เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. มะม่วงสุก

    มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    แถมอีกข้อครับ ลืมถามท่านวิสุทธิเทพไป ท่านกล่าวว่า"เมื่อไม่สามารถรู้ได้ เห็นได้ด้วยตนเอง ก็ไม่ควรปฏิเสธ หรือไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นบาปกรรมเปล่าๆ ควรทำใจให้เป็นกลาง แล้วพิสูจน์ด้วยธรรมะที่รู้ด้วยปัญญาตนเองที่ผ่านการปฏิบัติ อันเป็นสัมมาปฏิบัติ จึงจะสามารถตัดสินได้ว่า เรื่องราวของพระครูเทพโลกอุดรนั้นเป็นจริงหรือไม่ " ผมไม่เข้าใจว่าทำใจให้เป็นกลาง ในทัศนะของท่านนั้น ใช่การรับฟังอย่างมีสติหรือไม่
    แต่เท่าที่เข้าใจดูเหมือน คือ การนำไปพิจารณาแล้วเก็บไว้ในใจจนกระทั่งไอเดียมันเกิดขึ้นมาโดยการปฏิบัติต่างๆ(ก็ไม่รู้ปฏิบัติอะไร) สามารถชี้ชัดได้เอง (แล้วเขาจะมาถามกันในกระทู้นี้ทำไมล่ะครับ) สำหรับการที่ปฏิเสธหรือไม่เห็นด้วยจะเป็นบาปกรรมเปล่าๆ แต่บาปกรรมที่ว่านี้มาจากอะไรครับ ตามความเห็นผมใช่ อุทธัจจกุกกุจจะ หรือ วิจิกิจฉา หรือเปล่า ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2006
  2. vachiravute

    vachiravute Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +73
    อนุโมทนาบุญกับคำตอบทุกท่านครับ

    ตอบกันคนละนิดละหน่อยจนผมพอเห็นอะไรลางๆ แล้วล่ะครับ ว่า สิ่งที่จะรักษาศาสนาพุทธได้นั้นแท้จริงคือ พุทธบริษัท 4 ที่เข้มแข็งในการปฏิบัติที่เป็นสัมมาปฏิบัตินั่นเอง ถ้าจะขยายความลงไปอีกหน่อย มีใครพอช่วยอธิบายมูลเหตุและวิธีการปฏิบัติ การดำเนินการ ในการสร้างพระครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ให้ฟังอีกสักครั้งจะได้ไหม ขอช่วยแสดงแบบมีสัมมาคารวะต่อพระพุทธศาสนิกชนด้วยครับ นอกจากจะมีสัมมาทิฏฐิแล้ว และชี้ให้เห็นว่าได้ช่วยรักษาพุทธศาสนามากน้อยขนาดไหน เป็นที่สุดแล้วหรือไม่อย่างไร
     
  3. tomon2

    tomon2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +77
    คงไม่มีใครตอบหรอกครับ เพราะเค้าเพิ่งทะเลาะกันเรื่องนี้ไปไม่นานมานี้เอง ไม่เชื่อย้อนไปดูสิครับ อย่าเอามาถามเลย ตอบยาก...เสียอารมณ์คนสร้างพระเขาเปล่าๆ เดี๋ยวเขาออกมาว่าให้แล้วจะหนาวววว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2006
  4. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ....ที่แวะเวียนมาสนทนาธรรมกัน ณ ที่นี้ ผมได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นเลย....แหมรู้สึกมีแต่คนมีความรู้ทางธรรมกันทั้งนั้นเลย....เขียนอะไรกันมา ผมอ่านหมด....แต่ไม่รู้ปัญญาจะไตร่ตรองได้แค่ไหน....เริ่มลึกซึ้งกันแล้ว...สองสามท่านหลังนี่อ่านแล้ว ชักชอบใจ...เหมือนเป็นธรรมล้วน ๆ เลย...
     
