ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

..................................................
....ขอขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับครับ....
...นี่ขนาดผม..ปกติหน้าด้าน..ยังรู้สึกอายเลย..ที่ยอผม..ผมนะนับถือ.คุณหนุ่ม..เขามานานแล้ว..ผมชอบคนที่รู้จริง..มีประสพการณ์จริง..และมีปฏิปทา..เยี่ยมยอด..อย่างแก..ที่ชมแกนี่ออกมาจากใจ..จริงๆ..แต่..คนละสไตล์..เนี่ย..อยู่คนละกระทู้ดีแล้ว..คนอ่า่น..จะได้..หลากสไตล์..มีอ่านหลายๆอย่าง..เสียดายคุณหนุ่มแก..ภาระกิจ..เยอะ..แต่ก็น่าชื่นชม..ที่บรรดา..แฟนกระทู้แก..เหนียวแน่น..และปฏิปทาดีเยี่ยมเช่นกัน..ช่วยกันจรรโลง..กระทู้อันดับ ๑(จริงๆ)..ของห้องประสพการณ์ฯ..ให้อยู่ต่อไป..ขอให้เหนียวแน่นกัน..ต่อไป..ของดี..อย่าให้หายไปไหน..เพราะ..อีกอย่างผมอยากดู..เว็บบอร์ด..ต้อง..ขยายความกว้างcolumn..ของผู้เข้าอ่าน..เมื่อถึง ๑๐,๐๐๐,๐๐๐

 

สวัสดีครับพี่ ตามอ่านกระทู้พี่อยู่ตลอดนะครับ

ได้อะไรจากพี่เยอะจริงๆ บางเรื่อง ต้องใช้คำว่า "ตาสว่าง" เลยครับพี่

ถามพี่นิดนะครับ เวลาแขวนพระเครื่อง ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
เมื่อเราเจออุปสรรค เราใช้พลังจิตเรานำ โดยมีความมั่นใจว่า พลังใน
พระเครื่อง เกื้อหนุนเราอยู่ ในลักษณะเราก็ศิษย์มีอาจารย์ หรือขอพลัง
จากพระเครื่องโดยตรงเลย ในลักษณะขอให้ท่านช่วย

ตามความเห็นพี่ พี่ว่าวิธีไหนถูกต้อง ผมเองใช้วิธีแรก

จริงๆนะพี่ ที่ผมมาได้จนถึงจุดนี้ได้ พลังในพระเครื่องมีส่วนอยู่มากเลย
ใจมันนิ่ง และไม่เคยเสียกำลังใจ ผมว่าเราโชคดี ที่เกิดในพระพุทธศาสนา
และเรียนรู้ในศาสตร์แขนงนี้ เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

 

.................................................
...ขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับครับ....
..ผมว่า..ได้ทั้งสองอันครับ.......
..แต่แบบแรก..จะดีเพราะพลังความเชื่อมั่นของเรา(ก็พลังจิต..เหมือนกัน)..จะประสาน..หรือ..ดึงให้พุทธานุภาพ..ออกมาได้เต็มที่..แต่การขอธรรมดา..ก็..จะไม่ได้ใช้พลัง..แค่ตั้งใจธรรมดา..ก็คงไม่ต่างกับ..เด็กเล็กๆห้อยพระ..พ่อให้ใส่..ก็ใส่ไปยังงั้น..แต่พระก็ยังคุ้มครอง..เพราะการอธิษฐานของผู้สร้างก็เพื่อให้คุ้มครอง..ผู้ที่ใส่..หรือ..ผู้ที่ใช้อยู่แล้ว

 

ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Postมา ให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย

