พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sunny [​IMG]
    คุณ Sithiphong พระสมเด็จพิมพ์นี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เสกหรือไม่นะครับ แต่ปู่ปฐมได้เคยเห็นแล้วเรียกว่า เนื้อทรายทอง โดยปู่บอกว่าทองที่ผสมอยู่ในเนื้อเป็นทองนพคุณครับ มีพลังของ ปู่ใหญ่ โดยครั้งหนึ่งปู่ปฐมได้ไปกับพวกผมหลายคนไปตามเก็บพระหลายๆพิมพ์ และยังบอกให้ผมเก็บชุดนี้เลยครับ ปู่ปฐมบอกว่าแค่ปรกพิจิตรที่ฝังอยู่ก็คุ้มแล้วครับ

    พระชุดนี้จริง ๆ เนื้อเก่าครับ แต่ที่เห็นเหมือนใหม่เพราะได้มีการล้างเนื้อพระ โดยเนื้อหาองค์พระจะมีพระธาตุฝังอยู่ด้วยครับ มีหลายพิมพ์เป็นเบญจภาคีก็มีครับ มีทั้งฝังปรกและไม่ฝังปรก

    โดยความเห็นผมเป็นของดีร่วมสมัยครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมเองเคยถามท่านอาจารย์ประถม ว่าพระพิมพ์บางพิมพ์ที่มีกลิ่นหอมนั้น กลิ่นหอมทำมาจากอะไร ท่านอาจารย์ประถม ท่านบอกว่าเป็นพวกชะมดเช็ดหรือชะมดเชียง ในพระราชวังมีการปรุงเครื่องหอม แล้วนำมาเป็นมวลสารในการสร้างพระพิมพ์ ส่วนกรุพระธาตุพนมนั้น ผมเองเคยอธิบายไว้แล้วว่า ที่พระธาตุพนมนั้น ตอนที่บูรณะ ไม่มีพระพิมพ์ แต่พระพิมพ์กรุพระธาตุพนมนั้น สร้างขึ้นเพื่อฉลองการสร้างพระธาตุพนมจำลองขึ้นที่วัดบวรสถานสุทธาวาส ของพระราชวังหน้า ครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นของวังหน้า ,วังหลวง หรือวังหลังนั้น เราไม่สามารถจะดูจากเนื้อหาทรงพิมพ์เป็นหลักได้ แต่จะต้องดูทั้งรูป(เนื้อหาทรงพิมพ์)และนาม(การตรวจพลังขององค์ผู้เสก) ประกอบกันไป เนื่องจาก แม่พิมพ์นั้น มีการยืมกันไปมา ระหว่างวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง บางครั้งอาจจะมีวัดระฆัง(บางพิมพ์) หรือวัดอื่นๆเช่นวัดมหาธาตุ เป็นต้น อีกทั้งท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ พระองค์ท่านเคยทอดกฐิน(โดยใช้พระพิมพ์ นำไปทอดกฐิน) ในวัดต่างๆรอบปริมณฑล 11 วัด ซึ่งพระพิมพ์นั้นก็สร้างขึ้นที่วังหน้าเช่นกัน

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเพิ่มเติมเรื่องการตรวจพลังของผู้เสก การตรวจพลังของผู้เสกนั้น เวลาที่ตรวจสอบจะต้องทราบด้วยว่า พระอริยะองค์ใดท่านเป็นผู้ที่เสกพระพิมพ์ ถ้าจะให้ดีที่สุดจะต้องตรวจสอบได้ถึงว่า มีพิธีเป็นอย่างไรด้วย จึงจะดีที่สุดครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post406752 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 03:44 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #2504 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นักเดินทาง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_406752", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:24 PM
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    อายุ: 38 ปี
    ข้อความ: 874 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,743 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 5,012 ครั้ง ใน 788 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 701 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_406752 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->
    [​IMG]

    [​IMG]

    เนื่องจากสำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง ยังขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ปัจจุบัน ต้องซื้อน้ำจากเอกชนทีละหลายคันรถ ทำให้แต่ละเดือนต้องมีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร หลวงพ่อแผนจึงมีดำริที่จะขุดบ่อบาดาลเพื่อนำน้ำจากธรรมชาติมาใช้ แต่ก็ยังขาดแคลนปัจจัยที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 45,000 บาท หากท่านใดประสงค์จะช่วยเหลือ ก็สามารถบริจาคโดยการโอนเงินเข้าบัญชีด้านล่างได้เลยครับ

    โรงเรียนปริยัติธรรม สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ก็ด้วยทุกท่านได้เมตตาช่วยเหลือ จนถึงปัจจุบันผ่านมา 1 ปีเต็มแล้ว ผมหวังว่าทุกท่านโปรดเมตตาช่วยเหลืออีกต่อไปคนละเล็กละน้อย อีกไม่นานโรงเรียนแห่งนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งการศึกษาเพื่อพระ-เณร และเด็กด้อยโอกาส และผลิตบุคคลากรที่มีคุณภาพออกมาเป็นกำลังสำคัญ ของพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ

    คุณ sithiphong ได้มอบพระพิมพ์มามอบให้ผู้ร่วมบริจาคทำบุญ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงความเมตตาที่ท่านได้หยิบยื่นให้สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง ดังนี้ครับ

    1. พระพิมพ์สมเด็จวังหน้า เนื้อผงสีขาว ลงรักปัดด้วยผงทอง

    [​IMG]
    ขนาด 2.4 x 3.8 ซม เสกโดยหลวงปู่พระโสณเถรเจ้าและหลวงปู่อิเกสาโร
    มีจำนวน 5 องค์
    มอบให้ผู้ร่วมบริจาค 1,000 บาท

    2. พระพิมพ์ไกเซอร์เล็ก เนื้อขาว

    [​IMG]
    ขนาด 2.2 x 3.2 ซม เสกโดยหลวงปู่อิเกสาโร
    มีจำนวน 5 องค์
    มอบให้ผู้ร่วมบริจาค 500 บาท

    3. พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าคะแนนร้อย เนื้อขาวลงรักสีน้ำเงิน, แดง และดำ

    [​IMG]
    ขนาด 2.5 x 3.8 ซม เสกโดยสมเด็จโตและหลวงปู่อิเกสาโร
    มี สีน้ำเงิน 8 องค์, สีแดง 3 องค์ และ สีดำ 3 องค์
    มอบให้ผู้ร่วมบริจาค 300 บาท

    4. พระพิมพ์จิตรลดาจิ๋ว เนื้อปัญจสิริ

    [​IMG]
    ขนาด 1.4 x 2 ซม เสกโดยหลวงปู่พระอุตรเถรเจ้า เหมาะสำหรับผู้หญิงและเด็ก
    มีจำนวน 5 องค์
    มอบให้ผู้ร่วมบริจาค 800 บาท