  5. vachiravute

    vachiravute Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +73
    อยากถามช่างสัณฐ์ ถึงเทคนิคการปิดทองลงบนหินอ่อนที่แกะแล้ว ทำอย่างไรครับ ไม่รู้พอบอกเป็นวิทยาทานได้หรือเปล่า
     
  6. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    ทาสีรองพื้นในล่องหินก่อนหนึ่งเที่ยว...พอแห้งแล้วก็ทาสีเหลืองน้ำมันที่จะปิดทองครับ....พอใกล้ ๆ แห้งก็ปิดทองลงไป(ถ้าตัวหนังสือเล็ก ก็ใช้ภูกันแต้มทองลงไปในล่องตัวหนังสือ)...ถ้าปิดทองแล็บตามข้างตัวหนังสือก็เอาผ้าเช็ดออก หรือหาอะไรขูดเบา ๆ ก็ออก....ปิดทองโดยใช้สีน้ำมันนะครับ.

    อนุโมทนาบุญครับ.
     
  7. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เมื่อมีชีวิตก็ขับไล่ด่าทอไม่นับถือ
    เมื่อสิ้นชื่อจากไปกราบไหว้โหยหา
    เมื่อขาดแสงพระธรรมก็ขอความเมตตา
    เมื่อรู้ว่าเป็นใครไยไม่สนธรรม?


    พระเยซูถูกด่าขับไล่และฆ่าตาย
    ยอมทุกข์ทนทรมานกลางกางเขน
    มนุษย์อ้อนวอนไหว้ร่ำเรียกหา
    แต่เมื่อมากลับต้อนรับขับไสส่ง

    มนุษย์หนอเจ้านี้ช่างมืดบอด
    ยามท่านจากเพียงร่ำไห้หวน
    ยามท่านมาไม่รู้จึงรุมซ้ำ
    กรรมอันใดทำเจ้าให้มืดมน?

    พระธรรมอันเลิศล้ำ
    เพียงเจ้าเปิดใจฟังคงได้พบ
    ไหนเจ้าว่าเจ้ารอได้ประสบ
    เมื่อได้พบพาลปรามาสและถากทิ้ง

    อันพระธรรมอันผู้แสดงไม่แจ้งต่อ
    ด้วยเขาหนอจากไปนิพพานสิ้น
    เจ้าอ่านจำทำเข้าใจไม่ได้กิน
    เพราะขาดสิ้นครูดีมาแนะนำ

    เมื่อครูมาร่างแคระและซอมซ่อ
    โอ้ว่าหนอ เจ้าด่าไล่ดังหมูหมา
    ยื่นพระธรรมให้เจ้าชีพแลกมา
    กลับด่าว่าผิดเพี้ยนไม่อ้างอิง

    เจ้าด่าไล่ขับซ้ำทำไสส่ง
    บ้างยังคงหลงใหลให้ยึดติด
    คำเขากล่าวสรรญเสริญอยู่เนืองนิตย์
    ว่าผู้นั้นมีฤทธิ์มีบารมี

    เจ้าไม่เคยเงยหน้ามองธรรมเขา
    เจ้ายังซ้ำกระทำย่ำขยี้
    เมื่อเขาจากเจ้าไปอย่างไรดี?
    เจ้าจะอยู่อย่างนี้ได้อย่างไรกัน?

    อันพระธรรมที่แสนง่ายสบายแท้
    เจ้าไม่แลเหลียวมองไม่เคยสน
    คิดเพียงแต่หาผู้ที่อ้างตน
    ต้องยิ่งใหญ่ให้สมดังล่ำลือ

    เจ้าหลงเกียรติ์หลงคนหลงตนแล้ว
    เจ้าไม่แคล้วท่องจำพระธรรมสิ้น
    จำแล้วยึดเข้าใจไม่ได้กิน
    หากไม่สิ้นกิเลสอันหลงตน
     
  8. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    พระศรีอาร์ฯ เป็นแค่ตำนาน ไม่มีหรอก
     
  9. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    คุณมะม่วงสุก

    ผมไม่ทราบอะไรมากมายหรอกครับ ปัญญามีไม่มาก เป็นแค่ธรรมดาคนหนึ่งที่ดิ้นรนในโลกนี้เหมือนคนอื่น ก็เพียงแต่พยายามทำตนไปในธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ กำลังพิสูจน์ธรรมะของท่านอยู่

    ถ้าคุณมะม่วงสุก สงสัยเรื่องของพระครูเทพโลกอุดร ก็โทรถามท่านประธานกองทุนพระครูเทพโลกอุดรฯ ได้ครับ ท่านสามารถไขข้อข้องใจคุณได้ ผมได้โทรคุยกับท่านแล้วครับ

