เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.

  1. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อย่าลืมโน้ เรามีนัดกันที่งานวิทยาศาตร์ทางจิต วันที่ 9-12 ธันวาคม 53 เป็นเวลา 4 วัน

    บูทธ์ เลขที่ ต. 9, 10, 11

    อยู่ใกล้ๆ เวที ที่ 3

    [​IMG]
     
  2. Aloness

    Aloness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +253
    จะไปให้ได้ครับ ^^

    แต่เวลาไปคงต้องเดินหาทางพักนึง แหะๆ
     
  3. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ผมจะเบี่ยวไม่ไปได้ไหมเนี่ย
     
  4. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,005
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ......คงจะไม่ได้ครับน้อง 555.....
     
  5. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ดีผมจะได้ขนพระผงหลวงปู่ดูไปจัดจำหน่าย อิอิ ถ้าใครสนใจก็ไปหากันได้ ขนาดห้อยคอสวยงาม อิอิ
     
  6. bonzai

    bonzai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +181
    ไปติดต่อกันมาหลายปีแล้ว งานนี้ก็ต้องไปให้ได้
     
  7. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
     
  8. pawinee65

    pawinee65 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +147
    เห็นด้วยกับคุณ เต่าโบราณ นะค่ะ ลองนึก ๆ ดูตอนโกธร แล้วคิดถึงเรื่องที่คุณ CHAYA MARUTY เล่า

    แล้วทำให้หายโกธรได้เหมือนกันนะค่ะ พอโกธรปุ๊บ นึกถึงตัวเองแปลงร่างเป็นนางมารร้ายอ่ะ

    คงจาฮาน่าดู หน้าตัวเองคงไม่น่าดูชมเช่นกัน 555+
     
  9. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,005
    ค่าพลัง:
    +10,787
    กรรมที่ส่งผลต่อการจุติของจิต

    สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ไม่ได้เข้ามาเขียนกระทู้หลายวัน
    (แต่เข้ามาทุกวัน) รู้สึกว่า กระทู้ กายทิพย์ปัจจุบันของคน
    ขึ้นอยู่กับการทรงอารมณ์ปัจจุบัน นี้รู้สึกเป็นประโยชน์สำหรับ
    ผุ้อ่านมาก ก็อยากจะเขียนกระทู้ที่เป็นประโยช์มากกว่า
    เรื่องเล่าอีกซักเรื่อง ซึ่ง เรื่องนี้ เป็นเรื่องจาก มีเพื่อนสมาชิกที่
    ใกล้ชิดกันท่านหนึ่ง ได้ ส่งข้อความส่วนตัว
    มาถามเรื่องน้องสาวที่ได้เีสียชีวิตไป ผมได้เห็นว่า
    เรื่องนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับ เพื่อน ๆ สมาชิก
    และท่านผู้อ่านท่านอื่น ๆ จึงได้ขออนุญาติท่านเจ้าของเรื่อง
    นำมาตอบในกระทู้ครับ ข้อความมีดังนี้ครับ




    สวัสดีครับพี่ chaya
    อ่านเรื่องเล่าของพี่ในคอลัมน์ เรื่องเล่าก่อนนอน
    มาถึงตอน..กายทิตย์ของคน

    น่าอ่านน่าติดตามมากครับ


    พอดีมาคำถามจะสอบถามพี่ครับ
    ว่าอย่างกรณีน้องสาวผมชื่อ ....(ขออนุญาติสงวนนามครับ) ........
    ......... เสียชีวิตเมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา
    เธอทานข้าวกลับเพื่อนบ้านเดินมาแต่งตัว
    เพื่อจะไปร่วมงานกฐินที่วัด แต่ด้วยโรคหัวใจ
    และคืนก่อนล้มในห้องน้ำ ทำให้เธอสิ้นลมไม่ทันได้ร่ำลา


    จิตของเธอตอนนี้กำลังตั้งใจจะไปร่วมงาน
    เธอน่าจะไปภพภูมิที่สูงขึ้นด้วยไหมครับ
    พอดีผมถามอาจารย์ทางจิตท่านหนึ่ง
    ท่านบอกน้องสาวผมไปเกิดเป็นนางเหงือก
    ด้วยเนื่องจากผมกลับเก่าที่ฆ่าปลา


    อ่านเรื่องของพี่เลยทำให้นึกถึงเรื่องน้องตัวเอง
    เลยเข้ามาถามนะครับว่า อย่างนั้นจิตสุดท้ายก่อนหมดลม
    ก็ต้องขึ้นอยู่กับผลกรรมด้วยไหมครับ...........






