พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้ให้ร่วมกันสร้าง เราจะมาโปรดสัตว์ไม่ให้สร้างคนเดียว
    บัญชีออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง ปริยัติศึกษา บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    <TABLE class=tborder id=post429060 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 07:58 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #510 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>toe<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_429060", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 08:19 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: //////////////
    ข้อความ: 1,621 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 3,236 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 11,800 ครั้ง ใน 1,497 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 1453 [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_429060 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ท่านอ๋อง...ปี่เซี้ยะคู่ที่พระ อ. ได้รับจากคุณสิทธิพงศ์ แน่นอนมากมาก..เมื่อวานนี้น้ำที่ให้เกิบเต็มแก้ว...ประมาณ 4 วันได้แล้วลดลงสามส่วน หายไปหนึ่งส่วน....พูดแล้วขนศรีษะตั้งเลย..(ขนาดผมสั้น..นะ..)..จริงๆ ถ้าพูดมุสานะ..ขอลงอเวจีมหานรกเลย...พระ อ. ท่านขอหนึ่งแสน..แต่วันนั้นโยมนำมาถวายเป็นสิ่งของเกินกว่าสองแสนบาท..นะ...(วันที่ถวายพระพุทธรูปประธานพร)..แน่นอนขอได้..แต่พระ อ. ท่านบอกว่า..ท่านก็ไม่รบกวน ปี้เซี้ยะเขามากนะ...กลัวจะไม่ขัง...ขอเท่านที่เราจำเป็น...ตอนนี้ท่านพระ อ. ให้ปี่เซี้ยะไปช่วยหารถ 6 ล้อต้องคันใหญ่ด้วยนะ..เพื่อจะเอาบรรทุกสามเณรไปบิณฑบาตร..เพื่อเอามาแทนคุณยายคันเก่า..มันแก่เกินกว่าที่จะใช้งานแล้ว...ต้องเอาไปขายเป็นของเก่าแล้ว.....แต่ตอนนี้ต้องใช้ไปก่อนเพราะปี่เซี้ยะบอกว่า..ยังหาไม่เจอ..ห้า..ๆ ๆ..แล้วก็ มีหกด้วยน..นะ....วันนี้ก็เสียอีกแล้ว..ไฟหน้าไม่ติด..ต้องเอาทั้งเชือก..และลวดถูกไว้ก่อน...วิ่งๆ ไปก็กลัวว่า..หัวเก๋งจะหลุดออกจากกัน...วันนี้ตอนเพลน้องเณรจึงต้องอาศัย ปลากระป๋อง..ต้มยำ..มาม่า..ใส่น้ำร้อน..ฉันกับข้าว...(ยังพอมีอยู่)
    ท่านอ๋องทำไมไม่ขอยืมปี่เซี้ยะกับพระ อ. แหละ..ไปมาเก๊าจะได้มีโชคมีลาภ...จะได้เอาเงินมาทำบุญ..เอ..ไปเสี่ยงโชคได้เงินมา..ทำบุญมันจะได้บุญหรือ..เปล่าว หว่า...)
    เรื่องบูชาปี่เซี้ยะด้วยน้ำ...ลดลงนี้แน่นอน...กล้ายืนยันอย่างไม่กลัวต้องอาบัติเพราะเป็นจริ ๆ ๆ ...
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    *******************************************


    ปี่เซี๊ยของวังหน้า ซึ่งหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรท่านเสกให้คู่นี้นั้น ผมเคยนำไปให้บูชาในงานผ้าป่ามหากุศล สนส.บ่อเงินบ่อทอง แต่ในวันนั้นไม่มีใครบูชาไป อาจจะเนื่องจากเท้าบิ่นเล็กน้อย และปี่เซี๊ยเองคงอยากอยู่กับหลวงพ่อแผน ผมเลยนำปี่เซี๊ยคู่นั้นไปถวายหลวงพ่อแผนครับ

    .
     
  2. tg22070

    tg22070 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +601
    พระพิมพ์ปี พ.ศ.2408 มีชุด 44 พิมพ์ และมี 3 เนื้อ ส่วนชุด 6 พิมพ์ มี 3 เนื้อ อย่างที่คุณ sithiphong บอก ช่วยลงรูปให้ชมเป็นตัวอย่างแต่ละเนื้อได้ไหมครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมไม่มีกล้องดิจิตอล

    ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาลงให้ชมกันครับ

    .
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เรียนคุณ sithiphong และคุณ นักเดินทาง
    ขอโทษครับที่ไม่ได้แจ้งพระพิมพ์และที่อยู่
    ผม ขอพระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าคะแนนร้อย เนื้อขาวลงรักสีน้ำเงินครับ
    กรุณาจัดส่งตามที่อยู่นี้
    นาย ชาญชัย สุทธิธนากุล

    57/107 อาคาร สีลมเทอเรส
    ซอย ศาลาแดง2 ถนน สีลม
    บางรัก ก.ท.ม. 10500
    ขอบคุณครับ
    nongnooo.
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รับทราบครับ ผมจะจัดส่งพระพิมพ์ไปให้ครับ

