พระอนิลมาน ผู้มีเชื้อสายศากยวงศ์

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ann, 24 มีนาคม 2011.

  1. ann

    ann เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    246
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +2,291
    พระ ดร.อนิลมานผู้มีเชื้อสายศากยวงศ์

    8F285DAF330E469E8CB16597BD3BDF76.jpg


    พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) ชาวเนปาล วัดบวรนิเวศวิหาร มีเชื้อสายศากยวงศ์ ซึ่งเป็นเชื้อสายในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    โดย...สมาน สุดโต

    พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) M.A., MPhil (Cantab), Ph.D. ชาวเนปาล วัดบวรนิเวศวิหาร มีเชื้อสายศากยวงศ์ ซึ่งเป็นเชื้อสายในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    แม้จะเป็นชาวเนปาลโดยกำเนิด แต่เป็นพระสงฆ์คณะธรรมยุต อยู่เมืองไทยมานานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้คณะสงฆ์ไทยในหลายเรื่อง เช่น เป็นพระภิกษุรูปแรกของไทยที่ได้ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ เป็นพระรูปแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทุนส่วนพระองค์เรียนจนจบปริญญาเอก เป็นพระภิกษุเชื้อศากยวงศ์รูปแรกที่บรรพชาและอุปสมบทสนองงานสมเด็จพระญาณ สังวร สมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่เป็นสามเณร และเป็นศิษย์ที่สมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้น ทรงสอนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ตั้งแต่เป็นสามเณรเมื่ออายุ 14 ปีเศษ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช อาจารย์ในมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นผู้บรรยายในสาขาวิชา ต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่สถาบันหรือองค์กรต่างๆ ในต่างประเทศนิมนต์มาสม่ำเสมอปีละหลายแห่งหลายประเทศ

    ล่าสุด หลังจากรับนิมนต์จากองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ให้ไปเยือนพุทธสถานที่ประเทศปากีสถาน ในฐานะแขกของรัฐบาลปากีสถาน เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค. ปี พ.ศ. 2553 ได้รับนิมนต์ไปบรรยายที่ประเทศเกาหลี ประเทศจีน ต้นเดือน เม.ย. และปลายเดือน เม.ย. นี้จะขึ้นไปสอนระดับ Ph.D. ที่มหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษ
    ที่ประเทศอังกฤษ นอกจากสอนหนังสือแล้ว ท่านมีภาระที่จะต้องไปทำความเข้าใจ (แก้ข่าว) ในข้อเขียนในหนังสือเรื่อง Broken Buddha ซึ่งผู้ประพันธ์พูดถึงพระพุทธศาสนาในประเทศไทยในแง่ลบ

    เมื่อรับนิมนต์จาก พ.ส.ล. เดินทางไปประเทศปากีสถาน วันที่ 22-28 มี.ค. ปี พ.ศ. 2553 ท่านได้แสดงความสามารถในการอธิบายภิกษุภาวะและพระพุทธศาสนาให้แก่ประชาชนชาว ปากีสถาน ผ่านสื่อทั้งทางทีวีและหนังสือพิมพ์จนเป็นที่รู้จักของชาวปากีสถานในเวลา สั้นๆ เมื่อพบประธานาธิบดีปากีสถาน อาชิฟ อาลี ซาร์ดารี ที่ทำเนียบประธานาธิบดีกรุงอิสลามาบัด วันที่ 24 มี.ค. ปี พ.ศ. 2553 ในเวลา 14.45 น. ท่านแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องหลักสันติภาพของมนุษยชาติกับประธานาธิบดี ไว้น่าสนใจยิ่ง
    ปัจจุบันท่านมีอายุ 50 ปี อุปสมบทมาแล้ว 30 พรรษา มาอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ปี พ.ศ. 2518 หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรที่กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ในช่วงที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จประเทศเนปาล (ขณะนั้นทรงสมณศักดิ์ที่พระสาสนโสภณ) เพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเนปาล นับตั้งแต่มาอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้เจ้าประคุณสมเด็จทุกอย่าง เช่นทำหน้าที่ถือย่ามตามเสด็จ เป็นต้น

    ในด้านวิชาความรู้ และประสบการณ์ทางการค้นคว้าและวิชาการนั้น พระ ดร.อนิล บอกด้วยความภูมิใจว่า เป็นเจ้าประคุณสมเด็จที่สอนท่านทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย รวมทั้งให้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ให้ฟังทุกเช้า บางครั้งท่านจะทรงถามว่าศัพท์หรือวลีนั้นๆ ว่ามีความหมายอย่างไร ทำให้ท่านต้องเตรียมพร้อมอ่านข่าวและหาความหมายศัพท์ก่อนจะอ่านถวาย ทำให้ได้ความรู้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

    ในด้านวิชาการ เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จต้องการค้นคว้า หรืออ้างอิงหนังสือเรื่องอะไร จะมอบหมายให้ท่านไปค้นคว้าจากตำรามาให้ ทำให้ท่านสะสมความรู้ความชำนาญจากเจ้าประคุณสมเด็จอย่างมากมาย ซึ่งไม่มีใครที่มีโอกาสเช่นที่ท่านได้รับอย่างแน่นอน


    นักเรียนทุนส่วนพระองค์
    เรื่องการเรียนในเมืองไทยนั้น ท่านสอบนักธรรมชั้นเอกได้ และจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เมื่อเรียนจบได้กลับไปสร้างวัดสิริกิติ์ ในสังฆราชูปถัมภ์ ที่กาฐมาณฑุ และพักอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย จึงหาโอกาสทำปริญญาโท จบกลับมาเมืองไทย สมเด็จพระสังฆราชทรงปรารถนาให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงสมัครไปทั้งมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ใจจริงต้องการไปเรียน|ที่แอริโซนา สหรัฐอเมริกามาก เพราะในปี พ.ศ. 2535 เกิดโศกนาฏกรรมที่มีคนร้ายสังหารพระไทยที่แอริโซนายกวัด จึงต้องการไปสืบหาความจริงและข้อมูลในเชิงลึกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาต้องสังหารพระไทย แต่ในที่สุดเลือกไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เพราะเขาตอบรับมาก่อน

    ก่อนเดินทาง 7 วัน ม.ล.ทวีสันต์ ลดาวัลย์ ราชเลขาธิการมาพบ พอทราบเรื่องก็บอกว่า ไปไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำหนังสือทูลลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน เมื่อทำหนังสือทูลลาไปแล้วมีพระราชกระแสถามว่าได้ทุนที่ไหน เมื่อทรงทราบว่าเป็นทุนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนักเรียนทุนส่วนพระองค์ โดยพระราชทานทุนให้ปีละ 1.5 หมื่นปอนด์ ตลอดเวลาที่เรียน|ทั้งปริญญาโทและปริญญาเอกรวมเวลา 5 ปี
    สมณะใน มหาวิทยาลัย
    เมื่อเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงลอนดอน อังกฤษ ไกลหูไกลตาชาวพุทธ แต่รักษาพระวินัยเคร่งครัด เช่น การฉันอาหารเพลตรงเวลา โดยผูกปิ่นโตกับร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ต่อมาอาจารย์มหาวิทยาลัยมาขอร้องให้ใช้บริการห้องอาหารมหาวิทยาลัย

