การถวายผ้ากฐินที่วัดท่าซุง ต้องจองล่วงหน้าไหมคะ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย bug_load, 13 พฤศจิกายน 2010.

  1. bug_load

    bug_load เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    559
    ค่าพลัง:
    +4,382
    อยากทราบว่า หากต้องการถวายผ้ากฐินที่วัดท่าซุง ต้องจองล่วงหน้าไหมคะ
    หรือว่าสามารถซื้อผ้าไปถวายได้เลยคะ
    แล้ววันที่ 20 ที่เป็นวันเริ่มกฐิน ไม่ทราบว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ติดต่อโทรไปที่วัดเลยครับ......

    เบอร์โทรไปหาที่เวบวัดท่าซุง......
     
  3. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    อานิสงส์กฐินทาน
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี ฯ)

    ต่อไปนี้ จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อๆนะ อานิสงส์ในการถวายกฐิน หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด

    ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

    ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น"มหาทุคคตะ" ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า"พระปทุมมุตระ"

    วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี(แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

    "โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า 500 ชาติ"!!!!......

    นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ!!!!

    คำว่า"มหาเศรษฐี"นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"

    เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ !!!

    ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้!!!.....นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้!!!!

    ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ!!!

    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ (1) จุลกฐิน (2) ปกติกฐิน (3) มหากฐิน กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน

    คำว่า"จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า"จุลกฐิน" ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน!!!.......



    ไม่ต้องจองครับ ส่วนเรื่องผ้าไตร เราจะจัดไป หรือไปผาติกรรมที่วัด ก็ได้ ซึ่งทางวัดจัดเตรียมไว้เรียบร้อยครับ ถ้าปกติที่ผมไป จะไปตัวเปล่า ยกเว้นบางกรณี

    ลองสอบถามรายละเอียด ที่วัด (ท่าซุง) ดูนะครับ 056 502 631 หรือ 056 502 506 ไม่แน่ใจนะ ว่าเบอร์มีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า

    <CENTER>งานทอดกฐิน วัดท่าซุง</CENTER>

    <DD>
    วันที่ ๒๐ พ.ย. เริ่มงานกฐิน

    <DD>
    วันที่ ๒๑ พ.ย. เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. ถวายผ้ากฐิน ที่ศาลา ๑๒ ไร่

    <DD>
    เวลา ๑๗.๐๐ น. พระสงฆ์วัดท่าซุง กรานกฐินในอุโบสถ
    </DD>

     
  4. helioliotrope

    helioliotrope เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +218
    รบกวนถามนะคะ ผาติกรรมคืออะไรคะ และกรานกฐินคืออะไรคะ และถ้าจะไปร่วมงานกฐินถวายผ้าไตรควรไปวันที่ ๒๑ พย ใช่หรือเปล่าคะ
     
  5. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    helioliotrope

    รบกวนถามนะคะ ผาติกรรมคืออะไรคะ

    ผาติกรรม
    คำแปล การทำให้ เจริญขึ้น
    ใช้ในวินัยสงฆ์ว่า การจำหน่ายครุภัณฑ์ เพื่อประโยชน์สงฆ์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเอาของ เลวแลกเปลี่ยนเอาของที่ดีกว่าให้แก่สงฆ์ หรือ เอาของของตนถวายสงฆ์เป็นการทดแทนที่ตน ทำของสงฆ์ชำรุดไปบ้าง, รื้อของที่ไม่ดีออกเสีย ทำให้ใหม่ดีกว่าของเก่า เช่น การเอาที่ดินของวัด ไปทำอย่างอื่นแล้วสร้างวัดถวายเพื่อชดเชย.


    ในที่นี้ หมายเอาว่า คณะสงฆ์ มีมติยินยอม ในการจัดชุดผ้าไตร และ บริวารของกฐิน เพื่อเป็นสาธารณะ แก่ผู้มีจิตศรัทธา เพื่อน้อมนำมาถวาย เฉพาะในพิธีนั้น ๆ..

