เรื่องเด่น ลาบวช และเล่าประสบการณ์(ทางธรรม)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชานนคนไทย, 4 มีนาคม 2011.

  1. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ พร้อมทั้งสมาชิกเวปพลังจิตทุกๆท่าน ข้าพเจ้าชานนคนไทยขออโหสิกรรมให้กับทุกๆ ท่านที่เคยลวงเกินข้าพเจ้า ทั้งกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี (กาย,วาจา,ใจ) ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ทั้งตั้งใจก็ดี และมิได้ตั้งใจก็ดี ข้าพเจ้าไม่ถือโทษและให้อภัยทั้งหมดไม่มีเวรแก่กันและกัน และกรรมใดที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินท่านทั้งหลายและทุกๆ ท่านด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี(กาย,วาจา,ใจ) ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ทั้งตั้งใจก็ดี และมิได้ตั้งใจก็ดี

    ขออโหสิกรรมและโปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าด้วยเทอญบุญใดที่ข้าพเจ้าทำมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตและปัจจุบันและต่อไปในอนาคตข้างหน้า คือลาอุปสมบทบวชพระ จะตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม ตามแนวทางและคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตมะบุญการบวชครั้งนี้ขอให้ถึงทุกๆ ท่านด้วยเทอญ ธรรมะอันใดที่ดีแล้วที่ทุกๆ ท่านได้พบและได้ฟัง ก็ขอให้ทุกๆท่านได้พบสัจธรรมนั้นด้วยเทอญ ขอยกขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ ขึ้นพร้อมกันเทอญพระเจ้าค่ะ

    นิพพาน นังปัจจโย โหตุ จงมีกับทุกๆ ท่านที่ประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยเทอญ
    ...กราบลาสวัสดีครับ


    [​IMG]<!-- google_ad_section_end --> ​




    กราบสวัสดีครับ
    ผม(ชานนคนไทย) ต้องกราบอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมเป็นเจ้าภาพบริขารในการบวชครั้งนี้ของกระผม...จริงๆผม...ตัวผมจะบวชแบบเงียบและไปแบบเงียบๆไม่บอกใคร...

    แต่ได้ปรึกษากับผู้ใหญ่และพ่อแม่ครูบาอาจารย์(พระที่นับถือ)ท่านให้ผมบอกกล่าวขอขมาลาโทษซึ้งกันและกันเพื่อจะได้รับทราบและอโหสิซึ้งกันและกันก่อนที่จะบวช...แต่ถ้าเราไปแบบเงียบทุกๆท่านไม่ทราบและมีการพูดถึงโดยที่ไม่รู้ว่าผมบวชจะทำให้ผู้พูดปรามมาสได้โดยไม่เจตนา...แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น...ผู้ที่ผิดคือตัวกระผม(ชานนคนไทย)ที่ไม่ได้บอกกล่าว...จึงฝากน้องณ.มาบอกกล่าวแทนตัวกระผมโดยที่ตัวกระผมได้โทรบอกและPMไปให้ครับ...บ้างท่านอาจจะสงสัยโทรมาถามว่าทำไมไม่บอกด้วยตัวเอง...จริงๆแล้วไม่มีเจตนาที่จะไม่บอกด้วยตัวเองครับ...ต้องขอโทษด้วยครับ...

    เพราะผมต้องเตรียมตัวบวชและเตรียมตัวท่องขานนาคแบบ...เอสาหัง...แบบมคล...ก็ยากพอสมควรมากเพราะผมติดท่องแบบบาลี...จึงต้องมาเรียนรู้ใหม่หมด...ทั้งๆที่เคยบวชมาแล้ว(ที่วัดสังฆทาน)...การบวชแบบพระป่า...ผมต้องขอโทษเพื่อนๆสมาชิกด้วยครับว่าที่ผมจะมาเล่าณ.ที่นี้ไม่ใช่ว่าพระป่าจะปฏิบัติดีกว่าพระบ้านนะครับ...เพียงแต่จะมาเล่าที่มาที่ไปครับ...อย่างผมจะมาบวชกับชมรมพุทธ..มหิดล...ก็ต้องมีการสัมภาษณ์และคัดผู้บวช...คือผู้สัมภาษณ์10ท่านผม1ท่าน...ผมก็งงมากครับ...ถามหลายเรื่องเกียวกับการปฏิบัติธรรม...แต่ที่สำคัญคือผู้ถามผมอายุห่างกว่าผมตั้ง20กว่าปี...ผม44ปี...แต่สิ่งหนึ่งเราจำจากพ่อแม่ครูอาจารย์ว่าต้องรู้จักให้เกียรติผู้อื่นเพราะบางท่านถึงอายุน้อยกว่าแต่เขาปฏิบัติธรรมมาดี...เพราะธรรมะไม่จำกัดวัยปฏิบัติได้ตลอดไม่จำกัดเพศ...ทำให้เรารู้จักลดอัตตาตัวตนลงรับฟังความคิดเห็นและคำถาม...อีกอย่างหนึ่งการจะบวชพระป่า...เพื่อนๆบางท่านอาจจะรู้มาบ้างว่า...การที่จะบวชพระป่าต้องมาอยู่ดูนิสัยก่อน...คือมาอบรมเป็นพระขาวอย่าง6เดือนหรึอ1ปีหรืออาจจะ2-3ปีเป็นต้น...เพราะว่าท่านต้องการพระที่มาจากใจ...ไม่ต้องการพระที่มาจากกาย...จึงต้องเลือกผู้มาเป็นกุลบุตรของศาสนา...ไม่ใช่มาเป็นญาติห่างๆบวชขอไปที่...ทำให้ผมตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด...คือประพฤติปฏิบัติธรรมสมกับที่เรามาบวชในบวรพระพุทธศาสนาไม่ให้เบื้องข้าวและน้ำของญาติโยมที่นำมาใส่บาตรถวายครับ...ที่ๆผมจะไปเป็นที่สัมปายะมากพอสมควรก็รู้สึกหวั่นๆ...บางท่านที่รู้จักผมรู้ว่าผมเคยบวชอยู่และปฏิบัติอยู่ในป่าช้ามาก่อน...แต่เราต้องยอมรับความจริง...ว่าทุกคนมีความกลัวไม่มากก็น้อย...ตอนที่ผมอยู่ป่าช้า5ปีที่จังหวัอุบล...

    ใหม่กลัวมากครับไม่กล้ากลับกุฏิเลย...จนหลวงพ่อบอกว่าถ้าไม่กลับจะให้นั่งกลับศพคนตายโหง...ทำให้ผมต้องกลับกุฏิและทำให้เราเข้าใจความกลัว...คือใจของเราเองคิดไปเองทั้งๆที่ไม่เคยเห็นเพราะโดนปลุกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ...เมื่อเรามาประพฤติปฏิบัติธรรมก็เข้าใจ...สภาวะของจิต...สิ่งหนึ่งที่จะคุ้มครองเราได้เมื่ออยู่ในป่า...คือ...ศีลถ้าศีลเราไม่บริสุทธ์คือพร่อง...จะทำให้จิตเราหวั่นไหวและไม่มั่นใจและก็จะทำให้การปฏิบัติธรรมเราไม่สงบ...พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอกว่าพื้นฐานของการจะทำให้จิตสงบและรวมตัวกันได้เป็นสมาธิ...คือเราต้องรักษาศีลให้ได้ก่อน...เพราะ...อย่างที่ผมถามเพื่อนสมาชิกก่อนว่า...ก่อนเราจะทำบุญและนั่งสมาธิ...พระท่านต้องให้เราขอศีลก่อน...เพราะท่านต้องการให้จิตใจเราบริสุทธิและมั่นคงว่าณ.เวลานั้นเราได้เป็นมนุษย์สมบัติคือผู้ถือศีล5-8แล้วเรามั่นคงในพระรัตนะตรัย...พระพุทธ.พระธรรม..พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งสรณะ...ถ้าไม่มีศีลแล้วจะทำให้การประพฤติปฏิบัติธรรมไม่มั่นคง...เพราะใจเรายังไม่มั่นใจในศีล...ความหมายของศีลที่แปลจากบาลีแล้วได้ความหมายว่า

    สีเลนะ สุคะติง ยันติ แปลว่าศีลเป็นเหตุให้ไปสูสุคติ
    สีเลนะ โภคะสัมปะทา แปลว่าศีลเป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์
    สีเลนะ นิพพุติ ยันติ แปลว่าศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน
    ศีลเป็น...อานิสงส์สุงสูด

    พระท่านจึงให้เราอานาทานศีลก่อน...ต้องขอโทษเพื่อนๆที่เขียนนอกเรื่องครับ...ที่ว่าใจผมหวั่นคือต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมคือเป็นพระป่า...เพราะที่นั้นเป็นสมบรูณ์มากพื้นที่ 7,250 ไร่...กุฏิห่างกันประมาณ 5-10 กิโลและสัตว์ป่าก็ยังอุดมสมบรูณ์มากโดยเฉพาะ...งูจงอาง...เพราะเป็นป่าสงวน...ต่อครับ
     
  2. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    จริงๆการบวชครั้งนี้ผมบวชให้กับตัวเองครับ...บวชครั้งแรกที่(วัดสังฆทาน) บวชให้กับพระอรหันต์ของผมคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงดูและให้น้ำนม...