    ท่านบอกว่าคงทำไม่ได้ เพราะห้องอาหารเปิดบริการเวลาเที่ยงวัน แต่ท่านถือวินัยเคร่งครัดฉันอาหารเกินเที่ยงไม่ได้ พร้อมกับแสดงเหตุผลให้อาจารย์ทราบ อาจารย์จึงแก้ปัญหาโดยให้สิทธิพิเศษให้ห้องอาหารเปิดให้ท่านฉันอาหารในเวลา เพล หรือ 11.00 น. เป็นพิเศษเพียงรูปเดียวเท่านั้น
    อีกเรื่องหนึ่งเมื่อถึงเวลาถ่ายรูปหมู่ที่นิสิตทุกคนต้องสวมใส่กาวน์ ของมหาวิทยาลัย แต่ท่านได้รับการยกเว้นด้วยเหตุผลที่ว่ากาวน์ที่เขาให้ใส่นั้นเป็นเครื่อง หมายอย่างหนึ่งของนักบวชของศาสนาคริสต์ที่มีอายุน้อยกว่าพุทธศาสนา จีวรที่ท่านครองทุกวันนี้เป็นเครื่องแบบนักบวชพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่มีอายุ เกินกว่า 2,000 ปี ทำไมจึงไม่อนุญาตเล่า ท่านจึงเป็นเพียงองค์เดียวที่มีกาวน์สีแปลกจากนักศึกษาทั้งหมด คือครองจีวรสีพระราชนิยม อันเป็นเครื่องหมายธงชัยพระอรหันต์ที่ชาวพุทธภูมิใจ
    ท่านเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่พิชิตคนไร้บ้านที่มักสร้างปัญหาให้กับคน แปลกหน้าในประเทศอังกฤษ โดยอาจารย์เตือนว่าอย่าเดินไปในเส้นทางที่ว่านั้นจะเป็นอันตราย แต่เมื่อเตือนเหมือนยุ ท่านต้องการทดสอบจึงเดินทางไปตามเส้นทางที่อาจารย์เตือนไม่ให้ไป ก็เป็นจริงตามที่อาจารย์เตือน เพราะถูกแซว ถูกพูดจาถากถางว่าไม่มีเงินซื้อกางเกงนุ่งหรืออย่างไรจึงแต่งตัวอย่างนี้ ท่านเข้าไปคุยชี้แจง ทำความเข้าใจกับคนเหล่านั้น เช่นบอกว่าท่านเป็นนักบวชก็เป็นพวกไร้บ้านคนหนึ่ง เหมือนที่คนพวกนั้นเป็นอยู่ จึงไม่ต่างกันมากนัก ในที่สุดทุกคนหันมาเป็นมิตรกับท่าน จนกระทั่งอาจารย์ยังแปลกใจ


    37700_20_3.jpg

    วิทยฐานะ
    วิชาความรู้และปริญญาบัตรที่แสดงไว้ในประวัติของท่านมีดังนี้
    พ.ศ. 2543 สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก (Ph.D.) สาขามานุษยวิทยาสังคม (Social Anthropology) จาก Brunel University, United Kingdom
    พ.ศ. 2537 สำเร็จการศึกษาปริญญา M.Phil. (Cantab) สาขามานุษยวิทยาสังคม (Social Anthropology) จาก Cambridge University, United Kingdom
    พ.ศ. 2530 สำเร็จการศึกษาปริญญาโท (M.A.) สาขามานุษยวิทยา จาก Tribhuwan University, Nepal
    พ.ศ. 2525 สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ.) สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    ท่านเล่าว่า เมื่อเรียนจบปริญญาเอกกลับมา ได้สนองงานสมเด็จพระสังฆราชตลอด และเจ้าประคุณสมเด็จจะคุยให้กับผู้มาเฝ้าทราบเสมอว่าพระอนิลตอนนี้เป็น ดร. แล้ว
    ด้วยการเรียนและประสบการณ์ ท่านจึงเป็นเชี่ยวชาญด้านพุทธศาสน์ศึกษา มานุษยวิทยาวัฒนธรรม-สังคม มานุษยวิทยาศาสนา ไทยคดีศึกษา เนปาลศึกษา และจิตวิทยาเชิงพระพุทธศาสนา
    ส่วนสาขาวิชาที่มีความสนใจและที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ วัฒนธรรมศึกษา ศาสนาเปรียบเทียบ สังคมวิทยาเศรษฐกิจ มานุษยวิทยาพุทธศาสนาเถรวาทสังคมเนวาร์แห่งเนปาล ชุมชนคนพลัดถิ่น โลกาภิวัตน์ พุทธศาสนาในยุคโลกาภิวัตน์ พระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ พุทธศาสนากับจิตวิทยา พุทธศาสนากับการบำบัดทางจิต ฯลฯ

    ประสบการณ์
    เป็นอาจารย์สอนวิชาพุทธศาสนา พุทธศาสนากับโลกาภิวัตน์ มานุษยวิทยาเบื้องต้น มานุษยวิทยาเชิงโบราณคดี สังคมวิทยาเศรษฐกิจ มานุษยวิทยาศาสนา มานุษยวิทยาประยุกต์ มานุษยวิทยาวัฒนธรรม มานุษยวิทยากายภาพ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาเบื้องต้น พุทธศาสนาในตะวันตก พุทธศาสนาเถรวาท การอ่านคัมภีร์พุทธศาสนา ประวัติศาสตร์พุทธศาสนา ศาสนาเปรียบเทียบ สารัตถะแห่งพระไตรปิฎก การอ่าน-พูด-เขียนภาษาอังกฤษ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จิตวิทยาในพุทธศาสนา ฯลฯ

    ประวัติการทำงาน (เฉพาะบางส่วน)
    พ.ศ. 2548-ปัจจุบัน รองคณบดีและอาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กรุงเทพฯ Social
    พ.ศ. 2545-ปัจจุบัน อาจารย์พิเศษวิทยาลัยศาสน ศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา พลังจิต เว็บ พระพุทธศาสนา ธรรมะ พระไตรปิฎก ลึกลับ อภิญญา วิทยาศาสตร์ทางจิต Buddhism Buddhist. mahidol.ac.th/master.html
    พ.ศ. 2545-ปัจจุบัน Visiting Professor, Santa Clara University, California, USA Redirect to New SCU Religious Studies Department Homepage
    พ.ศ. 2551-ปัจจุบัน อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    พ.ศ. 2532-ปัจจุบัน ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  2. ann

    ann เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    246
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +2,291
    ภิกษุศากยวงศ์ ในพระ"สังฆราช"


    37700_20_4.jpg .,m,.m.m.jpg



    พระบารมีธรรมในสมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์หน่อธรรมเชื้อสาย "ศากยวงศ์" จากประเทศเนปาล

    ศากยวงศ์นั้นคือ พระอนิล ธมฺมสากิโย หรือ พระ ดร.อนิล ศากยะ สมเด็จพระสังฆราชทรงอุปถัมภ์มาตั้งแต่อายุ 14 ปี

    ทรง สั่งสอนหลักธรรมในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และส่งเสริมให้เรียนรู้ จนกระทั่งเดินทางไปเรียนจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ

    "ต้นตระกูลอาตมาเกี่ยวโยงกับตระกูลที่ย้ายมาค้าขายที่กาฐมาณฑุ สมัยพุทธกาล"