    5. พระพิมพ์สมเด็จผงยาวาสนาคะแนนร้อยแบบธรรมดา

    [​IMG]
    ขนาด 2.5 x 3.8 ซม เสกโดยคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 องค์
    มีจำนวน 15 องค์
    มอบให้ผู้ร่วมบริจาค 2,200 บาท



    การบริจาค
    โอนเงินเข้าบัญชีต่อไปนี้
    พระมหาแผน ฐิติธัมโม 01-9408541
    สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง
    ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์
    หมายเลขบัญชี : 203-0-06304-5
    ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    ชื่อบัญชี : ร.ร.ปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง


    เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งให้ครับ

    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ***********************************************************
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้พระสมเด็จ

    คุณtg22070 ได้สอบถามในกระทู้ว่าหนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มีขายที่ไหนนั้น

    [​IMG]

    ผมเองได้ยืมหนังสือเล่มนี้ จากนายพลท่านหนึ่ง แล้วผมนำมาถ่ายเอกสาร จำนวน 2 เล่ม เล่มหนึ่งอยู่กับผม ส่วนอีกเล่มนั้นผมนำไปให้ท่านอาจารย์ประถม ท่านดูให้ ปรากฎว่า ในหนังสือนั้นในบางพิมพ์ ชื่อพิมพ์พระ กับรูปนั้น ไม่ตรงกันกับที่ท่านอาจารย์ประถมท่านเขียนและวงการพระเครื่องยอมรับ และมีหลายๆพิมพ์มาก ซึ่งเป็นพระพิมพ์ที่ติดพลอย แต่บอกว่าเป็นพระพิมพ์ที่ทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ซึ่งในความเป็นจริงตามที่หลายๆท่านได้ค้นคว้ามานั้น พระพิมพ์ที่ติดพลอย จะเป็นพระพิมพ์ซึ่งสร้างขึ้นใน ปีพ.ศ.2451 แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านทิวงคตในปี พ.ศ.2415 ข้อมูลในหนังสือส่วนใหญ่แล้วจะไม่ถูกต้อง (ผมก็ค่อนข้างจะเสี่ยงอยู่เหมือนกัน แต่เพื่อความรู้ที่ถูกต้อง อาจจะมีคนถามว่าแล้วรู้อย่างไรว่าไม่ถูกต้อง ผมเองนั้น มีผู้รอบรู้เรื่องพระกรุวัดพระแก้ว มาสอนผมหลายท่าน รวมทั้งท่านอาจารย์ประถม ซึ่งท่านอาจารย์ประถม ท่านตรวจสอบให้ทั้งรูปและนาม)

    ความรู้ทั้งหลายที่ผมมีนั้น ผมยกความดีให้กับท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ,ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถม ,นายทหารอีก 1 ท่าน ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของคุณ ( ต่อ 2 ) โดยปรัศนี ประชากร<O:p</O:p


    ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O:p</O:p

    <O:p</O:p


    อรหัตคุณ
    <O:p</O:p

    คือ พระอเสขะ ( ผู้ไม่ต้องศึกษา ) หรือ อนุปาทิเสสบุคคล ( ผู้ไม่มีเชื้อ คือ อุปาทานเหลืออยู่เลย คือ พระอรหันต์ ผู้ควร ( แก่ทักขิณาหรือการบูชาพิเศษ ) หรือ ผู้ฝ่ากำแพงแห่งสังสารจักรได้แล้ว เป็นผู้สิ้นอวะ เป็นผู้ทำได้บริบูรณ์ในสิกขาทั้งสามคือ สมาธิ และปัญญา ละสังโยชน์เบื้องสูงได้อีก 5 ข้อ ( รวมเป็นละสังโยชน์ทั้งหมด 10 ข้อ )<O:p</O:p
    อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ( สังโยชน์เบื้องสูง หรือขั้นละเอียด ) 5 อย่าง คือ<O:p</O:p
    1. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันปราณีต เช่น ติดใจอารมณ์แห่งรูปฌาน พอใจในรสความสุข ความสงบของสมาธิขั้นรูปฌาน ติดใจปารถนาในรูปภพ เป็นต้น<O:p</O:p
    2. อรูปราคะความติดใจในอรูปธรรม เช่น ติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน ติดใจปรารถนาในอรูป เป็นต้น<O:p</O:p
    3. มานะ ความถือตัว หรือสำคัญตนเป็นนั่นเป็นนี่ เช่นว่าสูงกว่าเขา เท่าเทียมเขา ต่ำกว่าเป็นต้น<O:p</O:p
    4. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน จิตใจไม่สงบ ว้าวุ่น ซัดส่าย ติดพล่านไป<O:p></O:p>
    5. อวิชชา ความไม่รู้จริง ไม่รู้เท่าทันสภาวะ ไม่เข้าในกฎธรรมดาแห่งเหตุและผลหรือไม่อริยสัจจ์
    <O:p</O:p