    ผมมาก็ไปปฏิบัติธรรมจำพรรษาที่วัดป่าช้าจ.อุบล...จริงๆวัดสังฆทานมีสาขาหลายสถานที่แต่จะมีที่หนึ่งที่พระใหม่และพระเก่าไม่ค่อยจะไปกันเพราะที่นั้นดุมาก...ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมอยู่ไม่ได้...อาจเป็นวิปาลาสได้...และเป็นสถานที่หลวงพ่อสนองท่านพูดเสมอๆว่าที่นั้นเหมาะกับนักภาวนาและนักปฏิบัติธรรมมากเพราะเป็นป่าช้าและสัมปายะมาก...พระบวชกันครั้งนั้นประมาณ50ว่ารูป...ไปกันแค่ 4 รูป...เพราะไม่ค่อยมีใครอยากไปเพราะบ้างท่านก็มาบวชตามประเพณีคือลางาน3เดือน...1 พรรษา ที่มากัน4 รูปก็ตั้งใจมาส่วนตัวผมกลัวไหมกลัวครับ...เพราะว่าคำว่าป่าช้า...ความหมายคือ...ผีทุกชนิดรวมอยู่ในนั้นหมด...ไปวันแรกท่านก็ตอนรับเลยดึงจีวรปลิวไปอยู่กลางลาน(ดึงจีวรพระเพื่อน)ส่วนตัวผมรู้ว่าที่นี้ไม่ใช่เล่นๆเฮียนมาก...เพราะทราบจากพระผู้ใหญ่คือ...หลอกได้ตลอดเวลามาได้ทุกเมื่อ...พระที่ไปอยู่เจอกันทุกๆองค์...มาหลายรูปแบบ...เช่นเดินสวนกันขณะไปทำวัดเช้าประมาณตี3...คนที่ไหนจะมาเดินกันในป่าช้า...บ้างทีก็มาเคาะกุฏิ...มาเรียกให้ตื่น...และอีกหลายแบบ...ส่วนตัวผมก็อฐิฐานจิตวันแรกเลยว่า...อาตมาเชื่อว่า...วิญญาณมีจริงไม่ต้องมาหาอาตมาหรอก....ให้มาเฉพาะกลิ่นกับเสียงก็พอ...บุญใดที่อาตมาตั้งใจประพฤติปกิบัติธรรมก็ขอให้โยมทั้งหลายได้รับบุญนั้นด้วยเถอญ...ก็อยู่มา5ปีไม่เจอเลยที่ป่าช้าแต่พระเพื่อนและพระอาคันตุกะ...เจอหมด...จะว่าไม่เจอก็คงไม่ถูก...จริงๆเรื่องที่เล่าให้ไม่เคยเล่าให้ใครฟังตอนเป็นพระเพราะกลัวปรับอาบัติ...ทำให้พระและฆาราวาสกลัวจริงเก็บมาตลอดก็มาเล่าให้เพื่อนๆบ้างท่านฟังไปบ้าง...ที่จะเล่าให้ฟังคิดมาฟังนิทานก็แล้วกันอย่าไปคิดเป้นจริงเป็นจังนะครับ...เล่าครั้งนี้ผมก็คงไม่ได้เล่าเพราะคงบวชเป็นพระแล้ว...ฟังเป็นประสบการณ์ในทางธรรมว่าถ้าผู้ใดประพฤติปฏิบัติธรรมแล้วจะได้พบสิ่งในโลกนี้ที่เราไม่รู้ได้รู้ว่ามีจริงครับ...เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมมีกำลังใจ...วันหนึ่งตอนที่กระผมปฏิบัติธรรมคือ...เนสัชชิก...คือไม่นอน...ปฏิบัติเดิน..นั่ง...(การสามาทาน)ขณะเดินจงกรมตั้งแต่หัวค่ำอยู่จนถึงประมาณทำวัตรเช้าตี3...ก็ออกจากสมาธิเพื่อเตรียมตัวไปทำวัตรที่ศาลา...ต้องเดินไปประมาณ4ก.มเพราะที่นั้นกุฏิห่างกันเป็นไร่ๆ...ขณะเตรียมตัวบนกุฏิได้ยินเสียงเพลงสมัยเก่าๆมาตามลม...แต่จริงแล้วกระผมได้ยินเป็นปกติประจำอยู่แล้วเวลาออกจากสมาธิ...เพื่อนๆคงอยากถามว่าอยู่ในป่าช้ามีใครเปิดเพลงให้ฟังและเปิดเฉพาะตอนออกจากสมาธิเท่านั้นพร้อมกับกลิ่นหอมๆลอยมาพร้อมกัน ทั้งที่อยู่กลางป่าช้า...ผมจะเฉลยให้ตอนหลัง...หลังจากเตรียมตัวเสร็จคือต้องครองจีวรพร้อมสังฆาฏิ...คือผ้า3ผืน...เพราะพระต้องครองผ้า3ผืนตลอดจนรุ่งเช้าถ้าไม่ครองครบปรับอาบัติ...ขณะเดินไปตามทางที่เคยเดินทุกๆวันเป็นทางเล็กแค่คนเดินได้คนเดียว...ต่อครับ
     
  3. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    เพราะทางเดินจะเป็นทางที่เล็กนอกนั้นเป็นป่า...ขณะเดินมาถึงกลางทางพบกับ...สิ่งที่ไม่คิดได้พบ...คือ งูตัวใหญ่มาก มาขวางทางเดินของกระผมตอนนั้นตกใจไหมก็ไม่ได้ตกใจเพียงแต่สดุ้งและสงสัยว่าทำไมเขา(งูตัวใหญ่)นั้นต้องมาขวางทางเดินด้วยและทำไมตัวใหญ่มากและเวลากลางคืนเป็นเดือนมืด(ข้างแรม)ด้วยแต่เห็นชัดเจนและสว่างมากสีคล้ายๆทับทิมละยิบละยับและก็มีหงอนตรงหัวตัวยาวกะว่าประมาณ15-20 เมตรได้ถามจิตและบอกกับตัวเองว่าให้แผ่เมตตาให้กับผู้มาเยือน...ก็หลับตาแผ่เมตตาทางจิตโดยไม่ได้พูด...โดยส่งกระแสจิตไปให้และถามผู้มาเยือนว่าท่านต้องการอะไร...ท่านผู้มาเยือนตอบทางกระแสจิตมาว่าต้องการชมบารมีพระที่ประพฤติปฏิบัติธรรม...ก็ตอบไปว่าอาตมาเพิ่งบวชมาเป็นพระใหม่อยู่ไม่ได้ปฏิบัติดีเพียงแค่ทำหน้าที่ตอนบวชให้ดีที่สุด...ผู้มาเยือนตอบว่าจะบวชใหม่หรึอเก่า...ถ้าเราประพฤติปฏิบัติธรรมตลอดก็ขึ้นชื่อว่า...เป็นผู้ไม่ประมาทสมกับเป็น...สมณะ(บรรพชิต)ขอให้ทำต่อไปแล้วจะพบธรรม..ขออนุโมทนาสาธุกับท่านด้วย...กระผมจะถามต่อก็ไม่มีคำตอบทางจิตจึงลืมตาขึ้นมาก็ไม่พบแล้วไปแล้ว...ก็คิดว่างูตัวใหญ่ขนาดนี้จะหายไปไหนไวได้อย่างไร...แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรก็ไปทำวัตรต่อและก็ไปบิณฑบาต...ก็ทำกิจจะวัตรทั่วไปเช่นกวาดลานวัด...และกุฏิและสรงน้ำพร้อมปฏิบัติธรรม...จนถึงค่ำอีกวัน...ก็เดินไปทำวัตรเช่นเดิมเมื่อถึงกลางทาง....ก็พบ นกแค้วแมว(นกฮู) ตัวใหญ่มากเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก...ที่เคยเห็นก็ในหนังตอนเด็กๆ...แต่ครั้งนี้ตัวใหญ่มากน้องๆหมา...ก็คิดว่าเมื่อวานพบงูมาวันนี้พบนก...ทำไมต้องเป็นอาตมาด้วย ก็หลับตาแผ่เมตตาให้ก็ลืมตาก็ยังอยู่เหมือนเดิม(ครั้งแรก)...หลับแผ่เมมตาอีก...ลืมตาก็ยังอยู่อีก(ครั้งสอง)ก็หลับตาแผ่เมตตาอีก...ก็ยังอยู่อีก(ครั้งสาม)จึงถามทางจิตว่าท่านต้องอะไร...ผู้มาเยียม..ตอบว่าแวะมาหาท่านพูดทาง(จิต)...และก็เดินมาและยิ่งเดินมาใกล้กระผมก็ใจเต้นแต่ก็มีสติตลอด...ถ้าไม่มีสติปานนี้คงได้วิ่งป่าราบแน่...จึงเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมจนจิตสงบและมีปัญญาทำให้เรามีสติสัมปชัญญะ...ในการพิจารณาทุกอย่างว่า...ความกลัวเป็นอย่างนี้หนี้เองใจจะเต้นแรงตัวจะสั่น...แต่ถ้าเราใช้สติคุ้มกาย(จิตคุ้มกาย)ไม่ให้หวั่นไหวให้มีสติตลอด...แล้วนกตัวใหญ่ก็เดินมาหาและถึงประชิดตัวแล้วก็บินแบบ...แนวตรง(พูดว่า)ไปก่อนคงได้เจอกันอีก...ก็หายไปเลย...ก็เดินไปทำวัตรตามปกติ...ก็ไม่ได้บอกใครเลย....จึงมาปฏิบัติสมาทาน...ไม่พูดและไม่ฉันทอาหาร3วันแต่มาทำวัตร์ตามปกติพร้อมบิณฑบาตทุกเช้า...จนมาออกสมาทานพระเพื่อนถามว่าท่านมาสรงน้ำที่ห้องนี้ไหม...จริงแล้วกระผมตอนที่บวชอยู่ป่าช้าจะสรงน้ำก่อนทำวัตร...เพราะถึงว่าจิตสะอาด...กายต้องสะอาดด้วย...แต่ก็หนาวมากที่นั้น...จากความเดิมที่พระเพื่อนถาม...ก็ตอบว่าไม่ได้มาเพราะจะสรงน้ำที่กุฏิตลอด...ท่านก็ว่าห้องนี้ท่านสรงประจำอยู่องค์เดียวแล้วใครสรง....ถามท่านอื่นก็ไม่มีใครสรง...จะมีแต่ท่านองค์ที่ไม่กลัวหนาว...กระผมก็ไม่ตอบและก็คิดต่อ...จนหลวงพ่อเจ้าอาวาสพาไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ที่ภูจ้อก้อ ได้ฟังธรรมท่านเรื่องพระคุณบิดาและมารดา...(พระอรหันต์ของลูก)