    สำหรับเรื่องการออกจากร่างของจิตคนตายนั้น
    มีเหตุปัจจัยที่ต้องนำมาคิดด้วยก่อนจะตอบมากมายครับ
    แต่จริง ๆ คำถามนี้ ถ้าจะตอบ ว่า ตอนนี้
    จิตของน้องสาวไปอยู่ภพภูมิไหนนั้น สำหรับ ท่านที่
    เคยฝึก มโนมยิทธิ และได้ญาณ 8 มา แค่เห็นชื่อ
    ท่านเหล่านั้นก็ตอบได้แล้วครับว่า ไปอยู่ที่ไหน ..



    ...แต่ผมจะไม่ตอบแบบนั้นหรอกน่ะครับ
    เพราะผมเองนี้ เรื่องของการพยากรณ์นั้น
    ผมไม่ค่อยเป็นคนที่มั่นใจในการพยากรณ์ของตัวเองเลย
    ถ้าเกิดพยากรณ์ถูก หรื่อถูกใจก็ดีไป ถ้าพยากรณ์ผิด
    หรือผิดใจผู้ถามเสียแล้ว ก็รังแต่จะทำให้จิตเศร้าหมอง
    กันไปเปล่าว ๆ แต่ผมก็มีวิธีอนุมานเอาตามตำรา
    มาตอบให้ได้ครับ ตำรานี้ก็ของพระท่านนั่นล่ะครับ
    อาจไม่ถูกต้องตามตำราทุกตัวอักษร
    แต่ก็พอที่จะคิดตามได้ดังนี้





    กรรมที่จะให้ผลต่อการจุติ(เคลื่อน)ออกจากร่างของจิต ลำดับแรกคือ




    1. ครุกรรม เป็นกรรมที่ให้ผลรุนแรงที่สุด
    ถ้าใครเคยทำครุกรรมเอาไว้จะให้ผลก่อนเป็นลำดับแรกเลย กรรมชั่ว ก็มี

    1 ฆ่าบิดา มารดา
    2 ฆ่าพระอรหันต์
    3 ทำร้าย พระพุทธเจ้าจนกระทั่งห้อเลือด
    4 ทำให้สงฆ์แตกแยก

    ทั้ง 4 ข้อเรียกว่า อนันตริยกรรม ครุกรรม ในความคิดผม
    ผมคิดว่ายังมีตัวอย่างอีกหลายตัวอย่างเช่น นายนันทะ
    ข่มขืน อุบลวรรณาเถรี จนสำเร็จ อันนนี้ก็น่าจะเข้าข่าย
    ถ้ากรรมของคนปัจจุบันก็ พวก ตัดเศียรพระ นี่ก็หนักมาก
    ตอนตาย จิตจะตรงดิ่งไปเป็นสัตว์นรกทันทีโดย
    ไม่ผ่านสำนักพยายม



    ในความคิดของผม อนันตริยกรรมที่ทำได้ง่ายสุด
    และอาจเผลอทำได้ไม่รุ้ตัวก็คือ ทำให้สงฆ์แตกแยก
    มีข้อความของหลวงพ่อ พุธ ฐานิโย
    ท่านได้เมตตาสอนเรื่องนี้ไว้เตือนใจดีมาก ดังนี้ครับ




    /////ระวังนะ เวลาพระวัดใดวัดหนึ่ง
    ขัดผลประโยชน์กัน
    แตกสามัคคีกัน
    ทะเลาะเบาะแว้งกัน
    ญาติโยมอย่าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง


    เดี๋ยวจะกลายเป็นอนันตริยกรรมไม่รู้ตัว
    เช่นอย่าง หลวงพ่อ วัดใต้ หลวงพ่อวัดเหนือ
    ต่างก็มีหน้าที่กันเยอะแยะ


