ความหมายของ นิพพานที่แท้จริง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย อินทร์ธนู, 20 มีนาคม 2011.

  1. ชญามณี

    ชญามณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +29
    ถ้าถึงนิพพานแล้ว คงรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครบอกแทนใครได้ และถ้าใครบรรลุอรหันต์จริง
    เขาคงไม่จำเป็นต้องประกาศกัน เหมือนการบรรยายว่าความเค็มเป็นอย่างไร น้ำตาลมีรสชาดอย่างไร ถ้าไม่ได้ชิมเอง คนฟังจะจินตนาการเองได้หรือ
     
  2. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53



    ...............................................................


    สาธุ
    เห็นด้วยครับ
     
  3. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2


    ................................................................................




    เห็นด้วยครับ
     
  4. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2
    ไม่มีอะไรที่จะต้องบรรลุถึงอะไร
    <O:p</O:p
    สำหรับการบำเพ็ญปารมิตาทั้งหกก็ดี การบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติที่คล้าย ๆ กันอีกเป็นจำนวนมากก็ดี หรือการได้บุญมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาก็ดี เหล่านี้นั้นจงคิดดูเถิด ถ้าเมื่อเธอเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสัจจะพื้นฐานในทุก ๆ กรณีอยู่แล้ว (คือเป็น จิตหนึ่ง หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพุทธะทั้งหลายอยู่แล้ว) เธอก็ไม่ควรพยายามจะเพิ่มเติมอะไรให้แก่สิ่งซึ่งสมบูรณ์อยู่แล้วนั้น ด้วยการบำเพ็ญวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งไร้ความหมายเหล่านั้น มิใช่หรือ เมื่อไรโอกาสอำนวยให้ทำ ก็ทำมันไป และเมื่อโอกาสผ่านไปแล้ว อยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน


    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ถ้าเธอยังไม่เห็นตระหนักอย่างเด็ดขาดลงไปว่า จิต นั้น คือ พุทธะ ก็ดี และถ้าเธอยังยึดมั่นถือมั่น ต่อรูปธรรมต่าง ๆ อยู่ก็ดี ต่อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ อยู่ก็ดี และต่อพิธีการบำเพ็ญบุญกุศลต่าง ๆ อยู่ก็ดี แนวความคิดของเธอก็ยังผิดพลาดอยู่ และไม่เข้าร่องเข้ารอยกับทาง ทางโน้นเสียเลย<O:p</O:p



    <O:p</O:p
    จิตหนึ่ง นั่นแหละ คือ พุทธะ ไม่มีพุทธะอื่นใดที่ไหนอีก ไม่มีจิตอื่นใดที่ไหนอีก มันแจ่มจ้าและไร้ตำหนิ เช่นเดียวกับความว่าง คือ มันไม่มีรูปร่างหรือปรากฏการณ์ใด ๆ เลย การใช้จิตจองเธอให้ปรุงความคิดฝันไปต่าง ๆ นั้น เท่ากับเธอละทิ้งเนื้อหาอันเป็นสาระเสีย แล้วไปผูกพันตัวเองกับรูปธรรม ซึ่งเป็นเหมือนกับเปลือก



    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พุทธะ ซึ่งมีอยู่ตลอดกาลนั้นไม่ใช่พุทธะทางรูปธรรมหรือพุทธะของความยึดมั่นถือมั่น การปฏิบัติต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกันอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยเจตนาที่จะได้เป็นพุทธะสักองค์หนึ่งนั้น เป็นการปฏิบัติชนิดคืบหน้าไปทีละขั้น ๆ แต่พุทธะ ซึ่งมีอยู่ตลอดกาลดังที่กล่าวแล้วนั้น หาใช่พุทธะที่ลุถึงได้ ด้วยการปฏิบัติเป็นขั้น ๆ เช่นนั้นไม่



    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่องมันเพียงแต่ตื่น และลืมตาต่อ จิตหนึ่ง นี้เท่านั้น และไม่มีอะไรที่จะต้องบรรลุถึงอะไร นี่แหละ คือ พุทธะ ที่แท้จริง พุทธะ และสัตว์โลกทั้งหลาย คือ จิตหนึ่ง นี้เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากนี้อีกเลย



    บทความจาก.....คำสอนฮวงโป<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2011
  5. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    ตอบ ละบัญญัติคำว่า นิพพาน หรือ ว่าง ไปเสียเถอะครับ อยากจะรู้ธรรมก็ทำตัวให้นิ่งก่อน ตราบเท่าที่คิดว่านิ่ง เราก็ยังไม่นิ่ง นิพพาน เป็นยังไง ตราบเท่าที่นึกเอาก็ยังไม่เห็นนิพพาน ตราบเท่าที่ลูบคลำในธรรมอยู่ก็ไม่นิพพาน มันเป็นอยู่อย่างนั้น แม้จะเกิดดับกี่ครั้งนิพพานก็เท่าเดิม ความสุข กับ ความทุกข์ มองให้ลึกก็ไม่ต่าง แท้จริงแล้วนิพพานก็ไม่ต่างจากอะไรเลย อย่าเอาความว่าง ความไม่ทำอะไรเลย ความไม่นึก ความไม่มีอะไร มาเป็นหลักยึดในการปฏิบัติ มิฉะนั้น เราจะไม่ต่างอะไรไปจากก้อนหินหนึ่งก้อน ที่นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังเกะกะขวางทางคนอื่นเขา มันเป็นของยากที่จะอธิบายด้วยคำพูด เพราะนิพพานไม่ใช่คำพูดแต่เดิมมาอยู่แล้ว ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  6. Rachen no kokoro