    ท่านบอกพระอรหันต์มี2แบบ
    1.พระอรหันต์ที่ประพฤติปฏิบัติทางธรรม(ฝึกจิตมาดีแล้ว)เรียกว่าพระอริยะบุคคล
    2.พระอรหันต์ที่ไม่ฝึก...แต่เป็นผู้ให้กำเนิดเรามาเป็นคนและเลี้ยงดูเรา

    ก็ได้ฟังธรรมท่านจบก็กลับวัดอีกหลายวันต่อมาหลวงพ่อสนองท่านมาเยียมและมาให้กรรมฐานและสอบอารณม์พระแต่ละรูปโดยกระผมจะถูกถามมากหน่อย...เพราะช่วงนั้นทั้งวัดผมจะสมาทานตลอดเช่นไม่ฉันข้าวและไม่นอนเป็นต้น...ต่อครับ
     
  4. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    จริงๆแล้วพระทุกรูปท่านก็ตั้งจิตตั้งใจกันประพฤติปฏิบัติกันมากเพราะได้ตั้งใจมาคือสมัครใจ...โดยรู้ว่ามาจะเจออะไรบ้างแต่ก็ไม่กลัวถือว่าการบวชพระเราต้องปฏิบัติให้สมเป็นกลุบุตรของพระพุทธศาสนา...ต่อครับหลวงพ่อสนองท่านจะมาที่วัดป่าช้ากลางพรรษาทุกปีเพราะท่านรู้ว่าพระที่นั้นตั้งใจจะบวชและตั้งใจปฏิบัติธรรมและส่วนมากจะไม่สึก...เป็นครูบาอาจารย์กัน...ท่านก็เทศน์เรื่องพระอรหันต์ของลูก...ท่านบอกว่าพระอรหันต์หรึอพระ(สมมุติสงฆ์)ออกจากวัดคือบิณฑบาตก็มีคนใส่บาตรให้...แต่ถ้าพระอรหันต์ของเรา(ลูก)ออกจากบ้านก็จะไม่ใครให้ทานเพราะเป็นอรหันต์ของเราคนเดียว...ท่านจึงเทศน์ว่า...ทุกท่านได้ทำหน้านี้กันดีแล้วหรึอยัง...ถ้ายังให้ทำก่อนไม่มีโอกาสทำ(ตาย)...ทำให้กระผมเข้าใจและก็น้ำตาซึ้ม...เข้าใจความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้นเป็นรักที่บริสุทธ์ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่อีกแล้ว...ทำให้กระผมเข้าใจเวลาทำบุญผมจะทำที่บ้านก่อนให้คนที่บ้านอิ่มก่อน(คือพ่อแม่และครอบครัว)ถึงจะให้คนนอกบ้าน...ถึงจะไปทำบุญที่วัดก็จะทำพอดีกับตัวเราเอง...บุญอะไรที่เราทำก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับบุญผู้ที่ให้เลือดให้กายเรามาถ้าไม่มีท่านเราก็คงไม่มีโอกาสมาอยู่จนถึงทุกวันนี้และได้พบพระพุทธศาสนา...ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าผู้รู้คุณต่อบิดาและมารดา(เลี้ยงดูพ่อแม่)สรรค์เปิด...นิพพานเปิด...และจะเป็นผู้มีปัญญาเข้าถึงทางธรรมได้...เพราะอะไร...ก็เพราะเจตนาคือจิตที่ดี...จะนำไปพาพบทางสว่าง...คือพบ กัณลยามิตรที่ดี...พบพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ...และพบสัจธรรมของชีวิต...เข้าใจชีวิตและจะหันมาปฏิบัติธรรมจนถึงวาระชีวิต...ถึงจะไม่ถึงชาตินี้(ชาติปัจจุบัน)ก็ต้องถึงแน่นอนเพราะจิตจะต่อเนื่องไปทุกพบทุกชาติที่เกิดมาเพราะทุกๆท่านได้ตั้งใจมาดีแล้ว...และตัวกระผมก็เชื่อว่าทุกๆท่านที่อยู่ณ.ที่นี้เป็นคนดีคนหนึ่งเพราะการที่เราได้มาเจอกันได้มาพบได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นการพบและต่อสายบุญกันสิ่งที่ทุกๆท่านทำมาดีแล้วถึงจะผิดบ้างก็อย่าไปโทษตัวเองเพราะทุกคนมีสิทธิผิดพลาดได้หมด...ตัวกระผมก็ไม่ใช่คนดียังเลวอยู่และยังมีกิเลสที่ต้องขัดเกลาอีกมาก...แต่ขอให้เรามีสัจจะกับตัวเอง...ว่าเราจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด...และพลังความดีที่เราบอกทุกๆวันก็จะเป็นพลังให้จิตใจเราเข็มแข็งและเป็นจิตบวก(คือจิตดี)ตัวกระผมเชื่อว่าเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านทำได้และทำได้ดีว่าตัวกระผมอีก...ขอให้มั่นใจในความดีและคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสาวกและพระอริยะเจ้า(ครูอาจารย์ของทุกท่าน)ว่าเราเกิดมาไม่เสียชาติเกิดที่ได้พบศาสนาพุทธ...กราบลาสวัสดีครับ...คงไม่ได้เข้ามาที่เวปพลังจิตอีกนาน...ก็ขอบคุณทุกๆท่านที่ได้รู้จักกันมากระผมก็ไปกับหลายๆกลุ่ม...ก็ขอบคุณเจ้าของเวปคุณวีระชัย,พี่ตั้ม,คุณเล็ก,คุณปฏิหาริย์,พี่คลิก,คุณสนั่น,พี่มาลี,พี่เกษม,คุณธร,พี่กุ้ง,อาจารย์ไก่,พี่วิจิตร,พี่เมาว์,พี่สุดใจ,คุณชัยยา,คุณแอน,คุณมง,คุณพิช,คุณจิตประภัสร,คุณนาคา,พี่ลี,คุณเปี้ยก,คุณเมือง,น้องณคเดช,น้องซัน,คุณดาลิ,พี่พัด,พี่จิต,น้องมิ้น,น้องนิก,น้องเจน,น้องกร,น้องปู,น้องตุ๊กตาแก้ว,น้องสาวปีใหม่,คุณมุ่งเต็มใจ,น้องหน่อย,น้องโจ๊ก,และอีกหลายท่านที่ไม่กล่าวนามมาณ.ที่นี้ก็ต้องขอโทษด้วยครับ...