    ผมเชื่อว่า บุคคลที่สามารถสื่อถึงท่าน หรือ เป็นลูกศิษย์ท่านจริงๆก็มีอยู่ อันนี้ต้องใช้วิจารณญานของแต่ละท่านครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถสื่อท่านได้ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็ตัดสินว่าบุคคลอื่นผิดไปเสียหมด ผมคิดว่ามันก็ยังผิดอยู่ดี ถ้าเชื่อเลยก็ยังผิดอยู่ดี ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง ด้วยปัญญาญาณอันแท้จริง อันไม่ประกอบด้วยทิฐิและอคติ

    การศึกษาในธรรมะอันที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ดีแล้วนั้นมีอยู่สองทางคือ ปริยัติ และ ปฏิบัติ เมื่อได้ยินได้ฟัง ได้อ่าน ธรรมอันใดก็นำธรรมอันนั้น ข้อนั้น น้อมเข้ามาใส่ตน เรียนรู้เรื่องศีล ก็นำมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นในตน ให้รู้ถึงอานิสงส์ของศีล ให้รู้แจ่มชัดในจิตตนว่า อะไรคือศีลขาด ศีลทะลุ ศีลด่างพร้อย ศีลบริสุทธิ์ อธิศีล การรู้นี้ไม่ใช่รู้ตามตำรา แต่เป็นการรู้จากใจจริงๆ

    แนวทางการปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมะนั้นพระพุทธองค์ก็ตรัสสอนหมดแล้ว ปฏิบัติเพื่อะไรท่านก็ทราบอยู่แล้ว ปฏิบัติอย่างไรก็มีในพระไตรปิฎก หรือถวายตัวเป็นศิษย์ท่านผู้รู้คลองแห่งธรรมะก็มีหลายท่านในยุคนี้

    ที่ว่า ธรรมะเป็นของกลาง เพราะพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้แล้วว่า ถึงพระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่นั้น ธรรมะ (หมายถึง นิพพานธรรม) นั้นก็มีอยู่แล้ว เป็นของกลาง ท่านเป้นเพียงผู้รู้ ผู้เห็นด้วยตนเองเท่านั้น

    ที่สุดของธรรมะคือ "มันเป็นอยู่เช่นนั้นเอง"

    ประโยคนี้ประโยคเดียว กินใจความของ ธรรมทั้ง 84,000 ขันธ์

    ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ญานทัสสนะ วิมุตติ เป็นทางแห่งความเป็นผู้ไม่ข้อง ไม่อาลัย ไม่กังวล

    การสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น ผมมีความเห็นว่า การทำความดีต่างๆเป็นสิ่งที่ดี การแอบอ้างพระครูเทพโลกอุดรหรือไม่นั้น คณะผู้สร้างฯต้องรู้ในตนเองอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเป็นปัญญาชนกันทุกคน

    ในโลกนี้ยังมีเรื่องราวต่างๆให้ศึกษาอีกมากมาย

    คุณมะม่วงสุกเชื่อได้อย่างไรว่า คุณมีชาติที่ผ่านมาและมีชาติต่อๆไป เชื่อได้อย่างไรว่ามีเมื่อวาน มีวันพรุ่งนี้ มีอาทิตย์หน้า มีเดือนหน้า มีปีหน้า คุณอยู่ในปัจจุบันจริงหรือเปล่า หรือเชื่อตามปฏิทินและนาฬิกา

