ปีมะโรง(พ.ศ.๒๕๕๕)"คนจะเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 11 มีนาคม 2011.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ปีมะโรง(พ.ศ.๒๕๕๕)
    "คนจะเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน"

    [​IMG]

    จากคำถามที่ว่า เมื่อโลกหยุดหมุนรอบตัวเอง จะมีผลต่อแรงโน้มถ่วงอย่างไร?

    คำตอบ:- สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะต้อง หัดเคลื่อนที่ในรูปแบบใหม่ รวมทั้งมนุษย์เรา จะไม่สามารถเดินแบบปกติได้ เราอาจจะต้องใช้มือช่วยเดิน ระบบการทรงตัวทุกอย่างในโลกต้องเปลี่ยนใหม่ รวมทั้งกฏฟิสิกส์แทบทั้งหมด ต้องคำนวนใหม่ ถ้ายังมีสิ่งมีชีวิตหลงเหลือนะ

    โพสต์โดยคุณ Joedocg 25 มี.ค. 2552


    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=103d806be0ce994a

    ถ้าเรานำข้อมูลจากพุทธทำนาย และข้อมูลเรื่องของดาวนิบิรุที่กำลังโคจรมาใกล้โลก มาวิเคราะห์และประมวลเหตุการณ์เข้าด้วยกันแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ในปีมะโรง พ.ศ.2555 ที่จะถึงนี้ "คนจะเปลี่ยนจากสภาพเดินเป็นคลาน" เพราะแรงดึงดูดอันมหาศาลของดาวนิบิรุ ที่กระทำต่อโลกนั้นอาจทำให้โลกหมุนช้าลง ทำให้คนบนโลกถูกแรงดึงดูดของโลกมากขึ้น จนไม่สามารถจะเดินแบบปกติได้

    และเมื่อนำคำทำนายของหลวงปู่สรวง(เทวดาเล่นดิน) เรื่องพญานาคจะกวาดหางนำน้ำทะเลขึ้นมาล้างโลกในปี พ.ศ.2555 ก็จะเข้ากันได้พอดีกับเรื่องดาวนิบิรุโคจรมาใกล้โลกนี้ จนสามารถดึงดูดน้ำทะเลให้ขึ้นสูงอย่างมากมาย ถึงกับมากวาดล้างโลกนี้ได้ครับ

    หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน) พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น

    ถาม - ที่ หลวงปู่สรวง พูดหมายความว่ายังไงครับ ?
    ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาค เป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1240946421.jpg
      1240946421.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.8 KB
      เปิดดู:
      668
  2. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    คนเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน


    www.sil5.net/index.asp?contentID=10000006&bid=361&title=%BE%D8%B7%B8%BE%A8%B9%EC%B7%D3%B9%D2%C2&keyword=


    [​IMG]



    สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว ซึ่งล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่พระองค์มีพระชนม์มายุย่างเข้าใกล้ปรินิพพาน ตามกาลเวลาอันควร จึงตรัสแก่พระอานนท์พระอุปัฎฐากผู้สนิทพากเพียรพยาบาลอยู่ใกล้ว่า

    "ดูก่อนอานนท์...สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาแล้วนั้นล้วนแต่ลำบากกันทุกถ้วนหน้าทุกชาติทุกศาสนา ตามกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ หมุนเวียนคล้อยตามโลกไป ในขณะที่โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลาย จนเวลาล่วงเลยมา ถึงสมัยที่ตถาคตได้เสด็จปรินิพพานไปแล้ว ได้ 5,000 ปี

    เมื่อโลกหมุนไปใกล้ครึ่งจำนวนปี ที่ตถาคตทำนายไว้ 2,500 ปีโดยประมาณ มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ จะได้รับภัยพิบัติสารพัดพิษ ทั่วทุกทิศเสียครั้งหนึ่ง ในช่วงระยะ30 ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับอยู่(ภูเขาไฟขนาดมหึมาระเบิด?) ก็จะตื่นขึ้นมาอาละวาด

    เมื่อถึงกึ่งศาสนาของตถาคต ก็จะยิ่งทวีภัยขึ้นทุกทิพาราตรีกาล แล้วมนุษย์นอกศาสนาของตถาคต (กลุ่มที่ชอบจัดกิจกรรมก่อการร้ายบ่อยครั้ง?) ที่รบราฆ่าฟันกัน ถึงเลือดนองแผ่นดิน และแผ่นน้ำ แม้บนอากาศก็มีอำนาจภัยจากฟ้า ทั่วทิศานุทิศไฟจะลุกลามเผ่าผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์กระหายเลือด

    แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ แล้วตายไปฝ่ายละครึ่ง จะเลิกลาต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันไปในที่สุด ตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ที่ถือกำเนิดมาจากสัตว์ป่าอำมหิต

    ส่วนพุทธศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญการกุศล เดินตามพุทธธรรมของตถาคตก็สามารถจะระงับดับร้อนได้ ไม่รุนแรงเลือดพล่านตามกระแสโลก กลุ่มชนใดที่สักการะบูชาพระศรีมหาโพธิ์และกาสาวพัสตร์ ก็จะได้รับความวิบัติเบาบางตามกำลังแห่งกุศล

    แต่จะหนีจากกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติไปคงไม่พ้นแน่ เริ่มแต่ศาสนาของตถาคตล่วงไปได้2,485 ปี เป็นต้นไป ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออก (ทวีปเอเชีย?) ไหม้วัดวาอาราม สมณะชีพรามหณ์จะอดอยากยากเข็ญ

    นบ้านจะเข้าป่า สัตว์ป่่าจะเข้ากรุง เมืองหลวง จะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ (ลาวา หรือลูกไฟอุกาบาต?) เหล็กกล้าจะทะยานจะทะยานขึ้นจากน้ำ (เรือดำน้ำ?) มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจะเกิดทั่ว

    ทุกทิศ ศึกจะติดบ้าน ทหารจะเป็นเจ้า (เกิดการยึดอำนาจ หรือปฏิวัติ?) ข้าวจะขาดแคลนทั่วแว่นแคว้นจะอดอยาก พูลหมากจะหมดเปลือก (เศรษฐกิจล่มสลาย?)

