ผมจะบาปไหมที่ทำแบบนี้ และกรรมอะไรผมถึงต้องมาทุกข์ใจแบบนี้?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย pinkrosepaper, 3 มีนาคม 2009.

  1. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมทั้งสิ้น ไม่มีการดัดแปลงหรือเสริมแต่งใดๆเลย ซึ่งมันเน่ากว่าในนิยาย หรือละครมากๆ

    ผมจะขอเล่าตั้งแต่ตอนต้นเรื่องก่อนนะครับ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่ผมยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป....
    <O:p
    ตอนนั้นประมาณปี พศ. 2518 พ่อกับแม่ของผมได้แต่งงานกัน และพ่อก็พาแม่เข้ามาอยู่ในบ้านของพ่อ ซึ่งบ้านของพ่อนั้นจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วย พ่อของพ่อ (ปู่ของผม) แม่ของพ่อ (ย่าของผม) และน้องๆของพ่ออีก คน (ลูกของปู่กับย่ามีทั้งหมด 5 คน ซึ่งรวมทั้งพ่อด้วย โดยที่พ่อเป็นลูกคนโต)
    <O:p
    แม่ของผมเล่าให้ผมฟังว่าตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวของพ่อใหม่ๆ แม่ทำงานบ้านแทบจะทุกอย่าง และรวมไปถึง หาบน้ำจากบ่อน้ำ ไปจนถึงช่วยย่าเก็บผักในสวนมาทำอาหาร เวลาผ่านไปได้ปีกว่าๆ แม่ก็ได้คลอดผมออกมา โดยผมเป็นลูกคนแรก และเป็นหลานชายคนโตของปู่กับย่าด้วย
    <O:p</O:p
    หลังจากนั้น พ่อกับแม่ก็ได้สร้างบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งบ้านได้สร้างไว้ในเขตที่ดินเดียวกับบ้านปู่กับย่า (ที่ดินที่เป็นบ้านของปู่กับย่ามีอาณาบริเวณกว้างมากๆ) ทำเลบ้านของผมนั้นอยู่ในบริเวณป่าชะอม สุดขอบทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินบ้านปู่กับย่า โดยทิ้งช่องว่างห่างระหว่างบ้านปู่กับย่าและบ้านของผมกว้างพอสมควร บริเวณช่วงว่างระหว่างบ้านปู่กับย่าและบ้านของผม ในเวลาไม่นานต่อมาปู่กับย่าก็ได้ยกให้กับอาคนที่สอง และอาคนที่สี่ ไว้ปลูกบ้าน (สรุปว่าในที่ดินผืนนี้ มีบ้านทั้งหมด 4 หลัง บ้านปู่กับย่า บ้านของอาคนที่สอง บ้านของอาคนที่สี่ และบ้านของผม) ซึ่งที่ดินที่ว่านี้ บริเวณด้านหน้าของตัวบ้านที่หันเข้าหาถนนจะค่อนข้างแคบ แต่ที่ดินบริเวณข้างหลังบ้านจะลึกและก็ยาวมาก (ผิดกับที่ดินบ้านผมที่ด้านหน้าของตัวบ้านจะกว้างใหญ่มาก แต่บริเวณข้างบริเวณหลังจะแคบมากๆ และไปชนกับรั้วของเพื่อนของบ้าน แถมถนนบริเวณข้างบ้านยังเป็นทางสามแพร่งอีก) หวังว่าคงจะนึกภาพออกนะครับ ขอโทษด้วยที่ผมเล่าให้งง
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ตุลาคม 2010