    และกรานกฐินคืออะไรคะ

    กรานกฐิน
    คำว่า กรานกฐิน เป็นสำนวนในพระวินัย (ตามศัพท์หมายถึง เอาผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรเข้าขึ้งไว้ที่ไม้สะดึง) โดยเนื้อความแล้วสามารถเข้าใจได้ดังนี้คือ พระภิกษุที่จะกรานกฐิน ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม (ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป) โดยได้รับการอนุมัติจากสงฆ์ว่าเป็นผู้สมควรได้รับผ้า แต่เดิมท่านมีผ้านุ่งผืนเก่าอยู่ก็จะต้องสละผ้าผืนเก่าเสียก่อน แล้วนุ่งผ้าใหม่ อธิษฐานผ้าใหม่ที่จะใช้ต่อไป พระภิกษุทั้งหมดที่อยู่ร่วมสังฆกรรมก็อนุโมทนา ขั้นตอนทั้งหมดนี้คือลักษณะของการกรานกฐิน ซึ่งก่อนที่จะมาถึงขั้นนี้นั้น พระภิกษุทุกรูปจะต้องร่วมกันทำผ้าให้เสร็จเรียบร้อย เริ่มตั้งแต่การซักผ้าให้สะอาด กะผ้า ตัดผ้า เย็บผ้า ย้อมผ้า เป็นต้น กิจกรรมทั้งหมดต้องให้เสร็จภายในวันนั้นซึ่งจุดประสงค์จริง ๆ เพื่อให้สงฆ์สามัคคีกัน พร้อมเพรียงกัน แต่ถ้าในกรณีที่คฤหัสถ์ถวายเป็นผ้าสำเร็จรูปอย่างเช่นในปัจจุบัน พระภิกษุท่านก็สามารถกรานกฐินด้วยผ้าผืนดังกล่าวได้ แต่จะต้องเป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่งเท่านั้น

    เป็นพิธีกรรม ของคณะสงฆ์ นะ ซึ่งตรงนี้ ไม่เกี่ยวกับ ฆราวาส

    และถ้าจะไปร่วมงานกฐินถวายผ้าไตรควรไปวันที่ ๒๑ พย ใช่หรือเปล่าคะ

    หากเราไม่ติดภารกิจ ควรไปวันที่ ๒๐ ถ้าไม่สะดวก ไปวันที่ ๒๑ เลยก็ได้ ครับผม ..
     
  6. helioliotrope

    helioliotrope เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +218
    ขอบพระคุณมากนะคะ ที่อธิบายความหมายให้รู้ในเรื่องกฐินค่ะ
     
  7. bug_load

    bug_load เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    559
    ค่าพลัง:
    +4,382
    ขอบคุณมากค่ะ คุณอริยบุตร
    แล้วพอจะบอกได้ไหมคะว่าวันที่ 20 มีกิจกรรมอะไรบ้างคะ
    รวมทั้งกรณีใดบ้าง ที่ อริยบุตร นำผ้าไปถวายเองคะ

    ขอบคุณค่ะ thx1
     
  8. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    bug_load

    ขอบคุณมากค่ะ คุณอริยบุตร
    แล้วพอจะบอกได้ไหมคะว่าวันที่ 20 มีกิจกรรมอะไรบ้างคะ

    เรื่องพิธีกรรม ในวันที่ ๒๐ อึม .. ผมไม่แน่ใจ นะ เพราะช่วงนี้ ก็ไม่ได้ไป หรือติดต่อมานาน พอสมควร (ครั้งล่าสุดที่ไป วันเสาร์ห้า ๒๐ มีนา ๕๓ ) ลองโทรถามดู นะ ตามเบอร์ด้านบน และมาเล่าให้เพื่อน ๆ สมาชิก ฟังด้วยล่ะ ..

    รวมทั้งกรณีใดบ้าง ที่ อริยบุตร นำผ้าไปถวายเองคะ

    โดยมากผมจะไปตัวเปล่า หมายถึงแต่งตัวพอเรียบร้อย และเตรียมปัจจัยในการทำบุญ โดยจะรวมกลุ่มกันไป (กลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อ)

    กรณีที่นำของไป ก็คือมีผู้ร่วมฝากทำบุญ เป็นวัตถุสิ่งของ อาจเป็นชุดสังฆทาน หรือชุดผ้าไตรจีวร หรืออาหาร ทำนองนี้ นะ

    ขอบคุณค่ะ thx1
    อนุโมทนา ครับผม ...
     
