได้ให้เขามากพอแล้ว
    คุณโกรธแค้นตลอดเวลาและคิดว่าคนต่างๆจ้อง "เอาเปรียบและหาเรื่อง" คุณ
    ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาอาจไม่ได้คิดตักตวงจากคุณ
    พวกเขาแค่เห็นคุณเป็นเพื่อนและชื่นชมสิ่งที่คุณนำมาเล่า แบ่งปัน
    สิ่งที่คุณคิดว่ามีเหนือกว่านำมาให้เขา
    อาจจะไม่ใช่เช่นนั้น พวกเขาอาจเคยรับรู้มาแล้ว

    ที่พวกเขาไม่ติดตามทำธุรกิจร่วมกับคุณ
    อาจจะเพราะพวกเขามีงานที่ต้องใส่ใจมาก
    หรือเพราะพวกเขาไม่ชอบธุรกิจเช่นนี้
    ไม่ใช่เพราะ พวกเขาไม่ชอบคุณและจ้อง "เอาเปรียบและหาเรื่อง" คุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2011
  14. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    แล้วลองมาดูมุมมองสถานการณ์นี้
    คุณกำลังหั่นเนื้อเพื่อทำอาหารค่ำแล้วพลาด มีดบาดคุณ
    เลือดคุณไหลโชก คุณเจ็บชาไปทั้งนิ้ว

    คุณขับรถคันงามของคุณขึ้นบนลานจอดรถ
    คุณได้ยินเสียงท้ายรถครูดกับผนัง

    คุณคงไม่คิดว่า มีดหรือผนังลานจอดรถกำลัง "เอาเปรียบและหาเรื่อง" คุณ
    ถ้ามีใครบอกว่าอะไรๆกำลัง "หาเรื่องและเอาเปรียบ" คุณ
    คุณคงคิดว่ามันงี่เง่า คุณไม่เก็บเรื่องพวกนี้เข้ามาใส่ตัวเป็นปัญหาของตัวอยู่แล้ว

    นั่นก็เพราะสิ่งนั้นไม่ใช่บุคคลแต่เหตุการณ์แรกคือบุคคล
    ถ้าเช่นนั้นอะไรคือสิ่งที่คุณต้องทำ

    อันดับแรกเลยคือมุมมองของคุณ
    การโกรธแค้นและปกป้องตนเองจากการคิดว่าคนอื่นจ้อง "หาเรื่องและตักตวง"จากคุณ
    ต้องใช้พลังงานทางอารมณ์มาก ทั้งยังทำให้คุณดึงดูดพลังงานลบเข้าสู่ตัว
    ในฐานะ "เหยื่อของเหตุการณ์"
    เมื่อคุณหยุดนำเรื่องต่างๆ มาเป็นเรื่องของตัวคุณ
    คุณสามารถมองเห็นสิ่งดีๆในสถานการณ์ต่างๆเหล่านี้ได้

    การเปลี่ยนมุมมองทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในชีวิตคุณ
    มุมมองที่ต่างไปเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
    ที่อาจต้องใช้ความอดทน อดกลั้น รวมถึงการรู้จักให้อภัย
    ในครั้งต่อไปที่คุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่คิดว่าโลกกำลังจ้องเอาเปรียบคุณ
    จงพยายามสำรวจมุมมองที่ต่างออกไปเพื่อหามุมมองที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
    มุมมองที่ช่วยให้คุณไม่เก็บเอามาให้ตัวเองเป็นเหยื่อด้วยกับดักทางอารมณ์ของตัวคุณเอง
    คุณจะพบว่า คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตได้เพียงแค่เปลี่ยนมุมมอง


    เมื่อใดที่คุณกำลังพบใครสักคน ที่กำลังถูกปิดกั้นหรือทำให้คุณปิดกั้นความรุ่งเรือง
    1. จงให้อภัยในใจกับทุกคนที่คุณมีปัญหาด้วย
    2. ขออโหสิกรรมในใจกับทุกคนที่คุณทำผิดด้วย
    3. จงให้อภัยตนเอง

