จริงหรือไม่ว่าเวลาร่างทรงทำบุญจะได้รับบุญเพียงครึ่งเดียว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย thitapa, 31 มีนาคม 2011.

  1. thitapa

    thitapa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +77
    เคยได้ยินแม่ชีและเพื่อนอีกคนหนึ่งกล่าวว่า "การเป็นร่างทรงให้เทพได้สร้างบุญนั้น บุญกุศลจะแบ่งกันคนละครึ่งจะไม่ได้เต็ม ร้อยเพราะเทพใช้ร่างของมนุษย์เพื่อให้ได้สร้างบุญเท่านั้น" จริงหรือไม่คะ แล้วที่คนที่มีองค์เทพ หรือร่างทรงก็มักจะชอบทำบุญ หรือถือศีลกินเจ บุญที่ได้รับก็จะถูกแบ่งคนละครึ่งกับองค์เทพ ถูกต้องมั๊ยคะ รบกวนถามคนที่มีองค์ หรือร่างทรงด้วยคะ
     
  2. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    จริงหรือไม่ว่าเวลาร่างทรงทำบุญจะได้รับบุญเพียงครึ่งเดียว

    ตอบ...ไม่จริง ทำเท่าไร ได้เท่านั้น เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ทำบุญไป

    เรื่องนี้ มีนามอยู่สองคือ ร่างทรง กับ เทพฯ

    1. ร่างทรง คนธรรมดาๆ ที่อยู่ภายใต้อารมณ์ที่เชิดจิตใจอยู่ อารมณ์เทพฯ สิงใจ ก็เป็นเทพได้ อารมณ์ โลภ โกรธ หลง สิงใจ ก็เป็นดั่งนั้นได้ ด้วยอานุภาพของอารมณ์ที่ครองใจอยู่นั้น แต่ที่เป็นจริงๆ ก็มี และของจริงมักจะอยู่ในหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา พาคนทำความดี

    2. เทพฯ เทวดา หมายถึงจิตที่เจริญแล้ว ที่อยู่ในภพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ มีปฏิพานไหวพริบ ฉลาดโดยบุญและภพภูมิ ถ้าเป็นเทพฯ ผู้ทรงอภิญญา จะสามารถทำงานโดยผ่านในบุคคลธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปในทุกระดับอายุได้ และมักจะพูดเตือนสติ คนมีบุญด้วยคำพูดสั้นๆ แต่จริง ด้วยภาษาที่ฟังรู้เรื่อง ไม่จำเป็นต้องอาศัยร่างถาวร ส่วนที่อาศัยร่างถาวรก็มี แต่ถ้าเป็นเทพฯ ชั้นสูง จะพูดสื่อภาษาที่คนฟังรู้เรื่อง ไปมานิ่มนวล ด้วยอภิญญาที่ท่านมีฯ อยู่จ้า...

    ส่วนที่อยู่นอกข่ายนี้ มักเป็นวิญญาณชั้นเลว พูดสื่อไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องให้คนฟังเดาเรื่องราว ใช้ความหลงกล่อมจิตคน มักจะอยู่ในฝ่ายอธรรมจ้า...
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่จริงนะครับ....ร่างได้เต็มร้อย....เทวดาได้แบบปัตตานุโมทนามัยนะ....
     
  4. thitapa

    thitapa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +77
    เคยเห็นเวลาเทศกาลกินเจ ร่างทรงเทพจีนต่างๆ จะเข้าทรง แล้วเหมือนมีอาการกึ่งไม่รู้สึกตัว แล้วคนทรงเขาจะได้รับบุญเต็มร้อยหรือคะ เพราะเวลาเราทำบุญเราต้องมีความตั้งใจทำ แต่ร่างทรงเขามีความรู้ตัวบ้างไม่รู้บ้างนิคะ
     
  5. honey_bee414

    honey_bee414 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,665
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=dds7c-SRS1Q]YouTube - แม่ชีทศพร 018 - ฟังไว้ใครรับขันธ์ ๑[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=fXC_SdzUMvs&feature=related]YouTube - แม่ชีทศพร 019 - ฟังไว้ใครรับขันธ์ ๒[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=eQdfexnSGzc&feature=related]YouTube - แม่ชีทศพร 020 - กรรมของร่างทรง[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=siGRLoz6_Ps&feature=related]YouTube - แม่ชีทศพร 023 - คำอธิษฐานคืนขันธ์[/ame]
     
