ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ขออภัยครับแอบอ่านมาตั้งแต่หน้า๑โดยไม่ยอมแสดงการขอบคุณ เสียมารยาทจริงๆ กระทู้นี้สุดยอดจริงๆ เน้นกาละสูตรตลอด เท่ากับเน้นความมีสติ ตามหัวใจของพระพุทธองค์เลยครับ

 

.................................................
..ขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับครับ....
...โอ้ย..ไม่เป็นไรครับ..อย่าคิดมาก....ถ้าได้ประโยชน์ไปบ้าง..ผมก็ดีใจแล้ว...

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Post มาให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

.......................................................สวัสดีทุกท่าน.......................................................
...........กุรข่า.....นักรบเลือดดุ.......................................................................................
...............................................นอกจากยุทธภูมิ..ในยุโรปแล้ว..หลายกรมทหารราบเบา..
ของกุรข่า...ก็ต้องไปรบ..ทั้งในอาฟริกาเหนือ..ตะวันออกกลาง...และเอเซียกลาง...แต่สภาพ
อากาศ..ก็ไม่มีปัญหา..เพราะความอึด..และไม่มีอะไรมาเป็นสิ่งกีดขวางใน..ความดุดัน..แต่จาก
การ..ที่จะถูกใช้ให้ไปเป็นกองหน้า..เป็นส่วนใหญ่..ต้องตายไปหลายพันคน...มีทหารกุรข่า..๒..
นาย..ได้รับ VICTORIA CROSS..คนแรก..เป็นการเสี่ยงชีวิต..ไปช่วยทหารอังกฤษที่บาดเจ็บ
สาหัส..ที่ถูกถล่ม..เหลืออยู่คนเดียว..แบกกลับแนวไปส่ง..ที่ฝั่งตัวเอง...แล้วกลับไปใหม่..ฝ่าห่า
กระสุน..ไปเป็นรอบ ๒..แล้วไปแบกกลับมาอีกคน..ด้วยกองกำลังถอนไปหมดแล้ว..แต่ทหารกุร
ข่า..ผู้นี้ก็ไม่ทิ้งเพราะรู้ว่าไม่ตาย...แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนทหารด้วยกัน..และ
กล้าหาญที่จะเสี่ยงชีวิต..ตัวเองเพียงลำพัง..ไปช่วยเพื่อนทหารต่างเชื้อชาติ...หนังสือพิมพ์ใน
อังกฤษ..ถึงขนาดเขียนภาพที่กรุข่า..กำลังแบกทหารอังกฤษวิ่ง..สดุดีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่..จน
กระทั่ง..กองทัพต้องมอบเหรียญกล้าหาญสูงสุดให้..เพราะทหารกุรข่าผู้นี้..ความจริงไม่บอกใคร
ก็ได้..ถอนตัวออกจากแนวตามคนอื่น..(ทหารคนอื่น..ก็ไม่ทราบด้วย..ว่ามีเหลือรอด)...หลังจาก
หนังสือสดุดี..ทำให้เดิม..ภาพพจน์..ของกุรข่า..ต่อคนทั่วไป..ยุคนั้น..ต่ำต้อย..กว่าทหารอินเดีย
ด้วยซ้ำ..เป็นแค่พวกป่าเถื่อน(BABARIAN)..เท่านั้นเอง..เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนเป็นครั้ง
แรก..............................................................
...................แต่คนที่ ๒ นี่..พลยิง(RifleMan)..Karanbahadur Rana...จากหน่วย กรมทหาร
ราบเบากุรข่าที่ ๓...ขณะที่โจมตีในสมรภูมิปาเลสไตน์..แนวที่บุกไป..ถูกต้านด้วยฐานปืนกล..
และ..หทารปืนเล็ก..กับหน่วยข้วางระเบิด..เนื่องจากฐานปืนกล..ยิงได้แน่น..และแม่นยำทำให้
ฝ่ายอังกฤษต้องตายไปมาก..Rana..ซึ่งเป็นพลยิงปืนกลเบา LEWIS พร้อมกับ กุรข่าอีก ๒-๓
คน..ค่อยๆคืบคลานฝ่าม่านกระสุน..จนขึ้นไปถึงแนวหน้าสุด..แล้วช่วยกันระดมยิงต่อสู้..ปรากฏ
ว่า..ทำให้ทหารฝ่ายศัตรูเลยมารุม..โซ้ยRana...แต่เขาไม่ยั่น..แม้จะโดนทั้งปืนกล..ปืนเล็ก..ระ
เบิดมาถล่ม..เขาสามารถจัดการรังปืนกล..จนเงียบได้(ส่วนใหญ่ ๑ รังจะมี ๒-๓ คน)..แต่กรุข่า
ที่มาด้วย..ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส..เลยทำให้เขาเหลือสู้เพียงคนเดียว..เขายัง..สามารถสังการ
พลขว้างระเบิด..และพลปืนเล็กได้อีก มากกว่า ๒ คน..แต่ฝ่ายศัตรูที่เหลือ..ยกกำลังมาเสริม..
ทำให้หน่วยทหารอังกฤษ..ที่จะบุกตามขึ้นไปต้องถอนกำลังออก..แม้กระนั้นRaNa..ก็ยังยิงต้าน
ไว้จนหน่วยถอนกำลังออกไปได้......................(เขามีชีวิตอยู่จนตายเมื่ออายุ ๗๕ ปี)
..............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................