  2. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    จากตรงนี้เองที่ทำให้แม่เกิดความน้อยใจปู่กับย่ามาโดยตลอด แม่ยังคงฝังใจคิดจนถึงทุกวันนี้ว่า ปู่กับย่าไม่ชอบแม่ จึงได้ยกที่ดินผืนนี้ซึ่งไม่ค่อยจะสวย และอยู่ค่อนข้างไกลจากตัวบ้านของปู่กับย่า เพื่อที่ให้แม่ไปให้พ้นๆหน้าและก็จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าแม่ตลอดเวลา
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    และเหตุผลประกอบอีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวสนับสนุนให้แม่ฝังใจคิดว่าปู่กับย่ารังเกียจและไม่ชอบแม่ก็คือ แม่มาจากครอบครัวที่ยากจน และเป็นคนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย แตกต่างจากอาสะใภ้ทุกๆคน ซึ่งมาจากครอบครัวที่มีฐานะ นอกจากนั้นแล้ว อาสะใภ้ทุกๆคน ก็ยังมีอาชีพเป็นครูอีกด้วย (สมัยนั้น โดยเฉพาะหมู่บ้านเล็กๆในแถบชนบทที่ผมอาศัยอยู่ อาชีพที่ผู้คนนับหน้าถือตามากที่สุด และมีเงินเดือนดี ก็คือ อาชีพครู) ขอเล่าเสริมนิดหนึ่งนะครับ คือ ปู่ของผม มีอาชีพเป็นครู และเป็นคนที่มีฐานะดี (มีเงิน และมีที่ดิน ที่นาอีกหลายๆไร่) นอกจากนั้น ก็ยังเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั้งหมู่บ้าน (จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คนทั้งหมู่บ้านนับถืออยู่)
    <o:p> </o:p>
    พ่อของผม มีอาชีพเป็นข้าราชการบำนาญ (เคยเป็นทหาร แต่ลาออกไปตั้งแต่ผมอายุยังไม่ถึง 2 ขวบด้วยซ้ำ) จากนั้นก็เปลี่ยนมาค้าขาย (ขายแคบหมู)
    <o:p> </o:p>
    อาคนรอง และอาสะใภ้คนรอง มีอาชีพเป็นครู
    <o:p> </o:p>
    อาคนที่สอง (ผู้หญิง) มีอาชีพเป็นครู และอาเขย (สามี) มีอาชีพเป็นทหารอากาศ
    <o:p> </o:p>
    อาคนที่สาม และอาสะใภ้ มีอาชีพเป็นครู
    <o:p> </o:p>
    อาคนเล็ก และอาสะใภ้คนเล็ก มีอาชีพเป็นครู
    <o:p> </o:p>
    เท่านี้ก็พอจะนึกภาพออกแล้วใช่ไหมครับว่าทำไม ครอบครัวของผม โดยเฉพาะแม่ถึงได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนัก
    <o:p> </o:p>
    ปู่และย่าของผม เป็นคนที่รักลูกรักหลานมากๆ จนเกินพอดี จนบางครั้งการกระทำแบบนี้ก็เป็นการฆ่าลูกฆ่าหลานโดยไม่รู้ตัว พวกท่านชอบสั่งสอนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะปู่ซึ่งในเคยเป็นครูมาก่อน ท่านมักจะชอบเห็นบรรดาลูกๆหลานๆเป็นนักเรียนอยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งก็สอนจนเกินงาม ในสายตาของท่าน ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่ท่านจะต้องคอยสอดส่อง และสอนอยู่เสมอ ส่วนของครอบครัวของบรรดาอาๆนั้น ท่านไม่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเข้าไปสอนเลย เนื่องจากว่าพวกเขาเป็นครู มีฐานะดี และประพฤติตัวได้ถูกต้องเหมาะสม (ตามมาตรฐานของปู่)
    <o:p> </o:p>
     
