อยากทำวิปัสสนา ทำอย่างไรครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ไตรลักษณ, 9 ธันวาคม 2010.

  1. ไตรลักษณ

    ไตรลักษณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +29
    ถามแบบเด็กอนุบาลเลยนะครับ ทำสมาธิไม่ค่อยเป็น ทำได้แค่นิด ๆ หน่อย ๆ น่าจะเรียกว่าขนิกสมาธิ (เป็นคนชอบคิด ค้น และฟุ้งซ่านเก่ง) อยากทำวิปัสสนาทำได้ไหมครับ ทำอย่างไรครับ จะกลายเป็นวิปัสสนึกไหมครับ
    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบครับ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    วิปัสสนาคือสภาวธรรมที่รู้แจ้งในความเป็นจริงตามกฏของธรรมชาติ....

    วิปัสสนาจะไม่เกิดขึ้นได้เลยถ้าจิตยังมีนิวรณ์ธรรมควบคลุมอยู่.....

    กล่าวคือถ้าไม่มีสติรวมเป็นกำลังสมาธิ เพื่อเจริญองค์มรรคแล้ว กล่าวได้ยาก.....

    สิ่งแรกที่ยังทำไม่ได้....ถ้าปรารภวิปัสสนา...มีจุดเริ่มได้หลายจุดนะ..จุดหนึ่งที่สำคัญคือ สติ นะครับ.....

    สติรู้ในกรรมฐานที่ปฏิบัติอยู่ดี.....ทั้งกายและใจในปัจจุบันขณะนั้นๆนั่นหละนะ...วิธีการมีใน สติปัฏฐานสูตร. พระพุทธองค์ทรงตรัษสอนไว้หมดแล้ว.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2010
  3. ไตรลักษณ

    ไตรลักษณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอบคุณ คุณ Phanudet ครับ แสดงว่า ยังไงก็ต้องผ่านด่านแรก(สมาธิ)ให้ได้ก่อนใช่ไหมครับ แล้วต้องสมาธิระดับไหนครับ ขอความเห็นหลาย ๆ ท่านครับ เสวนาธรรมกันเป็นแนวทางครับ
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
  5. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    วิปัสนา รู้ตามจริงของกายของใจไป รู้ตามจริงของธรรมชาติไป
    ใจเป็นอย่างไร รู้อย่างนั้น กายเป็นอย่างไร รู้อย่างนั้น รู้อย่างที่รู้ได้ มีกำลังเท่าไหร่ก็รู้ไปอย่างนั้น มีนิวรณ์ก็รู้ว่ามีนิวรณ์ไปด้วย
    จะรู้ได้ลึกขึ้นเรื่อยๆ
    เพียรรู้ เพียรดู เพียรเจริญ วิปัสนาก็จะเจริญขึ้นตามกำลัง
    รู้ตามจริง เพื่อถึงจริง
    สำหรับผม
    ดูคำตอบหลายๆท่านครับ เพื่อจะพบทางที่ถูกจริต
    อนุโมทนาในความสนใจในการปฏิบัติด้วยครับ
     
  6. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    สมาธิไม่ต้องเยอะมากนักหรอกครับ แค่อุปจารสมาธิ แค่นี้ก้อไปได้ไกลแล้วครับ ถ้าเราทำวิปัสสนาเป็นจริงๆ

    ลองเริ่มจากมองดูธรรมที่อยู่รอบๆตัวก้อได้ครับ เช่น ใบไม้ เมื่อวานนี้ยังใบเขียวๆเล็กๆ วันนี้มันก้อโตขึ้นๆ จนในที่สุดก้อใบใหญ่เต็มที่ แล้วก้อเริ่มแก่ แก่มากขึ้นๆ แล้วก้อร่วงหล่นไป
    หรือไม่ก้อลองดูที่อาหาร เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเป็นยังไง ตอนนี้เป็นอาหารแล้ว ถ้าคุณอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ก้อลองดูผู้คน มีทั้ง อยู่ในท้อง เด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ แล้วก็อยู่ในโลง
    หรือบางคนยังไม่ทันคลอดออกมา ก้อสิ้นไปเสียแล้ว มันไม่ได้ตายตัวว่าจะต้องไหลไปตามนี้ ใบไม้บางใบ ยังไม่ทันแก่แต่โดนคนเด็ด คนดึงไปซะล่ะ