    [​IMG]
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายนามผู้ร่วมบริจาคค่าขุดบ่อบาดาล สนส บ่อเงินบ่อทอง

    1.คุณลัดดา...จากชลบุรี จำนวน 5,000 บาท
    2.คุณ sacrifar จำนวน 300 บาท
    3.คุณhongsanart จำนวน 3,000 บาท
    4.คุณพรหมประกาศิต จำนวน 1,000 บาท
    5.คุณขุนท้าว จำนวน 1,000 บาท
    6.คุณพงษ์สิทธิ์ (น้องกานต์) จำนวน 50 บาท
    7.คุณramaniyo จำนวน 200 บาท
    8.นางลัดดา - นางสาว นารี - นางสาวนลินี ดำรงค์วิทย์ พ.จ.อ.สุริยะ - นางจารุวรรณ - นางสาวจรีรัตน์ เรืองเพิ่มพูล จำนวน 5,000 บาท
    9. คุณสุมาลี ขจรไชยกูล จำนวน 100.- บาท
    10. คุณนัยนา วุฒิไชยาธำรงศิลป์ จำนวน 300.- บาท
    11. คุณดรุณี แซ่ห่าน จำนวน 500.- บาท
    12. คุณวรรยา จิรายุพา จำนวน 100.- บาท
    13.คุณนิพนธ์ จำนวน 3,500 บาท
    14.คุณตามดูจิต จำนวน 600 บาท
    15.คุณMOUNTAIN จำนวน 300 บาท
    16.คุณpang 1972 จำนวน 5,400 บาท
    17.คุณguawn จำนวน 100 บาท
    18.คุณsithiphong จำนวน 300 บาท
    19.คุณnongnooo จำนวน 380 บาท
    20.ดช.ณรงค์เดช จำนวน 1,000 บาท
    21.คุณtokey จำนวน 1,000 บาท
    21.คุณbbms จำนวน 1,000 บาท<O:p</O:p
    22.คุณภาณุ ปัญจะโรทัย จำนวน 1009 บาท<O:p</O:p
    23.คุณธนภัทร ชูประภาวรรณ จำนวน 1,000 บาท
    24.คุณศุภกร ชูประภาวรรณ จำนวน 1,000 บาท<O:p</O:p


    หากตกหล่นชื่อท่านใด กรุณาช่วยแจ้งให้ทราบด้วย ขอบคุณครับ


    หากท่านใดที่ร่วมบุญบริจาคค่าขุดบ่อน้ำบาดาล สนส.บ่อเงินบ่อทองแล้ว และยังไม่ได้แจ้งความประสงค์ที่จะขอรับพระพิมพ์ ให้แจ้งให้ทราบด้วยครับ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2006
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง ตอนที่ 7<O:p</O:p

    ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)<O:p</O:p
    ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วันเหนียว<O:p</O:p
    เป็นวันเหนียวเฉพาะตนโดยอัตโนมัติแต่ไม่ทราบว่าเป็นวันอะไรแน่ พยายามสอบถามได้ความเพียงว่าให้สังเกตดูหากวันไหนถ่ายอุจจาระจมก็วันนั้นแหละ ไม่ต้องมีอะไรก็เหนียว ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่นิยมการใช้พระแม้แต่เรื่องลงกระหม่อมสักยันต์ก็ไม่เคย วันหนึ่งถูกสุนัขกัดอย่างแรงไม่เข้าเป็นที่แปลกใจ บางคนเกิดฟลุคไปรดน้ำมนต์แล้วถูกรุมตีไม่เป็นไรอาจารย์องค์นั้นก็ดังไปพักหนึ่งโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถ้ามีพระติดตัวก็เข้าใจว่าหลวงพ่อช่วย เอวันหลังทำไมไม่แน่
    <O:p</O:p
    วันเปื่อย<O:p</O:p
    เมื่อมีวันเหนียวก็ย่อมมีวันเปื่อยเป็นของคู่กัน อย่าทะนงตนและอย่าสงสัยเรื่องเกิดขึ้นภายในครอบครัวนี่แหละครับ วันหนึ่งผมไปพบท่านเจ้ากรมแผนที่คนปัจจุบันที่บ้านสะพานจงประสาน อ. เมืองชลบุรี พอเห็นหน้าท่านก็ทักทันที แหมพระของพี่ถมเหนียวชะมัดตาจิ๋วถูกสุนัขกัดเย็บตั้ง 8 เข็มทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก จึงเรียนถามท่านว่า สุนัขมันกัดวันอาทิตย์ใช่ไหมครับ ท่านตอบว่าใช่ ผมก็ไม่กล่าวกระไร ท่านบอกว่ายังทะลึ่งพาไปคลินิกเห็นถอดพระออกจากคอ ถามว่าถอดทำไม่ ตาจิ๋วตอบว่าเข็มแทงไม่เข้าครับ นี่มันประกอบด้วยกฎแห่งกรรม คือนายจิ๋วเมื่อเล็ก ๆ มีนิสัยซุกซนชอบแหย่สุนัขข้างบ้าน เอาใบกระดาษแหย่ให้มันกัดมันโกรธและมีความอาฆาตพอมีโอกาสเจอกันที่ถนน มันตรงเขากัดอย่างไม่เลี้ยงมันดุจริง ๆ ขนาดกัดสุนัขด้วยกันมันกินเนื้อสุนัขตัวที่ถูกมันกัด แต่นายจิ๋วก็มีนิสัยเป็นนักสู้ไม่ถอยหนีรู้สึกตัวว่าถูกกัดเข้า ก็รีบนึกถึงหลวงพ่อตอนนี้ไม่เข้าและชักมีดจะแทงสุนัขพอดีเจ้าของออกมาห้ามจึงเลิกกันไป พอไปถึงคลินิกเย็บแผลเกิดไม่เข้ายังความฉงนสนเท่ห์ให้กับนายแพทย์ยิ่งนัก รำพึงว่าไม่น่ากัดเข้าเลย และก็พระองค์นี้ถูกกัดมามากครั้งแล้ว สบายมากไม่เป็นไรเลยนี่แหละครับเขาเรียกวันเปื่อย และอาจจะเป็นเฉพาะชั่วยามในคราวเคราะห์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์
    (เป็นความเชื่อ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้เชิญร่วมบริจาคค่าขุดบ่อบาดาล สนส บ่อเงินบ่อทอง

    อาคารเรียนสำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง...ในปัจจุบันนี้....

    [​IMG]

    [​IMG]

    ตัวอาคารเรียน..และสถานที่ก่อสร้างกุฏิดิน....
    [​IMG]


    เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกๆท่านได้ร่วมบุญกัน เห็นเป็นรูปธรรมแล้วนะครับ โมทนาสาธุกับทุกๆท่านด้วยครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง ตอนจบ<O:p</O:p

    ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)<O:p</O:p
    ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    วันตาย<O:p</O:p
    คนเราย่อมมีที่ตายของตน อาจมีคนแย้งว่าที่ตายของคุณแม่อยู่ที่ซอยลอยมา ถ้าอยู่ซอยจงประสานเห็นทีจะไม่ตายกระมังนี่เป็นการตายปกติสามัญ อยู่โรงพยาบาลอยู่ที่ไหนก็ตาย ที่ตายที่ว่านี้เป็นการตายไม่ปกติ เช่นหายโหง ตายแบบอุบัติเหตุมันมีที่ของมัน เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานองค์การรถไฟ ไปราชการสงครามประเทศเกาหลีไม่มีพระกับเขามันก็ไม่ตายเพราะไม่ใช่แดนตายของเขา คนที่มีพระเต็มคอก็ตายเขาเลยไม่ยอมเชื่อพระตัวเอง เช่นว่านี้มีอยู่หลายเรื่อง
    <O:p</O:p
    1. มีนักเลงทางตำบลบางทรายผู้หนึ่งเกเรและเพาะศัตรูไว้มากมาย แกมีพระประจำตัวอยู่ 3 องค์ คือ พระร่วงสนิมแดง 1 ประปิดตาเมฆพัดหลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก 1 พระคงสีดำ จังหวัดลำพูน 1 มีปืนเบรานิงค์ตราปืนขนาด 7.65 หนึ่งกระบอกพกติดตัวอยู่เสมอ ก่อนจะออกตลาดทุกครั้งจะต้องแวะไปที่กุฏิท่านวินัยธรรม (เภา)ให้เห็นพระเสียก่อน และมักจะลองของบนกุฏิทุกครั้งด้วยปืนคู่ชีวิต คือยิงใส่ตัวเอง 3 ครั้งก่อนจะเดินทาง คิดว่าหากเป็นวันเปื่อยก็เพียงแค่เสียแขน ถ้าไปโดนวันเหนียวเข้า ยิง 3 นัดก็ไม่ออก โดนวันธรรมดาก็ออกกระสุนปืนเด้งจากแขนเพียงเป็นจุดไหม้เท่านั้น จึงจะเป็นที่มั่นใจและออกเดินทางได้และเข้าวันหนึ่งหลังจากทดลองตัวเองด้วย 3 นัดไม่เป็นไรก็ต้องถูกยิงตายที่ตำบลท่าถ่านต้องถูกมือดีคัดของและประกอบกับเป็นวันตาย ที่ตายด้วย หากไม่ออกมามันก็ไม่ตาย<O:p</O:p
    2. หลวงพ่อวัดหนองบัวลาดหญ้าเมืองกาญจน์เก่งทางตะกรุดฝาบาตร ท่านทรงฌานสมาบัติ วันหนึ่งมีกระทาชายสองนายมาหาท่านที่กุฏิเพื่อขอตะกรุดฝาบาตรจากท่านคนละดอก ท่านพิจารณาอยู่สักพัก แล้วสั่งว่าวันนี้ขออย่าลองของ กระทาชายทั้งสองนายพอรับของจากหลวงพ่อก็ดีใจลืมคำพูด สัญญาความจำรู้เพียงว่าของหลวงพ่อเคยลองได้ คนหนึ่งมีดาบเล่มยาว อีกคนหนึ่งมีมีดซุยขนาดใหญ่เรียกกันว่ามีดการะเกด ต่างผลัดกันแทงผลัดกันฟันเป็นที่สนุกสนาน พอถึงทางแยกสามแพร่งคนที่ถือดาบถูกคนมีมีดการะเกดแทงเต็มเหนี่ยวทะลุหลังถึงหน้าอกขาดใจตายตรงนั้นเอง ทำให้ต้องเสียเพื่อนรักและตัวเองต้องติดตะรางเพราะความประมาท<O:p</O:p
    3. เสือร้ายมาตายรัง เรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง เพราะเสือร้ายมาตายที่วัดหลวงพ่อและเป็นศิษย์ก้นกุฏิเสียด้วย เรื่องเกิดขึ้นทางจังหวัดภาคเหนือจะเป็นอุตรดิตถ์หรือชัยนาทจำไม่ได้ ทำให้หลวงพ่อเสียหน้า มันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ามาตลอดทางถูกยิงไม่เป็นไร พอถึงโคนต้นมะขามใหญ่วัดที่เคยขุนข้าวสุก ก็ถูกยิงล้มดิ้นสิ้นใจ หลวงพ่อออกมาดูบอกกับคนทั้งหลายว่าที่ตายของมันอยู่ตรงนี้ คนไม่ยอมเชื่อท่านสั่งให้ลากศพพ้นจากต้นมะขามเพียงหนึ่งวาแล้วให้ยิงด้วยปืนพร้อมกัน 7 กระบอกให้ยิงตามความพอใจไม่ต้องนับปรากฏว่าไม่ออก ท่านให้เอาหอกและจอบตราจระเข้ซึ่งมีความคมขนาดสับรากมะขามขาดลองฟันดู ก็ไม่เข้า พอลากคนถึงโคนมะขามปรากฏว่าทั้งยิงทั้งฟันเข้าหมด ทดลองถึง 3 ครั้ง คนจึงเชื่อและหลวงพ่อขอร้องว่าสงสารอย่าทรมานแก่สังขารอันปราศจากวิญญาณอย่างน้อยมันก็ตายไปแล้ว<O:p</O:p
    นี่แหละครับมันเป็นเรื่องลี้ลับนอกเหนือการส่องแว่นค้นหาตำหนิและโค๊ทจริง ๆ เรื่องอะไรทั้งหลายไม่น่างง มันมีสูตรมานานแล้วมิใช่เพิ่งมี หากไม่ศึกษาก็ไม่ทราบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์
    (เป็นความเชื่อ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก Fwd Mail ครับ