    ปราชญ์จะสิ้นสูญราช ตระกูลอำมาตย์ราษฎรทุกคน จะพากันถืออำนาจว่าเป็นธรรม ไม่เคารพธรรม โลกแปรปรวน นิยมเชื่อถ้อยคำของคนโกง คนกล่าวเท็จ

    คนประจบสอพลอจะได้รับการเชื่อถือ ในท่ามกลางสังคมสันนิบาต คนดีผู้มีศีลประพฤติตรงประพฤตชอบ ไม่มีเสียง

    จะเกิดจราจลวุ่นวาย ลูกพลัดพรากจากแม่ แม่จะพลัดพรากจากลูก ผีโขมดป่าจะเข้าเมืองพระเสื้อเมืองพระทรงเมือง จะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่ง ผีเสื้อเหล็กแสนหนึ่ง ให้มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ (โรคระบาดร้ายแรง?)

    เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงได้ 2,507 ปี มะโรง คนเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน (โลกเกิดภาวะไร้แรงโน้มถ่วง?)

    ล่วงได้ 2,508 ปี มะเส็งตลิ่งจะพัง แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล (ประเทศใหญ่ที่ชอบเอาเปรียบประเทศด้อยกว่า จะเจอแผ่นดินไหว หรือเมกาสตรอมเซิร์จ?)

    ล่วงได้ 2,512 ปี ระกา เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7คืน โลกดิ่งลงสู่ความหายนะ (หมอกนิวเคลียร์ หรือม่านควันจากภูเขาไฟบังแสงอาทิตย์?)

    บุคคลใดที่เจริญด้วยเมตตากรุณาไม่เบียดเบียน ข่มเหงอิจฉาริษยาพยาบาท ไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของตถาคต ก็จะพ้นภัยพิบัติ

    ให้เจริญภาวนาตามพระคาถาว่า "หิตะชิราทน มันทะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะละติ โหตะนิ โหคะหะ คะเน"

    ให้ท่องบทภาวนาอยู่เป็นนิจ เขียนอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาวปิดไว้ข้างหัวนอนหรือพันศีรษะไว้ สารพัดภัยจะพินาศ สันติประสิทธิ์

    ดูกร อานนท์...ตถาคตสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้น ที่มีอายุขัยอยู่ได้ ใกล้ยุคกึ่งและยุคปลายเมื่อศาสนาของตถาคตล่วงได้ 2,513 ปี จอ พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายส่องโลก

    ครั้นล่วงได้ 2,515 ปี ชวด นั้น เป็นพ้นระยะ 30 ปี พวกอธรรมคือ คนที่ไม่ตั้งอยู่่ในศีลในสัตย์ไร้ซึ่งคุณธรรมนั้น ก็จะหมดไปด้วยภัยพิบัติ

    เครื่องเบียดเบียนชีวิตในสมัยวิทยาศาสตร์จะหมดไป เพราะมิจฉาทิฏฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ภัยในที่สุด

    ครุฑ จะบินกลับกรุง บำรุงธรรมจะชนะ พระจะอยู่คู่บ้านคู่เมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรม และมีชีวิตอันผาสุข

    ระมหากษัตริย์ธรรมมิกราช ผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์ จะเกิดภายในอุปถัมภ์ของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้น จะจัดการสถาปนาบำรุงศาสนาของตถาคต

    ในระยะนี้เป็น "ยุคศรีวิไล" พระมหาเถระโพธิสัตว์จะเกิดในสมัยนั้น เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงแล้ว 2,455 ปี

    เมื่อล่วงได้ 2,457 ปี พระมหากษัตริย์ธรรมมิกราช จะมาเกิด ทั้งสองพระองค์นั้นจะสถิตอยู่ ณ เบื้องตะวันออก ของมัชฌิมประเทศ ระหว่างปีจอกับปีกุน

    เมื่อพุทธศักราช 2,513 กับ 2,514 ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้น จะเสด็จเข้ามาบำรุงศาสนาของตถาคตอย่างเที่ยงแท้ สมณะชีพราหมณ์จะตามเสด็จมา 84,000 รูป

    ดูกร อานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของตถาคตนี้ เพื่อยังสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

    ผู้ใดรู้แล้ว ไม่เชื่อไม่บอกเล่าให้ผู้อื่นรักษาต่อไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ ต่างก็จะสิ้นสุดลงด้วยตามกาลเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้พบเห็น หรือทันผู้ที่มีบุญ ก็ให้รักษาศีลห้าประการหนึ่ง เคารพยำเกรงบิดามารดา ประการหนึ่ง รู้จักคุณท่านผู้มีพระคุณประการหนึ่ง ให้เจริญภาวนาในพระพรมหไตรลักษณ์ ประการหนึ่ง"

    โดยมีพระคาถาว่า "พุทธิ ทุกขัง อนิจจัง อะนัตตา, นะโม สัพพะราชา ชะติโยโมเตโย, สัพพะนิภะตะราสะ สัพพะทุกขา สุโขโห, อิติสัพพัญญู นะมาคะตาอิตโพธิมะนุ, ปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม"

    มื่อรู้แล้ว ก็จงอย่าประมาท หมั่นทองบ่นภาวนารักษาศีลอยู่ประจำ ทุกวันคืนอย่าได้ขาด

    [​IMG]
     
  3. raphiphan

    raphiphan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    511
    ค่าพลัง:
    +426
    อ้างกันจังนะนี่ว่าเป็นคำจากตถาคต

    ขอเอกสารอ้างอิงด้วยครับ รบกวนช่วยบอกหน่อยล่ะครับว่า
    อ้้างอิงจากมาพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าที่เท่าไร วรรคไหน
     
  4. Navyaek

    Navyaek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +190


    หุหุ ไม่มีในพระไตรปิฏก หรอก สัจธรรม เล่มนี้........ ดูเหตุการณ์อ้างอิงคำทำนายไว้ก่อน ท่านคิดว่า การเผยแพร่ในพระไตรปิฏกนั้น ไม่มีผิดพลาดเลยหรือ การเผยแพร่ตั้งแต่อดีตมา...ประมาทไปรึป่าว ไม่ใช้ว่าข้าพเจ้าไม่เชื่อในพระไตรปิฏก ในพระไตรปิฏก ข้าพเจ้า เชื่อ 100 % เพราะข้าพเ้จ้าก็ปฏิบัติตาม ศึกษาตามพระไตรฏิกกอยู่ และ ก็มาศึกษาคำทำนาย..บทนี้ เดวมาูดูกันว่า กึ่งพุทธกาล ที่คำทำนายบทนี้ จะแม่นหรือป่าว ...ดูปัจจุบันไว้....ปฏิบัติปัจจุบันให้ดีที่สุด... ทุกอย่างล้วนไม่มีอะไรที่แน่นอนนอกจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย...


