เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    นี่ดูๆ แล้วคงไม่ใช่ปัญหาแค่เรื่องสร้างพระเท่านั้น ที่เป็นสาเหตุ...<O:p</O:p
    ดูเหมือนว่าปัญหาต้นตอจะมาจากการที่คณะสร้างพระนั้นศรัทธาหลวงปู่ทองทิพย์อยู่ แต่ไม่ศรัทธาพระที่ดูแลวัด ที่เป็นคนเก็บรักษาศพของท่าน ด้วยเหตุผลส่วนตัวนาๆ ที่ไม่อยากกล่าวในนี้ เข้าทำนอง "เกลียดตัวแต่อยากกินไข่" แค่นี้จริงๆ ที่เป็นสาเหตุความไม่ลงตัวอย่างที่บางคนทักกันในเน็ต <O:p</O:p
    1. ก็ไม่ไปกราบไหว้กัน ทำเป็นลืมคุณกันไป เพราะคิดว่าท่านบารมีน้อยถ้าเทียบกับพระที่พวกตนรู้จักพอจะทำจะสร้างอะไร ทั้งพระ หรือม้า ฯลฯ ก็เลยไม่ไปพูดคุยกันซะเลย ก็ไปศรัทธาพระที่อื่นที่บอกว่าเป็นลูกศิษย์ปู่ใหญ่เหมือนกัน สายธรรมเดียวกัน ที่เคยได้คุณธรรมปู่ใหญ่ไปโปรด แล้วพอบังเอญว่าวัดนี้ไม่ใช่นิติบุคคลตามกฎหมาย ก็เลยคิดว่าจะทำอะไรก็ไม่เห็นจำเป็นต้องบอกเจ้าอาวาสเลย เพราะในกฎหมายทางโลก...วัดยังงี้ถือว่าไม่มีเจ้าอาวาส นี่เรียกว่า ศรีธนชัยเจ้าปัญญา ใช้ปัญญาในการตอบให้ชนะด้วยเหตุผลทางโลกได้เก่ง <O:p</O:p
    แต่ไม่คำนึงถึงกฎธรรม แต่ก่อนวัดนี้ก็คงมีสภาพเป็นยังงี้มาแต่แรก ก็ไม่มีใครไปใช้อิทธิพลกับหลวงปู่แน่ พอท่านมรณภาพลง คนนอกก็เลยคิดกันว่าเราก็เคยเป็นคนสำคัญ ครูบาอาจารย์บอกว่าเราสำคัญ มีคนทักบอกว่าเราสำคัญ ก็เลยมีแผนมาใช้อิทธิพลกับวัดนี้ ก็ไม่ใช่แค่พวกคุณ Aunyasit หรอกครับที่รู้มา มีหลายคน หลายพวก แต่คุณผู้อ่านครับ ตามหลักธรรมแล้ว จะป่าเขาลำเนาไพร หรือป่าช้าที่ไหน เค้าก็ต้องให้เกียรติพระเจ้าของสถานที่กันทั้งนั้น นั่นแหละคือเจ้าอาวาสในทางธรรม ก็คิดละกันนะว่าอาวาสแปลว่าอะไร<O:p</O:p
    และผมขอบอกคุณนะครับคุณ Aunyasit พระที่คุณอ้างถึงจะกี่รูป หากไปที่วัดนี้ เขาไม่กล้าท้วงทักตำหนิพระอาจารย์ตู่ ประธานสงฆ์ที่นั่นเลย เรื่องสร้างอะไรๆ ขนาดหอแม่ธรณีที่ทางพวกคุณเคยคิดเอา-ฟังมาจากคนทักว่าสร้างผิดตำแหน่ง คนสร้างจะเดือดร้อน เป็นตำแหน่งมรณะ... แล้วไง บัดนี้สร้างเสร็จแล้ว สวยด้วย คนสร้างก็มีความสุขกันดี... แล้วไงครับ พอจะสร้างวิหาร คุณก็มาปล่อยข่าวว่าเขาสร้างกันผิดตำแหน่งอีก ทำไมคุณไม่พูดเหตุผลเอง คุณยุให้คนโทรหาพระอะไรที่นครพนม คุณยุให้สงฆ์แตกกันหรือไง จะบอกให้รู้นะ อย่างน้อยผมก็ได้รู้มาว่าพระนครพนมที่คุณอ้าง(อาจารย์ศร, อาจารย์คำ) ก็พูดให้ผมได้ยินในวัดป่าสีดาฯ เลยว่าคุณน่ะ สำคัญตนกันไปเอง ยกยอกันไปเอง คุณโดนตัวคุณทดสอบตัวคุณเองอยู่นะ ระวังเพี้ยนล่ะ<O:p</O:p
    2. ลูกศิษย์อีกพวก ตั้งแต่หลวงปู่อยู่มายังไง พวกเขาก็ยังเหมือนเดิม อยู่ที่เดิมทำเหมือนเดิม ก็หลวงปู่ทองทิพย์และคืออาจารย์ใหญ่แห่งโลกอุดร เขาเชื่อกันอย่างนี้ ก็ไม่ไปหาสวรรค์วิมานที่อื่นอีก จะหาก็หาแต่ที่ดีที่สุดที่เขาเชื่อ ก็ที่วัดนี้นั่นแหละ ทั้งเคยถวายข้าวปลาอาหารท่านยังไง วันนี้ก็ยังไม่พร่องสักวัน และสรรค์สร้างสิ่งต่างๆ ไป ตามเหตุผลให้ถูกต้องเหมาะสม <O:p</O:p
     
  2. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    วันนี้ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพระสงฆ์หลานหลวงปู่ที่อยู่วัดป่าสีดาฯและลูกศิษย์ท่านที่อยู่ อ. เรณูนคร ก็สอบถามท่านเรื่องการสร้างวิหารว่ามีการพูดคุยกับพระสงฆ์ที่วัดป่าสีดาฯแล้วหรือยัง ท่านบอกว่ายังไม่ได้คุยกันในเรื่องการสร้างวิหารเลยครับเพราะท่านพิจารณาดูแล้วคาดว่าจะยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ข้อเท็จจริงก็มีอยู่อย่างนี้แหละครับ
     
  3. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    ร่วมบุญสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    วันนี้เวลา10.01 น. ผมได้โอนเงินไปร่วมบุญสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ จำนวน 200 บาทครับ จากบัญชี นายจิรวัฒน์ อยู่เจริญ เลขที่ 2410867 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาสระบุรี เข้าสู่บัญชี น.ท. วีระพงศ์ คงสวัสดิ์ เพื่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ธ.ทหารไทย เลขที่ 057-2-23813-7 อนุโมทนากับคณผู้สร้างและผู้ร่วมบุญทุกท่านครับ (โอกาสหน้าถ้ามีปัจจัยจะร่วมบุญอีกเรื่อยๆ จนถึงวันหล่อองค์พระครับ ผมแนบไฟล์รูปหลักฐานสลิปการโอนมาให้ดูด้วยครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s2.pdf
      ขนาดไฟล์:
      60.2 KB
      เปิดดู:
      111
  4. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    คุณ mr.tom_zaa

    รูปหล่ออ่ะก๊า.... โหง๋เฮ้งเหมาะแก่การโกนผมแล้วคิ้วอ่ะก๊า
    โกนแล้วจะดูดีกว่านี้อ่ะก๊า...


    55555
     
  5. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ขออนุโมทนาสาธุการ กับคุณประสิทธิ์ จากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่ร่วมทำบุญมหากุศลสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ 120,000 บาทครับ

    คุณประสิทธิ์จะโอนปัจจัยเข้าบัญชีผมเมื่อวาน(27 ธ.ค.) ผมก็เลยแนะนำว่าให้นำปัจจัยไปถวายกับองค์แทนของหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่พุทธมณฑลสาย 2 ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2007
  6. มะม่วงสุก

    มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    บางทีเราเห็นแค่รูปแค่ภาพนั้นก็ เห็นดี เห็นงาม อันนี้เป็นสิ่งที่ดูฉาบฉวยเกินไป เพราะไม่สามารถบ่งบอกหรือชี้เอาคำตอบในคำถามได้ ความเชื่อและศรัทธาได้นำเข้ามาตัดสินง่ายไป ถ้าเรียกในสมัยปัจจุบันนี้ก็เรียกว่า การสร้างภาพ(ตรงเปะเลย)
    คำถามของผมที่ถามคุณวิสุทธิเทพไปแต่บัดนี้ยังไม่มีคำตอบ แต่ท่านรู้เห็นมาเหมือนกันนี่นา เหตุใดถึงเล่าให้ฟังกันไม่ได้ สิ่งนี้บ่งชี้วัดอะไรได้หลายอย่างในสัจธรรม หรือสัจจะศีลที่มีผู้พยายามเอามาสอน
    ถ้าเราจะเอากาลเวลามาเป็นเครื่องตัดสินมันก็ดูจะเป็นผู้ประมาทในธรรมของพระพุทธองค์เกินไป เพราะเราพิสูจน์ได้ทันทีไม่ต้องไปนั่งหลับตานอกตาในอะไร การกระทำดูท่าทางจะเห็นผิดจริง จากที่หลายคนนำมาเล่าที่เป็นทั้งลูกศิษย์แท้และเทียมเข้ามาขยายความอีก ทำให้สรุปได้ในระดับหนึ่งว่า กุศลจิตที่ดีเกิดขึ้นในจุดเริ่มต้นแล้ว แต่มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นตามมา ต่อมากุศลจิตกลายเป็นอกุศลจิตจากความไม่ชอบมาพากลเหล่านั้น และความไม่ชอบมาพากลดังกล่าวเริ่มก่อตัวเป็นมวลบาปกรรมขึ้นมาแล้วจะด้วยสาเหตุใดก็ตามที ไม่ว่าจะเป็นการไม่เคารพสถานที่ ให้เกียรติผู้รักษาดูแล การแสดงเจตนาอันไม่บริสุทธิ์และคลุมเครือในหลายเรื่อง และอื่นๆ
    วาระสุดท้ายคง เปรียบไปเหมือนนิทานปรำปราของผมที่ขอให้ชื่อตอนว่า "สหายจอมอหังการ"
    .......กาลครั้งหนึ่งมีพระราชาผู้ทรงอานุภาพคนหนึ่ง มีมหาอุปราช เสนาอำมาตย์ และทหารคอยดูแลรักษาในเขตดินแดนของตน มาวันหนึ่งพระราชาไปประพาสข้างนอกจึงสั่งกำชับ มหาอุปราชและเสนาอำมาตย์ดูแลเมืองสั่งว่าห้ามผู้ใดมารุกล้ำ ให้ท่านมีอานุภาพใดๆ เทียบเท่าเราในขณะที่เราไม่อยู่ แต่ถ้าจะตัดสินสิ่งใดถ้าเกี่ยวข้องกับเราแล้วให้ท่านรอเรามาตัดสินใจเอง เวลานั้นมีสหายจอมอหังการเก่าแก่คนหนึ่งของราชาที่อยู่ในดินแดนอันไกลโพ้น ได้ออกล่าสัตว์และเผอิญไปจับได้อินทรีย์มรกตมาตัวหนึ่งมาได้ ก็คิดอยากนำไปถวายพระราชาเพื่อให้ทรงพอพระทัย และจะได้บำเหน็จรางวัลในความดีความชอบครั้งนี้ เนื่องจากในอดีตพระราชาเคยเปรยไว้กับตนว่า ถ้าท่านหาสิ่งของวิเศษหรือแปลกประหลาดอัศจรรย์มาให้เราได้ เราจะมอบรางวัลอันวิเศษให้กับท่าน แต่ในความจริงแล้วพระราชา ทรงมีสหายสนิทจำนวนมากและได้เคยตรัสลักษณะเดียวกันไว้กับสหายจำนวนมากเช่นกัน เพื่อรอดูว่าใครจะเป็นผู้เก่งกล้าสามารถ ดังนั้นเมื่อสหายพระราชาคิดถึงผลที่จะได้รับและสิ่งดีๆที่จะเกิดแก่ตน ถ้าราชาได้ทรงเห็น จึงควบม้าคู่ใจพร้อมองค์รักษ์ 31 นายที่รักษาตน เดินทางมาถึงเขตวังของพระราชา ในส่วนตัวแล้วสมัยก่อนสหายเคยเข้ามาหาราชาอยู่บ่อย และก็ไม่ค่อยจะสนใจใครเท่าไหร่นัก นอกจากเรื่องของตัวเอง ในใจคิดว่าตนนั้นเป็นคนสนิท แต่มาบัดนี้พระราชาไม่อยู่ และทหารที่เฝ้าประตู 8 นาย ไม่ยอมให้เข้าไป แม้สหายพระราชาจะบอกไปว่าเป็นคนสนิทของราชาก็ตามที แต่เนื่องจากทหารต้องฟังมหาอุปราชผู้รับสนองโองการพระราชา ที่สั่งให้ตรวจตราคนเข้าออกอย่างเข้มงวด ไม่เว้นผู้ใด จึงไม่ยินยอมไม่ว่าเหตุผลใด อนึ่ง ทหารวังได้อธิบายว่า พระราชาท่านเสด็จประพาส ท่านควรรอพระราชาเสด็จกลับมาก่อน หรือค่อยมาใหม่ก็ได้ ถ้าท่านอยากจะคุยก็ให้ไปพบมหาอุปราชดู ท่านต้องฟังเรา เพราะเราทำหน้าที่อยู่และไม่โกหกท่านหรอก ให้ใจเย็นๆก่อน สหายราชาฉุนมาก เนื่องจากเดินทางมาไกลแรมเดือน และไม่เชื่อในคำทหารวังที่เฝ้าประตู กลับมีอคติคิดว่า ทหารพวกนี้คงหวังเงินทองจากเรา หรือไม่ไอ้มหาอุปราชนั่นก็คงวางแผนคิดจับกุมเราไว้ และเอาความชอบครั้งนี้ไปเสียเอง แต่ยังไงเราก็ไม่ให้มันหรอก ถ้าเราเจอพระราชาได้พวกนี้ต้องได้รับโทษเป็นแน่ๆ จึงพยายามใช้คำพูดที่หลอกลวง และให้สินบนเพื่อเข้าไป แต่ทหารวังเหล่านั้นมีได้รับการฝึกฝนมาดี มีระเบียบวินัยและชื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง จึงไม่ยินยอมกับวิธีการต่างๆที่เสนอมา แต่อนิจจาด้วยความโมหะและโทสะเข้าครอบงำ สหายพระราชาคิดเสียงดังๆ ว่า ทหารวังเลวๆเหล่านี้กำเริบนัก ไม่ดีเท่าเรา เพราะเราเป็นถึงคนสนิทพระราชา เราจะทำอะไรคนย่อมเกรงใจและที่สำคัญเราหาสิ่งที่ราชาต้องการมาได้นี่นา มหาอุปราชนั่นคงไม่มีปัญญาทำอะไรเราได้ และถ้าเราจะต่อต้านมัน พระราชาคงไม่ว่ากระไร เพราะพระราชาได้สั่งกำชับให้เราเอาสิ่งวิเศษมาถวาย คิดดังนั้นจึงได้เงื้อมดาบเข้าไปฟันทหารที่เฝ้ารักษา 2 นาย ทำให้คนหนึ่งตายและอีกคนบาดเจ็บสาหัส และออกคำสั่งให้องค์รักษ์ 31 นายคุมสถานะการณ์ไว้ เพราะคิดว่ายังไงพระราชาน่าจะพอใจกับอินทรีย์มรกตมากกว่าชีวิตทหารวังพวกนี้ ทหารที่เหลือบางส่วนตั้งรับไว้บางส่วนรีบนำความไปบอกมหาอุปราชและเสนาอำมาตย์ที่รักษาเมืองอยู่ มหาอุปราชสั่งเสนาอำมาตย์จัดกำลังทหารเข้าประจันบานทันที เนื่องด้วยเหนือหัวของตนได้สั่งการไว้ และคำนั้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง บัดนี้มีผู้บังอาจมาทำลายความสงบเรียบร้อยนั้น โดยเข้ามาแบบผู้ปราศจากธรรมเนียมการไปมาหาสู่ที่ดี ไม่คิดแม้จะมาคุยหรือพูดจากับมหาอุปราชด้วยซ้ำ เสนาได้นำกำลังทหารกองพันหนึ่งเข้าปะทะกับสหายราชาผู้กำลังบ้าเลือดและเต็มไปด้วยความมืดบอดทางปัญญา การรบพุ่งเกิดขึ้นไม่นาน ผลปรากฏว่าฝ่ายทหารรักษาสามารถรักษาความเรียบร้อยไว้ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง ทรงอวยพรให้ทหารเหล่านั้นให้ทำหน้าที่ได้ดี ทำให้ทหารสามารถจับกุมสหายราชาพร้อมองครักษ์เหล่านั้นไว้ได้ และนำตัวมาให้มหาอุปราชตัดสิน มหาอุปราชนั้นในใจคิดว่า ทำไมสหายพระราชาผู้นี้ถึงไม่ทำตัวเองให้เหมาะสมกับความดี และเป็นผู้มีธรรมเนียมในการไปมาหาสู่ที่ดีกว่านี้ แต่เพื่อให้ราชาได้เป็นผู้ตัดสินเองจึงรอให้ราชาเสด็จกลับ กาลเวลาผ่านมาพระราชาได้เสด็จกลับมา มหาอุปราชและเหล่าเสนาอำมาตย์ทูลรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอด พระราชาทรงทราบก็พอพระทัยทรงปูนบำเหน็จให้ทหารทุกนายที่ทำหน้าที่รักษาเมืองอย่างเข้มแข็งในครั้งนั้น และทหารที่ตายไปได้รับการจัดงานศพเยี่ยงวีรบุรุษ ส่วนสหายพระราชาและองครักษ์ได้ถูกนำตัวมาสอบสวน และคาดโทษความผิดในฐานะบุกรุก และฆ่าทหารวังตายไป สหายพระราชาได้แก้ตัวว่า ที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะจงรักภักดีและทำตามที่พระราชาทรงเคยตรัสไว้ แต่ทหารวังมาขัดขวางและไม่รับฟังเหตุผลในการเข้าพบพระราชาของเขา รวมถึงเข้าใจและคิดว่าพระราชาไม่ได้สั่งการอะไรกับมหาอุปราชหรือทหารวังมาจริงๆ จึงกระทำไปโดยบันดาลโทสะ พระราชาก็ทรงฟังเหตุผลและทรงเข้าใจในความปรารถดีแต่ก็ได้อธิบายให้สหายผู้นั้นฟังว่า อันความชอบและความผิดนั้นคนล่ะส่วนกัน สำหรับความชอบครั้งนี้เสนาคลังจงเอาทรัพย์ 10 โกฏิ ให้แก่สหายของเราในฐานะที่นำอินทรีย์มรกตมามอบให้เรา แต่สำหรับความผิดที่ท่านกระทำลงไป คือ ท่านได้ฆ่าทหารที่ทำตามคำสั่งของเรา โดยที่ท่านไม่เห็นแก่คำสั่งของเราและความจงรักภักดีของเขาที่ต้องรักษาไว้ด้วยชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้พบเห็นท่านใช้อุบายต่างๆ เพื่อจะสินบนทหารของเราแต่ทำไม่สำเร็จ ตามธรรมเนียมที่ดีท่านมาที่เมืองเรา แต่ก่อนถ้าเราอยู่อาจไม่ว่ากระไร แต่ท่านไม่เคยทราบและเอาใจใส่ถึงธรรมเนียมของที่นี่ตอนเราไม่อยู่ ถ้าเราไม่อยู่ท่านควรเคารพเชื่อฟังคนของเรา และไม่ทำตามอำเภอใจ การคุยก็คุยด้วยกติกาของเมืองเรา ถ้าท่านไม่เข้าใจก็ควรถามคนดูแลให้ดี เพราะเราไว้ใจให้เขาเหล่านั้นดูแล เขาย่อมรู้กฏของที่นี่มีอำนาจดูแลและตัดสินใจได้ตามที่เราสั่งการไว้ แต่ดูท่านละเลยไม่สนใจ จะมาอ้างว่าสนิทกับเราไม่ได้ ถึงแม้ท่านจะอ้างในสิ่งต่างๆ แต่มันแลกกับชีวิตคนของเราคนหนึ่ง มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาชดเชยหรือทำให้เรามองข้ามได้ บัดนี้เราขอสั่งให้ท่านจำคุกตลอดชีวิตพร้อมองค์รักษ์ที่มาด้วยกันทั้งหมดในโทษฐานที่ร่วมบุกรุกวัง และฆ่าทหารวังตายไป และให้เอาทรัพย์สินที่เป็นรางวัลเข้าไปในคุกด้วยกัน ในข้อนี้พระราชาให้เหตุผลเพิ่มเติมในการให้คุณให้โทษไว้ว่า ที่ให้ทรัพย์สินนั้นไปเป็นเพียงความดีของสหายที่พระองค์ทรงเห็น ความจริงสหายควรได้มากกว่านี้ และไม่เกิดโทษใดๆ พร้อมการยกย่องสรรเสริญจากเรา แต่สหายเราเข้ามาแบบอุกอาจเกินไปไม่เคารพสถานที่และให้เกียรติคนของเราที่เราได้มอบหมายให้ดูแลเมืองไว้ ความจริงสหายเราควรเจรจาความให้ดีก่อน หรือถ้าเข้ามาไม่ได้จริงก็ควรจะรอให้เรากลับมาจริงๆ เสียก่อน กรรมที่ได้ก่อขึ้นนับว่าปราศจากสติ และได้พลาดพลั้งฆ่าทหารตายไปด้วยโทสะ ทำให้ทรัพย์ที่ได้เหลือแค่ 10 โกฏิ สำหรับโทษนั้นพระราชาตรัสว่าจริงๆแล้วชีวิตก็ควรแลกกับชีวิตแต่เนื่องด้วยกรรมดีในอดีตของสหายที่ได้ทำกับพระองค์ไว้มามาก มิใช่อินทรีย์ที่เขาหามาได้ และเหตุที่เกิดจากโมหะ โทสะที่ได้ครอบงำ เขาจึงควรไปชดใช้กรรมในคุกกับบริวารที่อาสามาช่วยเขาด้วย ส่วนทรัพย์ก็ให้นำไปไว้ในคุกด้วยกัน เพราะจะได้ให้สหายได้ไปพิจารณาระหว่างอยู่ในคุกว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้เกิดขึ้นจากสิ่งนี้ใช่หรือไม่ หรือเกิดจากจิตใต้สำนึกของเขาเอง และถ้าย้อนเวลากลับไปเขาจะเลือกทำสิ่งไหนก่อน ............แต่ถ้าผมเป็นสหายพระราชาท่านนี้คงไม่ทำเหมือนที่เล่ามา เพราะแทนที่อินทรีย์มรกตจะเกิดคุณค่าแก่สหายผู้นั้นอย่างเหลือล้น ถ้าเขาทำถูกต้องตามธรรมเนียมที่ดี และแสดงออกในความบริสุทธิ์ใจ เคารพในกติกาที่ดี ที่ถูกต้อง แต่อินทรีย์มรกตกลับกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับผลร้าย เนื่องจากอวิชชา หรือความมืดบอดภายในของตัวเอง จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นผู้กำหนด มิใช่ส่วนรวมหรือของใครมากำหนด สิ่งไหนที่คุณอนันต์มันก็มีโทษมหันต์เหมือนกัน เพราะหลักธรรมเป็นเรื่องของความจริง ถ้าความจริงถูกบิดเบือน ความไม่จริงก็จะมาแทนที่ ผลของมันก็เป็นเช่นนั้นเอง....
     