    ขอให้เส้นทางแห่งความรุ่งเรืองจงเปิดกว้างสำหรับทุกคนผู้ที่มีมุมมองอันงดงาม
     
  15. แก้วทิพย์

    แก้วทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +2,435
    อนุโมทนาค่ะ เป็นบทความที่ดีมากๆ อยากให้ทุกคนได้อ่านจัง พี่เคยเป็นมาแล้ว ในหนังสือ สนทนากับพระเจ้า พออ่านเจอว่า การคิดแบบนี้ (โกรธ เกลียด ) จะทำลายตัวเราได้ลงลึกถึงระดับเซลล์ เบรคเลยค่ะ เอาออก แล้ว เอา 3 ข้อ ที่น้องเขียนข้างบนลงไปแทน

    ตัวพี่มีสิ่งเตือนใจตัวเอง พิมพ์ไว้ข้างโต๊ะคอม ให้อ่านตำตาบ่อยๆ คือ

    ความคิดไหนทำให้เธอทุกข์ เธอหม่นหมอง สลัดทิ้งความคิดนั้นเสีย
    ทุกเวลาทุกวินาทีคือการปฏิบัติธรรม ไม่มีอื่นใดนอกเหนือจากนี้
    ไม่มีบุคคลตัวตนเราเขา มีแต่สภาวะจิตล้วนๆ ว่าง สว่าง
     
  16. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    ขออนุญาตยกส่วนหนึ่งของบทความคุณลุงโฉลก จาก chaloke.com มาฝากเพื่อนๆผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ

    _____________________________________________

    วันนี้เป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ในเดือน June ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Honey Moon แต่ Honey Moon คราวนี้มาพร้อมกับจันทรุปราคาเต็มดวง Total Lunar Eclipse ที่เห็นได้หลังเที่ยงคืนคืนนี้ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ดวงจันทร์จะโดนเงาโลกบังสนิท เห็นเป็นสีแดงเพราะเรื่องของแสง Infra-Red ซึ่งลุงก็ไม่ค่อยเข้าใจ เข้าใจแต่ว่าพระจันทร์ก็เป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็ข้างขึ้น เดี๋ยวก็ข้างแรม เหมือนอารมณ์ของเรา เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ไม่ดี แต่พระจันทร์มีข้างขึ้นก็เพราะเหตุ คือมุมของโลกกับดวงอาทิตย์ ฯลฯ มีข้างแรมก็เพราะเหตุ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็แปรไปเรื่อยๆ เพราะเหตุแปรเปลี่ยนไป จะว่าข้างขึ้นข้างแรมมีจริงก็ใช่ เพราะเห็นจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่เพราะเป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากเหตุ ถ้าเหตุเปลี่ยนก็เปลี่ยน เหตุดับก็ดับ ถ้ามีจริงถึงเหตุจะดับก็ต้องยังอยู่ ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็นสิ่งที่มีจริงก็ไม่ได้ หรือจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงก็ไม่ได้ เรียกได้เพียงว่า เป็นสิ่งที่เกิดเพราะเหตุ ก็สิ่งใดเกิดเพราะเหตุ สิ่งนั้นก็ดับไปเพราะเหตุดับไป เราไม่ใช่เป็นสิ่งนั้น เราเป็นเพียงผู้รู้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุเท่านั้นเอง เปรียบเสมือนเราเป็นผู้รู้ว่าพระจันทร์ข้างขึ้นเกิดขึ้นเพราะ ฯลฯ พระจันทร์ข้างแรมเกิดขึ้นเพราะ ฯลฯ เราไม่ become พระจันทร์ แค่รู้เฉยๆ ดังนั้นเมื่อความโกรธ (anger) เกิดขึ้นเราก็รู้ว่าเกิดเพราะเหตุ ฯลฯ เราไม่ become angry เมื่อความดีใจ (happiness) เกิดขึ้นเราก็รู้ว่าเกิดเพราะเหตุ ฯลฯ เราไม่ become happy เมื่อความเสียใจ (sadness) เกิดขึ้นเราก็รู้ว่าเกิดเพราะเหตุ ฯลฯ เราไม่ become sad เมื่อมีปัญญาเห็นสรรพสิ่งตามความเป็นจริงอย่างนี้ becoming ก็หมดไป becoming ก็คือ ภาวะ หรือภาษาบาลีก็คือ ภพ ภพนี้เองเป็นปัจจัยให้เกิดชาติ ชรา มรณะ ทุกข์ ฯลฯ เราสามารถตัดวงจรทุกข์ทั้งปวงได้ตรงนี้ คือมีปัญหาเห็นตามความเป็นจริงว่าสิ่ง (ธรรมมะ) ทั้งหลายเกิดขึ้นได้ก็เพราะมีเหตุ ไม่ได้มีตัวตนที่แท้จริง เมื่อเหตุดับก็ดับไปด้วย จึงห้ามภพ คือ becoming เสียได้ด้วยปัญญา เมื่อความโลภ (greed) เกิดขึ้น ก็มีสติ อย่า become greedy อย่าแหกกฏ ปัญญาตัวเดียวกันนี้เองเป็นเหตุให้เราไม่ต้องไปรับทุกข์ของการขาดทุน หวังว่าพวกเราคงจะได้สติ รู้เท่าทันอารมณ์ว่าเป็นสักแต่ว่าเป็นอาการของจิต ไม่ใช่จิต แล้วเลิก become กันเสียทีนะครับ
     