    ++++เตือนภัยคนที่ขับรถตอนกลางคืน---MUST READ!!++++<O:p</O:p

    เมื่อเดือนที่แล้ว (ดองเรื่องมานาน) ดิฉันและเพื่อนๆ นัดกันไปทานข้าวแถวสุขุมวิท ตอนกลับบ้านดิฉันติดรถเพื่อนกลับบ้านด้วย บ้านดิฉันอยู่แถวหลานหลวงส่วนเพื่อนดิฉันอยู่พุทธมลฑล เธอจึงอาสาขับไปส่งบ้านดิฉันเสมอเพราะเป็นทางผ่าน <O:p</O:p
    ห้าทุ่มแล้ว ระหว่้างทางที่ขับกลับบ้านเราขับผ่านมาบุญครองและสนามกีฬาแห่งชาติ โดยรถของเราวิ่งเลนส์ในที่เป็นเลนส์เดียว ฝั่งเดียวกับโลตัสพระราม 1 และช่างกลปทุมวัน เส้นทางนั้นเป็นทางแคบและมืดเพราะไม่มีไฟทาง เนื่องจากเราวิ่งใต้รางรถไฟไฟ้าตลอด (ถ้าคนไปแถบนั้นคงทราบดี) ในระยะสายตาดิฉันเหลือบเห็นคนยืนคนหนึ่งอยู่ริมฟุตบาท รอที่จะข้ามไปยังฝั่งช่างกลปทุมวัน เขาหันมามองขวาตามสัณชาติญาณคนข้ามถนน (ระยะรถกับที่เค้ายืนน่าจะห่างกันประมาณ 50 เมตร) รถเพื่อนดิฉันแล่นกำลังจะผ่านป้ายรถเมล์หน้าช่างกลปทุมวัน ชายผู้นี้ก้าวลงมาที่ถนนอย่างไม่คาดฝัน เพื่อนดิฉันเหยียบแบรคทันที เค้าคนนั้นหันมาเห็นรถเราด้วยความตกใจ แต่รถเราก็ปะทะตัวเค้าเต็มๆ <O:p</O:p
    ในจังหวะนั้นดิฉันหวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรมากเพราะเพื่อนดิฉันขับรถไม่เร็วเลย ไม่เกิน 50 ด้วยซ้ำ อย่างที่บอกว่าทางแคบ มืด และมีรถขับสวนตลอดไฟก็ส่องหน้าเต็มๆ จึงไม่ขับเร็ว.. <O:p</O:p
    เค้าคนนั้นล้มลงที่พื้นถนน ดิฉันได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากป้ายรถเมล์ ทุกคนคงตกใจ แต่คงไม่มากกว่าดิฉันและเพื่อน เพื่อนพูดขึ้นมาทันที แกทำไงดีชั้นไม่เคยขับรถชนคน ดิฉันก็เอ่อ ชั้นก็ไม่เคย ระหว่างนั้นเราก็งงว่าควรทำยังไงดี ดิฉันตัดสินใจเปิดกระจกไป ตะโกนถามว่าคุณจะไปโรงพยาบาลมั้ย
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก Fwd Mail ครับ