  7. มะม่วงสุก

    มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    ขอเพิ่มอีกหน่อยว่า.... องครักษ์ 31 นายของสหายพระราชา ตอนที่ผลร้ายมันไม่เกิดเขาเหล่านั้นไม่เคยรู้สึกถึงความเป็นไปหรือไม่ชอบมาพากลในการกระทำของสหายพระราชาผู้นำแต่อย่างใด แม้ทหารวังจะทักท้วงเขาก็ไม่เอะใจ เพราะเชื่อว่าผู้นำของตัวเองเป็นคนสนิทของพระราชาจริง ไปมาหาสู่อยู่บ่อยจริง และของวิเศษที่นำมาถวายก็ควรได้รับการปูนบำเหน็จอย่างงาม ซึ่งจะทำให้พวกเขาพลอยได้อานิสงค์รางวัลไปด้วย ดังนั้นสหายพระราชาคงไม่กล้าทำสิ่งใดที่ผิดและเกิดผลร้ายได้ แต่พวกเขาลืมไปว่า พวกเขาไม่เคยมาศึกษาและสัมผัสความเป็นไปของเมืองนี้ และไม่เคยมาคุยกับพระราชาจริง และรู้จักถึงสิ่งที่เป็นธรรมเนียมของเมือง หรือรู้จักกับมหาอุปราชว่าคนเป็นอย่างไร แต่ตัดสินทุกอย่างจากคำพูดของสหายพระราชาเพียงผู้เดียว ดังนั้น กฏโลกกับกฏธรรมก็ให้ผลร้ายเสมือนกัน กรรมจึงเนื่องมาจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของสหายพระราชาผู้นำของพวกเขาเอง....
     
