ขอ ผู้รู้ตอบที่ครับ เริ่มเป็นหนักแล้ว

มีอาการ แบบ่วาคล้ายๆ กับ วี๊ดๆ ที่หูแบบว่าทนไมไหวจนกลั้นหายใจ คล้ายๆ เหมือนหัวจะระเบิดแต่ผมรู้สักตัวแต่ทำไรไม่ได้



อาการนี้จะเป็นตอนหลับๆ ตื่นๆ หลังๆ เริ่มบ่อยแล้วอะครับ

ผุ้รู้ตอบที่ครับ

 

ผมเป็นตอนขึ้นลงลิฟท์เร็วๆ ^_^

 

จิตกับกายไม่ประสานกัน เดาเอานะ

 

ขอถามเพิ่ม นะครับ อาการนี้เกิดจาก อะไรครับ

เมื่อก่อนเป็นไม่บ่อย ปีละ 1-2ครั้ง เดียวนี้ เดือนละ 3-4 ครั้งแล้วครับ

 

ลองไปที่คลีนิคหูให้หมอตรวจดูอาจมีขี้หูเข้าไปอุดข้างใน เพื่อนผมก็มีเสียงวีดตลอดก็ให้หมอดูดขี้หูออก หายเป็นปลิดทิ้ง

 

- - อาการ นี้ผมเป็น ตอนครึ้งหลับ ครึ้งตื่นเท่านั้น ตอน ไม่นอน ปกติดีครับ

 

ลองสำรวจอารมณ์ตัวเองตอนนั้นครับ ว่ารู้สึกเช่นไร

เพราะอาจเป็นได้ทั้งอาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของแก้วหู

หรืออาการของการเริ่มมีสมาธิ เพราะเวลาผมนั่งสมาธิก็จะมีช่วงนึงที่หูอื้อๆเหมือนกัน

ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

 

ดิฉันก็เคยเป็นค่ะ กำลังหลับแต่ยังไม่ทันหลับก็เหมือนมีคนเอานิ้วมือมาอุดรูหูทั้งสองข้างพร้อมกัน(ลองทำดูนะคะ) หูมันอื้อไปหมด แล้วยิ่งกว่านั้นมันก็กลายเป็นเสียงสวดภาษาอะไรก็ไม่รู้ดังขึ้นในหูดังขึ้นเรื่อยๆๆๆ สวดเร็วมาก รู้แต่ว่าไม่ใช่ภาษาบาลีแน่นอนค่ะ ก็ไม่รู้ทำไงก็เลยสวดมนต์กลบเสียงเหล่านั้น(จำไม่ได้ว่าสวดบทอะไร สวดผิดสวดถูก)พอลุกขึ้นได้ก็กลัวจนตัวสั่น รีบโทรหาแม่ แล้วหยิบปฎิทินมาดู วันนั้นเป็นหัวค่ำของวันโกนค่ะ จำได้ว่าก่อนเคลิ้มหลับได้กลิ่นดอกไม้หอมมากๆโชยผ่านจมูกไปค่ะ เป็นอันว่าคืนนั้นไม่ยอมหลับยอมนอนเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังกลัวอยู่เลย ใครเคยเป็นอย่างดิฉันบ้างคะ อยากรู้

 

เป็นอาการน้ำในหูไม่เท่ากันครับ

อาจเกิดจากที่เเคะหูบ่อย

หรือมีอะไรไปกระทบกับเยื่อแก้วหู

เดาเอานะครับ

 

ตามนี้เลยครับ

ไปหาแพทย์ทาง หู คอ จมุก ครับ ไม่ต้องไปเดา

 

ผมก็เป็น แรกๆผมไม่รุ้ว่าเกิดจากอะไร พอเป็นอีกก็สังเกตุแบบนีั้ ในสถานที่อื่นๆ นั้นๆ ก็รู้สาเหตุของปัญหาหูวี๊ดดดดดดดดดด

 

อย่าลืมเรื่องไซนัสในโพรงหน้าด้วยนะ เคยเป็นไซนัสที่หูอะ

 

ขอแถมอีกเรื่องคือ ฟันผุถึงรากแก้ว ปวดร้าวถึงหู

 

ผิดประเด่นแล้วครับบ..