..ทหารกุรข่า..กำลังเข้าตี..ในสมรภูมิยุโรป




....ระเบิดฝ่ายเยอรมัน..ลงในสนามเพลาะ





วีรบุรุษ Karanbahadur Rana กับ ปืนกลเบา LEWIS คู่ใจ


ปืนกลเบาLEWIS..ตับกระสุนเป็นจานวงกลม



.............................................................................................................................
..............................................................................................................................
................................................พลังที่ฝากไว้...........................................................
...............คงต้องทึ่ง..กับ..ผู้ที่ประดิษฐ์..คิดค้น..คาถา..ต่างๆในแต่ละแห่งทั่วโลก..แม้ในไทย
เอง..ก็ตาม..ท่านเหล่านี้..ทราบได้ยังไง..ว่า..จะต้องกล่าวว่ายังไง..คาถาแต่ละคำที่ไม่ใช่ภาษา
พูด..หรือ..อาจจะทราบจากทางจิต..ขึ้นมา..อย่างเช่น..อาจารย์นองที่ได้วิชา..และ..คาถานาราย
ณ์แปลงรูป..จากนิมิต...เมื่อเรามาดู..คาถาทางพระของไทย..ซึ่ง..จะมีที่มาหน่อย..และใช้ภาษา
บาลี..สามารถแปลได้..แต่ที่แปลไม่ได้ก็มี..บางทีก็ผสม..บาลีกับไทย..ซึ่งผู้เริ่มรจนาไว้..ก็ต้อง
มีอุปเท่ห์แฝงใว้ด้วย..อย่าง..นะ..อุด..โม..อัด..พุทธ..ยัด..ฐา..ปิด..ฯ..อะไรทำนองนี้..คือ บาลี
..ผสม..ไทย..แต่..ก็เข้าใจได้...ซึ่งของไทย..จะเห็นว่าแปลกกว่า..ชาติอื่น..เพราะ..คาถา..ของ
ไทย..ว่ายังไง..ก็สามารถทราบได้...แต่ของชาติอื่น..เรียกว่าเป็นความลับ..คนอื่น..ที่ไม่ใช่..ผู้รับ
ถ่ายทอด..จะไม่ทราบ...แทบจะไม่ได้มีการบันทึก..ใช้จากปากต่อปาก..อย่างพวกหมอผี.....
..หมอวูดู..ส่วนนึงก็คงเพราะ..มาเกี่ยวข้องกับศาสนาด้วย..สำหรับไทย..คาถาบางประเภท..ถึง
แม้..จะท่องได้..แต่ก็ไม่ศักสิทธิ์..ต้องมีการ..”ครอบครู” ด้วย..ซึ่งก็คงเป็นวิธี..การฝากพลังอีก
..ลักษณะหนึ่ง..ซึ่งอาจหมายถึง..พลังที่ครูถ่ายให้..สามารถ..จะส่วนเชื่อมโยง..ไปสู่ความศัก
สิทธิ์..ของคาถานั้นๆก็เป็นได้..แต่อย่างที่บอกไว้ตอนที่แล้ว..ว่าคาถา..นั้น..นอกจากจะเป็นแบบ
ครอบคลุม..อย่างอธิษฐานจิต..แตยังมีที่ลึกลงไปในรายละเอียดด้วย..ซึ่งผู้ใช้ที่มีพลังจิตที่เข้ม
แข็ง..ก็สามารถ..ประสานกับ..คาถา..เพื่อเพิ่มความศักสิทธิ์ได้เป็นพิเศษ..ยิ่งทางไสยดำ..พวก
หมอผี..ไม่ว่าไทย..เขมร..แขก..มีตำราอย่างเดียว..ก็ไม่สามารถ..เป็นหมอผีได้..ถ้าไม่ได้ครอบ
ครู.........ซึ่งถ้านับแล้ว..ต่างจากทางไสยขาว..หรือ..ทางพุทธแน่นอน..เพราะพลังจิตของ..ผู้ใช้
จะต้องประสานพลังจาก”ครู”ผู้มอบ..ซึ่ง..เหมือน..”รหัส”หรือ กุญแจ..ที่ทำให้ความศักสิทธิ์ของ
คาถา..แต่ละบท..สำหรับ..การใช้แต่ละจุดประสงค์...มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้.................
...แต่ทางไสยขาว..นั้นบางอย่างก็ไม่จำเป็น..เช่น..คาถาทำตะกรุดโทนใช้เอง..คาถาเสกแป้ง
ผัดหน้า..คาถาเสกน้ำล้างหน้าเป็นต้น...................................................
...................................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................