...................................................สวัสดีทุกท่าน..วันพุธ.............................................
.............กุรข่า...นักรบเลือดดุ....................................................................................
................................................เมื่อท่านได้อ่านสภาพของ..ลัคกี้..แล้วจินตการตาม...ผมว่า
ส่วนใหญ่..น่าจะเห็น..เหมือนกันคือ..น่าจะตายไปแล้ว..หรือ..คิดในทางที่เขาเป็นคนอึดคนแกร่ง
ก็น่าจะสลบ..ไปแล้ว....คือนึกสภาพของระเบิดสังหาร..ที่มันระเบิดใกล้ตัวขนาดนั้น..แรงปะทะ
ของระเบิด..จะรุนแรงขนาดไหน..ไอ้ที่แน่ๆคือ..ตัวแก..กระเด็นไปเลย..แต่โชคดีที่ยังตกอยู่ใน
ร่องดิน..แนวป้องกัน..คือต่อให้เป็นคน..อดทน..หรือ..อึดขนาดไหน..ก็ต้องสลบ..จากแรงปะทะ
ดังกล่าว...แต่ถ้าไม่สลบ..คนที่ว่าแน่ขนาดไหน..เจอบาดแผล..ขนาดนี้..ก็จะทนพิษบาดแผล..
ไม่ไหว..ตายแน่....................
.....................แต่..ไม่ใช่..สำหรับ..ลัคกี้..เพราะนอกจากจะไม่สลบ..เขายังรู้สึกตัวตลอด....
(แกต้องสู้กับ..ความเจ็บปวดจากพิษบาดแผล)..และในสมองแก..ก็ยังอยู่ในสภาพALERT(ตื่น
ตัว)ตลอดเวลา..แกคิดอย่างเดียว..ว่าแกจะต้องกลับไปที่ตำแหน่งเดิม..และเก็บปืนมา..เมื่อแก
จะทำตามที่คิด..ปรากฏว่า..ร่างกายแกไม่ไป..ลัคกี้จึงมาสำรวจว่า..เกิด..อะไรขึ้นกับตัวมั่ง...
..ถ้าคนทั่วไปคงช็อค..และปลงชีวิตไปแล้ว......แต่..ลัคกี้..ชีวิตยังไม่สิ้น..ภาระกิจ..ก็ต้อง..ปฏิบัติ
ต่อไป...สภาพแกที่เคลื่อนที่กลับไปเก็บปืนยาว..มา..คงไม่ต่างจาก..หนอนแก้ว..เท่าไหร่....
...............แต่ที่ผมเคยบอกไป..ว่า..ทหารกุรข่านั้น..ฝึกการรบทั้งสองข้างพร้อมๆกัน..เพราะมือ
ข้างหนึ่ง..ถือปืนยาว..อีกข้างถือ..”คูครี”..ทำให้มือ..ข้างที่ไม่ถนัด..ก็ใช้งานได้อย่างดีถึงแม้ไม่
เท่ากับ..ข้างถนัด..ดังนั้น..แขนซ้าย..และ..มือซ้าย..รวมถึงตาซ้าย..ที่เหลืออยู่..ก็ยังประสานกัน
ได้..
.........ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง..ว่าในช่วงเวลาสั้นๆขณะหนึ่ง..ลัคกี้..ที่ทนความเจ็บปวด..ได้
ขนาดนั้น..แกต้องตัดสินใจ..ใช้มือข้างซ้าย..ที่เหลืออยู่..ผูกปม..มัดเส้นเลือดใหญ่..ที่แขน..และ
