ตามรอย "พระมหาชนก"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 15 กรกฎาคม 2010.

  1. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    จ้า...ปัญหามันเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ และมันก็ดับไปเน๊อะ

    เรา

    ไม่หยุดหรอก
     
  2. Mrs.Kim

    Mrs.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +2,306
    ไม่ใช่ปัญหาอย่างเดียวค่ะ...ทุกสิ่งในโลกใบนี้ มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ มีดับไป วนเวียนกันไปไม่จบไม่สิ้นค่ะ
     
  3. ko231969

    ko231969 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +96
    ติดตามกระทู้นี้มาตลอดครับและจะติดตามต่อไป ขอบคุณทุกท่านที่ลงข้อมูล ขอส่งใจให้เป็นกำลังใจแก่ทุกท่านครับ ด้วยความเคารพ
     
  4. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    [​IMG]

    ตามประวัติศาสตร์นั้นชเวดากองเคยถูกอังกฤษยึดเป็นป้อมประจำการและใช้เป็นค่ายทหาร อยู่นานถึง 77 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายนของปีพ.ศ.2395 สมาคมชาวพุทธหนุ่มจึงหยิบยกเรื่องการสวมรองเท้าของชาวตะวันตก ที่คล้ายจะเป็นอภิสิทธิ์เหนือคนพื้นเมืองเจ้าของประเทศ เข้าไปในศาสนสถานของพม่า ให้กลายเป็นประเด็นในการต่อต้านจักรวรรดินิยม ปัญหาทางวัฒนธรรมลุกลามกลายเป็นปัญหาทางการเมืองโดยขบวนการชาตินิยมยุคบุกเบิกในปีพ.ศ.2459 จนกระทั่งสุดท้ายในปีพ.ศ.2461 รัฐบาลอังกฤษต้องประกาศเตือนไม่ให้ชาวยุโรปไปเที่ยว
    ชเวดากอง

    การเตือนครั้งนั้นเหมือนน้ำมันราดไปบนกองไฟ มีหรือชาวตะวันตกจะฟังเสียงทัดทาน พวกเขาพร้อมใจกันฝ่าฝืนเดินทางไปชมชเวดากอง ชาวพม่าไม่ยอมแต่ก็ต้านทานไม่ได้ ซึ่งฝ่ายต่อต้านอย่างสมาคมชาวพุทธหนุ่มก็ตอบโต้ด้วยวิธียืนเรียงหน้ากระดานกันไม่ให้ใครก็ตามที่สวมถุงน่องรองเท้าเดินผ่านเข้าไปได้ถึงองค์พระเจดีย์ ชาวพม่าถึงขนาดล้มตัวนอนให้ทหารอังกฤษใส่รองเท้าเหยียบตนเองดีกว่า ศรัทธาแรงกล้ามากก

    เรื่องราวลุกลามใหญ่โตกระทั่งรัฐบาลอังกฤษต้องประกาศยอมให้ชาวต่างชาติทุกคนถอดถุงน่องรองเท้าก่อนจะเดินเข้าไปยังศาสนสถานของพม่าทุกแห่ง...ธรรมเนียมนี้ถือปฏิบัติกันมากระทั่งปัจจุบัน



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  5. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    เราจะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นสังคมคุณธรรมได้อย่างไร?

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=exb21yBqT18]YouTube - มูลนิธิยุวพัฒน์ พ่อผาย[/ame]

    ใช้ขี้วัว
     
  6. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    เราจะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นสังคมคุณธรรมได้อย่างไร?