    หรือถ้าคุณไม่ชอบแบบนี้ คุณชอบแบบแนววิทยาศาสตร์หน่อย ก้อลองพิจารณาหาสาเหตุของแต่ละอย่างดู อาจจะเริ่มจากสิ่งต่างๆรอบตัวหรือแม้แต่ตัวคุณเองก้อย่อมได้ ถ้าวันไหนคุณรู้สึกไม่ดีไม่สบายใจ ก็ลองเอามาวิเคราะห์หาตัวต้นเหตุที่แท้จริง มองลงไปเรื่อยๆนะ แล้วก็ลองหาทางแก้ดูครับ

    นอกจากนี้ยังมีอีกเยอะนะครับ ลองหาอันที่คุณว่าคุณชอบมากที่สุดแล้วลองดูละกันครับ
     
  7. สูร

    สูร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +31
    วิปัสสนึก ถูกแล้ว นึกเข้าไป
    นึกเข้าไปในกายของตัวเอง
    ตรงไหนสะอาดหาให้เจอ
    ตรงไหนสกปกหาให้เจอ
    สุขอยู่ไหนหาให้เจอ
    ทุกอยู่ไหนหาให้เจอ
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ด่านแรก ต้องมาฟังพระเทศน์ก่อนครับ
     
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    แต่คำถามไม่อนุบาลอย่างที่ว่าเลยนะครับ

    ท่านที่ถามแบบนี้ ก็น่าจะรู้ทางเดินวิปัสสนาบ้างเหมือนกัน
     
  10. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ถ้าผู้เริ่มต้นก็เหมือนสมถะครับ ทำสมาธิจนจิตรวมเป็นหนึ่งจึงเรียกว่ามีฌานสมาธิคือมีจิตที่นิ่งแน่วแน่อยู่ในระดับหนึ่งและไต่ขึ้นไปลำดับต่อๆไป
    แต่วิปัสสนาจะแยกออกมาเมื่อถึงระดับที่พอใช้งานได้

    อย่าเพิ่งกล่าวต่อไปเลยดีกว่า ประเดี๋ยวจะยิ่งฟุ้งไปมากกว่าเดิม

    สรุปโดยกล่าวเป็นภาษาปากว่า ทำสมาธิให้นิ่งก่อน อย่าเพิ่งรีบด่วนไปคิดอะไรที่ยังมาไม่ถึง และจงทรงสถานะนี้ไปตลอด เริ่มต้นตั้งแต่ยอมรับให้ได้เสียก่อนว่า เมื่อหายใจเข้าก็ย่อมต้องหายใจออกอยู่ดี เมื่อหายใจออกสุดแล้วก็ย่อมต้องหายใจเข้าอยู่ดี และมันจะเป็นจริงดังที่กล่าวไปแล้วหรือไม่อย่างไรก็อย่างเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้ประจักษ์กับตนเอง
    ทำอยู่อย่างนี้แหละ ทั้งสมถะและวิปัสสนาก็เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เริ่มยอมรับโดยปราศจากความนึกคิดปรุงแต่งเองจากจิต ยากไหมล่ะ ?
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คิดฟุ้งซ่าน อยากจะทำวิปัสสนา อันดับแรกเลย ให้เจริญ สติ

    คำว่า เจริญสติ นี้ก็เปรียบได้ว่า หากเป็นคนไม่มีสติ ก็จะทำอะไรเลื่อนลอย จำไม่ได้ว่า เราทำอะไรไป คิดอะไรไป รู้สึกอะไรไป เมื่อจำไม่ได้ ระลึกไม่ได้ เพราะไม่เคยฝึกสติ
    ก็จะกลายเป็น วิปัสสนึก คือ นึกเอา ไม่ได้พิจารณาตามความจริง
    ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ สติ ให้เจริญ ด้วยการ คอยมองดูอาการของกาย ที่เคลื่อนไหว อันดับแรก แล้วคอยรู้ตัวในการกระทำในทุกอริยาบท ทุกความคิด ทุกความรู้สึก
    เมื่อรู้ตัวแล้ว ก็จะจำได้ เมื่อจำได้ก็จะสามารถพินิจพิจารณาได้ว่า
    สิ่งต่างๆ ที่เกิดกับตนไม่ว่าจะเป็น ความคิด ความนึก ความรู้สึก ปัีญญา ความเข้าใจ ต่างๆ นั้นมันมีลักษณะอย่างไร เกิดมาด้วยเหตุใด

