ช่วยตอบได้มั๊ยว่า " อวสานของโลกจะเป็นจริงหรือไม่ ? "

ผมได้อ่านเรื่องภัยพิบัติมาอย่างยาวนาน แต่หาได้มีข้อสรุปไม่ ว่าจะเกิดน้ำ ท่วม ดินถล่ม ฟ้าคะนอง รถอีแต๋น วิ่งชนรถเมล์ ผมได้ดูทั้งคำทำนายองพระเกจิต่าง ๆ ต่างก็บอกว่า ในปี 2555-2556 เหล่ามนุษย์ทั้งหลายจะถึงกาลอวสาน เป็นจริงหรือไม่อย่างไร แต่ผมเชื่อในคำทำนายของพระสงฆ์ต่าง ๆ ทั้งสมเด็จโต หลวงปู่สรวง และ หลวงพ่ออื่น ๆ แต่ผมอยากรู้กาลอวสานของโลก จะเป้นจริงดั่งคำทำนายใช่หรือไม่ อย่างไร บางคนก็บอกไม่จริง แต่บางคนก็บอกจริง

ผมขอรบกวนกรุณาตอบผมด้วย เพื่อจะได้ไขข้อข้องใจ
ขอบพระคุณครับ

 

ไม่ถึงกับอวสานหรอกจ้ะ แค่พลิกโฉมไปเท่านั้นเอง


โลกก็เป็นเช่นนั้นเสมอ หมุนเวียนไปตามวัฏฏะ ดังที่เคยเป็นมา

เจริญถึงขีดสุด ก็เข้าสู่ยุคเสื่อม

เสื่อมลงมากๆ...ก็ ปัด กวาด เช็ด ถู ทำความสะอาดกันหน่อย เหมือนเป็นการคัดเลือกผู้ที่เป็นคนดี มีจิตใจดี มีเมตตา เข้าถึงธรรมชาติ และพุทธะในใจตน เพื่อให้เตรียมพร้อมรับกับความเจริญครั้งใหม่

 

-ถามว่าโลกมีวันดับไหม ต้องเข้าใจก่อนว่า โลกมันเป็นวัตถุธาตุ อันว่าวัตถุธาตุมันก็มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ยังไงก็มีจุดดับ แต่ถ้าถามว่าปีที่ว่าจะดับเลยไหม คงไม่ใช่เพราะ พระศาสดาบรมครูได้บอกไว้แล้วว่าศาสนาของท่านจะตั้งอยู่จนครบ5000ปีโลกมนุษย์ ดังนั้นยังอีกครึ่งหนึ่งถึงจะดับ ตอนนี้แค่กึ่งนึงแค่เกิดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจจะมีทั้งด้านไม่ดีและดีเกิดขึ้น ข้อมูลต่างๆก็มาจากการตีความและคาดการณ์จากความรู้อันจำกัดของมนุษย์ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนตัวมากกว่า

-ถามว่าจะไม่เกิดอะไรเลยในกึ่งพุทธการณ์ไหม ก็ขอบอกว่าจริงๆมันเกิดไปแล้วหลายเหตุการณ์ที่รุนแรงและอาจจะรุนแรงไปเรื่อยๆ ส่วนจุดสูงสุดและจุดสงบสุขคงไม่มีใครทำนาย ออกมา ณ เวลานี้ได้ แต่ถ้าลองมองย้อนไป อดีตเมื่อ100ปีที่ผ่านมา และปัจจุบัน ก็จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องไกลถึงต่างประเทศ เอาแค่ในประเทศเนี่ยแหละก็จะพบคำตอบเอง

-จริงๆแล้วอาจจะมีหลายคนคิดว่่า อย่างนี้ไม่ต้องทำงานประจำเข้าป่าไปปลูกสร้างที่หลบภัยดีกว่าไหมแบบนั้นก็สุดโต่งไปไหม เอากลางๆดีกว่า

