รูปของจิตหรืออาทิสมานกาย เทศน์โดยสมเด็จองค์พระปฐม

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย santiva, 11 กันยายน 2010.

  1. santiva

    santiva เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +220
    [​IMG]
    **สมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องพระเจ้าจักรพรรดิ **

    -ทำไมความสว่างของจิต หรือประกายของจิต ทำไมจึงมีแกน

    จิตของผู้ปฏิบัติเมื่อเข้าสู่อริยเจ้า ถ้าเป็นพระโสดาบัน จิตก็จักเป็นประกาย ๑ ใน ๔ ส่วน อีก ๓ ส่วนเป็นแกน ถ้าเป็นพระสกิทาคามี จิตจักเป็นประกาย ๒ ใน ๔ ส่วน อีก ๒ ส่วนเป็นแกน ถ้าเป็นพระอนาคามี จิตจักเป็นประกาย ๓ ใน ๔ ส่วน อีก ๑ ส่วนแกน ถ้าเป็นพระอรหันต์ จะมีประกายหมดทั้งดวงไม่มีแกนเลย แต่ที่หดเข้าหดออกเป็นเพราะพระอริยเจ้าในระดับนั้น ๆ ยังไม่เป็นผล เป็นเพียงแค่อริยมรรค อาทิเช่นพระโสดาปัตติมรรค ก็จักเป็นประกายหดเข้าหดออกใน ๑ ใน ๔ ส่วน แต่ถ้าบรรลุพระโสดาปัตติผลเมื่อไหร่ ประกายนั้นก็จะคงที่”

    การตอบนี้เป็นการตอบ โดยกรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ คือเมื่อเขามีปัญหาถามเข้ามา เราก็ตอบเขาไปตามกรรม แต่จักขอเตือนว่า ถ้าหากนิมิตของจิตได้ปรากฏเป็นประกายแก่เจ้า หรือพวกเจ้า ก็จงอย่าเพิ่งเชื่อนิมิตนั้น เนื่องจากพวกเจ้าได้ศึกษาเรื่องสังโยชน์มาพอสมควร พึงรู้นิมิตก็นำมาเทียบกับอารมณ์ ถ้าหากยังตัดสังโยชน์เหล่านั้นไม่ได้จริง ๆ นิมิตที่เกิดขึ้นก็เป็นมารมาหลอกให้หลงว่าเป็นพระอริยเจ้าในระดับนั้น ๆ ที่ให้ตอบไปเพราะเพื่อแก้ข้อข้องใจของบุคคลอื่น แต่ตัวพวกเจ้าเองก็ดูจิตที่ตัดสังโยชน์เป็นสำคัญ เมื่อใดสังโยชน์ละ หรือตัดได้สนิทแล้ว นั่นแหละจึงจักเป็นพระอริยเจ้าระดับนั้น ๆ แต่ทางที่ถูก จงอย่าคิดว่าตนเองเป็นพระอริยเจ้า จงรักษากำลังใจเดินตามพระอริยเจ้าไปให้ตรงทางเท่านั้น แล้วจักรู้ได้เมื่อร่างกายนี้ตายไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2011
  2. santiva

    santiva เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +220
    -เรื่องของอรูปพรหม