.......................................................สวัสดี..................................................................

 

ผมก็สงสัยมานานและ ผมไปวัดโพธิ์แมน แล้วที่ระเบียงรอบโบสถ์จะมีสิงห์ตัวเล็ก
ล้อมรอบอยู่ แล้วในปากสิงห์ก็จะมีไอ้ขาวๆ ฟู ๆ ออกมา ผมเห็นก็งงนานแล้ว
มันคืออะไร คาดว่าก็น่าจะเป็นอันนี้

อ่านกระทู้คุณอาแล้ว ร้องอ๋อ ในหัวหลายรอบมากครับ 555555

 

สวัสดีครับพี่modpong
สวัสดีครับทุกท่าน

 

สวัสดียามค่ำครับ ท่านเจ้าของกระทู้และญาติธรรมทุกๆท่าน ผมเพิ่งเข้ามาอ่านในกระทุ้นี้เป็นครั้งแรกครับ

 

เพื่อนๆสมากชิกหลายๆท่านเริ่มเข้ามารับบทความดีๆมีสาระมากมายของ คุณ ลุง เพิ่มกันทุกวันเลยค่ะ ดีใจกับคุณ ลุงด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

เข้ามาให้กำลังใจเหมือนเดิมครับ ติดตามอ่านมาตลอดยังคงไว้ซึ่งสาระความรู้เช่นเดิม.....

 

....................................................
.....ยินดีต้อนรับ..และ..ขอบคุณครับ...

 

ขอขอบคุณมากครับพี่ ที่ช่วยเปิดเผยเบื้องลึก และเรื่องราวแต่หนหลัง
ในอีกมุมมองหนึ่ง ของเส้นทางเครื่องราง-ของขลัง และข้อคิดที่ดีๆ คมๆ
ที่คงหาอ่าน หรือรับรู้ได้ยากนัก ไม่ว่าจะจากที่ใหน จากหนังสือเล่มใดทั้งสิ้น
เพราะไม่มีคนกล้าเขียนในมุมมองเช่นนี้ ต้องขอบคุณที่เอามาร้อยผ่านตัวหนังสือ
เอามาแต้มแต่งให้เกิดสีสรรค์ จับกลุ่มให้เกิดภาพชัดเจน และปรุงรสให้อร่อยน่าชิม
ขอให้เขียนต่อไปอีกนะครับ อนุโมทนาในวิทยาทานเช่นนี้ด้วย ที่คงหาพบเจอได้ยาก

 

เรื่องราวต่างๆยังเข้มข้นเหมือนเดิมเลยนะครับคุณลุง.....

 

สวัสดีครับพี่modpongและทุกๆท่าน<!-- google_ad_section_end --> ครับกับบทความดีๆมีสาระมากมาย เฝ้าอ่านติดตามอยู่ครับ

 

..................................................
....ยินดีต้อนรับ...และ..ขอบคุณครับ.....