    การรวมทิปกันไปทำความดี(คือทำบุญ)เป็นช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนาให้อยู่ตลอดไปจนถึงคนรุ่นหลังให้ได้สืบต่อ....และที่ลืมไม่ได้...คือน้องณ.จริงๆผมเข้ามาในพลังจิตก็เข้า3ปีกว่าก็ได้เจอกับเจ้าน้องณ.หลายครั้งแต่ไม่รู้มาสนิกกันได้ยังไร...บ้างท่านอาจคิดว่ากระผมทำไมไปทิปกับน้องบ่อยด้วยกันบ่อยๆก็อย่างที่บอกน้องณ.เข้าเป็นคนลุยและเป็นคนตรงๆมากคือ(ปากไว)แต่จิตใจดีครับ...ผมก็เถียงกับน้องเข้าบ่อยมากคือชอบแกล้งน้อง...แต่ก็ต้องยอมรับ...น้องเขามีความตั้งใจและมั่นคงในพุทธศาสนาก็อยากให้มีคนที่ตั้งใจเหมือนน้องและเพื่อนๆสมาชิกมากๆจะได้มีคนดีๆเกิดขึ้นในสังคมเยอะขึ้น...เพราะการสร้างคนดีจากคนหนึ่ง...ไปสู่อีกคนหนึ่งต้องใช้ความพยามสูงมากแต่เป็นการพิสุจน์...ว่าที่เราเกิดมา..สมกับที่เราได้เกิดพบพระพุทธศาสนา...ศาสนาของพระพุทธเจ้าท่านต้องการคนจริงพูดและปฏิบัติทั้งต่อหน้าและหลัง...แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อะไรกับเรา....แต่คนที่ได้คือตัวเราได้จิตดีกลับมา...เป็นพุทธะ...และผมเชื่อว่าเพื่อนๆทุกท่านทำได้แน่นอนขอให้ตั้งใจไม่ย้อท้อ...ธรรมะ(ดวงตาธรรม)ต้องเกิดขึ้นกับเราไม่วันใดก็วันหนึ่งครับ...สุดท้ายนี้ขอให้ธรรมรักษาพี่ๆเพื่อนๆน้องๆและครอบครัวทุกๆท่านตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ...

    เฉลย...ที่กระผมไม่เจอวิญญาณ(สมัยที่บวชที่ป่าช้าอุบล)เพราะผมได้บอกกล่าวกับเขาแล้ว...แต่เขามาในรูปแบบกลิ่นกับเสียงแทนครับ...กราบลาสวัสดีครับ
     
  5. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    วัดสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ(ภูสังโฆ)

    [​IMG]วัดสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ(ภูสังโฆ) ตั้งอยู่บ้านกุดหมากไฟ หมู่ที่ 1 ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระอาจารย์วันชัย วิจิตโต เป็นประธานสงฆ์
    เดินทางจากจังหวัดอุดรธานี ถึงอำเภอหนองวัวซอ บ้านอูบมุง บ้านกุดหมากไฟ ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร

    วัดภูสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ (วัดภูสังโฆ, วัดป่าสังฆาราม) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดเสิงเคิง เป็นวัดปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นวัดที่เน้นหนักและเข้มงวดเรื่องการปฏิบัติภาวนา สถานที่สัปปายะ เหมาะอย่างยิ่งในการเร่งปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจัง

    การเดินทาง : มาจากตัวเมืองอุดร บนถนนอุดร-เลย ถึงทางแยกไปตัว อ.หนองวัวซอ เลี้ยวซ้าย ระยะทางตรงนี้ ประมาณ 22 กม. ตรงไปเรื่อย จะผ่านตัว อ.หนองวัวซอ ให้ตรงไปอีกบนถนนลาดยาง จนเกือบสุดถนน ให้เลี้ยวซ้ายไปทางบ้านกุดหมากไฟ ตามถนนลาดยางไปไม่ไกล จะต้องเลี้ยวซ้าย มีป้ายบอก ให้สังเกตป้าย และถามทางไปเรื่อยๆ จนสุดถนนลาดยาง จะมีทางเลี้ยวขวา (ถนนดินแดง) ไปเรื่อยๆ ก็จะถึงวัด

    หรือเดินทางจาก อ.เมือง จ.อุดรธานี ก็นั่งรถสองแถวที่จะไปบ้านกุดหมากไฟ สุดสายเลย แล้วบอกให้สองแถวเลยไปส่งต่อที่วัดภูสังโฆ ได้เลย สองแถวจะรู้หมดทุกคัน ชาวบ้านจะเรียกชื่อวัดว่า วัดเสิงเคิงหรือวัดภูสังโฆ ก็จะทราบเป็นส่วนใหญ่



    [​IMG]


    พระอาจารย์วันชัย วิจิตฺโต
    ประธานสงฆ์​
    พระอาจารย์วันชัย วิจิตฺโต เกิดวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2491 อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 8 และ จปร. รุ่น 19 ท่านได้ทำงานรับราชการทหารอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นจึงออกบวช แล้วได้พบหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นครั้งแรกที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซ.จรัญสนิทวงศ์ 37 ฝั่งธนบุรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

    หลวงตามหาบัวได้ให้คำแนะนำว่า “ไม่ควรอยู่เร่ๆ ร่อนๆ ควรจะอยู่กับครูบาอาจารย์...”

    จากนั้นไม่นานท่านก็เดินทางไปศึกษากับหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

    “...ถ้าเป็นน้ำก็แหวกลงไป แหวกจอกแหวกแหลงไป เห็นแล้วน้ำใสสะอาดซ่อนอยู่หลัง ความหมายมั่นสำคัญผิดนี่เอง แหวกความสำคัญทั้งหลายออก ออกให้หมด ธรรมทุกประเภท อนิจจังก็แล้ว ทุกขังก็แล้ว อนัตตาก็แล้ว แหวกออกๆ จนไม่มีอะไรจะแหวก ถึงน้ำใสบริสุทธิ์ ถึงจิตดั้งเดิม ตัวจริงของจิตเป็นแบบนี้ ใสสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเลยเจือปน ใสแท้

    เห็นธรรม บรรลุธรรม เห็นกายก็จริง เห็นเวทนาก็จริง เห็นจิตจริงๆ... ทุกสิ่งทุกอย่างจริงไปหมด... ฝึกแล้วฝึกเล่า ภาวนาแล้วภาวนาเล่า ทุกข์แล้วทุกข์เล่า

    พยายามแหวกสิ่งที่คนทั้งหลายเขาละเลย ท่านเห็นอะไรท่านก็พินิจพิจารณาเป็นธรรม ได้ยินอะไรท่านก็พินิจพิจารณาเป็นธรรม ได้กลิ่นลิ้มรสได้สัมผัสอะไรก็พินิจพิจารณาอยู่อย่างนั้น ถึงเอียงซ้ายเอี้ยงขวามันก็ไม่เอียง ต้องปรับให้มันตรงอยู่เรื่อย ตรงความจริงอยู่เรื่อย ในที่สุดก็แหวกออกหมด เหลือแต่ความจริงของจิต... ทางภาคปฏิบัติ ปฏิบัติไปๆ เหมือนกับจะไม่เห็นฝั่งเห็นฝาอะไรเลย เหมือนกับไม่มีวันถึงไหน...

    ถึง ต้องถึง... นักปฏิบัติไม่หยุดไม่ถอย ยังไงมันก็ต้องถึง เหมือนกับมืดสนิทจะไม่มีวันสว่างเลย เหมือนกับโง่ดักดานจนไม่มีวันรู้เลย... ไม่ใช่... มันค่อยเปลี่ยนแปลงไปๆ จากการประพฤติปฏิบัติของเรา เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด จากชั่วเปลี่ยนไปดี จากมืดเปลี่ยนไปสว่างไปเรื่อย จากขุ่นมัวเปลี่ยนเป็นผ่องใสไปๆ จากกิเลสก็เปลี่ยนเป็นธรรมขึ้นมา...”