    ขัดผลประโยชน์กันแล้วก็ไปทะเลาะถีบเถียงกัน
    ต่างคนก็ต่างมีลูกศิษย์ทั้งพระ
    ทั้งโยมแตกกันเป็นพรรคเป็นพวก

    ยกพวกขึ้นมารบกัน



    ถ้าพระสงฆ์แตกสามัคคีกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ฝ่ายละ ๔ รูปขึ้นไป


    นั่นเป็น สังฆเภท


    ในเมื่อ สังฆเภทแล้วก็เป็น
    อนันตริยกรรม
    ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
    บาปนัก บาปหนา เพราะฉะนั้น
    การกระทำกรรมให้ระวังอนันตริยกรรมให้มากๆ

    และอีกอย่างหนึ่งถ้าท่านจะเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริง..
    ท่านอย่าไปถือพวก
    ถือพรรค
    ถือคณะ
    ว่าหมู่เขา หมู่เรา อาจารย์เขา อาจารย์เรา
    ขอให้ยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    เป็นสรณะที่พึ่ง
    ถือพระศาสดาคือพระพุทธเจ้าองค์เดียวเป็นครู
    พระสาวกที่เผยแพร่ศาสนาอยู่ในปัจจุบันนี้
    ถอดแบบจากพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าทั้งนั้น///////



    ส่วนข้อที่ทำยากที่สุด ก็เห็นจะได้แก
    ทำให้พระพุทธเจ้า้ห้อเลือด เพราะพระพุทธองค์ปรินิพพาน
    แล้ว ไม่มีกายสังขารให้ใครทำร้ายได้
    นอกจากพระเทวทัต ได้ทำไปแล้ว
    ซึ่งจิตของพระเทวทัตนี้ ก็ตรงดิ่งลงไปที่
    อเวจีมหานรก และคงจะอยู่ไปอีกนานมาก ๆ
    คำนวนกันเป็นตัวเลขไม่ได้





    ทีนี้มาดู ครุกรรมที่เป็นฝ่ายดีกันบ้างครับ


    ก็คือ ผู้ที่ได้ ฌาณสมาบัติ ได้แก่
    ผู้ที่ได้ รูปฌาณและ อรูปฌาณ และสมาบัติผล
    ผู้ที่ได้ ฌาณเพียงแค่ก่อนตายนึกนึกอารมณ์ฌาณ
    ก็จุติไปเป็นพรหม ทันทีครับ





    กรรมที่ให้ผลลำดับที่ 2 คือ อาสันนกรรม

    เป็นกรรมที่ทำในขณะใกล้ตาย ถ้าหากไม่ได้ทำครุกรรมเอาไว้
    อาสันนกรรมจะให้ผลเป็นกรรมถัดมาเช่น
    กำลังทะเลาะกะเมียอยู่ โมโหจนหัวใจวายตายกระทันหัน
    อันนี้ไปเป็นอสุรกาย

    เพิ่งไปปล้นเค้ามา
    ปรากฎว่ามาถูกตำรวจยิงตาย อันนี้ ก็ลงนรกชัวร์
    ในด้านกุศล ก็เช่น ในตอนเช้าไปทำบุญที่วัดมา ตอนสาย
    ก็ยังปลื้มใจไม่หาย แต่ก็บังเอิญหัวใจวายตาย
    อันนี้ ก็ไปสวรรค์ได้เหมือนกัน



    อาสันนกรรมนี่ก็คือ ในหัวข้อที่ผมได้เขียนไปครับ คือ
    ทรงอารมณ์อะไรอยู่ ก็ไปตามนั้นเลยตามที่ผมได้เขียน
    ในกระู้ทู้ที่แล้วนั่นล่ะครับ