  3. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    จากการที่ปู่เป็นคนที่ชอบสอน และเห็นพ่อและแม่ของผมเป็นเด็กๆนั่นเอง ปัญหาทั้งหมดในครอบครัวของผมจึงเกิดขึ้นมากมาย (ถ้าปล่อยให้พ่อและแม่ของผมจัดการกันเอง ผมเชื่อว่าครอบครัวของผมคงจะมีความสุขและความสงบเหมือนกับครอบครัวอื่นๆ)


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    พ่อของผมเป็นคนที่ใจเย็น สงบ ง่ายๆ ยอมคน รักลูกรักเมีย ไม่มีปากเสียงอะไรกับใครเลย ผิดกับแม่ของผม ที่เป็นไม่ค่อยจะยอมคนเท่าไหร่ และแม่ของผมก็เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ชอบการสมาคมกับเพื่อนฝูง ชอบการท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ค่อนข้างจะนำสมัยไม่เหมือนใคร (หมายถึงนำสมัยในยุคนั้น) จากบุคลิกความเป็นตัวตนของแม่นี้เอง ที่ขัดแย้งกับทัศนคติความคิดของปู่กับย่าอย่างสิ้นเชิง (พวกท่านจะหัวโบราณมาก)


    <o:p> </o:p>
    สำหรับปู่กับย่าแล้ว ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านจะต้องสงบเสงี่ยมเรียบร้อย อยู่กับบ้านคอยปรนนิบัติสามี และดูแลลูกเท่านั้น จะออกมาเที่ยวตะลอนๆหรือคบกับกลุ่มเพื่อนฝูงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งลักษณะแบบนี้ถือได้ว่า เป็นผู้หญิงที่ไม่ดีในสายตาของท่าน


    <o:p> </o:p>
    เมื่อผมเริ่มจำความได้ ไม่มีวันไหนเลยที่พ่อกับแม่ไม่เคยทะเลาะกัน ทะเลาะกันอย่างรุนแรงทุกๆวัน เรื่องของเรื่องคือ ปู่มาที่บ้านเพื่อที่จะมาพูดสั่งสอนแม่ ทำเหมือนกับว่าแม่เป็นเด็กนักเรียนยังไงยังงั้น และตัวของแม่เองก็เป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาสอน หรือมาพูดว่ากล่าวตักเตือน


    <o:p> </o:p>
    ทุกๆครั้งที่ปู่กับย่าสั่งสอนหรือว่ากล่าวตักเตือนแม่ แม่ก็มักจะมาใส่อารมณ์ลงที่พ่อเสมอ ก็เลยกลายเป็นจุดชนวนของการทะเลาะกันอย่างรุนแรง มีอยู่ครั้งหนึ่งแม่ถึงกับหอบข้าวของหนีออกไปจากบ้านหลายเดือน จนพ่อต้องออกไปตามหาแม่ เพราะพ่อรักแม่ และพ่ออยากจะให้ครอบครัวครบสมบูรณ์ (ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ชั้นประถม ผมยังคงจำได้ติดตาอยู่จนถึงทุกวันนี้) แม่หนีไปอยู่กับพี่ชายของแม่ที่แถบภาคอีสานตอนล่างติดกับชายแดนเขมร (บ้านของผมอยู่ที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนบน)

    <o:p> </o:p>
    ในที่สุดพ่อกับแม่ก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ และแม่กลับมาอยู่ที่บ้านอีกครั้ง จนกระทั่ง.... คืนหนึ่ง พ่อ แม่ และผมได้ออกไปดูหนังกับครอบครัวของเพื่อนแม่ ซึ่งรอบหนังเป็นรอบที่ฉายในตอนกลางคืน วันรุ่งขึ้น ปู่ก็มาที่บ้าน โดยมาระเบิดอารมณ์ดุด่าและสั่งสอนพ่อกับแม่ โดยเหตุผลของปู่นั้นคือ การไปดูหนังในตอนกลางคืน หรือเที่ยวกลางคืนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี คนดีเขาไม่ทำกัน และ ปู่กลัวจะเสียชื่อเสียง ผู้คนในหมู่บ้านจะเอาไปนินทากันจนกลายเป็นเรื่องสนุกปาก (อะไรจะยึดติดขนาดนั้น แค่ชื่อเสียงระดับหมู่บ้าน?? ไม่ใช่ระดับประเทศ???)
     
  4. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    เท่านั้นแหละครับ แม่ระเบิดอารมณ์ลงที่พ่อทันที ทะเลาะกันทั้งวันทั้งคืน ผมไม่อยากอยู่บ้าน จึงออกไปเล่นกับเพื่อนที่อยู่บ้านในละแวกเดียวกันจนถึงเย็น พอกลับมาถึงบ้าน พ่อกับแม่ยังไม่หยุดทะเลาะกันอีก ผมจำได้ว่าเย็นวันนั้นผมกินน้ำตาแทนข้าว ร้องให้จนเผลอหลับไป