ขาตัวเองแน่..เท่าที่ผูกได้..ไม่งั้นแกจะไม่มีทาง..และไม่มีแรง..สู้ต่อ..เพราะเลือดแก..จะหมดตัว
ซะก่อน..ไมมีปัญญาไปสู้กะใครต่อแน่........................................
..........ขณะที่..ญี่ปุ่นหลายคนค่อยๆเคลื่อนเข้ามา..หาแก..อีกส่วนก็ต้องระดมยิงอัดไปที่แกอยู่
แน่นนอน..เพื่อคุ้มครอง..กลุ่มหน้าที่กำลังเคลื่อนที่เข้าหาศัตรู...มาเรื่อยๆ..ส่วน..ลัคกี้..ซึ่งไม่เคย
ท้อแท้..ก็ต้องรีบ..เอา..แม็คกาซีนใหม่(..แหนบบรรจุลูกกระสุน แหนบแบบยาวของปืน..
LEE ENFIELD ๑๐นัด/๑ แม็ค)..บรรจุ เพราะเขาจะต้อง..ทำการบรรจุแม็ค..ให้น้อยครั้งที่สุด..
ในกรณีที่..ศัตรูบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง..เขามีแขนอยู่ข้างเดียว..ยังไม่ทันทำอะไร..ศัตรู..ก็..ถึง
ตัวแล้ว...........
..........ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจก่อนว่า..ปืน LEE ENFIELD ไม่ใช่..ปืนกึ่งอัตนโนมัติ..อย่าง..
M1 GARAND..ของอเมริกา..ปืนนี้เป็นปืน..ที่ต้องใช้แรงคนยิงในการเอาปลอกกระสุนที่ยิงแล้ว
ออกจากรังเพลิง..โดยการกระชากลูกเลื่อนถอยหลังมา..ปลอกจะกระเด็นออก..เมื่อดันลูกเลื่อน
กลับ..มันจะพาลูกกระสุนลูกใหม่..บรรจุเข้ารังเพลิง..แล้วต้องพับลูกเลื่อนลง..ถึงจะยิงได้...
...ดังนั้นท่านผู้อ่านจะเห็นว่า..ลัคกี้..จะลำบากขนาดไหน..ในการยิง..แต่ละ..ครั้ง..แถม..เมื่อลูก
หมด ๑๐ นัด..เขาก็ต้องใช้..มือข้างเดียว..ของเขาทำทุกอย่าง..คนที่เคยยิงปืนไรเฟิ้ลปกติ..จะรู้
ว่า..ถ้าใช้มือข้างเดียวมัน..มีวิธีเดียวคือ..เอารักแร้หนีบพานท้ายปืน..แล้วใช้มือกระชากลูกเลื่อน
(นอกจากนี้..ก้านลูกเลื่อนพับอยู่ด้านขวา..เขาจะต้องใช้มือซ้าย..อ้อมไปดึงก้านขึ้นซะก่อน..จึง
จะกระชากลูกเลื่อนออกมาได้ด้วย...ซึ่งตามปกติจะใช้มือขวา..................)
(พอดี..ผมคนรุ่นเก่า..ได้ยิงทั้งไรเฟิ้ล..และ..ปลย.๖๖(ปืนเล็กยาว..ใช้ในราชการปี๒๔๖๖)..
ซี่ง..ระบบทำงานเป็นแบบเดียวกัน..จึงทราบดี)........เมื่อบรรจุลูกแรกเข้ารังเพลิงเรียบร้อย..
...ลัคกี้..ก็พร้อมที่จะทำตาม..วิถีกุรข่า..แล้ว............................
.............................................ต่อตอนหน้าครับ...................................................