  8. vachiravute

    vachiravute Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +73
    วัดที่ถูกต้องตามกฏหมาย กับวัดที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย กฏหมายคือเครื่องชี้ความเป็นวัด แต่กฎธรรมเป็นอีกอย่าง ดูภายนอกไม่พอภายในก็ต้องใช้ควบคู่กันไปถึงจะตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ได้ยินว่าหลวงปู่ทองทิพย์ท่านเป็นผู้สร้างวัดนี้มิใช่หรือดินแดนแห่งนี้ยังคงต้องสงสัยว่าเป็นวัดหรือไม่เป็นวัดอีกหรือ ชื่อสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรนี้ท่านก็เป็นผู้อนุญาตให้ใช้ในนามวัดนี่นา แสดงว่าบัดนี้มีผู้ไม่ศรัทธาและเคารพสิ่งที่หลวงปู่ได้สร้างไว้หรือ พระภิกษุท่านใดจะอยู่ที่ใดของโลกก็แล้วแต่ถ้าไม่ได้ดูแลหรือทะนุบำรุงในอารามวัดที่ๆหนึ่งมา วันหนึ่งได้กลับเข้าไปวัดที่นั้นอีกก็ต้องไปนั่งคุยกันเจ้าอาวาสเขา หรือผู้ดูแลสถานที่นั้นอยู่ดี ผลจะเป็นอย่างไรไม่ใช่กิจของโยมที่จะมาชี้ว่าสิ่งนั้นหลวงพ่อพูดถูกนะ เพราะผมเคยเห็นภายในเหมือนกัน หลวงพี่นี่คงไม่ถูกเพราะผมไม่ได้เห็นภายในแบบนั้น หรือมานั่งชี้เป็นพระราชาว่าตอนนี้พระเหล่านี้กำลังแย้งกันเรื่องตำแหน่งนะ อีกฝ่ายเขาเคยเห็นภายในพระครูเทพโลกอุดรด้วย อีกฝ่ายมันไม่ฟังความคิดเห็นใครเลย แต่ไว้ผมเสด็จกิจของผมแล้วพวกท่านทะเลาะกันเสร็จก็จะไปช่วย แสดงออกกันมาเพื่อสิ่งใด ศีลธรรมแบบนี้เป็นศีลธรรมของคนดีหรือ บุญแบบไหนกัน ทำไมถึงไม่สะดวก ทำไมไม่ลงตัว ทำไมไม่เห็นเหมือนกัน สร้างความแตกแยกไปมาอยู่อย่างนี้ หรือเขามาสร้างประเด็นใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบสิ่งที่คนสงสัยก็น่าคิด สมัยนี้ทำบุญกันก็คงพากันลงนรกไปหมดสิ้น หรือเห็นกงจักรเป็นดอกบัวด้วยกรรมของตนเอง ทั้งยังจะพาหมู่คณะผู้ร่วมสนับสนุนไปลงนรกกันหมด เนื่องด้วยบุพกรรมอันเป็นตัวสนับสนุนซึ่งกัน การสร้างวิหารทาน ทำพระล้วนเป็นบุญทั้งสิ้นแต่องค์ประกอบบุญนั้นมันสมบูรณ์จริงแล้วหรือ เป็นบุญอย่างไร ทำแล้วเกิดสิ่งใดตามมา คนที่ทำบุญมันก็หวังบุญกันทั้งนั้น บางคนไม่หวังนี่สิก็ยังได้เลย ยกเว้นพวกทำไว้อธิษฐานบารมีก็ว่าไป แต่การที่นำมาขยายความกันครั้งนี้ดูแล้วทำให้มองได้ว่าทำไมยังดื้อที่จะมามาถวายกันที่นี่อีกหล่ะ จะมีประโยชน์อะไร วัดทั่วประเทศก็มีที่ให้มากมาย จะมาโต้กันทำไม ทำไมไม่ไปถวายกันในวัดที่เขาอนุญาตให้ทำได้ หรือรับฟังความเห็นกันก่อนทำล่ะ แล้วเรื่องม้าอีก ก็เขาบอกว่ายังไม่ได้ไปพูดจาบอกกล่าวเล่าสิบใดๆอะไรด้วยซ้ำ ก็ยังตะบี้ตะบันทำกันไป อีกพวกก็ไม่ได้ศึกษาความเป็นมาเป็นไปให้ดี ไม่รู้จริงๆใครมีหน้าที่อะไร ก็เชื่อกันสนับสนุนกัน เพื่ออะไร เพื่อบุญหรือ?
     
  9. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    ไม่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นาน เรื่องเดิมๆวกไปวนมา

    "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"

    โลกนี้วุ่นวายหนอ โลกนี้วุ่นวายหนอ

    ขอสันติสุขสันติธรรมจงมีในใจทุกๆท่าน
     
  10. มะม่วงสุก

    มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    (f) อ้าวคุณวิสุทธิเทพ ท่านลงมาโปรดเพื่อนมนุษย์แล้ว แหมท่านก็เห็นนั่งท่าเดิมอยู่ข้างบนตั้งนาน ไม่ลงมาซักที นึกว่าเข้านิโรธสมาบัติอยู่ซะอีก ก็คิดถึงคุณอยู่นะ ผมงี้ถามไปหลายรอบจนคิดว่าท่านจะไม่ลงมาตอบแล้วซะอีก ถ้ามาแล้วก็อย่าเสียเวลาเลยครับท่าน ตอบให้ชาวบ้านอย่างผมได้หายสงสัยซักทีสิครับ ผมก็วกไปวนมาแบบนี้หล่ะครับ ก็ท่านเล่นเลี่ยงไปเลี่ยงมาเองนี่นา มันอยากรู้นี่นา ตอบได้เคลีย์รับรองผมจะช่วยท่านโปรโมทงานนี้ด้วยคนนะ ผมก็อยากได้อภิมหาอมตะโคตรบุญครั้งนี้เหมือนกันนา.....

    :cool:
     
  11. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    คุณมะม่วงสุก คุณก็พูดเกินไปนะเข้านิโรธสมาบัติ อยู่ข้างบน ลงมาโปรดสรรพสัตว์ ผมมันแค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาเดินดิน ไม่ได้มีความรู้อะไรมาก เรื่องราวการสร้างพระเจ้า 5 พระองค์ ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา มีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มีคนเคารพไม่เคารพ

    มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ก็ด้วยเหตุคืออวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรมและวิบากแห่งกรรม ตามท่านว่านะครับ ถ้าเรามัวแต่จะหาความถูกผิดของตนและคนอื่นอยู่ ส่วนตัวผมว่า มันเสียเวลาเปล่า ตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำไมไม่พยายามค้นหาตนเองให้พบดีกว่านะครับ

    ผมเป็นคนชอบทำบุญ พยายามลด ละ กิเลส อันมีในตนให้มากที่สุด เห็นคนประกาศร่วมทำบุญก็สนับสนุนเท่านั้น บางทีปัญญาในการพิจารณาบุญครั้งนี้ไม่เท่าท่านอื่น ทำบุญเพราะอยากทำบุญเท่านั้น ไม่ได้หวังอะไรเลย

    ในที่นี่ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้แต่อย่างใด ศรัทธา ความเชื่อเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล พระจะดีไม่ดี พระจะเก่งไม่เก่ง ไม่ได้อยู่ที่เรามนุษย์ปุถุชน ผู้ยังเสพกามอยู่เป็นคนตัดสิน ให้การกระทำท่านเองเป็นสิ่งที่พิสูจน์ดีกว่า อีกอย่างการไปตำหนิคนอื่นนั้น ก็ไม่ใช่วิสัยของศิษย์ของพระพุทธองค์ ท่านสอนให้มองตนเอง เอาความผิดของคนอื่นมาสอนตนว่า อย่าทำเหมือนคนนั้นก็แล้วกัน

    โลกนี้ไม่มีใครดีใครชั่วไปกว่ากัน เท่าๆกัน ต่างกันแต่ว่า ใครมีสติ มีศีล สมาธิ ปัญญา ควบคุนตน ควบคุมจิตไม่ให้ประพฤติอกุศล ไม่ฟุ้งซ่าน ดำเนินตามคลองแห่งความหลุดพ้น เท่านั้นใครทำได้มากก็เป็นคนดี ที่หลายคนคิดว่าคือคนดี ใครทำได้น้อยเป็นทาสกิเลส ก็คือคนชั่ว

    โลกนี้ ใครมีความมีเห็น ความเชื่อเหมือนตนก็ถือว่า คนๆนี้ น่าคบหา ใครมีความเห็น ความเชื่อไม่เหมือนตน ไม่น่าคบหา ทำผิดไปหมด ทั้งสองอย่างก็ยังผิดอยู่ เพราะยังมีอคติอยู่ ไม่เป็นกลาง ไม่มีใจเสมอไปในสัตว์ทั้งปวง ยังแยกแยะหมู่พวกหมู่เหล่าอยู่

    ขอให้ทุกท่านพิจารณา พิจารณาตนให้ถ่องแท้ พิจารณาคนอื่นให้ทุกแง่มุม ด้วยวิจารณญาณของท่านเองด้วยปัญญาอันประกอบด้วยธรรม ไม่มีอคติ จะได้ไม่ทุกข์กัน และพบคำตอบแน่นอน

    ขอให้คุณมะม่วงสุก รวมทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการสร้างพระเจ้า 5 พระองค์ครั้งนี้ จงได้พบความสันติสุข สันติธรรมอันแท้จริง สาธุ สาธุ
     