    พระ อนิล บอกความเป็นมาของตระกูลศากยะของตน ก่อนอธิบายว่า หลักฐานที่มีอยู่เป็นภาษาสันสกฤต เป็นคัมภีร์ที่เขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ 2 หรือ 3 ชื่อ มูลสราวาสติวาทิน

    คัมภีร์กล่าวว่า มีญาติของพระอานนท์มาค้าขายอยู่ที่กาฐมาณฑุ เมื่อมีพ่อค้าจากกรุง กบิลพัสดุ์ มาค้าขายที่กาฐมาณฑุ ญาติพระอานนท์จึงเข้าถามพ่อค้าว่า เจอพระอานนท์บ้างหรือไม่

    พ่อค้าบอกว่าเจอประจำ เมื่อใดที่เห็นพระพุทธเจ้าก็จะเห็นพระอานนท์นั่งอยู่ข้างๆ

    ดัง นั้น ญาติพี่น้องเลยขอร้องให้พ่อค้าช่วยกราบทูลพระอานนท์ว่า มีญาติพี่น้องของท่านมาตกยากอยู่ที่กาฐมาณฑุ อากาศหนาว เดินทางลำบาก อยากจะไปกราบพระอานนท์ แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ อยากให้มาโปรดญาติพี่น้องบ้าง

    เมื่อพ่อค้าส่งข่าวถึงพระอานนท์ ท่านจึงเดินทางไปเยี่ยมญาติ เมื่อกลับถึงที่ประทับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏว่าเท้าแตก

    พระพุทธเจ้า ทอดพระเนตรเห็น ตรัสถามว่าได้ความว่า เพราะพระอานนท์ไปเยี่ยมญาติที่กาฐมาณฑุมา อากาศหนาวมาก จะสวมรองเท้าก็ไม่ได้ เพราะผิดพระวินัย พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าเป็นการเดินทางลักษณะนี้ควรใส่รองเท้าได้



    "คัมภีรมูลสราวาสติวาทินนี้ โยงได้ว่า ต้นตระกูลของอาตมาที่กาฐมาณฑุเป็นตระกูลเดียวกัน อาตมาเป็นญาติทางพระอานนท์"

    เมื่อ ถามถึงการเดินทางมาประเทศไทยของพระอนิล ศากยะ ท่านบอกว่า มูลเหตุมาจากสมเด็จพระสังฆราชเสด็จเนปาลเมื่อ พ.ศ.2513 ในช่วงนั้น ทรงเห็นว่าพระสงฆ์เถรวาทในเนปาลไม่แข็งแรง

    เพราะยามนั้น "มีพระสงฆ์อยู่เพียง 20 กว่ารูป เนื่องจากเพิ่งฟื้นขึ้นมาใหม่ คณะสงฆ์เนปาลได้ถวายการต้อนรับแบบตามมีตามเกิด

    พระองค์ ทรงถามว่า มีอะไรให้คณะสงฆ์ไทยช่วยบ้างหรือไม่ ทางคณะสงฆ์เนปาลขอพรสมเด็จพระสังฆราชเพียง 2 ข้อ ข้อหนึ่ง ขอให้พระสงฆ์ไทยส่งสมณทูตไปเผยแพร่ ส่วนข้อสอง ขอให้ฝึกภิกษุสามเณร เพื่อจะได้ช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเนปาล"

    ด้วยเหตุนี้เอง "พระองค์ท่านตรัสถามว่า มีพระภิกษุ สามเณรพร้อมที่จะเดินทางมาฝึกในเมืองไทยหรือไม่ ท่านจะเป็นผู้อุปการะเอง ถ้ามีก็ให้ส่งมาได้เลย"

    11.jpg
    พระอนิล

    ครั้ง นั้น คณะสงฆ์เนปาลส่งพระภิกษุมา 1 รูป เมื่อ พ.ศ.2514 ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เรียนเก่งมาก ท่องปาฏิโมกข์ได้ ทำให้พระสังฆราชขออุปการะเพิ่มอีก ทางคณะสงฆ์เนปาลเลยส่งรุ่นสองมา พ.ศ. 2518

    สามเณรอนิล ศากยะ มารอบสองนี้

    ท่านบวชและผ่านการฝึกที่เนปาล มาก่อนแล้ว 9 เดือน

    ท่าน เล่าเกี่ยวกับญาติว่า "พ่อเข้าวัดประจำ เป็นนักร้องเพลงธรรมะ เมื่อพ่อไปวัด อาตมาก็ตามไป ไปร้องเพลงประสานเสียง ครอบครัวอาตมามีพี่น้องอยู่ 5 คน

    จริงๆแล้วพ่ออยากให้พี่ชายบวช แต่พี่ชายคนโตสอบเอ็นทรานซ์ได้ที่ 1 ของประเทศ ได้ทุนไปเรียนอินเดีย พ่อเลยมองมาที่อาตมาเป็นคนที่สอง ตอนนั้นอาตมายังเด็กอยู่ก็ไม่คิดอะไรมาก เบื่ออยู่บ้านเพราะต้องเลี้ยงน้องๆ เอาแต่อยากเล่น เลยอยากลองดู

    บวชแล้วก็อยากมาอยู่ที่วัดบวรฯ ตั้งแต่อายุ 14 ปี

    สำหรับ ศากยวงศ์ พระอนิลบอกว่า "อาตมาเคยทำการสืบวงศาคณาญาติ หลักฐานพอทราบได้ว่าน่าจะเป็นสายของพระอานนท์ที่ย้ายไปอยู่ที่กาฐมาณฑุ สมัยพุทธกาล และที่เนปาลเองก็ยังมีกระจายอยู่ และนามสกุลอันนี้ต้องเป็น ศากยะ เปลี่ยนไม่ได้"

    การดำรงอยู่ของศากยะ "การแต่งงานต้องแต่งในตระกูล แต่หมายความว่า จะต้องไม่ใกล้ญาติ ต้องห่างกันไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วคน และนามสกุลต้องเป็นศากยะด้วยกัน เพื่อจะต้องการรักษาเลือดให้บริสุทธิ์ไว้

    เราอาจเคยอ่านในพุทธประวัติ แต่ในแง่ความเป็นจริงปัจจุบันก็ยังดำรงอยู่"

    เงื่อน ไขอื่นๆที่แสดงว่าเป็นศากยวงศ์คือ "ยืนยันด้วยพิธีกรรม เชื้อ สายนี้ต้องบวชเณร ต้องแสดงตัวเองเหมือนเจ้าชายในตระกูล เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ ดังนั้น เด็กชายในตระกูลนี้ อายุ 4 หรือ 5 ขวบ ต้องบวชเณร 4 หรือ 5 วัน"

    การบวชเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของตระกูล ศากยะ ผู้ชายทุกคนต้องบวช ต้องออกบิณฑบาต ถ้าไม่ได้บวชถือว่าไม่สมบูรณ์ ศากยะทุกตระกูลต้องมีวัดประจำตระกูล และมีห้องพระในบ้าน ห้องสำคัญที่สุดนี้ ถ้าใครไม่ได้ผ่านพิธีกรรมจะเข้าไม่ได้ เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ทางสายเลือด และต้องมีพิธีกรรมของตระกูลอยู่เรื่อยๆตลอดปี