 

..................................................
...ขอบคุณ..และ..รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง..ในคำชม..ของคุณหนุ่ม..ผมเป็นคนนึง..ที่ชื่นชม..ในบทความ..และ..วิถี..ของคุณหนุ่ม..เป็นคนที่น่ายกย่องในความคิดผม..ผม..เป็น..แฟนกระทู้คุณหนุ่มเหมือนกัน..แต่ไม่ได้อ่านตลอด..และไม่ได้post..เพราะมีคนpostไว้เยอะแล้ว..ได้มุมมอง..และ..สาระดีมากครับ...ขอบคุณอีกครั้ง........

 

ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Post มาให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย

............................................................สวัสดีทุกท่าน...................................................

.............กุรข่า...นักรบเลือดดุ........................................................................................
..................................................แม้ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ นักรบกุรข่าภายใต้ผืนธงชาติ
อังกฤษ..จะตายไปมากมาย....แต่ผลงานที่สร้าง..บทความที่ลงในหนังสือพิมพ์แสดง..........
ถึง..ของความสามารถ..ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว..ของนักรบกุรข่า..ก็ได้ออกมา..เกือบตลอด..
..ซึ่ง..สมัยแรกๆ..ทางสังคม..ก็มีข้อโต้แย้ง..เพราะ..ต่างจาก..หน่วยรบของอินเดีย..ที่ถือว่า..
กุรข่า(เนปาล)..ซึ่งไม่ใช่เมืองขึ้น..อังกฤษ..ต้องจ้างทหารเหล่านี้มา..มากมาย......................
(...เพื่อมาตายแทน..)...ค่าใช้จ่ายสูงกว่า..ต่อหัว..บางคนก็ว่า..ทำไมไม่เกณฑ์พวกแขกอินเดีย
..เพิ่มมากขึ้น..มาทดแทนกุรข่า...แต่ผลการรบ..ครั้งนี้..ก็ต้องว่าทหารกุรข่า..แสดงศักยภาพ
คุ้มค่า..เงินค่าจ้าง..และก็เป็นส่วนสำคัญ..ในการที่ทำให้..อังกฤษ..รบชนะ..เยอรมัน..และ..ตุรกี
ในหลายสมรภูมิ...แถมยังมีผู้ที่..ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุด..ถึง ๒ คน...ทำให้แม้แต่ในสภา
ก็ไม่มีการคัดค้าน..ในการว่าจ้าง..ทหารกุรข่า..ต่อไป
.........................เมื่อ สงครามโลกครั้งที่ ๒ เริ่มขึ้น....สงครามครั้งแรก..ก็..เริ่มที่ยุโรป...ทหาร
กุรข่า..ก็ต้องเข้าร่วมด้วย...เวลาต่อมา..อีกไม่นาน..เมื่อญี่ปุ่นเริ่มรุกรานเอเซียอาคเนย์..สงคราม