    Rachen no kokoro สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนา
    นิพพาน ก็คือนิพพาน ไม่มีเที่ยง ไม่เที่ยงแล้ว

    เที่ยง ไม่เที่ยง อัตตา ไม่อัตตา ไม่มีแล้ว ไม่กล่าวแล้ว

    พุทธศาสนา สอนสืบสาวผลเข้าหาเหตุ เป็นเรื่องรู้ภายใน มิใช่ออกนอก

    มีทุกข์ ต้องมีเหตุเกิด มีมรรค ต้องมีผล
    หากสังเกตุให้ดี ทุกขั้นตอนเป็นสภาวะหนึ่งสู่สภาวะหนึ่ง

    ทันที่ที่หาเหตุเจอ มันก้เป็นผลของอีกเหตุหนึ่งในตัว
    เหมือนวงกลม ที่เป็นจุดอนันต ไม่มีจุดจบ
    สายปฏิจจสมุปบาทก็เช่นกัน หากไม่รู้วิชา มันก็มีเหตุเกิดอยู่ร่ำไป

    การณุ้เหตุทุกข์ แล้วสาวไปเรื่อยๆ ดับๆปเรื่อยๆ จนเป็นมรรค สู่ผล

    หากถามว่า นิพพานเป็นสภาวะไหม เป็นผลของมรรคไหม
    ถ้าอย่างนั้น นิพพานก็เป็นเหตุได้เช่นกันหรือไม่

    ตอบว่า นิพพานเปรียบสภาวะก็ได้ เพราะเรารู้ว่านี่คือนิพพาน
    เพียงนิพพานพ้นเหตุเกิดแล้ว กิเลสนิโรธแล้ว

    พระอริยะว่า จิตท่านไม่เกิดไม่ดับ อยู่ไปตามที่ขันธ์อำนวย
    ความหมายนี้ หากเข้าปรินิพาน คือหมดขันธ์ ก็หมดเชื้อหมดชาติ ไม่มีอะไรต่อไป นั่นแหละนิพาน

    ในทางอภิธรรม ท่านว่าเหตุเกิดมี จุติจิต ปฏิสนธิจิต ไปตามกรรม
    แต่นิพพาน ปิดหมด ไม่มีเหตุเกิด

    ตัวหนังสือแดง เป็นความคิดแบบตรรกะ เพราะพระอรหัตถ์ที่ปรินิพานไม่เคยปรากฏว่าอยู่เป็นเมืองแก้ว ในพระไตรปิฏกที่ตรงที่สุดใช้ยึดได้ ยังไม่พบว่าพิพานเป็นแดนเป็นเมือง


    สาธุ
     
  7. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2


    สาธุ...ครับ

    เห็นด้วยครับท่าน
     
  8. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    แจ่มกระจ่าง ชัดเจน.. มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณผู้รู้ทุกท่านในกระทู้นี้ ขออนุโมทนา สาธุ
     
  9. ํํํััYosei

    ํํํััYosei สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +0
    ฝากไว้ให้ทำความเข้าใจ(อย่างเข้าใจ)........เ้ข้าใจ๊~~


    ความเข้าใจในความหมายของธรรมอย่างลึกซึ้งกับความเข้าใจในความหมายที่มาจากการแปลความหมายมันต่างกัน

    ความเข้าใจในธรรม เข้าใจอย่างแจ้มแจ้ง โดยที่ตนเข้าใจได้เอง ไม่ได้มาจากการเอาคำต่างๆมารวมกันแล้วเข้าใจความหมาย เหมือนอย่างนี้

    -เราเข้าใจนะแต่............บอกไม่ถูก พูดออกมาไม่ได้ หาความสงสัยไม่เจอ ไม่รู้ว่าอย่างที่เข้าใจหรือป่าว ก็นั้นหล่ะ ยังไม่แจ้ง ไม่ซึ้ง ไม่เข้าใจเนื้อหาของธรรมจริง เพราะการเข้าใจในที่นี่จะไม่มีคำถามใดๆ คำตอบใด ๆ แต่เข้าใจอย่างลึ้กซึ้ง


    แค่ "เรา" ก็ไม่เข้าใจแล้ว ยังจะมาเข้าใจอะไรอีกหล่ะ








    :z6อย่า อยู่ อย่าง อยาก:z16 ^^"
     
  10. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2


    ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าคืออะไร



    สมมติว่า...การที่ดวงจิตใดดวงจิตหนึ่งยังมืดอยู่และกำลังหาแสงสว่างอยู่แต่ยังหาไม่เจอเหมือนเส้นผมบังภูเขาอยู่นั่นก็ยากที่จะเจอ....




    แต่มีดวงจิตหนึ่งที่ส่องแสงบอกทางอยู่ไกลลิบๆ
    ก็ทำให้ดวงจิตที่ยังมืดอยู่ได้เห็นและเดินตามทางมาเพื่อเจอแสงสว่างนั่น......
     
  11. ํํํััYosei

    ํํํััYosei สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +0
    ฝากไว้เป็นกรณีศึกษาไว้ให้คนทั้งหลายที่สนใจ เพียงข้อความที่ใช้สนับสนุนธรรมของ อินทร์ธนู





    :z6อย่า อยู่ อย่าง อยาก dannce_
     

แชร์หน้านี้

Loading...