    อรูปพรหมมีจิตเป็นดวงกลม ๆ สีขาว ๆ ลอยอยู่ในดินแดนเวิ้งว้างเต็มไปหมด ในดินแดนอรูปพรหมทั้ง ๔ แดน นั่นแหละคือดวงจิตที่ไม่มีรูป เนื่องจากอรูปพรหมมาจากคนที่บำเพ็ญอรูปฌานเพื่อหนีในการมีรูป สภาพที่เห็นจึงมีแต่เพียงดวงจิตที่ไม่มีรูป เนื่องจากคนเหล่านี้เห็นโทษของการมีอายตนะสัมผัส แต่ดวงจิตของอรูปพรหมเป็นสีขาวเฉย ๆ ไม่มีรัศมีเป็นแก้วประกายพรึก ซึ่งต่างกับดวงจิตของพระอริยเจ้า พระโสดาบันมีสีดวงจิตที่ใสเป็นแก้วประกายพรึก ๑ ใน ๔ ส่วน พระสกิทาคามีใส ๒ ใน ๔ ส่วนพระอนาคามีใส ๓ ใน ๔ ส่วน พระอรหันต์ใสทั้งหมดทั้ง ๔ ส่วน แล้วในไตรภพทั้งหมดหรือพระนิพพานก็ดี ดวงจิตนั้นย่อมมีรูป หรือมีอายตนะสัมผัส หรืออาทิสมานกายด้วยกันทั้งสิ้น อย่างพระตถาคตเจ้าที่เข้าสู่ปรินิพพานไปแล้ว ขันธ์ ๕ หมดไปแล้ว แต่อาทิสมานกายนี้ยังมีอยู่ พวกเจ้าปฏิบัติพระกรรมฐานในหมวดมโนมยิทธิ ยิ่งจักเห็นชัดว่ายังมีรูปหรืออาทิสมานกายของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ แม้จักปรินิพพานไปแล้วก็ยังมาปรากฏให้พวกเจ้าได้พบได้ อย่างคนบางคนแม้ยังมีชีวิตอยู่ในร่างของคน แต่จิตใจของเรามีหิริ โอตตัปปะ รูปของจิตหรือาทิสมานกายของเขา ก็เป็นเทวดาอยู่ในร่างของคนนั่นแหละ แล้วในขณะที่คนทำกรรมชั่วมีบาปอกุศลครอบงำจิตอยู่ รูปของจิตหรืออาทิสมานกายของเขาก็เป็นสัตว์นรก ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ตายนั่นแหละ ในเรื่องเหล่านี้หลวงพ่อฤๅษีเคยถูกกล่าวหาว่าอวดอุตริมนุสธรรม ที่คุยกับวิญญาณได้ เพราะเขาไม่เชื่อ หลวงพ่อท่านกล่าวว่า ถ้ารู้แต่วิญญาณก็พูดคุยกันไม่ได้ หรือรู้แต่จิตก็คุยกันไม่ได้ จะต้องรู้ถึงอาทิสมานกายด้วย จึงจะพูดคุยกันได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2010
  3. santiva

    santiva เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +220
    -รูปของจิตหรืออาทิสมานกาย ทำไมจึงมีเกิดแต่สัตว์โลก หรือไตรภพและพระนิพพาน จะมีแต่จิตผู้รู้ เป็นดวงกลม ๆ ไม่ได้หรือ

    ทรงตรัสว่ากรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เรามาคุยกันตรงนี้ ตั้งแต่อบายภูมิ ๔ มนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหมทั้งหมดนี้ ยังละอุปาทานขันธ์ ๕ ไม่ได้ จึงได้ชื่อว่ายังติดอยู่ในรูป หรือร่างกายที่เป็นธาตุ ๔ อันเป็นรูปที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ที่จุติอยู่ในโลกนี้ตายไปแล้วก็ตาม จิตได้ออกจากร่างกายที่ดับไปตามวาระกรรม บุญและบาปจึงพาดวงจิตนั้นไปตามภพต่าง ๆ เป็นการไปด้วยรูปของบุญและบาปนั้น ๆ อาทิสมานกายจึงไปตามกรรมหรือการกระทำ จักไปเป็นรูปพรหม เทวดา นางฟ้า มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก ก็ด้วยกรรมนั้น ๆ อาทิสมานกายก็เปลี่ยนแปลงไปตามกำลังบุญและบาปที่กระทำเอาไว้นั้น ๆ แล้วคราวนี้เจ้ามาดูอาทิสมานกายของพระอรหันต์กัน เนื่องจากไตรภพทั้งหมด ดวงจิตของผู้จุตินั้น มีทั้งติดรูปด้วยคิดว่าเป็นคุณ มีผู้ไม่ติดในรูปด้วยคิดว่าเป็นโทษ แม้แต่อรูปพรหมก็คิดว่ารูปเป็นโทษ ก็ยังได้ชื่อว่าไม่ต้องการรูป [FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]([/FONT][/FONT]ยังมีอารมณ์ไม่พอใจในรูป[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]) [/FONT][/FONT]บางดวงจิตก็ติดในบุญ บางดวงจิตก็ติดอยู่ในบาป แต่พระอรหันต์ท่านได้พิจารณารูปจนเห็นเป็นปกติธรรม คุณและโทษของรูปไม่ติดอยู่ในจิตของท่าน เมื่อจบกิจแล้ว บาปหรือบุญก็ไม่ติดอยู่ในดวงจิตของท่าน ท่านไม่ได้ตัดรูปด้วยความไม่ต้องการรูปเหมือนอรูปพรหม หากแต่ท่านวางรูปหรือขันธ์ ๕ ด้วยสังขารุเบกขาญาณ คือรู้ตามความเป็นจริงของขันธ์ ๕ เมื่อขันธ์ ๕ ถึงวาระแตกดับ ดวงจิตของท่านจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอาทิสมานกาย หรือรูปของจิตที่เป็นพระวิสุทธิเทพ รูปนี้ไม่แปรเปลี่ยนไปสู่ภพใด ๆ อีก