  9. bug_load

    bug_load เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    559
    ค่าพลัง:
    +4,382
    bug_load ไปมาแล้วค่ะ โดยกิจกรรมเท่าที่เห็นก็คือจะมีโรงทานค่ะ
     
  10. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291

    เห็นแค่ โรงทาน เท่านั้น เองเหรอ จ้ะ ... เห็นน้อยจัง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,409
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อ[/l\] อนุโมทนาสาธุค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ
    อันนี้ไม่ทราบว่าจะนอกเรื่องหรือไม่
    อยากทราบที่มาของการบูชาข้าวพระและอานิสงค์ค่ะ
     
  12. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    กำลังอ่านพอดี ไม่รู้ว่าตรงคำถามหรือเปล่านะครับ


    อานิสงส์ถวายอาหารรูปเหมือน(หลวงพ่อ)
    <o:p></o:p> <o:p>
    </o:p>

    ผู้ถาม “โดยปกติหนูต้องถวายอาหารรูปเหมือนหลวงพ่อเป็นประจำ บางครั้งต้องไปค้างที่อื่น จึงบอกกับรูปเหมือนหลวงพ่อว่า พรุ่งนี้ไม่อยู่นิมนต์หลวงพ่อไปฉันที่บ้านอื่นก่อนนะ ขอถามว่า ที่หนูพูดอย่างนี้จะผิดหรือเปล่าเจ้าคะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “มิน่าเล่า บางวันท้องกิ่ว..หิว ไม่ผิดนะ..ถูก ก็มีอะไรผิดบ้าง ก็พูดกับตัวเอง ได้ยินฟังรู้เรื่องก็ถูก”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “หลวงพ่อได้ยินหรือเปล่าก็ไม่รู้”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “อ้าว..ไอ้นั่นไม่ใช่ทานนะ มันเป็นการบูชา คำว่า “บูชา” เป็นการยอมรับนับถือ นึกไว้เป็นประจำนี่ก็เป็นฌานด้วย นี่อย่างเลวที่สุดไปสวรรค์ชั้นสูง ไม่งั้นก็เป็นพรหมเลย<o:p></o:p>
    ถ้าบังเอิญคนที่ถวายประเภทนั้น เขาเกิดไม่นิยมร่างกาย เมื่อใกล้จะตาย พอป่วยแล้วเจ็บโน้นปวดนี่ รำคาญขึ้นมา เอ๊ะ นี่ร่างกายเลว ๆ อย่างนี้เราไม่ต้องการอีก ไปนิพพานทันทีเหมือนกัน นิพพานนี่ไปไม่ยาก ถ้าฉลาดนี่ไปไม่ยาก”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “แค่เบื่อรางกายตัวเดียวหรือครับ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ก็เขาตัดตัวเดียวคือสักกายทิฐิ ไง”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “อ๋อ ไม่ต้องไปไล่ตัวอื่นหรือครับ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “โอ๊ย..ไปไล่น่ะซวย มันเหนื่อย การบรรลุมรรคผลนะเขาไม่ได้ไล่ตามลำดับหรอก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พระอริยเจ้านะมี 4 อันดับ พระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ส่วนใหญ่จริง ๆ ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าจบเดียวเป็นอรหันต์ทันทีเห็นไหมล่ะ<o:p></o:p>
    ตามพระสูตรที่เรียนมานะ บางท่านก็ติดแหงแก๋แค่พระโสดาบัน อย่างพระอานนท์ที่ล่อพระโสดาบันซะเกือบ 40 ปี ปื๊ดป๊าดทีเดียวไปเป็นปฏิสัมภิทาญาณเลย และเก่งมากด้วย ใช่ไหม ก็มีหลายท่านอยู่ปุ๊บปั๊บเป็นอรหันต์กันเป็นแถว ๆ อย่างลูกศิษย์ของพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ ฟังเทศน์จบเดียวเป็นอรหันต์หมด ใช่ไหม...ก็เยอะแยะไป ไม่จำเป็นต้องบรรลุตามลำดับ<o:p></o:p>
    ชื่อของพระอริยะ ชั้นของพระอริยะมี 4 ขั้นจริง แต่ไม่จำเป็นต้องบรรลุตามขั้นนี่ การปฏิบัติพระกรรมฐานของทุกคน ถ้าหวังตามขั้นก็โง่เต็มที นี่การปฏิบัติจริงเขาไม่หวังตามขั้นหรอก อันดับแรกสุด ถ้ากำลังเราไม่มั่นใจแน่นอน ต้องยึดอารมณ์พระโสดาบันก่อน ถ้าได้แล้วก็จับพระอรหันต์ทันที”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “อ๋อตีข้ามกระโดดไปเลย”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ไม่กระโดด นั่งเฉย ๆ ตามแบบจริง ๆ ท่านก็แนะนำแบบนั้น อย่างท่านพุทธโฆษาจารย์ที่รจนาวิสุทธิมรรค ท่านก็บอกไว้ตรงว่า บุคคลใดถ้าถึงพระโสดาบันในที่นั่งใด ให้ทำจิตเข้าถึงอรหันต์ในที่นั่งนั้นทันที<o:p></o:p>
    คือว่าไม่ยาก อรหันต์นี่แค่ไม่ต้องการร่างกายเท่านั้นละ ถ้าไม่ต้องการจริง ๆ ก็เป็นอรหันต์ ตัดตัวเดียวคือการตัดกิเลสจริง เขาตัดตัวสักกายทิฏฐิ ที่พระไปถามพระสารีบุตรว่า<o:p></o:p>
    “ผมเป็นปุถุชน จะเป็นพระโสดาบันเป็นอย่างไร” ก็พิจารณาร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราใช่ไหม เป็นสกิทาคามีล่ะ ก็ไอ้ตัวนี้ถ้าละเอียดก็เป็นสกิทาคามี ถ้าผมจะเป็นอนาคามี ก็ปฏิบัติไอ้ตัวนี้จิตละเอียดลงไปอีก เบื่อหน่ายร่างกายก็เป็นอนาคามี ต้องการเป็นพระอรหันต์ก็ไอ้ตัวนี้ ถ้าจิตวางเฉยได้ก็เป็นอรหันต์ พระองค์นั้นก็แน่เหมือนกัน ถามอีกว่าเป็นอรหันต์แล้วไม่ต้องทำอะไรเลยใช่ไหม พระขี้เกียจนี่ พระสารีบุตรบอกไม่ใช่ คือพระอรหันต์ทำเป็นปกติเพื่อความเป็นอยู่เป็นสุข”