นี่คือ ..ภาพปืน LEE ENFIELD..แบบเดียวกับ..ที่ ลัคกี้ใช้..ดูภาพกลาง..จะเห็น"ลูกเลื่อน"..และ..ก้านลูกเลื่อน..ที่ยื่นออกมาจากลูกเลื่อนตรงปลายเป็นตุ่มกลม..ไว้สำหรับจับ..เมื่อจับ..หรือ..ผลัก..ยกขึ้น..แล้วกระชากถอยหลังมา..จะกลายเป็นรูปด้านล่าง..ปลอกกระสุนที่ยิงแล้ว..จะถูกลูกเลื่อนดึงออกมา..ในภาพ..จะเห็น"ช่องบรรจุกระสุน"เปิดอยู่..ให้สังเกตว่า..ก้านอยู่ทางขวา..แต่ลัคกี้..ต้องใช้มือซ้าย..ยกก้าน..แล้ว..กระชากออกมา..จะยากขนาดไหน..........

..........................................................................................................................
...........................................................................................................................
.........................................ชินเขียว.........................................................................
.........ผ่านเรื่อง..คั่นไปแล้ว...ยาวเบื้อยเลย...ตอนนีเรามาว่า..เรื่อง”ชินเขียว”...พระชินเขียว
นั้น..รู้สึกจะเป็น..ลูกเมียน้อย..หรือ..ลูกเมียเก็บ..เพราะที่มีตามกรุไม่มาก..และมีน้อยมาก..ที่เป็น
ชินเขียว..ทั้งกรุ(มี..ก็เป็นกรุเล็กๆ)...ไอ้ที่สำคัญที่สุด..คือ..พระชินเขียว..ด้วยส่วนผสม..และ..
กรรมวิธี..ในยุคนั้น(ยุคนี้..รู้ว่ายาก..ก็เลยไม่ทำ)..การทำให้ชินเขียว..ติดกับลวดลาย..ละเอียด
ทำไม่ได้..พระชินเขียวเลย..มีลวดลายที่ค่อนข้างหยาบ..ไม่ค่อยสวยเช่น..ชินเงิน..หรือ..ชินตะ
กั่ว..พระชินเขียว..ที่มีชื่อเสียงจริงๆ..ก็มีไม่มาก..เช่น..พระร่วงทรงเกราะ..สุโขทัย..พระอัฏฐารส
พิษณุโลก..รองลงมา..ก็พวก..หูยานชินเขียว(อันนี้..อาศัยเกาะความดังพระหูยานตะกั่ว)..
...ชินเขียว..ที่เป็นกรุใหญ่..หน่อย..ก็จะเป็น..กรุพะเยา...................................
...............แต่ที่..พระอัฏฐารส..และ..พระร่วงทรงเกราะ..ที่อยู่แถวหน้า..ของพระชินเขียวเพราะ
.....................๑. ที่มาชัดเจน
๒. พิมพ์เป็นเอกลักษณ์..ก็คือ..มีแต่ชินเขียว..อย่างเดียว
๓. พุทธคุณเรื่อง..เหนียวเชื่อถือได้.....
....แต่ที่นับกัน..อันดับหนึ่ง..ชินเขียว..ก็ต้อง..พระร่วงทรงเกราะ สุโขทัยครับ....
.......ส่วนพิมพ์อื่นๆ..กรุอื่นๆ..ที่มาไม่ค่อยชัด..และส่วนใหญ่..จะเอารูปแบบของ..พิมพ์ที่ของ
หลักจริงๆ..จะเป็น..เนื้อตะกั่ว..หรือ..ชินเงิน...ความจริง..ก็มีการพบกระจายไป..ในหลายกรุที่
เป็นพระเนื้อชินโลหะ...นอกจากนี้ยังมีพระกรุที่คาดว่าสร้างกันในสมัยรัตนโกสินทร์นี่เองที่..เป็น
ชินเขียวกันทั้ง(หรือเกือบทั้ง)กรุ..ก็คือ..กรุวังบัว..บ้านลาด เพชรบุรี..ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ..พิมพ์
พระ..เป็น..พระกรุดังๆ..หลายกรุ..เช่น พระมเหศวร พระชินราช..ฯลฯ..เป็นต้น..ซึ่งพึ่งจะมา..
เจอกัน..สมัย ร.๕ เป็นต้นมานี่เอง..ดังนั้นจึงคาดว่ามีพระอาจารย์ได้อาศัย..รูปแบบ..แล้วมาแกะ
ใหม่..ทำเป็นเนื้อชินเขียว..แล้ว..พึ่งแตกกรุมาไม่นานนัก............................
...................ตอนหน้าผม..จะมาบอกว่า..ในกรุใหญ่ๆ..ทำไมถึง..มีพระชินเขียว..แทรกอยู่บ้าง..
..และทำให้..เมื่ออ้าง..แล้วคนไม่ค่อย..เชื่อกัน..ยิ่งนักเล่นรุ่นเก่า..มีระดับจริงๆ..เล่นแค่ร่วงทรง
เกราะอย่างเดียว.................................................................
................................................สวัสดี...................................................................
(ขออภัยนะครับ..ผมไม่มีร่วงทรงเกราะ..เลยไม่มีภาพให้ดู..ไม่อยากเอาภาพเค้า(NET)มา..
เดี๋ยวมีปัญหา..ดูภาพตามLinkนี้..แล้วกัน
http://www.deepordee.com/product.detail_423217_th_2958817

 

ยังติดตามสาระดีๆ จากคุณลุงเหมือนเดิมครับ
ถ้ามีเครื่องมือที่สามารถตรวจวัดพลังได้อย่างคุณลุงว่า คงจะดีไม่ใช่น้อย โดนเฉพาะพวกที่ดูพระไม่เป็นอย่างผม ถ้าหลงเข้าไปในสนาม เซียนเห็นแล้วน้ำลายคงไหล คิดในใจว่าหมูมาให้เชือดแล้ว หรือไม่ก็เกจิยุคข่าวสารครองเมือง โปรโมทกันเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าของจริงหรือปลอม บางองค์คนในพื้นที่ยังไม่รู้จักเลยแต่เผลอแป๊ปเดียว ขึ้นปกหนังสือซะแล้ว แถมสำนวนในหนังสืออ่านแล้ว เคลิ้ม ดูแล้ว น่าศรัทธา อนาคต อาจจะเป็นแบบ ทีวีไดเร็ค ประเภทโทรมาสั่งซื้อตอนนี้ ลดราคา แต่เดี่ยวก่อนโทรมาภายใน 20 สายแรกอาจจะได้ของแถมอีกต่างหาก ( ต้องกราบขอขมาครูบาอาจารย์ท่านที่ปฏิบัติดีปฎิับัติชอบ ซึ่งท่านเป็นของจริง ด้วยนะครับ )