    จำแนกอรหัตคุณ
    <O:p</O:p

    1. พระปัญญาวิมุต คือ ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา ได้แก่ ท่านผู้มุ่งหน้าบำเพ็ญแต่วิปัสสนา อาศัยสมเพียงใช้สมาธิเท่าที่จำเป็น พอเป็นบาทฐานของวิปัสสนาให้บรรลุอาสวักขยญาณเท่านั้น ได้สมถะไม่เกินรูปฌาน 4 ไม่มีความสามารถพิเศษ เช่น เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้ ไม่ได้โลกียอภิญญา 5 เป็นต้น จำแนกได้ดังนี้<O:p</O:p
    ก. พระสุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน ได้สมาธิถึงระดับฌานต่อเนื่องถึงขณะแห่งมรรค<O:p</O:p
    ข. พระปัญญาวิมุติได้ฌาน 4 อย่างน้อยขั้นหนึ่งก่อนแล้วจึงเจริญวิปัสสนาที่ให้บรรลุอรหัตต<O:p</O:p
    ค. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4 คือ ได้ปัญญาแตกฉาน 4 ประการ<O:p</O:p
    1) อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ หรือปรีชาแจ้งเจนในความหมาย<O:p</O:p
    2) ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม ปรืดปรีชาแจ้งเจนในหลัก <O:p</O:p
    3) นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุกติ หรือปรีชาแจ้งเจนในภาษา<O:p</O:p
    4) ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ หรือปรีชาแจ้งเจนในความคิดทันการ<O:p</O:p
    2. พระอุภโตภาควิมุต แปลว่า ผู้หลุดพ้นโดยส่วนทั้งสอง คือ หลุดพ้นจากรูปกายด้วยอรูปสมบัติ และหลุดพ้นจากนามกายด้วยอริมรรค เป็นการหลุดพ้น 2 วาระ คือ ด้วยวิกขัมภนะ ( กดข่มกิเลสในด้วยกำลังสมาธิของฌาน ) หนหนึ่ง และด้วยสมุจเฉท ( ตัดกิเลสถอนรากเง่าด้วยปัญญา ) อีกหนหนึ่ง จำแนกได้ดังนี้<O:p</O:p
    ก. พระอุภโตภาควิมุต คือ พระอรหันต์ผู้ได้สมถะถึงอรูปฌานอย่างน้อยหนึ่งขั้น แต่ไม่ได้วิชชา โลกียอภิญญา<O:p</O:p
    ข. พระเตวิชชะ พระอรหันต์ผู้ได้วิชชา 3 คือ พระอุภโตภาควิมุตนั้น ผู้ได้วิชา 3 ด้วย<O:p</O:p
    1) ปุพเพนิวานานุสติญาณ ญาณเป็นเหตุระลึกได้ซึ่งขั้นที่เคยอยู่อาศัยในก่อนคือ การระลึกชาติได้<O:p</O:p
    2) จุตูปปาตญาณ ญาณหยั่งรู้การจุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปตามกรรม ถือว่า ตรงกับ ทิพพจักขุ หรือ ทิพยจักษุ<O:p</O:p
    3) อาสวักขยญาณ ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายหรือความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะ<O:p</O:p
    ค. พระฉฬภิญญะ พระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา 6 คือ พระอุภโตภาควิมุตผู้ได้อภิญญา 6 ด้วย คือ<O:p</O:p
    1) อิทธิวิธา หรืออิทธิวิธี ความรู้ที่ทำให้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้<O:p</O:p
    2) ทิพพโสต ญาณที่ทำให้เกิดหูทิพย์<O:p</O:p
    3) เจโตปริยญาณ ญาณที่ทำให้กำหนดใจคนอื่นได้ คือทายใจเขาได้<O:p</O:p
    4) ปุพเพนิวาสานิสุติ ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้<O:p</O:p
    5) ทิพพจักขุ ญาณที่ทำให้เกิดตาทิพย์<O:p</O:p
    6) อาสวักขยญาณ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป<O:p</O:p
    ช. พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ พระอรหันต์อุภโตภาควิมุตผู้บรรจุปฏิสัมภิทา 4 อย่างที่กล่าวแล้วข้างต้น เมื่อรวมเข้าเป็นชุดเดียวกัน และเรียงตามชื่อที่ใช้เรียกมี 6 ประเภทดังนี้<O:p</O:p
    1. พระสุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน<O:p</O:p
    2. พระปัญญาวิมุต ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา ( ที่นอกจากสุกขวิปัสสก )<O:p</O:p
    3. พระอุภโตภาควิมุต ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน<O:p</O:p
    4. พระเตวิชชะ ผู้ได้วิชชาสาม<O:p</O:p
    5. พระฉฬภิญญะ ผู้ได้อภิญญาหก<O:p</O:p
    6. พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทาสี่<O:p</O:p
    พระอรหันต์องค์ใดเป็นทั้งฉฬภิญญะ และปฏิสัมภิทัปปัตตะ ย่อมเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนบริบูรณ์ครอบคลุมทั้งหมด<O:p</O:p
    ที่กล่าวมานี้ก็คือ อรหัตคุณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    (เป็นความเชื่อ
     
  7. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    ขอจองพระสมเด็จวังหน้า รายการที่ 1 จำนวนหนึ่งองค์ครับ โอนเมื่อไหร่แล้วจะแจ้งให้ทราบครับ หรือ จะขอเปลี่ยนเป็นเงินสดจะได้ไหมครับ เพราะเงินในบัญชีมีไม่พอจ่ายแล้ว เงินสดยังพอเหลืออ่ะครับ ถ้าเจอกันวันไหนแล้ว จะได้แลกเปลี่ยน ยื่นหมูยื่นแมวกันเลย จะได้ประหยัดเวลาในการไปส่งพระพิมพ์อีก
    ดีไหมครับ?
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    แล้วแต่น้าแผนสะดวกครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า ,วังหลวง หรือวังหลังนั้น และเริ่มสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2400 โดยเริ่มต้นขึ้นที่วังหน้า ในช่วงต่อมาทางวังหลวงและวังหลังจึงเริ่มมีการสร้างพระพิมพ์ขึ้น โดยมีการแยกกันชัดเจนในปีพ.ศ.2415 อันเป็นปีที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านทิวงคตแล้ว โดยมีการใช้ตราครุฑ ประทับด้านหลังพระพิมพ์ เพราะฉะนั้น พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นจากวังหน้า ที่สร้างก่อนปี พ.ศ.2415 โดยส่วนใหญ่แล้วสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านจะเมตตามาเสกให้

    การที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านเสกพระพิมพ์และวัตถุมงคลให้นั้น หากทันท่านที่ยังมีขันธ์อยู่ พลังอิทธิคุณก็จะแตกต่างจากที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีทิวงคตแล้ว

    ส่วนพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2400 ถึง ปีพ.ศ.2428 อันเป็นปีที่ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านทิวงคตนั้น คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน) หลวงปู่จะเมตตามาเสกพระพิมพ์ให้ เพียงแต่ว่า เป็นองค์ไหนมาเสกเท่านั้นเอง โดยปกติแล้ว หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) ท่านจะเป็นผู้ที่เสกพระพิมพ์และวัตถุมงคลเป็นส่วนใหญ่ (ในความคิดเห็นส่วนตัวผมไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยละ 95 ถ้าเป็นหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้าเสกนั้น ประมาณร้อยละ 3 ถ้าเป็นหลวงปู่พระโสณเถระเจ้า ประมาณร้อยละ 1 ถ้าหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 องค์เสกนั้น ไม่เกินร้อยละ 1 )

    เรื่องของพระปัญจศิรินั้น หากท่านใดที่มีหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่านั้น จะพอทราบเป็นเบื้องต้นว่า พระปัญจศิรินั้น ลักษณะเนื้อหา , สี นั้นในยุคแรกๆ(ที่ทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสียังมีชีวิตอยู่) จะมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่หากสร้างพระปัญจศิริหลังที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ทิวงคตแล้ว จะมีการเชิญสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี โดยท่านเป็นอทิสมันกาย มาเสกให้ในบางพิธีเหมือนกัน แต่พลังอิทธิคุณที่อยู่ในองค์พระพิมพ์หรือวัตถุมงคลจะแตกต่างกัน

    ผู้ที่จับพลังนั้น ผมเองเคยอธิบายแล้วว่า จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ
    1.ผู้จับพลังได้
    2.ผู้จับพลังเป็น