    อานิสงส์ถวายข้าวพระพุทธรูป
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผู้ถาม “กระผมไม่กล้าถวายข้าวพระข้าวเจ้า ถวายผลไม้แทนได้ไหมครับ...”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ถ้าบังเอิญชาตินี้ไปนิพพานไม่ได้ ชาติหน้ามีแต่ลูกไม้กิน”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “อย่างนั้นถวายข้าวด้วยดีกว่าครับ แต่บางทียังถวายไม่เสร็จเลย แมวกินเสียก่อนแล้ว อย่างนี้จะว่ายังไงครับหลวงพ่อ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “อ๋อ...นี่เป็นลูกศิษย์พระ ลูกศิษย์พระมีทั้งแมว มีทั้งหนู มีทั้งมด มีทั้งจิ้งจก นั่นลูกศิษย์ของท่านนะ”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “อ้อ...ต้องให้โอกาสเขาบ้างนะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ใช่ เรานี่ไปแย่งเขากินนะ แต่ความจริงการถวายข้าวพระ จะเป็นอาหารหรือว่าเป็นลูกไม้ก็ตาม พระพุทธรูปท่านไม่ได้ฉัน แต่เป็นการบูชาความดีของพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นกรรมฐานเขาเรียก “พุทธานุสสติกรรมฐาน” สูงมาก ไม่ใช่ต่ำ ถ้าเวลาเราถวายบางทีเราควบทั้งสามอย่างเลย ทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เขาว่า<o:p></o:p>
    “อิมัง สูปะพยัญชนะ สัมปันนัง” แล้วก็ลงท้ายด้วย “พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ” ใช่ไหม ที่ลงตอนท้ายนี่เป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ ถือว่าเป็นกรรมฐาน และถือว่าเป็นฌานด้วย เพราะจิตเราห่วงอยู่เสมอว่า วันพรุ่งนี้เราจะเอาอะไรถวาย ตัวคิดตัวนี้เป็นฌานก็ทรงตัว อันนี้เป็นการปฏิบัติกรรมฐานในพุทธานุสสติกรรมฐานโดยไม่รู้สึกตัว<o:p></o:p>
    ฉะนั้น ทุกคนทุก ๆ วัน ควรจะถวายข้าวพระ และก็กับข้าวมาก ๆ อย่าใช้ถ้วยเล็ก ๆ นะ ถ้วยโต ๆ มีกับประเภทไหนที่เราชอบใจมากก็บอก นี่เอาถวายพระพุทธ กันคนอื่นไว้”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ทีนี้ญาติโยมเอาถ้วยตะไลเล็ก ๆ ถวายล่ะครับ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “อันนี้ไม่เป็นไร อยู่ที่จิตใจ จิตตั้งใจจะถวาย ตัวที่นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์ ตัวนี้สำคัญเป็นฌาน”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “คือคงคิดว่า องค์หล่อท่านเล็ก ๆ ก็เลยถวายถ้วยเล็ก ๆ ถ้าถ้วยใหญ่กลัวจะตกใจ ดีไม่ดีหล่นไปในขันน้ำว่ายไม่ได้ตาย เดี๋ยวพระพุทธรูปตาย เลยต้องเอาถ้วยเล็ก ๆ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “เล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญที่นึกอยู่เสมอว่า ตอนเช้าเราจะถวายข้าวพระพุทธรูป ตัวนี้สำคัญมาก การนึกถึงพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน เมื่อถึงเวลา จิตมันคิดก็เป็นฌาน “ฌานัง” แปลว่า การเพ่ง ตัวเพ่งตัวนี้ตั้งใจ<o:p></o:p>
    ถ้านึกถึงพระธรรมด้วย พระสงฆ์ด้วย เป็นธัมมานุสสติด้วย สังฆานุสสติด้วย ถ้าทำอย่างนี้เสมอ ๆ ตายแล้วตกนรกไม่เป็น”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ถวายข้าวพระพุทธรูป กับถวายข้าวพระสงฆ์ อย่างไหนอานิสงส์มากกว่ากันคะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “การถวายข้าวพระพุทธรูป ถ้าเป็นเจตนาเพื่อเป็นพุทธบูชาจริง ก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ตั้งใจถวายพระสงฆ์และตั้งใจถวายจริง ๆ เป็นวัตถุทานด้วย เป็นสังฆานุสสติกรรมฐานด้วย<o:p></o:p>
    แต่อย่าลืมว่าถวายแก่พระพุทธเจ้ามีอานิสงส์มากกว่าถวายพระสงฆ์เยอะ แต่ว่าเวลานี้ถ้าไม่ถวายพระสงฆ์ เกิดไปชาติหน้าอดข้าว เดี๋ยวหนูเกิดไปชาติหน้า ถ้าพูดเขาไม่ให้กินต้องนั่งเฉย ๆ เดี๋ยวเขาก็ให้กิน”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม (หัวเราะ)<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ถวายพระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชาเฉย ๆ ยังไม่ถือเป็นทาน เราจะมีทรัพย์สิน มีเสื้อสวม มีผ้านุ่ง มีบ้านอยู่ นั่นเป็นอานิสงส์ของทานการให้ ถ้าเราบูชาพระพุทธเจ้าจัดเป็นพุทธบูชาเฉย ๆ นึกถึงความดีของท่าน ไม่ถือว่าเป็นทาน อานิสงส์ได้คนละอย่าง<o:p></o:p>