มีอาการ แบบ่วาคล้ายๆ กับ วี๊ดๆ ที่หูแบบว่าทนไมไหวจนกลั้นหายใจ คล้ายๆ เหมือนหัวจะระเบิดแต่ผมรู้สักตัวแต่ทำไรไม่ได้
คือไม่ใช่หูอื้อ ไม่มีปัญหาเกียวกับหู

- อาการ เหมือนกับเราพยยาม เบ่งอะไรสักอย่าง เหมือนกับ วิญาญจะออกจากร่างอย่างนั้น ไม่เคยนะ แต่รุ้สึกได้ ผมรู้สักตัวตัวตลอด พยามจะลืมตาขึ้นมา ก็ทำไม่ได้ แต่พยามหายใจ เพราะ ตัวเองกลั้นหายใจอยู่

อาการประมาณนี้อะครับ ใครเคยเป็นแบบผมบ้าง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.ไก่ จาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) - Index ค่ะ

Lunar Eclipse / Winter Solstice 2010 Survival Guide... - The International Starseed Community

Dear Friends,

I have been getting quite a few emails from folks so I thought I would consult Guidance and see what I could share with you. The Solstice/Eclipse is already in orb, and boy are some of us feeling it!

มีเพื่อนถามมามาก จึงไปถามคุรุประจำตัวมาตอบคำถามให้ท่าน

วันสิ้นสุดของปีและคราสมาแล้ว เราบางคนก็สำผัสได้อย่างแรง...

1) This too shall pass - if you are having emotions come up remember you are RELEASING and it is okay. If you feel out of control however, do consult family, friends or a counselor or guide. Eclipses often move things OUT of our lives, leaving a space for new, improved things to come in. Feeling the grief of the emptiness is normal. Humor, music, kids and animals are always good antidotes. You may have some strange things from your past show up again that are quite surprising; this is also part of it, not to worry

ช่วงนี้อยู่ระหว่าจันทรคราส ๒๑ ธค และสุริยคราส ๔ มค.

ถ้ามีอารณ์พลุ่งขึ้นมาก็ปล่อยไป คราสเอาของเก่าออกเหลือที่ให้ของใหม่ดีกว่าเดิม

ขำขัน สัตว์เลี้ยง เสียงเพลงช่วยได้ อะไรแปลกๆ จากอดีตอาจโผล่ขึ้นมา อย่ากังวล

2) Physical symptoms - these can run from flu-like symptoms, strange energy fluctuations, ringing the ears and light to major fatigue. Be sure to nurture your body with quality food and plenty of water. Your eating habits may shift temporarily and this is okay. Go with the flow and eat intuitively, keeping nourished and rested is very important! Empaths and highly sensitive people will be feeling this more than most

อาการ กายภาพ มีตั้งแต่อาการคล้ายไข้หวัด พลังงานขึ้นๆ ลงๆ มีเสียงหึ่งๆในหู

ไม่มีแรงเล็กน้อยหรือพับไปเลย ให้ใส่ใจกับร่างกาย ให้ได้อาหารและน้ำพอเพียง

นิสัยการกินอาจเปลี่ยนไปบ้างช่วงนี้ก็โอเค พวกเอมพาทและคนอ่อนไหวมากอาจมีอาการหนักกว่าคนอื่นๆ

3) GROUND yourself - through exercise, water, walking the dog, hugging a tree. However you do it! Flower essences are also very helpful. Go to your nearest health food store or consult a practitioner. Getting blissed out and flying away may seem attractive, but it can be dangerous if you still have to drive your car, go to an office and otherwise be a member of the human race

ต่อสายดินเพื่อกราวนด์พลังงาน ออกกำลังกาย เดิน พาหมาเดินเล่น

เปลือยเท้าเหยียบดิน ทราย ชายหาด กอดต้นไม้ใหญ่ อยู่กับดอกไม้หอม

4) Relaxation and meditation - these are very important to keep you centered and relaxed. Your irritation and stress levels can go up, especially when out in the world with rain, holiday traffic, etc. "Down time" is an absolute must

