เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชมภาพข่าวสุดประทับจิต-สะเทือนใจจากงานประกวด China International Press Photo ครั้งที่ 7

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มีนาคม 2554 08:52 น.


    [​IMG]



    ภาพร่ำลาญาติมิตรที่อี้ว์ซู่ (Yushu Farewell relatives) ถ่ายโดยจาง หงเหว่ย แห่งหนังสือพิมพ์หวาซัง ถ่ายเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 53 ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ที่มณฑลชิงไห่ของจีน ได้รับรางวัลภาพแห่งปีจากการประกวด China International Press Photo Contest (CHIPPC) ครั้งที่ 7


    ASTVผู้จัดการ – ชมสุดยอดภาพข่าวจากการประกวด China International Press Photo Contest (CHIPPC) ครั้งที่ 7 โดยภาพที่ได้รับรางวัลภาพข่าวแห่งปีเป็นภาพเหตุแผ่นดินไหวที่มณฑลชิงไห่เมื่อเดือนเมษายน 2553

    เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา ที่เมืองหนานถง มลฑลเจียงซู สมาคมช่างภาพข่าวจีนได้ประกาศผลการตัดสินรางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยม China International Press Photo Contest (CHIPPC) ครั้งที่ 7 ซึ่งมีการเปิดให้ช่างภาพข่าวจากทั่วโลกส่งเข้าประกวดระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2554

    ในปีนี้มีผู้ส่งภาพข่าวเข้าประกวดกว่า 38,000 ภาพ จากช่างภาพกว่า 3,300 คนใน 70 ประเทศ โดยคณะกรรมการสิบสามท่านที่ได้รับเชิญจากสมาคมช่างภาพข่าวจีนเพื่อคัดเลือกภาพที่ได้รางวัลในแปดหมวด โดยภาพที่ได้รับรางวัลภาพแห่งปี (Picture of the year) คือ ภาพ ร่ำลาญาติมิตรที่อี้ว์ซู่ (Yushu Farewell relatives) ถ่ายโดยจาง หงเหว่ย แห่งหนังสือพิมพ์หวาซัง ถ่ายเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 53 ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ที่มณฑลชิงไห่ของจีน เป็นภาพหนุ่มชาวจีนวัย 20 ปี กำลังปลอบโยนภรรยาของเขาที่สูญเสียป้าไปในเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 53

    เนื่องจากภาพที่ได้รับรางวัลทั้งหมดมีจำนวนมาก ทาง “มุมจีน” เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการจึงคัดสรรภาพบางส่วนมานำเสนอดังนี้

    [​IMG]

    ภาพชาวปากีสถานกำลังยื้อแย่งอาหารและข้าวของจากเฮลิคอปเตอร์ ในวันที่ 7 ส.ค. 53 หลังเกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 คน ถ่ายโดย Adrees Latif จากสำนักข่าวรอยเตอร์ (ภาพได้รับรางวัลเหรียญทองในหมวด War & Disaster News Singles)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพชุดเหตุการณ์ภูเขาไฟเมราปีระเบิดในอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 53 โดยภาพชุดดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมที่มนุษย์ต้องประสบจากภัยธรรมชาติในช่วง 10 วันหลังภูเขาไฟระเบิดถ่ายโดย Kemal Jufri แห่ง Panos Pictures (ภาพชุดที่ได้รับรางวัลเหรียญทองในหมวด War & Disaster News Stories)

    [​IMG]

    ภาพชุดการเลือกตั้งในอัฟกานิสถานเมื่อเดือนกันยายน 2553 โดยหนึ่งในภาพชุดดังกล่าวเป็นภาพการขนหีบเลือกตั้งผ่านหุบเขาอันห่างไกลของจังหวัด Panjshir ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของกรุงคาบูลที่ถ่ายเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 53 ถ่ายโดย Ahmad Masood สำนักข่าวรอยเตอร์ (ภาพชุดที่ได้รับรางวัลเหรียญทองในหมวด General News Stories)

    [​IMG]
    ภาพนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย ระหว่างการลงนามในสนธิสัญญาลดอาวุธนิวเคลียร์ที่กรุงปรากเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 53 ถ่ายโดยอู่ เวย สำนักข่าวซินหัว (ภาพได้รับรางวัลเหรียญทองในหมวด People in the News & Portrait Singles)

    [​IMG]
    ภาพการยิงดาวเทียมฉางเอ๋อ หมายเลข 2 ขึ้นสู่อวกาศโดยจรวดขนส่งฉางเจิง 3 C ที่ศูนย์การยิงดาวเทียมซีชาง มณฑลเสฉวน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 53 เมื่อวเลา 18.59น. 57 วินาที ตามเวลาท้องถิ่น โดยดาวเทียมฉางเอ๋อหมายเลข 2 มีภารกิจในการสำรวจดวงจันทร์ ภาพดังกล่าวถ่ายโดย สื่อ เหว่ย จาก หนังสือพิมพ์เช้าอู่ฮั่น (ภาพได้รับรางวัลเหรียญทองในหมวด Economy Science & Technology News Singles)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ภาพชุดโยคะในน้ำแบบจีน ถ่ายโดย จู ซีหย่ง จากหนังสือพิมพ์ฉู่เทียนตูซื่อ (ภาพชุดที่ได้รับรางวัลเหรียญทองในหมวด Art Culture & Entertainment News Stories)

    [​IMG]

    ภาพ “Gilli ขอข้าว” Gilli เป็นชาวปากีสถานที่มีอาการป่วยทางจิตกำลังขอข้าวจากกลุ่มคนที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในศูนย์ของมูลนิธิ Edhi ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องสวัสดิภาพของชาวปากีสถาน โดยมูลนิธิแห่งนี้มีอยู่ 300 แห่งทั่วปากีสถาน ถ่ายโดย Behrouz Mehri ช่างภาพจากสำนักข่าวเอเอฟพี (ภาพได้รับรางวัลเหรียญทองในหมวด Daily Life Singles)


    ผู้ที่สนใจสามารถรับชมภาพอื่นๆ ได้จากเว็บไซต์ www.china.com.cn

    China - Manager Online -
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 29 มีนาคม 2554 09:42
    หลายปท.ประชุมวันนี้ วางรากฐานให้ลิเบีย

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    หลายปท.ประชุมวันนี้ วางรากฐานให้ลิเบีย
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110315/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT> รัฐบาลและองค์การระหว่างประเทศกว่า 40 แห่งจะประชุมกันในวันนี้ เพื่อพยายามวางรากฐานให้กับประเทศลิเบียที่ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของ
    พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ขณะที่กองกำลังพันธมิตรโจมตีรถถังและปืนใหญ่ของพันเอกกัดดาฟี
    เจ้าหน้าที่อังกฤษ กล่าวว่า การประชุมที่กรุงลอนดอนวันนี้จะเป็นการหารือเรื่องการเพิ่มความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้แก่พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม และการจัดเตรียมกระบวนการทางการเมืองเพื่อเปิดโอกาสให้ชาวลิเบียได้เลือกอนาคตของตนเอง
    นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษและนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้นำในปฏิบัติการแทรกแซงลิเบียในครั้งนี้ กล่าวเรียกร้องก่อนหน้านี้ว่า พันเอกกัดดาฟี ควรลงจากตำแหน่ง และกลุ่มผู้ติดตามเขาควรยุติการสนับสนุนเขาก่อนที่จะสายเกินไป
    นายคาเมรอนและนายซาร์โคซี ระบุในแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เราขอให้ชาวลิเบียทุกคนที่เชื่อว่าพันเอกกัดดาฟีกำลังนำพาลิเบียเข้าสู่หายนะ จงออกมาเริ่มต้นจัดเตรียมกระบวนการถ่ายโอนอำนาจในขณะนี้"
    เป็นที่เชื่อกันว่าการประชุมที่กรุงลอนดอนในครั้งนี้จะเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการแนะนำการวางแผนในระดับสูง ซึ่งรวมถึงชาติอาหรับ เพื่อให้คณะกรรมการชุดนี้ให้คำแนะนำทางการเมืองแก่นานาชาติในการตอบรับต่อวิกฤติลิเบีย และในการประสานความช่วยเหลือในระยะยาวสำหรับชาวลิเบีย
    การทำข้อตกลงเพื่อให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต้) เข้าควบคุมปฏิบัติการทางทหารต่อลิเบียอย่างเต็มที่ ประสบกับความ
    ล่าช้าเนื่องจากตุรกีกังวลกับความเสียหายที่พลเรือนได้รับจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยตุรกีระบุว่า ตุรกีต้องการเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการแนะนำทางการเมืองด้วย
    อังกฤษ ต้องการให้การประชุมในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมภาระผูกพันที่นานาชาติมีต่อมติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในเรื่องลิเบีย ในขณะที่รัสเซีย
    วิจารณ์ว่า ฝ่ายพันธมิตรดำเนินการโจมตีทางทหารในแบบที่อยู่นอกเหนืออำนาจของยูเอ็น
    การประชุมในครั้งนี้จะเริ่มต้นในเวลา 20.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ และจะจบลงด้วยงานแถลงข่าวในเวลา 23.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักการทูตคนหนึ่งกล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้อาจมีการหารือเรื่องการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อพันเอกกัดดาฟีด้วย
    ผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้จะรวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศกว่า 40 คน ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีจากชาติยุโรป องค์การนาโต้ ชาติอาหรับ และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ

     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การประท้วงในซีเรียเริ่มคุกรุ่น
    เจ้าหน้าที่ความมั่นคงขยายจำนวนตรึงกำลังบริเวณเมือง Latakia ที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตอนใต้ของประเทศซีเรีย ล่าสุดมีพลเรือนเสียชีวิตไปแล้ว 12 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย หลังเหตุปะทะกับหน้าเจ้าหน้าที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นปรากฏการณ์โดมิโนล่าสุดในโลกอาหรับที่กำลังประท้วงผู้นำประเทศ
    ขณะที่เมืองหลวงของซีเรีย Damascus มีการรายงานข่าวจากผู้สื่อข่าว Russia Times ว่า มีกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีซีเรียกว่าร้อยคนบริเวณสำนักข่าว Al Jazeera ขู่จะเผาตึก เนื่องจากไม่พอใจการนำเสนอสถานการณ์ความไม่สงบในซีเรีย

    อย่างไรก็ตาม มีการวิจารณ์ความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดการแทรกแซงในซีเรีย ซึ่งอ้างจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารีฯ กล่าวว่า “เหตุผลที่แทรกแซงลิเบียนั้น เพราะกัดดาฟีให้กองทัพใช้กำลังกับประชาชนที่ต่อต้านเขา” แม้สถานการณ์ในซีเรียไม่ได้เหมือนกันนัก แต่มีประชาชนเสียชีวิตแล้วราว 40 รายในการประท้วงที่ยาวนานในซีเรีย
    ผู้ประท้วงกำลังเรียกร้องให้ยุติ “การคอร์รัปชั่น” และยกเลิก “การประกาศภาวะฉุกเฉิน” ภายในประเทศที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1963 เนื่องจากต้องการให้มีเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น