    ให้ปัจจุบันไขกุญแจเปิดคำทำนายบทนี้ไป.. อะไรจริง ไม่จริงไม่มีใครรู้ นอกจาก !! พระพุทธเจ้า !! และเราก็เกิดไม่ทัน !! ยุค พระพุทธเจ้า !! แต่ เรามี พระไตรปิฏก มา..เผยแพร่ต่อกันมา.... แต่ข้อมูลจะครบอย่างนั้น หรือ.... มี แต่ พระุพุทธองค์เท่านั้น ที่บอกเราได้ผู้เดียว....บางสิ่งบางอย่างอาจขาดหายไป

    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา


    ผู้ใดไม่ประมาท และมีสติอยู่...ผู้นั้นย่อมรู้การ เกิด ดับ ของวัฏจักรโลก....และ ยุค....เปิดใจตัวเอง มองมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเกื้อกูลกัน..ครับ..ผู้ใดไม่เชื่อ.นั้นเป้นการพิจารณาส่วนบุคคล..ผู้ใดเชืื่่่่อขอให้พิจารณาไตร่ตรอง ตามเหตุ ตามผล เพราะ พระพุทธศาสนา มี เหตุ และ มีผล !!
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สัญญาณเตือนภัย เรื่องกระแสไฟฟ้าจะขัดข้องไปทั้งโลก

    [​IMG]
    ภาพของดาวหางเนบิรุ ซึ่งคาดกันว่าเมื่อเดินทางมาใกล้โลก จะทำให้เกิดความหายนะครั้งใหญ่ เพราะมีขนาดใหญ่โตกว่าโลกถึง 2 เท่า

    ในพุทธทำนายจากศิลาจารึกก็ได้บอกเอาไว้ว่า:-

    เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๐๗ (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน
    ปี ค.ศ.2012 ตรงกับปีพุทธศักราช 2555 ถ้าเราลดจำนวนปีลง 48 ปีให้ตรงกับความเป็นจริงในพุทธทำนาย ก็จะตรงกับปี พ.ศ.2507 (ปีมะโรง) ซึ่งมีคำทำนายเอาไว้ว่า "คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน" ซึ่งแปลความหมายออกมาได้เป็นหลายอย่าง

    เช่นในปี ค.ศ.2012 ขั้วแม่เหล็กโลกอาจจะเกิดการพลิกกลับขั้วอย่างรุนแรง ทำให้พลังงานไฟฟ้าขัดข้องไปทั่วโลก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ ที่ให้ความสะดวกสบายทุกอย่างบนโลกนี้ใช้การไม่ได้ เครื่องจักรกลทุกอย่างหยุดทำงาน เพราะความแปรปรวนของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ผู้คนบนโลกนี้จะเกิดความโกลาหล ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก ฯลฯ

    หรืออาจจะเกิดจากดาวหางเนบิรุ เดินทางเข้ามาเรียงตัวเป็นแนวเส้นตรงเดียวกันกับโลก จึงเกิดแรงดึงดูดอันมหาศาลระหว่างดวงดาวด้วยกัน จนทำให้แรงโน้มถ่วงของโลกเสียสมดุลไปชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนบนโลกล้มลุกคลุกคลานไม่สามารถจะทรงตัวได้ตามปกติ เพราะแรงดึงดูดของดาวหางเนบิรุที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้โลก

    คำพยากรณ์โลกของ อ.เลือง มินห์ ด๋าง ได้บอกเอาไว้ว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 20 นี้ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง สลับสับสนกันอย่างยุ่งเหยิงไฟฟ้าบนโลกจะขัดข้อง การติดต่อสื่อสารรับรู้กันทั่วโลกโดยอิเลคทรอนิค จะใช้การไม่ได้ภัยพิบัติหลายๆ อย่างจะเกิดขึ้น คนที่เคยสนุกสุขสบายจะทนต่อสภาวะนั้นไม่ได้ เดือดร้อนเรื่องที่พัก อาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ผู้คนจะเกิดความเครียด คลุ้มคลั่ง ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในวันนั้นน้ำ 1 ลิตรจะมีค่ามากกว่าทองคำ 1 กิโลกรัม และอาจจะไม่สามารถแลกซื้อได้ อาหารขาดแคลนมาก นับเป็นภัยอันตรายยิ่งกว่าสงครามใดๆ ภัยนี้จะคุกคามไปทั่วโลก ผู้คนที่ทนต่อสภาวะการณ์ดังกล่าวไม่ได้จะต้องตายไป และประมาณว่าอาจตายกว่า 70 เปอร์เซนต์ทั้งโลก

    จากคำทำนายนี้จะเห็นได้ว่าตรงกับเรื่อง แกนแม่เหล็กโลกกำลังพลิกกลับขั้ว ทำให้กระแสไฟฟ้าขัดข้องไปทั่วโลก เครื่องมืออีเลคทรอนิคต่างๆ ใช้การไม่ได้โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมกระบวนการผลิตสิ่งอุปโภค บริโภคทุกอย่างในปัจจุบันนี้ก็จะใช้การไม่ได้ไปด้วย เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้นั่นเอง

    การเตรียมตัวเพื่อรับกับเหตุการณ์นี้ เราควรจะเริ่มคิดตั้งแต่บัดนี้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรเมื่อต้องพบเจอกับสภาพไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าไว้คอยอำนวยความสะดวกสบายแบบในปัจจุบันนี้

    (คัดลอกข้อความบางส่วนมาจากหนังสือ"พลังจักรวาลรักษาโรค")<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ดาว Nibiru มาจากไหน และจะส่งผลกระทบอะไรกับโลกบ้าง ?