-ถามว่าทำไมต้องกลางๆด้วยล่ะ ก็ให้ดูแค่ประเด็นความถดถอยทางสังคมกับสภาวะเศรษฐกิจลวงโลกแบบทุนนิยมที่กำลังจะถึงจุดอวสาน ทั้งผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายที่ไม่โดนอุ้มหรือปิดปากก็ออกมาเตือนโครมๆ มันก็น่าพอเพียงกับให้คนทั่วไปกลับไปคิดถึงเรื่องหลักประกันที่แท้จริงของชีวิตกันได้แล้ว ถ้าสมมุติเศรษฐกิจเจ๊งตูมขึ้นมา เงินไร้ค่า คุณมีหลักประกันอะไรให้ชีวิตคุณและคนใกล้ตัวบ้างล่ะ คนที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกก็แค่หลอกตัวเองไปเรื่อยๆ จริงๆสัญญาณมันส่งมาตั้งแต่ตอนวิกฤติต้มยำกุ้งแล้ว ว่าคุณภาพชีวิตของมนุษย์โลกยุคใหม่ ไม่มีความมั่นคงเลย

ดังนั้นในหลวงท่านมองการณ์ไกลท่านเห็นอนาคตท่านเลยแนะนำเรื่องระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ซึ่ง ณ ตอนนี้คงไม่ต้องพูดแล้วมั้งน่าจะเข้าใจว่าต้องทำยังไง ใครเชื่อท่านก็ลองทำดูใครไม่เชื่อก็แล้วแต่วิจารณญาณละกัน แต่โดยส่วนตัวผมแม้ไม่ต้องเกิดภัยอะไร แต่ด้วยสังคมที่เสื่อมถอยของมนุษย์ปัจจุบันก็ขอยึดตามแนวท่านและพระบรมครูแบ่งพื้นที่ชีวิตไว้หาความสงบสันโดษดีกว่า

เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง!
เคยได้ยินคำนี้ไหม มันยังใช้ได้จวบจนโลกดับสูญทีเดียว..

 

ถ้าระยะยาว ก็ต้องเป็นไปตามกฏธรรมชาตินั่นแหละ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ถ้าระยะไม่ยาว ก็จะมีปรับมีเปลี่ยนทางภูมิศาสตร์กายภาพบ้าง ตามเหตุตามปัจจัย อย่างที่พูดๆ กันเรื่องสิ่งแวดล้อมมาหลายสิบปี

แต่ดปรดอย่าถามว่าจะดีเดย์วันไหน ยังไง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าใกล้จะเกิด ก็ต้องมีลางให้สังหรณ์กันมั่งแหละ

อย่าไปห่วงหน้าพะวงหลังเลย ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เท่านั้นก็รอดจากความกลุ้มอกกลุ้มใจแล้ว

 

เป็นจริงแน่นอนครับ

แต่ปัญหาก็คือไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

อาจจะเกิดวันนี้ พรุ่งนี้ หรือเราอาจจะตายกันไปเสียก่อนที่มันจะเกิดขึ้น

อยู่ที่ว่าวันนี้ยังไม่ตาย แล้วเราได้ทำอะไรอยู่ครับ

 

ให้ลองดูเอาจากสภาวะการณ์ปัจจุบันครับ
แล้วเอาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของ ดร.ก้องภพ และของ ดร.อาจองเทียบเคียงดูครับ
ว่ามีความเป็นไปได้หรือเปล่า และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้โลกเป็นเช่นปัจจุบัน
ถ้ามีเหตุย่อมมีผล เมื่อเหตุยังอยู่ (แถมอาจยังมีการช่วยกันสร้างเหตุขึ้นเรื่อยๆ)
ก็ย่อมมีผลตามมาหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

อาจเพราะโลกยังไม่ถึงคราวดับสลาย เพื่อมีพระพุทธศาสนาต่อไป
ดังนั้นจึงต้องมีการปรับสมดุล
แต่หากโลกไม่ปรับสมดุล โลกก็คงดับสลาย