    จนเราจะเห็นความจริงเกี่ยวกับตัวเราเองได้บริบูรณ์ที่สุด ด้วยการศึกษาสิ่งที่เป็นไปเกี่ยวกับตัวเรานี้ จึงเรียกได้ว่า ปัจจัตตัง จะรู้ก็รู้ได้เฉพาะตน

    ประการต่อมา อบรมสมาธิ ด้วยการมีสติ ว่าเราฟุ้งซ่าน เราก็ทำความสงบ ด้วยการระงับอาการต่างๆ ของจิตใจ ที่ไหลไปตาม กระแสความคิด ให้สงบตัวลงได้

    แล้วค่อยๆ ศึกษา อาการต่างๆของตัวตนเรา ให้ละเอียด

    หมั่นทำบุญ ทำทาน ทำจิตให้มีกุศลมากๆ เพราะกุศลจะซักฟอกจิตให้สงบตัวลงไป แล้วเราจะสังเกตุเห็น สิ่งที่เป็นภัย คือ อกุศลได้มากขึ้น ก็จะทำให้เราเลือกเดินทางชีวิตได้เหมาะสม และเอื้อประโยชน์ต่อ การดำรงชีวิต และ การศึกษาธรรมได้ดี
     
  12. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ขอตอบแบบเด็กๆตอบนะครับ

    คนชอบคิดค้นมักจะเป็นคนที่มีอารมณ์ฟุ้งจัด

    ถ้าคิดเรื่องทั่วๆไปหรือแม้แต่ธรรมะแบบจับต้นชนปลายไม่ถูกเรียกว่าฟุ้งซ่าน ถ้าคิดเรื่องธรรมะในขณะมีสติ สมาธิก็จะเป็นพิจารณา เป็นวิปัสสนา

    วิปัสสนาทำได้ทุกๆระดับสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นขณิกะ อุปจาระ หรืออัปปนาสมาธิ

    ได้สมาธิแล้วก็ยกวิปัสสนาขึ้นมาพิจารณาต่อได้เลย ก่อนอื่นก็ต้องอาศัยสัญญาด้วยเหมือนกัน เพื่อจูงจิตให้เห็นตามสัญญา จนเกิดปัญญาด้วยอาการที่จิตไม่เถียง คือยอมรับความจริง

    เช่น จำได้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า โลกนี้มี "ทุกข์" นี้คือสัญญา

    ต่อมาพิจารณาถึงเรื่องต่างๆในชีวิตนี้แล้วเห็นเป็นความจริงว่าการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย การกระทบกระทั่งกับสิ่งที่ไม่ปรารถนา ไม่ได้ดั่งใจเรา นี้เป็นทุกข์จริง เกิดสลด สังเวชขึ้นจริงที่อารมณ์ความรู้สึกในจิต จนเกิดญาณในวิปัสสนา นี้ คือปัญญา หรือเป็นวิปัสสนาญาณแท้ ญาณที่ควรสนใจคือ นิพพิทาญาณ และสังขารุเปกขาญาณ

    แต่ปัญญาก็จะมีหลายขั้นเป็นระดับๆ ต่อไปอีกตามปัญญาที่เห็นที่รู้ในข้อธรรม หรือการเข้าถึงผลการปฏิบัติ