  12. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    ก่อนอื่นหวัดดีทุกท่านนะครับ ขออนุญาตพี่หนุ่ย(Aunyasit), พี่ต้น(ฐตธนวัฒน์) คนนี้ผมไม่รู้จัก , พี่กบ , พี่สุ , พี่หมึกฯลฯ ที่ผมพิมพ์ความเป็นมาของวัดมานี้ก็ให้ทุกคนในเว็บได้อ่านด้วยจะได้เข้าใจที่มาและเรื่องราวปัญหาพอประมาณ<O:p</O:p
    ก็ดูแล้วไม่สบายใจอยู่มาก ไม่ใช่เรื่องสร้างพระหรอกครับ วันนี้ผมจะไม่กล่าวเรืองสร้างพระ แต่เป็นเรื่องคนมากกว่า<O:p</O:p
    ... เพราะผมคลุกคลีกับวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรนี้มาตลอด จึงเป็นห่วงไม่อยากให้ใครมาใช้อิทธิพลกับวัด และพระวัดนี้<O:p</O:p
    <O:p
    ด้วยวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร หมู่ ๘ บ้านฝายแตก ต.สีกาย อ.เมือง จ.หนองคาย นั้น ยังมิได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และไม่มีเอกสารสำคัญ ว่าเป็นวัด หรือสำนักสงฆ์แต่อย่างใด จึงเป็นเพียงที่พำนักอาศัยของพระภิกษุ และของโยมอุปัฏฐาก หรือผู้สัญจร ไม่มีรายได้ประจำ และเป็นวัดเก่าแก่มานาน จากนั้นในปี พ.ศ.๒๕๐๐ หลวงปู่ทองคำศรี รัตนะโคตร(หลวงพ่อทองทิพย์ พุทธปัญโย) และครอบครัวบิดามารดาของนางตุ่ย สิงห์คำ กับกลุ่มคณะโยมอุปัฏฐากได้เป็นผู้เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่แห่งนี้ สร้างเป็นที่พำนักตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และมีการก่อสร้างสิ่งสักการบูชา หรือ สาธารณูปโภคต่าง ๆ ในที่แห่งนี้ ทั้งไม่เคยมีการขายวัตถุมงคลหรือตั้งตู้บริจาค ปัจจัยต่าง ๆ ก็ได้จากที่ญาติโยมนำมาถวายพระสงฆ์หรือถวายวัดโดยตรง แล้วจากนั้นชาวบ้าน ก็เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่บ้าง ปลูกสร้างเป็นบ้านพักอาศัย โดยไม่มีโฉนดที่ดินเช่นกัน ดังนั้นในทางกฎหมาย วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรจึงมีฐานะเป็นที่พำนักของพระภิกษุ กับเป็นบ้านของโยมอุปัฏฐาก ซึ่งมิได้เป็นนิติบุคคล แต่เป็นที่ส่วนบุคคล จึงไม่ต่างกับบ้านผู้คนในละแวกนี้เลย บางทีก็กล่าวได้ว่าเป็นที่พำนักปฏิบัติส่วนบุคคลตั้งแต่หลวงปู่อยู่มา เป็นบ้านคนด้วย(บ้านแม่ตุ่ย)<O:p</O:p
    หลวงปู่ทองคำศรี รัตนโคตร ได้พำนักอยู่สถานที่นี้มาตลอด จนกระทั่งได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๔๔ ในกุฏิของพระสุวิทยา จันตะธัมโม ซึ่งก่อนที่ท่าน จะมรณภาพนั้น ได้สั่งเสีย กับพระภิกษุในวัด โยมอุปัฏฐาก และคณะลูกศิษย์ โดยให้เก็บรักษาสังขารร่างกายของท่านไว้ให้ดี ให้พันสังขารของ ท่านด้วยจีวรผ้าไหมที่เตรียมเอาไว้ ไม่ให้ ฉีดยา และไม่ให้ทำการฌาปนกิจศพของท่านแต่อย่างใด โดยให้เก็บรักษาสังขารของท่านไว้ในวัดป่าสีดาฯ ณ ตำแหน่งที่ท่านได้ละสังขาร และไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสังขารของท่านโดยเด็ดขาด และห้ามเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ รวมทั้งทรัพย์สินภายในเขตกุฏิที่ปฏิบัติธรรมของท่าน โดยมอบหมายให้ พระสุวิทยา จันตะธัมโม พระภิกษุวัดป่าสีดา ฯ, และคณะลูกศิษย์ จัดสร้างเจดีย์ครอบกุฏิที่ท่านเคยพำนักอาศัย

    ให้เป็นที่สักการะบูชาต่อไป โดยตราบจนปัจจุบัน สังขารของหลวงพ่อทองคำศรี ฯ ยังคงเก็บรักษาใส่โลงแก้วปรับอากาศไว้ในกุฏิของพระสุวิทยาฯ ตรงตำแหน่งที่ละสังขารดังเดิม มีการสรงสังขาร ด้วยหัวน้ำหอมทุกปี แล้วพระสุวิทยา ฯ ก็เป็นประธานสงฆ์ดูแลกิจกรรมต่าง ๆ ทางพุทธศาสนาในวัดป่าสีดาฯ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยปัจจัยที่ใช้จ่าย ก็เป็นเงินของพระสุวิทยา ฯ เอง หรือได้จากที่ลูกศิษย์ผู้ศรัทธา ผู้ทำบุญ นำมาถวายท่านโดยตรง


    ที่อยากบอก<O:p</O:p


    ตั้งแต่ปี ๔๔ ที่หลวงปู่มรณภาพ ก็เริ่มมีกลุ่มคนจากภายนอกวัดเข้ามาวุ่นวายวัด ทั้งต่อศพของท่านด้วย มีทั้งคนผ้าเหลือง และผ้าสี หลายกลุ่ม แต่ก่อนมีพระ ๑๖-๑๗ รูป วันนี้มี ๕ รูป รายละเอียดผมไม่ขอกล่าวในที่นี่ วันนี้ เอาเป็นว่ามาใช้อิทธิพลไม่ดีกับที่นี่ก็แล้วกัน

    บัดนี้ คนที่มาทำไม่ดี ทั้งตาย(ด้วยกรรมนี้) และบ้า ไปแล้วหลายราย และกฎแห่งกรรมในทางโลกที่ปรากฏไปแล้ว คือ มีการที่คนไม่ดีคนหนึ่งต้องถูกตัดสินให้จำคุกไปแล้ว ตอนนี้ก็กำลังดิ้นรนประกันตัวอยู่ และพิษบาปนั้นกำลังคืบคลานไปยังคนเหล่านั้นอีกไม่หยุด รายละเอียดเหล่านี้อีกมากพี่ผู้พันอัญญาสิทธิ์ไม่รู้หรอก เพราะผมไม่ได้บอก
    เพราะคนที่บอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่คนนอก คนไกล หลายคน คิดกันว่าศพพระมหาโพธิสัตว์บารมีสูงระดับนี้ เราๆ ไม่ต้องกังวลหรอก เทวดาเค้ารักษาให้ได้อยู่แล้ว แต่ผมว่าพวกนั้นคิดผิดมาก ผมไม่เชื่อว่าเทวดา หรือผู้มีฤทธิ์หน้าไหนจะมาช่วยรักษาศพหลวงปู่ให้ หรือรักษาวัดนี้หรอก หากมนุษย์ไม่มีมานะพากเพียรแสดงออกให้ท่านเห็นอย่างเต็มที่ก่อน ปัญหาเป็นร้อยที่พวกเราช่วยกันแก้ แต่วันดีคืนดี คนอื่นมาให้นโยบายจังเลย วัดเราเบื่อคนที่พูดแต่นโยบาย ท่าดีทีเหลว ... ๕ ปีมานี้ที่หลวงปู่มรณภาพไป ท่านผู้ออกนโยบายเก่งๆ นั้น ว่าวัดควรเป็นอย่างนั้น ควรทำอย่างนี้ ไม่เคยมาช่วยอะไรเลย ดีก็ชมกันไป แต่ถ้าเราพลาดก็มีแต่เหยียบย่ำ เราเคยเหนื่อยมามากแทบพลิกแผ่นดิน ผู้มีอำนาจในกฏหมายบ้านเมืองทุกที่ในแผ่นดินไทยที่เราเคยไปหา ไม่เคยได้ผล จนต้องช่วยตัวเอง แล้วบัดนี้มันแก้ปัญหาให้ศพหลวงปู่ ให้วัดที่เราศรัทธาได้ถูกจุดแล้ว เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ชาวโลกและเทวดาก็คงเห็นใจบ้างแล้ว อาการเหนื่อยกลับเป็นปิติที่ทำดีให้ศาสนาได้
    เรื่องใครจะสร้างพระสร้างอะไรมันไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ปัญหามันอยู่ที่ ลูกศิษย์เก่าๆ ที่ไม่ค่อยมาวัดแล้วไปเชื่อสิ่งอื่น แล้วมีความกว้างขวางในสังคมพอสมควร ไม่เห็นหัวครูบาอาจารย์หลวงพ่อตู่ที่วัด แม้กระทั่งหลวงปู่ หลายคนเดินทางผ่านวัดไปหาพระอื่นเฉยเลย อันนี้เรารู้กันในบรรดาลูกศิษย์มานานแล้วว่าหากเรามาหนองคายแล้วไม่ติดกิจจำเป็นจริงๆ ที่แรกที่จะมาคือมาสักการะหลวงปู่ก่อน แต่บัดนี้ คนเปลี่ยนไปมาก จากอันดับแรกเป็นอันดับรอง <O:p</O:p
    ท้ายนี้... อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าวัดนี้ไม่ใช่นิติบุคคลตามกฎหมาย ไม่ใช่วัดที่ใครๆ จะมาวุ่นวายได้เหมือนวัดอื่น ผู้คนเขารู้พิษของการมาใช้อิทธิพลกันแล้ว ครั้งหนึ่งหลวงพ่อมหาศรีจันทร์ พระศักดิ์สิทธิ์ในหนองคายที่คุ้นเคยกับหลวงปู่เคยกล่าวไว้ก่อนมรณภาพพอมีใจความว่า
     