    “พุทธบูชา มหาเตชะวันโต” การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจมาก นั่นหมายความว่า ถ้าเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมมีรัศมีกายสว่างไสวมาก เทวดาหรือพรหมนี่เขาไม่ดูเครื่องแต่งตัว เขาดูแสงสว่างออกจากกาย<o:p></o:p>
    “ธัมมบูชา มหาปัญโญ” การบูชาพระธรรม มีปัญญามาก คือใคร่ครวญในพระธรรมจนเกิดปัญญา จ ิตเป็นสมาธิ<o:p></o:p>
    “สังฆบูชา มหาโภคะวโห” สงเคราะห์พระสงฆ์ เกิดไปรวยมาก เพราะเราใช้วัตถุเป็นเครื่องหมาย อานิสงส์ต่างกัน แต่ต้องทำ 3 อย่าง ไม่งั้นหลวงพ่ออด”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม (หัวเราะ) “หลังเพลก็ถวายได้ใช่ไหมคะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ได้ถือเป็นการบูชานะ ไม่ใช่ถวายทาน ไม่จำกัดเวลานะ”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “จัดอาหารไปเลี้ยงพระที่วัด และได้จัดอาหารถวายพระพุทธรูป ลาแล้วก็เอาให้ลูกกิน รวมทั้งครอบครัวด้วย เอามากินที่บ้าน จะมีบาปหรือไม่คะ..”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ชักสงสัยนะ ความจริงถวายพระพุทธรูปแล้ว อย่าเอามาดีกว่า เวลาที่วางไปแล้วเรากล่าวเป็นสังฆทานนี่ ใช่ไหม...ทีหลังถวายพระพุทธรูปที่บ้านดีกว่าไม่มีเรื่องดี หรือว่าถ้าถวายพระพุทธรูปแล้ว ก็เก็บถวายพระในตอนเพลจะได้อานิสงส์อีก”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ที่บ้านหนูทำบุญบ้าน นิมนต์พระ 9 องค์ แล้วถวายข้าวพระพุทธด้วย เสร็จแล้วก็เอามาทาน จะได้ไหมคะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “สาธุ...ทีหลังอย่าทำก็แล้วกันนะ”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ต้องชำระหนี้สงฆ์ใช่ไหมคะ.....”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “พระยายมท่านตอบว่า “หมิ่นไป” ท่านบอกว่า “ควรจะถวายพระเอาไปวัด”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “แล้วในเวลาเพลแล้วเล่าคะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “เพลแล้วก็เป็นเรื่องของพระไป ถ้าถวายพระแล้วท่านไม่เอา ก็ใช้ได้เลย”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “เอาหญ้าที่วัดไปทำยาที่บ้านเป็นไรไหมคะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ไม่เป็นไร เจ้าของพระศาสนาบอกเองนะ พระก็สงเคราะห์คนได้เหมือนกัน”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ถ้าชำระหนี้สงฆ์แทนคนอื่นได้ไหมคะ คือพี่ชายหนูบวชแล้วพอสึกก็เอาของวัดมาบ้าน”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ตอนที่ชำระให้เขารู้ไหม”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ก็ไม่ทราบค่ะ คือหนูจ่ายแทนแล้วไปบอกเขาได้ไหมคะ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ได้เลย...ต้องให้เขารู้ด้วยนะ”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ ลูกมีความไม่สบายใจเกี่ยวกับของใส่บาตรหลายประการ วันหนึ่งแม่ทำกับข้าวเสร็จก็ใส่บาตร แต่ไม่บอกลูก ลูกก็เลยกินก่อนพระ วันที่สองแม่แบ่งไว้ถวายพระ ลูกไม่รู้นึกว่าแบ่งให้หนู หนูก็เลยกินไปอีก แม่เจี๊ยวจ๊าวเป็นการใหญ่หาว่ากินก่อนพระ ก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมา อยากจะขอโทษ แม่จะให้อภัยหรือเปล่าเจ้าคะ เพราะไม่รู้และไม่เจตนา”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ไม่เจตนามันกินยังไงนะ ต้องหลับกิน ไม่เจตนา เราก็หาของมาแทนซิ ไม่มีอะไร พระท่านไม่ได้ว่า แม่จะได้ไม่สะดุดใจ กินอะไรเข้าไปบ้างจำได้ไหม ไปซื้อของอย่างนั้นมาให้แม่เพื่อถวายพระ หมดเรื่องกัน แม่จะได้ถวายพระต่อไป”
