    1.ผู้จับพลังได้นั้น เพียงแต่ทราบว่า มีพลังหรือไม่มีพลัง แต่ถ้าทราบมากไปกว่านี้ จะทราบในเบื้องต้นว่า ใครเป็นผู้เสก แต่จะไม่ทราบว่า การเสกนั้น ทันที่ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือมรณภาพไปแล้ว
    2.ส่วนผู้ที่จับพลังเป็นนั้น จะทราบว่าใครเป็นผู้เสกพระพิมพ์ และยังทราบอีกว่า ผู้เสกนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือมรณภาพแล้ว แต่มีบางท่านสามารถเห็นพิธีได้อีกด้วย และที่เหนือไปกว่านั้น บางท่านสามารถคุยกับองค์ผู้เสกพระพิมพ์ได้

    ผมขออธิบายย่อๆ เพียงแค่นี้ก่อนครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คลายเครียดกันบ้างครับ

    คงต้องมีบางท่าน(รวมทั้งผม) เห็นแล้วนึกถึงความหลังเก่าๆ อิอิอิ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.konmeungbua.com/saha/Lungpu_armpan/Lungpu_armpan.html

    ไหว้ 5 ครั้ง
    ของ
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรมหาเถร)
    วัดเทพศิรินทราวาส
    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ
    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ
    หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ
    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ
    สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ
    หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ
    ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ
    สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ
    หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ
    นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ
    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ

    <CENTER><TABLE style="FONT-SIZE: 14pt; FONT-FAMILY: CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif" width="50%" bgColor=#66ffff border=0 font><TBODY><TR><TD>ข้า ฯ ขอ</TD><TD>กราบไหว้คุณ</TD><TD>ท่านบิดา</TD><TD>และมารดา</TD></TR><TR><TD>เลี้ยงลูก</TD><TD>เฝ้ารักษา</TD><TD>แต่คลอดมา</TD><TD>จึงเป็นคน</TD></TR><TR><TD>แสนยาก</TD><TD>ลำบากกาย</TD><TD>ไป่คิดยาก</TD><TD>ลำบากตน</TD></TR><TR><TD>ในใจ</TD><TD>ให้กังวล</TD><TD>อยู่ด้วยลูก</TD><TD>ทุกเวลา</TD></TR><TR><TD>ยามกิน</TD><TD>พอลูกร้อง</TD><TD>ก็ต้องวาง</TD><TD>วิ่งมาหา</TD></TR><TR><TD>ยามนอน</TD><TD>ห่อนเต็มตา</TD><TD>พอลูกร้อง</TD><TD>ก็ต้องดู</TD></TR><TR><TD>กลัวเรือด</TD><TD>ยุงไรมด</TD><TD>จะกวนกัด</TD><TD>รีบอุ้มชู</TD></TR><TR><TD>อดกิน</TD><TD>อดนอนสู้ </TD><TD>ทนลำบาก</TD><TD>หนักไม่เบา</TD></TR><TR><TD>คุณพ่อ</TD><TD>แม่มากนัก</TD><TD>เปรียบน้ำหนัก</TD><TD>ยิ่งภูเขา</TD></TR><TR><TD>แผ่นดิน</TD><TD>ทั้งหมดเอา</TD><TD>มาเปรียบคุณ</TD><TD>ไม่เท่าทัน</TD></TR><TR><TD>เหลือที่ </TD><TD>จะแทนคุณ </TD><TD>ของท่านนั้น </TD><TD>ใหญ่อนันต์</TD></TR><TR><TD>เว้นไว้ </TD><TD>แต่เรียนธรรม์ </TD><TD>เอามาสอน</TD><TD>พอผ่อนคุณ</TD></TR><TR><TD>สอนธรรม</TD><TD>ที่จริงให้ </TD><TD>รู้ไม่เที่ยง</TD><TD>ไว้เป็นทุน</TD></TR><TR><TD>แล้วจึง</TD><TD>แสดงคุณ </TD><TD>ให้เห็นจริง</TD><TD>ตามธรรมดา</TD></TR><TR><TD>นั่นแหละ</TD><TD>จึงนับได้ </TD><TD>ว่าสนอง</TD><TD>ซึ่งคุณา</TD></TR><TR><TD>ใช้ค่า</TD><TD>ข้าวป้อนมา</TD><TD>และน้ำนม</TD><TD>ที่กลืนกิน ฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </CENTER>ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    <CENTER><TABLE style="FONT-SIZE: 14pt; FONT-FAMILY: CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif" width="50%" bgColor=#66ffff border=0 font><TBODY><TR><TD>ข้า ฯ ขอ</TD><TD>นอบน้อมคุณ</TD><TD>แด่ท่านครู </TD><TD>ผู้อารี</TD></TR><TR><TD>กรุณา</TD><TD>และปรานี</TD><TD>อุตส่าห์สอน</TD><TD>ทุก ๆ วัน</TD></TR><TR><TD>ยังไม่รู้ </TD><TD>ก็ได้รู้ </TD><TD>ส่วนของครู</TD><TD>สอนทั้งนั้น</TD></TR><TR><TD>เนื้อความ</TD><TD>ทุกสิ่งสรรพ์</TD><TD>ดีชั่วชี้ </TD><TD>ให้ชัดเจน</TD></TR><TR><TD>จิตมาก</TD><TD>ด้วยเอ็นดู</TD><TD>อยากให้รู้</TD><TD>เหมือนแกล้งเกณฑ์</TD></TR><TR><TD>รักไม่</TD><TD>ลำเอียงเอน</TD><TD>หวังให้แหลม</TD><TD>ฉลาดคม</TD></TR><TR><TD>เดิมมืด</TD><TD>ไม่รู้แน่</TD><TD>เหมือนเข้าถ้ำ</TD><TD>เที่ยวคลำงม</TD></TR><TR><TD>สงสัย</TD><TD>และเซอะซม</TD><TD>กลับสว่าง</TD><TD>แลเห็นจริง</TD></TR><TR><TD>คุณส่วน</TD><TD>นี้ควรไหว้ </TD><TD>ยกขึ้นไว้ </TD><TD>ในที่ยิ่ง</TD></TR><TR><TD>เพราะเรา</TD><TD>พึ่งท่านจริง</TD><TD>จึงได้รู้ </TD><TD>วิชาชาญ ฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    บทประพันธ์สรรเสริญ
    คุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์
    ของ
    ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร
    วัดเทพศิรินทราวาส
    ลิขสิทธิ์เป็นของ
    ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร)
    วัดเทพศิรินทราวาส
    ต่อไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ
    การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ
    แม่เฒ่าปักษ์ใต้
    วิชาโลกเรียนเท่าไรไม่รู้จบ
    เพราะพิภพกลมกว้างใหญ่ลึกไพศาล
    วิชชาธรรมเรียนแล้วทำจนชำนาญ
    ย่อมพบพานจุดจบสบสุขเอย
    พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์
    ความไม่พอพาจนเป็นคนเข็ญ
    พอแล้วเป็นเศรษฐีมหาศาล
    จนทั้งนอกจนทั้งในไม่ได้การ
    ต้องคิดอ่านแก้จนเป็นคนพอ
    เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต
    ผิดหนึ่งพึงจดไว้ในสมอง
    เร่งระวังผิดสองภายหน้า
    สามผิดเร่งคิดตรองจงหนักเพื่อนเอย
    ถึงสี่อีกที่ห้าหกซ้ำอภัยไฉน
    คัดมาจากหนังสืออนุสรณ์ ธมฺมวิตกฺโกภิกฺขุ พระยานรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์)
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html