  13. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    สวัสดีปีใหม่ครับ ทุก ๆ ท่าน.
     
  14. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หวัดดีปีใหม่ทุกท่านครับ ขอให้สมปรารถนากันทุกท่านนะครับ

    หวัดดี...อบ

    เรื่องวัดป่าสีดาฯนั้น อบแม้จะรู้เยอะก็จริง แต่ก็มีหลายอย่างที่ถูกปกปิดมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าทุกคนนำเอาคำของหลวงปู่ทองทิพย์มาประพฤติปฏิบัติตามที่ท่านบอกกล่าวไว้ครบถ้วนทุกประการ บางทีปัญหาหลายอย่างจะไม่เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันนี้ ก็ถือว่าเป็นวิบากกรรมที่สร้างมาแต่อดีต

    สำหรับสิ่งที่อบเขียนเล่ามานั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามนั้น แต่สิ่งที่อบไม่รู้ก็มีอีกมาก เกี่ยวกับเรื่องราวภายในวัดฯ ลองไปศึกษาลึกๆว่าก่อนหลวงปู่ท่านละสังขาร ท่านสั่งเสียอะไรไว้กับใครบ้าง และสั่งเสียให้ใครทำอะไร มีแค่ที่เราได้ยินได้ฟังจากพระในวัดฯมาแค่นั้นหรือเปล่า ลองไปศึกษาดูว่าเหตุอะไรที่ทำให้ "คม" หลานแม่ตุ๋ยน้อยอกน้อยใจก่อนหลวงปู่ท่านละสังขาร และมีพระสงฆ์รูปไหนที่หลวงปู่ท่านเอ่ยปากให้ตายแทน แต่ท่านก็ปัญญาไม่ทันเลยไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด กว่าจะรู้ทันมาแต่งขันธ์รับขอตายแทนหลวงปู่ ก็สายไปแล้ว หลวงปู่ท่านรับขันธ์นิมนต์ของเบื้องบนไปแล้ว

    นอกจากนี้ก่อนมรณภาพหลวงปู่ท่านมอบหน้าที่การดูแลวัดป่าสีดาฯให้กับพระสงฆ์ลูกศิษย์ท่านรูปหนึ่งด้วย ว่างๆอบลองไปคุยกับแม่ตุ๋ย ถามแม่ตุ๋ยตรงๆว่าก่อนมรณภาพหลวงปู่ได้สั่งเสียกับใครๆไว้ตามที่พี่บอกหรือเปล่า แต่พี่ก็เข้าใจว่าทำไมแม่ตุ๋ยไม่พูดถึงเรื่องนี้ หากนำองค์ประกอบต่างๆมาพิจารณาก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยากและหลวงปู่ท่านฝากให้พระสงฆ์ที่ทำหน้าที่ให้ดูแลวัด ช่วยดูแลแม่ตุ๋ยกับเณรคิดด้วย

    เรื่องการใช้อิทธิพลของคนนอกวัดนั้น ก็มีอยู่กลุ่มเดียวนั่นแหละ ส่วนคนที่เขาศรัทธาในองค์หลวงปู่เขาก็คิดจะไปสร้างเสริมให้วัดกันทั้งนั้น แต่เขาไม่ศรัทธาในผู้ที่นำทำนำสร้าง เขาก็เลยไม่ไปช่วย เหตุประการสำคัญก็คือหลายๆคนเขารู้ดีว่าหลวงปู่ท่านสั่งเสียไว้ว่าให้ใครเป็นผู้ดูแลวัดต่อไป เมื่อมีเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องสังขารหลวงปู่เกิดขึ้นและพวกเราเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาจนสุดท้ายพระสงฆ์ที่ปู่ท่านสั่งเสียให้ดูแลวัดจึงไม่ได้มาทำหน้าที่และท่านเองก็ไม่ต้องการที่จะเป็นเจ้าอาวาสแต่อย่างใด ท่านต้องการให้เป็นเหมือนมีหลวงปู่อยู่ตลอดที่พระสงฆ์ต่างคนต่างปฏิบัติเป็นของตนเองและมีหลวงปู่เป็นศูนย์กลางแห่งความศรัทธา และเท่าที่พี่ศึกษาดู พระสงฆ์ที่หลวงปู่ท่านมอบหน้าที่ให้ดูแลวัดท่านก็ไม่มีมลทินใดๆ บางครั้งก็มาพิจารณาว่าความรู้จัก สนิทสนมก็สร้างอคติให้ตนเองในการเข้าข้างตัวบุคคลได้โดยง่าย แต่พี่มารับรู้เรื่องที่หลวงปู่ท่านมอบหน้าที่ให้พระสงฆ์ดูแลวัดช้าไปหน่อย หากว่าทราบเรื่องตั้งแต่ตอนต้นคงจะหาทางให้การดำเนินการของวัดเป็นไปตามเจตนารมย์ของหลวงปู่มากกว่านี้ เห็นไหมว่าเราพลาดกันตรงนี้ ที่ไม่ไปพูดคุยปรึกษาหารือกับพระสงฆ์ลูกศิษย์หลวงปู่ โดยเฉพาะผู้ที่รู้เจตนารมย์ของหลวงปู่ในเรื่องของบุคคลผู้ทำหน้าที่ดูแลวัดจึงทำให้เจตนารมย์ของหลวงปู่ในเรื่องนี้เสียไปและเมื่อมาถึง ณ วันนี้พี่คงจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ รอให้กาลเวลาทำงานของเขาเอง พี่จะทำในสิ่งที่หลวงปู่ท่านมอบหน้าที่มาให้เท่านั้น

    อบไปศึกษาว่า ณ เวลาที่หลวงปู่ท่านมรณภาพ จริงๆพระสงฆ์รูปใดอยู่กับท่านและใครนอนหลับอยู่ใต้ต้นมะม่วง เมื่อหลวงปู่ท่านสิ้นแล้ว ก็มีพระสงฆ์ไปปลุกให้ตื่น คำพูดจากปากหลวงปู่ก่อนลมหายใจสุดท้ายน่ะมีความหมายมาก ลองไปศึกษาดู

    เรื่องที่อบบอกว่า "หลวงปู่ท่านมรณภาพในในกุฏิของพระสุวิทยา จันตะธัมโม" นั้นไปพิจารณาดูใหม่นะ ลองนึกย้อนไปดูว่าในสมัยที่หลวงปู่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ณ ตำแหน่งนั้นเป็นอะไรและหลังจากท่านมรณภาพแล้วมีอะไรที่สร้างเสริมขึ้นมาใหม่ ถ้าจะบอกอะไรแก่สาธารณะต้องสื่อให้ตรงกับที่เป็นจริงให้มากที่สุด

    สำหรับเรื่องเกี่ยวกับบุคคลที่เขาต้องรับกรรมที่เขาทำนั้น ก็ถือว่าเป็นกรรมของเขาเองที่เขาทำไม่ดีกับวัดวากับศาสนา พี่จะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ และก็ไม่คิดว่าเหตุที่คนเขาติดคุกหรือมีอันเป็นไปนั้นอันเนื่องมาจากมาเอาของวัดไปนั้นเป็นผลมาจากการดำเนินการของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะคิดว่าหากใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนติดคุก ติดตารางก็ถือว่าก็มีกรรมผูกพันธ์กันไปต่ออีกและก็ไม่สอดคล้องกับคำสอนของหลวงปู่ที่ท่านสอนให้ใช้ปัญญา ให้อภัยและเมตตา ท่านบอกว่าใช้ได้แม้กระทั่งกับพวกมาร หลวงปู่ท่านก็สอนให้อภัย ให้เมตตาเพราะท่านบอกว่าเมตตานั้นเป็นสิ่งที่สูงสุดแล้ว