    ขี้วัว = โครงงานคุณธรรม

    ปุ๋ยเคมี = วิชาการและโครงงานวิทยาศาสตร์


    [​IMG]

    ก่อน ปี2549 เราปลูกมะม่วง โดยใช้แต่ปุ๋ยเคมี ทำให้ดินเสีย แล้งน้ำ(ใจ) ธรรมชาติิเสื่อมโทรม

    บัดนี้ 5ปีแล้ว ที่เราปลูกมะม่วงพันธ์ดีบางส่วน โดยใช้ขี้วัว ดินเริ่มดีขึ้น ชุ่มชื่นขึ้น เป็นหย่อมๆ

    แต่เกษตรกรส่วนมากก็ยังติดค่านิยมเดิมๆ ลงทุนซื้อปุ๋ยเคมีเป็นหนี้เป็นสินก็เอา
    ตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ไม่สิ้นสุด

    นายทุนและพ่อค้าโลภมากก็ยังแร่งปุ๋ยเคมีเป็นส่วนใหญ่

    มาปีนี้ นายทุนและพ่อค้าเริ่มเห็นโทษภัยของปุ๋ยเคมี
    เพราะดินเสื่อมทรามหนัก น้ำในดินก็เหือดแห้ง ต้นมะม่วงแห้งเฉา จวนเจียนจะตาย
    ทั้งต้นที่โตแล้วและต้นกล้าต้นใหม่

    โดยเฉพาะกล้าต้นใหม่ มีทั้งโรคแทรกซ้อน หนอน แมลง โรคระบาด ใช้สารเคมีปราปกันไม่ไหว

    ..เห็นทีดูท่าจะไม่ดี ขืนปล่อยไว้แบบนี้ มีหวังโดนชาวบ้านด่า และขาดทุนย่อยยับ

    เลย ตื่นขึ้นมาและประกาศว่า ต่อไปให้เกษตรกร ใช้ปุ๋ยเคมี 70% ปุ๋ยอินทรีย์ อีก30% !!

    เกษตรกร ที่ใช้ขี้วัว ก็ยังถูกเหยียบย่ำ
    ไม่มีนายทุนหรือพ่อค้าสนับสนุน
    คนส่วนใหญ่ก็ยังมองไม่เห็นคุณค่าของขี้วัวอีกต่อไป

    ในสวนมะม่วงแปลงหนึ่ง แม้ตอนนี้ จะมีการใช้ขี้วัว ไม่ถึง 1ต้น จากต้นมะม่วงร้อยต้น
    แต่มะม่วงต้นที่ใช้ขี้วัวเป็นมะม่วงพันธ์ดี ผลดก ต้านทานโรค

    แต่รอดูเถอะ.. 5 ปีที่ผ่านมา แม้ตอนนี้ต้นมะม่วงพันธ์ดียังไม่ออกผล

    หากยังอดทน ต่อคำดูหมิ่น ว่าโง่เขลา และก้มหน้าก้มตาเพียรใช้ขี้วัวต่อไป
    อีกไม่เกิน5-10 ปี พอมะม่วงที่โตขึ้นมากับขี้วัวออกผลเต็มที่ และมีปริมาณมากพอ

    ดินและน้ำ ท้องฟ้าธรรมชาติ จะกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

    ถ้า.. ไม่โดนโค่นหรือโรคระบาด พายุร้ายทำลายแปลงเกษตรเสียก่อน

    แต่ก็ชื่อว่า..
    แม้จะมีภัยมา ในแปลงมะม่วงทั้งหมด100 ต้น
    มะม่วงพันธ์ดีที่มีภูมต้านทานก็น่าจะรอดสัก10ต้นละน่า.

    [​IMG]



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  7. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    1 ปี ผ่านไป
    แม้ท่านจะรับรู้ว่า มันมีเกษตรกรกลุ่มหนึ่ง ที่ปลูกมะม่วงพันธ์ดี และใช้ขี้วัวอยู่นะ
    ดิน น้ำดีขึ้นจริงเป็นหย่อมๆ แก้ปัญหาดินเสื่อมทรามได้สำเร็จ

    พร้อมสัญญากับลูกหลานและเกษตรว่า จะสนับสนุนการใช้ขี้วัวเต็มที่

    1ปีกว่า ผ่านไปแล้ว...เกษตรกรก็ยังมีความหวังลึกๆว่า
    ท่านคงไม่มองข้าม และอาจจะเห็นคุณค่าของขี้วัวมากกว่าปุ๋ยเคมี

    แต่บัดนี้ก็ยังไร้วี่แวว

    ท่านยังหลงระดม นักวิชาการการเกษตรและเทคโนโลยีสมัยใหม่เต็มที่
    หวังจะใช้สิ่งเหล่านั้นแก้ไขปัญหาน้ำดำ ดินเสื่อม

    อนิจจา

    นักวิชาการพวกนี้แม้จะจบเกษตรจริง แต่ปลูกมะม่วงไม่เป็น

    คง..ต้องเรียนถามท่านตรงๆ ว่า

    ทำไม? ไม่ใช้ขี้วัว

    ทำไมไม่สนับสนุนให้ใช้ขี้วัวอย่างเต็มที่ ขี้วัวไม่ดีตรงไหนครับท่าน?