 

สัวสดีค่ะ คุณลุง และเพื่อนๆสมาชิก คุณ ลัคกี้ นี้อึดสุดๆเลยนะคะ ตอนต่อไปคงมันส์หยดแน่ๆเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

.................................................
..ก็นั่นแหละ..วัตถุประสงค์ก็อย่างที่คุณบัณฑิตว่า...สำหรับเรื่องโฆษณา...มันจะพัฒนาไปตามธรรมชาติ..ตามกลไกแห่งการแข่งขันครับ...มีครับ..มีโอกาศเป็นแบบที่ว่า..ผมว่าไอ้ที่มาก่อน..น่าจะแทรกมากับ..ความเคลื่อนไหวในวงการพระเครื่อง..ที่เป็นบริการเสริม..ในมือถือ.......

 

ตอนนี้เคเบิ้ล ท้องถิ่น จะมีบางช่อง ที่ทำแบบนั้นเรียบร้อยแล้ค่ะ คุณลุง

 

.............................................
..ขอบคุณครับ..คุณลิน..ที่แจ้งให้ทราบ...
..เดี๋ยว..พอออก..เป็นบริการเสริม.ของ..มือถือ..เงินคงหมุน..เข้า..แบ็งค์..กันเพลิน(แต่บัญชี..ใครมั่ง..นี่ไม่ทราบนะครับ)

 

.........................................................
....ผมว่า..ไหนๆก็..ไม่มี..การอนุโมทนาแล้ว..พลังการให้คะแนน..น่าจะเอาออกไปด้วยครับ..เพราะ..มันก็ไม่มีประโยชน์..ซึ่งน่าจะทำให้..web..จะได้คล่องขึ้นด้วย..รวมถึง..สมาชิกใหม่..ก็จะรู้สึกไม่ดี..เพราะเข้ามา..เห็น..สมาชิกเก่า..มี่พลังให้คะแนน..แต่ตัวเองเป็น ๐ ตลอด..จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ...ใครๆก็ไม่อยากให้ตัวเอง..เป็น ๐ หรอกครับ..ถ้าไม่มี..ก็จะรู้สึกเท่าเทียมกัน..แต่ยังสังเกตจาก..ผลงานแต่ละคน..จากจำนวนข้อความที่ POST..ได้

 

สวัสดีครับคุณอาและทุกท่าน ช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ได้ post แต่ก็ต้องอ่านทุกวันก่อนเริ่มงานครับ ไม่งั้นทำงานไม่มีความสุข ลุ้นคุณลัคกี้อยู่ครับ ทรหดสุดๆๆๆ

 

อ่านมาหลายวันแล้วตั้งแต่หน้าแรกจนมาถึงตรงนี้ครับ
เพิ่งได้มาโพสต์ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
ติดตามตลอด ชอบครับ ได้ความรู้มากมายจากการอ่านมาเรื่อยๆ
คล้ายๆสภากาแฟ ที่มีคนชอบพระมานั่งคุยกัน
แล้วบังเอิญ ผมได้เข้าไปนั่งคนละโต๊ะ ได้ยินและได้ฟัง
แต่ สภากาแฟก็มีทั้งข้อมูลจริงและไม่จริง ต้องมาไตร่ตรองอีกที
ต่างจากกระทู้นี้ ที่บอกไว้ว่า สาระยุคก่อน อ่านแล้วเห็นภาพ ได้สาระ
ย้อนไปถึงสมัยก่อนสำหรับคนเกิดไม่ทันหรือเกิดทันแต่ไม่ได้คลุกคลี ให้ได้รับรู้
ผู้เขียนมีแต่ให้กับให้ ผู้อ่านมีแต่ได้กับได้
ขอบคุณจากใจจริงครับ
อนุโมทนาทุกกระทู้ แม้ไม่มีปุ่มให้กด
และจะติดตามต่อไปครับ

 

.................................................
...ถ้า..แค่ทน..ทรหด..อย่างเดียว..ไม่ได้เป็น..โคตรคน..หรอกครับ....รออ่านต่อจะรู้

 

..............................................
...ขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับครับ..
...มาสาย..ยังดี..กว่า..ไม่มา..
...ขอบคุณอีกที..ครับ..สำหรับคำชม..
..ไม่ใช้หรอกครับ..ปุ่ม..ส่งจิตมา..ก็ได้แล้วครับ............................