    คำเตือนสติและโอวาทของท่านธมฺมวิตกฺโก
    จากพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์

    เห็นเสือหมอบ อย่าเชื่อ ว่าเสือไหว้
    เผลอเมื่อไร เสือกิน สิ้นทั้งขน
    เป็นคนต้อง เกรงเยงยำ น้ำใจคน
    เขาถ่อมตน อย่าเหมา ว่าเขากลัว
    เขาไม่สู้ อย่าเหมา ว่าเขาแพ้
    คชสีห์แท้ หรือจะสู้ หมูชั่ว
    วางตนสม คมประจักษ์ ในฝักตัว
    ชาติคนชั่ว หลบลู่ อย่าสู้มัน
    เมื่อน้ำไหว ไหลเชี่ยว เป็นเกลียวกล้า
    เอานาวา ขวางไว้ ภัยมหันต์
    เรื่องของคน ปนยุ่ง นังนุงครัน
    ต้องปล่อยมัน เป็นไป ใจสบาย
    อวดฉลาด พูดออก บอกว่าโง่
    ฟังเขาโอ้ อวดอ้าง อย่าขวางเขา
    ขัดคอเขา เขาโกรธ พิโรธเรา
    เป็นเรื่อง เร่าร้อนใจ ไม่เป็นการ
    ใครมีปาก อยากปูด ก็พูดไป
    เรื่องอะไร ก็ช่าง อย่าฟังขาน
    เราอย่าต่อ ก่อก้าว ให้ร้าวราน
    ความรำคาญ ก็จะหาย สบายใจ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของคุณ ( ต่อ 4 ) โดยปรัศนี ประชากร<O:p</O:p


    ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เอกคุณ<O:p</O:p

    ทีนี้จะกล่าวถึงพระเครื่องบ้างละ คำว่าเอกคุณไม่เคยใช้กันมาก่อนและก็ไม่จำเป็นที่จะใช่เว่นในกรณียพิเศษซึ่งหาคำใดเหมาะสมกว่านี้ไม่ได้
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post408373 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">07-12-2006, 10:55 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Wisdom<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_408373", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด (นิก)
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:57 PM
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    ข้อความ: 1,025 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,746 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 4,605 ครั้ง ใน 592 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 1411 [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_408373 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] การกระทบกระทั่งกันของสังคมคนปฎิบัติธรรม - คำสอน หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]

    ทัศนะต่างกันและอุเบกขาธรรม
    หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    จากหนังสือ พรหมปัญโญบูชา

    ทรรศนะต่างกัน

    การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกันมากเข้าย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่ ทิฐิความเห็นย่อมต่างกัน ขอให้เอาแต่ส่วนดีมาสนับสนุนกัน อย่าเอาเลวมาอวดกัน การปรามาสพระก็ดี การพูดจาจ้วงจาบในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์หรือท่านที่มีศีลมีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเราและขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายหน้า ดังนั้น หากใครทำความดี ก็ควรอนุโมทนายินดีด้วย แม้ต่างวัดต่างสำนักหรือแบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม ไม่มีใครผิดหรอก เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์เช่นกัน เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุด เท่านั้น ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า แล้วเราล่ะถึงที่สุดแล้วหรือยัง


    [​IMG]
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    อุเบกขาธรรม

    การอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มาก ๆโดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่า เขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด หลวงปู่ท่านบอกว่า
    ให้ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคน 2 คน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเราเป็นคนก่อแล้วเขาเป็นคนจุดไฟ บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาพาตกเหว
    หลวงปู่ได้ยกอุทาหรณ์ สอนต่อว่า
    เหมือนกับมีชายคนหนึ่งตกอยู่ในเหวลึก มีผู้จะมาช่วย คนที่หนึ่งมีเมตตาจะมาช่วย เอาเชือกดึงขึ้นจากเหว ดึงไม่ไหวจึงตกลงไปในเหวเหมือนกัน คนที่สองมีกรุณามาช่วยดึงอีก ก็ตกลงเหวอีก คนที่สามมีมุทิตามาช่วยดึงอีกก็พลาดตกเหวอีกเช่นกัน คนที่สี่สุดท้ายเป็นผู้มีอุเบกขาธรรมเห็นว่าเหวนี้ลึกเกินกว่ากำลังของตนที่จะช่วย ก็มิได้ทำประการใดทั้ง ๆ ที่จิตใจก็มีเมตตาธรรมที่จะช่วยเหลืออยู่
    คนสุดท้ายนี้จึงรอดชีวิตจากการตกเหวตามเพราะ อุเบกขาธรรมนี้แล
    OOO
    [b-wai] [b-wai] [b-wai]
    สาธุๆสาธุ กราบ กราบ กราบ บูชาพระธรรม พุทโธ ธัมโม สังโฆ หลวงปู่ดู่

    <!-- / message --><!-- attachments -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=408373

    [​IMG]

    กราบนมัสการ หลวงปู่ดู่ สาธุ สาธุ สาธุ

    .
     
  19. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ผลบุญผลกรรม

    ณ บนเขาคิชฌกูฏ เนื่องในวันมาฆทักษิณาวรรต มีพระอรหันต์จำนวน 1,250 องค์ มาร่วมประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมายมาก่อน

    พระพุทธองค์ทรงพระเมตตา ทรงอธิบายให้แเก่พระอานนท์และศิษย์ทั้งหลาย ตรัสว่า" ดูก่อน อานนท์ พวกเธอจงฟัง ตถาคตจะอธิบายให้ฟัง ในสากลโลกนี้ ไม่ว่า หญิง ชาย ผู้แก่ผู้เฒ่าหรือลูกเล็กเด็กแดง ผู้ยากจน ทุกข์ทรมานไม่สิ้นสุด หรือผู้ดีมั่งมีเสพสุขไม่รู้จบ เหล่านี้ ล้วนมาจากกรรมเก่าที่ได้ก่อไว้ไนอดีตชาติทั้งนั้น อันนี้เพราะเหตุใดหรือ มนุษย์เรานับว่าเป็นสัตว์ประเสริฐสิ่งแรกควรทำ คือ จะต้องกตัญญูกตเวทีต่อผู้บังเกิดเกล้า เคารพในพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์) ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ปลดปล่อยชีวิตสัตว์ หมั่นสวดมนต์ให้ทาน เพื่อเป็นการสร้างเนื้อนาบุญ จึงสามารถมีบุญวาสนาในภพหน้าได้

    พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่า

    อดีตชาติได้ประกอบแต่กรรมดี จึงเกิดมาเป็นคนที่มียศสูงศักดิ์ และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพ ผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้

    ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด
    ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป
    สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้
    ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์
    ทองคำสร้างองค์พระดั่งสร้างตนเอง
    เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย
    ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นขุนนางนั้นง่าย
    หากไม่สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ไหนเลยจะได้รับ

    มีรถนั่งมีเรือขี่เพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน

    มีเสึ้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนบริจาคเสึ้อผ้าให้ผู้ยากจน

    มีอาหารกินอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน

    ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย

    มีตึกรามบ้านช่องอยู่เพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้

    มีบุญบารมีวาสนาเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา

    มีหน้าตาบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม

    มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพุทธเจ้า

    มีภรรยาดีมารยาทพร้อมเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน

    สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป

    มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า

    ไม่มีพ่อมีแม่เพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา

    มีลูกหลานแยะเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบปล่อยนกปล่อยปลา

    เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น

    ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน

    ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต

    ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

    ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขืนลูกเมียเขา

    ชาตินี้เป็นหม้ายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี

    ชาตินี้เป็นทาสเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณคนอื่น

    ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ

    ชาตินี้มีตาบอดเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก

    ชาตินี้มีปากแหว่งเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น

    ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนปากร้ายชอบด่าว่าพ่อแม่

    ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไหว้พระ

    ชาตินี้มืองอแขนคดเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่

    ชาตินี้ขาเป๋ตีนแปเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน

    ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนเป็นหนี้เขาแล้วไม่ใช้คืน

    ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา

    ชาตินี้มีโรคมากเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนดีใจที่เห็นผู้อื่นเคราะห์ร้าย

    ชาตินี้สุขภาพดีเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรคผู้อื่น

    ชาตินี้ต้องติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนเห็นคนตกอยู่ในอันตรายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือ

    ชาตินี้ต้องอดอาหารตายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน

    ชาตินี้ต้องถูกเขาวางยาเบื่อตายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง

    ชาตินี้โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำลายผู้อื่น
    ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยามดูแคลนคนรับใช้

    ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนคอยปุกปั่นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน

    ชาตินี้หูหนวกเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนฟังธรรมแล้วไม่เชื่อถือ

    ชาตินี้เป็นฝีหนองเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนทารุณสัตว์

    ชาตินี้ตัวมีกลิ่นเหม็นเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบอิจฉาริษยาผู้อื่น

    ชาตินี้ต้องแขวนคอตายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนทำลายเขาเพื่อประโยชน์ตน

    ชาตินี้เป็นหม้ายหรือโดดเดี่ยวเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนไม่รักลูกรักภรรยา

    ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช

    ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด
    เพราะชาติก่อนชอบก่อศัตรูคู่อาฆาต

    สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง
    ต้องตกนรกได้รับทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
    อย่าพูดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีใครเห็น
    กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกกับลูกหลาน
    ถ้าไม่ศรัทธาพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน
    ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาซิ

    เพราะเขาทำบุญไว้ตั้งแต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญจึงตอบสนอง
    แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน

    หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม
    ชาติหน้าก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอีก (เกิดอยู่ในอบายภูมิ)

    หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
    ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน

    หากใครคอยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม
    ก็จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน

    หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
    ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว

    หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม
    ทุก ๆ ชาติจะเป็นบุคคลมีปัญญาเลิศ

    หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎณห่งกรรม
    ชาติหน้าไปถึงไหนก็มีแต่คนนับถือ

    หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก
    ชาติหน้าจะมีกายมงคลรุ่งโรจน์

    หากจะถามเรื่องกฎแห่งกรรมของชาติก่อน
    ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว

    หากจะถามถึงเหตุผลของชาติหน้า
    ก็ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก

    หากว่าเหตุแห่งกรรมไม่มีการตอบสนอง
    ก็ให้อ่านเรื่องพระโมคคัลลาน์ช่วยมารดาในเมืองนรก

    หากบุคคลใดก็ตามที่ยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
    ก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร

    เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ
    สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศล
    ในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ
    รู้จักสละบ้างผลได้รับเหลือคณานับ
    เหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง
    จะได้รับผลประโยชน์ทุก ๆ ชาติไป

    "หากถามเรื่องชาติปางก่อน
    ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน
    หากจะถามเรื่องชาติหน้า
    ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน"

    เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้
    เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง
    เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง
    ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน



    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้ สโมสรนักบุญภูเหล่าเงินฮาง ร่วมสร้างสรรกับ คณะเบิกบาน บันเทิงบุญ
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=410848#post410848

    <TABLE class=tborder id=post410407 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 06:13 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2323 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Narong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_410407", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:38 AM
    วันที่สมัคร: Jan 2006
    ข้อความ: 609 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 5,991 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 7,076 ครั้ง ใน 600 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 776 [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_410407 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->โลกใบนี้ โลกที่พวกเราหรือสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายได้อาศัยอยู่นี้ประกอบด้วยธาตุหลัก 4 อย่าง ดิน น้ำ ไฟ ลม ทุกท่านคงทราบ ทุกสรรพสิ่งก็ได้อาศัยธาตุทั้งสี่นี้เป็นที่อาศัย ร่างกายของคนก็ดี ร่างกายของสัตว์ก็ดี ต้นไม้ต้นหญ้า ก็ได้อาศัยธาตุทั้งสี่เป็นหลัก

    ฟังจากหลวงพ่อพระราชพรหมยานที่ท่านนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอน ว่าธาตุทั้งสี่เป็นของไม่สะอาดเป็นของสกปรก ยิ่งร่างกายของคนและสัตว์ด้วยแล้วสกปรกมากที่สุด ผมก็ได้นำมาพิจารณาด้วยตัวเองแล้วเป็นจริงตามที่ท่านสอนทุกประการ ร่างกายของคนและสัตว์สกปรกกว่าส้วมเสียอีก เพราะส้วมถ้าเราไม่เอาของเสียจากคนหรือสัตว์ไปใส่มันจะสกปรกไหม ของเสียทั้งหลายที่ส้วมมีมันมาจากคนทั้งนั้น