    รายละเอียดของรูปของจิต หรืออทิสมานกา ทรงตรัสว่าถ้าไม่แสดงให้หมดก็ไม่หมดสงสัยในธรรม อย่างที่ท่านพระ....สงสัยว่า พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ อาทิสมานการของท่าน หรือรูปของจิต ก็มีเวทนา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สัญญา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สังขาร[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]วิญญาณครบน่ะซิ มาดูตรงนี้กันอธิบายกันก่อน ที่ท่านสัมภเกสี [FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]([/FONT][/FONT]เทศน์เอาไว้ว่า รู้แค่วิญญาณก็พูดคุยกันไม่ได้ วิญญาณในที่นี้คือประสาท หรืออายตนะสัมผัส ในหมวดหนึ่งของอรูปฌาน วิญญานัญจายตนฌาน มีวิญญาณคือความรู้สึกทางระบบประสาท ก็ทำความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีความรู้สึก ด้วยอำนาจของการกำหนดอรูปฌาน ซึ่งก็เป็นกำลังของอานาปา ทำให้เข้าถึงฌาน ๔ สักเพียงแต่ว่า ถ้าถือรูปเป็นอารมณ์ก็เป็นรูปฌาน แต่อรูปพรหม ถือความไม่มีรูปเป็นอารมณ์ ก็เป็นอรูปฌาน กำลังจริง ๆ ริเริ่มตั้งแต่สมาธิ คือ ความตั้งใจมั่นในการกำหนดลมหายใจเข้าออก บวกกับอารมณ์ที่ตั้งมั่นในอรูปฌานอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนั้น ๆ จิตก็ทรงสมาธิอยู่เป็นปฐมฌาน[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]ทุติยฌาน[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]ตติยฌาน แล้วก็เป็นจตุตฌาน พอจิตเข้าถึงฌาน ๔ ในสมาธิที่ตั้งมั่นอยู่ในอรูปฌาน เวลานั้นจิตก็ห่างจากประสาทสัมผัส จึงเรียกว่าเข้าถึงซึ่งเต็มกำลังอรูปฌาน ตรงนี้ก็ให้เจ้าเข้าใจว่า ทำไมรู้แต่วิญญาณก็พูดคุยกันไม่ได้จึงเป็นเช่นนี้

    เมื่ออรูปฌานคือชินในการไม่มีรูปคนเหล่านี้จึงมีแต่ดวงจิตที่เป็นสมาธิอยู่ในอรูปฌาน รูปแตกดับไปแล้วจึงไปสู่อรูปพรหม เป็นพรหมที่ไม่มีรูป ไม่มีอายตนะที่จักรับสัมผัสใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ดวงจิตนั้นก็อยู่ด้วยความสุขของกำลังของอรูปฌาน หมดกำลังฌานเมื่อไหร่ ก็จุติเมื่อนั้น แดนของอรูปพรหมนั้น กว้างใหญ่ไพศาล เวิ้งว้าง ไม่มีอะไร มีแต่ดวงจิตกลม ๆ สีขาว ๆ เหมือนแสงไฟนีออน ไม่สว่างใสเป็นแก้วประกายพรึก ดวงจิตของอรูปพรหมที่ลอยอยู่นั้น นับประมาณไม่ได้ ทรงตรัสว่า “นั่นแหละเจ้าคือดวงจิตที่ไม่มีรูป อรูปพรหมไม่มีอาทิสมานกาย จึงไม่มีอายตนะสัมผัส ตถาคตจึงตรัสว่าเป็นผู้ฉิบหายจากความดี เมื่อรู้ว่าสภาวะจิตล้วน ๆ เป็นอย่างนี้เป็นจิตที่ไม่มีรูป ผู้รู้แต่จิตอย่างเดียว จึงพูดคุยกันไม่ได้