คลายเครียดและสมาธิ ช่วยให้เป็นกลางและผ่อนคลาย

อาจรู้สึกรำคาญและเครียดเพราะเป็นช่วงบันเทิงจิตเปลี่ยนศักราช หาเวลาสายๆ ชิลด์ๆ ให้ตัวเองด้วย

5) Long term effects - effects of an Eclipse can be felt for weeks or months, but don't panic! Whatever is "up" for you is probably up right now. Don't worry, you can deal with it. There is a huge amount of spiritual support available for us right now. Your Spiritual Guidance team is just a prayer / thought away. Call upon them as much as necessary

ผลระยะยาว อาจนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน

ถ้าสับสนก็อธิษฐานขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจาก higher self

เทวดาประจำตัว หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศาสดาที่เคารพ ขอได้บ่อยเท่าที่ท่านต้องการ


Wishing you all peace and blessings in this wondrous time!

By: Irma Kaye Sawyer

เออร์ม่า เคย์ ซอว์เย่อร์

 

DNA อัพเกรด ช่วงเวลาเเห่งการเปลี่ยนเเปลงทางกายภาพ

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/UHO7KBeveLc?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/UHO7KBeveLc?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
​

สรุปเเบบสั้นๆ เนื่องจากทุกอย่างในจักรวาลเชื่อมโยงถึงกัน

ตอนนี้ระบบสุริยจักรวาลกำลังเกิดคลื่นความถี่ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย

ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบกับร่างกายของมนุษย์ในปัจจุบัน

เเละโลกของเราก็กำลังเตรียมที่จะปรับตัวในการเปลี่ยนเเปลงปี 2012 ที่จะถึงนี้

นี้ คือ ข้อพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนเเปลงกำลังเกิดขึ้นขณะนี้

ทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงของร่างกายของมนุษย์ เเละจะทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงสัมผัสพิเศษต่างๆนั้นเอง

ไม่ว่าจะเป็นการเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น การสื่อสารจากมิติที่สูงกว่า การเห็นออร่า การรักษาผู้อื่น ฯลฯ

ซึ่งพรสวรรค์เหล่านี้มีอยู่เเล้วในสมัยที่ยังเป็นเด็ก

รวมทั้งจะเกิดการช่วยปลดล็อคว่า ทำไมเราถึงอยู่ที่นี้ ทำไมเราถึงมีชีวิตบนโลกใบนี้

เเละจริงๆเเล้วจิตวิญญาณของเราสามารถทำอะไรได้บ้าง

สำหรับบางคนสิ่งต่างๆที่ได้กล่าวมา ได้เกิดขึ้นเเล้ว

เมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกเร่งรีบ หรือ คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านเเล้ว

ดีเอ็นเอของคุณกำลังบอกข้อความต่างๆเหล่านี้

ร่างกายของคุณไม่สามารถที่จะอยู่กับคนที่มองโลกในเเง่ร้าย

คุณจะรวมตัวกับคนที่มองโลกในเเง่ดีเท่านั้น เพื่อการเตรียมตัว

โดยที่พวกเขาอาจะไม่รู้เลยว่า พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเเห่งการเปลี่ยนเเปลง

คงไม่มีเวลาไหนที่จะดีเท่ากับตอนนี้อีกเเล้ว


สรุปว่า ไม่ต้องไปสนใจก็ดูสิ่งที่เกิดขึ้นไปเท่านั้นพอเเล้วค่ะ

 

วิญญาณอาสาสมัคร และ การอัพเกรด DNA

<object width="480" height="385">


<embed src="http://www.youtube.com/v/SAGFiiFkzSc?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></object>
​