ก็ลามเข้า..เอเซีย..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..เป็นดินแดน..ในเขตอาณานิคม..ของอังกฤษ..เกือบ...
ทั้งหมด..(..ฟิลิบปินส์..อินโดนีเซีย..นิวกีนี..ทีหลัง...)..ทั้ง..สิงคโปร์..มลายู(มาเลเซีย)..พม่า..
สิกขิม..อินเดีย...ทำให้..อังกฤษ..ต้องมีภาระมากขึ้น..ทั้งที่..เอเซีย..และ..ยุโรป..ทำให้ต้องว่า
จ้าง..และคัดเลือก..ชาวกุรข่า..ไปเป็น..นักรบมากขึ้น..ส่วนเนปาล..ก็..อยู่ในกลุ่มสัมพันธมิตร..
ก็..ส่งทหารกุรข่าไปช่วย..ร่วมรบด้วย..เฉพาะ..กรมทหารราบเบา..ก็เต็มพิกัด..จำนวน ๑๐ กรม
..ยังมีทั้งทหารช่าง..ทหารสื่อสาร....กระจายไปในทุกสมรภูมิ..ที่อังกฤษ..ร่วมรบ..ยุโรป..เอเซีย
..อาฟริกา..จำนวน..ร่วม ๒แสนห้าหมื่นคน....ทุกที่..ทหารกุรข่า..ก็ยังคง..รักษามาตรฐาน..ใน
ความดุดัน..กล้าหาญ..ไม่กลัวตาย..เป็นที่ประจักษ์..เวลาที่เราอ่านประวัติศาสตร์..ที่บอกว่า
..อังกฤษ..ชนะรบที่นั่น..ที่นี่..แล้วแปลกใจ..ว่าอังกฤษ..คนมีไม่เท่าไหร่..ทำไมโคตรเก่ง..รบกับ
อิตาลี..รบกับ..เยอรมัน..รบกับญี่ปุ่น..ได้หมด..ชนะหลายสมรภูมิด้วย..ก็ให้รู้ไว้เลยครับ..ทหาร
อังกฤษแท้ๆนะ..มีไม่ถึงครึ่ง..แต่ชื่อว่า..”อังกฤษ”..ที่ใช้ในสงคราม..นั้น..ประกอบด้วย......
.........๑. ออสเตรเลีย
๒. แคนาดา
๓. นิวซีแลนด์
๔. อินเดีย
๕. พม่า
........................ซึ่งทั้ง ๕ ประเทศ เป็น อาณานิคม..ของ อังกฤษ.............ยกเว้น..พวกเดียว
ที่ไม่ใช่อาณานิคม..อังกฤษ..แต่เป็นทหารรับจ้าง..ในกองทัพบกอังกฤษ..คือ
๖ . กุรข่า ..นักรบเลือดดุ....
...ความจริง..เป็นเช่นนี้มา..ตั้งแต่..สงครามโลกครั้งที่ ๑ แล้ว..ทำไม..อังกฤษ..สู้เยอรมัน..กับ..
ตุรกี..ออสเตรีย..ได้สูสี..ทั้งๆที่พันธมิตรหลักคือ ฝรั่งเศษ(ไอ้ขี้โกง)...แล้วมาตอนหลังชนะจริงๆ
เพราะ..ไอ้กันมาช่วย....ลองอังกฤษ..เอาเฉพาะ..ทหารอังกฤษ..มารบ..ขอโทษ..ทั้ง..สงคราม
โลกครั้งที่ ๑ และ ๒ แพ้เยอรมันไปแล้ว..คำว่า”เยอรมัน”..เกือบทั้งหมดคือ..เยอรมัน..มี..ออส
เตรีย..บ้างเล็กน้อย..และก็ไม่แปลกเพราะชาติพันธุ์ใกล้เคียงพูดภาษาเดียวกัน.............
...................ฉะนั้นใคร..ที่เคยโปร..ซูฮก..อังกฤษ...อ่านแล้ว..ลองคิดใหม่ได้.......
...........................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................