    [​IMG]

    ที่ปรึกษารัฐบาลซีเรียให้สัมภาษณ์ถึงกฎหมายภาวะฉุกเฉินนั้น ได้ถูกยกเลิกแล้ว แต่เขาไม่ทราบระยะเวาที่แท้จริงว่าจะถูกนำมาใช้อีกเมื่อไหร ส่วนประธานาธิบดี Bashar al-Assad ผู้เผชิญกับวิกฤตดังกล่าวมายาวนาน 11 ปี (ขณะที่อยู่ในอำนาจ) คาดว่าจะหยิบนำมาใช้อีกในไม่กี่วันข้างหน้า
    สถานการณ์ในซีเรียเริ่มรุนแรงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มขึ้นเมื่อมีกลุ่มนักเรียนถูกจับตัวเมื่อวันที่ 11 มีนาคมฯ ที่ผ่านมา หลังจากเขียนสโลแกนต่อต้านรัฐบาลบริเวณกำแพงโรงเรียนของพวกเขา ทำให้ผู้คนออกมาเรียกร้องบริเวณท้องถนน
    ศูนย์กลางแห่งการประท้วงอยู่ทางตอนใต้ของเมืองซีเรีย Daraa ที่ทำให้เกิดเหตุไม่สงบตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา มีผู้ประท้วงราวหมื่นรายเดินขบวนเรียกร้องทั่วเมือง นอกจากนี้ยังมีการตั้งกลุ่มใน Facebook ชื่อว่า “การปฏิวัติของชาวซีเรีย 2011″ (The Syrian Revolution 2011) มีแฟน Facebook แล้ว 93,676 ราย
    The Syrian Day of Rage มีแฟนใน Facebook 4,578 ราย
    ขณะที่ผู้ใช้ twitter จะมีการทวิตข้อความและคลิปวิดิโอการประท้วงของชาวซีเรียอยู่ตลอดเวลา

    Russia Times

    การประท้วงในซีเรียเริ่มคุกรุ่น | Siam Intelligence
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตุรกีประสานซีเรียแก้ปัญหาประท้วง
    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 11:39:01
    สำนักข่าวมุสลิมไทย ตุรกีประสานซีเรียแก้ปัญหาประท้วง
    ข่าวเอเจนซี่ – เมื่อวันจันทร์ (28/03) นายกรัฐมนตรีฏอยยิบ เอร์ดูแกน แห่งตุรกีกล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด 2 ครั้งทางโทรศัพท์เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา และอัสซาดไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธที่จะรับฟังเสียงของประชาชน
    [​IMG]

    เอร์ดูแกนกล่าวกับสื่อก่อนที่จะเดินทางไปเยือนอิรักว่า เขาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีซีเรีย รับฟังข้อเรียกร้องของประชาชน และเริ่มปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเอาชนะปัญหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เมื่อวันอาทิตย์หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของตุรกีได้ไปเยือนซีเรียเพื่อการเจรจา และว่าตุรกีจะจับตาพัฒนาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในซีเรียอย่างใกล้ชิด ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศแน่นแฟ้นขึ้น หลังจากพรรค AK ของตุรกีเข้าปกครองประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างตุรกี-อิสราเอลเริ่มคลายลง

    ประธานาธิบดีอัสซาดกล่าวว่า กำลังดำเนินการเพื่อยกเลิกกฎหมายภาวะฉุกเฉินตามที่ประชาชนเรียกร้อง

    ผู้ประท้วงหลายสิบคนถูกสังหาร ซึ่งนับเป็นภาวะวิกฤติที่สุดในรอบ 11 ปี ของการปกครองประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องเกณฑ์กองกำลังทหารเข้ารักษาการณ์เป็นครั้งแรกในเมืองท่าลาตาเกียเมื่อวันเสาร์ (24/03)

    ในส่วนของลิเบีย เอร์ดูแกนกล่าวว่า ถึงแม้นาโต้จะเข้ามาควบคุมปฏิบัติการณ์ถล่มลิเบียแล้ว แต่ตุรกีจะมีส่วนรับผิดชอบเพียงด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ซึ่งจะนำไปแจกจ่ายในสนามบินที่เป็นฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในเบงกาซี และกองเรือตุรกีจะช่วยดูแลเส้นทางน้ำระหว่างเกาะครีต และลิเบียเท่านั้น พร้อมย้ำว่า ตุรกีไม่ใช่ประเทศที่จะไปทิ้งระเบิด หรือยิงใส่ประเทศอื่น

    เอร์ดูแกน และรัฐมนตรีต่างประเทศดาวูโตกลู จะเดินทางไปร่วมประชุมนานาชาติที่กรุงลอนดอนในวันอังคารนี้ เพื่อปรึกษาหารือในเรื่องเกี่ยวกับปฏิบัติการในลิเบีย และอนาคตของประเทศ

    หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน ของอังกฤษฉบับวันอาทิตย์ รายงานว่า ตุรกีเตรียมจะเสนอตัวเป็นคนกลางเจรจาหยุดยิงกับลิเบีย และว่าหากความขัดแย้งยืดเยื้อออกไป ลิเบียไม่แคล้วจะกลายสภาพเป็นประเทศอิรักในเวลาอันใกล้นี้ - www.muslimthai.com

     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ประธานสันนิบาตอาหรับปฏิเสธรับเงินสินบน
    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 11:36:27
    สำนักข่าวมุสลิมไทย ประธานสันนิบาตอาหรับปฏิเสธรับเงินสินบน
    ข่าวเอเจนซี่, อัล-อาราบิญา – อัมรฺ มูซา ประธานสันนิบาตอาหรับปฏิเสธกรณีที่กัดดาฟีกล่าวหาว่า เขารับของขวัญเป็นรถยนต์ราคา 42,000 ยูโร และเงินจำนวนหนึ่งจากลิเบีย รวมทั้งเงินจำนวน 10,000 ดอลล่าร์จากอดีตประธานาธิบดีซาอัด ฮารีรี แห่งเลบานอน
    [​IMG]

    หนังสือพิมพ์อียิปต์ Sout el-Omma ลงบทสัมภาษณ์มูซา ซึ่งกล่าวว่า กัดดาฟีมอบรถคันดังกล่าวให้กับสันนิบาตอาหรับ ซึ่งมีการจดทะเบียนรถในนามขององค์กร และที่จริงมีราคาเพียง 24,000 ยูโรเท่านั้น ส่วนในเรื่องรับเงินจากลิเบีย มูซาท้าให้กัดดาฟีหาประจักษ์พยานมาแสดง

    ในเรื่องที่ว่าเขารับเงินสินบนจากฮารีรี่จำนวนหนึ่งหมื่นดอลล่าร์ และฮารีรีเคยส่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมารับ มูซากล่าวว่า สมมุตว่าเรื่องนี้เป็นความจริงเขาจะรู้สึกเสียใจ เพราะค่าตัวเขาน่าจะสูงกว่านี้ และผู้นำประเทศอาหรับหลายประเทศก็เคยส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับเขา ในฐานะที่เขาเป็นประธานสันนิบาตอาหรับ

    มูซายังกล่าววิพากษ์กัดดาฟีว่าเป็นคนขี้เหนียว และไม่ค่อยบริจาคให้กับสันนิบาตอาหรับ

    มูซากล่าวหาว่ากัดดาฟีพยายามจะลอบสังหารเขา หลังจากกัดดาฟีออกแถลงการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ แสดงความเห็นว่า มูซาจะไม่มีทางได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีอียิปต์ - www.muslimthai.com

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวประมงอิตาลีประท้วงไม่เอาผู้อพยพ

    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 11:42:12


    สำนักข่าวมุสลิมไทย ชาวประมงอิตาลีประท้วงไม่เอาผู้อพยพ
    [​IMG]
    สำนักข่าวอัล-จาซีร่า - ชาวประมงอิตาลีพากันตั้งเครื่องกีดขวางบริเวณอ่าวแลมปีดูซ่า เพื่อสกัดกั้นการเดินทางเข้ามาของเรือผู้อพยพจากประเทศแถบแอฟริกาเหนือที่พยายามเข้านำเรือเข้าฝั่ง




    ประชาชนบนเกาะต่างๆ ในทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน แสดงความห่วงกังวลหลังจากเรือที่บรรทุกผู้อพยพลำแล้วลำเล่า เดินทางหนีความไม่สงบในลิเบีย และตูนีเซียมาขึ้นฝั่งยุโรป

    เพียง 3 วันที่ผ่านมา มีผู้อพยพเข้ามาใหม่กว่า 3,000 คนแล้ว และศูนย์อพยพบนเกาะก็เต็มจนไม่พอรองรับอีกต่อไป จนผู้อพยพต้องออกมานอนตามท่าเรือ หรือในเต็นท์ชั่วคราว

    เกาะแลมปีดูซ่ามีประชาชนอาศัยอยู่แล้ว 5,000 คน ซึ่งส่วนมากมีอาชีพทำประมงและเป็นเมืองท่องเที่ยว นับตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้อพยพกว่า 15,000 คน หลั่งไหลข้ามทะเลมาขึ้นยังเกาะดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม การประท้วงเมื่อวันจันทร์ (28/03) เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น เพราะมีเพียงไม่กี่รายที่อพยพกันมาเอง แต่ผู้อพยพจำนวนมากกว่าจะมาทางเรือประมงโดยมีการเสียเงินให้แก่ผู้นำพามา หลังจากเมื่อเข้าน่านน้ำอิตาลีเรือยามฝั่งของเจ้าหน้าที่จะมานำเรือดังกล่าวไปยังศูนย์อพยพบนเกาะแลมปิโดซ่า

    เนื่องจากศูนย์บนเกาะดังกล่าวเริ่มเต็ม เรือผู้อพยพจะบ่ายหน้าไปยังเกาะลิโนซ่า และเกาะมอลต้า ซึ่งเป็นเกาะในหมู่เกาะของประเทศอิตาลีซึ่งเล็กกว่า

    อิตาลีได้ให้คำมั่นจะเพิ่มจำนวนเรือขนส่ง เพื่อขนย้ายผู้อพยพจากเกาะแลมปิโดซ่าไปยังศูนย์กักกันที่อื่น นายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้ให้เงินช่วยเหลือ 281 ล้านดอลล่าร์ แก่ตูนีเซีย และให้เครดิตจำนวนเท่ากันเพื่อให้ตูนีเซียดูแลแนวชายแดนอย่างเข้มงวด - www.muslimthai.com

     
  7. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ถึงเวลา อดทนอดกลั้น!! ไฟเขียวขึ้นราคาสินค้า กระจุย

    [​IMG]