    ผมไม่มีภูมิธรรม ปัญญาอะไรมากมาย เป็นคนธรรมดาที่รอวันตายเท่านั้น เพียงแต่แสดงความคิดเห็นไปตามสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น ขอให้ทุกท่านใช้สติปัญญาตนเองพิจารณา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 ธันวาคม 2006
  10. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    1.) ธรรมของโลกอุดรนั้นเห็นทีผมจะไม่รู้ครับ แต่ที่รู้คือผู้ที่มีภูมิธรรมสูงๆท่านก็ต้องผ่านธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว
    2.) คนแรกที่เอ่ยชื่อ ก็ไม่รู้ว่าใครเรียก แต่ตอบมาก็เดาเอาทั้งนั้น ฟังเขาเอามาเล่าต่อทั้งนั้น เลยเพิ้ยนๆไปบ้าง ปล่อยให้เป็นอดีตไปดีแล้ว แล้วเริ่มต้นที่ตนเองเพื่อให้เข้าถึงธรรมของพระพุทธเจ้า จะดีที่สุด
    3.) ผู้ที่เข้าถึงโลกอุดรที่ว่ากัน ไม่มีทางรู้ได้ ถ้าปฏิบัติไม่ถึงครับ
    4.) คนที่กล่าวว่าตนเข้าถึงธรรมโลกอุดรแล้ว แต่จริงๆแล้วไม่ถึง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงหรือไม่ถึง เราดูไม่ออกหรอกครับ นอกจากว่าท่านนั้นแสดงในสิ่งที่ไม่มีในศาสนาพุทธ
    5.) สมัยพระพุทธเจ้าท่านไม่มีการสร้างพระครับ ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน มีเทพ พรหม มาโปรยดอกไม้สูงเทียมอก พระอานนท์กล่าวว่าคงจะเป็นการกระทำที่เป็นกุศลมากนัก พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่าพระองค์ไม่ทรงสรรเสริญเลย แต่ทรงสรรเสริญการปฏิบัติบูชา เพราะมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งปวง จะทำให้ผู้ปฏิบัติหลุดพ้นจากภัยของวัฏฏะได้
    6.) คำตอบอยู่ในตัวแล้วครับ ถ้ายังมีผู้มีปัญญาที่จะมาถ่ายทอด สืบต่อพระศาสนาแล้วไซร้ พระศาสนาจะเจริญคงอยู่ได้ต่อไป

    ธรรมะ 84,000 พระธรรมขันธ์ สรุปลงตรงที่สอนให้ นั่งให้เป็น ยืนให้เป็น กินให้เป็น เดินให้เป็น นอนให้เป็น สุดท้าย ตายให้เป็น (ธรรมจากเฒ่าไม้แห้ง)</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2006
  11. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    อันเมตตาธรรมล้ำรสที่เธอรอ
    ยื่นให้หนอเธอก็หาจักเห็นไม่
    หัวข้อธรรมที่เธอหาคืออะไร?
    อภิญญาวิเศษไซร้อย่างไรกัน?

    แม้นบทความนี้เธอก็ไม่เห็น
    แล้วผู้เปี่ยมเมตตาที่เธอหา
    เมื่อเธอพบเห็นเขาอยู่ตรงหน้า
    เธอจะเห็นว่าเป็นเขาได้อย่างไร?

    ในเมื่อตาเธอบอดและมืดมิด
    เพชรน้ำหนึ่งยื่นให้หาเห็นไม่
    เธอปฏิเสธด่าเขากลับไป
    เธออย่าได้เห็นตัวจริงเขาอีกเลย


    เอวัง..
     
  12. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ ขอพระธรรม ว่า พระศรีอารย์ ไม่มีหรอก

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทำนาย ทายทักไว้แล้ว พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปมีแน่นอน ตราบใดที่พระอาทิตย์มีลง และมีขึ้นมาใหม่
     
  13. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    ถามเพื่ออะไร...หวังอะไร...
     
  14. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    ลื้อก็นับถือของลื้อไป
    ขอร้องอ้ายน้อง...อย่าก้าวล่วง!​
     
  15. Kittipong s.

    Kittipong s. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +574
    หอทองธรณีจักรแก้วเป็นงานศิลป์ที่วิจิตรพิศดาร มีคุณค่าทางจิตใจมากครับ อนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมสร้างด้วยคนครับ
     