    ท่านกล่าวอะไรไว้กับเด็กๆ ท่านจะไม่ทำตามคำที่ท่านพูดไว้หรือ?



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  8. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    เจาะใจ อจย. กับ สคส.ปี2547

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cCYMDCOCtHE]YouTube - jor jai2-12-53-2[/ame]
     
  9. Mrs.Kim

    Mrs.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +2,306
    ขอสนับสนุนการใช้ขี้วัวใส่ต้นไม้ด้วยค่ะ...ที่บ้านใช้ขี้วัวใส่ต้นไม้เกือบทุกต้นเลย
    ขอบอกว่าช่วยปรับสภาพดินและเพิ่มผลผลิตได้ดีเยี่ยมมากๆค่ะผลข้างเคียงก็ไม่มีด้วยค่ะ
    ประโยชน์มากมาย ราคาถูก ปลอดภัยไร้สารเคมี ไม่มีผลข้างเคียง หันมาใช้ขี้วัวกันเถอะค่ะ
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    ศาสนามี แต่ขาดสัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    [​IMG]
    วัดดอยเกิ้ง


    หงส์ นกผู้หยั่งรู้โลกอนาคต

    [​IMG]

    ชาวจีนเรียกหงส์ว่า เฟิ่งหวง และยกย่องให้หงส์เป็นดั่งเทพเจ้าสามารถหยั่งรู้ความสุข-ทุกข์ ความวุ่นวายในโลกมนุษย์และโลกในอนาคตได้ แต่จะไม่ให้ใครเห็นได้โดยง่าย จนกระทั่งเมื่อยามใดบ้านเมืองมีสันติสุขอย่างแท้จริง แผ่นดินมีคนดีมาเกิด หงส์จึงจะออกมาปรากฏตัวให้เห็น

    ตามปกติหงส์จะหากินอยู่บนภูเขาในป่าไกลโพ้น เรียกกันว่า เขาแดง คล้ายในป่าหิมพานต์ไม่มีใครไปถึง เป็นนกที่ไม่กินแมลงที่มีชีวิต ไม่จิกกินต้นไม้อ่อนที่ยังเขียวสดอยู่ จะกินอาหารเพียงแต่เมล็ดดอกต้นไผ่ และกินน้ำหวานที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น

    หงส์มีเสียงร้องคล้ายกับเสียงสวรรค์ บ้างว่าคล้ายเสียงขลุ่ย ไม่บินเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ อาศัยอยู่แต่เพียงบนต้นไม้ที่มีชื่อว่า ต้นหวู-ถุง ซึ่งจะออกผลแพร่พันธุ์ในช่วงทำขนมไหว้พระจันทร์ หรือเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงเดือน 8

    ส่วนคุณลักษณะพิเศษของหงส์ตามเทพนิยายของจีนนั้นมีลักษณะแปลกประหลาดมาก เพราะแม้จะมีรูปร่างเป็นนก แต่เป็นนกที่พิเศษสุด เนื่องจากเอาลักษณะบางอย่างมาจากนกเหยี่ยว นกอินทรี ไก่ฟ้า นกยูง นกตะกรุม นกกระสา นกกระยางขาวใหญ่ และนกอื่นๆ อันล้วนเป็นนกวิเศษเหนือนกทั้งปวง ทำให้หงส์เปรียบดั่งราชาแห่งนกที่มีสีสันสวยงามกว่านกทั้งปวง