    คราวนี้มารู้เรื่องของอาทิสมานกาย หรือรูปของจิตกันต่อไป ขอยืนยันในไตรภพนี้หรือพระนิพพาน ยกเว้นอรูปพรหมจิตทั้งหลายมีรูป หรืออาทิสมานกายกันทั้งนั้น แต่มีรายละเอียดต่างกันตรงนี้

    เจ้าเคยไปดูอาทิสมานกายของสัตว์นรกมาแล้ว กายนั้นแม้เป็นกายทิพย์ คือไม่มีธาตุ ๔ แต่กายนั้นมีอาการ ๓๒ จักเห็นได้ว่า สัตว์นรกบางขุมถูกทัณฑ์ทรมานจนเลือดตกยางออก บางขุมถูกไฟไหม้จนกระดูกแดงฉาน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เนื่องด้วยจิตยังไม่ละจากอุปาทานขันธ์ ยังมีความยึดมั่นถือมั่นในรูป[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]เวทนา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สัญญา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สังขาร[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]วิญญาณ ยึดธาตุ ๔ ยึดอาการ ๓๒ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา แม้กายเนื้อหรือธาตุ ๔ อาการ ๓๒ แตกดับไปแล้ว เมื่อจิตไปจุติในนรก อาทิสมานกายก็ยังมีเลือด มีเนื้อ มีกระดูก มีอาการ ๓๒ ตามอุปาทานที่ยึดมั่นถือมั่นนั้น

    มากายอสุรกาย หรือเปรต ก็เป็นเช่นเดียวกันกับสัตว์นรก หากแต่เปรตต้องโทษน้อยกว่าสัตว์นรก แม้บางประเภทจักถูกหอกทิ่ม[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]ดาบฟันอย่างกากะเปรตก็ตาม แต่บางประเภทก็โทษน้อย บางประเภทมีแต่โหยหิวแสวงหาอาหาร ไม่ถูกทัณฑ์ทรมานก็มี ก็ล้วนแล้วแต่ยังยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์อยู่ดี

    มาสัตว์เดรัจฉาน มามนุษย์ก็เป็นที่เห็น ๆ และรู้กันอยู่ในรูปของจิต คือ กายเนื้อ ธาตุ ๔ อาการ ๓๒ นี้ จิตก็ยังติดอยู่กับอุปาทานขันธ์อย่างเหนี่ยวแน่น จนกว่าจักถึงไตรสรณคมน์ แล้วมุ่งปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอริยเจ้า จึงจักค่อยชำระจิตให้หลุดพ้นจากการเกาะติดอยู่กับอุปาทานขันธ์

    มาดูกายของเทวดา เทวดาหมดบุญก็ยังมีเหงื่อไหล เทวดาก็ยังร้องไห้ อุปาทานขันธ์ของเทวดา นางฟ้าก็ยังมี ไปพรหมที่มีรูป ก็ยังไม่หมดอุปาทานขันธ์ ยิ่งไปจากกำลังของฌานก็ยังได้ชื่อว่าติดอยู่ในอานาปา คือ ธาตุลม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของธาตุ ๔ อันเป็นร่างกาย จึงยังไม่สิ้นจากกิเลส

    มาพรหมอริยเจ้า ก็ระงับไปด้วยการตัดสังโยชน์ ดูตามลำดับของความบริสุทธิ์ของจิต เจ้าจักเห็นว่าเทวดา นางฟ้าร่างกายละเอียดก็จริงอยู่ ก็ยังดูหนาทึบกว่าพรหม หรือพรหมแต่ละชั้นก็มีกายละเอียดไม่เท่ากัน