    กรรมที่ให้ผล ลำดับที่ 3 คือ อาจิณกรรม
    เป็นกรรมที่ได้กระทำเป็นประจำซ้ำ ๆ ทุกวัน
    หากว่าตอนตาย ไม่ได้ทำ ครุกรรม หรือไม่มีอาสันนกรรม
    อาจิณกรรมก็จะส่งผลแทน เช่น พวก ฆ่าวัวฆ่าควาย
    เป็นประจำทุกวัน ตอนตายก็โดนแน่ ๆ
    อาจิณกรรมนี่แปลกอยู่อย่าง ทำครั้งเดียว
    แต่ตามนึกถึงบ่อย ๆ ก็เป็นอาจิณกรรมน่ะครับ เช่น
    ในชีวิต เคยขโมยเงิน สมมุติเพียง 1 บาท ก็แทบจะไม่มีค่า
    อะไรใช่ไหมครับ แต่บังเอิญว่า ไปเสียใจ นึกถึงเรื่องนี้
    ทุกวัน ๆ ๆ จนตายก็ยังนึกเสียใจตามอยู่ อันนี้ ถ้าไม่มี
    ครุกรรม หรืออาสันนกรรม ไปต้องไปสำนักพยายม
    ได้เหมือนกัน


    มันเป็นการอนุโมทนาปาบ และเช่นเดียวกัน
    เราได้ทำความดีเพี่ยงครั้งเดียวในชีวิต เช่นเราเป็นคนจน
    เคยได้ถวายสังฆทานเพียงครั้งเดียว แต่ตามนึกถึงบุญทุกวัน
    บุญนี้ ตอนทำก็ปลื้ม ทำเสร็จ ก็ปลื้ม ถึงจะนานมาแล้ว
    แต่ตามนึกนึงทุกวัน ก็ปลื้ม อาการปลื้มนี่ล่ะครับ
    เป็นการอิ่มบุญ หรือเรียกว่าตามอนุโมทนาบุญของตัวเอง
    เพียงแค่ทำครั้งเดียว ตามนึกถึงก็เป็นอาจิณกรรมได้
    ตายแล้วไปสวรรค์ทันที



    และอาจิณกรรมมีแปลกอีกอย่าง
    ผมยกตัวอย่าง พวก ตีไก่ กัดปลา เช้ามาก็ตีไก่
    บ่ายมาก็กัดปลา แม้ไม่ได้เป็นผู้ตีและผู้กัดเอง
    แต่การทำทุกวัน พอใจในการตี การกัด ก็เป็นการทำปาบ
    และอนุโทนาปาบได้ เวลาตาย ถ้าไม่ีีมี ครุกรรม
    อาสันนกรรม ก็ลงนรกไปเหมือนกันครับ





    ลำดับที่ 4 กตัดตากรรม กรรมที่สักแต่ว่าทำ เป็นครั้งคราว
    เช่น เคยถวายดอกไม้พระเพียงครั้งเีดียว
    มีคนมาให้ใส่ซองผ้าป่าก็ใส่ไป เพียงครั้งคราว
    ถ้าไม่มีครุกรรม อาสันกรรม หรืออาจิณกรรม
    กรรมตัวนี้ถึงจะส่งผล แต่ กตัตตากรรมนี้ ผมคิดว่า
    เราชาวพุทธ ต้องได้ทำความดีในพระพุทธศานา
    มากกว่าครั้งเดียวแน่นอนครับ


    กรรมตัวนี้
    น่าจะเป็นพวกชาวต่างชาติต่างศาสนามากกว่า
    ที่จับพลัดจับผลูมาได้ทำบุญในศาสนาพุทธเรา
    อาจแค่ครั้งเดียว แต่ก็ส่งผลมากกว่า
    สิ่งที่เค้าได้ทำมาทั้งชีวิต เพราะทำบุญนอกเขตพระศาสนาพุทธ
    นี่ ผลต่างกันมากมายมหาศาลครับ





    สำหรับน้องสาว ที่เสียชีวิตไป น่าจะเข้าข่าย อาสันนกรรม
    อาสันนกรรมนี้ มิเพียงแต่ว่า เราไปทำบุญมาแล้ว
    แล้วมาตายจึงได้กรรมนี้น่ะครับ หากตั้งใจว่า
    กำลังจะไปทำบุญ แต่ต้องจะไปจริง ๆ น่ะครับ มีเจตนาจริง
    บุญน่ะได้ก่อนตั้งแต่ตั้งเจตนาจะไปทำแล้ว ครับ
    เพราะเจตนาเป็นตัวกรรม น้องสาวนี่ เดินมาแต่งตัวจะไป
    วัดอยู่แล้วนี้ ได้บุญไปแล้วครับ เป็นตัวอาสันนกรรมอย่าง
    แน่นอน ไปสุขติภูมิอย่างแน่นอน