    อนุโมทนาครับ
     
  13. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    ไม่ยากหรอกครับ
    เพียงแต่
    ไม่สนอดีต คืออย่าสนใจอารมณ์ ที่ผ่่านมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    ไม่คิดอนาคต คือไม่ต่อความยาว สาวความยืด กับสิ่งที่ได้เห็นมา
    กำหนดปัจจุบัน คือตั้งสติให้ดี รู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ไม่ต่อความให้ยาว สาวความให้มันยืด นั่นก็เป็นวิปัสสนาแล้ว
    ต่างแต่เพียงว่า จะทำได้นานเพียงใด ถ้าทำได้นาน ก็มีความสุขนาน หรือหมดทุกข์ไปเลย
    ลองดูนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ธันวาคม 2010
  14. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,465
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ตามนี้เลยครับคุณ ไตรลักษณ อ่านเเละฟังได้ตามนี้ทั้งหมดครับ เจริญในธรรมครับ

    วิธีนั่งสมาธิขั้นเบื้องต้นของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา

    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=420

    อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ

    http://palungjit.org/threads/อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ.217531/

    เวปเรียนปริยัติธรรม on line เรียนฟรีครับ เข้าไปในเวปเเล้วดูที่ซ้ายมือครับ จะมีบทเรียนอยู่ ลองเรียนดูนะครับ จะได้เข้าใจถึงเเก่นเเท้ของพระพุทธศาสนาครับ

    http://www.buddhism-online.org/web/

    หากเข้าไม่ได้ ลองเข้าวันอื่นเเล้วกันครับ บางทีทางเวปเขา update อะไรอยู่ หรือลองเข้าอันนี้ก่อนก็ได้ เเต่อันที่สองนี่ต้องใช้ internet explorer เข้าครับถึงจะอ่านได้

    http://www.buddhism-online.org/Index1.htm

    ชั้นของสมาธิ ( ฟังกันหลงเรื่องนิมิตในสมาธิ )

    http://palungjit.org/threads/ขั้นของสมาธิ.1589/

    อาการของปีติ

    http://palungjit.org/threads/อาการของปีติ.1649/

    ส่วนเรื่องของการวิปัสสนา ผมขอเเนะนําหนังสือ 2 เล่มนี้ให้ไปอ่านครับ จะได้ปฏิบัติในด้านของการวิปัสสนาได้อย่างถูกต้องครับ

    1. หนังสือวิปัสสนาภูมิ เเละ หนังสือหนังสือสิ่งที่ดีที่สุด (เพื่อตัวเรา)

    เล่มนี้เป็นวิธีสอนการวิปัสสนาอย่างถูกต้อง เข้าไปในเวปที่ให้มาเเล้วเลื่อนลงไปเรื่อยๆจะเจอหนังสือครับ
    ส่วนหนังสือ หนังสือสิ่งที่ดีที่สุด (เพื่อตัวเรา) ก็เป็นหนังสือที่ดีมากๆด้วยเช่นกันครับ ไม่อยากให้พลาดกันครับ

    http://www.kanlayanatam.com/booknaenam_.htm

    2. หนังสือ สติปัฏฐาน ๔ ( หนังสือเล่มนี้สอนให้เราดูจิตของเราอย่างถูกต้องครับ ใครดูจิตได้ตามในหนังสือนี้ การบรรลุธรรมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเเน่นอน )
    เ้้ข้าไปเเล้วค่อยๆเลื่อนลงเเล้วหาดูครับ อยากให้อ่านครับ จะได้นําไปปฏิบัติได้อย่างถูกทางครับ

    http://www.kanlayanatam.com/booknaenam.htm

    หนังสือสมาธิเพื่อชีวิต
    รวบรวมคำสอนของครูบาอาจารย์
    เล่มนี้นั้นดีมากๆครับ อ่านเเล้วคิดได้ทุกหน้าเลย สนใจก็โหลดไปอ่านกันนะครับ เจริญในธรรมครับ

    http://dhammasatta.igetweb.com/index...ist&catid=1179

    ฝากหนังสือ " ชีวิตเป็นอย่างนี้ " ให้โหลดไปอ่านด้วยครับ เล่มนี้ดีมากๆครับ อ่านเเล้วคิดอะไรได้อีกหลายอย่างเเน่นอนครับ

    http://www.numthang.org/topic/3710/1/


    ฟัง เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน

    http://palungjit.org/threads/เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน.218/