    ลองพิจารณาดูนะครับว่าร่างกายนี้สกปรกจริงไหม มันเป็นที่อาศัยของคน(เอาเฉพาะคนก่อนก็แล้วกันนะครับ) ทุกระดับตั้งแต่เด็กยันแก่ใกล้ตาย คนชั่วช้าเลวทรามสุดๆ จนถึงดีสุดๆก็คือพระพุทธเจ้า ก็ได้อาศัยร่างกายอันเต็มไปด้วยความสกปรกนี้ด้วยกันทั้งนั้น บรรจุได้ทั้งดีทั้งชั่ว

    เมื่อเทียบกันระหว่างธาตุทั่วไป ดิน หิน ปูน ทราย ทองเหลือง ทองแดง เงิน นาก ทองคำ กับร่างกายของคนที่ผมกล่าวมาแล้วอันไหนมันเลวและสกปรกกว่ากัน ปรากฎว่าร่างกายของคนนี้เลวและสกปรกกว่ามากมายหลายสิบเท่า ถ้าไม่เชื่อก็เอาศพที่มีน้ำเลือดน้ำเหลือง เอาไปวางเปรียบเทียบกับ ดิน หิน ปูน ทรายดูก็ได้นะครับ เรากล้าจับอันไหน
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post410437 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 06:55 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2324 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Narong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_410437", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:38 AM
    วันที่สมัคร: Jan 2006
    ข้อความ: 609 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 5,991 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 7,076 ครั้ง ใน 600 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 776 [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_410437 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ทีนี้ผมจะมากล่าวถึงร่างกายอันแสนสกปรกนี้ แต่ประกอบด้วยคุณงามความดีที่อาศัยเรือนร่างนี้นะครับ คุณไม่งามและความเลวไม่กล่าวถึงเสียเวลาเปล่า จะกล่าวแค่เพียงว่าสภาพร่างกาย ของคนดีและคนชั่วมีสภาพคล้ายกันตายได้เหมือนกัน คนชั่วนี่ตายเมื่อไรเน่าได้เมื่อนั้น แต่คนดีสุดๆตายแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อยก็มีนะครับ ก็ด้วยคุณความดีที่มีในร่างนั้น

    ทีนี้ร่างกายที่บรรจุคุณความดีนี่ได้จริงหรือ ขณะที่เราทรงร่างกายขันธ์ห้านี่เรารักษาศ๊ลห้าได้ไหม ศีลแปดได้ไหม ศีลสิบได้ไหม ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ดได้ไหม ก็ตอบว่าได้ แต่ท่านจะแย้งว่าไม่ใช่ของร่างกายผมก็ว่าใช่และถูต้องเพราะเป็นคุณของจิต อทิสมานกาย แต่เมื่อยังประกอบกันอยู่ผมก็ถือว่าร่างกายด้วย

    และขยับขึ้นไป ร่างกายนี้สามารถบรรจุคุณงามความดีที่เหนือโลกได้ไหม เช่น อริยะบุคคล พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ และสูงสุดเป็นพระพุทธเจ้าด้วยร่างกายนี้ได้ไหม ก็ต้องตอบว่าได้ เพราะปัจจุบันมีพระอริยะบุคคลทรงขันธ์ห้าอยู่มากมาย

    ในเมื่อร่างกายที่แสนสกปรกสามารถบรรจุพระพุทธคุณที่มีพระธรรมคุณด้วยได้ และบรรจุพระอริยะสังฆคุณที่มีพระธรรมคุณด้วยได้ แล้ว ดิน หิน ปูนทราย ทำไมถึงจะบรรจุคุณ พระพุทธคุณ พระสังฆคุณไม่ได้ ซึ่งมีความสะอาดบริสุทธิ์กว่าร่างกายเยอะทีเดียว อาจจะแย้งได้ว่าไม่มีจิตรองรับเหมือนร่างกายก็จะมีเหตุผลมากล่าวต่อไป
    <!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post410454 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 08:11 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2325 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Narong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_410454", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:38 AM
    วันที่สมัคร: Jan 2006
    ข้อความ: 609 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 5,991 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 7,076 ครั้ง ใน 600 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 776 [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_410454 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เนื่องจากเป็นที่ทราบกันแล้วว่า พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ นั้นอัปปมาโณ คือหาที่สิ้นสุดของความดีไม่ได้ ไม่จำกัดทั้งกาลเวลาและสถานที่ เราสามารถเข้าถึงได้ตลอดเพียงแค่น้อมใจเข้าหาถึงได้ทันที นี่คืคุณพระรัตนะตรัย

    คุณของพระรัตนะตรัยไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ ไม่มีอะไรมาทำลายลงได้ด้วยเหตุนี้ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์หรือพระอริยะสงฆ์จึงมีได้ทุกหนทุกแห่งทุกกาลเวลา และด้วยเหตุนี้ทำไมวัตถุมงคลจะไม่มีพระพุทธคุณหรือมีไม่ได้ การจะสร้างเหรียญพระก็ดี พระพุทธรูปก็ดี ก็ได้อาศัยวัตถุธาตุที่มีในโลกเรานี้ ทำขึ้นมาแล้วกำหนดจิตเอาตามขั้นตอนและวิธีที่ผมไม่ทราบรายระเอียดทั้งหมด ของแต่ละที่และสำนัก