    ตระกูลศากยะ ในพุทธประวัติว่าพระเจ้าวิฑูฒภะ ฆ่าศายกะหมด

    เรื่อง นี้พระอนิลเล่าว่า แม่พระเจ้าวิฑูฒภะถูกหลอกว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งศากยะ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เรื่องนี้มีมูลเหตุมาจากพระเจ้าปเสนทิโกศลอยากเป็นญาติกับพระพุทธเจ้า ก็เลยขอลูกสาวจากกรุงกบิลพัสดุ์มาแต่งงานกัน



    แต่ ศากยะไม่ต้องการยกลูกสาวของตนให้พระเจ้าปเสนทิโกศลที่มีอำนาจมากกว่า จึงหลอกเอาลูกทาสีมาย้อมแมวส่งให้มา เมื่อมีลูกออกมา ลูกรู้ว่าปู่ตัวเองถูกหลอกก็แค้น เลยไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศากยะ เอาเลือดมาล้างบัลลังก์ของตัวเอง

    แม้จะถูกฆ่าล้างตระกูล แต่ไม่ได้หมายความว่า ศายกะจะถูกฆ่าทั้งหมด เพราะศากยวงศ์ไม่ได้อยู่ที่กรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้น ยังมีอยู่ในเมืองอื่นๆอีก

    เมื่อถามถึงพุทธศาสนาในเนปาล พระอนิลเล่าว่า พุทธศาสนาในเนปาล ลัทธิเถรวาท เคยหายไปพักหนึ่ง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึง 15 เพราะพระมหากษัตริย์ ฝักใฝ่ฮินดู แล้วบังคับพระเถรวาทให้สึก และจับแต่งงาน

    ส่วนมหายาน วัชรญาณยังรักษาไว้ได้ เพราะสามารถปรับเข้าได้กับการเมือง

    ด้าน พระอัจฉริยภาพในสมเด็จพระสังฆราช พระอนิลในฐานะพระในพระอุปถัมภ์บอกว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงใส่พระทัยด้านการศึกษามาก ทรงขยันสอน "สมัยเป็นเณรเราอยากไปโน้น ไปนี้ แต่พระองค์พยายามให้อ่านหนังสือ ให้นั่งกับพระองค์ ช่วงนั้นภาษาอังกฤษอาตมาไม่ดี ท่านทรงสอนให้อ่านให้ถูกต้อง และให้แปลได้เป็นอย่างดี"

    พระอนิลบอก ว่า สมเด็จพระสังฆราช แม้จะจบชั้นประถมศึกษาแล้วบวชเณร พระองค์ทรงศึกษาภาษาบาลี สันสกฤต และยังเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ ขนาดสอนฝรั่งบวชได้หลายคน

    "การแต่งพระถาคาภาษาลี ไพเราะ งดงาม หาใครเทียบเทียมได้ยากครับ" พระอนิลบอก

    พระ อัจฉริยภาพใน สมเด็จพระสังฆราช มีหลากหลายสาขา ในวโรกาสฉลองพระชันษา 96 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ ระหว่างวันที่ 1-15 ตุลาคม พุทธศาสนิกชนสามารถชื่นชมพระอัจฉริยภาพได้ในนิทรรศการ ณ อาคาร มนุษยนาควิทยาทาน วัดบวรนิเวศวิหาร

    นิทรรศการแบ่งออกมาเป็น 12 ห้อง เช่น ห้องพระประวัติ ห้องพระบรรทม ห้องฟังธรรม ห้องกรรมฐาน แลห้องประทานชื่อ

    ใครต้องการชื่อพระราชทานตามหลักโหราในสมเด็จพระสังฆราช เพียงป้อนข้อมูล วัน เดือน ปี ในคอมพิวเตอร์ แล้วรับพระราชทานชื่อได้ทันที.


    ภิกษุศากยวงศ์ ในพระ"สังฆราช" - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  3. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    สาธุ สาธุ สาธุ

    [​IMG]



    --------------------------------


    พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) ผู้สืบเชื้อสายพระอานนท์



    [​IMG]




    [​IMG]




    <!--StartFragment-->เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ภาพ : มาโนช ภาชีรัตน์<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>


    สายลมแห่งผู้กล้า…<O:p></O:p>
    พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) <O:p></O:p>
    ผู้สืบเชื้อสายพระอานนท์<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>


    จากสามเณรน้อยชาวเนปาล ที่ได้รับการอุปถัมภ์จาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ณ วันนี้ พระดอกเตอร์ ผู้สืบชายสาย “ศากยวงศ์” ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะแก่คนทั้งโลกตามรอยธรรมแห่งพระพุทธองค์ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>


    ก้าวย่างในรอยธรรมของ พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) เริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เนื่องด้วยพระอาจารย์ได้บวชเป็นสามเณรที่บ้านเกิดในประเทศเนปาล กระทั่งได้รับการอุปถัมภ์จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกให้มาศึกษาพระธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร จวบจนเมื่ออายุครบบวชพระ จึงอุปสมบทโดยมีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ จนต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช และยังสนองงานเจ้าประคุณสมเด็จ จนกระทั่งบัดนี้
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //จากสามเณรเนปาลเดินทางสู่แผ่นดินไทย
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    พระอนิล ธมฺมสากิโย หรือ พระ ดร.อนิล ศากยะ นามของท่านมีความหมายว่า “สายลมแห่งผู้กล้าหาญ” ด้วยแรงศรัทธาแห่งธรรมมาแต่วัยเยาว์ จากการได้เห็นโยมพ่อและญาติ เข้าวัดเป็นประจำ จึงซึมซับไปโดยปริยาย
    <O:p></O:p>
    “ครอบครัวอาตมามีพี่น้องอยู่ 5 คน จริงๆ แล้วโยมพ่ออยากให้พี่ชายบวช แต่พี่ชายคนโต เอนทรานซ์ได้ที่ 1 ของประเทศ ได้ทุนไปเรียนอินเดีย พ่อเลยมองมาที่อาตมาเป็นคนที่ 2 ตอนนั้นยังเด็ก อยู่ก็ไม่คิดอะไรมาก เบื่ออยู่บ้านเพราะต้องเลี้ยงน้องๆ เลยตัดสินใจบวชเณรเลย” พระอาจารย์อนิล ถ่ายทอดชีวิตบนเส้นทางธรรมในถิ่นกำเนิดที่เนปาล
    <O:p></O:p>
    กระทั่งในปี 2513 เมื่อสมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปเนปาล ทรงเห็นว่าพระสงฆ์เถรวาท ที่นั่นไม่แข็งแรง พระองค์จึงตรัสถามว่า มีอะไรให้คณะสงฆ์ไทยช่วยบ้างหรือไม่ ทางคณะสงฆ์เนปาล จึงขอพรสมเด็จพระสังฆราชเพียง 2 ข้อ

    ข้อ 1 ขอให้พระสงฆ์ไทยส่งสมณทูตไปเผยแผ่
    ข้อ 2 ขอให้ฝึกภิกษุ สามเณร เพื่อจะได้ช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเนปาล

    <O:p></O:p>
    “พระองค์ท่านตรัสถามกลับว่า มีพระภิกษุ สามเณรพร้อมที่จะเดินทางมาฝึกในเมืองไทยไหม ท่านจะเป็นผู้อุปการะเอง ถ้ามีก็ให้ส่งไปได้เลย” สามเณรน้อยอนิล จึงถือเป็นคณะสงฆ์รุ่น 2 ที่เดินทางมาเมืองไทยเมื่อปี 2518 หลังบวชได้เพียง 9 เดือน
    <O:p></O:p>
    “จริงๆ อาตมามาด้วยกัน 3 รูป แต่อีก 2 รูปไม่รู้เป็นยังไง ถูกใจสาวไทยเยอะเหลือเกิน (หัวเราะ) เขาก็บอกว่าท่านทั้งสองหล่อ อาตมาเพิ่งอายุ 14-15 ก็ไม่รู้ว่าหล่อเป็นยังไง เณรรุ่นพี่ที่อายุ 17 ปี มีนารีอุปถัมภ์เยอะเหลือเกิน มีสาวไทยมาช่วยทำการบ้านทุกวัน แต่อาตมารู้สึกเบื่อ ไม่ชอบ บอกกับตัวเองว่า ถ้าจะเรียนจะต้องทำเอง ไปๆ มาๆ เณรองค์โตก็เลยสึกไปแต่งงานกับสาวไทย มีลูกด้วยกัน 1 คน อยู่ จ.สุรินทร์ ตอนหลังรู้ว่าหย่ากันแล้วก็เดินทางกลับเนปาลไปแล้ว ส่วนเณรองค์เล็กถูกส่งไปเรียนที่ จิตตภาวันวิทยาลัย ชลบุรี แต่พ่อแม่มาเห็นแล้วรับสภาพไม่ได้ เพราะเณรเป็นร้อย การดูแลไม่ทั่วถึง ยิ่งอยู่ชายทะเลทำให้เณรเป็นหิดขึ้นเต็มตัวไปหมด พ่อแม่เห็นเช่นนั้นก็เลยพาตัวลูกกลับเนปาล”
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //ต้นตระกูล “ศากยวงศ์”
    <O:p></O:p>
    สำหรับประวัติของ พระ ดร.อนิล นั้น ท่านเป็น “ศากยวงศ์” ที่สืบเชื้อสายของพระอานนท์ซึ่งย้ายมาอยู่ที่กาฐมาณฑุตั้งแต่สมัยพุทธกาล การดำรงอยู่ของศากยะ ตามหลักฐานระบุว่า การแต่งงานต้องแต่งในตระกูล แต่หมายความว่า จะต้องไม่ใกล้ญาติ โดยต้องห่างกันไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วคน และนามสกุลต้องเป็นศากยะด้วยกัน เพื่อต้องการรักษาเลือด ให้บริสุทธิ์ไว้ <O:p></O:p>
    ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ที่แสดงว่าเป็นศากยวงศ์คือ พิธีกรรม ซึ่งเชื้อสายนี้ต้องบวชเณร ต้องแสดงตัวเองเหมือนเจ้าชายในตระกูล เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ ดังนั้น เด็กชายในตระกูลนี้ อายุ 4 หรือ 5 ขวบ ต้องบวชเณร 4 หรือ 5 วัน การบวชเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของตระกูลศากยะ ผู้ชายทุกคนต้องบวช ต้องออกบิณฑบาต ถ้าไม่ได้บวชถือว่าไม่สมบูรณ์ ศากยะทุกตระกูลต้องมีวัดประจำตระกูล และมีห้องพระในบ้านเป็นห้องสำคัญที่สุดนี้ ถ้าใครไม่ได้ผ่านพิธีกรรมจะเข้าไม่ได้ ถือเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ทางสายเลือด
    <O:p></O:p>
    ตระกูลศากยะ
    <O:p></O:p>
    ในพุทธประวัติระบุว่า พระเจ้าวิฑูฑภะ ฆ่าศากยะหมด ตรงนี้พระอาจารย์อนิล อธิบายว่า “แม่พระเจ้าวิฑูฑภะถูกหลอกว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งศากยะ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เรื่องนี้มีมูลเหตุมาจาก พระเจ้าปเสนทิโกศลอยากเป็นญาติกับพระพุทธเจ้า ก็เลยขอลูกสาวจากกรุงกบิลพัสดุ์มาแต่งงานกัน แต่ศากยะไม่ต้องการยกลูกสาวของตนให้พระเจ้าปเสนทิโกศลที่มีอำนาจมากกว่า จึงหลอกเอาลูกช่างทาสีมาย้อมแมวส่งให้ เมื่อมีลูกออกมา ลูกรู้ว่าปู่ตัวเองถูกหลอกก็แค้น เลยไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศากยะ เอาเลือดมาล้างบัลลังก์ของตัวเอง แม้จะถูกฆ่าล้างตระกูล แต่ไม่ได้หมายความว่าศากยะจะถูกฆ่าทั้งหมด เพราะศากยวงศ์ไม่ได้อยู่ที่กรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้น ทว่ายังมีอยู่ในเมืองอื่นๆ อีก
    <O:p></O:p>
    “พุทธศาสนาในเนปาล ลัทธิเถรวาท เคยหายไปพักหนึ่ง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-15 เพราะพระมหากษัตริย์ฝักใฝ่ฮินดู แล้วบังคับพระเถรวาทให้สึก และจับแต่งงาน ส่วนมหายาน วัชรญาณยังรักษาไว้ได้ เพราะสามารถปรับเข้าได้กับการเมือง ต้นตระกูลอาตมาเกี่ยวโยง กับตระกูลที่ย้ายมาค้าขายที่กาฐมาณฑุสมัยพุทธกาล หลักฐานที่มีอยู่เป็นภาษาสันสกฤต เป็นคัมภีร์ที่เขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ 2 หรือ 3 ชื่อ มูลสราวาสติวาทิน ในคัมภีร์กล่าวว่า มีญาติของพระอานนท์มาค้าขายอยู่ที่กาฐมาณฑุ เมื่อมีพ่อค้าจากกรุงกบิลพัสดุ์ มาค้าขายที่กาฐมาณฑุ ญาติพระอานนท์จึงเข้าถามพ่อค้าว่า เจอพระอานนท์บ้างหรือไม่ พ่อค้าบอกว่าเจอประจำ เมื่อใดที่เห็นพระพุทธเจ้าก็จะเห็นพระอานนท์นั่งอยู่ข้างๆ
    <O:p></O:p>
    “ดังนั้น ญาติพี่น้องเลยขอร้องให้พ่อค้าช่วยกราบทูลพระอานนท์ว่า มีญาติพี่น้องของท่านมาตกยากอยู่ที่กาฐมาณฑุ อากาศหนาว เดินทางลำบาก อยากจะไปกราบพระอานนท์ แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ เลยอยากให้มาโปรดญาติพี่น้องบ้าง เมื่อพ่อค้าส่งข่าวถึงพระอานนท์ ท่านจึงเดินทางไปเยี่ยมญาติ เมื่อกลับถึงที่ประทับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏว่าเท้าแตก พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็น ตรัสถามได้ความว่า เพราะพระอานนท์ไปเยี่ยมญาติที่กาฐมาณฑุมา อากาศหนาวมาก จะสวมรองเท้าก็ไม่ได้ เพราะผิดพระวินัย พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าเป็นการเดินทางลักษณะนี้ควรใส่รองเท้าได้ คัมภีรมูลสราวาสติวาทินนี้ โยงได้ว่า ต้นตระกูลของอาตมาที่กาฐมาณฑุเป็นตระกูลเดียวกันกับพระอานนท์” พระอาจารย์อนิล เล่าความเป็นมาของผู้สืบเชื้อสายของพระอานนท์ในประเทศไทย
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //บวชลืมสึก…เพราะสมเด็จพระสังฆราช
    <O:p></O:p>
    การเป็นองค์อุปถัมภ์หน่อเนื้อเชื้อธรรมแห่งศากยะ สมเด็จพระสังฆราช ทรงมองเห็นอัจฉริยภาพและทรงใส่พระทัยด้านการศึกษาของพระ ดร.อนิล อย่างมาก จึงทรงอบรมเคี่ยวเข็ญให้สามเณรน้อยอ่านหนังสือ แล้วให้นั่งอยู่กับพระองค์ <O:p></O:p>
    “ช่วงนั้นภาษาอังกฤษอาตมาไม่ดี ท่านทรงสอนให้อ่านให้ถูกต้อง และให้แปลได้เป็นอย่างดี สาเหตุที่ทำให้อาตมารอดจากการสึกมาได้นั้น น่าจะมาจากสมเด็จพระสังฆราช เพราะทุกๆ เช้าไม่ว่าท่านจะไปไหน ท่านก็ตรัสว่า อ้าว!! เณรสะพายย่าม ท่านก็จะพาไปตามที่ต่างๆ ถ้าวันไหนไม่เห็นอาตมา ท่านก็จะส่งเด็กไปตาม เรียกว่าอาตมาไปไหนไม่ได้เลย ทำให้ต้องนั่งคุกเข่าอยู่กับท่านแบบนี้ จนเข่าด้านไปหมดตอนนั้น (หัวเราะ)”
    <O:p></O:p>
    ด้วยบวชเรียนและมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดกับสมเด็จพระสังฆราช เหตุนี้พระอาจารย์อนิลจึงซึมซับคำสอนหลายอย่างจากพระองค์ “ท่านจะแนะนำให้ทุกอย่าง เวลาทำงานพลาด อย่างร่างหนังสือ พออาตมาทำผิดท่านก็จะสอนว่าต้องร่างแบบนี้ คำแนะนำของท่านทำให้ทุกวันนี้วัดบวรฯ เวลาจะมีการร่างหนังสือ หรือร่างหนังสือถึงในวัง อาตมาคิดว่าคนไทยด้วยกันคงสู้อาตมาไม่ได้ เพราะถูกสอนมาจากท่านโดยตรง ทำให้เวลาได้คุยกับเชื้อพระวงศ์ก็ใช้คำราชาศัพท์ได้อย่างคล่องแคล่ว”
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //ในหลวงพระราชทานทุนเรียนปริญญาเอก
    <O:p></O:p>