    ถึงเวลา อดทนอดกลั้น!! ไฟเขียวขึ้นราคาสินค้า กระจุย

    หลังเหตุการณ์ น้ำมันปาล์มคลี่คลาย ปัญหาใหญ่ที่ไม่คาดฝันกำลังจะเกิดในไม่เชื่อ เมื่อข้าวของใช้ที่จำเป็น อย่าง ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน เตรียมความพร้อมในการปรับราคา ซึ่งก็คาดว่าน่าจะประมาณสิ้นเดือนมีนาคมนี้เพราะถือเป็นการหมดระยะเวลาการขอความร่วมมือ จากผู้ประกอบการสินค้า โดยล่าสุดผู้ประกอบการได้ยื่นความจำนงค์จะขอขยับราคาแบบยกแผง หลังอ้างว่าแบกภาระมานานนับปี

    ด้าน พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้เออ ออ ห่อ หมก เปิดไฟเขียวยอมให้มีการปรับราคาได้ตามต้นทุนที่แท้จริงแต่ก็ยังดีที่จะมีการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ซึ่งสิ่งที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นอย่างแน่นอนแล้วคาดว่า จะเป็น นม ปุ๋ยยูเรีย น้ำมันถั่วเหลือง

    ซึ่งประชาชนทุกคนต้องเตรียมรับมือ ในไม่กี่วันนี้ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 สิ้นสุดระยะเวลาการตรึงสินค้าอุปโภคบริโภค คาดราคาสินค้ายกขบวนปรับขึ้นราคากันถ้วนหน้า อย่างเรา ๆ ต้องทำใจรับสภาพความเป็นจริง เหตุต้นทุนวัตถุดิบแพงเหมือนกันทั่วโลก แต่รัฐมนตรีพาณิชย์ก็ออกมารับปากจะพยายามดูแลให้กระทบประชาชนน้อยที่สุดจากกรณีที่ คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่ออีก 3 เดือนจนถึงเดือนมีนาคม 2554 จากเดิมที่การตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคถึงกำหนดต้องสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม 2553
    ตามแนวทางในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในครั้งนั้นกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าผู้ประกอบการถึง 90%ต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียอมต่ออายุการตรึงราคาสินค้าออกไปถึงเดือนมีนาคม 2554 มีเพียง 10% เท่านั้นที่ไม่สามารถตรึงราคาต่อไปได้ เพราะต้นทุนการผลิตสูงมาก แม้ได้รับผลกระทบจากกรณีที่รัฐบาลให้ปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำวันละ 8-17 บาท ทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น 0.023-1.794 บาท

    อีกทั้งสินค้าสำคัญชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ตรึงราคาไว้ และมีการอนุมัติให้ปรับราคาขึ้นก่อนหน้า
    และเป็นประเด็นความเดือดร้อนที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาแพง และสินค้าขาดตลาดก็คือ น้ำมันปาล์ม
    ที่ให้ขึ้นราคาจากลิตรละ 38 บาท เป็น 47 บาท

    ถึงเวลา อดทนอดกลั้น!! ไฟเขียวขึ้นราคาสินค้า กระจุย - ข่าวเด่นประจำวัน, สกู๊ปข่าว
     
  8. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    March 28, 2011
    – TEHRAN - New evidence has emerged that the Iranian government sees the current unrest in the Middle East as a signal that the Mahdi--or Islamic messiah--is about to appear. CBN News has obtained a never-before-seen video produced by the Iranian regime that says all the signs are moving into place -- and that Iran will soon help usher in the end times. While the revolutionary movements gripping the Middle East have created uncertainty throughout the region, the video shows that the Iranian regime believes the chaos is divine proof that their ultimate victory is at hand. The propaganda footage has reportedly been approved at the highest levels of the Iranian government. It's called The Coming is Near and it describes current events in the Middle East as a prelude to the arrival of the mythical twelfth Imam or Mahdi -- the messiah figure who Islamic scriptures say will lead the armies of Islam to victory over all non-Muslims in the last days. "This video has been produced by a group called the Conductors of the Coming, in connection with the Basiji -- the Iranian paramilitary force, and in collaboration with the Iranian president's office," said Reza Kahlil, a former member of Iran's Revolutionary Guards who shared the video with CBN News. Kahlili, author of the book, A Time to Betray, worked as a double agent for the CIA inside the Iranian regime. "Just a few weeks ago, Ahmadenijad's office screened this movie with much excitement for the clerics," Kahlili told CBN News. "The target audience is Muslims in the Middle East and around the world." –CBN News
     
  9. benz_sudta

    benz_sudta สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +3
    สู้ๆๆ ใกล้ถึง 100 หน้าแล้วโว้ย อ้อมีข่าวมาประชาสัมพันธ์ เสาร์ที่ 2 เมษายนนี้ใครว่างก็เชิญไปตักบาตรกับหลวงปู่เณรคำได้นะครับ ที่ บ้านขันติธรรม 9/1-3, 5 ม.12 ซ./ถ.บางพรม34 แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กทม. เวลา 8.00-9.00 น. ดูรายละเอียดได้ที่

    ปฏิทินภารกิจ | หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก

    ปีนี้อากาศโลกวิปริตรุนแรง บ่งบอกถึงอาเพศใหญ่ ฤดูร้อนกลายเป็นฤดูหนาว ยังไม่นับความวุ่นวายอื่นๆอีก ใครที่ไปได้ก็ไปเหอะครับ ส่วนผมออกจากบ้านตี 5 คุณ Kwan อยากเจอตัวจริงผมก็ไปที่งานได้ สาธุๆ
     
  10. benz_sudta

    benz_sudta สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +3
    สู้ๆๆ ใกล้ถึง 100 หน้าแล้วโว้ย อ้อมีข่าวมาประชาสัมพันธ์ เสาร์ที่ 2 เมษายนนี้ใครว่างก็เชิญไปตักบาตรกับหลวงปู่เณรคำได้นะครับ ที่ บ้านขันติธรรม 9/1-3, 5 ม.12 ซ./ถ.บางพรม34 แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กทม. เวลา 8.00-9.00 น. ดูรายละเอียดได้ที่

    ปฏิทินภารกิจ | หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก

    ปีนี้อากาศโลกวิปริตรุนแรง บ่งบอกถึงอาเพศใหญ่ ฤดูร้อนกลายเป็นฤดูหนาว ยังไม่นับความวุ่นวายอื่นๆอีก ใครที่ไปได้ก็ไปเหอะครับ ส่วนผมออกจากบ้านตี 5 คุณ Kwan อยากเจอตัวจริงผมก็ไปที่งานได้ สาธุๆ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอบคุณที่ชวนไปทำบุญค่ะ แต่ติดภารกิจไปทำบุญที่วัดพุทธบูชาวันเสาร์นี้เหมือนกันกะครอบครัว แหะ แหะ
    กะอีกอย่าง กลัวคนอื่นมาเจอตัวจริงของเรา เหอๆ

    [​IMG]...ส่งความรักและคิดถึงกันในฐานะเพื่อร่วมโลกร่วมชะตากรรม ดั่งพี่น้องร่วมโลก และขอร่วมอนุโทนาบุญล่วงหน้าค่ะ เราร่วมกันสู้ทำบุญสร้างกุศลและหมั่นทำความดีรักษาศีลจรรโลงศีลธรรมเชิดชูจริยธรรม ชื่นชมผู้ทำความดี เพื่อโลกสวยงาม เนาะ (รูปนี้คล้ายๆลูกสาวเรานิดนึง เลยชอบเป็นพิเศษ แถมทะเล้นท์ได้ใจ อิอิ) และก็ สู้โว้ย(ค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2011
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'สังคายนา' พระไตรปิฎก ถึงเวลาหรือยัง?
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=center align=left>29 มีนาคม 2554 18:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    จู่ๆ ก็กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อมีข่าวว่า พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย รองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ออกมาเปิดเผยเรื่องลึกแต่ไม่ลับว่า วัดพระธรรมกายกำลังมีแผนการใหญ่ด้วยการระดมนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลีจากประเทศต่างๆ อาทิ ศรีลังกา พม่า ฯลฯ จำนวน 12 คนมาร่วมชำระพระไตรปิฎก หรือเรียกง่ายๆ 'สังคายนา' โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะแก้ไขเรื่องไตรลักษณ์ จาก ‘อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา’ เป็น ‘อนิจจัง ทุกขัง อัตตา’ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางคำสอนของวัด

    แม้งานนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวัดพระธรรมกาย จะออกมายอมรับแต่โดยดีว่า มีโครงการเกี่ยวกับพระไตรปิฎกจริง แต่ก็เป็นเพียงการถ่ายภาพดิจิตอลของคัมภีร์ใบลานตามสายจารีตต่างๆ ทั้งไทย ล้านนา ศรีลังกา พม่า ขอม ซึ่งนับวันก็จะผุกร่อนบ้างตามกาลเวลาเพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องการแก้ไขคำสอนเรื่องไตรลักษณ์นั้นขอปฏิเสธ เพราะหากไปแก้ไขโดยพลการ ก็จะขัดแย้งกับหลักฐานของพระไตรปิฎกฉบับอื่นๆ ซึ่งรังแต่จะสร้างผลเสียให้เกิดแก่ตัวผู้ทำนั่นเอง

    จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดข้อโต้เถียงเกี่ยวกับสังคายนาพระไตรปิฎกเกิดขึ้นเป็นทิวแถว ไม่ว่าจะเป็นชำระไปทำไม แล้วใครๆ ก็สามารถรับเจ้าภาพได้จริงๆ หรือไม่ รวมไปถึงในยุคที่พระพุทธศาสนาถูกสั่นคลอนด้วยศรัทธารุนแรงเช่นนี้ เวลาเหมาะสมหรือยังที่จะต้องมีการชำระพระไตรปิฎกกันอีกสักรอบ

    [1]

    หากย้อนกลับไปดูหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จะพบว่าจริงๆ แล้วการสังคายนาพระไตรปิฎก ก็คือการจัดระเบียบและหลักคำสอนของพระพุทธองค์ให้ไว้เป็นหมวดหมู่ สะดวกแก่การจดจำนำไปอ้างอิงนั่นเอง แต่ที่ต้องทำการหลายๆ รอบ ก็เพราะเมื่อระยะเวลาผ่านไป ก็เกิดความขัดแย้งทางความคิดระหว่างสงฆ์ 2 ฝ่าย ซึ่งบางครั้งก็รุนแรงถึงขั้นแตกแยกทะเลาะวิวาท หรือโจมตีกันเองก็มี ดังนั้นเป็นการแก้ไขปัญหา ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ลงมาเป็นตัวกลาง และนำข้อถกเถียงมาปรึกษาหารือเพื่อได้ข้อสรุปร่วมกัน

    โดยการสังคายนาแต่ละครั้ง ก็มักจะส่งผลและบรรทัดฐานตามมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การสังคายนาครั้งแรก ซึ่งทำหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก็ก่อให้เกิดการแบ่งพระธรรมวินัยเป็น 3 หมวดใหญ่ คือพระวินัยปิฎก พระสุตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก หรือการสังคายนาใน พ.ศ.100 ก็นำไปสู่การแยกเป็นนิกายหินยานและมหายาน