    คลิ๊กภาพเพื่อดูไสลด์

    <LINK rel=stylesheet type=text/css href="http://udn.onab.go.th/plugins/content/plugin_jw_sig/sig.css"><STYLE type=text/css>.sig_cont { WIDTH: 230px; HEIGHT: 220px}</STYLE><SCRIPT type=text/javascript src="http://udn.onab.go.th/plugins/content/plugin_jw_sig/mootools.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://udn.onab.go.th/plugins/content/plugin_jw_sig/slimbox.js"></SCRIPT><SCRIPT id=_ie_ready_ defer src="://"></SCRIPT><SCRIPT id=_ie_ready_ defer src="://"></SCRIPT>[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
  6. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด


    เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑<O:p


    ท่านวันชัยครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ
    <O:p

    วัดโยธานิมิตรเป็นวัดที่เราบวชที่นั่นด้วย อยู่ที่นั่นด้วยมาสองพรรษา เราบวชได้ ๒ พรรษา จากนั้นก็ไปเตลิดเปิดเปิงเลยไม่ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดโยธานิมิตรอีกนะ ได้ ๒ พรรษาทีแรกเท่านั้น นอกนั้นก็ไป ไปเตลิดเปิง แล้วก็มาสร้างวัดที่นี่ ท่านด้วงเลยมาอยู่เป็นสมภารที่นั่น แล้วก็ตายเสียอีก ดูว่ารถไปชนกันทางบ้านศาลา ทางอำเภอหนองหานละมัง บ้านศาลาเราเคยเข้าไปรับผ้าป่าเขา ดูว่าวัดนั้นละ เขานิมนต์ท่านไปฉันเช้าที่นั่นในงานอะไร ไปตอนเช้า รถมาอย่างไรมาชนกันที่นั่น ท่านด้วงเลยตาย คราวนั้นตายกี่คนนะ (ตายเฉพาะหลวงตาด้วงครับผม) องค์เดียว (ครับผม) <O:p></O:p>​
    ที่วัดโยธานิมิตรนี้ก็ไม่มีพระที่เป็นองค์พอสมควรจะครองวัดครองวาได้ เวลานี้ยังมองหาตัวไม่เจอ เราเข้าไปดูแล้ว นี่เป็นวัดที่เราบวชและอยู่ที่นั่นมาสองพรรษา บวชก็บวชที่นั่น โบสถ์ที่ร้างไปแล้วนั่นแหละเราบวชที่โบสถ์ นี่กำลังจะเริ่มสร้างโบสถ์ ก็พอดีท่านด้วงมาเสียไป โบสถ์นั้นเรายังไม่ได้ไปดูอีกเลย โบสถ์เก่าที่เราบวชนั่นมันพังไปแล้ว นี้กำลังจะปลูกเรียกว่าสร้างใหม่เลย เรายังไม่ได้ไปดูอีก<O:p></O:p>
    นี่ยังไม่มีพระสมควรที่จะมาครองวัดโยธานิมิตร เราก็ยังไม่ได้เข้าไปดูอีก อันนี้ก็อยู่ในความรับผิดชอบของเราอย่างลึกๆ เพราะเราบวชวัดนี้ เราถือวัดนี้เป็นวัดของเราดั้งเดิมมา นี่จะสร้างโบสถ์เราก็เริ่มให้แล้ว ๑ ล้าน เอา สร้างปฐมฤกษ์ เราบอกอย่างนั้น โบสถ์หลังนี้กำลังเริ่มจะสร้างเราก็ให้ ๑ ล้านเป็นปฐมฤกษ์ เราให้ก่อนอื่นแหละ ทีนี้พอดีท่านด้วงมาเสียเสีย เราก็ยังไม่ได้ไปดูโบสถ์อีกนะ โบสถ์ที่เราบวชนั้นพังลงไปแล้วละ นี้กำลังจะเริ่มสร้างขึ้นที่เก่า กำลังจะเริ่มสร้างพอดีท่านด้วงก็เสียไป เราเองก็ไม่ได้เข้าไปดู <O:p></O:p>
    นั่นละเป็นวัดที่เราบวช บวชที่วัดโยธานิมิตร พอบวชแล้วก็อยู่นั้นสองพรรษา ก็ออกจากนั้น ออกแล้วเตลิดเปิดเปิงจนกระทั่งป่านนี้ เลยไม่ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดโยธาอีก ท่านพระครูวัดโยธานิมิตรท่านเสียไปดูเหมือนจะสิบกว่าปีแล้วมัง ท่านเป็นเจ้าอาวาส เป็นอาจารย์ของเรา ท่านสวดกรรมวาจาให้เรา ท่านเสียไปแล้ว ท่านด้วงเป็นพระหนุ่มน้อย แล้วขาดสมภาร ท่านจะไปเอาใครมาเป็นสมภาร เราตัดขาดสะบั้นไปเลย อย่าเอามาเป็นอันขาด ว่าอย่างนี้เลย เราดูแลอยู่นะวัดนี้น่ะ เราว่าอย่างนั้นเลย <O:p></O:p>
    เอาสุ่มสี่สุ่มห้าเป็นยักษ์เป็นมารมากินวัดกินวาประชาชนได้เหรอ ท่านเจ้าคุณนั่นละเจ้าคุณวัดโพธิ บอกอย่างขาดสะบั้นเลย อย่าเอามาเป็นอันขาด ว่าอย่างนั้นเลย คือระบุชื่อมาแล้ว เราก็ตัดทันทีเลย เพราะฉะนั้นท่านด้วงจึงให้เป็นสมภารอยู่นี่แหละ มันก็ใหญ่โตขึ้นไปเองแหละคนเรา กินทุกวันนี่นะ เราว่า พอดีโตขึ้นมาขนาดนี้ก็เลยตายเสีย เดี๋ยวนี้ยังไม่มีสมภารวัด สมภารวัดนี่สำคัญนะ หัวหน้าวัดสำคัญมากทีเดียว รวมในจุดนั้นหมด เราก็ไม่เคยเป็นสมภารที่ไหนก็มาเป็นที่นี่ เป็นที่นี่ก็เป็นวัดป่าไปเลยเทียว<O:p></O:p>
    ท่านพระครูท่านก็มาเยี่ยม ท่านมาหา สร้างวัดใหม่ๆ ท่านก็มา มาได้สองสามครั้งละมัง ท่านมาเยี่ยม พระครูวัดโยธาท่านก็เสียไปแล้ว นั่นละกรรมวาจาของเรา โบสถ์หลังนั้นว่าจะสร้างใหม่ เราก็เริ่มให้แล้ว ๑ ล้าน แต่เวลานี้ท่านด้วงเสียไป จะเป็นอะไรต่อไปก็ไม่ทราบ ก็ไม่พ้นที่เราจะดูแลอยู่ วัดโยธานิมิตรเป็นวัดที่เราบวชอยู่ที่นั่น เราก็บวชโบสถ์หลังนั้นละ แล้วจะสร้างขึ้นมาใหม่ เราก็เริ่มให้ไป ๑ ล้านแล้ว พอดีท่านด้วงเสียไป ไม่ทราบจะปฏิบัติกันอย่างไรเราก็ไม่ทราบนะ<O:p></O:p>
    วัดป่าภูสังโฆ ถวายปัจจัยจำนวน ๓๒๗,๗๐๐ บาท พอใจ ได้เงินมาจากไหนตั้งสามแสนสี่แสน พ่อแก่อยู่นี้สักเท่าไรนานไม่เห็นได้เงินมาเป็นแสนๆ อย่างนี้วะ เก่งกว่าอาจารย์วะท่านวันชัย เอาเก่งอย่างนี้ให้เก่งไปเถอะเราไม่ว่า ให้เก่งไป ได้เท่าไรขนมาให้เรา บอกอย่างนั้นนะ ท่านวันชัยอยู่ที่นั่นก็ดีสงัดดี พระจำนวนเท่าไรเวลานี้ (๒๕ องค์เจ้าค่ะ) ก็นับว่ามากอยู่ แล้วอาหารการฉันทำอย่างไร วัดก็ไกลด้วย อาหารการขบฉันจัดกันอย่างไร (พอเป็นไปเจ้าค่ะ) <O:p></O:p>
    เออ พอเป็นไป กรรมฐานเราต้องเขียมเสมอ เหลือเฟือไม่ได้ ภาวนาไม่เป็นท่า ต้องเขียมเสมอ เรานี่นักเขียม เขียมมาแล้วนะ การฝึกทรมานเจ้าของนี่มักจะอดอาหารละมากกว่าเพื่อน คือภาวนาดี จนท้องเสีย จะอดอาหารตลอดเลยถึง ๙ ปี พอลงเวทีแล้วท้องก็ไม่ลงด้วย มันก็ไปของมันเรื่อยๆ จนจะตาย ได้ยาหมอเติ้งมาฉัน เลยระงับดับไปเลยนะ ยาหมอเติ้งดีอยู่ ไม่งั้นเราตายแล้วตั้งแต่ชนพรรษาที่เท่าไร กำลังจะเริ่มช่วยชาติ โรคนี้ก็กำเริบหนักเข้า พอดีได้ยาหมอเติ้งมาฉันเลยหายตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ ยาดีอยู่นะยาหมอเติ้ง<O:p></O:p>
    ทางนั้นก็มีวัดภูสังโฆกับวัดผาแดง ธรรมลีอยู่ที่นั่น มีแต่พระมากๆ ทั้งนั้นละอยู่ที่นั่น เราไม่ค่อยได้ไปไหนละเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปไหน ไปตามจุดที่จำเป็นๆ เท่านั้น ที่จะไปเยี่ยมวัดนั้นวัดนี้ไม่ค่อยได้ไป ธุระของเรามีมากต่อมาก วันหนึ่งๆ ไม่ว่างนะ ท่านวันชัยก็ดี มีหลักใจเรียบร้อยแล้ว มาพูดเรื่องจิตตภาวนาให้ฟังทุกอย่างๆ เราก็เพียงคอยแนะๆ เท่านั้น ก็ผ่านไปได้ เรียกว่าผ่านได้แล้วท่านวันชัย ผ่านได้โดยสมบูรณ์ ไม่มีอะไรละ กิเลสตัณหาตัวไหนไม่มี เรียกว่าขาดสะบั้นไปเลย ครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ ถ้าธรรมครองใจแล้วสบายมาก ถ้ากิเลสครองใจเป็นไฟไปเลย มันต่างกัน <O:p></O:p>
    วันนี้สายแล้วจะไปธุระของเราละวันนี้ก็ดี ไปทุกเช้านะ ส่วนมากไปโรงพยาบาลเอาของไปส่งโรงพยาบาลนั้น โรงพยาบาลนี้ ไปทุกวัน เอาของไปส่งทุกวัน เมื่อวานหรือวันไหนทางเขารักษาป่าอะไรที่ภูหลวง ทางภูหลวง พวกเขารักษาป่ามีกี่ครอบครัวเขามาขออาหารทางนี้ละไป เราก็ทุ่มให้หมดเลย นี่เขารักษาป่า ทางภูหลวงรักษาป่ารักษาสัตว์ มีเท่าไรครอบครัวนะ เขาก็บอกครอบครัวมา เรามีเท่าไรก็ทุ่มให้หมดเลย อยู่ในโกดังทุ่มให้หมด เพราะวัดเรานี้พูดตรงๆ เป็นวัดทุ่ม ทุ่มตลอดไม่มีคำว่าเก็บ มีแต่ทุ่ม มีเท่าไรทุ่มเลยๆ วัดนี้เป็นวัดจ่ายตลอดด้วยความเมตตา ไม่ใช่อะไรความเมตตา มีเท่าไรหมด สำหรับวัดนี้ไม่มี มีไม่ได้ ความเมตตากวาดออกหมดเลย เอาละให้พร<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>

    รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่<O:p></O:p>


    www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th<O:p></O:p>


    และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนFM 103.25 MHz<O:p></O:p>


    และเครือข่ายทั่วประเทศ<O:p></O:p>​
     
  7. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
  8. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    สวัสดีครับ(ต้องขอโทษด้วยครับ)ว่าจะไม่เข้ามาเขียน...ก็มีเพื่อนๆสมาชิก(โทรมา)อยากให้เขียนเล่าประสบการณ์(ทางธรรม)ก่อนที่พี่จะไปบวชก็รับเรื่องไว้พิจารณา...จะเขียนไว้2เรื่องแต่ตอนนี้ขอเขียนเรื่องเดียวก่อนครับ(ต้องใช้สติ)คือเรียบเรียงเรื่องสมัยบวชอยู่วัดสังฆทานว่ามีเรื่องที่สำคัญอีกเรื่อง....จริงๆก็มีหลายเรื่องและก็สำคัญทั้งหมดเป็นประสบการณ์ของนักบวช(ผู้ปฏิบัติธรรม)....ขอเริ่มเรื่องเลยนะครับก็ขอให้เพื่อนๆสมาชิกทุกท่านคิดว่าเป็นนิทานที่มาเล่าสู่กันฟังนะครับ....ต่อจากเรื่องที่กระผมไปจำวัดอยู่ที่ป่าช้าแล้วไม่พบวิณญาญคือ(ผี)พบแต่เสียงและกลิ่น...แต่มาอยู่ที่วัดสังฆทานก็ได้พบก็รับปากทางโยมไว้ว่าจะไม่บอกใครคือ...วิณญาญท่านไม่ให้บอกใครก็ไม่ได้บอกใครเลยสมัยบวชเป็นพระก็ประมาณ20กว่าปีแล้วไม่เคยเล่า...แต่รับปากตอนเป็นพระแต่ตอนนี้เป็ฆาราวาสคงเล่าได้แล้วนะครับก็ขออนุญาติเขาแล้วทางจิต(เมื่อวาน)....เรื่องของเรื่องคือวันหนึ่งขณะกระผมกำลังเดินจงกรมอยู่ที่บริเวณวัด(สังฆทาน)ก็มีพระขาวและเณรเดินเข้ามาหาและมาบอกกระผมว่าเรื่องที่บอกท่านเรื่อง(วิณญาญ)ที่อยู่ที่นี้ท่านยังจำได้หรึอเปล่า...ก็บอกว่ายังจำได้ครับแต่ทำไมต้องมาบอกผมด้วยครับ...พระขาวบอกว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ...กระผมก็บอกว่าไม่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพียงแต่ทำหน้าที่ของสมณะให้ดีกับสมที่มาบวช...พระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในวัดเยอะมากทำไมท่านไม่ไปบอก...พระขาวก็บอกว่า(วิณญาญ)เขาต้องการคุยและสนทนาธรรมกับท่าน...ณ.เวลานั้นจิตบอกกับตัวเองว่าจะคุยกับ(ผี)จะทำอย่างไรดี...ถามตัวเองว่ากลัวไมตอบว่าก็มีความกลัวอยู่บ้าง...แต่ก็เลียงไม่ได้แล้วเพราะเขามาหาถึงที่...จึงบอกไปว่าว่าและโยมวิณญาญอยู่ไหน...พระขาวก็ตอบว่าอยู่ตรงหน้าท่าน...กระผมก็ถามว่ามีแต่พระขาวกับเณรไม่เห็นมีวิณญาญเลย...พระขาวก็ตอบว่าอยู่ในร่างเณร...กระผมจึงถามไปว่าจะเป็นไปได้อย่างไรวิณญาญ(ผี)จะมาสิงหรึอเข้าร่างเณรได้เพราะว่า...เณรเป็นผู้ทรงศีล(เป็นนักบวช)...อยู่เณรก็พูดมาว่าเป็นจริงเจ้าคะ...เณรพูดเป็นเสียงผู้หญิง...กระผมก็งงอยู่เพราะเคยคุยกับเณรมาก่อน...เณรรูปนี้มาจากเชียงใหม่แล้วเดินทางมาบวชที่วัดสังฆทานแต่เคยบอกว่าผูกพันกับที่นี้(วัดสังฆทาน)มากอยากมาบวชจึงต้องการมาอยู่ณ.ที่นี้...(ต่อ)กระผมก็รวบร่วมสติถามโยมวิณญาญที่อยู่ในร่าง(เณร)ว่าทำไมต้องไปอยู่ร่างเณรด้วย...โยมก็ตอบว่าผูกพันกันมาก่อนนานมากก็ประมาณ200กว่าปีมาแล้ว...คือเป็น(เมีย)ภรรยาในอดีตของเณรมาก่อน...เมื่อมาเจอเณรในร่างปัจจุบันที่มาบวชก็จำได้...กระผมก็ถามว่าโยมจะจำเณรได้อย่างไรเมื่อเณรเขาเกิดมาแล้วเขาต้องเปลียนร่างใหม่ที่ไม่เหมือนร่างเก่า...โยมก็บอกให้ท่านฟังเพื่อรับรู้ไว้ว่า...จริงๆแล้วไม่ว่าคนเราจะตายไปอีกชาติหรึอเกิดอีกชาติแต่จิตยังเป็นจิตเดิมอยู่ไม่เปลียน...แล้ววิณญาญที่เขาเป็นคู่กัน(สามี,ภรรยา)หรึอมีความสัมพันธ์กันเช่นเจ้ากรรมนายเวรเขาจำได้...เพราะวิณญาญเขามีพลังเขามองที่จิตที่สัมพันธ์กันมาแต่ก่อน...เหมือนที่ท่านเคยได้ยินมาว่าเจอเพื่อนในอดีตและเจอว่าสถานที่นี้ว่าเราเคยอยู่มาก่อนนั้นคือสัญญาในอดีตของจิต...แต่ท่านนึกไม่ออกเพราะมาผ่านมานานมากคือหลายพบหลายชาติ...แต่กับวิณญาญที่ยังไม่ได้เกิดเขาจำได้...ไม่ว่าท่านจะไปเกิดและเปลียนร่างแต่เขายังจำได้...เพราะวิณญาญเขามองที่จิตที่ผูกพันธ์กันมาก่อน...เป็นเรื่องที่มนุษย์เราจะไม่เข้าใจ...นอกจากผู้ปฏิบัติธรรม(ผู้ถือศีล)เท่านั้นที่เขาใจ...กระผมจึงถามต่อว่าแล้วเณรเกียวข้องอะไรกับโยม...โยมตอบว่าอดีตเป็น(ผัว)สามีมาก่อน...กระผมถามว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร...เขาก็บอกว่าสมัยก่อนแถวนี้(วัดสังฆทาน)เป็นชุมชนชาวบ้านสมัยปลายอยุธยาทำไร่กันตัวโยมก็เป็นคนที่นี้พร้อมกับเณรและเป็นผัวเมียกัน(คือคำพูดสมัยก่อน)โยมมาตายที่นี้...