  16. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    ธรรมโลกอุดร

    ธรรมโลกอุดรที่ผมเรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์สอนสั่ง เท่าที่เข้าใจ ความหมายจะใกล้เคียงกับที่คุณวิสุทธิเทพบอก ในแง่ของไม่ใช่ธรรมของบุลคลใดหรือใครผู้หนึ่ง แต่เป็นสภาวะธรรมที่เหนือโลกไป ได้แก่ เหนือแก่ เหนือเจ็บ เหนือตาย จะแปลงเป็นเด็ก-แก่ หน้าตาอย่างไรก็ได้ ในการปฏิบัติให้ถึง วิธีการคงเป็นกรรมฐาน กองใดก็ตามภาวะภูมิจิตจริต แต่โลกอุดรนั้น จะเป็นธรรมที่ล่วงข้ามภาวะการติดในโลกธรรมแปด ได้แก่ มีสุข-มีทุกข์, มีลาภ-เสื่อมลาภ, สรรเสริญ-นินทา, มียศ-เสื่อมยศ
    แต่ผู้เข้าถึงภูมิโลกอุดรส่วนใหญ่เท่าที่เข้าใจน่าจะเป็นโพธิสัตว์ภูมิ เพื่อทำหน้าที่ หรือเรียนรู้ธรรมผ่านภูมิธรรมลักษณะนี้ ... ตัวผมนั้น ปัจจุบันยังติดอยู่ในโลกธรรมแปดทุกข้อ คงยังไม่ถึงโลกอุดรธรรม หากแต่ใครที่มีบุพกรรมกันมากับท่านคงได้พบเจอ นั่นครูบาอาจารย์บอกว่าเป็นบุญมากแล้ว แต่ถ้าใครมีบพกรรมรู้ว่าพระท่านใดที่เป็นบรมจารย์ใหญ่ในสายพระโพธิสัตว์ภูมิ อยู่ที่ไหน พระท่านนั้นก็ย่อมเป็นอาจารย์ใหญ่ในสายโลกอุดร ท่านตายก็เหมือนไม่ตาย ดังนั้นก็อย่าคิดว่าท่านไม่อยู่ ก็อย่าพลาดคลาดเคลื่อนในศรัทธาการปฏิบัติกายวาจาใจกับผู้ใหญ่ท่านนั้นเหมือนท่านยังอยู่
    ...โลกอุดรไซร้ ก็ยังให้เกียรติธรรมกัน
     
  17. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    เรื่องบุพกรรม...
    หากท่านสังเกตุกันจากชาดกอันมากมาย หรือพระไตรปิฎกก็ตาม จะเห็นว่าในพุทธกาล ผู้ที่บรรลุธรรมแทบทุกท่าน หรือญาติของพระพุทธองค์ ล้วนเป็นผู้ร่วมกุศลกับพระโพธิสัตว์มาทั้งนั้นหลายภพชาติ และเกื้อกูลกันมา ตัวอย่างเช่นพระอินทร์องค์ที่ให้พรแด่พระเวสสันดร ก็ได้มาเป็นพระอรหันต์อนุรุทธเถระ หรือกัณหาราชกุมารในพระเวสสันดร ก็มาเป็นพระราหุล
    ดังนั้นหากใครปรารถนาจะพบหน้าพระศรีอาริย์ ก็พึงรักษาศีล และร่วมบุญบารมีทำกุศลกับพระมหาโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีเต็มเป็นพระศรี ฯ บุพกรรมนั้นก็อาจนำพาให้เราพบหน้าพระศรีอาริย์ได้ในอนาคต อาจเป็นญาติหรือผู้ได้ใกล้ชิดหรือได้พบเจอ แต่จงตั้งใจเป็นญาติที่ดีในกรอบในธรรม ไม่ล่วงเกิน เพราะถ้าญาติที่ไม่ดีก็มีตัวอย่างเช่นพระเทวทัต ที่พบเจอพระพุทธองค์หลายชาติเช่นกัน แต่เป็นมิจฉาธรรม
     
  18. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้าจงมีต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง

    จะขออธิบายข้อสงสัยที่ว่า โลกอุดร คือะไรตามสติปัญญาอันน้อยนิดที่ได้อบรมมา สิ่งอันใดไม่ถูกต้องก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ ธรรมนี้เป็นของกลางไม่มีใครเป็นเจ้าของ ผู้ที่ปฏิบัติตน น้อมจิตตนไปสู่ธรรมอันยิ่งย่อมรู้ได้เห็นได้

    พุทธศาสนาแบ่งโลกกุตตรภูมิออกเป็นมรรคผล ๔ ชั้นด้วยกัน ซึ่งเป็นคำที่ท่านทั้งหลายคงจะเคยได้ยินกันทั่วๆไปว่า ชั้นพระโสดาบัน ชั้นพระสกิทาคามี ชั้นพระอนาคมี และชั้นพระอรหันต์. ความเป็นพระอริยบุคคล ๔ จำพวกนี้ หมายถึงโกลกุตตรภูมิในที่นี้