    ปรัชญาหน้ากระจกรถ
    จากรวมเรื่องสั้นชุด หนึ่งวันเดียวกัน (life in a day)<O:p</O:p
    ผมขับรถผ่านสี่แยกนั้นทุกวัน ทุกครั้งที่รถจอดรอสัญญาณไฟเขียว
    ผมคิดถึงงานของผม
    ผมคิดไม่ออกว่าจะขายสินค้าที่ผมรับผิดชอบอย่างไร บอกตรง ๆ
    สินค้าในสต็อคตัวที่ผมต้องขายนี้เป็นข้าวพันธุ์ที่มีเม็ดไม่สวย
    และมีสารฆ่าแมลงเจือปน ไม่น่าเชื่อว่าเป็นข้าวไทย
    มันดูเหมือนข้าวที่ปลูกกลางทะเลทรายสะฮารามากกว่า
    ผมบอกเจ้านาย "หาจุดขายไม่เจอเลย ไม่ได้คุณภาพ
    ไม่มีอะไรที่ดีกว่าสินค้าคู่แข่งเลยสักจุดเดียว"
    เจ้านายกล่าวเพียงว่า "ผมไม่สนใจ คุณต้องขายมันให้ได้ มิฉะนั้น..."
    คำว่า 'มิฉะนั้น' ของเขาอาจหมายถึงการหางานใหม่ของผม
    แม้ว่าผมทำงานดีมากี่ครั้งแล้วก็ตาม
    ไม่มีใครจดจำความดีหลายครั้งของคุณได้เท่ากับความล้มเหลวเพียงครั้งเดียว
    นี่เป็นสัจธรรมในโลกของผม
    ความคิดผมสะดุดลงเมื่อเห็นเด็กชายวัยไม่น่าจะเกินหกเจ็ดขวบถือแปรงฟองน้ำ
    กับถังพลาสติคใบเล็กตรงมาหาผม
    เสื้อผ้ามอมแมมพอกับใบหน้า ผมโบกมือไล่ เด็กคนนั้นยกมือไหว้
    และยืนริมหน้าต่างรถนิ่ง ผมนิ่ง เขาก็นิ่งราวกับกำลังทดสอบความอดทน
    ผมเกลียดเด็กพวกนี้ คุณก็รู้มีเด็กแบบนี้เกือบทุกสี่แยก
    ผมเชื่อว่าคุณก็คงจะเคยมีประสบการณ์กับเด็กพวกนี้สักครั้งหรือสองครั้ง
    เปล่า! ผมไม่ได้ต่อต้านเด็กที่มารบเร้าขอเช็ดกระจกรถของผม
    บางทีก็ยัดเยียดขายพวงมาลัย บางครั้งก็ขายหนังสือพิมพ์ หรือผ้าสีขาว
    ผมเชื่อว่าน่าจะมีเด็กแบบนี้ตามสี่แยกสักหลายพันคนในกรุงเทพฯเป็นแน่
    ปัญหาของผมคือทำอย่างไรไม่ให้เด็กทำให้กระจกรถของผมสกปรกไปกว่าเดิม
    รถของผมยังใหม่
    ครั้งหนึ่งผมตวาดไล่เด็กไปด้วยโทสะเมื่อเขาเช็ดรถของผมด้วยผ้าเก่าเขรอะ
    ผมไขกระจกรถลงมาหยิบเหรียญบาทยื่นให้เขาหนึ่งเหรียญ
    เขารับเหรียญนั้นไปแล้วยังยืนมองหน้าผมนิ่ง ผมเลิกคิ้วถาม "ไง? ไม่พอหรือ?"
    เด็กว่า "น้า ขอซักสิบบาทเถอะ"
    ไฟจราจรกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมหยิบเหรียญสิบบาทชูขึ้นให้เขาเห็น ยิ้ม
    และปล่อยเหรียญนั้นตกลงพื้นถนนขณะที่เคลื่อนรถของผมออกไป
    ผมได้ยินเสียงเบรคจากรถที่ตามมา ได้ยินเสียงกระแทกกันดังโครม
    แต่ผมไม่ได้หันกลับไปมอง<O:p</O:p
    ผมขับรถผ่านสี่แยกนั้นในวันต่อมา งานอยู่ในหัวขณะที่รถติดเป็นแถวยาว
    ยังคิดหาวิธีขายข้าวพันธุ์ 'สะฮารา' ของผมไม่ได้
    เด็กหญิงวัยสิบกว่าขวบคนหนึ่งหน้าตามอมแมมสวมหมวกแก๊ปสีเขียวเดินมาหา
    ผมทำสัญญาณว่าไม่ต้องการให้เธอเช็ดกระจกรถของผม เธอไม่สนใจ
    อีกครั้งผมเลื่อนกระจกรถลง ยื่นเหรียญบาทให้เด็ก บอกว่า "เอานี่ไป
    แล้วไม่ต้องเช็ด"
    "น้าขอหนูสักสิบยี่สิบบาทเถอะ กำลังเดือดร้อน"
    "เป็นเด็กเป็นเล็ก เดือดร้อนอะไรกันนักหนา"
    เด็กหญิงบอก "น้องหนูถูกรถชนเมื่อวาน โคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล"
    ผมสะดุ้ง นึกถึงเด็กชายที่ผมแกล้งเมื่อวาน