ถ้าจะถามหาความมั่นใจว่า เกิดภัยพิบัติแน่นอน
หากหาความมั่นใจกันชนิดหายสงสัยหมดสิ้นเลยคงเป็นไปได้ยาก
สำหรับหลายๆคนผมเชื่อว่าต่อให้นาซ่า (์์NASA) ระดมนักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิ
เรียงหน้าออกมาประกาศว่าโลกจะมีภัยพิบัติแน่นอนในปีนั้นปีนี้
ก็เชื่อว่าความสงสัยก็ยังไม่หมดไปจากใจอยู่ดี อาจคิดว่าเป็นเรื่องตลกล้อกันเล่นระดับโลก
หรือเป็นแผนการลับอะไรบางอย่างของประเทศมหาอำนาจ
หากฟัง 'ความเห็น' ของคนนั้นที คนนี้ที โดยไม่ได้พิจารณาเหตุผลด้วยตนเอง ก็ย่อมไขว้เขวไปกับความเห็น
บางทีแม้เมื่อวันที่ภัยพิบัติมาถึง ก็อาจมีบางคนยังสงสัยเฝ้าถามตัวเองว่า

"นี่ฝันไปหรือเปล่า"

เราจึงควรพิจารณาข้อเท็จจริงมิใช่ข้อคิดเห็น
คือต้องถามต่อไปว่ามีข้อมูลอะไรถึงเชื่อหรือไม่เชื่ออย่างนั้น

เมื่อกล่าวถึงสิ่งใดๆที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความรู้และข้อมูลที่ได้มาด้วยวิธีการใดๆ
ก็ยังไม่ถือว่าเกิดขึ้นจริง จนกว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ


นี่คือลิ้งค์ของข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์และพลังจิตที่อาจมีประโยชน์สำหรับการศึกษา

 

ผมว่าเร็วๆนี้ น่าจะเป็นเรื่อง "อวสานของมนุษย์ชาติ" มากกว่ามั๊ง...

 

21 ธ.ค. 2012 จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ขนาดภูเขาจะกลายเป็นที่ราบ ที่ราบจะกลายเป็นภูเขา
ผู้คนจะล้มตายเป็นจำนวนมาก คนที่รอดมาได้ก็พบ
กับเสียงดังสุดๆ จนเป็นบ้าไปเลย อาหารการกินมีการ
ปนเปื้อนเต็มไปหมด น้ำจืดไม่มีให้กิน พวกที่ปฏิบัติ
ธรรมจะรอดมาได้ บ้างก็พญานาคช่วย มนุษย์ต่างดาว
(ไม่แน่ใจ ) ตั้งแต 2555-2560 คงไม่ใช่เวลาที่สุข
สบายเลย เป็นยุคที่เงินไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ถ้าผ่านปี 2560 ไปได้ก็ถือว่าสบายแล้ว
แต่ก็ยังต้องเจออวสานโลก คืออีก 4000 ปี
ที่ว่าพระอาทิตย์จะขึ้นเป็น 7 ดวง (จากหลวงปู่เณรคำว่า
อุณหภูมิสูงขึ้น 7 เท่า) เผาสิ่งมีชีวิตไม่เหลือเลย
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือเจริญ มรณานุสติ

ผมเอาบทสวดมนต์ของหลวง ปู่เณรคำ ปัญญาพโล มาให้

คาถาแก้เคราะห์วันโลกสลาย

ตั้งนะโม 3 จบ และอิติปิโส แล้วอธิษฐานว่า

"สาธุ สาธุ โลชังชม โทโพโส อินโตกรุณา"

พระคาถานี้เขียนติดไว้บนแผ่นผ้าติดประตู้บ้าน รถ ดพกศีรษะ ยามเกิดเหตุจะช่วยให้หลุดพ้นจากภัยอันตราย

ปะโต เมตัง ประระชีมินัง สุคะโต จติ จิตตะ เมตตะ นิ นะมัง สุคุโต จุติ

 

อวสานของมนุษยชาติ

ประเด็นนี้น่าคิดนะ เพราะดูๆ แล้ว เดี๋ยวนี้คนเกิดน้อย สังคมโลก (อาจจะไม่ทั้งโลก แต่ก็ไม่น้อยหรอก) กำลังจะเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ อีกอย่าง ชายกับหญิงที่ไม่ฝักใฝ่เพศตรงข้ามก็ดูจะเยอะขึ้น การสืบเผ่าพันธุ์ดูเหมือนจะลดลง