    ชาวจีนยังกล่าวถึงหงส์ในตำนานไว้อีกว่ามีอายุยืนยาวประมาณ 500 ปี จากนั้นก็จะบินตรงไปยังดวงอาทิตย์เพื่อให้ความร้อนแผดเผาร่างกายเป็นเถ้าถ่าน เป็นการบูชายันต์ตนเอง และหงส์หนุ่มสาวเมื่อเกิดมาได้ 3 วัน มันก็จะบินจากไปอาศัยอยู่ที่อื่นเป็นอิสระโดดเดี่ยวจนกว่าจะมีอายุได้ 500 ปี จึงสิ้นอายุขัย ด้วยเหตุนี้นกหงส์จึงถือว่าเป็นผลิตผลจากดวงอาทิตย์และไฟ เฉกเช่นเดียวกับนกฟีนิกซ์ ชาวตะวันตกจึงมีความคิดว่า หงส์ของจีนน่าจะเป็นนกชนิดเดียวกันกับนกฟีนิกซ์

    หงส์ยังเปรียบเป็นสัญลักษณ์แห่งดวงอาทิตย์และความอบอุ่นสำหรับฤดูร้อนและฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่ และเป็นเครื่องหมายคุณงามความดีของชาวจีน มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า หงส์มาปรากฏตัวในครั้งที่นักปราชญ์ขงจื๊อเกิดพอดี หงส์จึงได้กลายเป็นส่วนร่วมของการทำพิธีเคารพบูชาระหว่างสมัยราชวงศ์ฮั่น หลังจากนั้นจึงมีการกล่าวอ้างการมาเยือนของหงส์เกิดขึ้นบ่อยๆ เพื่อที่จะป่าวประกาศว่าการปกครองแผ่นดินในแต่ละรัชกาลนั้นประสบผลสำเร็จด้วยดี

    หงส์สำแดงฤทธิ์เหมือนผู้นำมาซึ่งการเกิดอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์

    หงส์จะลงสู่พื้นดินเพียงแต่เมื่อมีบางสิ่งที่แวดล้อมอยู่นั้นมีค่าพอ

    หงส์นำมาซึ่งความมั่งคั่งโภคทรัพย์

    เมื่อหงส์ปรากฏโลกจะยินดีต่อสันติภาพอันยิ่งใหญ่ และสะดวกสบาย

    นอกจากนี้ หงส์ยังเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิเต๋า คือสัญลักษณ์หงส์ 9 ตัว สำหรับทำลายล้างความสกปรก สัญลักษณ์งานมงคลสมรสคือหงส์คู่มังกร ที่สำคัญหงส์ยังเป็นตราสัญลักษณ์ของราชินีจีนอีกด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2010
  12. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    [​IMG]

    เราจะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นสังคมคุณธรรมได้อย่างไร?

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลังพ.ศ. 2502 ที่วิถีทำบุญฟังธรรมในวิถีชีวิตถูกเปลี่ยนแปลง เป็นวิถีทำบาปแทน
    ประชากร วัยแรงงาน อายุระหว่าง 15-51ปี ในปัจจุบันจึงเป็นผลผลิตที่ออกมาจากเบ้าหลอมที่บิดเบี้ยว
    ส่วนใหญ่ใช้แต่ปุ๋ยเคมี ไม่ได้ทำบุญฟังศีลฟังธรรมทุก7วัน

    ถ้าเปรียบดั่งต้นมะม่วง ก็ได้รับแต่ปุ๋ยเคมี มากว่า 50ปีแล้ว และมีจำนวนมากถึง40ล้านต้น

    ดังนั้นหากจะเปลี่ยนประเทศนี้ให้กลายเป็นสังคมคุณธรรม

    จะต้องเร่งฟื้นฟูขยายพันธ์ต้นมะม่วง ใช้ขี้วัวกับกล้ามะม่วงพันธ์ดี
    จากกลุ่มประชากรวัยเรียน 15 ล้านคน มาบ่มเพาะให้เจริญงอกงามมีภูมิคุ้มกันและทนต่อสภาพอากาศ

    เราใช้ปุ๋ยขี้วัวมา 5ปี จึงมีผู้นำเยาวชนที่ได้รับบ่มเพาะ ประมาณ

    13,200 + (132,000 * 4) = 541,200 คน :cool:

    หากต่อจากนี้ รัฐบาลสนับสนุนการใช้ปุ๋ยขี้วัวอย่างเต็มที่ ผอ.โรงเรียนและคุณครู สนับสนุนให้เวลาเรียนนอกห้องเรียน 30%
    หรือ 9ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นกิจกรรมโครงงานคุณธรรม ทุกชั้นปี

    จำนวนผู้นำเยาวชน ที่ได้รับการบ่มเพาะ จะเพิ่มเป็นอย่างน้อย

    30,000 โรงเรียน * 11 คน * 6 ชั้นปี = 1,980,000 คนต่อปี

    ทำจริงจังอย่างต่อเนื่องอีก5-10ปี และขยายโครงงานคุณธรรมสู่ระดับมหาวิทยาลัย

    อีก5ปี ถัดไป จะมีประชากรวัยทำงานที่ผ่านการบ่มเพาะคุณธรรม ถึง10ล้านคน!!:cool:

    เมื่อเด็กๆเหล่านี้โตขึ้นมีจำนวนมากพอและขึ้นเป็นผู้นำของสังคม
    เมื่อนั้น สังคมนี้ก็จะกลายเป็นสังคมคุณธรรมอีกครั้งหนึ่ง

    แต่หากปล่อยให้ดีตามยะถากรรมเช่นที่เป็นมา

    เยาวชนผู้นำที่ผ่านการบ่มเพาะโดยใช้ปุ๋ยขี้วัว ก็จะเพิ่มขึ้นเพียง ปีละ แสนกว่าคน

    หากมีโรคแซกซ้อนของระบบราชการและลัทธิสัทธรรมปฎิรูป
    หรือโครงการถูกยกเลิก ตัดงบจากผู้มีอำนาจเสียก่อน..

    ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมของประเทศไทยละกันครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2010
  13. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    [​IMG]

    อย่าปล่อยให้ พระไม่กี่รูปทำหน้าที่นี้
    อย่าปล่อยให้ ข้าราชการกระทรวงศึกษา ไม่กี่คนทำหน้าที่นี้
    อย่าปล่อยให้ คุณครูหมวดสังคม แค่คนสองคนในโรงเรียนทำหน้าที่นี้

    อย่าปล่อยให้ มีเด็กแค่ไม่ถึง10 คน ต่อโรงเรียนที่ได้มีโอกาศเรียนรู้คุณธรรมผ่านปุ๋ยขี้วัว
    และนักเรียนอีก 100 หรือ 1000คน เรียนรู้ผ่านปุ๋ยเคมี

    อย่าปล่อยให้ความดีโดดเดี่ยว!!


    [​IMG]

    อยากได้ผลมะม่วงกระจายเต็มแผ่นดิน ต้องช่วยกันปลูก
    อดทน...และใช้เวลาเป็นสิบปี

    จึงจะได้รับผลเป็นประโยชน์สุขแห่งมหาชนอย่างแท้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2010
  14. ko231969

    ko231969 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +96
    เห็นความพยายามของทุกท่านแล้วปลื้มใจครับ เลยเกิดความคิดว่า เราควรมาตั้งพรรคการเมืองกันและให้ทุกคนช่วยกันให้พรรคเรามี สส.เข้าไปอยู่ในสภาให้ได้ เพื่อที่จะได้สามารถผลักดันโครงการต่างๆที่มีประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แค่ความคิดเล่นๆแต่อยากให้เป็นจริงๆ
     
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เราจะไม่ยุ่งเรื่องการเมืองนะ :cool:
     
  16. ko231969

    ko231969 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอโทษครับ ขอบคุณครับที่ช่วยเตือน
     
  17. prakasito

    prakasito สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    แล้วถ้าหาก คิดจากที่ว่า ทำกลางคืนให้เป็นกลางวันได้ แล้ว ทิศมันกลับกัน เหนือเป็นใต้ล่ะครับ เมือง กาละจำปา จะอยู่ที่ไหน
     