 

สวัสดีครับคุณลุง แฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทู้คุณภาพ ที่ผมยังตามอ่านอยู่เสมอ (||)

 

สวัสดีครับคุณลุง ติดตามอยู่ตลอดครับผมเรื่องน่าติดตามมาก เป็นกำลังใจให้ครับ


ชอบตอนนนี้เป็นพิเศษครับใจตรงกันเลยครับคุณลุง

ตั้งแต่เริ่มสนใจพระ..จริงๆจังๆ...ก็คอย
ว่า..เมื่อไหร่..ใครจะผลิต..เครื่องมือที่ว่าอย่างนี้กันซะที..คงจะช่วย..กำจัดพระเก๊..พระปลอม
..พระจริง..เหรียญจริง..แต่ทำมาเกิน..ไม่ได้ปลุกเสก..แถม..จะได้พิสูจน์..กันได้ว่า..พระของ
อาจารย์บางองค์..ที่โปรโมททางสื่อ..กันเหลือเกินนั้น..ว่าจริงๆ..แล้ว..เป็นยังไง..ดี..แข็ง..เข้ม..
แบบ..ที่โฆษณา..กันมั้ย...สมมุติ..ผมเป็นอธิการที่ไหนสักแห่ง..ผมต้องสนับสนุน..นักศึกษา..
ให้..ผลิต..ออกมาเป็น THESIS...แจกทุนเรียนต่อ..ปริญญาเอกไปเลย......
.....................เอ๊ะ..นี่ผม..เพ้อไปรึเปล่านี่..................................................

 

.................................................
...ขอบคุณมากครับ..ช่วยหน่อย..ถ้ามีเพื่อนเป็น..คณบดีคณะวิทยาศาสตร์..หรือ..อธิการบดี..นิ่งดี..ช่วยเผยแพร่แนวคิดไปด้วย..ได้บุญ..และสถาบันนั้น..ดังแน่นอน...

 

คุณลุงครับ เพื่อนอธิการบดี หรือคณะบดีไม่มีเลยครับ มิอาจหาญกล้ามีด้วย เพราะผมคนการศึกษาน้อยด้อยพัฒนาครับ แต่ถ้าแบบห่ามๆ วิดวะ ช่าง หรือแบบลุยๆมีเยอะครับ พอได้ไหมครับลุง

 

..................................
..ไม่เป็นไรครับ..ฝากผู้อ่าน..ทั้ง..สมาชิก..หรือ
..คนทั่วไปก็ได้...ถ้ามีโอกาศ..ได้บุญแน่นอน

 

ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Postมา ให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย

....................................................สวัสดีทุกท่าน..วันพฤหัส.....................................
..............กุรข่า....นักรบเลือดดุ................................................................................
..................................................ลัคกี้...เขาวางปืนยาวลง(เหลือแขนข้างเดียวครับ)..แล้ว
เอามือซ้ายที่เหลืออยู่..เอื้อมไปด้านหลังที่ตะโพก..เพื่อคว้าด้าม..คูครี..คู่ชีวิต..แล้วกระชากออก
จากฝัก..พร้อมกับ..ถัด(กริยาที่..คนพิการ..หรือ..คนแก่มากๆ..เดินไม่ได้..ใช้ในการเคลื่อนที่)
ยกตัว..ขึ้นเหนือ..เนินดิน..พร้อมกับ..ตะโกนวลี..ของนักรบกุรข่าที่ใช้โจมตี..ข้าศึกมาแต่โบราณ
..ก็ทำนอง..ฆ่ามัน..หรือ..สู้ตาย..อะไรทำนองนี้..ผมก็ไม่รู้ว่า..ญี่ปุ่น..มัน..หยุดการยิงเพราะตกใจ
..หรือ..ให้เกียรติศัตรู..ตามวิถี”ซามูไร”..แต่ลัคกี้ตอนนั้น..ก็..ไม่ถูกระดมยิง..........
................แล้ว..ลัคกี้..ก็เอา..คูครี..ปักลงเนินดินตรงหน้า...พร้อมประกาศดังๆ..เป็นภาษากุรข่า
(ไอ้ยุ่น..มันก็ฟังไม่ออกอยู่ดี..แต่ดูวิธีการคงเข้าใจ)...ว่า”..กูจะไม่ให้ไอ้หน้าไหนๆ..ผ่านแนวนี้ไป
ได้..แม้แต่คนเดียว”..ผมว่าไอ้ยุ่น..ก็ต้องตกใจบ้าง..เพราะสภาพหน้า..ของ..ลัคกี้.ที่มีแต่เลือด
เปรอะไปครึ่งนึง..แล้วแยกเขี้ยว..เคี้ยวฟัน..ตะโกนอยู่นั้น..มันคงน่ากลัวไม่หยอก..........
(ผมเข้าใจว่า..การที่ลัคกี้เอา..คูครี..มาปักที่ดินตรงหน้านั้น..มีความหมายอีกอย่างนึงด้วย..
เพราะ..เมื่อ..ไอ้ยุ่นเข้ามาในระยะประชิด..เขาสามารถ..ทิ้งปืน..แล้วคว้า..คูครี..ได้สะดวกกว่า)
.......จากนั้น..ศึกละเลงเลือด..ก็เริ่มเปิดฉาก..ลัคกี้..ยิงทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า..ด้วย
มือซ้าย..และแขนซ้ายที่ไม่ถนัด..ยิงทีเขาก็ต้องมาหนีบพานท้ายปืน..กระชากลูกเลื่อนทีนึง..
ฝ่ายไอ้ยุ่น..ก็ส่งพลยิง..ทยอยเข้ามา..พร้อมกับการยิงประสาน..กันอย่างหูดับตับไหม้..แต่..
ลัคกี้..ที่ใช้แขนเดียว..ก็ยัง..สอยไอ้ยุ่น..ได้เรื่อย..ทำงานเหมือนเครื่องจักร..เขาไม่รู้เรื่องความ
เจ็บปวดอีกแล้ว..รู้อย่างเดียว่า..ฆ่ามัน..ฆ่ามัน..แล้วก็..ฆ่ามัน....ไอ้แรกๆ..ผบ.ไอ้ยุ่นคงหัวเราะ
ก๊าก..พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ..ชักหัวเราะไม่ออก..เพราะ..ไอ้แถวหน้าส่งเข้าไปเงียบหมด..ต้อง
ส่ง..พวกใหม่เข้าไป..............เวลาผ่านไปร่วม ๕ ชั่วโมง..จนรุ่งสาง..ผบ.พันญี่ปุ่น..ก็ยังตีกอง
ร้อย C ของกุรข่าไม่แตก...เขาจึงต้องถอยทัพ..เพราะเดี๋ยว..หน่วยเสริม..ของกุรข่ามาสมทบ..
จะหนีไม่ออก...เสียงปืนจึงเงียบลง....ผบ.ร้อยจึงทำการตรวจสอบ..สภาพทั้งหมด..........
....เมื่อ..มาถึงแนวที่..ลัคกี้ป้องกัน..เขาก็พบร่าง..ลัคกี้.นอนพิงคันดิน..ในมือยังถือปืน LEE
ENFIELD เลือดเปรอะเต็มตัว..พร้อมกับชุดที่ขาดวิ่น..........................
..................................................ต่อตอนหน้าครับ....................................................



...ผบ.กองพลอินเดีย..ที่หน่วยทหารกุรข่าสังกัดอยู่ SAM BAHADUR ได้กล่าวไว้ว่า"If anyone tells you he is never afraid, he is a liar or he is a Gurkha"
(ถ้ามีใคร..บอกคุณว่า..เขาไม่เคยกลัวอะไร..นั่นเสดงว่า เขาเป็นคนโกหก..หรือไม่..เขาก็เป็น..กุรข่า..)