ยังไม่นับอัตราการล้มหายตายจากในแต่ละวัน ด้วยสารพัดสาเหตุอีกต่างหาก

แต่น่าแปลก ยุคนี้สัตว์กลับรู้ภาษาคนมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น แถมทะยอยค้นพบหรือเจอสัตว์แปลกๆ อีกหลายชนิด

ส่วนเรื่องจะพลิกดินพลิกน้ำ คนเก่าคนแก่ก็พูดไว้หลายตำรา ถ้าลงเอยแบบนั้นก็คงหนีไม่พ้น แผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ขึ้นไป หรือไม่ก็อุกาบาตถล่ม

แต่วันเวลานั้นจะมาเมื่อไหร่ ไม่ต้องไปกังวล ถ้ารู้อยู่แก่ใจว่า เกิดมาเพื่อทำความดี ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ว่าคนด้วยกัน สัตว์ หรือธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ไม่ได้อยู่เพื่อกิน เพื่อหายใจทิ้งไปวันๆ แต่ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมรอบข้าง

คนแบบนี้ เบื้องบนเค้าคัดเก็บไว้ ไม่ได้คัดทิ้ง

 

ถ้าเอาหลายข้อมูลๆมาร่วมกัน ก็คล้ายกันมากเลยนะครับ ผมว่า เกิดขึ้นแน่ๆครับ เราต้องยกระดับจิต ดีที่สุดเลยตอนนี้ แผ่เมตตา ทำบุญ บำรุงศาสนา ช่วยเหลือกัน สิ่งทีสำคัญตอนนี้ก็ ความเมตตาครับ

 

ไม่ใช่อวสานของโลกแน่นอนครับ

ภัยพิบัติก็คงต้องมีตามสภาวะธรรมชาติของโลก ผู้คนคงมีล้มหายตากจากกันบ้างแต่ไม่มากคงไม่เหมือนในหนัง 2012 หรอกครับอันนั้นเว่อร์ไปหน่อย ภัยพิบัติเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปผูคนก็จะกลัวกันมากขึ้นหันมาทำดีทำกุศลกันมากขึ้น กลัวกรรมตามทันมากขึ้น แล้วท้ายสุดมนุษย์ก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากขึ้น โลกก็จะเจริญขึ้นมีคุณธรรมปรากฏมากขึ้น น่าอยู่มากขึ้นครับ

 

พายุเทียมๆ

manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000185021

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ยูเออี เฉลย ฝนกระหน่ำอาบูดาบี ปีที่แล้ว เป็นพายุเทียม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>4 มกราคม 2554 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โครงการสภาพอากาศลับมูลค่า 7 ล้านปอนด์ คือเบื้องหลังของพายุฝนฝีมือมนุษย์ที่โหมกระหน่ำรัฐอาบูดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์หลายสิบลูกเมื่อปีที่แล้ว

เหล่านักวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นลูกจ้างของ ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยัน ประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ครองนครอาบูดาบี ประสบความสำเร็จในการสร้างพายุฝนมากกว่า 50 ลูก ในเขตอัล อิน เมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ซึ่งตามปกติแล้วจะไม่มีฝนตกในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้เชื่อกันว่านี่เป็นครั้งแรกที่สามารถสร้างระบบผลิตฝนท่ามกลางสภาพท้องฟ้าที่แจ่มใส

นักวิทยาศาสตร์ใช้เครื่องยิงประจุไฟฟ้าลบขนาดยักษ์ซึ่งมีลักษณะคล้ายโคมไฟมหึมา ก่อกำเนิดสนามอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าลบซึ่งนำไปสู่กระบวนการเกิดเมฆในที่สุด

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

rabbit_run_away

อวสานของโลก ยังไม่ควรเกิดแน่นอน
แต่ว่า
อวสานของคนชั่ว สมควรเป็นจริง จริง

rabbit_run_away