    ผมยุ่งกับงานจนลืมเรื่องนี้ไปสนิท
    "ถูกรถชนที่ไหน?"
    "ที่สี่แยกนี้แหละน้า"
    "ใครชน?"
    "รถคันนึง เบรคไม่ทัน แดงก้มลงเก็บตังค์บนพื้น เลยถูกชน"
    ผมควักธนบัตรหนึ่งร้อยบาทให้เด็กหญิง แล่นรถออกไป
    ในใจเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ<O:p</O:p
    ผมนอนไม่หลับทั้งคืน
    ไม่อยากเชื่อว่าเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสเพราะเงินสิบบาท
    ที่สำคัญคือผมเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้อย่างเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้
    วันต่อมาผมขับรถผ่านไปที่แยกนั้นอีก แต่ไม่พบเด็กหญิงที่แจ้งข่าวคนนั้น
    ผ่านไปอีกสองวัน ผมถามเด็กหญิงคนนั้น "น้องชายเธอเป็นยังไงแล้ว?"
    "แดงตายแล้วค่ะน้า เพิ่งเผาเมื่อวานนี้เอง"
    ใจผมสั่นหวิว ควักธนบัตรสองพันบาทยื่นให้เด็กหญิง
    "เอาไปเป็นเงินทำบุญให้น้องเถอะ"<O:p</O:p
    ผมนอนไม่ หลับอีกหลายคืน ไม่เคยรู้สึกแย่อย่างนี้มาก่อน
    ความผิดของผมแท้ๆ
    หลายวันต่อมาผมไม่พบเด็กหญิงคนนั้นอีกเลย สอบถามจากเด็กคนอื่น
    ก็ไม่มีใครทราบ เด็กชายคนหนึ่งชี้มือไปที่ซอยเล็กริมถนน บอก
    "บ้านเขาอยู่ในซอยนั่นแหละน้า อยู่สุดซอย บ้านหลังคาสังกะสีทาสีเขียว"
    ผมตัดสินใจตามไปที่บ้านของเด็กหญิงคนนั้น
    ขณะที่เดินไปตามทางดินลูกรังในซอย
    ผมไม่อยากเชื่อว่าหลังตึกระฟ้ามีสลัมซ่อนอยู่
    ผมหาบ้านหลังคาสังกะสีทาสี เขียวไม่ยาก
    ผมยืนหลบมุมที่หน้ากองโอ่งครู่หนึ่ง
    ขณะพยายามนึกหาคำพูดที่เหมาะสมเมื่อเจอเด็กหญิง
    พลันได้ยินเสียงเด็กหญิงคนนั้น "เอ้า กินซะ
    ไม่ได้กินอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนี่"
    เสียงเด็กชายคนหนึ่งว่า "อร่อยจังเลยพี่"
    ผมชะโงกหน้าออกไปดูทันที เป็นเด็กชายแดงที่ 'ถูกรถชนตายไปแล้ว'
    คนนั้นนั่นเอง! คนตายคงไม่สามารถยิ้มและกินอาหารอย่างนี้!
    เด็กสองคนนี้ไม่ได้ไปทำงานหลายวันเพราะเงินสองพันบาทของผม
    เด็กหญิงว่า "ขอบคุณน้าคนนั้นมากเลยที่ให้ค่าทำบุญมาตั้งเยอะ"
    "พี่ไปขอบคุณเขาทำไม เขาแกล้งแดงรู้ไหม"
    "แต่เขาก็คงรู้สึกแย่ ไม่งั้นไม่ให้เงินมาตั้งเยอะ"
    "พี่เก่งนะที่คิดออกมาได้ ทำให้เขารู้สึกผิด แล้วยังได้เงินมาตั้งสองพัน"
    ผมเดินถอยกลับออกมา หัวเราะหึ ๆ ในใจรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
    ผมน่าจะรู้ว่าเด็กพวกนี้มีสัญชาตญาณเอาตัวรอดสูงกว่าผมเสียอีก<O:p></O:p>
    ผมบอกที่ประชุมในวันต่อมา
    "มีทางเดียวที่จะขายข้าวของเราคือทำโฆษณาให้คนดูรู้สึกแย่แบบ Emotional Blackmail น่ะครับ เสนอภาพชาวนาที่กำลังอดตาย ตายคาทุ่งเลยเอาแรง ๆ
    สื่อให้คนดูรู้ว่าถ้าเขาไม่ซื้อข้าวของเรา
    ครอบครัวชาวนาที่มีเด็กเล็กเด็กน้อยอดตายแน่ๆ"
    ผมได้ยินเสียงปรบมือในห้องประชุม
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมมีคำถามมาถามสำหรับเรื่องนี้ครับ