    พระอาจารย์ ดร.อนิล สำเร็จการศึกษา ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ) จาก คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในปี 2525 และปี 2530 ศึกษาต่อระดับปริญญาโท (MA) ด้านมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยตรีภูวัน ประเทศเนปาล นอกจากนี้ยังได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโท (MPhil) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จาก วิทยาลัยคราอิสต์ คอลเลจ (Christ College) มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2537 แล้วศึกษาต่อระดับปริญญาเอก (PhD) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จากมหาวิทยาลัยบรูเนล (Brunel University) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกเช่นกัน สำเร็จในปี 2543
    <O:p></O:p>
    “ปี 2535 สมเด็จพระสังฆราช ได้ถามอาตมาว่า ไม่คิดที่จะไปเรียนต่อ อาตมาก็เฉย เห็นไหมว่ามีผู้ใหญ่วางแผนชีวิตให้หมด ท่านก็ถามแล้วถามอีก อาตมาก็เลยบอกท่านไปว่า ถ้าไปเรียนแล้วใครจะดูแลที่นี่ ท่านก็ตอบกลับมาว่า แล้วคุณไปเกี่ยวอะไร ไปกังวลทำไม ท่านยังไม่สนใจเลย แล้วคุณไปคิดมากทำไม (หัวเราะ) เราก็คิดได้ว่า เออเราทำไมไปยึดมั่นถือมั่นตรงนั้นได้นะ อาตมาก็แอบไปสมัครมหาวิทยาลัยดังในอเมริกากับยุโรป เกือบ 20 แห่ง ตอนนั้นกิเลสยังเยอะ (หัวเราะ) ผลปรากฏว่ามีเกือบ 10 แห่งที่ตอบรับมา ที่จำได้ก็จะมี มหาวิทยาลัยแอริโซนา มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย อย่างที่อังกฤษก็เป็น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
    <O:p></O:p>
    “ตอนนั้นอยากไปเรียนที่แอริโซนา เพราะพระถูกฆ่าตายทั้งวัด ยิ่งเป็นคนแปลเอกสารให้กับทางวัด ยิ่งอยากจะไปดูว่า เป็นไปได้ยังไงพระถูกฆ่าตายทั้งวัด อยากจะไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้น อาตมาก็ติดต่อกับมหาวิทยาลัยแอริโซนา รับปากเรียบร้อยแล้วว่า จะดูแลความปลอดภัยทุกอย่าง มาได้เลย พอใกล้จะเดินทาง ทุกคนก็ไม่อยากให้ไป ในที่สุดก็ไม่ได้ไป เลยมีตัวเลือกอื่น คือ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปัญหาก็เกิดขึ้นอยู่ที่ทุน ก็ไม่ได้บอกสมเด็จพระสังฆราช ท่านก็ถามติดต่อหรือยัง ก็เลยกราบทูลท่านว่า ติดต่อแล้ว มหาวิทยาลัยตอบรับเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้กำลังรอเรื่องทุนอยู่ พอท่านรู้ก็กริ้วว่า ทำไมไม่บอก เรื่องแค่นี้ทางวัดบวรฯ ส่งไม่ได้หรือ ท่านทำงานให้กับวัดมาตั้งมากมาย ที่สุดก็ได้ไปดูสถานที่เรียนที่เคมบริดจ์ โดยมีอาจารย์ภาควิชาจัดการเรื่องสมัครเรียนให้หมดเลย”
    <O:p></O:p>
    ก่อนที่จะเดินทางไปเรียนอีก 7 วัน พระอาจารย์ได้คุยกับท่านราชเลขาในขณะนั้น (ม.ล.ทวีสันต์ ลดาวัลย์) ซึ่งท่านตกใจ เกิดความไม่พอใจว่าไปได้ยังไง “ท่านก็บอกว่าไปไม่ได้ แล้ว อาตมาเป็นที่คุ้นเคยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ หากท่านรับสั่งถาม ขึ้นมาจะทูลตอบพระองค์ท่านยังไง ท่านราชเลขาก็แนะนำให้เขียนหนังสือกราบบังคมทูลลา จากนั้นก็โทร.มาถามว่า ในหลวงมีพระราชกระแสรับสั่งว่าเอาทุนมาจากไหน อาตมาก็ตอบไปว่าก็ทุนของสมเด็จพระสังฆราชท่านประทาน วันต่อมาท่านราชเลขาก็บอกว่า ในหลวงไม่โปรดให้สมเด็จพระสังฆราชออกทุน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานทุนเอง พระองค์มีพระราชกระแสรับสั่งว่า ให้ตั้งใจเรียน ไม่ต้องกังวลเรื่องทุน ไม่พอก็บอกมา” พระอาจารย์กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณด้วยใบหน้าปลื้มปีติยากจะลืมเลือน
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //สร้างบารมี...ก้าวสู่พระอินเตอร์
    <O:p></O:p>
    จากความรู้ทางธรรมที่ได้จากการปฏิบัติและการศึกษาเล่าเรียน ในปี 2548 พระอาจารย์อนิล ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ และเป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย แล้วยังรับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษประจำ อยู่ที่ วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยซานตา คลารา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (Santa Clara University, CA, USA) นอกจากนี้ยังดำรง ตำแหน่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ อีกมากมาย
    <O:p></O:p>
    “ถ้าถามว่าอนาคตวางแผนชีวิตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ยังไง หรือจะมีการสึกเพื่อไปใช้ชีวิต แบบฆราวาสหรือเปล่า จริงๆ ชีวิตของอาตมาไม่มีเป้าหมาย เพราะไม่เคยวางแผนชีวิตด้วยตัวเอง ตั้งแต่เล็กๆ ก็มีผู้ใหญ่วางแผนชีวิตให้หมด เพียงแต่เราแค่เดินตาม ตั้งแต่คณะสงฆ์เนปาล ส่งให้มาอยู่กับสมเด็จพระสังฆราช ก็ให้มาเคี่ยวเข็ญสั่งสอนจนจบปริญญาตรี เรียนจบขอกลับบ้าน 3-4 ครั้งท่านก็ไม่ยอม จริงๆ อาตมาอยากจะกลับไปสร้างวัดที่นั่น เพราะเห็นวัดในเมืองไทยสวยงามใหญ่โต ท่านบอกว่า คุณกลับไปจะทำอะไรได้ แม้จะอ้างว่าที่ดิน วัสดุมันจะแพง ท่านพูดมาคำเดียวว่า คุณมีเงินหรือ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพราะท่านสร้างวัดได้ก็ตอนอายุ 60 ปีแล้ว แต่คุณต้องอยู่ที่นี่ ท่านก็เลยแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเลขา
    <O:p></O:p>
    ไม่น่าเชื่อหลังจากนั้นโครงการสร้างวัดก็เกิดขึ้น ท่านก็ให้อาตมาไปสร้างวัด แล้วก็สร้างเสร็จ ซึ่งวัดที่ไปสร้างก็อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยเนปาล ระหว่างนั้นก็มีอาจารย์มาให้ เซ็นเพื่อเข้าเรียนปริญญาโท พอสร้างวัดเสร็จอาตมาก็เรียนจบปริญญาโทกลับมาอีกหนึ่งใบ แล้ววัดที่สร้างได้ชื่อว่า วัดไทยสิริกิติ์วิหาร เป็นวัดในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แห่งวัดบวรนิเวศวิหารจากประเทศไทยนั่นเอง” วัดไทยในเนปาลกลายเป็นศูนย์ กลางพระพุทธศาสนาที่ทุกคนเลื่อมใสศรัทธา
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    // “อนิจจังทุกขังอนัตตา
    <O:p></O:p>
    ตลอดชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อพระอาจารย์อนิลไปบรรยายที่ไหนจะมีญาติโยมทุกระดับจนถึงท่านเจ้าคุณมาฟังมากมายยิ่งปัจจุบันเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบเช่นนี้ธรรมะย่อมเป็นหนึ่งทางออกของปัญหานี้ได้
    <O:p></O:p>
    “อาตมาไม่รู้จะเอาลาภยศสรรเสริญไปทำไมพยายามคิดเสมอว่าเราอย่าไปยึดติดตรงนั้นเพื่อที่จะมาพัฒนาตัวเองถ้าไม่พัฒนาตัวเองเราก็จะโง่ทันทีจริงๆเราก็เหมือนกำลังยืนอยู่ที่ปากเหวนั่นเองใครเห็นก็ว่าเรากล้าเก่งแต่ถ้าเผลอไปเมื่อไหร่เราก็ตกเหวเมื่อนั้นนั่นก็เป็นเป้าหมายของพระพุทธศาสนาที่ให้พัฒนาตนด้วยการภาวนานั่นคืออนิจจังทุกขังอนัตตา ที่เป็นความไม่เที่ยงของชีวิต ถ้าทุกคนเข้าใจตรงนี้ได้มันก็จะเป็นปัญญาให้เราได้ปรับตัวอยู่กับความไม่แน่นอนของชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยที่ไม่ต้องไปยึดติดว่าสิ่งนั้นเป็นของเราที่สุดเราก็จะโล่งและความสงบสุขก็จะเกิดขึ้น”
    <O:p></O:p>
    เพราะเมื่อใดที่ต่างฝ่ายยังยึดมั่นถือมั่นความโลภในลาภยศสรรเสริญคงไม่อาจทำให้บ้านเมืองเกิดสันติสุขได้โดยง่าย