    มาดูพระอรหันต์หรือพระตถาคตเจ้าที่พระนิพพาน เจ้าก็เคยได้เห็นมาแล้ว อาทิสมานกายหรือรูปของจิตโปร่งใสเป็นแก้วประกายพรึก ตับ[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]ไต[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]ปอด อาการ ๓๒ ไม่มี สภาวะธาตุ ๔ ไม่มี ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะพระอรหันต์หรือตถาคตเจ้า ต่างก็พิจารณาธาตุ ๔ อาการ ๓๒ นี้ไม่ใช่เรา ไม่มีในเรา จึงมีการวางเฉยในรูป และมีการวางเฉยในนาม คือ เวทนา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สัญญา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สังขาร[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]วิญญาณ มีอารมณ์สังขารุเบกขาญาณ จึงเป็นเหตุให้เมื่อกายเนื้อ คือธาตุ ๔ อาการ ๓๒ แตกดับแล้ว รูปของจิตคืออาทิสมานกายจึงบริสุทธิ์เป็นวิสุทธิเทพ เพราะไม่มีอุปาทานยึดธาตุ ๔ และอาการ ๓๒ ว่าเป็นเรา เป็นของเราดังนี้ จิตกับรูปของจิตจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่จักแสดงให้เห็นได้เป็นจิตอย่างเดียว กลมใสเป็นประกายพรึกหมดทั้งดวงก็ได้ และจักแสดงเป็นรูปของจิต คืออาทิสมานกายที่ใสเป็นแก้วประกายพรึกก็ได้ สุดแล้วแต่จักให้เห็น

    มาแจงเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งให้เป็นที่เข้าใจในตอนนี้ ให้ใช้ปัญญาพิจารณาสักนิดหนึ่ง พระตถาคตเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เมื่อพิจารณารูป[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]เวทนา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สัญญา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สังขาร[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]วิญญาณ ท่านวางอารมณ์ลงในสังขารุเบกขาญาณได้ เนื่องจากเห็นความปกติธรรมของขันธ์ ๕ จิตท่านเมื่อถึงจุดนี้ก็เห็นธรรมดาของขันธ์ ๕ไม่ยึดมั่นถือมั่น ความรังเกียจก็ไม่มี คือความไม่พอใจก็ไม่มี แต่อรูปพรหมรังเกียจรูป ไม่พอใจในรูป ไม่ต้องการในรูป พระตถาคตเจ้าหรือพระอรหันต์ท่านตัดตัวนี้มาแล้ว ตั้งแต่สังโยชน์ ๔ และ ๕ คือราคะและปฏิฆะ พอใจก็ไม่มี ไม่พอใจก็ไม่มี นี่เป็นการชี้ตัวอย่างให้เห็นถึงหลักการปฏิบัติที่จักวัดกำลังของจิตที่จักตัดกิเลสให้ถูกทาง พอไปถึงอรูปราคะ รูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เมื่อเข้าใจในฌานเป็นกำลังของอานาปา เป็นธาตุลมในธาตุ ๔ ไม่ใช่เรา มีอยู่แต่ไม่หลง คือ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ตัวถือตัวถือตน ขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ อายตนะไม่มีในเรา ไม่ใช่เราจักไปถืออะไร อุทธัจจะการปรุงแต่งธรรมไม่มี เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงแล้ว จักไปหลงติดอยู่กับอะไร ก็จักมาเห็นตรงนี้ว่า พระอรหันต์หรือพระตถาคตเจ้า รู้ตามความเป็นจริงของรูป ไม่ยึดมั่นถือมั่นในรูป แม้มีชีวิตร่างกาย[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]ธาตุ ๔ อาการ ๓๒ ก็ยอมรับว่ารูปเป็นเช่นนี้ มีนาม เวทนา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สัญญา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สังขาร[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]วิญญาณ ก็เป็นเช่นนี้ ขันธ์ ๕ เป็นเช่นนี้มีเกิด[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]มีดับเป็นปกติธรรม จิตยอมรับนับถือกฎของธรรมดา อุปาทานขันธ์ไม่มี การรังเกียจรูปอย่างไม่ต้องการรูปอย่างอรูปพรหมก็ไม่มี จึงเป็นเหตุให้เมื่อกายเนื้อตายแล้ว รูปของจิตก็จึงยังมีเวทนา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สัญญา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สังขาร[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]วิญญาณก็ยังมี แต่ไม่มีอุปาทานขันธ์ แล้วรูปนี้เวทนา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สัญญา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]สังขาร[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]วิญญาณนี้เป็นไปเพื่อวิมุติทั้งสิ้นแล้ว คำว่าเสวยทุกขเวทนา เสวยสุขเวทนาอย่างไตรภพทั้งปวงนั้นไม่มี