  6. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    สงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
    ครั้งนึงเราเคยโดนหมอดูทรง ชวนให้รับองค์
    เพราะเทพของเค้าชอบเรา เห็นว่าเราเคร่งดี..
    ตกใจ ไม่กล้ารับ เพราะกลัวทำบุญแล้วจะไม่ได้บุญนี่แหละ
     
  7. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    สมเด็จโตเล่าไว้ที่สำนักปู่สวรรค์ การที่เทวดามาเข้าร่างทรงนั้นส่วนมาก เป็นเพราะเทวดานั้นทำผิดกฏบนสวรรค์ เลยถูกลงให้มาสร้างบุญแก้ตัว เพราะที่จริงแล้วไม่มีเทวดาองค์ไหนอยากมาโลกมนุษย์หรอก โลกมนุษย์มีแต่ของเน่าเหม็น สวรรค์มีแต่ของทิพย์ พวกนี้จะยืมชื่อพระที่มีชื่อเสียงมาใช้ เพราะชื่อตัวเองมนุษย์ไม่รู้จัก กลัวไม่มีคนเข้ามาทำบุญ เช่น ใช้ชื่อ สมเด็จโตบ้าง หลวงปู่ทวดบ้าง ร. 5 บ้าง โดยทางเบื้องบนไม่ว่า ถือว่า โกหกเพื่อทำความดีไม่บาปแต่เป็นกุศโลบาย มีข้อสังเกตุ ถ้าเป็นของจริง จะเอาแค่ค่ายกครู ถ้าเรียกเป็นพันๆเก๊แน่ๆ เพราะเทวดาจะมีเมตตาต่อมนุษย์เป็นอารมณ์ และจะไม่ทำบาปเพิ่ม ไม่งั้นเทวดาองค์นั้น ตกนรกเหมือนกัน
     
  8. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    ใช่ จริงๆด้วย, หมอดูทรงคนนั้นบอกว่ามีองค์ญาณพระ แต่เราว่าน่าจะเป็น
    เทพมารมากกว่า เพราะ 1. ไม่อยากให้เราปรารถนานิพพาน
    2. สอนธรรมะแบบมิจฉา
    เรางงอยู่วันสองวันจึงนึกออกว่าที่เขาเอาองค์ญาณพระมาอ้างแต่ตัวจริง
    น่าจะเป็นเทพมารที่อยากให้เราส่งบุญให้เค้าอย่างเดียว... เข็ดจริงๆ
    ครั้งนั้นเราเสียไป 3 พัน :'(
     
  9. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    เรื่องของเรื่องเกี่ยวกับ บุญ และการ อนุโมทนาบุญ

    อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

    ร่างคือร่างถ้าไม่มีวิญญานครอง ผลก็คือตาย

    ถ้ากรณีวิญญานที่ไม่สามารถอนุโมทนาบุญครองร่างอยู่แล้วทำบุญ บุญก็เกิดกับวิญญานนั้นด้วย แต่วิญญานเจ้าของร่างซึ่งเป็นวิญญานหลักอย่างไรก็ต้องได้บุญ แต่จะมากน้อยเท่าไหร่อันนี้ไม่ทราบ

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะได้รับผลบุญเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับว่ามีผู้ที่สามารถอนุโมทนาบุญมาทำให้

    ความสำคัญจริง ๆ คือวิญญานเจ้าของร่างนั่นเอง คือเมื่อจิตเปิดสามารถรับวิญญานแรก ๆ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเข้ามาได้ คราวนี้ก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้กับวิญญานอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์กันเข้ามาเพิ่มได้อีกเช่นกัน

    เพราะวิญญานเจ้าของร่างถูกขังในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นภพที่วิเศษสุดกว่าภพอื่น ๆ คือ สามารถปฏิบัติ บำเพ็ญ พัฒนาวิญญานให้ละเอียดขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วกว่าภพอื่น สูงสุดถึงขั้นนิพพานได้เลยทีเดียว(ศาสนาพุทธ)

    เมื่อเจ้าของร่างปฏิบัติยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จาก ทาน ศีล บุญ หิริโอตัปปะ พรหมวิหาร อิทธิบาท จิตนั้นจักละเอียดขึ้นเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ วิญญานที่มีความสัมพันธ์กันในแต่ละภพ-ภูมิ ก็จะเข้ามาสงเคราะห์ จนกระทั่งถึงภพของวิญญานในชั้นสูง ๆ ที่สามารถอนุโมทนาบุญได้ วิญญานต่าง ๆ ที่เข้ามาแฝง รวมทั้งวิญญานเจ้าของร่างด้วยก็จะสามารถรับบุญได้โดยทันที