    สำหรับพี่ๆหลายๆคนที่เขาไม่แวะเวียนไปวัดนั้นเพราะเขาเลือกที่จะศรัทธาได้ เป็นสิทธิ์ของเขา ตอนหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่เขาศรัทธาหลวงปู่เขาก็มาบ่อย เมื่อหลวงปู่จากไปหากเขาไม่ศรัทธาผู้ที่อยู่ต่อจากหลวงปู่เขาก็ไม่มา แต่มิได้หมายความว่าเขามีศรัทธาในหลวงปู่ทองทิพย์ลดลงแต่อย่างใด อะไรที่หลวงปู่ท่านสั่งไว้เขาก็ทำตามกันทุกคน อย่างพี่เองหลวงปู่ท่านสั่งให้สร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ให้เสร็จโดยเร็ว และท่านก็บอกไว้ด้วยว่าพี่จะทำได้สำเร็จ แม้พระสงฆ์ในวัดบอกว่าการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์จะมีปัญหาและจะไม่รับพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ให้ พี่ก็ไม่ได้สนใจในประเด็นนี้เพราะว่าพี่เชื่อในสัจจะของปู่ว่า "หนึ่งไม่มีสอง" และพี่เองก็ไม่ได้ไปศรัทธาใครอื่นมากกว่าหลวงปู่ หากพี่ไปศรัทธาในผู้อื่นมากกว่า ก็คงจะไม่มีการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ถวายหลวงปู่ อย่างไรก็ตามหากว่าเราไปพบเจอครูบาอาจารย์ที่ท่านมีสัญญลักษณ์มหาบุรุษ ที่มีฝ่าเท้านิ่ม เรียบเสมอและมีกงจักร ใกล้เคียงกับที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านมี นั้น ตามที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้ก็นับว่า ถือว่าเป็นโชคเป็นวาสนาอย่างหนึ่งเช่นกัน สำหรับที่จะเป็นเนื้อนาบุญของโลก หลวงปู่ท่านเคยบอกพี่ว่าไม่ควรปรามาส พลาดพลั้งผู้ที่ท่านมีสัญญลักษณ์ดังกล่าวติดตัวมาแม้แต่ครั้งเดียว

    อบเองลองพิจารณาว่าหลวงปู่ท่านสั่งอะไรไว้กับตัวเอง และสัจจะอะไรกับท่านไว้ และได้ทำตามตามนั้นครบถ้วนแล้วหรือยัง

    ศรัทธาทั้งหลายนั้นต้องประกอบด้วยปัญญาด้วย หลวงปู่ท่านล้ำลึกมากๆ แม้แต่คำที่ท่านกล่าวไว้ว่า "ต่อไปคนไกลจะได้อยู่ใกล้ คนใกล้จะได้อยู่ไกล" นั้นไม่ได้หมายถึงญาติของท่านบางคนเท่านั้น แต่รวมถึงสานุศิษย์ทุกๆคนที่เคยอยู่ใกล้ๆหลวงปู่และสานุศิษย์ท่านที่ปฏิบัติอยู่ไกลด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกเรา ดังนั้นจึงต้องรอกาลเวลาที่จะพิสูจน์สัจธรรมของท่านกันต่อไป คาดว่าภายใน 1 ปีข้างหน้าจะปรากฏชัดมากกว่านี้อีก

    และพี่ขอฝากว่า ในการทำบารมีนั้นใครทำใครได้ ใครทำไปบ่นไปบารมีที่ทำนั้นก็จะถูกลดอานิสงส์ลงเรื่อยๆ เมื่อหลวงปู่ท่านมอบเนื้อนาบุญพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ให้พี่ทำเพื่อให้สิทธิ์ในการนำพาหมู่และคณะไปในกาลของพระศรีฯ พี่ก็ต้องรีบขวนขวายทำให้เสร็จครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2007
  15. ดาวมงคล

    ดาวมงคล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +75
    สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ วันนี้(1 มค )เพิ่งกลับมาจากวัดป่าสีดาฯ (29-31 ธค.)ไปช่วยทำงานและกราบขอพรปีใหม่ครูบาอาจารย์มา(ฝากบุญกุศลมาเผื่อทุกคนที่อยากไปแต่ไม่มีโอกาสได้ไปครับ) และที่ไปครั้งนี้มีโอกาสดีได้ร่วมถวายโต๊ะธรรมมาสและปัจจัยที่พี่ศักดาและน้องศักดิ์สิทธิ์นำมาถวายบูชาที่วัดครับ คาดว่าบุญพะเวสที่จะถึงนี้คงได้ใช้สำหรับพระเทศน์สวดขออนุโมทนาบุญกุศลครับ ก่อนอื่นผมขอเล่าอะไรสักนิด ส่วนตัวแล้วธรรมะที่เกิดขึ้นกับตัวเองนอกจากศึกษาจากครูบาอาจารย์แล้ว ยังชอบสังเกตเรื่องรอบตัวในแบบธรรมะด้วยครับ พอดีมาเล่าเรื่องเก็บตก ระหว่างทำงานที่วัดป่าสีดาฯ ก็มีลูกศิษย์เก่าและใหม่มาเคารพสังขารหลวงปู่ทองทิพย์ที่วัดหลายกลุ่ม (ที่เห็นมี 3 กลุ่ม) กลุ่มแรกมาเป็นครอบครัว(ไม่ขอเอ่ยนามครับ)ผู้นำครอบครัวเป็นผู้ที่มีความเพียรในอดีตสมัยหลวงปู่อยู่ หลวงปู่มอบหมายให้ไปทำสิ่งใดก็มีความเพียรทำจนลุล่วง รู้เห็นสิ่งต่างๆ เยอะ เขาเชื่อว่าตนเองเป็นรัชกาลที่ 5 มาเกิด(อันนี้คนรู้กันทั่วไป) ใส่แหวน 10 นิ้ว และสร้อยสังวาลอะไรๆเต็มตัวไปหมด แม้แต่ข้อเท้าก็ไม่เว้น เวลาท่านมาถึงวัดท่านก็มาเยี่ยมแม่ตุ่ย แล้วก็แต่งขันธ์ 5 ไปเคารพสังขารหลวงปู่ เสร็จแล้วก็ทักทายหลวงพ่อตู่แล้วก็กลับ กลุ่มที่ 2 มาเป็นครอบครัวเข้ามากราบสังขารหลวงปู่ มาขอพรปีใหม่ กลุ่มนี้แม่ตุ่ยพาแต่งขันธ์ 5 แล้ว เข้าไปกราบหลวงพ่อตู่ในวิหาร เสร็จแล้วก็เข้าไปกราบสังขารหลวงปู่ทองทิพย์ด้านใน กลุ่มที่ 3 มาเป็นหมู่คณะ ในอดีตสมัยปู่ของคนกลุ่มนี้ท่านมาปฏิบัติกับหลวงปู่ทองทิพย์ รู้เห็นสิ่งต่างๆเยอะ อายุท่านร้อยกว่าปี และท่านก็สืบทอดต่อมาถึงลูกหลาน กลุ่มนี้คณะเข้ามาที่วัดก็แต่งขันธ์ 5 แล้วเข้าไปกราบหลวงพ่อตู่ในวิหาร คนในคณะเรียกหลวงพ่อตู่ว่า " หลวงปู่ " เสร็จแล้วก็เข้าไปกราบสังขารหลวงปู่ทองทิพย์ด้านใน แล้วกลับออกมาสนทนาเรื่องราวทั่วไปต่อ เช่น เรื่องปัญหาหรือคดีความต่างๆที่มีปัญหา แล้วก็พากันลากลับ ที่ผมเล่ามาได้สังเกตเห็นความเหมือนและแตกต่างของหลายๆกลุ่มต่างบ้างหรือเปล่าครับ นี่แหล่ะครับปัญหาหนึ่งที่แก้ไม่ได้จริงๆ ของวัดนี้(ซึ่งไม่ใช่วัดที่ต้องแก้ไข)ในเรื่องการรู้เห็นในสิ่งต่างๆ ของลูกศิษย์ ครองวัดที่ถูกต้องสมควรเป็นอย่างไร ต่างยุคต่างสมัยกัน ที่วัดนี้มีเรื่องราวให้ศึกษาเยอะครับ ตั้งแต่สมัยหลวงปู่จนมาถึงหลวงพ่อตู่ ตัวผมเองนั้นจะตัดสินว่าใครจริงใครเท็จ ใครถูกใครผิดง่ายๆ ไม่ได้ครับ ต้องดูกันให้ครบทุกด้าน ที่นี่ดูยากครับ(สำหรับคนที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องวัดนี้มาก่อน) ถ้าเราฟังแล้วเชื่อเลยผมเชื่อว่า ประมาทเกินไป ผมเข้ามาเขียนไม่ได้มาสนับสนุนหรือโต้ตอบอะไรใคร เพราะไม่อยากให้ใครมาปรามาสใครให้เกิดกรรม อยากให้ใครที่สงสัยหรือใคร่จะศึกษาเรื่องราว ให้ลองไปที่วัดป่าสีดาฯ ดูสักครั้ง สัมผัสของจริงดู ถ้ามีวาสนาหรือบุพกรรมอย่างไรมาจะรู้เองว่า ควรจะเชื่อใครดี หรือความศักดิ์สิทธิ์ที่นี่มีจริงไหม ผมเห็นตัวอย่างคนที่เขามาดูเองที่นี่แล้วครับ เขาจะตัดสินได้เอง สำหรับตัวผมเองนั้นไม่ได้มีสิ่งใดที่ดีไปกว่าใคร ตัวเองนั้นยังต้องพากเพียรอีกมากที่จะเป็นคนดีให้ได้ สุดท้ายขอให้พี่น้องทุกๆคนได้สมปรารถนาในสิ่งที่มุ่งหวัง และเจริญในธรรมกันทุกคนครับ ไม่ว่าจะปีใหม่ปีเก่า....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มกราคม 2007
  16. มะม่วงสุก

    มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    /// สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ (f)

    ตอบมาก็เหมือนเดิมนะคุณวิสุทธิเทพ ตอบไปตอบมาก็ไม่ตอบเรื่องของตัวเอง ก็ท่านพูดเองว่ารู้เรื่องเองนี่นา นี่จะเฉไฉไปเรื่องอื่นอีกแล้ว ดูไปดูมาเหมือนท่านไม่รู้เรื่องอีกแล้ว ตกลงที่ท่านเข้ามานี่มาสอนธรรมะเหมือนเดิมอีกแล้วหรือ ก็อ่านมาเยอะก็รู้เยอะแบบนี้แหละครับ แต่เขาไม่ได้ถามจริงๆ ไม่ต้องมาตอบก็ได้ วางตำราลงบ้างเถอะ และถ้าท่านจะกรุณา ช่วยตอบให้ตรงจุดและสอดคล้องกับที่ท่านเคยพูดมาในกระทู้ก่อนด้วยครับ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าท่านเพี้ยนนา :cool:
     
  17. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. องค์แทนของหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านได้มาสงเคราะห์คณะผู้สร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่กรุงเทพฯ ท่านได้อธิบายให้ฟังเรื่องของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่กำลังสร้างว่าสำคัญต่อประเทศชาติและบุคคลสำคัญของประเทศอย่างไร ท่านปรารภธรรมให้ฟังกันหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องที่พญานาคมาขอร่วมสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ทางคณะผู้สร้างพระฯก็ได้ดำเนินการถวายแผ่นทองคำ 3 แผ่นและแผ่นนาก 1 แผ่น เพื่อให้พวกพญานาคเขาอธิษฐานร่วมสร้างพระฯ และท่านก็ได้บอกกล่าวเรื่องที่เกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ว่าท่านเหน็ดเหนื่อยกับการขึ้นลงตามภพภูมิเพื่อเคลียร์เรื่องราวต่างๆระหว่างภพภูมิ รวมทั้งการเป็นอยู่ การไปการมาของหลวงปู่เทพโลกอุดร โลกอุดรของแท้เป็นอย่างไร ของเทียมเป็นอย่างไร แบบไหนใช่ แบบไหนไม่ใช่ หลายๆคนก็ได้คลายสงสัยในเรื่องเหล่านี้ไปมาก และท่านก็ได้มอบปัจจัยทั้งหมดที่มีผู้ศรัทธาถวายร่วมสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ให้แก่คณะฯ เพื่อรวบรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างพระ โดยมีผู้ศรัทธาร่วมบริจาคปัจจัยในวันที่ 30 ธ.ค.รวมทั้งสิ้น200,000 บาท

    สำหรับความก้าวหน้าของการสร้างพระ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตกแต่งเครื่องทรงขององค์พระที่เป็นหุ่นขี้ผึ้ง คาดว่าภายในสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าต้นสัปดาห์หน้าก็จะแล้วเสร็จ ช่างก็จะทำการถอดแบบต่อไปครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1.JPG
      A1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      37.4 KB
      เปิดดู:
      47
    • A2.JPG
      A2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.8 KB
      เปิดดู:
      47
  18. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    กระทู้นี้น่าสนใจมากๆ มีหลายคนพยายามที่จะตัดสินชะตาชีวิตคนอื่น เช่นคุณอัญญาสิทธิ์ คุณจักร คุณอบ คุณบัวญี่ปุ่น คุณมะม่วงสุก คุณศิวดล คุณแจ๊ค

    อยากจะถามนะครับว่าแต่ละคนมีอะไรดีๆในตนเองบ้าง ถึงได้พยายามที่จะบอกว่าตนเองแต่ละคนสามารถตัดสินคนอื่นได้ว่าคนนี้ดี คนนี้เลว คนนี้ทำไม่ถูก คนนั้นไม่เคารพครูอาจารย์ตน เพราะไม่เคารพครูอาจารย์ตนเองจึงมองคนอื่นผิดหรือเปล่า สงสัยนะครับถึงได้ถาม

    ผมเห็นมามากแล้วที่ครูอาจารย์หลายท่านเสียชื่อเสียงเพราะลูกศิษย์ทำกันแบบนี้นะ มีปัญหากันทำไมไม่คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวละ หันหน้าคุยกันเลย ตาต่อตา คุยกันแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ขายหน้าคนอื่นเปล่าๆ เหมือนจะเป็นนักเลงใจกล้าแต่ก็ไม่มีอะไรมีแต่ความอ่อนแอ

    ศาสนามันจะเจริญได้อย่างไรกันครับ วัดท่านๆจะพัฒนากันได้อย่างไร พวกคุณเองไม่มีความสามัคคีกันเลย เป็นทหารกันทุกคนด้วย บางคนก็อ้างคำครูอาจารย์ เอามาข่มขู่กัน ฉันรู้ดีกว่าคนอื่น ฉันเป็นลูกศิษย์คนนี้ เป็นลูกศิษย์แล้ว เคยมองตนเองหรือยังว่า ตนมีอะไรดีในตน

    พวกคุณทำให้ศาสนามัวหมองกันหมดนะทหารหารที่ไม่รู้จักความสามัคคี
     
  19. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    คุณมะม่วงสุกไม่เข้าใจเลยนะ ผมไม่มีปัญญาอะไรมากมาย เป็นแค่ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความสามารถอะไรเพียงแค่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเท่านั้น และผมก็เพี้ยนจริงนะที่ไม่รู้อะไรเลย ในธรรมะทั้งปวง

    อีกอย่างก็ไม่ใช่หน้าที่ของผมด้วยที่จะไปตัดสินใครได้ว่าคุณถูกหรือผิด คณะสร้างพระฯถูกหรือผิด เรื่องของพระครูเทพโลกอุดรนั้นผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่าท่านเป็นใคร คุณทราบไม่ใช่หรือครับว่าท่านเป็นใคร

    ขอถามอะไรอย่างนึงนะ "คุณมะม่วงสุกมีดีอะไรในตนเอง ที่จะแนะนำคนไม่มีปัญญาอย่างผมและหลายๆคนพอที่จะเป็นปฏิปทานำไปปฏิบัติบ้าง เพราะเห็นคุณมะม่วงสุกว่าคนนั้นคนนี้ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ตลอดเวลาเลย"

    ตอบด้วยนะครับ มีดีอะไรมาแนะนำกันบ้าง

    ขออนุโมทนากับผู้ที่มาทำบุญในวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมาด้วยครับ ผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยครับ มีคนมาร่วมทำบุญกันมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2007
  20. พรหมิกา

    พรหมิกา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +55
    สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน
    ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้ทุกท่านได้จงมีแต่ความสำเร็จในทุกทาง ขอให้เห็นนิพพานกันทุกท่าน

    กรรมดีอันใดที่ได้สร้างมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน กรรมนั้นขอให้สำเร็จแก่ท่านทั้งหลายด้วย

    กรรมอันใดที่ได้ล่วงเกินท่านใด ทั้งที่ตั้งใจไม่ตั้งใจก็ดี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอใหท่านได้อโหสิกรรมด้วยเถิด

    ปีใหม่แล้วคิดใหม่ทำใหม่ทำสิ่งดีๆให้มีในตนเองดีกว่านะคะ
    อุปสรรคต่างๆจะผ่านพ้นไป
    จงใช้ปัญญาแก้ปัญหา และอย่าสร้างปัญหามาปิดบังปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2007
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...