    อนึ่ง เจ้าเข้าใจเรื่องวิมานวัตถุแล้ว พรหม[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]เทวดา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]นางฟ้ามีวิมานอันเกิดจากการถวายวิหารทานในพระพุทธศาสนา แล้วใครจักไปโจทย์กล่าวว่าพระนิพพานไม่มี วิมานไม่มีก็ช่างเขาเถิดนะ

    ถ้ารู้จักใช้ปัญญานิดเดียว พรหม[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]เทวดา[FONT=Times New Roman, serif][FONT=Angsana New, serif]-[/FONT][/FONT]นางฟ้ายังมีวิมาน แล้วตถาคตเจ้าหรือพระอรหันต์ทุกองค์ล้วนแต่เคยบำเพ็ญทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิหารทานมาในเขตพระพุทธศาสนา มีหรือที่จักไม่มีวิมานเป็นสถานที่อยู่

    จากหนังสือธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม 12
    รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2010
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องพระเจ้าจักรพรรดิ ศูนย์พุทธศรัทธา
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2011
  5. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    อนุโมทนา สาธุครับ ขอบคุณที่ทำให้ได้รู้เรื่องของรูปจิตมากขึ้นครับ
     
  6. Thammaros

    Thammaros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +1,328
    กราบขอบพระคุณคุณลุงหมอเป็นอย่างสูงที่เมตตา
    จัดทำหนังสือตั้งแต่เล่มแรกจนถึงเล่มปัจุจบัน
    ซึ่งทำให้เข้าใจในหลาย ๆ เรื่องอย่างละเอียดค่ะ



    ขออนุโมทนานะคะที่คัดเอาข้อความอันเป็นมงคลจากคำสอนของพระท่านมาโพสต์ค่ะ

    และขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ:d
    www.tangnipparn.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กุมภาพันธ์ 2011
  7. malee123

    malee123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,843
    สาธุ อนุโมทนากับน้องรักค่ะ มีความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย

    ขอต้อนรับน้องใหม่ค่ะ
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,537
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ขอบพระคุณมากค่ะ แจ่มแจ้งดีมากค่ะอนุโมทนาสาธุๆๆๆในธรรมทานค่ะ
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  9. kling

    kling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +147
    ชัดเจนดี เกือบไปเป็นอรูปพรหมแล้ว ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้
     
  10. ต้มยำ

    ต้มยำ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +13
    อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นครับ ชัดเจนมากครับ
    ขอขอขคุณครับที่นำบทความดีๆมาเผยแผ่ มาลงได้อ่านกัน
    อนุโมทนาครับ
     
  11. kimimaro_kak

    kimimaro_kak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาสาธุครับ แต่ผมอยากทราบว่าจิตเราอยู่ในระดับใดในขณะเราปฏิบัติ
     
  12. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    อนุโมทนาด้วยนะคะ

    ท่านสอนง่าย เข้าใขง่ายดีจัง

    เป็นเครื่องยืนยันว่าที่เคยขึ้นไปกราบสมเด็จฯที่วิมานท่านบนนิพพานนั้นไม่ได้ฝันไปเอง

    นิพพานแล้วไม่ได้ดับสูญไปเลยอย่างที่ใครๆเข้าใจ

    ทีนี้จะได้เลิกกลัวนิพพานกันเสียที
     
  13. tanainan

    tanainan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +248
    สาธุ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะอันประเสริฐจริงๆ ดีมากจริงๆ อนุโมทนาอย่างยิ่ง...
     
  14. สน2550

    สน2550 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +280
    สาธุ
    โมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมมาเผยแพร่ให้ได้รู้กันครับ
     
  15. phank

    phank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +1,278
    ขออนุโมทนาสาธุครับ
    มีประโยชน์มากๆเลยครับ ช่วยให้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งเลยครับ
     
  16. online2522

    online2522 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +12
    อนุโมทนาบุญครับ ขอให้กระผมได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยครับ
     
  17. kukkikkaks

    kukkikkaks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +363
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอกราบอนุโมทนาบุญนี้ด้วยนะคะ
    :cool::cool::cool:
    เราอธิษฐานบารมีเพื่อพระนิพพานเท่านั้น
     
  18. dogbert77

    dogbert77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +324
    ขอบคุณและอนุโมทนาด้วยครับ อธิบายเข้าใจ ชัดเจน และลึกซึ้งมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2013

แชร์หน้านี้

Loading...