    ขอบคุณที่มา :::::
    สุทธิคุณ กองทอง: พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) ผู้สืบเชื้อสายพระอานนท์
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    *
    [​IMG]

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O:p>
    *
    [​IMG]
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
  6. Fishjacker

    Fishjacker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +736
    อนุโมทนา สาธุ.
    ____________________________________________________
    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
    พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)<O:p</O:p
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม<O:p</O:p
    ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)<O:p</O:p
    สุปฏิปันโน ภะคะวะโน สาวะกะสังโฆ<O:p</O:p
    สังฆัง นะมามิ (กราบ) <O:p</O:p
     
  7. คนชอบอ่าน

    คนชอบอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +65
    นับเป็นวาสนา ที่ได้อ่านบันทึกนี้
     
  8. นภัสดล

    นภัสดล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +433
    ขอกราบนมัสการ พระคุณเจ้า ด้วยครับ
     
  9. แสงศร

    แสงศร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    76
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +616
    สาธุ อนุโมทนา ท่านเหมาะแล้วที่เป็นเชื้อสายศากยะ กราบนมัสการค่ะ
     
  10. keawwichian

    keawwichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +200
    กราบนมัสการพระอาจารย์อนิลคะ
     
  11. ratrat

    ratrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +479
    เป็นความโชคดีของเราชาวไทย ที่ได้พระอาจารย์อนิล มาเป็นตัวอย่าง ให้แก่พระภิกษุ
    สามเณร นักบวช และนักปฏบัติท้ั้งหลายเอาเป็นแบบอย่าง ของการปฏิบัติดีตามคำสอน
    ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ขอกราบนมัสการพระคุณเจ้า
     
  12. konkangwad

    konkangwad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +5,910
    กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ
     
  13. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    กราบนมัสการพระอาจารย์ ดร.อนิล ครับ
     
  14. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,285
    กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับผม
     
  15. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    กราบนมัสการพระอาจารย์ขอรับ และขอกราบอนุโมนาขอรับ
     
  16. Cutie Kung

    Cutie Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +1,283
    นมัสการพระคุณเจ้า

    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องดีๆ มาแชร์กันค่ะ
    :cool:
     
  17. belives

    belives เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +234
    ข้อชี้แจ้งเรื่องโครงการพระไตรปิฎก