    ส่วนที่ บอกว่า เคยฆ่าปลานั้น ต้องดูก่อนว่า
    ฆ่าไป เป็นจำนวนเท่าไร ก็คือหนักไม่หนักนั่นเอง
    แล้ว ทำเป็นประจำหรือไม่ แล้วตามคิดถึงหรือไม่
    หากเคยฆ่าเพียงตัวเดียว นานมาแล้ว
    ผมว่าก็จะเป็น กตัตตากรรมไป
    หรือถ้าฆ่าเป็นประจำทุกวันเป็นแม่ค้าขายปลา
    ก็เป็นอาจิณกรรม หรือฆ่าตัวเดียว แล้วเสียใจตามนึกถึง
    ทุกวัน ก็เป็นอาจิณกรรม อาจิณกรรมนี้ก็ยังส่งผล
    หลัง อาสันนกรรมครับ ผมคิดว่า น้องสาว ต้องได้รับ
    ผลกรรมตัว อาสันนกรรม ด้วยความที่ตั้งใจจะ
    ไปทำบุญแน่นอนครับ...............







    เพราะฉะนั้นครับที่ผุ้อ่าน ฌาณสมาบัติ การเข้าสมาธิ
    การตามนึกถึงความดี การตามนึกถึงบุญ
    และการทำบุญเป็นประจำ เป็นการกระทำที่สมควร
    กระทำอย่างยิ่ง เราไม่รู้หรอกว่า เราจะตายเมื่อไหร่
    ความตายไม่มีนิมิตรหมาย ตายเมื่อไร อย่างน้อย ๆ
    ก็ปิดอบายภูมิ ผมพูดอย่างนี้ ก็อย่าหาว่าผมมาสอน
    หรือคิดว่าผมเป็นพระอริยะเจ้าไปแล้ว .
    ..ผมก็เหมือน ๆ กับท่านผู้อ่านนั้นล่ะครับ
    ที่ยังต้องมุ่งทำความดี แสวงหาดีกันอยู่
    ก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่งล่ะครับ
    ไม่ได้ดีโด่ไปกว่าใครเค้าหรอก วัน ๆ เดินผ่านปากนรก
    ไม่รู้กี่ครั้ง ก็ได้แต่พยายามครับ เมื่อใดที่พลั้งเผลอ
    ก็รีบดึงสติเข้ามาจับลมหายใจอาณาปาณะสติ
    ให้ใจคิดดี ใจคิดดี ปากก็ต้องดี กายก็ต้องดี
    แต่ใจนี่มันเผลอได้ครับ ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระโสดาบัน
    ก็ยังปิดอบายภูมิไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่า
    กรรมดีที่ได้ทำมาทั้งหมดนั้น
    จะมาส่งผลให้ในตอนจิตออกจากร่างครับ



    โชคดีตอนตายกันทุกท่านน่ะครับ

    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  10. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    กรรมนั้นละเอียดนักแม้แต่คุรุอุปัชฌาย์ บางท่านกรรมแล่นมาในวินาทีสุดท้ายของชีวิต จิตตกสู่

    อบายภูมิโดยพลันดังนั้นสิ่งที่จะเจริญในช๊วิตปัจจุบัญคือ มรรค8 ศีล5 พรหมวิหาร4 ทำให้ได้ก็ยกจิตได้ครับ
     
  11. pawinee65

    pawinee65 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +147
    เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งจริง ๆ ค่ะ และก็ยากที่จะปฏิบัติด้วย(สำหรับตัวเองนะค่ะ)

    แต่ถ้าพยามยามฝึกจิตกันให้มากเข้าไว้ คงจะส่งผลได้ไม่มากก้อน้อยใช้มั้ยค่ะ
     
  12. โอมธนกฤต

    โอมธนกฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2009
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +3,984
    กรรมช่างลึกซึ้งกว่าที่คิดจริงๆ อนุโมทนาสำหรับเนื้อหาดีๆ
     