ขอบคุณข้อมูลจากคุณ ชยุต (Chayutt)เว็บพลังจิตค่ะ

Dolores Cannon: วิญญาณอาสาสมัคร และ การอัพเกรด DNA

ที่มา: Dolores Cannon: Volunteer Souls and DNA Upgrades

Dolores เป็นนักสะกดจิตบำบัด ที่เชี่ยวชาญพิเศษด้านการสะกดจิตระลึกชาติ
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี เธอได้รับข้อความจากรูปธรรมชีวิตต่างมิติ
และจากคนไข้ของเธอ เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2012 มากมาย


ถอดความจากวีดีโอ:

เท่าที่ฉันรู้ มันมีระลอกของเหล่าวิญญาณอาสาสมัคร ที่อาสาลงมาเกิดบนโลกใบนี้อยู่ 3 ระลอกด้วยกัน

ระลอกแรก คือช่วงปี 1950 – 1960 ซึ่งถ้านับถึงตอนนี้ (ปี 2010) พวกเขาก็จะมีอายุราวๆ 50 ปลายๆ
ถึง 60 ปีต้นๆ

กลุ่มวิญญาณเหล่านี้ พวกเขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ชอบที่นี่ เพราะพวกเขาทนต่อความรุนแรงไม่ค่อยได้
พวกเขาต้องการที่จะกลับบ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหน รู้แต่เพียงว่ามันไม่ใช่ที่นี่

พวกเขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม ไม่สามารถจะทำร้ายใครได้ พวกเขามาเพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
โดยการมาอยู่ที่นี่เฉยๆ ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเรา ทำตัวเหมือนคนปกติทั้วไป

แต่มันเป็นสิ่งที่ยากมากๆสำหรับพวกเขา เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่า มาอยู่ในที่ๆไม่ใช่ที่ของพวกเขา

คุณอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะว่าหลายคนที่ฉันเคยคุยด้วยซึ่งอยู่ทั่วทุกมุมโลก

พวกเขาบอกว่า พวกเขามีครอบครัวที่ดี มาฐานะการงานที่ดี แต่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่
พวกเขาอยากกลับบ้าน และหลายคนก็เคยพยายามที่จะฆ่าตัวตาย แม้ว่าจะมีอายุยังไม่มากนัก
เพราะว่าพวกเขาไม่อยากอยู่ที่นี่

แต่หลังจากที่ฉันได้เข้าไปช่วยเหลือพวกเขา จนพวกเขาสามารถค้นพบว่าทำไมพวกเขาจึงได้มาอยู่ที่นี่
พวกเขาก็เปลี่ยนใจ และยอมรับมัน แล้วเริ่มทำภารกิจของตนเอง

ลักษณะเฉพาะของคนกลุ่มนี้คือ พวกเขาไม่ชอบที่นี่ พวกเขาไม่ชอบความรุนแรง
และไม่เข้าใจความยึดมั่นถือมั่น ความโกรธ และรู้สึกว่าไม่ชอบมัน และตกตะลึงกับมัน พวกเขารับไม่ได้

ดังนั้น พวกเขาหลายคนจึงอยู่อย่างสันโดษ เพราะภาพลักษณ์ของโลกในสายตาของพวกเขา ค่อนข้างจะน่ากลัว

ดาวเคราะห์โลก เป็นดาวเคราะห์ที่ท้าทายมาก และพวกเขาบอกว่า พวกเขากล้าหาญมากที่มาที่นี่
เพื่อที่จะมาเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่


วิญญาณอาสาสมัครระลอกที่สอง ที่มายังโลกใบนี้ พวกเขาเกิดในช่วงปี 1970 – 1980
ถ้านับถึงปีนี้ คือปี 2010 พวกเขาก็จะมีอายุอยู่ระหว่าง 30 – 40 ปี

ฉันเรียกพวกเขาว่า the channeler, the generator, เพราะว่าพวกเขาแตกต่างไป

พวกเขาไม่มีปัญหาเหมือนอย่างกับวิญญาณระลอกแรก พวกเขามาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพื่อทำสิ่งใด
พวกเขาเพียงแต่มาอยู่ที่นี่เฉยๆ

ร่างกายของพวกเขาผลิตกระแสพลังงานออกมามากกว่าคนปกติ และไปส่งผลกระทบต่อผู้คนรอบข้าง
ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพวกเขา

พวกเขามาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกด้วยวิธีการนี้ พวกเขามีกระแสพลังงานที่เป็นบวกมากๆ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกๆคนที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา

และวิญญาณทั้งสองกลุ่มนี้ ไม่ต้องการที่จะมีลูก เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะสะสมกรรม
เพราะว่าการมีลูกคือการสร้างบ่วงกรรมขึ้น พวกเขาไม่ต้องการที่จะติดค้างอยู่ที่โลกใบนี้
พวกเขาอยากจะรีบๆทำภารกิจของพวกเขาให้เสร็จๆไป ตามที่พวกเขาได้รับอาสามาทำ
จากนั้นก็กลับไปสู่ที่ๆพวกเขาจากมา

คุณอาจจะไม่รู้จักพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเหมือนคนปกติทั่วไปมากๆ พวกเขาปรับตัวได้ดีมากๆ

ฉันเคยถามพวกเขาว่าทำไมคนกลุ่มแรกนั้น จึงมีปัญหามากมายนัก แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่มี

พวกเขาตอบว่า เพราะพวกที่มาก่อน เป็นผู้บุกเบิกทาง เป็นผู้มาปูทางไว้ก่อน

เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงพบความยุ่งยากมากกว่า

ส่วนกลุ่มที่สองนั้น ก็แค่ตามทางที่กลุ่มแรกมาถางไว้ให้แล้วเท่านั้นเอง


วิญญาณอาสาสมัครระลอกที่สาม คือเด็กๆที่เกิดใหม่ ซึ่งเกิดหลังปี 1990 เป็นต้นมา

พวกเขาเป็นผู้นำของขวัญมาสู่โลกใบนี้ พวกเขาแตกต่างจากสองพวกแรก

พวกเขามีพลังงานมากกว่า พวกเขาบอกว่า DNA ของพวกเราทุกคนกำลังเปลี่ยนแปลง
เพราะว่า DNA ของพวกเราจะได้รับอิทธิพลจากระดับจิตสำนึกของพวกเราเอง

ทุกสิ่งที่อย่างกำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของ DNA

แต่พวกเขาจะเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสารปรุงแต่งในอาหาร และมลภาวะในอากาศ
ที่จะส่งผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายของพวกเรา

พวกเขาบอกว่าพวกเรากำลังมาถึงจุดสิ้นสุดของความเป็นทวิภาวะ (Duality) แล้ว
ซึ่งในขณะนี้ DNA ของพวกเราได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตั้งแต่เมื่อ 70 ปีที่แล้วแล้ว

พวกเขาบอกว่า พวกเรากำลังจะเปลี่ยนไปสู่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่จะไม่มีการเจ็บป่วยอีกต่อไป

ฉันบอกว่าจริงเหรอ ทำไมนักวิทยาศาสตร์หรือแพทย์ทั้งหลายจึงยังไม่รู้เรื่องนี้กันเลย

พวกเขาตอบว่าเพราะว่าคนเหล่านั้นไม่รู้ว่าควรจะเพ่งพินิจดูตรงจุดไหนของ DNA หนะสิ

 

ลมเข้าหูก็ได้

แต่อาการแบบว่า

เป็นอาการก่อนเกิด

ทิพจักขุ:boo:

 

ตามที่คุณสันโดษบอกก็พอเข้าใจได้
เพราะเมื่อวานอยู่ๆก็รู้สึกเหมือนถูกกดทับด้วยความดันบรรยากาศสูงๆ
ทำให้เมื่อยไปหมด

ช่วงใกล้สิ้นปีของปีนี้ เพี้ยน+ทรมาน เดี๋ยวป่วย เดี๋ยวหาย

 

ตรงนั้นเป็นพื้นที่รับเสียงในหู
ทำจิตใจสงบ อยู่เป็นกลางๆ ..
ไม่จำเป็นต้องไปสำรวจความนึกคิดใดๆ

"จะระเบิด" ก็จะเป็นเพียงความนึกคิด
"ความกลัว" ก็จะเป็นเพียงความนึกคิด

......