คือผูกคอตายที่ต้นทุเรียนที่ข้างๆกุฏิท่าน...ก็เห็นท่านปฏิบัติตลอดจึงมา...สื่อกับท่านให้รับทราบว่าเรื่องของวิณญาญที่ท่านสังสัยอยู่มีจริง...และอยากให้บอกเณรว่าโยมรักเขาอยู่และก็รอเขามานานมาก...ไปเกิดไม่ได้เพราะทำกรรมหนัก...คือค่าตัวตายเป็นปาบหนักมากต้องรับกรรม...เรื่องของโยมก็มีเท่านี้...จึงบอกให้ท่านรับทราบและรับรู้...แต่อยากฝากให้ท่านไม่ให้บอกใคร...กระผมก็รับปากสักพักก็ได้ยินเสียงระฆังของวัดดังให้ทำวัตร...สนทนากันตั้งแต่ที่จำได้(20.00-04.00น.)ก่อนจะจากไปโยมถามผมว่าผ้าเหลืองร้อนไหม...กระผมบอกว่าไม่ร้อน...ขอจับได้ไหม...กระผมก็บอกจับได้...โยมก็เข้ามาจับและบอกว่าเย็นจัง...กระผมก็บอกว่าที่เย็นนะมาจากใจโยมผ้าของสมณะเย็นตาเย็นใจเพราะสมณะเป็นผู้ประพฏติปฏิบัติธรรมให้กิเลสออกจากจิตใจก็ได้ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะชำระจิตใจให้ผ่องใส...จึงขอฝากโยมว่าการยึดติดว่า...ทุกๆอย่างเป็นของเราก็จะทำให้เราเป็นทุกข์เหมือนเช่นโยมยึดอยู่ทุกวันนี้(ภรรยาหรึอเมีย)ทำให้โยมไม่ไปไหนและการค่าตัวตายเป็นบาป...แต่เมื่อทุกอย่างผ่านไปแล้วก็เริ่มต้นใหม่ปฏิบัติและฟังธรรมที่วัดสังฆทาน(ทุกวันพระ)จะมีการเทศนา...ส่วนสมณะ(กระผม)ก็ยังต้องปฏิบัติอีกมาก...ก็ขอให้บุญที่สมณะปฏิบัติมาดีแล้วก็ขอถึงโยมด้วย...โยมก็ยกมือ...สาธุ วิณญาญก็ออกจากร่างเณร..ก็เป็นร่างผู้หญิงใส่ชุดแบบชาวบ้านสมัยก่อนแล้วค่อยๆหายไป....สักพักเณรก็ฟืนขึ้นก็ถามว่าตัวมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร...กระผมก็ไม่พูดมองหน้าพระขาวและบอกว่าให้พาเณรกลับกุฏิ...และพระขาวพูดก่อนกลับว่าตอนนี้ท่านเชื่อหรึอยัง...กระผมไม่ตอบ...จะไม่ให้เชื่อได้อย่างไรนั่งสนทนากันตั้งนานและได้เห็นและได้ฟังก็เข้าใจ...จึงรู้ว่าวิณญาญคนตายที่ยังผูกพันธ์กับอดีตทำให้ไม่ไปเกิดและการค่าตัวตายก็เป็นบาปมาก...โยมเขาอยู่มาเป็นร้อยปีแต่เขายังจำคู่ครองเขาได้...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่ากรรมสัมพันธ์กันแม้อีกคนเกิดแล้วแต่อีกคนยังไม่ได้เกิดเพราะมีกรรม...แต่ก็ยังเฝ้ารอคนรักในอดีตเพื่อจะได้เจอกันอีก...ก็ทำให้เข้าใจว่าความรักและผูกพันธ์ทำให้วิณญาญหนึ่งต้องตั้งหน้ารอคนรักแม้เขา(คนรัก)จะเกิดแล้วก็อยากจะบอกให้รู้ว่ายังรออยู่...เรื่องนิทานนี้สอนให้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีกรรมสัมพันธ์กันมาถ้าจะตัด...ก็ต้องมาประพฤติปฏิบัติธรรม...คือตัดพบชาติ(กิเลส)
    เรื่องของโยม(วิญญาญ)ที่อยู่มาได้หลายร้อยปี...จริงๆแล้วโลกของเรา(มนุษย์)ผ่านมาหลายร้อยปี...แต่โลกวิณญาญผ่านไปไม่อีกวัน...(ที่ฟังมาจากวิณญาญ)เพราะเวลาและมิติต่างกัน...เป็นเรื่องที่เพื่อนๆต้องเข้ามาศึกษาเองจึงจะเข้าใจ

    และที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม...หนีไม่พ้นคือเรื่องวิณญาญเพราะเป็นเรื่องที่ต้องได้สัมผัล...เพื่อเข้าใจเรื่องพบชาติและโลกวิณญาญมีจริง...จะได้เป็นข้อธรรมในการปฏิบัติว่าที่เราเกิดเพราะอะไร...พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอกว่า...ถ้าเราวิ่งหนี...เราไม่ได้หนีใคร...เราหนีใจเราเอง...แต่ถ้าเราหยุดเราจะเข้าใจตัวเราเอง...คือความ....ก็ต้องขอให้เพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่านที่อ่านเรื่องนี้แล้วได้รับรู้เป็นคติธรรมสอนใจ...ก็ขอตั้งจิตอุทิศบุญให้กับวิณญาญดวงนี้ที่อยู่วัดสังฆทานให้เขาเป็นสุขๆเถิอญและได้พบเห็นดวงตาธรรมเพื่อจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์และมาพบพระพุทธศาสนาประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงซึ้งพระนิพพาน...สาธุ สาธุ สาธุ ...ต่อครับ
     
  9. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ต่อครับ...จริงๆแล้วที่มีบ้างท่านที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง...จำได้บ้างจำไม่ได้บ้าง...เขียนมาอโหสิกรรม...ก็ขอบคุณมาก...แต่(ส่วนตัว)กระผมไม่เคยคิดและพยามไม่คิดโกรธท่านทั้งหลายเลย ก็เลยไม่รู้จะอโหสิกรรมอย่างไร...แต่ทางโลกที่สมมุติขึ้นให้อโหสิก็ต้องทำตาม...ก็อโหสิกรรมให้ทั้งหมดไม่มีเหลือและก็ไม่เหลืออะไรเลยไม่ติดค้าง...มีแต่ความเป็นพี่,เป็นน้องและก็เป็นเพื่อนกัน...