    สำหรับในเมืองไทยเองก็เกิดการสังคายนาขึ้นมาแล้วหลายครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2020 ในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกนาถ แห่งเมืองเชียงใหม่ เพราะในช่วงนั้นพระธรรมทินมหาเถระ ซึ่งเปรื่องปราดแตกฉานในพระไตรปิฎก ได้เล็งเห็นพระไตรปิฎกมีอยู่ในเวลานั้น มีข้อคลาดเคลื่อนอยู่มาก เนื่องจากได้ผ่านการคัดลอกมานานแสนนาน จึงคัดเลือกพระสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญมาประชุมทำสังคายนา ใช้เวลานาน 1 ปีจึงแล้วเสร็จ

    ครั้งพอถึงกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี คณะสงฆ์ก็มีความวุ่นวายอย่างหนัก สืบเนื่องจากเหตุการณ์ในแผ่นดินก่อน รัชกาลที่ 1 จึงมีพระบรมราชโองการให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกอีกครั้ง จารึกข้อความลงบนใบลานด้วยอักษรขอม แต่ครั้งที่สำคัญที่สุด ก็คือในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งโปรดให้มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทยเป็นครั้งแรก ในวโรกาสที่ทรงครองราชย์ครบ 25 ปี โดยมีการระดมพระเถระชั้นผู้ใหญ่มาเข้าร่วมมากถึง 110 รูป หมดเงินมากถึง 160,000 บาท และใช้เวลาถึง 6 ปีจึงแล้วเสร็จและให้เรียกว่า 'ฉบับบาลีสยามรัฐ' ซึ่งพระไตรปิฎกฉบับนี้ถือเป็นต้นแบบสำคัญที่ถูกนำมาอ้างเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระไตรปิฎกในยุคต่อมา

    อย่างไรก็ดี การแก้ไขพระไตรปิฎกครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ ต้องใช้เวลานานอยู่หลาย และต้องทรัพยากรสูงมาก อย่างคนที่เข้ามาร่วมสังคายนาในเรื่องนี้ได้ต้องเป็นนักปราชญ์ หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งได้รับการยอมรับทางด้านวุฒิภาวะ และสติปัญญาจากคนในแผ่นดินนั้น และยังมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองรับหน้าที่เป็นผู้อุปถัมภ์ เพื่อที่เวลาแก้ไขมาแล้วจะได้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เช่นแต่ก่อนก็คือ พระเจ้าแผ่นดิน

    “การสังคายนาเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ทำกันบ่อย หลายร้อยปีถึงทำครั้งหนึ่ง เพราะเนื้อหาในพระไตรปิฎกเยอะมาก บางครั้งใช้เวลานาน 3 เดือน หรือหากเป็นประเด็นใหญ่จริงๆ ก็อาจต้องใช้ถึง 6 เดือน แต่จุดหนึ่งที่สังเกตได้ก็คือ พระพุทธศาสนาสายเถรวาทมีลักษณะเป็นอนุรักษ์นิยม เพราะฉะนั้นเวลาเกิดความคิดที่แตกต่างขึ้นก็มักจะสืบสวนและตีความกลับไปในอดีตว่า ถ้าเป็นยุคพุทธกาล พระพุทธเจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร ซึ่งแตกต่างกับมหายานที่จะตีความไปข้างหน้าว่า ถ้าในยุคสมัยอย่างนี้จะสื่อสารกับปรัชญาตะวันตกอย่างไร คำสอนควรจะออกมาในรูปแบบไหน” ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลกแสดงทัศนะ

    [2]

    แต่ทว่า เมื่อมองหันไปดูสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็จะพบว่า ที่ผ่านมามีความขัดแย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องข้อความในพระไตรปิฎกขึ้นบ่อยครั้ง เช่น กรณีของวัดพระธรรมกายที่มีแนวคิดเรื่องนิพพานที่ผิดแปลกไปจากข้อความดั้งเดิมและกลายเป็นข้อถกเถียงอยู่ในสังคมอยู่พักใหญ่

    “ตอนนั้นมีการเถียงกันเยอะมาก ว่านิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา โดยทางฝ่ายวัดพระธรรมกายก็ยกประเด็นว่านิพพานเป็นอัตตาแล้วก็เผยแผ่คำสอนในหมู่สาวก ซึ่งเขาก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่พอเผยแผ่ออกไปแบบนี้ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เช่นพระพรหมคุณาภรณ์ก็ออกมาโต้ด้วยการเขียนหนังสือว่า ‘นิพพานต้องเป็นอนัตตา’ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักไตรลักษณ์ในพระพุทธศาสนา”

    แน่นอนว่า หากประเด็นแบบนี้ถูกนำขยายวงกว้างมากๆ ก็อาจจะต้องนำไปตีความกันอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้ ที่สำคัญในยุคที่ศาสนาเป็นเช่นนี้ ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็มองว่า ถึงเวลาที่ต้องชำระพระไตรปิฎกกันอีกสักที เช่น ศรายุทธ ชูพันธุ์ พนักงานฝ่ายไอที โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่ง

    “ผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงแก้ไข คือเรื่องที่ดี แต่ติดอยู่แค่คนไทย ชอบยึดติดกับความเชื่อเดิม แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันคือพื้นฐานที่อยู่ในตัวมนุษย์มาตั้งแต่โบราณซึ่งเราก็ต้องมองตรงจุดนี้ด้วย แต่ถ้ามีการแก้ไขกันจริงๆ ผมก็อยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในองค์กรพุทธศาสนา ให้มีการคุย หรือตกลงอะไรกันเลย เสร็จแล้วก็ประกาศใช้ ถ้าหากให้มานั่งทำประชาพิจารณ์หรือขอความเห็นจากคนทุกคน จะมีกี่คนที่มีความรู้ หรือสักกี่คนที่เข้าใจจริงๆ”

    แต่ก็มีพุทธศาสนิกชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย เช่น รัดดาวรรณ จำปาพันธ์ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่มองว่า คำสอนของพระพุทธองค์เป็นจริงแท้ทุกยุคทุกสมัย หากใครปฏิบัติได้ก็เป็นสุข

    “คนเราทำไม่ได้ ก็เที่ยวจะไปเปลี่ยนโน้นนี่ตามใจตนเอง เดี๋ยวคนเราจะสูญพันธุ์เหมือนไดโนเสาร์หรอก เพราะชอบปรับอะไรให้เข้าหาตัวเอง แต่ไม่ยอมปรับตัวเองเพื่อสิ่งอื่น”

    หรืออย่างนักศึกษาพระ อย่าง พระวินัย สิงคำคา (พระครูอาทรโพธิสาร) แห่งวัดหนองกุงใหญ่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้ยังมองไม่เห็นความจำเป็น

    “การจะทำการสังคายนาพระไตรปิฎกนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะพระไตรปิฎกเป็นคัมภีร์ชั้นสูงที่มีความซับซ้อน เหมือนกับกฎหมายในทางโลกจะมาแก้คนเดียวหรือด้วยคนกลุ่มเดียวนี่ไม่ได้หรอก เพราะถ้าแก้โดยคนกลุ่มเดียวก็อาจจะมีความผิดพลาดและทำตามความชอบของตนเอง หลักธรรมคำสั่งสอนก็อาจจะถูกตีความผิดพลาดไปได้”

    เพราะฉะนั้นการจะแก้ไขหรือชำระพระไตรปิฎกให้ออกมาสมบูรณ์ จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งเท่านั้น

    [3]

    ไม่เพียงแค่ประเด็นในเรื่องความเวลาและคน อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก ซึ่งมักจะเกิดทุกครั้ง เวลามีการสังคายนา ก็คือความผิดเพี้ยน ซึ่ง ดร.ทวีวัฒน์ ก็บอกว่าเรื่องนี้ก็เหมือนกับการเขียนพงศาวดารที่ยิ่งเขียนใหม่มากเท่าใด ความน่าเชื่อถือก็ยิ่งลดลงไปเท่านั้น

    “ยิ่งตีความไปเท่าใด ความเดิมก็ยิ่งแปลงเปลี่ยนไปเท่านั้น และเราต้องไม่ลืมว่าคนทำส่วนใหญ่ก็เป็นผู้มีอำนาจทางแผ่นดิน ถ้าสมัยนี้ก็น่าจะเป็นรัฐมนตรี ซึ่งลองคิดดูก็ได้ว่าพอฝ่ายการเมืองเป็นเจ้าภาพ เขาก็เชิญแต่นักปราชญ์ในกลุ่มที่สอดคล้องหรือเขายอมรับเข้ามา สุดท้ายก็มันจะเป็นไปตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ”

    สอดคล้องกับความเห็นของ พระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ที่มองว่า การสังคายนายุคหลังๆ ผู้ที่เข้าร่วมมักแต่งเติมคำอธิบายของตัวเองหรือที่เรียกว่า อรรถกถาลงไปเพิ่มเติม ทำให้เกิดความผิดเพี้ยนขึ้นมาได้ เพราะแม้แต่พระไตรปิฎกที่ถูกยึดถือในปัจจุบันว่ามีความถูกต้องมากที่สุดอย่าง บาลีสยามรัฐ ก็ยังมีการแทรกอรรถกถาด้วยเช่นกัน

    “ในการสังคายนาพระไตรปิฎกแต่ละครั้ง ผู้ที่มีอำนาจในการสังคายนาก็มักแทรกอรรถาธิบายของตนเองลงไป ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจหากใครคิดจะสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นเพื่อจุดมุ่งหมายใดก็ตาม เนื่องจากหากไม่ได้รับการยอมรับก็ย่อมไม่ได้รับการอ้างอิง และหากกลับไปหาคำสอนของศาสดา ปัญหาความคลาดเคลื่อนในพระไตรปิฎกก็จะหมดไป

    “อย่างคำว่า ’84,000 พระธรรมขันธ์’ เราไปสแกนในบาลีสยามรัฐทั้งภาษาบาลีและไทยในยุครัชกาลที่ 5 จะไม่เจอคำนี้ แต่ถ้าไปสแกนในฉบับของมหามงกุฏฯ และมหาจุฬาฯ จะเจอ ในฉบับาลีสยามรัฐจะเจอแต่ประเภท ช้าง 84,000 ตัว ม้า 84,000 ตัว จึงเห็นว่าในทุกยุคใครที่มีอำนาจในการสังคายนาพระไตรปิฎก ผู้นั้นก็จะมีการเติมความเห็นลงไปเรื่อยๆ การเติมเกิดขึ้นเพราะไม่ชัดเจนในคำศาสดา จึงอธิบายเพิ่มเติมด้วยความหวังดีทั้งนั้น จนสุดท้ายหาตัวไม่ได้ว่าใครเป็นผู้อรรถกถา”

    เพราะฉะนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ทางออกที่ ดร.ทวีวัฒน์มองว่าน่าจะแก้ไขปัญหาได้เวลาที่เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก ก็คือปล่อยให้เป็นไป โดยไม่จำเป็นต้องไปสังคายนาพระไตรปิฎก