  18. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    self government แต่มิได้หมายความตามที่นักวิชาการพูดๆกัน
    แต่เป็นความหมายที่พ่อผายพูด คือเป็นนายกเอง ไม่รอใคร

    ต้องคิดนอกกรอบ แก้ในกรอบการเมืองแบบเดิมๆ มิอาจแก้ได้

    ดร.อาจองก็เคยลองแล้ว จนได้คำตอบว่า เป็นครูดีที่สุด แก้ปัญหาได้มากกว่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    รัฐบาลไม่แก้ ก็รวมกลุ่มแก้กันเอง ทำให้ดู..
    ทำให้ดูแล้ว รัฐไม่เห็นความสำคัญ ไม่สนับสนุน ก็...."ชั่งหัวมัน"

    แค่ทำให้สุดความสามารถของเราก็พอ..
     
  19. gentenaar

    gentenaar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,320
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ นำเมลล์ที่เกี่ยวกับคนดีอีกคนของแดนสุวรรณภูมิที่ได้รับต่อมาแบ่งปัน ณ ที่นี้ค่ะ
    สาธุ และขอขอบคุณสำหรับธรรมะดีๆจากคุณยายยิ้มและขอให้คุณยายมีอายุมั่นยืน สุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะค่ะ

    ยายยิ้ม หญิงร่างเล็ก หลังงุ้ม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสมชื่อ
    อาศัยในบ้านไม้ที่เกือบเสร็จท่ามกลางป่าเขา
    จ.พิษณุโลก อยู่ลำพังอย่างเดียวดาย ห่างไกลผู้คนและเงียบสงัด

    เมื่อ 20 ปี ก่อน ยายมีบ้านอยู่ที่อำเภอพรหมพิราม พร้อมลูกหลาน
    ตอนนั้นลูกชายคนเล็กตั้งใจจะมาบุกเบิกทำมาหากินบริเวณที่อยู่ปัจจุบัน
    แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้ง ความไกล ไข้ป่า และความลำบาก
    ส่งผลให้ลูกชายของยายเลือกที่จะไปขับรถแท๊กซี่ใน กทม.

    และไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ และการไม่อยากเป็นภาระลูกหลานหรืออื่นๆ
    ยายยิ้มจึงตัดสินครั้งสำคัญ อาศัยอยู่ที่บ้านในป่าผืนนั้น เป็นต้นมา

    ลูกหลานขอร้องให้ยายกลับมาอยู่บ้านแต่ยายไม่กลับ
    ลูกหลานจึงได้แต่มาเยี่ยมยายเป็นระยะรวมถึงการนำเสื้อผ้าผ้าห่ม
    ข้าวสารอาหารแห้งมาให้ยาย ลูกชายคนที่ยังอยู่ในอำเภอพรหมพิรามบอกว่า
    "แม่เขาจะบอกว่าไม่ต้องเอามาให้มากนะ ในชีวิตเขา แม่เขาไม่เคยอยากได้อะไรเลย
    เคยถามเขาก็บอกว่า เขาพอแล้ว สมัยยังเด็กบ้านเราจนกันมาก
    พ่อก็ตายตอนที่เรายังเล็ก ๆ แต่แม่คนเดียวก็หา
    เลี้ยงลูกได้ มานึกดูแกต้องทำงานหนักมาก แม่ถึงเน้นสอนให้เข้มแข็ง
    หนักเอาเบาสู้ไม่เลือกงาน"


    ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาท่ามกลางขุนเขา ยายไม่มีนาฬิกา
    แต่ทุกเวลาล้วนมีคุณค่า การมีชีวิตอยู่ของยายหมดไปกับการปลูกต้นไม้
    ทำฝายเล็ก ๆ ที่ยายได้อาศัยในยามหน้าแล้งและยังเป็นสายธาร
    หล่อเลี้ยงบรรดาสัตว์และต้นไม้บนผืนแผ่นดินนี้
    และตั้งใจถวายในหลวงและพระราชินี ยายรักในหลวงและพระราชินีมาก