    ตามที่พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า วัดพระธรรมกายได้เชิญนักวิชาการที่เชี่ยวชาญภาษาบาลีจากประเทศต่างๆ มาช่วยกันตรวจชำระพระไตรปิฎก โดยจะแก้ไขเรื่องไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เปลี่ยนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อัตตา นั้น

    วัดพระธรรมกายขอชี้แจงความจริงดังนี้

    1. ไม่มีใครในโลกสามารถเปลี่ยนคำสอนเรื่องไตรลักษณ์ในพระไตรปิฎกได้ เพราะระไตรปิฎกฉบับต่างๆ ทั้งฉบับสยามรัฐในประเทศไทย ฉบับพุทธชยันตี ในศรีลังกา ฉบับฉัฏฐสังคายนาในพม่า ฉบับสมาคมบาลีปกรณ์(Pali Text Society) ในประเทศอังกฤษ ล้วนมีระบุไว้อย่างชัดเจน ใครไปแก้ไขโดยพลการก็จะขัดแย้งกับหลักฐานของพระไตรปิฎกทุกฉบับที่มีอยู่แล้วไม่มีทางที่ใครๆ จะยอมรับ ผู้ทำก็มีแต่จะเสื่อมเสียไปเอง ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

    2. โครงการพระไตรปิฎกที่ทางวัดพระธรรมกายกำลังดำเนินการอยู่นั้น มุ่งรักษาคัมภีร์ใบลานตามสายจารีตต่างๆ ทั้งไทย ล้านนา ศรีลังกา พม่า ขอม ซึ่งนับวันก็จะผุกร่อนบ้าง ถูกปลวกกินบ้าง ไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย โดยถ่ายภาพดิจิตอลทำเป็นฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการพระพุทธศาสนาทั่วโลก และขอความร่วมมือนักวิชาการทั่วโลกช่วยกันตรวจชำระให้ได้เป็นฐานข้อมูลพระไตรปิฎกที่สมบูรณ์สามารถสืบค้นดูตัวต้นฉบับใบลานของทุกสายจารีต ได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านระบบดิจิตอลในคอมพิวเตอร์ งานนี้เป็นงานใหญ่ต้องอาศัยความร่วมมือของนักวิชาการทั่วโลกและต้องใช้เวลานานนับสิบปี แต่ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการศึกษาค้นคว้าพระพุทธศาสนา


    ขณะนี้ในสังคมไทยเรามีความขัดแย้งแตกแยกทางการเมืองมากพออยู่แล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันอย่าปล่อยให้ความไม่รู้หรือไม่เข้าใจมาก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในวงการพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นอีกเลย

    พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวํโส
    ฝ่ายประชาสัมพันธ์
    วัดพระธรรมกาย

    ที่มา ด่วน! ข้อชี้แจ้งเรื่องโครงการพระไตรปิฎก

    ข่าวนี้ก็พอๆ กับข่าวเมื่อ หลายๆปีก่อนว่า ใต้ถุนวัดมีจรวดยิงต่อสู้เอาไว้ถล่มประเทศ ออกข่าวเช่นนี้ยังมีคนหลงเชื่อ ขอมาดูไต้ถุนวัดกันเป็นแถบ แล้วจะไปเจออะไรถ้าไม่ใช่ ไม้กวาด และไม้ถูบ้าน กับถังน้ำ เอาไว้กวาดถูโบสถ์

    มันจบไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปี 41 ทำไงได้? เอกสารกลายเป็นเศษกระดาษ เหมือนที่เขาทำเป็นไม่สนใจ ลองถามตัวเราก่อนว่า เราเคยพบอะไรที่วัดพระธรรมกายอธิบายบ้างไหม? เพราะอะไรถึงไม่เคยเจอ? ใครกันน้าช่างไม่ให้โอกาสอธิบายอะไร? แล้วข้อสรุปเหล่านั้นหายไปไหน? ฯลฯ
    มีแต่ข้อกล่าวหา แต่การชี้แจงข้อกล่าวหานั้นหายไปไหน?
    ขอความยุติธรรมจากใครได้บ้าง?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2011
  18. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    กราบนมัสการพระคุณเจ้าคะ เป็นบุญตาที่ได้เห็นสายเลือดอริยะกะของพระพุทธองค์ในดินแดนของเอเซียเรา
     
  19. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    ดีจังคับ

    ทีฆายุโก โหตุ มหาสังฆราชา ^^
     
  20. belives

    belives เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +234
    พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย
    ปฏิเสธไม่เคยให้สัมภาษณ์ กรณีโครงการพระไตรปิฎกของวัดพระธรรมกาย

    [​IMG]

    พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย

    2011/3/26 Anil Sakya <asakya@gmail.com>

    เรียน (พระเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย)

    ผม พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย ขณะนี้ผมมาสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยในอเมริกา เห็นพวกลูกศิษย์ส่งข่าวมาจากประเทศไทยมาให้แล้วไม่สบายใจอย่างมาก และตกใจอย่างมาก อยู่ดีๆพวกนักข่าวต้องการเล่นอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ อ้างชื่อผมว่ากล่าวอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งๆที่ตัวผมก็อยู่อเมริกา และไม่ได้ติดต่อกับใครนานแล้ว จำได้ว่า ผมเคยพูดวิเคราะห์กับกลุ่มลูกศิษย์เป็นการส่วนตัวว่า วัดพระธรรมกายทุ่มเทในโครงการพระไตรปิฎกอย่างจริงจัง โดยมีการจ้างนักวิชาการบาลีจากทั่วโลกมาทำงาน แต่อยู่ดีๆผ่านมาตั้งนานแล้ว ผมก็ยังจำไม่ได้ว่าพูดเมื่อไร เพราะเป็นการพูดคุยกันเป็นส่วนตัว ไม่ใช่พูดในการแสดงปาฐกถาธรรมใดๆทั้งสิ้น แต่เห็นมาปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์วันสองวันนี้ว่า ผม (ตำแหน่งที่ใช้ก็ผิด) ให้สัมภาษณ์อย่างโน้นอย่างนี้ ผมงงมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ผมงงกับการสื่อสารและแปรข่าวสารไปได้อย่างไร ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับใครทั้งสิ้น ผมกำลังสอบถามไปทางเมืองไทยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น และใครต้องการดิสเครดิตวัดพระธรรมกาย โดยมีการอ้างชื่อผมไปเกี่ยวข้องอย่างเต็มๆ

    ในเบื้องต้นนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดเข้าใจตามนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นแล้ว จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดไปกันใหญ่ และถ้ามีโอกาสกราบเรียน ขอได้กรุณากราบเรียนหลวงพ่อทัตตชีโว (รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย) ในข้อเท็จจริงนี้ให้ทราบด้วยว่า ผมกำลังถูกป้ายในสิ่งที่ผิด ทั้งๆที่ตัวก็ไม่อยู่เมืองไทย วันที่หนังสือพิมพ์อ้างว่า ผมกล่าวโน้นกล่าวนี้ ผมก็ไม่ได้อยู่เมืองไทย

    ขอถวายความนับถือ

    พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย

    ที่มา กดเลยเว่อชั่นเติม


    ความจริงก็คือความจริงละครับ ขออนุโมทนากับท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...