    [​IMG]

    ยาวหน่อยนะ..ลองอ่านดู ผมเอามาจากหลายที่ ดาวชื่อ nibiru จะเฉียวโลกจริงหรือเปล่าเนื่ย.... ถ้าจริง อีกสองปีเท่านั้น ดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า นิบิรุ จะโคจรเข้ามาใกล้โลก ซึ่งมีผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ใครมีความรู้ดีๆเรื่องนี้มั้ง มาคุยกันดีกว่าเนอะดาวนิบิรุ (Planet X Nibiru)สันนิฐานว่าถูกดวงอาทิตย์จับไว้เมื่อ 500,000 ปีก่อน​

    ผลกระทบ (เท่าที่รู้มา)

    เนื่องจากมันเป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งถ้ามันโคจรเข้าใกล้ๆวงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็สร้างความปั่นป่วนได้แล้ว (ปัจจุบัน ดาวยูเรนัสกับเนสจูนโดนเป็นประจำ) และวิถีโคจรของมันโดยองค์กรนาซ่าบอกว่า...จะโคจรเข้ามาใกล้โลกมากๆ และมันจะโคจรเข้าเป็นเส้นตรงพอดีในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 ก็คือ ดวงอาทิตย์ โลก และนิบิรุ อยู่ในระนาบเดียวกันพอดี วันนั้นจะเป็นวันวิบัติซึ่งจะมีผลดังนี้

    1. สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก
    2. น้ำทะเลจะขึ้นสูงมากๆ จนเกิดวิกฤติการณ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลกหรือซุปเปอร์สึนามิ
    3. แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดไปทั่วโลก
    4. ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ,ดาวเทียม,คอมพิวเตอร์ ฯลฯ)
    5. การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
    6. ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์ จะทำให้อ่อนแอลงอย่างมาก
    7. สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
    8. กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมาย จะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
    9. แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

    เอาล่ะ..พล่ามมาซะยืดยาว ผมจะนำเสนอภาคข้อมูลเท็จจริง ณ ปัจจุบันก่อนละกันนะครับ...(ปล.ก็อปเค้ามาอีกทีและแก้ไขใหม่ ให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น) เนื่องด้วยความสงสัยของตัวผมและใครอีกหลายๆคนว่า ทำไมปี 2012 จึงมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน!!! บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจากเหตุโลกร้อน บางแหล่งก็อ้างคัมภีร์ไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา แต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พร้อมเกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้

    เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของระบบสุริยะจักรวาล (นับตามแบบของชาวสุเมเรียน) นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่ของเราดื้อๆ แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาสตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)

    และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ เกิดจากดาวดวงนี้ แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่ ที่อาจสำคัญมากๆ ทำไมผมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น? สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....

    ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว แต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้ แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาอีกดวง ก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย

    เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ มีความเป็นไปได้ที่มันจะโคจรมาทับเส้นเดียวกับวงโคจรของโลกเลยล่ะครับ ซึ่งนั่นก็แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกใด้!! มันเข้าใกล้มาแล้วจริงหรือ? เส้นทางวงโคจรทำให้เรารู้ได้ว่า ถ้าเมื่อก่อนเราส่องดูดาวบริเวณทิศใต้สุดของโลกเราจะเห็นมัน แต่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลช่วย แต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว!!

    และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตัง ไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะ​ครับ แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละ นักโบราณคดี สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อน หลายหมื่นปีก่อน และหลายพันปีก่อน (ในช่วงพระคริสต์นั่นเอง)

    หากดาวดวงนี้โคจรมาที่ ระบบสุริยะของดวงอาทิตย์อีกครั้ง ซึ่งกำลังจะเกิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ มันจะทำให้เกิดมหันตภัยชนิดโหดสุดยอด เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ ซึ่งมันจะทำปฎิกิริยากับสนามแม่เหล็กโลก อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนครั้งใหญ่ เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน ซุปเปอร์สึนามิ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดพายุต่างๆ นาๆ และอื่นๆนับไม่ถ้วน!! และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่าในปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดเท่าดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

    ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA ยังปิดข่าวอยู่ แต่นักดาราศาสตร์ชั้นนำของประเทศต่างๆ ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้ กันอย่างจ้าละหวั่น ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอกเป็นดาวฤกษ์ และบางแห่งบอกว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ประมาณดาวพฤหัส!!! (ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

    Data of Nibiru คาดหมายว่าเป็นสมาชิกของระบบสุริยะ ตามการคาดหมายเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 (นับตามแบบสากล โดยได้ตัดดาวเคราะห์แคระพลูโตออกไป) เนื่องจากนักดาราศาสตร์ได้ศึกษาการโคจรของดาวยูเรนัสและพบว่าวงโคจรของยูเรนัส มีลักษณะที่ผิดปกติอยู่พอสมควร จึงคาดว่าน่าจะมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ ที่สามารถส่งแรงโน้มถ่วงรบกวนการโคจรของยูเรนัส จึงได้มีการพยายามค้นหา และได้พบดาวเนปจูนแต่การค้นพบนี้ก็ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติทั้งของ ยูเรนัสและเนปจูน

    จึงได้มีการพยายามค้นหาเพิ่มเติมและได้พบพลูโต แต่พลูโตเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กมาก ทำให้ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติ ของการโคจรของยูเรนัสและเนปจูนได้ จึงได้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ของระบบสุริยะอีกครั้ง ความพยายามครั้งนี้ไม่เพียงแต่แค่ค้นหาโดยการสังเกตเทหวัตถุในท้องฟ้าเท่านั้น ยังมีความพยายามในการค้นหาโดยการศึกษาบันทึกโบราณที่อาจจะบันทึกถึงปรากฏการณ์ ที่อาจจะสรุปได้ว่ามีการเคยพบเห็นดาวเคราะห์ลึกลับดวงนี้อีกด้วย (Planet X นี้เป็นชื่อที่ผู้คนหลงใหล เพราะนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ดวงที่ 9 อีกนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ลึกลับที่ไม่เคยมีใครพบเห็น)