    ผมจะมอบพระสมเด็จหลังเบี้ยให้ จำนวน 5 องค์ สำหรับผู้ตอบ 5 ท่านแรก

    ท่านมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ผมขอคำตอบไม่น้อยกว่า 7 บรรทัดครับ

    เข้ามาตอบกันเร็วๆครับ
    .
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขอร่วมแสดงความเห็นด้วยคน

    จาก เรื่องราวที่เล่ามานั้นค่อนข้างจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า จุดที่อ่อนไหว และทำให้สัมฤทธิ์ผลที่ สุด ในจิตใจของมนุษย์คือ ความสงสารเห็นใจ และการสำนึกผิด จึงเป็นช่องว่างให้ผู้ที่เจ้าเล่ห์ ได้ใช้หาผลประโยชน์เข้าสู่ตนอันเป็นจุดอ่อนที่รองจาก ความโลภของมนุษย์ และจุดอ่อนพวกนี้เองที่ ทำให้คนที่ดีๆโดนหลอกมานักต่อนักแล้ว ซึ่งต่อไปคนจะเริ่มเกิดความระแวงในสิ่งต่างๆ
    จนเกิดความเห็นแก่ตัวและ จะเพิกเฉยไม่ยอมช่วยเหลือสังคม เมื่อสังคมมีปัญหาจริงๆ (เช่นกัน ถ้าชายคนนี้มีน้ำใจเป็นคนดี เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เขาคิดมุขไปขายข้าวไม่ดีไม่ได้)
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอบเป็นท่านแรกครับ

    .
     
  15. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ชีวิตไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานของการมีสติ
    เงินให้เด็กตอนแรกด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจ จึงทำให้เกิดทุกข์
    ทุกข์ที่เกิดจากการได้รับฟังเรื่องราวครั้งแรกที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง
    เงินให้เด็กตอนหลัง 100 บาทเพื่อจะล้างทุกข์
    ทุกข์ที่เกิดจากการได้รับฟังเรื่องราวครั้งที่สองที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง
    เงินให้เด็กอีกครั้ง 2,000 บาทเพื่อล้างทุกข์
    ทุกข์ก็ยังไม่หายไป
    ตัดสินใจไปหาต้นเหตุแห่งทุกข์
    อึ้ง!!!!! แต่ก็ทำให้มีความสุขและโล่งอย่างบอกไม่ถูก
    เหตุเกิดทั้งหมด เพราะ ไม่มีสติ ไตร่ตรองพิจารณา ถ้าชายคนนั้นมีหลักพรหมวิหาร 4 อยู่ในใจในขณะนั้นเรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดค่ะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา การให้ทาน ขอให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าผู้รับจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ บุญนั้นใหญ่หลวงนักค่ะ เพราะเราให้กับคนที่ต้องการจะได้! ดีจ้า
    (verygood)
     
  16. littlelucky

    littlelucky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,938
    จากบทความดังกล่าวผมเห็นว่า สังคมปัจจุบันนี้ เราควรอยู่อย่างไม่ประมาท ครับ
    เราควรตระหนักว่าสังคมวุ่นวายและมีปัญหาสังคมต่าง ๆ อันเนื่องจากอิทธิพลของสื่อโฆษณาภายใต้การวางแผน
    อย่างแนบเนียนของนักการตลาด ที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมว่าจะเข้าใจถูกหรือไม่ เพราการสร้างภาพโฆษณาที่กำกวมนั่นเองผมขอยกรูปแบบการขายสินค้าโดยทำผ่านสื่อที่การโฆษณา
    ของบริษัทข้างต้นนะครับ ซึ่งใช้บริษัทขายข้าวและชาวนา เป็นภาพตัวแทน
    ส่วนสินค้าคือข้าวเป็นเพียงตัวกลางระหว่างตัวแทนทั้งสองฝ่าย ชาวนาที่อดอยาก
    ไร้ที่พึ่ง เป็นคำโฆษณาแทน ความยากจนแสนเข็ญ แทน ปัญหาความยากจนของชาวนา(ซึ่งเรื้อรังมานาน) ที่ข้าว(สินค้าของบริษัทนี้)ช่วยแก้ไขปัญหาให้ได้ ซึ่งน้อยคนนักที่จะตระหนักความจริง ทำให้เราหวนคิดว่าเราเองก็เป็นผู้หนึ่งที่ถูกครอบงำโดยสื่อโฆษณาไปด้วยหรือไม่ ? และบางครั้งเราก็นำมาเลียนแบบทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจดังเด็กขายพวงมาลัยสองคันนั้น