  13. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,332
    ตอนนี้กำลังเพียรพยายามอ่านกระทู้นี้อยู่ค่ะ น่าสนใจมากๆๆๆๆๆ เสียดายแต่เพิ่งจะได้อ่านเมื่อไม่กี่วันมานี้ เพิ่งถึงหน้า ๔๔ เองค่ะ แต่ขอลัดมา say Hallo กับทุกท่านที่ปรารถนาไปในทางเดียวกันนะคะ
    และอยากให้เพื่อนๆพี่ๆเป็นกำลังใจในการปฏิบัติให้ด้วยนะคะ มือใหม่น่ะค่ะ ปฏิบัติยังกระท่อนกระแท่นอยู่
    แต่ก็ขออวยพรให้ทุกท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้บรรลุในทุกสิ่งที่ท่านปรารถนาโดยไวและโดยง่าย คุรุที่ได้แล้วก็ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป...
    เดี่ยวขอตัวกลับไปอ่านต่อก่อนค่ะ
     
  14. มณีเนตร

    มณีเนตร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +69
    ,,,ทั้งลึกซึ้ง..ทั้งปฎิบัติยาก ซับซ้อนจริง ๆค่ะ คงต้องศึกษาและปฏิบัติอีกเยอะค่ะ..ขออนุโมทนากับเรื่องเล่าดี ๆ มีสาระและประโยชน์มากค่ะ.
     
  15. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    วันเสาร์กว่าวรรณนันท์จะถึงบูธก็เกือบเย็นอีกตามเคย แต่พี่ๆน้องๆยังอยู่กันอุ่นหนาฝาคั่ง เห็นคุณดาวฯแวะมาเสวนากันทุกเสาร์แล้วชื่นใจเจงๆ

    ยินดีในบุญด้วยนะคะที่ช่วยบำรุงบูธกันอีกแล้ว คุณJava108 200 บาท คุณPoom 100 บาท

    เงินที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือที่โอนเข้าบัญชี เพื่อให้ยินดีในบุญกันถ้วนหน้าวรรณนันท์นำมาลงประกาศในเวปทุกรายการ เงินสดก็นำเข้าบัญชีกองทุนบูธ ซึ่งแต่ละยอดก็จะตรวจสอบกับรายการในบัญชีธนาคารได้ นั่นคือในส่วนของรายรับ ในส่วนของรายจ่าย ตอนนี้ค่าเช่าบูธและค่าน้ำค่าไฟเจ้าของบูธไม่ได้ให้ใบเสร็จรับเงินกับเรา (ซึ่งคงเป็นมาตั้งแต่สมัยอาจารย์อาชวินแล้ว) เดือนที่แล้วจะขอใบเสร็จไปถ่ายสำเนาแถวบูธก็ไม่รู้จะไปถ่ายสำเนาได้ที่ไหน เสาร์หน้าจะลองขอให้เขาเตรียมถ่ายสำเนามาให้เราเลยแต่ไม่รู้เขาจะร่วมมือแค่ไหน ทุกครั้งที่จ่ายจะมีพยานดูรู้เห็นจำนวนเงินมากกว่าหนึ่งคน รายการรับ-จ่ายทุกอย่างมีการบันทึกไว้หมด ผู้ดูแลบูธรับทราบค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อทำความสะอาดและปรับปรุงบูธผู้ดูแลบูธก็ควักกระเป๋าเองโดยไม่เคยรบกวนกองทุนเลยแม้แต่สตางค์เดียว ขอเพียงให้สามารถสืบทอดบูธในแนวทางของอาจารย์อาชวินต่อไปให้ได้นานเท่าที่จะเป็นไปได้

    วันอาทิตย์วิ่งรอกทั้งเขตพระนครและธนบุรี กว่าจะไปเอาตัวคนไข้ไปหาหมอที่บูธได้ก็เกือบห้าโมงเย็น ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านจริงๆที่อยู่คอยกันพร้อมหน้า ทั้งท่านหมอ อาจารย์บาส และคุณเห็ดหอม ช่วยกันดูช่วยกันแลช่วยกันเล็ง คนไข้กะญาติคนไข้กะเพื่อนคนไข้ฯลฯ ต่างประทับใจกับการต้อนรับแบบชาวบูธ รายการอาหารกับขนมชักจะเริ่ดขึ้นทุกอาทิตย์ แถมแย่งกันสั่งน้ำมาเลี้ยงอีกตะหาก คำว่าอดไม่มีวันเจอแน่นอนทีมนี้
     