    แต่ที่ผมทราบก็คือการปลุกเสกสายหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ซึ่งท่านได้เปิดเผยถึงขั้นตอนวิธีต่างๆทั้งหมด ผมขอกล่าวแต่เพียงคร่าวๆ ท่านบอกว่าการปลุกเสกนั้นท่านไม่ได้ทำ แต่ได้อัญเชิญพระเบื้องบนมาทำให้ ก็คือพระพุทธเจ้าทั้งหลายมาทำให้ รวมถึงพระอรหันต์สาวกทั้งหลายด้วย เป็นผู้ทำให้ทั้งหมด ท่านบอกว่าด้วยอำนาจพุทธคุณไม่มีวันเสื่อมและไม่มีอะไรมาทำลายให้เสื่อมได้ ไม่เหมือนที่ทำด้วยอภิญญาสมบัติธรรมดามีเสื่อมได้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ด้วยเหตุนี้ก็แสดงว่าพระของท่านบรรจุด้วยพระพุทธคุณได้ด้วย เช่นเดียวกันครับนี่เป็นความเชื่อส่วนบุคคลข้อเขียนนี้ให้ใช้พิจารณาด้วยตัวเองนะครับ <O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post410487 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 09:57 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2326 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Narong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_410487", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:38 AM
    วันที่สมัคร: Jan 2006
    ข้อความ: 609 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 5,991 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 7,076 ครั้ง ใน 600 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 776 [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_410487 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เนื่องจากข้อเขียนของข้าพเจ้า เป็นการสงสัยในคำกล่าวของครูบาอาจารย์แต่ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาที่จะคัดค้าน คำกล่าวแต่ประการใด แต่ข้าพเจ้ายึดในความเชื่อด้วยเหตุผล ตามกฎ กาลามสูตร ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดปัญญาเห็นเหตุและผลด้วยตัวเองด้วยเถิด<O:p</O:p
    หากข้อสงสัยของข้าพเจ้าเป็นการไม่สมควรต่อครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่เทพโลกอุดรทุกพระองค์ และท่านอาจารย์ประถม ที่คุณสิทธิพงศ์นำข้อความมาลง<O:p</O:p
    ข้าพเจ้า ณรงค์ เพ็งลาภ ขอกราบขอขมาต่อครูอาจารย์ทุกท่านด้วยครับรวมทั้งคุณสิทธิพงศ์ด้วยครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แม้ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยสงสัยคำสอนของพระพุทธเจ้า ในความเป็น อนัตตา และบัดนี้ข้าพเจ้าได้เข้าใจด้วยปัญญาของตัวเองแล้ว จึงสิโรราบโดยสิ้นเชิงต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post410848 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 07:40 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2328 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_410848", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:40 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 7,474 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 5,706 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 27,543 ครั้ง ใน 4,423 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3524 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_410848 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Narong [​IMG]
    เนื่องจากข้อเขียนของข้าพเจ้า เป็นการสงสัยในคำกล่าวของครูบาอาจารย์แต่ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาที่จะคัดค้าน คำกล่าวแต่ประการใด แต่ข้าพเจ้ายึดในความเชื่อด้วยเหตุผล ตามกฎ กาลามสูตร ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดปัญญาเห็นเหตุและผลด้วยตัวเองด้วยเถิด<O:p</O:p
    หากข้อสงสัยของข้าพเจ้าเป็นการไม่สมควรต่อครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่เทพโลกอุดรทุกพระองค์ และท่านอาจารย์ประถม ที่คุณสิทธิพงศ์นำข้อความมาลง<O:p</O:p
    ข้าพเจ้า ณรงค์ เพ็งลาภ ขอกราบขอขมาต่อครูอาจารย์ทุกท่านด้วยครับรวมทั้งคุณสิทธิพงศ์ด้วยครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แม้ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยสงสัยคำสอนของพระพุทธเจ้า ในความเป็น อนัตตา และบัดนี้ข้าพเจ้าได้เข้าใจด้วยปัญญาของตัวเองแล้ว จึงสิโรราบโดยสิ้นเชิงต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า<O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไว้ผมจะมาตอบนะครับ ผมจะไปงานวิทยาศาสตร์ทางจิต

    เรื่องนี้เป็นเรื่องอธิบายได้ไม่ยาก สำหรับผู้ที่จับพลังของพระพิมพ์ได้หรือจับพลังพระพิมพ์เป็น แต่ค่อนข้างยากสำหรับผู้ที่จับพลังของพระพิมพ์ไม่ได้หรือไม่เป็น

    โมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post410918 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 08:36 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #2331 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Narong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_410918", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:52 PM
    วันที่สมัคร: Jan 2006
    ข้อความ: 610 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 6,005 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 7,094 ครั้ง ใน 601 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 779 [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_410918 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขอบคุณและโมทนาครับคุณสิทธิพงศ์

    เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเบาๆนะครับไม่หนักไม่ซีเรียด เป็นเพียงความรู้และความเชื่อของแต่ละบุคคล เพื่อนำมาเปรียบเทียบซึ่งกันและกัน สำหรับผมยังมีอีกหลายตอนครับที่เป็นเหตุเป็นผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าไม่เป็นเหตุเกินวิสัยซึ่งกันและกันผมก็จะยกมากล่าว

    ผมขออนุนุญาติเอาคุณ เม้าฯ มาเกี่ยวข้องนิดนึงนะครับ เรื่องหินแก้วโป่งข่าม ที่มีเทวดาประจำอยู่แต่ละก้อน หรือหลวงพ่อเกษมที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ท่านมีความสามารถพิเศษเห็นผีเห็นเทวดาด้วยตา เทวดาที่มีคุณเมื่อเทียบกับคุณของพระพุทธเจ้าแล้วเทียบไม่ได้ แต่ยังสามารถเข้าไปประจำในก้อนหินแต่ละก้อนได้ จะเข้าไปอยู่หรือไม่นั้นผมไม่ทราบแต่ก็ใช้คุณรักษาก้อนหินนั้นๆ ตามที่คุณเม้ากล่าวไว้

    ทีนี้มาเรื่องของอภิญญา อภิญญานี่สามารถทำได้แม้จะเป็นโลกิยะบุคคล เมื่อได้อภิญญาก็สามารถใช้คุณของอภิญญา ทำให้วัตถุมีความศักดิ์สิทธิ์ได้ เช่น เสกให้หินแข็งอ่อนได้ เสกให้น้ำอ่อนแข็งได้เป็นต้น นี่แค่อภิญญาของโลกิยะบุคคลก็สามารถทำได้

    อภิญญานี้พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นของเด็กเล่น ไม่ได้วิเศษอะไร เหาะเหินเดินอากาศได้ อย่างพระเทวทัต ก็ยังลงอเวจีได้เป็นต้น แต่ก็สามารถใช้คุณของอภิญญา แปลเปลี่ยนวัตถุที่มีในโลกให้เป็นไปตามต้องการได้

    ทีนี้มาถึงอริยะบุคคลที่มีความบริสุทธิ์ของจิตใจมากแล้ว ที่ขีดสูงสุดคือการเป็นพระอรหันต์ แม้กระทั่งพระพุทธเจ้าที่มีคุณอเนกอนันต์ เมื่อท่านต้องการจะสงเคราะห์สัตว์โลก ด้วยการแบ่งบุญแบ่งบารมีท่านช่วยเหลือสัตว์โลกในรูปแบบต่างๆย่อมสามารถทำได้ กับการเอาพุทธคุณบรรจุในวัตถุมงคลที่ผู้อยู่บนโลกทำขึ้นนี่ผมว่าเรื่องเล็กนะครับ

    ในเมื่อแค่อภิญญาโลกิยะบุคคลยังสามารถทำได้ต่อวัตถุ แล้วพระพุทธองค์เหนือกว่าสิ่งใดในโลกทั้งสามจะทำไม่ได้นี่ผมว่าจะแปลกมากๆเลยทีเดียว เมื่อพระองค์ก็ยังได้อาศัยธาตุสี่บนโลกมนุษย์มาสำเร็จกิจของพระพุทธเจ้า จนทำให้สังขารของท่านที่เป็นธาตุสี่ กลับกลายเป็นพระบรมสารีริกธาตุเมื่อพระองค์ท่านดับขันธ์ปรินิพาน ให้มนุษย์และเทวดาได้เก็บไว้สักการะบูชาจนปัจจุบัน นี่ก็ด้วยอำนาจพระพุทธคุณล้วนๆ
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...