    กิจวัตรประจำวัน ตื่นแต่เช้า จุดธูปไหว้พระ เก็บมุ้ง กระย่องกระแย่งมาจุดฟืนหุงข้าว
    ตักข้าวสุกแรกเก็บไว้ ตักข้าวกินกับน้ำพริก หรือ ปลาแห้งที่เก็บไว้
    ลงมากวาดลานบ้าน ซักผ้า หาบน้ำที่ลำห้วย ออกไปหาฟืนหาไม้ มาเก็บไว้


    ก่อนจะคดข้าวใส่กล่อง น้ำพริก ใส่ย่าม สวมที่ขาดวิ่น ใช้พร้าแทนไม้เท้าเวลาเดิน
    ข้ามห้วย ข้ามหนอง เข้าไปในป่าลึก ผ่านฝายเล็กๆ หรือคันนาที่ยายทำไว้ 11 ฝาย
    เป็นคันดินที่ยายใช้ "จอบกับใจ" ค่อยๆขุดขึ้นมา กลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆกักเก็บน้ำ
    พอให้สัตว์เล็กได้มาอาศัย ต้นไม้ชุ่มชื่น ระหว่างนั้นก็เอาข้าวมาโปรยให้สัตว์
    ในแอ่งดินกันทำคันดินนี้เสร็จ ก็เข้าไปลึกเรื่อยๆ ที่ละฝาย ทีละฝาย
    เวลาแต่ละวันผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ เหนื่อยก็พัก แล้วก็เดิน กลับบ้าน
    ชีวิตยาย เป็นไปอย่างเรียบง่าย

    ทุก ๆ วันพระ ยายจะเดินลงมาจากเขา ด้วยระยะทางเกือบ 8 กิโล
    บวกกับวัยชราของยาย จึงทำให้ยายใช้เวลาใน การเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง
    แต่ก็ไม่ได้ทำให้ศรัทธาของยายเสื่อมถอยลง ลำพังคนหนุ่มสาว
    จะให้เดินขึ้นลงเขา สัก 7-8 กิโลเมตร ยังเล่นเอาเหงื่อตก
    แต่สำหรับยายยิ้มถือเป็นกิจวัตรสม่ำเสมอทุกวันโกน วันพระเพราะไม่ว่าฝนจะตก
    ฟ้าจะร้อง ยายก็ต้องไปถึงวัดไม่เคยขาด

    ระยะทางไกลที่เต็มไปด้วยหล่มโคลน ถนนเป็นร่อง ขรุขระ ยายยิ้ม
    จะออกเดินเท้าจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เหนื่อยก็พัก ถึงวัดกี่โมงไม่รู้
    รู้แต่เมื่อถึงวัดก็เปลี่ยนชุดชาว สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ทำความสะอาดวัด
    ทำบุญ เมื่อกลับจากวัด แกก็จะมานับวันหลังจากนั้นไปถึงวันโกนวันพระอีกที
    ก่อนที่เดินกลับบ้านในป่า ยายเลือกใช้ชีวิตเพียงลำพัง
    และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอย่างมีความสุขอีกครั้ง

    เราขาดในสิ่งที่ยายยิ้มมี นั่นคือ ความพอเพียง ความศรัทธา ความไม่โลภ
    เรามีในสิ่งที่ยายขาด นั่นคือ ความทุกข์

    พิธีกร : ข้าวสารอาหารแห้งเอามาจากไหน
    ยายยิ้ม : ลูกหลานเข้าเอามาให้ เขาเอามาให้ก็ต้องกิน
    เขาจะได้บุญและก็ต้องกินอย่างประหยัดๆ ไม่ฟุ่มเฟือย

    พิธีกร : ฝนตกเปียกไหม
    ยายยิ้ม : ก็หลบๆเอา ไม่ลำบาก อย่าคิดว่ามันลำบาก

    พิธีกร : เสื้อผ้า ขาดแล้วยังใส่อยู่
    ยายยิ้ม : ลูกหลานเข้าเอามาให้ ใส่ไว้เขาจะได้บุญ

    พิธีกร : ลูกหลานอยากให้ไปอยู่ด้วยกัน
    ยายยิ้ม : ไม่ใช่ว่าจะไม่พึ่ง แต่ให้หมดค่าก่อนค่อยพึ่ง ป่วยไม่สบายไม่มีแรงค่อยพึ่งเขา