    ฟัง เเละ อ่าน หนังสือ " นักโทษประหาร "
    http://audio.palungjit.org/forums/เสียงอ่านหนังสือ-นักโทษประหาร.3584/

    http://www.dhammasatta.org/index.php?mo=21&catid=1179&fid=6618&detail
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  15. ไตรลักษณ

    ไตรลักษณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +29
    คม ถูกใจ ทุกคำตอบเลยครับ ผมอ่านทุกคำตอบนะครับ เพราะอยากรู้จริง ๆ เพื่อแก้ความลังเลสงสัยของตัวเอง อย่าได้คิดเป็นอื่น สำนึกในพระคุณทุก ๆ ท่านด้วยความจริงใจครับ เป็นบุญแล้วครับที่ท่านสร้างกำลังใจให้ผม
    แวะเข้ามาขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  16. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    อันดับแรกเลยคุณจะต้องทำความ สงบ ให้ได้ก่อน (สมถกรรมฐานถ้ามีความสงบแล้วอย่างติดความสงบนะ) ความสงบเปรียบดังเนื้อติดฟัน เมื่อเกิดความสงบแล้ว ค่อยยกจิตขึ้นทำวิปัสนากรรมฐาน หรือ เรียกว่า ปัญญา
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ทำก่อน ความดีอย่าไปกลัว ติดสมาธิอย่างน้อยก็ยังถือว่าได้ทำความดี อย่างน้อยก็จะได้รู้รสชาติของคำว่าติดสมาธินั้นมันเป็นอย่างไร...... อย่างน้อยได้พิสูจน์ในคำสอนพระพุทธเจ้าว่า ฌาน นั่นมันมีความสุขขนาดใหน ไม่ต้องไปเชื่อใครที่เขาว่าติดมันไม่ดี ลองเสียมันให้รู้ด้วยตนเอง ของอย่างนี้มันไม่ได้มีโทษ......ตายไปก็ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความเพียร.....

    ดีกว่ายังไม่เริ่มเดินแม้แต่ก้าวเดียวมัวแต่กล้าๆกลัวๆ...เขาพากันวิ่งไปกันหมดแล้ว....ครูบาอาจารย์ท่านก็สอนให้ทำกัน...ความดีขั้นต้นยังไม่ได้อย่าไปพูดถึงความดีขั้นสูง....ถ้ารู้ว่ามันจะติดยังจะไปให้มันติดอยู่ก็โง่เสียขนานหนัก....แต่ไม่ทำเลยโง่กว่า.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  18. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    เคยนั่งสมาธิแล้วถูกยุงกัดที่เท้า ตอนแรกจะทนความคันไม่ไหว ก็จะ เกา พอเกาแล้ว มันก็ไม่หายคันซักที
    ก็เลยมานั่งคิด เออ คันนักใช่มั้ย เกาก็ไม่หาย ลองปล่อยมันดู ไปนั่งดูความคัน แทนที่จะภาวนา ก็มานั่งดูความคันแทน
    ลองสังเกตุความคัน แบบ จริงจังดู พักนึงก็ได้รู้สึกว่า จริงๆแล้วมันแค่เป็นอาการ แสบเล็กๆ แล้วหน่วงๆ เป็นช่วงไม่ถึงกับเจ็บ
    พอได้รู้จักความรู้สึก คัน จริงๆแล้ว อ๋อ คันมันก็เป็นแบบนี้เองหนอ มันก็ไม่เท่าไหร่เลย ก็ลองมองดูต่อไป
    แล้วก็มานั่งคิดต่อ ทำไมเราถึงทนไม่ไหว ต้องมานั่ง เกา ก็มานั่งดูใจตัวเอง นั่งไปนั่งมา (ตอนนี้ความคันของผม หยุดไปแล้ว)
    ก็พอได้คำตอบออกมา เลาๆ ว่า ที่แท้ตัวการจริงๆ ก็คือ จิตใจนี่เอง มันรำคาญ ยุงที่กัด (เกิดนิวรณ์) แล้วทนกิเลสไม่ไหว ก็เลย เกา เพื่อสนองกิเลสตัณหา
    สรุปแล้ว ผมแพ้นิวรณ์ กิเลสนี่เอง เพราะความรู้สึกคัน ถ้ามองจริงๆ มันก็ ไม่เท่าไหร่ แต่ใจเรามันคิด รำคาญไปก่อน มันอยากให้เลิกนั่ง