    คราวนี้แหละจะสามารถช่วยเหลือสงเคราะห์วิญญานต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก

    ขณะเดียวกันช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าหยุดอยู่ตรงนี้ก็จะมี ลาภ ยศ สรรเสริญ เข้ามาเป็นจำนวนมาก จะขึ้นหรือลงอยู่ที่เจ้าของร่างเป็นสำคัญ

    ถ้ายึดติดคราวนี้แหละ ลงไปถึงทุติยภูมิเลยทีเดียว เห็นแต่วัตถุที่ยังเหลือไว้ต่างหน้าเท่านั้น แต่วิญญานชั้นสูง ๆ ไม่เหลือแล้ว

    แต่ถ้าไปต่อวิญญานเจ้าของร่างสามารถพัฒนาไปถึงการอนุโมทนาบุญได้ด้วยตัวเอง

    คราวนี้กลับกันแล้วครับ วิญญานเจ้าของร่างจะเป็นตัวหลัก วิญญานสัมพันธ์อื่น ๆ จะเป็นตัวรองไปแล้ว

    วิญญานเจ้าของร่างจะเหลือหน้าที่เดียวคือ ปฏิบัติไปให้ถึงที่สุด

    วิญญานสัมพันธ์จะมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือ ป้องกัน คุ้มครอง ปกป้อง มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อให้การปฏิบัติไม่ให้สะดุด กรรมเล็ก กรรรมน้อย พวกเศษกรรมแทบจะเข้ามาไม่ได้เลย

    เห็นด้วยกับข้อเขียนของผมหรือไม่ครับ
     
  10. osaiteaw

    osaiteaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +277
    เห็นด้วยกับคุณpanup ค่ะ
    วิญญานสัมพันธ์จะมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือ ป้องกัน คุ้มครอง ปกป้อง มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อให้การปฏิบัติไม่ให้สะดุด
    เวลาทำบุญ ก็มักจะเป็นการมาเพื่อร่วมอนุโทนามากกว่า
     
  11. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    ครับ สำหรับคนที่ปฏิบัติธรรมตรงตามเส้นทางก็จะมีพัฒนาการไปตามลำดับ ซึ่งมีพื้นฐานทางศีลอย่างเหนียวแน่น และมีการภาวนาจนกระทั่งถึงจุด จิตก็จะเปิดรับรู้นาม ซึ่งเมื่อรูปพร้อม - นามพร้อม ก็ไปต่ออย่างก้าวกระโดด

    แต่กรณีพวกร่างทรงนี่ เป็นพวกพันธ์พิเศษ เพราะจิตเปิดรับรู้นามได้ตั้งแต่แรก ๆ แต่รูปยังไม่ได้เลย

    พวกนักปฏิบัติทั้งหลายปฏิบัติได้แต่รูป นามนั้นรอแล้วรอเล่า ไม่ได้สักที เห็นกลุ่มพวกร่างทรงสื่อวิญญานได้ง่าย ๆ ได้แต่มองตาปริบ ๆ ได้แต่คิดว่าแค่ทำศีลให้พร้อม แค่นี้กลับทำไม่ได้ มัวแต่ไปมั่วกับ กาม ลาภ

    ปัญหาของร่างทรงจึงอยู่ตรงนี้ คือ ศีลไม่พร้อม ตอนแรก ๆ ก็มักจะดูดี เหมือนก้าวกระโดด แต่ส่วนใหญ่ตกลงมา ไม่ลอยไปต่อ ไอ้ตอนตกนี่เจ็บหนักกว่าเก่าอีก พระท่านทั้งหลายจึงไม่สนับสนุนให้รับขันธ์กันก็เพราะเหตุนี้ เพราะว่าไม่ค่อยคุ้มเสี่ยง

    แต่ถ้าเป็นพวกพันธ์พิเศษจริง ๆ สื่อวิญญานได้โดยไม่ต้องรับขันธ์ อันนี้ข้อยกเว้น เขาเต็มของเขามาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ชาตินี้มาเพื่อไปต่ออย่างเดียว แต่จะไปถึงที่สุดหรือไม่ ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าไม่มีต่ำไปกว่าเก่า

    ใครหาพวกนี้เจอช่วยบอกกันด้วย พวกนี้ไม่ค่อยชอบเปิดเผยตัวเอง เขาชอบอยู่กับกรรมกำหนดของเขา เท่าที่ผมเคยเห็นมีครบทุกกลุ่มสังคม ไม่จำเป็นต้องเป็นพระ เป็นผู้ชาย พวกนี้เป็นแค่คราบภายนอกเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...