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    จากเหตุการณ์ครั้งนั้น พ่อกับแม่ไม่พูดกันอาทิตย์กว่าๆ แม่สั่งผมนักหนาว่า ห้ามไปที่บ้านปู่กับย่า และบ้านอาๆ เด็ดขาด เวลาผ่านไปเกือบๆสองปี จนกระทั่งแม่ตั้งครรภ์น้องสาวของผม ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของผมกับปู่กับย่า ก็เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มาก


    <o:p> </o:p>
    หลังจากที่แม่ได้คลอดน้องสาวของผมแล้ว ครอบครัวของผมก็เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีกับปู่กับย่า และเหตุการณ์ก็กลับมาแย่อีกครั้งตอนที่ครอบครัวของผมประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ในเวลานั้นครอบครัวของผมแทบจะไม่มีเงินเหลือติดบ้านเลย จะกินแต่ละมื้อยังต้องไปขออาหารที่บ้านของปู่กับย่า ผิดกับครอบครัวของบรรดาอาๆ ที่มั่งมีศรีสุข มีเงิน มีทอง ซื้อรถเก๋งใหม่ๆขับ

    <o:p> </o:p>
    ในส่วนของลูกพี่ลูกน้องของผมที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน เวลาอยากจะได้อะไร พ่อแม่ของพวกเขาก็สามารถที่จะเนรมิตให้ได้หมด ผิดกับผมซึ่งเวลาอยากจะได้อะไร แค่คิดก็ผิดแล้ว พ่อแม่ของพวกเขา ส่งพวกเขาไปเรียนที่โรงเรียนดังๆในจังหวัดใกล้เคียง โดยให้อยู่หอพักดีแพงๆมีเครืองอำนวยความสะดวกครบครัน และเงินค่าขนมไม่ขาดมือ สำหรับผมนั้น แค่มีข้าวกินไปวันๆก็ดีแล้วครับ เรื่องเงินค่าขนมนั้นถ้าวันไหนที่เจอปู่กับย่าให้ก็ถือว่าโชคดี
    <o:p> </o:p>
     
  5. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    ปัญหานี้เอง ที่ทำให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันเป็นประจำ โดยที่แม่ชอบไปเปรียบเทียบกับบรรดาครอบครัวอาๆทั้งหลายที่อยู่กันอย่างสุขสบาย ส่วนครอบครัวของผมนั้นอดๆอยากๆ ทุกๆครั้งที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน ปู่กับย่าก็ชอบมาแทรกตรงกลาง แล้วก็กล่าวโทษแม่มาโดยตลอดว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่ ช่วงนั้นแม่ไม่อยากอยู่บ้านเลย แม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงตลอดทั้งวัน พอปู่กับย่าว่ากล่าวตักเตือนหน่อย ก็มาใส่อารมณ์กับพ่อ


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    ผมจำได้คลับคล้ายคับคลาว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ปู่กับย่าตำหนิแม่ว่า เอาเงินไปเที่ยว เลี้ยงเพื่อนฝูง อะไรทำนองนี้ แม่โกรธปู่กับย่ามาก จนทำประชดหลายๆครั้ง พอทำบ่อยๆก็เริ่มกลายเป็นความเคยชิน จนในที่สุดครอบครัวของผมก็หาทางออกกับปัญหาทางเศรษฐกิจไม่ได้ พ่อมีหนี้สินกับหลายคน ไม่สามารถหาเงินพอที่จะมาจุนเจือครอบครัวได้ จนปู่กับย่าต้องเข้ามาช่วย


    <o:p> </o:p>
    เมื่อมาถึงทางตัน พ่อก็ต้องจำใจยอมบินไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยปู่กับย่าเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ก่อน เมื่อพ่อได้ทำงานแล้ว ค่อยส่งเงินมาใช้ทีหลัง พอพ่อบินไปญี่ปุ่นแล้ว ที่บ้านก็เหลือ ผม แม่ และน้องสาว


    <o:p> </o:p>
    เดือนแรก ที่พ่อไปถึงญี่ปุ่น พ่อยังหางานทำไม่ได้ พวกเราทั้ง 3 คน อยู่กันอย่างลำบากข้นแค้นมากๆ แม่ต้องขายสร้อยคอทองคำที่เก็บสะสมไว้จนหมด เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงปากท้องให้พวกเราอยู่รอดไปวันๆ ในระหว่างที่รอพ่อหางานทำ