อนุสาวรีย์ทหารกุรข่า..หน้ากระทรวงกลาโหมอังกฤษ..ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ





ป้ายใต้อนุสาวรีย์..จารึกว่า...
ทหารกุรข่า..ผู้กล้าหาญที่สุด..ของ..ผู้กล้าทั้งหลาย.......
ผู้เผื่อแผ่..มีน้ำใจ..ยิ่งกว่าใคร..ไม่มีชาติไหน..ที่ให้ความเป็นเพื่อนที่..ให้ความเชื่อมั่น..น่าศรัทธา..เท่ากับ..พวกท่านอีกแล้ว........
...ศาสตราจารย์ เซอร์ ราล์ฟ เทอร์เนอร์...

.............................................................................................................................
.............................................<<<< พลังที่ฝากไว้ >>>>......................................
.......................ที่ผม..เล่ามานี่..คือ..การประจุพลัง..โดยไม่ใช้..สิ่งประกอป..ทางวัตถุ..มาประ
กอบนะครับ..อย่างเช่น..พิธีปลุกเสกหมู่..หรือ..ปลุกเสกเดี่ยว..โดยแค่..โยงสาญสิจญจน์..เพื่อ
เป็นทางเดิน..ของพลัง..เข้าสู่วัตถุมงคล..กับ...การเสกชนิด..”เป่าปราณ”..คือส่งพลัง..โดยอา
ศัย...”ลม”..เป็น..เป็นตัวส่ง..พลัง...วิธีนี้..เป็นวิธีที่เก่าแก่..มาก...เพราะมีปรากฏ..ในวรรณคดี
ตั้ง..แต่..ยุคต้นๆ...เช่น..ในรามเกียรติ...ว่าคาถา..แล้วเป่า ๓ หน..แล้วลูบ..ลูกศรก็หลุดออกจาก
ร่าง..ยิ่งในขุนช้าง-ขุนแผน..มีหลายๆครั้ง..ที่เอ่ยถึง..การเป่า..หลังจากว่าคาถาเสร็จ....สำหรับ
รุ่นผม..นั่นคือเรื่องธรรมดา..คาถาแก้หัวโน..คาถาแก้เคล็ดขัดยอก..แม้แต่คาถา..แก้ปวดท้อง..
..ตอนจบ..ก็ต้อง..มีการเป่า..ทั้งนั้น..แต่ที่มีรูป..เห็นกันจะๆ..และเป็นหลวงพ่อ..ระดับต้นหลังกึ่ง
พุทธกาล...ก็คือ..หลวงพ่อเกษม เขมโก..เป็นภาพที่แพร่หลาย..กันทั่วไป..นั่นคือ..การปลุกเสก
วัตถุมงคล..แบบเดี่ยว..สำหรับ..วัตถุมงคลที่เรียกรวมกันว่า..”...รุ่นกองพันเชียงใหม่ ปี ๒๕๑๘ “
..ความจริงคือ..กองพันทหารราบที่ ๑ กรมผสมที่ ๗ ค่ายกาวิละ..เชียงใหม่..ที่มีการถ่ายภาพ
ขั้นตอน..การปลุกเสก(ประจุพลัง..)..ไว้อย่างละเอียด..จะสังเกตส่วนแรกได้ว่า..หลวงพ่อ..ไม่ได้
ใช้สายสิญจน์..โยงจากมือท่าน..แล้วไปผูก..หรือ ทาบบน..วัตถุมงคล..เพื่อถ่ายพลังผ่านสาย
สิญจน์..แต่หลวงพ่อ..ใช้วิธี..”ถ่ายปราณ”..หรือ..”การเป่า”นั่นเอง..โดยอาศัย..”ปราณ”(ลม)
ของท่าน..เป็นการถ่ายพลัง(..ผมpost..รูป..ไว้ให้ดูประกอบด้วย..)...ซึ่งผม..คาดว่า..ตามข้อมูล
ที่ทราบ..ว่า..หลวงพ่อนั้น..ประจุพลัง..ด้วยทั้งสองวิธีคือ..การอธิษฐานจิต..และการว่าคาถา..เพื่อ
ปลุกเสก..คำว่า “อธิษฐานจิต”นี้..คือ..รูปแบบที่ผมกล่าวไปใน..ทั้งสองตอนที่แล้วนะครับ..เพราะ
การปลุกเสก..ด้วยคาถา..พระอาจารย์ที่ปลุกเสก..ท่านก็ต้องอธิษฐานจิต..ให้พลังความศักสิทธิ์
อันเกิดจาก..คาถานั้น..ไปประจุอยู่ใน..”วัตถุมงคล”นั้นๆ..อยู่แล้วด้วย..เหมือนกับ..รูปแบบ..
“อธิษฐานจิต”..เช่นกัน..เพราะถ้าในปัจจุบัน..วัตถุมงคล..อยู่ในกล่อง...ไม่ว่า..จะใช้ สายสิญจน์
โยง..การเป่า..การพรมน้ำมนต์(ผม..จะมาว่าทีหลัง)..นั้น...สิ่งที่สัมผัสกับ..พลังที่มาประจุ....
.................คือ....”...กล่องพลาสติก...”.......ถ้าไม่กำหนดไว้ในจิต....ความศักสิทธิ์และพลัง
นั้นๆ....ก็จะอยู่ที่......”กล่องพลาสติก”..แทน
.............................................ต่อตอนหน้าครับ.........................................................
..................................................สวัสดี.................................................................

 

สวัสดียามเช้าคุณอาและทุกท่านครับ ขอขอบคุณที่ให้ความรู้มากมายครับ...

 

ติดตามอ่านอยู่นะครับ คุณ mod ได้ความรู้มากมาย

 

เป็นกำลังใจให้คุณ ลุง ทุกวันค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

...................................................
ขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับครับ

 

สวัสดีครับ

มาให้กำลังใจครับ และมาอ่านบทความดีๆๆครับ

บอกคำเดียวสุดยอดครับ