    ถวายพระก่อนจะกินข้าว

    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผู้ถาม “ทีนี้มีเรื่องการถวายข้าวพระต่อไป มีคนหนึ่งเขาบอกว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนเที่ยงตอนเย็นก็ตาม ก่อนจะกินข้าวก็ต้องยกมือถวายแด่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ตอนหลังเขาก็เลยสงสัยว่า มันเลยเพลแล้วพระจะฉันได้หรือเปล่า”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ทำแบบนั้นเป็นปกติใช่ไหม”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ครับ”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “คนนั้นน่ะตกนรก”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “ทำไมล่ะครับ<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “อ้าว...เอาข้าวถวายพระแล้วแย่งพระกินนี่”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม “อ๋อ...แต่เขาขอก่อนมั๊ง”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ความจริงไม่แปลก ก่อนจะกินนึกถึงพระ ก่อนจะนอนนึกถึงพระ ตื่นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระ ยามว่างจากอารมณ์อื่นนึกถึงพระ อันนี้จัดเป็นอนุสสติ นึกถึงพระธรรมเป็นธัมมานุสสติ นึกพระสงฆ์ เป็นสังฆานุสสติ ถ้าอนุสสติอย่างนี้ทรงตัว ตายก็ตกนรกไม่เป็น ลืมตกนรก แล้วตอนกลางคืนเวลาจะกินกาแฟก็ต้องนึกถึงด้วยนะ”<o:p></o:p>
    ผู้ถาม (หัวเราะ) “ถ้าจะให้ดีก็ถวายเลย จะได้อานิสงส์ใหญ่”<o:p></o:p>
    หลวงพ่อ “ใช่ ถ้าจะให้ดีต้องถวายพระที่พูดได้นะ ถึงจะมีอานิสงส์มาก”




    คัดลอกมาจากเว็บนี้ครับ



     

แชร์หน้านี้

Loading...