    ขนาดของดาวนิบิรุ: ใหญ่กว่าโลก 5 เท่า = ประมาณดาวพฤหัสบดี <<<(อันนี้ผมไม่รู้ว่าข้อมูลมันถูกไหม เพราะได้ยินมาว่าพายุบนดาวพฤหัสยังใหญ่กว่าโลกตั้ง 3 เท่า)

    มวล: ไม่ทราบ

    บริวาร: ไม่ทราบ

    คาบการโคจร: ประมาณ 3,600 ปี วงโคจรคล้ายดาวหาง จุดที่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ในแถบกลุ่มเฆมออร์ด จุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์น่าจะเป็นบริเวณแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวพฤหัสบดี และดาวอังคาร

    จุดกำเนิด: ไม่ใช่สมาชิกดั้งเดิมของระบบสุริยะ แต่ถูกดวงอาทิตย์จับไว้เป็นบริวารเมื่อ 500,000 ปีก่อน คาดว่าน่าจะหลุดมาจากระบบสุริยะของดาวซีรีอุสA

    ลักษณะพิเศษ: เป็นดาวเคราะห์ที่อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เช่นเดียวกับโลก

    ผลกระทบที่มีต่อโลก: ในอดีตมีความเป็นไปได้สูงที่เคยโคจรเฉียดใกล้โลก ทำให้ดวงจันทร์น้อยที่เป็นดาวบริวารชนโลก ทำให้เกิดเป็นมหาสมุทรแปซิฟิค ปัจจุบันน่าจะมีวีถีโคจรที่แน่นอนแล้ว คาดว่าไม่ถึงกับชนโลกแค่เฉียดๆ แต่จะสร้างหายนะให้โลกอย่างมหาศาล

    ***อ่านแล้วอย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อ ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน***

    ที่มา Patid.com Computer Music Community

    เพื่อนบ้านของโลกมาเยือนทุกๆรอบ 13,000 ปี

    ของจริงที่กำลังมาปรากฏให้เห็นด้วยตา เป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่ ทางองค์การนาซ่าตรวจพบเมื่อ ค.ศ.1982 และติดตามสังเกตการณ์เรื่อยมา จนข้อมูลมาต่อเชื่อมกับดาวดวงเดียวกันกับที่ชาวสุเมเรียลได้บันทึกเอาไว้ในอดีต หลายพันปี ปัจจุบันนี้ชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้เห็นดาวสีส้มโตเท่าลูกกอล์ฟขึ้นทางทิศใต้เป็นปกติ นั่นคือ ดาวนิบิรุ ที่มีลักษณะรีคล้ายลูกรักบี้เป็นดาวฤกษ์ใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดีประมาณ 2 เท่า โคจรเป็นวงรีควง 2 กาแลกซี่รอบดวงอาทิตย์ 2 ดวง ในเพลนทะแยงมุม 30 องศากับระนาบวงโคจรของโลกและดาวเคราะห์อื่นๆในระบบสุริยะ

    เราลองแวะดูข่าวสารข้อสรุป ของ AndrosEnigmax ในวิดีโอนี้ เพื่อเสริมสร้างสติปัญญาของเรา ที่ชาวโลกได้เริ่มมองเห็นดาวดวงนี้ด้วยตาเปล่ากันมากขึ้นแล้ว ช่วงระยะที่ ดาวนิบิรุ ทำยูเทิร์นดวงอาทิตย์ด้วยวงรีจะเร่งอัตราความเร็วเนื่องจากอยู่ในโค้งข้อศอก และเป็นขณะเดียวกับโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เข้าไปในระหว่างระยะทางของนิบิรุและดวงอาทิตย์พอดี ช่วงนั้นพลังเส้นแรงแม่เหล็กของดาวนิบิรุและดาวบริวารอีก 5 ดวง ซึ่งมีขนาดใหญ่พอๆกับโลก จะเหนี่ยวนำให้ขั้วเหนือแม่เหล็กโลก เคลื่อนโน้มลงประมาณ 90 องศา

    นักดาราศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะเกิดขึ้นประมาณ 14 ก.พ. 2013 ดาวนิบิรุ เป็นดาวฤกษ์ที่มีขนาดพอๆกับดาวพฤหัสฯ มีผงฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวและมีส่วนหางยาว ดังนั้นประมาณ กลางปี 2011 เป็นต้นไปช่วงที่โลกโคจร รอบดวงอาทิตย์ และเข้าไปอยู่ใต้ดาวดวงนี้ซึ่งมีระนาบโคจรทะแยงมุมกับระนาบโคจรของสุริยะจักรวาลประมาณ 30 องศา โลกจะได้รับปรากฏการณ์ฝนดาวตก ลงมาจากผงฝุ่นและส่วนหางของดาวนิบิรุ ซึ่งอาจมีโลหะหรือของแข็งที่ไหม้ไม่หมด ในชั้นบรรยากาศของโลก หลุดรอดลงมาถึงพื้นโลกได้

    ซึ่งได้ทราบเพิ่มเติมจากญาณทัสสนะของ พระอาจารย์รัตน์ ว่า ขั้วเหนือใหม่จะไปอยู่ที่สฟิงซ์ที่ประเทศอียิปต์ ในช่วงเวลานี้ที่จะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติมากมายเกิดขึ้นแก่โลก ที่อาจเรียกว่าเป็นการร่อนตะแกรงครั้งสุดท้ายของธรรมชาติ ที่มนุษย์ชาติที่เหลือรอดตายประมาณ 10 % ตามพุทธทำนาย ส่วนผู้เตรียมวิดีโอนี้ ได้สรุปไว้ว่า ประชากรของโลกจะสูญเสียรอบแรกไป 2 ใน 3 ส่วนที่เหลือจะอดอยากและเผชิญความแร้นแค้นในระยะ 6 เดือนไปอีก 2 ใน 3 ทั้ง 2 ช่วง ก็จะมีประชากรโลกรอดชีวิตอยู่ประมาณ 10 %