  16. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    คำว่า อด คำว่า อยาก ปากแห้ง เป็นไม่มี

    หาก มาที่ บูธ

    เพราะ อาหาร การกิน มิได้ ขาด
    ชาว สมาชิก หยิบติดไม้ ติดมือ มา เผื่อ พวกพ้อง ไม่ ขาดสาย.....

    ขอบคุณ ขอบคุถ สำหรับ น้ำใจ พี่น้อง เรา.......

    โดยเฉพาะ คุณวรรณนันท์ มักจะเอา ขนม อร่อยๆ ติดไม้ติดมือ มิได้ขาด

    .................
     
  17. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778

    พี่หนึ่งครับครั้งนี้อาจจะเป็นการทดสอบ ในหลักธรรมที่เราได้เรียนมา ก็เป็นได้ครับ

    ให้ดูรู้เหตุที่เกิดว่าเพราะอะไร คนที่นำมากระทบเป็นคนเช่นไร เมื่อรู้เหตุปัญญาก็จะเกิดตามมา

    ก็จะละวางได้ในที่สุด ธรรมชาตของมนุษย์มีอารมณ์แต่เราจะรู้เท่าทันได้ไหม

    ไม่ใช่สักแต่ละวางแต่วางด้วยเหตุอันสมควร วางด้วยปัญญา ไม่ใช่สักแต่ว่าวางครับ
     
  18. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ขอบคุณมากค่ะที่ให้ข้อคิดเพื่อสติและปัญญาจะได้ทำงาน
     
  19. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    หมายความว่า ไม่ใช่ละวางแบบเก็บกด แต่ให้ละวางอย่างเข้าใจ
    อย่างนั้นใช่มั้ยอาจารย์

    คือ หมายถึง ไม่ใช่ทำใจให้เหมือนก้อนอิฐก้อนปูน แล้วไม่รับรู้อะไร
    แบบนี้ เป็นมิจฉาทิฐิรึป่าวอาจารย์

    แต่หมายถึง ให้พิจารณาตามความเป็นจริง ไม่เจือด้วยอารมณ์
    เมื่อเห็นเหตุ มันก็จะวางได้ใช่ป่าวอาจารย์

    อ้อ.. เหมือนที่เค้าว่า ถ้าสักแต่วาง มันก็เหมือน เอาหินทับหญ้า
    ถ้าเอาหินออกเมื่อไหร่ หญ้ามันก็กลับมางอกงามได้ใหม่
    เหมือนกิเลสที่ไม่ได้หายไปไหน เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม
    มันก็กลับมางอกงามได้ใหม่

    แต่ถ้าเราเห็นเหตุ และวางด้วยปัญญาแล้ว มันก็เหมือนเรา
    ถอนหญ้าออกทั้งรากทั้งโคน ไม่มีวันกลับมางอกงามได้อีก

    อย่างนั้นรึป่าวคะอาจารย์
    ...ลึกซึ้งน้อออ...
     
  20. tanakit128

    tanakit128 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +36
    เห็นการอธิบายอย่างแยบคาย บ่งบอกถึงภูมิธรรมได้อย่างยอดเยี่ยม อาจารย์บาส
    มีลูกศิทย์ที่มีปัญญา ย่อมเป็นนิมิตหมายที่ดี อาจจะเป็นเพราะคำสอน ที่เป็นธรรมมะอย่างแท้จริง
    ผมเป็นคนหนึ่งที่ตามอ่านมานาน เห็นแต่คนอวดอุตริ คนพวกนี้ย่อมมีความเสื่อมเป็นที่ตั่ง
    แต่ได้เห็นอาจารย์บาสซึงน่าจะเป็นหน่อแท้ทางศาสนา ขอให้อย่าหนีเหล่าศิทย์ อยาน้อยใจไปไหนละครับ
    เป็นกำลังใจให้ครับ
    เจริญในบุญครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...