    พิธีกร : ทำฝายไปให้ใคร
    ยายยิ้ม : ให้ในหลวงพระราชินี ท่านเป็นถึงเจ้าแผ่นดินยังทำงาน เราก็ต้องทำให้ท่านบ้าง..
    ส่วนสิ่งที่ทำในหลวงไม่เห็นผีสางเทวดาก็เห็น

    พิธีกร : ได้ประโยชน์อะไรจากฝาย
    ยายยิ้ม : ในหลวงบอกมีฝายมีน้ำ มีป่า มีปลาเล็กเป็นอาหารนกอีกทีรวมถึงได้ใช้ยามหน้าแล้ง

    พิธีกร : กลัวล้มไหมเวลาเดินไปไหน
    ยายยิ้ม : กลัวแต่ก็ต้องทำ ทำแล้วมีความสุข

    พิธีกร : เหนื่อยไหมที่ทำมา
    ยายยิ้ม : เหนื่อย แต่ทำแล้วมีความสุข

    พิธีกร : เดินไปวัดลำบาก เหนื่อยไหม
    ยายยิ้ม : เหนื่อยก็พัก แล้วเดินต่อ ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ เห็นพระก็หายเหนื่อย

    พิธีกร : สรุปว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจ
    ยายยิ้ม : คนอื่นว่าลำบากแต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นสวรรค์มันก็ไม่ลำบาก

    พิธีกร : ยายมาทำบุญทุกวันพระไหม
    ชาวบ้าน : ยายมาประจำแหละ ยายแกชอบทำบุญ ได้เบี้ยเดือน 500 แกยังทำบุญหมดเลย

    พระ (กางมุ้งให้ยายนอนในศาลาวัด) : ไม่บาปหรอกยาย ช่วยๆกัน ดูแลกัน
    ยาย (นั่งยิ้มด้วยความจำนน)
    ยาย เอาเงินที่เก็บๆรวมถึงเงินที่ชาวบ้านให้ไว้มาทำบุญ
    ยาย อวยพรให้และภาวนาให้คนที่ทำบุญด้วย
    พิธีกร : ยายรู้จักเขาเหรอ
    ยายยิ้ม : (ยิ้ม) ไม่รู้จักหรอก เห็นบอกว่าจะบวชก็เลยทำบุญ
    ให้ยายทำบุญนะ (สงสัยคงจะเป็นเงินที่ทางรายการให้)
    พิธีกร : ทำเถอะยาย ไม่ว่าอะไรหรอก

    พิธีกร : ยายมีของแค่นี้เหรอ (หยิบกระเป๋าใบเล็กที่บรรจุเสื้อผ้า หยูกยาที่จำเป็น บัตรประชาชน)
    ยายยิ้ม : แค่นี้แหละเตรียมไว้ เวลาเจ็บป่วยขึ้นมา เอาไปใบเดียว คนอื่นจะได้ไม่ลำบากหา

    พิธีกร : จะไม่เป็นการแช่งตัวเองหรือ
    ยายยิ้ม : ยิ่งเจ็บ ยิ่งต้องพึ่งตัวเอง ยิ่งต้องเตรียมตัว

    พิธีกร : เวลายาไปตัดไม้ไผ่ ทำฝายไม่เกินกำลังเหรอ เอาแรงมาจากไหน
    ยายยิ้ม : หัวเราะเบาๆแล้วตอบว่า มันเกินกำลังอยู่แล้วล่ะ แต่ต้องมีความพยายามยายบอกวันนี้หมดแรง นอนพัก พรุ่งนี้แรงก็มาใหม่

    พิธีกร : ยายยังขาดอะไรอีกในชีวิต
    ยายยิ้ม : ยายยิ้มสมกับชื่อ แล้วตอบอย่างภาคภูมิใจว่า ขาดความทุกข์
     
  20. ณัฐธยาน์12

    ณัฐธยาน์12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +612
    ชอบจังเลยคะ ขออนุญาตส่งไปให้เพื่อนอ่านต่อนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...