    มีความเห็นจาก skywatchMedia ต่อดาว นิบิรุ ที่จะเริ่มโคจรสวนทางแทรกกลางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ในวันที่ 21 ค.ศ. 2012 นั้น
    • a week before the passage, the Earth stops rotation and the world waits....
    • then...in one hour the Earth rotates 90 degrees as it realigns the Poles to the magnetic pull of Nibiru, the 12th Planet, as it passes between the Earth and the Sun.
    • Money....becomes meaningless to All.
    • As the red planet passes, jiant waves watch over Earth, volcanoes erupt worldwide, and earthquakes destroy All Cities.
    • Dying comes Easy, and living comes Hard. 90% of Mankind is Dead or Dying. Mighty Nations are No More.
    • Soon after passes, the Earth resumes rotation. Herricane force winds sweep the World. Volcanic ash darkens the Skies.
    • The struggle for Life on Planet Earth begins Anew....
    รับชม วีดีโอ.....

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=mkv4chj47XY"]YouTube - Nibiru-Planet of the Crossing[/ame]
    ดาวนิบิรุ จะโคจรมาทำยูเทิร์นกับดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ กินเวลาประมาณ 2 ปี โดยมีดาวนิบิรุ โคจรอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และโลก เป็นเวลาประมาณ 2 ปีนั้น ชาวโลกที่ยังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น 2 ดวง จนดาวนิบิรุเริ่มตีวงจากไกลดวงอาทิตย์ออกไป ทั้งนี้มีความเห็นจากนักดาราศาสตร์ไว้ว่า ต้นปี 2012 ที่ดาวนิบิรุได้เริ่มโคจรเข้าใกล้โลก จะมีฝนดาวตกจากเศษดาว นิบิรุ ลงมาที่โลก และอาจมีวัตถุก้อนใหญ่ๆ ที่อาจไหม้ในบรรยากาศของโลกไม่หมดจะตกลงมาเป็นอันตรายต่อชาวโลก​

    ผลดีของการมาของดาว นิบิรุ ในรอบนี้ จะช่วยปรับย้ายระบบสุริยะและโลก ไปสู่แรงดึงดูดของ กาแลกซี่ ไตรแอง กุลัม หรือกาแลกซี่เบาทางด้านทิศตะวันออก โลกจะได้รับพลังคลื่นสีขาว เหลือง หรือพลังดี เป็นพลังปราณ และพลังมโนธาตุและธาตุว่างอย่างเต็มที่ ตรงกันข้ามกับธาตุหนักของกาแลกซี่ทางช้างเผือก เป็นการนำโลกไปสู่ยุคใหม่ใต้อิทธิพลของกาแลกซี่นี้ไปอีก 13,000 ปี แล้วจึงจะสลับกลับมาสู่กาแลกซี่ทางช้างเผือกอีก 13,000 ปี เป็นวัฏจักรของสุริยะจักรวาล และกาแลกซี่อื่นๆที่ครอบสุริยะจักรวาลอยู่​

    สำหรับหลายๆท่านยังต้องการจะรู้จักดาวดวงนี้ให้ละเอียดละออยิ่งขึ้น ก็ลองแวะที่นี่ได้..2012 - Planet X - Nibiru - Hundreds of Pages, Videos and Audios For Free
    [​IMG]
    การที่ระบบสุริยะจักรวาลทั้งหมดจะย้ายที่ได้นั้น ย่อมต้องการทั้งแรงดูดและแรงผลักในอวกาศเกิดขึ้นทั้ง 2 อย่าง แรงดูดนั้นปัจจุบันกาแลกซี่ไตรแองกุลัมได้ดูดสุริยะจักรวาลเข้ามาใกล้ขอบแล้ว ยังขาดแต่แรงผลักจากกาแลกซี่ทางช้างเผือกเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายปี 2012 เป็นต้นไป ​

    ลั่นไกเมื่อดาวทุกดวงในระบบสุริยะ และดาวนิบิรุมาเข้าแถวอยู่ในระนาบเดียวกันเป็นเส้นตรง ส่งเชื่อมพลังสนามแม่เหล็ก บวก-ลบ ๆ เพิ่มกำลังแรงแม่เหล็กเต็มที่ ส่งพลังไปยังศูนย์กลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือก จุดประกายขึ้นทั่วจักรวาล ทั้งแสงและเสียง ส่งพลังคลื่นแม่เหล็กสะท้อนกลับมายังดาวต่างๆ ที่เข้าแถวอยู่ให้เคลื่อนตัวไปสู่กาแลกซี่ไตรแองกุลัม เริ่มขบวนการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กลางดึกของ 21-12-2012​

    คัดมาบางส่วน อ่านทั้งหมดได้ที่นี่
    http://ainews1.com/article286.html<!-- google_ad_section_end -->​
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมื่อโลกหยุดหมุนรอบตัวเอง จะมีผลต่อแรงโน้มถ่วงอย่างไร?