    เพราะเรามาจากที่เดียวกันคือ....เวปพลังจิตถ้าไม่มีเวปพลังจิตก็ไม่รู้จักกันก็ต้องขอบคุณเจ้าของเวปและคณะกรรมการที่กรุณาให้ได้ใช้พื้นที่แสดงความคิดเห็นและทำให้ได้รู้จักกัน...ขอบคุณมากครับ...ส่วนเรื่องของกระผมที่เขียนไว้ก็คิดว่าเป็นนิทาน...เพราะตัวกระผมเองยังเป็นผู้ที่ต้องขัดเกลากิเลสอีกมาก...เพื่อนๆสมาชิกหลายท่านก็ปฏิบัติดีมากกว่าผมอีก...ผมแค่ผ่านไปพบ ไปเห็น ไปฟังมา ก็มาเล่าให้ฟังเป็นนิทาน...แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจำในจิตตลอดคือคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์...ท่านจะบอกว่าการที่เราจะประพฤติปฏิบัติธรรม(ทำสมาธิ)จะต้องมีครูบาอาจารย์สอนและสอบอารมณ์ตลอด...เพื่อไม่ให้เราหลงทางเพราะกิเลสเขาฉลาดมากจะหลอกเราได้...มาเป็นนิมิตบ้าง,เป็นความสงบบ้าง,และมาบอกว่าเราสำเร็จขั้นนั้นขั้นนี้คือได้ณาน...จริงแล้วหลอกเราให้หลงทาง...ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์(พระ)ที่ปฏิบัติธรรมมาชี้แนะและบอกทางแก้(กุศโลบายธรรม)ให้ก็จะเดินหลงทางกว่าจะกลับมาก็ไปไกลแล้ว...เช่นหลงฤทธิ์คิดว่าตัวเองแน่ว่าคนอื่นจริงๆ แล้วไม่ได้แน่ว่าคนอื่นแต่โดนกิเลสหลอกเพราะไปยึดติด...จริงแล้วผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมต้องผ่านด่านนี้กันทุกท่าน...แต่จะมาในรูปแบบไหน(ในสมาธิ)ครูอาจารย์ท่านจึงเตือนและสอนว่าเมื่อเห็นแล้วรู้แล้วก็ให้มันผ่านไป...ไม่ใช่ทางที่เราจะไปเพียงแค่ผ่านมา...เหมือนกับเราตั้งใจจะไปนนทบุรีเราก็ต้องนั่งรถเมล์หรึอขับรถไปเองก็จะผ่านไปตามป้ายรถหรึอร้านข้างทาง...แต่ถ้าเราแวะพักก่อน...ก็ทำให้เราไปถึงจุดหมายปลายทาง...ช้า...จึงขอฝากเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านที่ปฏิบัติกันมาดีแล้วถ้ามีอะไรติดขัดให้ถามผู้รู้...ความหมายของผมคำว่าผู้รู้คือ...ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม...คือ พระ...เพราะว่าท่านคือ ผู้รู้ท่านผ่านมาแล้วโดยใช้ชีวิตของท่านเป็นประกันถ้าไม่รู้ก็ขอให้ตายไปเลยแต่ก็ไม่ตายเพราะท่านต้องมาอบรมสอนญาติโยมอีกมาก...ขอเอ่ยนามมาคือพ่อแม่ครูอาจารย์พ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมญาณฯ)และพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัวที่ท่านจะสอนและอบรมให้ถูกแนวทาง...ถ้าเพื่อนๆมีครูอาจารย์อยู่แล้วก็ให้ถามท่านจะดีกว่า...บ้างท่านก็มาถาม ผมก็แค่ได้เล่าและแลกเปลี่ยนธรรมะคือสนทนาธรรมผมไม่ได้รู้มากว่าท่านทั้งหลายเลยเพียงแต่ปฏิบัติทุกวัน วันละนิดวันหน่อยสงบบ้าง ไม่สงบบ้างก็ไม่เป็นไรก็ขอให้ได้ทำ สู้กับความขี้เกียจของตัวเอง...ก็เขียนนอกเรื่องไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วยครับ
    ก็ขอให้เพื่อนๆมั่นใจในตัวเราเองว่าเราก็มีบุญเหมือนกันคือได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาพบพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ...อย่าไปท้อคิดว่าเราได้ทำสิ่งดีๆให้กับชีวิตของเรา...สักวันเราจะพบทางพ้นทุกข์..คือพระนิพพาน...สวัสดีครับ(เรื่องที่2ไว้เล่าต่อ)


    <STYLE>table {background:none;} td {background:none;}</STYLE><STYLE>body{background-image:url("http://www.trekkingthai.com/webboard/travel/1628.jpg");}</STYLE>
     
  10. daeng007

    daeng007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +84
    ได้ความรู้มากเลย ถ้าเราตั้งใจบวช ก็จะได้อะไรอีกมากมาย บวชมานานแต่ไม่ได้ปฏิบัติก็เหมือนกับไม่ได้บวช
     
  11. cmhadtong

    cmhadtong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +2,034
    โมทนาบุญนะ สาธุ สาธุ สาธุ
    และกราบขอขมาและขออโหสิกรรมใดๆ ทั้งหลายที่เคยประมาทพลาดพลั้งมาตั้งแต่ในอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ด้วยเทอญ

    ทางของบุคคลผู้เดียวเป็นทางเอกเป็นทางนำมาซึ่งความบริสุทธิ์หลุดพ้น
    คนจริง ทำจริง ย่อมเห็นจริง
     
  12. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    กราบอนุโมทนาสาธุครับ
    กระผมเองก็ต้องขออโหสิกรรม ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้รู้จักกับคุณน้า แต่ก็ไม่แน่ในอดีตชาติผมอาจจะทำให้คุณน้าเจ็บช้ำน้ำใจมาแล้วก็เป็นได้ ฉะนั้นแล้วผมของกราบอโหสิกรรมด้วยครับ ไม่ว่าสิ่งใดที่ผมเคยพลาดพลั้งทำให้คุุณน้าเจ็บช้ำน้ำใจในอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ผมก็ขอกราบอโหสิกรรมด้วยครับ
     
  13. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    ขอกราบขอขมาและขออโหสิกรรมนะค่ะ ถ้าเคยปรามาสล่วงเกินท่านตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติค่ะ
     
  14. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    กราบอนุโมทนาสาธุ..กับบุญบวชอีกครั้งของคุณ ชานนคนไทย มาอ่านเจอก็ต้องมีกรรมร่วมกันyimm
    กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมทุกชาติ ทุกภพ...เรากราบขอขมาและขออโหสิกรรมคุณน้าด้วย ขอให้คุณน้ำเป็นผู้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป และ ตลอดไป สาธุค่ะ
     
  15. gitti

    gitti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ขออนุโมทนาบุญทุกประการกับท่านชานนด้วยนะคะ จริงค่ะคุณภพตะวันมาเจอกระทู้ท่านคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ขออโหสิกรรมทุกประการหากเคยล่วงเกินท่านเอาไว้เมื่อชาติก่อนๆ ก็ดีชาตินี้ก็ดี ไม่ว่าจะด้วยกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรม กราบขออโหสิกรรมทุกประการค่ะ
    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

    ขอบพระคุณในธรรมที่ท่านได้แบ่งปันในครั้งนี้นะคะ
     
  16. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ขออนุโมทนาสาธุการในกุศลใดๆๆท่าท่านจขกท ได้ ทำมาด้วยครับ
    ขอท่านเจริญในธรรมะยิ่งๆๆขึ้นไป สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  17. anny999

    anny999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +87
    โมทนาสาธุบุญทุกประการกับท่านชานนคนไทย ขอขมาและอโหสิกรรมในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินทั้งในอดีตชาติและชาติปัจจุบันค่ะ
     
  18. ส่องแสง

    ส่องแสง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +10
    ขออนุโมทนา และขออโหสิกรรม ถ้าเคยได้ล่วงเกินหรือลบหลู่คะ
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขอร่วมอนุโมทนาค่ะ

    รู้สึกตื้นตันใจเมื่ออ่านข้อเขียนของท่านแล้ว ทำให้รู้สึกได้ว่าจะมีเนื้อนาบุญเข้าสืบสานพระพุทธศาสนาต่อไปไม่สิ้นสุด

    พระพุทธศาสนาเป็นมากกว่าศาสนา แต่พระพุทธศาสนาเป็นเหมือนชีวิต จิตวิญญาน ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม จักรวาล คำตอบ และทางเดิน ของเราผู้ยังถือขันธ์ 5 นี้อยู่

    กราบระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่สุดที่จะประมาณ ยิ่งใหญ่ว่าพระคุณใดๆในสามโลกนี้แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเศียรเกล้า
     
  20. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    สู้ๆครับ ผมสนับสนุนให้คนในเวปพลังจิตบวชเยอะๆ เพราะมีหลายคนในเวปนี้ที่ผมดูแล้ว เป็นพระสุปฏิปันโนได้ แต่ว่าเราทั้งหลายย่อมมีธุระทางโลกมีหน้าที่ ที่ยังทิ้งไปไม่ได้ แต่ถ้าทิ้งได้ละได้ คนในเวปเรานี้แหละจะเก่งกันหลายท่านเลย ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะเวปนี้เป็นศูนญ์รวมคำสอนของพระอริยะ และพวกเราที่อยู่ในเวปนี้ก็กลายเป็นลูกศิษย์ท่านๆทั้งหลายโดยไม่รู้ตัว อนุโมทนานะครับ


    <STYLE>table {background:none;} td {background:none;}</STYLE><STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.1405198/");}</STYLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...