    “ผมว่าเราควรปล่อยให้สำนักต่างๆ ตีความไปนั้นดีแล้ว จะได้เกิดความหลากหลายทางความขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาสรุปหรือลงมติว่าคิดอย่างนี้ถึงจะถูก สู้ปล่อยสังคมเป็นผู้ที่ตัดสินน่าจะดีกว่า เพราะสุดท้ายเวลาจะเป็นตัวบอกเองว่า สิ่งไหนที่ถูกต้อง”
    >>>>>>>>>>
    ……..
    เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
    ภาพ : ทีมภาพ CLICK
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    Daily News - Manager Online - '
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2011
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แนะผู้นำโลกเปิดทาง'กัดดาฟี'ลี้ภัย ยุติสงครามนองเลือดในลิเบีย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>30 มีนาคม 2554 01:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ตัวแทนจากชาติต่างๆ 35 ประเทศ ที่หารือกันในเมืองหลวงของอังกฤษ กำลังหารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะยื่นข้อเสนอแผนลี้ภัยแก่กัดดาฟี
    เอเอฟพี - นักวิเคราะห์แนะเวทีหารือผู้นำโลกในลอนดอนเมื่อวันอังคาร(29) ควรเปิดทางให้ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียได้รับโอกาสลี้ภัยในต่างแดน ด้วยชาติแอฟริกาหรือเวเนซุเอลา ดูเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้มากที่สุด

    มีรายงานว่าตัวแทนจากชาติต่างๆ 35 ประเทศ ที่หารือกันในเมืองหลวงของอังกฤษ กำลังหารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะยื่นข้อเสนอแผนลี้ภัยแก่กัดดาฟี เพื่อหลีกเลี่ยงความน่ากลัวแห่งสงครามจากปฏิบัติการทางทหารในลิเบีย

    วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ บอกว่าควรนำตัว กัดดาฟี ไปขึ้นศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศตามเสียงเรียกร้องของฝ่ายกบฏลิเบีย อย่างไรก็ตาม เฮก ไม่ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้สำหรับแนวทางข้อเสนอลี้ภัย

    ฟาวาซ เกอร์เกส ผู้อำนวยการศูนย์ตะวันออกกลาง ณ สถาบันเศรษฐศาสตร์แห่งลอนดอน บอกว่าการปลีกตัวออกไปของ กัดดาฟี จะช่วยลดโอกาสแห่งสงครามกลางเมืองอันยืดเยื้อในลิเบีย

    "ความจริงคือ กัดดาฟี ถูกต้อนเข้ามุม หลังของเขาติดกำแพง จนกว่าที่ กัดดาฟี จะได้รับข้อเสนอทางลง การต่อสู้นี้จะยืดเยื้อไปจนถึงศพสุดท้ายหรือแม้แต่กระสุนนัดสุดท้าย ผมไม่เคยสงสัยในเรื่องนี้เลย" เขากล่าว "กระนั้นแม้ว่า กบฏ จะบรรลุเป้าหมายใน 2 หรือ 3 สัปดาห์ ดินแดนแห่งนี้ก็ยังต้องเจอกับความยากลำบาก และอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิงและอันตรายกว่าเดิมสำหรับลิเบียหรือแม้แต่ชาติมหาอำนาจ"

    เมื่อวันอาทิตย์(27) ฟรันโฏ ฟรัตตินิ รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี เสนอกรอบแห่งแผนเจรจาที่อาจรวมไปถึงมอบข้อเสนอลี้ภัยแก่กัดดาฟี ขณะที่ ทรินิแดด ติมิเนซ รัฐมนตรีต่างประเทศสเปน ระบุในวันอังคาร(29) ว่าการลี้ภัยของกัดดาฟี ยังเป็นทางเลือกตามกฎหมายเพราะว่าศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศยังไม่ตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติต่อตัวเขา

    ด้าน Shashank Joshi ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถาบันรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิซ กล่าวว่าแม้หลายๆประเทศอาทิอังกฤษ ต้องการเห็น กัดดาฟี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาคงกระโดดคว้าโอกาสที่ได้เห็นผู้นำรายนี้ยอมสละอำนาจและเดินทางออกนอกลิเบีย "เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่ฝ่ายกบฏต้องการ การแทรกแซงในลิเบียของชาติมหาอำนาจตะวันตก ควรมีเป้าหมายที่สูงกว่านั้น นั่นคือคลี่คลายปัญหาโดยปราศจากการนองเลือด"

    เขากล่าวต่อว่าซาอุดีอาระเบีย ซึ่งยื่นมือให้อดีตผู้นำลิเบีย ซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี ลี้ภัยในเดือนมกราคม ดูเหมือนจะไม่ต้อนรับ กัดดาฟี เพราะว่าประธานาธิบดีลิเบียรายนี้เคยวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ผู้ปกครองอย่างรุนแรง

    ดังนั้น เขา บอกต่อว่าโอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดคือคงเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกับ กัดดาฟี โดยเฉพาะเวเนซุเอลา ที่ทาง กัดดาฟี มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ฮูโก ชาเบซ รวมไปถึงซัมบับเวของ โรเบิร์ต มูกาเบและบูร์กินาฟาโซ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ กัดดาฟี จะลี้ภัยในแอฟริกาเพราะว่าผู้นำรายนี้ใช้ความมั่งคั่งทางน้ำมันสนับสนุนเงินทุนแก่หลายชาติในภูมิภาคและสหภาพแอฟริกาด้วย

    Around the World - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตะวันตกถล่มลิเบียอีกชุดใกล้บ้านพัก'กัดดาฟี'-ผลาญงบมะกันแล้ว1.6หมื่นล้าน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>30 มีนาคม 2554 04:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เกิดระเบิดขึ้น 7 ครั้งในกรุงตริโปลีจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของตะวันตกและบางส่วนในนั้นตกใกล้กับที่พักของกัดดาฟี

    เอเอฟพี - ฟิเดล คาสโตร อดีตผู้นำคิวบาประณามปฏิบัติทางทหารของนานาชาติในลิเบียว่า "สงครามฟาสซิสต์" หนุน "กัดดาฟี" สู้จนลมหายใจสุดท้าย ท่ามกลางปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ที่เฉียดใกล้บ้านพักของผู้นำรายนี้เมื่อช่วงค่ำวันอังคาร(29) ขณะที่สหรัฐฯอ่วม เผยสูญเงินในภารกิจกำหนดเขตห้ามบินไปแล้วกว่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(16,730 ล้านบาท)

    คาสโตร ระบุในบทความที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์ของคิวบาว่าหาก กัดดาฟี ตัดสินใจสู้จนลมหายใจสุดท้ายตามที่เคยให้สัญญากับชาวลิเบีย ที่ต้องเจอการโจมตีด้วยระเบิดครั้งเลวร้ายที่สุดที่ประเทศหนึ่งเคยเจอมา มันจะเป็นคำสาปอัปยศต่อนาโตและแผนการอาชญากรรมของพวกเขา

    ในบทความเรื่อง "สงครามฟาสซิสต์ของนาโต" อดีตผู้นำวัย 84 ปีรายนี้ซึ่งเป็นคู่อริตลอดกาลของสหรัฐฯ ยังเปรียบเทียบปฏิบัติการทิ้งระเบิดใส่ลิเบียกับการโจมตีสเปนของนาซีในปี 1936 "ตอนนี้ อาชญากรนาโตกำลังบอกเล่าเรื่องราวอันสวยงามกับคุณ เกี่ยวกับการทิ้งระเบิดเพื่อมนุษยธรรม" คาสโตรกล่าวประชดประชัน

    ความคิดเห็นของ คาสโตร มีขึ้นตามหลังเสียงประณามจากโฆษกรัฐบาลลิเบียที่อ้างว่าปฏิบัติกำหนดเขตห้ามบินของชาติตะวันตกได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากนับตั้งแต่เริ่มลงมือเมื่อวันเสาร์(19) ทั้งนี้ล่าสุดในช่วงค่ำวันอังคาร(29) ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีระบุว่าได้ยิงเสียงระเบิดดังสนั่น 2 ครั้งใกล้กับบ้านพักของกัดดาฟี ในกรุงตริโปลีและอีกหลายครั้งบริเวณเป้าหมายทางทหารในเขตทาจูรา แถบชานเมือง

    ระเบิดลูกแรกดังขึ้น ณ เวลาประมาณ 16.30 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย 23.30 น.) จากนั้นไม่ถึง 3 นาที เสียงของระเบิดลูกสองก็ดังขึ้นในเขตบับ อัล-อาซิซเยาะห์ และไม่นานเสียงไซเรนก็ดังกึกก้องไปทั่ว ในปฏิบัติการโจมตีที่ก่อนหน้านี้มีผู้พบเห็นเครื่องบินของชาติพันธมิตรตะวันตกบินเหนือท้องฟ้าของเมืองหลวงในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน

    ทั้งนี้ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง มีรายงานว่าเขตทาจูรา ย่านชานเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายทหารหลายค่ายและตกเป็นเป้าโจมตีทางอากาศตลอดคืนที่ผ่านมา ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวอีก 7 ครั้ง โดยชาวบ้านรายหนึ่งบอกว่าเห็นเครื่องบินรบหลายลำยิงขีปนาวุธเข้าใส่ฐานเรดาร์แห่งหนึ่ง ขณะที่อีกรายงานข่าวหนึ่งระบุว่าเห็นไฟลุกและกลุ่มควันพวยพุ่งออกจากฐานดังกล่าว

    อีกด้านหนึ่งทางเพตากอนออกมาเปิดเผยเมื่อวันอังคาร(29) ว่าปฏิบัติการโจมตีทางทหารของอเมริกาในลิเบีย ใช้จ่ายงบประมาณไปแล้วกว่า 550 ล้านดอลลาร์ และดูเหมือนจะเพิ่มอีก 40 ล้านดอลลาร์ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    ระหว่างวันที่ 19 ถึง 28 มีนาคม กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หมดเงินร้อยละ 60 ของต้นทุนเหล่านั้นไปกับสรรพาวุธต่างๆทั้งขีปนาวุธและระเบิด ส่วนที่เหลือเป็นเงินเบี้ยเลี้ยงทหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆอันประกอบด้วยค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินและเรือรบของสหรัฐฯ

    พลเรือเอกเจมส์ สตาฟริดิส บัญชาการสูงสุดกองกำลังนาโต บอกกับสภาคองเกรสว่าทหารสหรัฐฯยิงจรวดร่อนโทมาฮอว์ก 192 ลูกจากทั้งหมด 199 ลูกเข้าใส่ระบบป้องกันทางอากาศและศูนย์บัญชาการต่างๆของลิเบีย โดยโทมาฮอว์กแต่ละลูกมีมูลค่าราว 1.5 ล้านดอลลาร์ ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมของอาวุธราคาแพงนี้เพียงอย่างเดียวก็ปาเข้าไปเกือบ 300 ดอลลาร์แล้ว

    นอกจากนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน สหรัฐฯยังยิงอาวุธนำวิถีด้วยเลเซอร์ออกไป 455 ลูก จากทั้งหมด 602 ลูกที่ทางกองกำลังพันธมิตรตะวันตกยิงโจมตีลิเบีย

    "ค่าใช้จ่ายในอนาคตยังไม่แน่นอน" โฆษกหญิงของเพนตากอนกล่าว อย่างไรก็ตามเธอคาดหมายว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อาจต้องใช้งบประมาณอีกราว 40 ดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่นาโตเตรียมรับมอบภารกิจจากสหรัฐฯอย่างสมบูรณ์ในวันพฤหัสบดี(31) ซึ่งสหรัฐฯจะค่อยๆลดบทบาทของพวกเขาลง

    Around the World - Manager Online -
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ญี่ปุ่นวอนโลกอย่าแบนสินค้าโดยไม่ยุติธรรม-ชี้พลูโตเนียมรอบโรงไฟฟ้าไม่น่าวิตก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>30 มีนาคม 2554 03:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ผักที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่นท่ามกลางความกังวลต่อการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่ลุกลามไปทั่วโลก จนนำไปสู่มาตรการแบนสินค้าจากแดนปลาดิบ

    เอเจนซี - ญี่ปุ่นวิงวอนชาติต่างๆอย่าสั่งห้ามนำเข้าสินค้าของพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรมจากความเกรงกลัวต่อกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหล ณ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯชี้ตรวจพบสารพลูโตเนียมรอบโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และไม่น่าวิตกจนกว่าระดับที่พบนั้นสูงกว่าปกติ

    ผู้แทนทูตของญี่ปุ่นรายหนึ่งกล่าว ณ ที่ประชุมขององค์กรการค้าโลก(ดับเบิลยูทีโอ) เมื่อวันอังคาร(29) กล่าวว่าน่าเสียดายที่ยังคงมีความกังวลในหมู่ผู้นำเข้าเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อนที่มีปัญหากัมมันตภาพรังสีรั่วไหลตามมา

    "เราวิงวอนชาติเหล่านั้นอย่ากำหนดข้อบังคับที่ไม่ยุติธรรมต่อสินค้าส่งออกของญี่ปุ่น" เขาบอกกับผู้แแทนชาติต่างๆ ถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้หลายประเทศได้งดนำเข้านมและผลผลิตต่างๆจากพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่น สืบเนื่องจากความกังวลต่อการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี

    ความพยายามเพื่อเข้าควบคุมวิกฤตนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ต้องพบกับอุปสรรคใหม่เพิ่มเติม หลังวานนี้(28) มีการตรวจพบสารพลูโตเนียมในพื้นดิน 5 จุดที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ รวมทั้งยังคงมีน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีเข้มข้นไหลออกมาจากอาคารเตาปฏิกรณ์

    พลูโตเนียมเป็นสารพลอยได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ รวมทั้งยังมีการใช้สารนี้ในระเบิดนิวเคลียร์ด้วย พวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่าพลุโตเนียมเป็นสารที่มีฤทธิ์สูงในการก่อมะเร็ง และถือเป็นสารที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งบนพื้นพิภพนี้

    อย่างไรก็ตามความวิตกดังกล่าวก็ผ่อนคลายลงไป หลังเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯรายหนึ่งชี้แจงเมื่อวันอังคาร(29) ว่าการตรวจพบพลูโตเนียมใกล้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และไม่น่าวิตกจนกว่าระดับที่พบนั้นสูงกว่าปกติ

    ปีเตอร์ ลีออนส์ จากสำนักงานพลังงานนิวเคลียร์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ บอกกับคณะกรรมาธิการพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติของวุฒิสภาว่า "ทุกเตาปฏิกรณ์ที่กำลังทำงาน ระหว่างปฏิบัติการนั้นจะมีการก่อตัวขึ้นของพลูโตเนียม ดังนั้นข้อสันนิษฐานที่ว่าพลูโตเนียมที่พบอาจมาจากเตาปฏิกรณ์ที่ยังทำงานอยู่หรือบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วจึงไม่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด" เขากล่าว "แต่แน่นอนว่ามันคงน่ากังวลหากระดับที่พบนั้นสูงมาก"

    พวกพนักงานของเท็ปโกเชื่อว่า พลูโตเนียมเหล่านี้บางส่วนอาจจะมาจากแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วซึ่งเก็บไว้ในโรงไฟฟ้าแห่งนี้ หรือไม่ก็มาจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ที่ได้รับความเสียหายหนัก โดยที่ในจำนวนเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 เครื่องของฟูกูชิมะ ไดอิจิ มีเพียงหมายเลข 3 เท่านั้นที่ใช้แท่งเชื้อเพลิงซึ่งมีส่วนผสมของพลูโตเนียม และระหว่างเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม เตาปฏิกรณ์แห่งนี้ก็กำลังทำงานอยู่

    Around the World - Manager Online -
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "ฮุนเซน" หาไทยเตรียมบอมบ์เขมร ขู่ฟ่อมีขีปนาวุธเพียบ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>29 มีนาคม 2554 22:00 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ภาพจาก Federation of American Scientists ขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน (Surface-to-Air Missile) ที่โลกตะวันตกเรียกว่า SAM-3 ผลิตในโซเวียต มีใช้ในกองทัพกัมพูชามาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น แม้ว่าหลายปีมานี้สหรัฐฯ จะช่วยทำลายไปกว่า 300 ลูกแล้วก็ตาม เชืท่อกันว่ายังมีเหลืออีกจำนวนมาก นอกจากนี้กัมพูชายังมีขีปนาวุธ SAM-7 ขนาดเล็กลงที่ใช้ประทับไหล่ยิงอีกด้วย.

    ASTVผู้จัดการออนไลน์-- นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซนกล่าวหาว่า ไทยเตรียมแผนการทิ้งระเบิดกัมพูชา แต่กัมพูชาไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องบินรบ เพื่อสู้กันบนท้องฟ้า เพราะกัมพูชามีขีปนาวุธจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ขู่ว่าหากเครื่องบินไทยล่วงล้ำน่านฟ้าอีก ก็จะนำเรื่องเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติโดยเร็ว เช่นกับ "สงคราม" ชายแดนคราวที่แล้ว

    "เรารู้ดีว่าประเทศไทยได้เตรียมการจะทิ้งระเบิด (กัมพูชา) แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องบินสักลำเพื่อต่อสู้กันบนท้องฟ้า" และ กัมพูชาไม่มีเครื่องบินรบแม้แต่ลำเดียว แต่มีขีปนาวุธ นายกฯ กัมพูชาระบุดังกล่าวระหว่างปราศรัยในพิธีมอบปริญญาบัตรที่สถาบันการศึกษาแห่งชาติวันจันทร์ 28 มี.ค.2554

    ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวเตือนประเทศไทยว่า ถ้าหากเครื่องบินรบของไทยล้ำน่านฟ้ากัมพูชาอีก "เรื่องก็จะถึงคณะมนตรีความมั่นคงฯ อย่างรวดเร็ว" สำนักข่าวเอเคพีรายงานในวันอังคารนี้

    ฮุนเซนยังย้ำในคราวเดียวกันว่า กัมพูชาไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเครื่องบินรบ แต่ซื้อขีปนาวุธ สำนักข่าวของรัฐบาลกล่าว

    นายกฯ กัมพูชาพูดถึงเรื่องนี้ ขณะกล่าวถึงสถานการณ์โลกปัจจุบันซึ่งแม้ว่า สหภาพโซเวียตจะล่มสลายลงแล้ว แต่การแข่งขันอาวุธก็ยังไม่ได้ลดลง หลายชาติยังคงอวดอาวุธใหม่ๆ กันอยู่

    แต่ละปีสหรัฐฯ ทุ่มเงินงบประมาณถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อทำศึกในอัฟกานิสถาน หากโอนเงินจำนวนนั้นไปช่วยประชาชนอเมริกันผู้ทุกข์ยาก หรือนำไปช่วยชาติกำลังพัฒนาก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ฮุนเซนกล่าว

    นรม.กัมพูชา กล่าวถึงเรื่องทั้งหมดนี้เพียง 1 วันหลังจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในกรุงเทพฯ รายงานว่า กองทัพไทยได้ตัดสินใจซื้อรถถังแบบ T-84 Oplot จากสาธารณรัฐยูเครนถึง 200 คัน เพื่อใช้ในกองทัพบก รวมทั้งกองพลทหารม้าที่ตั้งใหม่จำนวน 2 กองพล

    นอกจากนั้นกองทัพอากาศไทยกำลังรอการส่งมอบเครื่องบินรบติดระบบแบบกริพเพน พร้อมระบบอาวุธทันสมัยที่สั่งซื้อจากสวีเดน และ กองทัพเรือกำลังเจรจาเพื่อซื้อเรือดำน้ำจากสวีเดนถึง 7 ลำด้วยกัน

    ปัจจุบันกัมพูชาไม่เครื่องบินรบที่ใช้การได้อีก เครื่องบินรุ่นเก่าตั้งแต่ยุคสงครามเย็นคือ มิก-17 กับ มิก-19 ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีการดูแล ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด แต่กัมพูชามีขีปนาวุธจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SAM-3 ที่สามารถยิงเครื่องบินที่บินในระดับสูงได้ และ ยังมี SAM-7 สำหรับยิงต่อสู้อากาศยานระยะต่ำอีกจำนวนหนึ่ง

    [​IMG]

    ภาพจาก airsafe.com ปีกด้านซ้ายของแอร์บัส A-300 ของบริษัทดีเอชแอล (DHL) ขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ถูกยิงด้วย SAM-7 แบบประทับยิง เหนือกรุงแบกแดดในปลายปี 2546 ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าขีปนาวุธชนิดนี้อาจจะไม่สามารถทำลายเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ และประสิทธิภาพไม่สูงพอที่จะทำลายเครื่องบินนบสมัยใหม่ได้ แต่ SAM-3 ที่มีขนาดใหญ่กว่ายังเป็นเขี้ยวเล็บที่น่าเกรงขาม.

    [​IMG]

    ทหารกัมพูชาบนรถบรรทุกโชว์ขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน SAM-7 แบบประทับไหล่ยิงในภาพที่ไม่ได้ระบุวันถ่าย ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหัวรบขนาดเล็กอาจไม่สามารถทำลายเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ได้และไม่สามารถทำอะไรเครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่บินสูงและใช้ความเร็วสูง แต่ SAM-3 ยังเป็นเขี้ยวเล็บที่น่าเกรงขาม.