    คำว่า "โลกุตตระ"แปลว่า "อยู่เหนือโลก"
    แต่ภาษาไทยเราเขียนแผลงจนอ่านไปได้เป็นคำอีกคำหนึ่งซึ่งฟังเขวได้ คำนั้นก็คือคำว่า "โลกอุดร" ชาวบ้านทั่วๆไปใช้คำว่าโลกอุดร และต้องการจะไปโลกอุดร แต่คำที่เป็นภาษบาลีนั้น คือคำว่า โลกุตตระ

    โลกุตตร= โลก+อุตตร

    อุตตระ แปลว่า ยิ่ง หรือ เหนือ ฉะนั้น โลกุตตระ จึงแปลว่ายิ่งไปกว่าโลก
    หรือเหนือไปกว่าโลก ส่วนคำที่แผลงไปเป็นโลกอุดรนั้น อาจทำให้เข้าใจผิด
    ว่าโลกทางทิศเหนือ คือ โลกทางทิศอุดรไปก็ได้; นี่มันทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นโลกไปเสียอีก ฉะนั้นต้องระวังให้ดี อย่าไปใช้คำว่าโลกอุดรอย่างที่ชาวบ้านเขาใช้จะดีกว่า; ที่ถูกควรจะใช้คำว่า โลกุตตระ ตามหลักของคำภาษาบาลีซึ่งไม่มีทางที่จะหลงเข้าใจเป็นโลก แต่อาจเข้าใจได้ว่าเหนือโลก. นี้ก็เป็นเรื่องที่ควรจะเข้าใจไว้ด้วยเหมือนกัน.


    คำว่า โลกุตตระ หรืออยู่เหนือโลกนี้ หมายถึงจิตใจ มิได้หมายถึงร่างกาย. ร่างกายนั้นจะอยู่ในโลกไหนภพไหน ที่สมควรกันก็ได้
    เช่นอยู่ในโลกมนุษย์นี้ก็ได้ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ หรือจะเกิดในสวรรค์ชั้นเทวโลก พรหมโลกก็ได้, เพราะว่าโลกเหล่านี้เป็นโลกที่พอสมควร สำหรับเป็นที่ตั้งอาศัยของสัตว์ที่มีจิตใจอันตั้งอยู่ในโลกกุตตรภูมิ ส่วนโลกที่ต่ำไปกว่านั้น เช่นกำเนิดเดรัจฉานหรือเหล่านรกเหล่านี้ ไม่ได้เป็นภพที่สมควร นี้เพื่อชี้ให้เข้าใจว่าร่างกายจะอยู่ที่ไหนนั้นไม่สำคัญ แต่เอาเป็นหลักเป็นเกณฑ์กันที่ตรงจิตใจ;
    ถ้าจิตใจอยู่เหนือการครอบงำของโลก ซึ่งหมายถึงการอยู่เหนือความครอบงำของกิเลสตัณหา อันเป็นเหตุให้เกี่ยวข้องในโลกทุกๆโลก ทุกๆภพนั่นเองก็เรียกว่าผู้นั้นตั้งอยู่ในโลกุตตรภูมิตามชั้นตามส่วน ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ ชั้นดังกล่าวมาแล้ว

    เมื่อโลกุตตรภูมิแบ่งออกเป็น ๔ ชั้นเช่นนี้ เราจะต้องรู้ความแตกต่างระหว่างชั้นนั้นๆเพื่อความเข้าใจดีขึ้น เพื่อจะรู้ความแตกต่าง เราก็ต้องรู้จักสิ่งที่ทำให้เกิดความแต่ต่างเป็น ๔ ชั้นเหล่านั้น ซึ่งได้แก่กิเลสต่างๆที่ท่านจำแนกไว้ สำหรับโลกุตตรภูมิชั้นนั้นๆ จะพึงละให้ขาดไป กิเลสในชั้นนี้ คือตัวกิเลสแท้ หรือตัวกิเลสที่ละเอียดเป็นกิเลสจริงๆ ท่านจำแนกไว้เป็น ๑๐ อย่างด้วยกัน เรียกโดยทั่วๆไปว่า สังโยชน์
    คำว่า สังโยชน์นี้ สัง แปลว่า พร้อม ; โยชนะ หรือ โยชน์ นั้นแปลว่า ผูกพัน จึงแปลว่า ผูกพันเต็มที่อย่างพร้อมพรั่ง กิเลสเครื่องผูกพัน ๑๐ อย่างนี้ ผูกพันคนทุกคน หรือสัตว์ทั้งหลายทั้งหมดให้ติดอยู่ในโลก คนจึงตกอยู่ในวิสัยของโลก และเป็นโลกียภูมิ. ฉะนั้น ถ้าตัดเครื่องผูกพันเหล่านั้นออก
    ไปเสียได้ จิตก็จะค่อยๆหลุดออกมาจากโลกตามลำดับ. เมื่อตัดได้หมดก็เป็นอันว่าจิตหลุดออกมาสู่ความอยู่เหนือโลก เป็นโลกุตรภูมิโดยสมบูรณ์