  17. cosmiccell

    cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    [​IMG]

    เท่าทันอารมณ์ เท่าทันความคิด

    ทราบถึงสาเหตุ ปฎิกูลภายใน ก็จะสลายกลายเป็นกลาง

    นอกจากช่วยเหลือตนเอง ยังช่วยผู้อื่น และสิ่งแวดล้อมรอบตัวไปด้วย

    อนุโมทนาครับ คุณริสา คุณ treeam


    บ่อยครั้ง หลายสิ่งหลายอย่าง ยังไม่สัมฤทธิ์ผล นั่นไม่ใช่เพราะ เราไม่จินตนาการในด้านบวก แต่เพราะความกลัวที่ซ่อนอยู่ ทำให้ไม่สัมฤทธิ์ผล (ซึ่งบางครั้งเราไม่เห็น เพราะเรากดมันไว้อยู่ จะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม)

    จากประสบการณ์ตัวเอง เมื่อเราเห็นความหวั่นไหวของเรานั่นแหละ นั่นก็คือความกลัว

    เมื่อเห็น จึงจะสามารถสลัดแรงต้านในใจออกไปได้

    เหลือแต่ความรู้สึกอย่างเต็มเปี่ยมว่า ฉันไม่หวาดกลัว ไม่หวั่นไหวแล้ว

    ภาพด้านบวกในใจ จึงจะทำงานได้ดี

    คำว่า ให้อภัยตนเอง ให้อภัยผู้อื่น เป็นคาถาในการปล่อยแรงต้าน หรือปฎิกูลภายในใจ ได้อย่างดีเลยครับ :)
     
  18. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    A Secret Scrolls message from Rhonda Byrne
    Creator of The Secret and The Power

    From The Secret Daily Teachings

    Most people only think to ask for health when they don't have it, but you can intend great health at any time. Use the power of your intention every single day and see yourself healthy and well.
    Intend health for you and intend health for others.

    May the joy be with you,

    Rhonda Byrne
    The Secret... bringing joy to billions


    คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าอยากมีสุขภาพที่ดี ก็เฉพาะแต่ตอนที่ร่างกายไม่แข็งแรง
    แต่จริงๆแล้ว เราสามารถมีความปรารถนาสุขภาพที่สมบรูณ์ได้ทุกเมื่อเชื่อวัน
    จงใช้พลังแห่งความตั้งใจในทุกๆแต่ละวัน
    และคอยเห็นตัวคุณเองมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง
    จงตั้งใจที่จะมีสุขภาพดีเพื่อตัวคุณเอง และผู้คนรอบข้าง
     
  19. PKKP

    PKKP สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    คิดว่าทุกอย่างก็คือธรรมชาติ พระพุทธเจ้าก็คือธรรมชาติ
     
  20. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    Money is PLENTIFUL

    Money is PLENTIFUL


    a little quote from a guy named George Clayton who was born in like 1874. So it’s got that old school wisdom. Anyway the quote goes like this,

    “Money is plentiful
    for those who understand
    the simple laws
    which govern its acquisition.”

    เงิน มีอยู่มากมายกลาดเกลื่อน
    สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจ
    กฏง่ายๆ
    ที่ควบคุมซึ่งการได้มาของเงิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...