    <CENTER>3</CENTER>

    เท่าที่เคยมีรายงานผ่านสื่อต่างๆ ในช่วงปี 2544-2547 สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการทำลายขีปนาวุธต่อสู่อากาศเหล่านี้ไปกว่า 300 ลูก ด้วยเกรงว่าจะตกถึงมือผู้ก่อการร้ายสากล ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการบินระหว่างประเทศ

    ขีปนาวุธเหล่านี้ทำในอดีตสหภาพโซเวียต รัฐบาลฮุนเซนที่มีเวียดนามหนุนหลัง ซื้อเข้าประจำการด้วยเงินกู้จากโซเวียต ที่กัมพูชาพยายามต่อรองกับทางการรัสเซียในปัจจุบันขอให้ยกหนี้ดังกล่าว

    เท่าที่เคยมีรายงานผ่านสื่อต่างๆ ในช่วงปี 2544-2547 สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการทำลายขีปนาวุธต่อสู่อากาศเหล่านี้ไปกว่า 300 ลูก ด้วยเกรงว่าจะตกถึงมือผู้ก่อการร้ายสากล ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการบินระหว่างประเทศ

    ขีปนาวุธเหล่านี้ทำในอดีตสหภาพโซเวียต รัฐบาลฮุนเซนที่มีเวียดนามหนุนหลัง ซื้อเข้าประจำการด้วยเงินกู้จากโซเวียต ที่กัมพูชาพยายามต่อรองกับทางการรัสเซียในปัจจุบันขอให้ยกหนี้ดังกล่าว

    เท่าทีเคยมีการบันทึกในช่วงหลายปีมานี้ เคยมีการใช้ขีปนาวุธ SAM-7 ยิงโจมตีเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่มาหลายครั้งทั้งในน่านฟ้าตะวันออกกลางและแอฟริกา

    วันที่ 22 พ.ย.2546 แอร์บัส A-300 เครื่องบินขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์ของดีเอชแอล (DHL) ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ SAM-7 หลังบินขึ้นจากสนามบินกรุงแบกแดดไม่นาน ขณะมุ่งไปยังบาห์เรน เคราะห์ดีที่ขีปนาวุธเพียงเฉียดๆ ไปทำให้ปีกซ้ายเกิดเพลิงลุกไหม้ แต่ยังควบคุมได้

    นักบินนำเครื่องกลับไปลงจอดอีกครั้งและไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย แต่ดีเอชแอลได้เลิกให้บริการขนส่งไปยังอิรักหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

    ก่อนหน้านั้นในเดือน ธ.ค.2545 กองโจรที่ไม่ทราบฝ่ายยิงขีปนาวุธชนิดเดียวกันใส่เครื่องบินบินทุกสินค้าโบอิ้ง 757 หลังบินขึ้นจากสนามบินเมืองมอมบัสซา ประเทศเคนยาไม่นาน ปีเดียวกันยังมีความพยายามยิงเครื่องบินโดยสารสายการบินแห่งหนึ่งในประเทศเคนยาเช่นกัน

    ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารกล่าวว่า SAM-7 ติดหัวรบขนาดเล็ก หากไม่ยิงถูกเข้าจุดสำคัญจริงๆ อาจจะไม่สามารถทำลายเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ได้เสมอไปและประสิทธิภาพอาจจะไม่สูงพอที่จะทำลายเครื่องบินรบในยุคใหม่ที่สามารถบินโจมตีในระดับสูง และบินด้วยความเร็วสูงได้.

    <CENTER>ทำลายไปแล้วกว่า 300 ลูก </CENTER><CENTER>ภาพ AFP/GettyImage </CENTER>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทหารกัมพูชาในพิธีทำลายขีปนาวุธ SAM-3 ที่มีประจำการในกองทัพมาตั้งแต่ยุคที่เวียดนามยึดครอง โดยซื้อจากสหภาพโซเวียตและด้วยเงินกู้ของโซเวียต หลายปีมานี้สหรัฐฯ ช่วยทำลายขีปนาวุธชนิดนี้ไปกว่า 300 ลูก แต่ก็ยังเหลือประจำการอีกจำนวนมาก ฮุนเซนกล่าวว่ากัมพูชา ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องรบต่อกรกับไทย.

    IndoChina - Manager Online -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “เจิ้ง กุ้ยกุ้ย” นักเปียโนมือขวาไร้นิ้ว ผู้ไม่จำนนต่อโชคชะตา
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>29 มีนาคม 2554 15:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลังจากที่ในปีที่ผ่านมา “หลิว เหว่ย” หนุ่มจีนไร้แขน ได้สร้างปรากฏการณ์บรรเลงเปียโนเพลงคลาสสิคด้วยเท้า ในการแข่งขันรายการ China's Got Talent และได้รับชัยชนะไปด้วยความเห็นชอบอย่างไร้ข้อกังขาของคณะกรรมการและผู้ชม ก่อให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจอันงดงามให้กับคนที่กำลังท้อแท้สิ้นหวังได้ลุกขึ้นยืนสู้ต่อ

    ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้ปรากฏนักเปียโนผู้ที่มีร่างกายพิการแต่ไม่ยอมจำนนต่อชะตาชีวิตขึ้นมาอีกผู้หนึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในอินเทอร์เน็ต เธอผู้นี้มีชื่อว่า เจิ้ง กุ้ยกุ้ย (郑桂桂)

    เจิ้ง กุ้ยกุ้ย เป็นเด็กสาวจากอำเภอซวิ่น มณฑลเหอหนาน กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาโรงเรียนอาชีวะศึกษาอำเภอซวิ่น เธอมีความพิการ มือขวาไม่มีนิ้วมือทั้งห้าตั้งแต่กำเนิด ทว่าความไม่พร้อมสมบูรณ์นี้กลับเป็นแรงผลักดันให้เธอแข็งแกร่ง ฝึกฝนการเล่นเปียโนด้วยมือข้างเดียว จนกลายเป็นนักเปียโนผลงานยอดเยี่ยม

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> <CENTER><IFRAME title="YouTube video player" src="http://www.youtube.com/embed/VbhW_K3NvmQ" frameBorder=0 width=480 height=390 allowfullscreen></IFRAME><CENTER>

    </CENTER></CENTER></TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> คลิปวีดีโอที่ถูกเผยแพร่กันในวงกว้างนี้ เป็นการแสดงเดี่ยวเปียโนของเจิ้ง กุ้ยกุ้ย ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553 บนเวทีในรายการ “หวั่วเย่าซั่งชุนหว่าน《我要上春晚》” หรือ “ฉันต้องการขึ้นเวทีในคืนตรุษจีน” ซึ่งเป็นรายการที่จัดขึ้นโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน(ซีซีทีวี) เพื่อเฟ้นหาผู้มีความสามารถหน้าใหม่ไปแสดงบนเวทีในช่วงการถ่ายทอดสดรายการพิเศษวันตรุษจีนประจำปี พ.ศ.2554 ซึ่งเป็นรายการใหญ่ที่ชาวจีนทั้งประเทศตั้งตารอชม

    เจิ้ง กุ้ยกุ้ย เกิดมาพร้อมความพิการ ทำให้บรรดามิตรสหายของผู้เป็นบิดาของเธอพากันตักเตือนว่าทางที่ดีควรจะทิ้งลูกสาวคนนี้ไป เพราะครอบครัวเจิ้งมีบุตรสาวมาแล้วสองคน หากเพิ่มบุตรสาวที่พกพาความพิการแต่กำเนิดมาอีกคนอาจกลายเป็นภาระใหญ่ของครอบครัว แต่บิดาของกุ้ยกุ้ย กลับยืนกรานที่จะเลี้ยงดูเธอโดยเขาให้สัมภาษณ์ในตอนหนึ่งว่า “ผมมีลูกสาว 3 คน แต่รักและเวทนากุ้ยกุ้ย มากที่สุด เพราะลูกพิการตั้งแต่กำเนิด” ภายหลังผู้เป็นบิดาได้เล่าเรื่องนี้ให้ เจิ้ง กุ้ยกุ้ยฟัง ซึ่งเป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอ “ฉันต้องการที่จะให้เพื่อนของพ่อที่แนะนำให้พ่อทิ้งฉันได้เห็นว่าพ่อคิดถูกแล้วที่เลี้ยงดูฉัน เพราะฉันจะทำให้พ่อภูมิใจในตัวฉันให้จงได้”

    3 ปีที่แล้ว หรือเมื่อปี พ.ศ.2551 เมื่อเจิ้ง กุ้ยกุ้ยสอบเข้าโรงเรียนอาชีวะศึกษาอำเภอซวิ่นได้สำเร็จ นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับเครื่องดนตรีตัวใหญ่สีดำทะมึนที่เรียกว่า “เปียโน” เนื่องเพราะที่ผ่านมา เจิ้ง กุ้ยกุ้ย อาศัยอยู่ในชนบทเล็กๆ จึงไม่เคยเห็นเปียโนมาก่อน และเมื่อได้สัมผัสเครื่องดนตรีชนิดนี้มากขึ้น เธอก็เริ่มหลงใหลและรักมัน “ครั้งแรกที่ฉันได้เข้าชั้นเรียนเปียโน ในตอนนั้นฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท่นสีดำที่ตั้งอยู่นั่นคืออะไร ต่อเมื่อรุ่นพี่ลงมือบรรเลงมัน ฉันถึงได้ทราบว่าสิ่งที่เรียกว่าเปียโนนั้นสามารถสร้างเสียงที่แสนไพเราะได้ขนาดไหน ตั้งแต่นั้นมาฉันก็หลงรักการบรรเลงเปียโนจนหมดหัวใจ”

    สำหรับคนพิการไม่มีนิ้ว การเล่นเปียโนเปรียบเสมือนความฝันอันเจิดจรัส แต่ทางหนึ่งก็เปรียบเสมือนสมรภูมิรบที่ต้องฟันฝ่า เพราะเขาหรือเธอผู้นั้นไม่เพียงต้องอดทนและพยายามมากว่าคนปกติหลายเท่า ทั้งยังต้องขื่นขมกว่าคนปกติมากนัก เรื่องนี้อาจารย์ผู้สอนเปียโนให้เจิ้ง กุ้ยกุ้ย ทราบดี และรู้สึกตื้นตันในความพยายามและความสามารถของเธอจึงปฏิเสธที่จะรับค่าเทอม ทว่าเธอยังคงยืนยันที่จะจ่าย การฝึกซ้อมที่นักเรียนคนอื่นใช้เวลาฝึกเพียง 1 ชั่วโมง เจิ้ง กุ้ยกุ้ยอาจต้องซ้อมถึง 3 ชั่วโมง ในยามที่นักเรียนอื่นๆ พักผ่อน เธอยังคงฝึกซ้อมเปียโนด้วยมือที่ไร้นิ้วของเธอต่อไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <CENTER>เจิ้ง กุ้ยกุ้ย ขณะฝึกซ้อมเปียโน</CENTER><CENTER> </CENTER>
    ย้อนไปในสมัยที่ เจิ้ง กุ้ยกุ้ย เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เธอเคยถูกเพื่อนนักเรียนชายร่วมห้องหัวเราะเยาะมือที่พิการของเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองแตกต่างจากเพื่อน ต้อยต่ำกว่าเพื่อน จนทำให้เธอกลายเป็นเด็กซึมเศร้า เงียบขรึม จนกระทั่งได้เริ่มมาเล่นเปียโน ความรู้สึกต่ำต้อยนั้นจึงค่อยๆ ถูกขจัดไปจากใจ