    [​IMG]

    รบกวนนักฟิสิกส์ทุกท่านครับ ผมอยากรู้จริงๆนะครับ ว่าถ้าวันนั้นมาถึง มันจะมีผลอย่างไรบ้าง อย่างน้อยก็มันวิทยาทานกับท่านสมาชิกคนอื่นๆนะครับ

    เอ๊าะ โค้กไทย 24 มี.ค. 2552

    เราจะรู้สึกว่าทุกอย่างหนักขึ้นอย่างมาก เพราะเราสูญเสียแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ไป เราอาจเดินไม่ไหว ต้องนอนกลิ้งเอาถึงจะไปได้ ปลาคงจมน้ำหมดแน่ นกก็บินไม่ไหวมั้ง ค่า จี10 ไม่รู้จะไปอยู่ที่เ่ท่าไรไม่อย่ากคิดเลย....คงต้องย้ายที่อยู่กันด้วย เพราะด้านสว่าง คงร้อนจนไม่มีอะไรอยู่ได้อีก...ส่วนอีกด้านก็หนาวจนมีแต่หิมะเต็มไปหมด มนุษย์คงต้องอาศัยอยู่ ตามตะเข็บรอยต่อแสงอาทิตย์ เฮ่อจะอยู่ได้ไหมเนี่ย

    ทศสุธา 24 มี.ค. 2552

    ถ้าโลกหยุดหมุนกระทันหัน น้ำทะเลน่าจะได้รับแรงเฉี่อย จากการหมุนของโลก น่าจะมีคลื่นยักษ์ ซัดในแนวเดียวกับที่โลกหมุน คือโลกหมุนไปทางตะวันออก ถ้าหยุดปุ๊บ น้ำทะเลน่าจะซัดเข้าหาชายฝั่งด้านทิศตะวันตกของทวีป

    นายสติ 25 มี.ค. 2552

    สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะต้อง หัดเคลื่อนที่ในรูปแบบใหม่ รวมทั้งมนุษย์ เราจะไม่สามารถ เดินแบบปกติได้ เราอาจจะต้องใช้มือช่วยเดิน ระบบการทรงตัวทุกอย่างในโลกต้องเปลี่ยนใหม่ รวมทั้งกฏฟิสิกส์แทบทั้งหมด ต้องคำนวนใหม่ ถ้ายังมีสิ่งมีชีวิตหลงเหลือนะ

    Joedocg 25 มี.ค. 2552

    หนักขึ้นครับ และกลางวันกลางคืนจะนานขึ้นอย่างมาก เพราะไม่หมุนรอบตัวเอง แต่หมุนรอบดวงอาทิตย์อยู่

    data2342 25 มี.ค. 2552

    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=103d806be0ce994a

    แรงโน้มถ่วงของโลกเกิดจากอะไร?

    แรงโน้มถ่วง คือแรงที่เกิดจากการเคลื่อนที่ หรือแรงเหวี่ยงหรือแรงที่โลกหมุนรอบตัวเอง หรือระบบสุริยะหรือดาวทั้งหมดที่โคจรรอบกาแลกซี่ โดยมีจุดศูนย์กลางของการเหวี่ยงคือใจกลาง... ตามธรรมชาติถ้าวัตถุอยู่นิ่งๆจะไม่เกิดแรงโน้มถ่วง แต่ยังคงมีแรงดืงดูด (ความจริงแล้วมันไม่ดึงดูดแต่มันเหมือน แต่ขอใช้คำว่าแรงดึงดูด เพราะเราจะพูดคำอื่นคนในที่นี้จะไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร)

    ต้องแยกแรง 2 แรงนี้ก่อน...ส่วนแรงดึงดูดของโลกหรือวัตถุต่างๆ ดึงดูดซึ่งกันและกันจริง แต่ดวงดาวทั้งหมดในจักรวาลจะไม่ดึงดูดกันและกันตลอดเวลา ดาวหรือวัตถุในจักวาลจะดึงดูดกัน ก็ต่อเมื่อมันโคจรหรืออยู่ใกล้พอที่จะส่งผลซึ่งกันและกันเท่านั้น ส่วนว่าทำไม่วัตถุจึงตกลงสู่พื้นพร้อมกันแม้มีน้ำหนัก(มวล)ต่างกัน นั้นความจริงนั้นแสนจะเข้าใจยากสักหน่อย..

    ความจริงแล้วจักวาลมีพลังชนิดหนึ่ง คอยส่งพลังงานให้กับสสารทุกชนิดมากน้อยขึ้นอยู่กับมวลของสสาร แล้วสสารจะส่งพลังงานนี้ สวนกลับออกมาในรูปแบบพลังงานของมวลนั้นๆ จึงหักล้างกัน ส่งผลให้วัตถุที่ตกอยู่ในอำนาจพลังงานของมวลที่มากกว่า(ดาว) จึงหักล้างกันพอดี ไม่ว่าจะมีน้ำนักตางกันก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวัตถุทั้งเอกภพล้วนตกอยู่ในอำนาจของแรงโน้มถ่วงทั้งสิ้น

    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=60d2a88f2d164ae8<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. makcloud

    makcloud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +535
    ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เปรียบเทียบแรงG กับแรงดึงดูดของโลก

    [​IMG]

    ในการเลี้ยวของเครื่องบิน จะเกิดแรงกระทำกับตัวเครื่องบิน ที่เรียกว่าแรงสู่ศูนย์กลางหรือ centrifugal force แรงนี้ทำให้เครื่องบินไม่หลุดออกจากวงเลี้ยว แรงที่เกิดขึ้นนี้มีผลทำให้นักบินหน้ามืดได้ เนื่องจากมันมีผลทำให้เลือดในร่างกายไหลจากศีรษะลงไปสู่เท้า ลองนึกถึงเวลาเรานำกระป๋องใส่น้ำมาผูกเชือกแล้วแกว่งเป็นวงกลมเหนือศีรษะ น้ำจะไม่หกออกจากกระป๋องแต่จะถูกแรงกดไว้ให้ติดอยู่กับก้นกระป๋อง

    เมื่อสมองขาดเลือดก็จะหน้ามืด โดยเฉพาะถ้าการเลี้ยวเป็นไปอย่างรุนแรงมาก เช่นความเร็วสูง หรือเลี้ยววงแคบ ก็อาจถึงขั้นหมดสติได้ แรงนี้มีหน่วยวัดเป็นอัตราส่วนเทียบกับแรงดึงดูดของโลก คือ 1G ถ้าเราทำท่าทางการบินด้วยแรง 5G นั่นคือมีแรงมากระทำที่เครื่องบินและตัวเราคิดเป็น ๕ เท่าของแรงดึงดูดของโลก ถ้าปกติเราหนัก ๕๐ กิโล เวลาเราบินที่ 5G เราก็จะหนักถึง ๒๕๐ กิโลกรัม การขยับแขนขาเพื่อบังคับเครื่องบินก็จะกระทำได้ลำบาก เนื่องจากกล้ามเนื้อของเราแข็งแรงไม่พอนั่นเอง