    ซึ่งจากคำพูดของนักการตลาดคนนี้ที่กล่าวว่า"มีทางเดียวที่จะขายข้าวของเราคือทำโฆษณาให้คนดูรู้สึกแย่แบบ
    Emotional Blackmail น่ะครับเสนอภาพชาวนาที่กำลังอดตาย ตายคาทุ่งเลยเอาแรงๆสื่อให้คนดูรู้ว่าถ้าเขาไม่ซื้อข้าวของเราครอบครัวชาวนาที่มีเด็กเล็กเด็กน้อยอดตายแน่ๆ"
    รูปแบบโฆษณาแบบนี้เพียงใช้ตรรกะของการโน้มน้าวให้ยอมรับ โดยไม่ฝืนใจ และไม่รู้สึกตัวว่าถูกบังคับ ซึ่งแนบเนียนและมีประสิทธิภาพแบบระยะยาว
    มันเป็นความยินดีของทั้งสองฝ่าย คือ คนขายกับคนซื้อครับ (หรือเด็กขายพวงมาลัยกับนักการตลาดในเรื่อง) ซึ่งในระยะยาว กว่าคนซื้อ(นักการตลาดในเรื่อง) จะตระหนักว่าเขาถูกหลอกจากความคิดที่ว่าปัญหาความยากจนของชาวนาเป็นปัญหาสังคม ฉะนั้น การแก้ไขปัญหาความยากจนของชาวนาได้ เขาก็ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วปัญหาความยากจนของชาวนายังคงเป็นเหมือนเดิมหรืออาจช่วยได้บ้าง แต่พ่อค้าคนกลางกลับเป็นฝ่ายที่รวยๆ เรื่อย ๆ
    (จากการคิดบวกค่าการตลาดหรือค่าโฆษณา)
    โดยการสร้างภาพว่าได้เขาได้ช่วยแก้ปัญหาความยากจนของชาวนาแล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ตัวสินค้าและภาพพจน์ของบริษัทเจ้าของสินค้าทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าความภักดีของผู้บริโภค


    ขอให้กำลังใจกับผู้บริโภค(รวมผมด้วย)นะครับว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ กับ เรื่องคนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาดนะครับ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2006
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอบเป็นท่านที่สองครับ
    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ตอบเป็นท่านที่สามครับ

    .
     
  19. khongbeng

    khongbeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +657
    ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับศิษย์พี่

    มุมมองผมคือการอยู่รอด การเอาตัวรอดและเป้าหมายของมนุษย์

    เด็กชายตัวน้อยนั้น เป้าหมายเพราะเพื่อเงินเหรียญ 10 บาท ไม่สนใจมองสิ่ง

    รอบข้างไม่คาดเดาความเสียหายอันอาจเกิดขึ้น รีบก้มลงไปเก็บเหรียญ ไม่ได้

    มองรถที่วิ่งผ่านไปมา ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน

    เด็กสาวตัวน้อยนั้น เป้าหมายเพราะเพื่อจะได้เงิน ได้หลอกโดยอาศัยความ

    เห็นใจ ความเมตตา สงสารของมนุษย์ โดยรู้อยู่แล้วว่าน้องชายตนไม่ได้

    เป็นอะไร ได้หลอกชายที่แกล้งน้องชายให้รู้สึกสำนึกผิดของตน ทำให้ชาย

    ดังกล่าวเต็มใจมอบเงินก้อน จำนวน 100 บาทและ 2,000 บาท ด้วยความ

    เต็มใจ (เด็กคนนี้ฉลาดมาก)

    ส่วนชายคนขับรถนั้น เป้าหมายเพื่อที่จะไม่ต้องถูกออกจากงาน หรือโดน

    ไล่ออก ได้ทำตัวกลืนไปกับบริษัทฯ ในการหลอกผู้อื่นให้ซื้อข้าวบริษัทฯ

    ที่ตนทำงานอยู่ ทั้งที่รู้ว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ

    ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า เพราะเพื่อเป้าหมายของมนุษย์ และความอยู่รอด

    จะแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของตนเองอย่างชัดเจน ถ้าหากคนเหล่านี้

    ได้มีหิริ โอตตัปปะ คงไม่เป็นเช่นนี้ ทำอย่างไรคนเหล่านี้จึงจะมีธรรมะ

    เช่นนั้น
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ศิษย์น้องตอบเป็นท่านที่สี่ครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...