    “ที่เจิ้ง กุ้ยกุ้ย ต้องการไม่ใช่ความเวทนาสงสาร แต่เธอต้องการที่จะใช้แรงกายแรงใจของตัวเองมุมานะกระทั่งนำมาซึ่งผลตอบแทนที่เธอสมควรที่จะได้รับ” ในสายตาของอาจารย์สอนเปียโน เจิ้ง กุ้ยกุ้ย คือเด็กสาวที่มานะพยายาม แข็งแกร่ง และเปล่งประกายอยู่เสมอ ทั้งยังหวังว่าในอนคตเธอจะได้เข้าไปอยู่ในสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านเปียโนในระดับที่สูงขึ้นไป เพื่อต่อเติมความใผ่ฝันในการเป็นนักเปียโนของเด็กสาวคนนี้ให้สมบูรณ์  

    ในที่สุดความพยายามของเจิ้ง กุ้ยกุ้ย ก็เห็นผล เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เธอได้เข้าร่วมเดี่ยวเปียโนประกวดในรายการ “หนี่จุ้ยโหย่วไฉ《你最有才》” หรือ “คุณเก่งที่สุด” ของสถานีโทรทัศน์เหอหนาน ซึ่งส่งผลให้ผู้ชมประทับใจในความสามารถของเธอ โดยหวงอาน หนึ่งในกรรมการในวันนั้นกล่าวกับเธอว่า “เมื่อหนูยืนอยู่ที่นี่ พวกเราเกือบจะลืมไปว่ามือขวาของหนูพิการ เพราะความสามารถของหนูยิ่งใหญ่กว่านั้นมากนัก” ส่วนเจิ้ง กุ้ยกุ้ยเองก็ได้กล่าวว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร ความพิการของฉันก็คือข้อเท็จจริง ดังนั้นฉันก็จะเผชิญหน้ากับความจริง และทำตัวเองให้มีความสุข” เสียงปรบมือกราวใหญ่และจำนวนของผู้ที่โหวตให้เธอเป็นเสมือนคำยืนยันถึงความสำเร็จในวันนั้นได้อย่างดี

    หลังจากการออกรายการ “หนี่จุ้ยโหย่วไฉ《你最有才》” ไปแล้ว ปรากฏว่ามีผู้ชมติดต่อเข้ามาเพื่อพูดคุย ให้กำลังใจเจิ้ง กุ้ยกุ้ย ไม่ขาดสาย ทั้งยังมีผู้เสนอตัวบริจาคเงิน รวมทั้งซื้อเปียโนมอบให้เธอด้วย

    และเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ก็เป็นอีกครั้งที่เจิ้ง กุ้ยกุ้ยได้มีโอกาสแสดงความสามารถผ่านรายการ “หวั่วเย่าซั่งชุนหว่าน《我要上春晚》” ของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีจนได้รับเสียงชื่นชมและการยอมรับจากผู้ชมทั่วประเทศ จนอาจกล่าวได้ว่า เจิ้ง กุ้ยกุ้ย ในวันนี้ ได้ก้าวข้ามขีดกำจัดทางด้านร่างกายของตนเอง และสานฝันของตนจนสำเร็จได้ด้วยสองมือที่มีนิ้วรวมกับเพียงห้านิ้ว คู่นี้

    ในอนาคต เจิ้ง กุ้ยกุ้ยเพียงหวังว่าจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีสักแห่ง ที่สามารถอยู่กับเปียโนที่เธอรักต่อไป

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039280
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ความคิดเห็นที่ 15
    ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ
    นับถือคนสู้ทุกคน

    China - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อมก๋อยหนาวจัด วัวตายกว่า2พันตัว
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=center align=left>29 มีนาคม 2554 23:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ศูนย์ข่าวภูมิภาค - สภาพอากาศแปรปรวนทั้งฝนและหนาวจัด "อมก๋อย"อุณหภูมิลด 7.5 องศาฯ จนวัวชาวบ้านล้มตายกว่า 2,000 ตัวขณะที่"อินทนนท์" ฟ้าหลัวอุณหภูมิยอดหญ้าต่ำสุด 5 องศาฯ ส่วนอีสานชาวบ้านเดือดร้อนจากภัยหนาวถ้วนหน้า

    วานนี้ (29 มีงค.) นายประจญ ปรัชญ์สกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่แปรปรวน จากร้อนสลับฝนและกลายมาเป็นหนาวจัดในตอนนี้ ส่งผลให้มีสัตว์เลี้ยงล้มตายลงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อากาศได้กลับมาหนาวลงอีก

    นายเทอดศักดิ์ จารุอัคระ นายอำเภออมก๋อย กล่าวว่า ที่ อ.อมก๋อย ขณะนี้อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.5 องศาเซลเซียส ประกอบกับมีฝนตกลงมาเสริมอย่างต่อเนื่องยิ่งทำให้หนาวจัดมากขึ้น ส่งผลให้วัวที่ชาวบ้านปล่อยเลี้ยงไว้เกิดล้มตายลงตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงวันนี้ไปแล้วกว่า 2,000 ตัว ขณะนี้ได้ประสานให้ปศุสัตว์ จ.เชียงใหม่เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือเจ้าของวัวต่อไป

    รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ลงไปตรวจสอบหาสาเหตุแล้ว เบื้องต้นสรุปว่าไม่ได้เกิดจากโรคระบาดใดๆ แต่เกิดจากทนรับสภาพอากาศหนาวและแปรปรวนไม่ไหวร่างกายปรับสภาพไม่ทัน จึงได้นำเอายาถ่ายพยาธิและยาปฏิชีวนะเข้า ไปแจกจ่ายให้กับวัวในพื้นที่ อ.อมก๋อยแล้ว เพื่อบำรุงร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กลับมา เชื่อว่าหากสภาพอากาศปรับขึ้นมาอุ่นตามปกติจะทำให้วัวเหล่านี้เริ่มปรับตัวได้และกลับมาแข็งแรงตามเดิม

    ด้านนายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เผยว่า อุณหภูมิยอดดอยอินทนนท์ต่ำสุดบริเวณยอดหญ้าเช้าวานนี้อยู่ที่ 5 องศาฯ สำหรับอุณหภูมิช่วงกลางวันอยู่ที่ 13 องศาฯ ทั้งนี้ ยังไม่พบว่ามีฝนตกแต่อย่างใดหลังจากที่วานนี้มีฝนตกประปรายตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม สลัวๆ คล้ายกับฝนจะตก ไม่ค่อยมีแสงแดดตลอดทั้งวัน จึงแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวที่ขับรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปท่องเที่ยวยังดอยอินทนนท์ให้ระมัดระวังการขับขี่สัญจร เพราะเส้นทางค่อนข้างมืดสลัว โดยให้เปิดไฟนำทางเพื่อความปลอดภัย

    ส่วนทางด้านภาคอีสานก็ประสบภัยหนาวอย่างหนักเช่นกัน โดยเฉพาะชาวบ้านหลายหมู่บ้านที่อยู่ติดกับเทือกเขาภูพาน ตั้งแต่ ต.พังแดง ไปจนถึง ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร กำลังประสบปัญหาภัยหนาวอย่างหนัก เพราะขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว จนต้องออกจากกระท่อมที่นอนอยู่มานอนข้างกองไฟกันทั้งคืน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ดงหลวง ได้ตระเวนนำผ้าห่มกันหนาวมาแจกจ่ายชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจน

    ทางด้านชาวบ้านริมหนองหานใน อ.โพนนาแก้ว โคกศรีสุพรรณ อ.เมืองสกลนคร และชาวบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ ต้องนำฟางและเศษไม้ไปก่อกองไฟให้วัว เพราะกลัวว่าจะหนาวตาย ซึ่งวัวไม่ยอมกินอาหารและออกจากคอกไปใหน โดยชาวบ้านบอกว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

    ขณะที่ชาวประมง จ.นครพนม ต้องงดออกจับปลาในแม่น้ำโขงชั่วคราว เนื่องจากทนกับสภาพอากาศหนาวไม่ไหว รวมทั้งระดับน้ำโขงลดลงทำให้ปลานั้นหายาก จึงทำให้ปลานั้นมีราคาแพงขึ้น ส่วนผู้ที่เลี้ยงปลาในกระชังต้องเร่งตักปลาขึ้นมาขายเพราะเกรงว่าอากาศหนาวปลาจะช็อกน้ำตาย

    ที่ จ.นครราชสีมา และที่ จ.ชัยภูมิ ฝนที่ตกลงมาปรอยๆ ทำให้สภาพอากาศหนาวเย็นขึ้นไปอีก ชาวบ้านที่ต้องออกไปทำงานในช่วงเช้าต้องใส่เสื้อกันหนาวสวมทับด้วยเสื้อกันฝน นอกจากนี้ตามตลาดมีชาวบ้านมาจับจ่ายซื้อของบางตา

    Daily News - Manager Online -
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 30 มีนาคม 2554 09:48
    ทูตยูเอ็นเตรียมไปลิเบียหารือทางลง"กัดดาฟี"

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ลอนดอน - อิตาลีเผยที่ประชุมมหาอำนาจเห็นพ้อง "กัดดาฟี" ควรออกจากลิเบีย "ฮิลลารี" เผยยูเอ็นเตรียมส่งทูตหารือทางเลือก "กัดดาฟี"
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110315/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT>กว่า 40 ประเทศและองค์กร รวมถึงสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และนาโต เห็นพ้องที่จะตั้งกลุ่มติดต่อประสานงานเพื่อจัดวางอนาคตสำหรับลิเบียและจะประชุมกันโดยเร็วที่สุดอีกครั้งที่การ์ตา
    ผู้เข้าร่วมประชุมยังเห็นพ้องให้เดินหน้าปฏิบัติการทางทหารจนกว่าพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย จะปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมดในมติของยูเอ็นที่นำไปสู่การบังคับใช้เขตห้ามบินและปกป้องพลเรือน
    แถลงการณ์ไม่ได้พูดถึงแผนลี้ภัยของกัดดาฟี แต่นายฟรังโก ฟรัตตินี รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีกล่าวว่าผู้เข้าประชุมเห็นเหมือนกันว่ากัดดาฟีควรออกจากลิเบีย ขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าทูตพิเศษยูเอ็นจะเดินทางไปกรุงตริโปลีเพื่อหารือทางเลือกของกัดดาฟีในการออกจากลิเบีย
    นายอแลง จุปเป รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ยอมรับว่าการให้อาวุธหรือฝึกกลุ่มต่อต้านไม่ได้รวมอยู่ในเงื่อนไขของมติยูเอ็น แต่เขากล่าวว่าฝรั่งเศสเตรียมหารือเรื่องนี้กับประเทศอื่น แต่ฮิลลารีและรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษกล่าวว่าไม่ได้มีการหารือเรื่องนี้

     

แชร์หน้านี้

Loading...