.............................................................................................................................
..............................................................................................................................
.....................................................ชินเขียว.............................................................
.......ความจริงแล้ว..เกือบทั้งหมดของพระกรุเนื้อชินที่ใหญ่ๆนั้น..เขาไม่ได้ตั้งใจทำพระชินเขียว
เป็นหลัก(..ยกเว้น..พระยอดอัฏฐารส พระร่วงทรงเกราะ..พระกรุพะเยา..(กรุวังบัวผมไม่นับ
เพราะเป็น..พระกรุยุครัตนโกสินทร์)...)..อย่างพระพิจิตร..เม็ดข้าวเม่า..ก็ทำชินเงิน..เป็นหลัก
พระกรุลพบุรี..ก็..เนื้อตะกั่ว..กับชินเงิน..พระกรุอยุธยา(วัดราชบูรณะ)..ก็.ชินเงิน..พระกรุวัด
พระศรีรัตนมหาธาตุสุพรรณ..ก็ชินเงิน(นับเฉพาะ..พระเนื้อชิน..ผงสุพรรณเนื้อดิน..ไม่เกี่ยว)
...ฯลฯ..............ในการหลอมเนื้อพระ..ก็ต้องมีการเตรียมการ..นำเอา..โลหะ..ที่จะต้องใช้..มา
เตรียมไว้..เพื่อการผสมและหลอม..เช่น..ตะกั่ว..ดีบุก..สังกะสี..ทองแดง..พลวง.ซึ่งจะกำหนดสัด
ส่วน..การผสม..ตามสูตรที่นายช่างผู้ทำการหลอม..เนื้อโลหะ..กำหนด..ซึ่งก็ไม่ตายตัวกันนัก
แต่คงไม่ต่างกันนัก..เช่น..เนื้อชินตะกั่ว..ตะกั่ว..ก็..จะเป็นหลัก..เนื้อชินเงิน..ดีบุก..ก็จะเป็นหลัก
..เมื่อ..ทำตามสัดส่วน..หลอมเนื้อได้ตามสัดส่วน..เทพระไปจนหมด..แต่..ยังมีโลหะ..ที่เป็นตัว
ประกอบเหลือ..เขาก็คงไม่อยาก..ขนกลับกัน..จึงเอาส่วนผสม..ที่เหลืออยู่มารวมกัน..แล้วหลอม
รวม..เทพระไปจนหมด...เหตุผลที่สนับสนุน..ก็มี..และไม่สนับสนุน..ก็มีซึ่งผมจะยกมาทีละข้อ..
...ที่สนับสนุนคือ..
๑. ส่วนใหญ่..พระเหล่านี้..จะใช้พิมพ์เดียวกับ..พระเนื้อหลัก..อย่าง..พิจิตรเม็ดข้าวเม่า
และ..พิจิตรพิมพ์สามเหลี่ยมเล็ก....หรือ..หูยาน...พระนาคปรก..แต่จะมีจำนวน..น้อยมาก..
จึงน่าจะเป็นไปได้..ที่เกิดจากโลหะเหลือ...และพระจะออกมาไม่สวย...
๒. ถ้าจะทำเป็นพิเศษจริง..(เนื่องจากจำนวนน้อยมาก..ในแตละกรุ)..ก็น่าจะทำด้วย
โลหะที่มีค่ามากกว่า..เช่น ทองคำ..หรือ..เงิน...
๓. เนื้อพระชินเขียว..แต่ละกรุ..ถ้าดูจริงๆแล้ว..จะแตกต่างกัน..บางกรุก็อมเขียว..
..บางกรุก็อมเทา..บางกรุก็เขียวอ่อน..บางกรุก็เทาอ่อน..แสดงถึงว่า..เป็นไปได้..เหลือโลหะ
อะไร..ก็แล้วแต่ที่เหลืออยู่มาผสม...เนื้อไม่คงที่...
ที่ไม่สนับสนุนก็มีเช่น
๑. ทำไม..โลหะที่เหลือ..ส่วนใหญ่จะเป็น..สังกะสีเป็นหลักมากกว่าอย่างอื่น(อาจเป็นไป
ได้..ในโลหะประกอบในการหลอมพระ..สังกะสีจะถูกกว่าเขาเพื่อน..เมื่อเทียบกับ..ทองแดง..
และ..พลวง..เวลาเอามาก็เลยเผื่อไว้เยอะหน่อย....เรื่องเนื้อชินเขียว..ทำจากอะไรบ้าง..ผมจะว่า
ทีหลัง..แต่ให้รู้ไว้ก่อนว่า..สังกะสีคือ..เนื้อโลหะหลัก..ของชินเขียว...)

.........................................ต่อตอนหน้าครับ..............................................................
............................................สวัสดี.........................................................................