    ผมทำแบบนี้ครับ ไม่ทราบว่าจะถูกผิดอย่างไร แต่ก็ยังดี เอาตัวรอดมาได้ นิดหน่อย แล้วก็ไม่คิดว่าผมเอง ฝึก วิปัสสนา แต่ไม่รู้ว่า เข้าข่ายวิปัสสนา หรือไม่
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ต้องดูต่อ ให้เป็นปัจจุบัน

    ยุงกัด มันไปแล้ว เราไม่ได้ตี [ เดชะบุญ ลาภแล้วหนอ ] ( สภาวะดับไปหนึ่ง )

    มันคัน เราดูจน ละยินดี ยินร้าย ในกาลก่อนลงเสียได้ ก็ ปัดติโถ มันก็แค่
    อะไรยิกๆไหวๆ แค่จุดเล็กๆกว่าขุมขนซะอีก แล้วมันก็มี ใจ แยกจาก กาย
    มีจิ๊กๆ แยกออกจากทั้ง กาย ทั้งใจ เห็นแล้วแว็บเดียวแล้วดับไป ยังไม่รู้
    ว่า เอามาทำอะไรได้กับความรู้นี้ ( สภาวะดับไปอีกหนึ่ง )

    แต่ยังสงสัย ติดใจว่า มันคืออะไร คราวนี้ ระลึกถึงอารมณ์คันๆมันๆเพราะเกา
    เป็น ธรรมารมณ์ภายใน ย้อนไปในอดีต ลืมปัจจุบันไปแล้ว แต่ก็ยังดี เพราะว่า
    เป็นการฝุ้งในธรรม ดีกว่าฝุ้งเพราะมันกับการเกา บางครั้งแค่นึกว่าคันก็เผลอ
    เกาทั้งที่ไม่ได้มียุงกัดสักหน่อย อันนี้สร้างธรรมารมณ์ขึ้นมาเองดูไม่ทันแล้วยัง
    ไหลไปกับมันอีก เห็นตรงนี้ได้ก็ขำๆ

    ตรงการนึกย้อนไปใน ธรรมารมณ์ อารมณ์เก่าๆ อันนี้ ถือว่า ไม่ใช่วิปัสสนา ถ้า
    วิปัสสนาเดินจริงๆ

    คัน ก็เกานะ เกาได้ แต่ให้รีบละการดูคัน มาดูกายที่ขยับไปเกา ดูลงปัจจุบันไว้
    ถึงจะเป็นวิปัสสนา

    ความรู้สึกที่ชี้ได้ว่า เป็นวิปัสสนา คือ การรู้สภาวะปรมัติ เช่น ร้อน เย็น แข็ง ตึง
    อ่อน ไหว รำคาญ เป็นต้น ( ตอนไปเห็น คันเป็นจุดไหวๆ นั่นแหละ ตัวหนึ่ง)

    แต่ถ้ารู้ว่า"คัน" รู้ว่า"เกา" รู้ว่า"ไม่เกา" ย้อนไปค้นคว้า เหล่านี้คือ ตกไปจาก
    เป็นการภาวนาวิปัสสนา อย่างมากเป็น นามรูปปริเฉทญาณ กับ สัมมสนญาณ
    ( 2 ชื่อนี้เป็นขั้นตอนวิปัสสนาก็จริง แต่ไม่ถือว่า ขึ้นวิปัสสนาได้ -- ไม่งงนะ)
     
  20. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างครับ คุณ เอกวีร์
    มาได้ความรู้ อีกคน
    ผมเป็นพวก เข้าใจ คำพูดยืดยาว ยาก ครับ
    ชอบเป็นตัวอย่าง เห็นๆ แล้วประยุกต์ แบบนี้มากกว่าครับ จึงได้ยกตัวอย่างมา ให้ท่านผู้รู้ เสริม
    ถ้าท่านใด มีสิ่งที่จะชี้แนะอีก ก็ กรุณาด้วยครับ ผมคอยรับฟังอยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...