    สิ่งที่ได้กล่าวมานั้นผมได้เรียนรู้จากครูบาอาจารย์ที่ได้อบรมสั่งสอนมาตลอด ขาดตกบกพร่องอะไร ขออภัยในสติปัญญาอันน้อยด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2006
  19. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    ขอให้คุณ วิสุทธิเทพ ตอบให้ชัดๆด้วยครับ เพื่อเป็นความรู้เล็กๆน้อยๆให้แก่บุคคลทั้งหลาย

    ในคำที่ว่า
    คำว่า สังโยชน์นี้ สัง แปลว่า พร้อม ; โยชนะ หรือ โยชน์ นั้นแปลว่า ผูกพัน จึงแปลว่า ผูกพันเต็มที่อย่างพร้อมพรั่ง กิเลสเครื่องผูกพัน ๑๐ อย่างนี้ ผูกพันคนทุกคน หรือสัตว์ทั้งหลายทั้งหมดให้ติดอยู่ในโลก คนจึงตกอยู่ในวิสัยของโลก และเป็นโลกียภูมิ. ฉะนั้น ถ้าตัดเครื่องผูกพันเหล่านั้นออก
    ไปเสียได้ จิตก็จะค่อยๆหลุดออกมาจากโลกตามลำดับ. เมื่อตัดได้หมดก็เป็นอันว่าจิตหลุดออกมาสู่ความอยู่เหนือโลก เป็นโลกุตรภูมิโดยสมบูรณ์


    ผมยังไม่เข้าใจครับ ถ้าตัดสังโยชน์หมด แล้วจิตตัดกิเลสเครื่องผูกพันออกไปนั้น อารมณ์ของจิตนั้นก็ต้องเข้าขั้นอริยะบุคคลแล้ว คือ เข้าสู่เส้นทางสายนิพพาน ที่มีอยู่ 4 ระดับ ถ้าเข้าระดับ โสดาบันแล้ว ภายในเจ็ดชาติก็จะบรรลุ มรรค ผล นิพพาน

    ผมว่าน่าจะเป็นภูมิของพระมหาโพธิสัตว์ มากกว่าที่จะเข้าเส้นทางสายนิพพาน

    และก็ไม่ได้อยู่ เหนือการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วย เพราะเมื่อไหร่ ถ้าท่านใดอยู่เหนือการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้ว ท่านนั้น ก็จะไม่เห็นสัจจะความจริงที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ แล้วก็จักไม่สามารถเข้าถึงธรรมที่มีได้

    แต่ท่านผู้โลกอุดรนั้น มีพลังจิตที่พิเศษกว่า คนทั่วไปคือมีความสามารถเลือกเกิดได้ เกิดอย่างไร ตายอย่างไร ไปอยู่ที่ไหนได้ มีดวงจิตที่อยู่เหนือ สามัญสัตว์ สามารถควบคุมการเกิดดับของจิตได้อย่างสิ้นเชิง อย่างที่คุณ วิสุทธิเทพ เล่ามาก็ถูก แต่มาติด ที่จุดประสงค์ของผู้ที่มีธรรมโลกอุดรที่เขาว่ากัน ไม่ได้มีไว้เพื่อเข้านิพพานในระยะอันสั้น ขอรับความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2006
  20. hyonnn

    hyonnn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +41
    เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
    ความหลงผิด
    อาจยิ่งกว่า ตายนะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...