    ลองนึกถึงเครื่องบิน F-16 ที่ทำท่าบินได้ด้วยแรงถึง 9G ร่างกายนักบินจะเป็นอย่างไรบ้าง นักบินเรียกแรงนี้เป็นภาษาง่ายๆ ว่า "แรงจี" แรงจีบวกจะทำให้เลือดไหลลงเท้า แรงจีลบทำให้เลือดไหลขึ้นหัว มีผลกับร่างกายคนเราทั้งสองแบบ อยากลองดูว่าแรงจีบวกและจีลบเป็นอย่างไรเชิญได้ที่ Dream World ก็จะได้รับรสชาติของแรงจีแบบเบา ๆ

    ที่มา http://www.asa.rtaf.mi.th/pilot/03.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. preamlit

    preamlit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +40
    หนุก็ขอให้บารมีหลวงปู่ช่วยคุ้มครองอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเลยนะคะ
     
  11. วิศวกรม

    วิศวกรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +537
    ยังไม่ถึง 5000 ปีเลย ทำไมรีบมากัน
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภัยพิบัติล้างโลก 2012....
    (ข้อมูลนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน)

    อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง

    [​IMG]

    "อาจารย์ สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA ในสายงานคือ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด)

    "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 2 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน และคนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว แล้วได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว (แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)

    [​IMG]

    "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด)

    "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ

    [​IMG]

    "อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

    "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทย ควรเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ

    "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 2 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ

    [​IMG]

    "อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 2 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่

    นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริง มีตัวตนจริงๆ ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ

    ที่มา http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=223731.0
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น สอนให้เราไม่ประมาทในการดำรงชีวิต ให้ทำความดี ละเว้นซึ่งความชั่ว และเร่งความเพียร.....
     
  14. Dozo Wanida

    Dozo Wanida สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    อนุโมทนาค่ะ

    เชื่อค่ะ เชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงๆ.. ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็น แต่เชื่อค่ะ..

    สิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า ไม่มีหนิค่ะ...:cool::cool:
     
  15. Dozo Wanida

    Dozo Wanida สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    อนุโมทนา อีกรอบค่ะ

    เชื่อค่ะ เชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงๆ.. ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็น แต่เชื่อค่ะ..

    สิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า ไม่มีหนิค่ะ...:cool::cool:
     
  16. sug552

    sug552 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +250
    พี่เกษมครับ ในขณะที่โลกไร้แรงดึงดูด คนสิ่งของอาจจะถึงขั้นลอยได้ แล้ว ? ลมในอากาศ จะมีสภาพเป็นยังไงบ้างครับ ลมจะพัดมั้ย ? หรือพัดแรงเป็นพายุ หรือไม่พัดเลย ? ลองเดา ๆ ดูนะครับ :cool:
     
  17. vcc2aaa

    vcc2aaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,770
    เออดี ๆ ..... จะได้เตรียมตัวตายเอาไว้
     
  18. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820
    ค.ศ.2012 ขั้วแม่เหล็กโลกอาจจะเกิดการพลิกกลับขั้วอย่างรุนแรง ทำให้พลังงานไฟฟ้าขัดข้องไปทั่วโลก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ ที่ให้ความสะดวกสบายทุกอย่างบนโลกนี้ใช้การไม่ได้

    ตายแน่ตรูไฟฟ้าไม่มี...ไม่มีแอร์จะอยู่ยังงัยนอนไม่หลับ
    (cry)
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    ผลกระทบ (เท่าที่รู้มา)

    เนื่องจากมันเป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งถ้ามันโคจรเข้าใกล้ๆวงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็สร้างความปั่นป่วนได้แล้ว (ปัจจุบัน ดาวยูเรนัสกับเนสจูนโดนเป็นประจำ) และวิถีโคจรของมันโดยองค์กรนาซ่าบอกว่า...จะโคจรเข้ามาใกล้โลกมากๆ และมันจะโคจรเข้าเป็นเส้นตรงพอดีในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 ก็คือ ดวงอาทิตย์ โลก และนิบิรุ อยู่ในระนาบเดียวกันพอดี วันนั้นจะเป็นวันวิบัติซึ่งจะมีผลดังนี้

    1. สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก (ทำให้เกิดพายุอย่างรุนแรงไปทั่วโลก)
    2. น้ำทะเลจะขึ้นสูงมากๆ จนเกิดวิกฤติการณ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลกหรือซุปเปอร์สึนามิ
    3. แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดไปทั่วโลก
    4. ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ,ดาวเทียม,คอมพิวเตอร์ ฯลฯ)
    5. การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
    6. ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์ จะทำให้อ่อนแอลงอย่างมาก
    7. สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
    8. กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมาย จะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
    9. แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

    *********************************************​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ป้ายบอกทาง

    ป้ายบอกทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +12
    เฮ้อ ไปเชื่อเค้า เบิกเนตร สร้างกระแส กันไปวัน ๆ เป็นว่าเล่น แล้วดัน ปรามาสพระรัตนตรัยอีก (บิดเบือนคำสอน) กรรมนั้นมีจริง นะครับ

    วันนี้ แผ่นดินไหว สึนามิ ถล่มญี่ปุ่น ไม่เห็นมีหน้าใหน ออกมาทำนาย เลย เด๋วดูดิ อีก 2-3 วัน จะต้องมี คนแอบอ้าง ว่าฉันทำนาย ไว้แล้ว เหอ ๆๆๆๆๆ
    คำพยากรณ์ ที่ผ่านมาน่ะ อันใหน มันมีความจริง บ้าง อย่าง ปี 2000 โลกแตก คลื่นยักถล่ม กรุงเทพ มกรา 54 ...

    แล้วนี่ มนุษย์ จากเดิน เป็นคลาน เหอ ๆๆๆๆ พรุ่งนี้ คงลงหนังสือพิมพ์ หน้า ๑ เลยละ ถ้าจริง เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่ ท่านว่ามั้ย
     

แชร์หน้านี้

Loading...