    <o:p> </o:p>
    จนในที่สุด พ่อสามารถหางานทำได้ และก็ส่งเงินมาให้ ปู่กับย่าก็เข้ามาจัดระเบียบในบ้านทุกอย่าง โดยบอกแม่ว่า ปู่กับย่าจะเป็นคนเก็บเงินทั้งหมดที่พ่อส่งมาให้เอง โดยจะจัดสันปันส่วนแบ่งให้ตามแต่เห็นสมควร ซึ่งเรื่องแบบนี้แม่ไม่ยอมแน่ๆ (เพราะแม่คิดว่า แม่ไม่ใช่เด็กๆแล้ว และก็โตพอที่จะจัดการเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง) จนแม่ยอมเถียงสู้กับปู่กับย่า จนเห็นดีกันไปข้างหนึ่ง (ทุกๆครั้งที่ปู่กับย่า เข้ามาสั่งสอน ว่ากล่าวตำหนิติเตียนแม่ แม่ไม่เคยเถียงตอบเลยแม้แต่น้อย แต่จะมาลงที่พ่อหลังจากที่ปู่กับย่ากลับไปแล้ว) และแม่ก็เป็นฝ่ายชนะ
    <o:p> </o:p>
     
  6. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    ทุกๆครั้งที่พ่อส่งเงินมา แม่ก็เจียดส่วนหนึ่งใช้หนี้ให้ปู่กับย่า และอีกส่วนหนึ่งเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว เวลาผ่านไป จนผมเรียนจบม.ปลาย จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปู่กับย่าก็เข้ามาบังคับให้ผมเลือกเรียนคณะหรือสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวกับสายอาชีพครูเท่านั้น ซึ่งผมไม่ชอบเรียนสายนั้น ผมมีคณะในฝันของผมแล้ว



    ผมก็เถียงจนผมชนะ (นิสัยของผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ จะตัดสินใจผิดถูกยังไง ผมก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของผมอยู่แล้ว ถ้าใครมาบอกมาสอนอะไร ผมมักจะทำในสิ่งที่ตรงข้ามเสมอ) แต่พวกท่านก็ยังบอกผมอีกว่า ถ้าผมไม่อยากเป็นครู แล้วอยากเป็นอะไร? ไม่มีอาชีพอะไรที่จะดีไปกว่าอาชีพครูหรอก (เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ผมค่อนข้างมีอคติกับอาชีพนี้มากๆ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นอาชีพไม่ดี แต่สภาพทางจิตใจของผมถูกกดดันมาโดยตลอด) ไม่ใช่แต่เพียงเท่านี้ แม้แต่การคบเพื่อน พวกท่านก็เข้ามาตัดสินใจแทนผมทุกอย่าง สำหรับคนดีน่าคบในแบบของพวกท่านก็คือ จะต้องเรียนเก่งมากๆ และต้องมาจากตระกูลที่ดีมีเงิน เท่านั้น ถึงจะมีความเป็นมนุษย์


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    ผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของภาคได้ แต่ปู่กับย่าก็ยังคงบังคับให้ผมลงเรียนวิชาครูเพิ่มเติมอีก ซึ่งผมก็ไม่สนใจ และทำตามใจผม ช่วงเวลานี้ฐานะทางครอบครัวของผมดีขึ้นมากๆ จนแม่สามารถซื้อรถยนต์ขับได้ และก็ส่งเสียน้องสาวเรียนโรงเรียนดีๆ เพราะว่าพ่อส่งเงินมาให้ทุกเดือน ที่สำคัญพ่อได้งานดีและเจ้านายรัก


    ถึงกระนั้นปู่กับย่าก็ยังอยากจะเป็นคนคุมเงินที่พ่อส่งให้มาทั้งหมด โดยบอกว่า แม่ยังใช้เงินไม่เป็น ซึ่งพอแม่รู้เข้าก็ไม่พอใจอย่างมาก จึงประชดปู่กับย่า สารพัด
     
  7. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    เมื่อผมเรียนจบแล้ว ชีวิตของผมหักเหมากๆ มันเป็นช่วงเวลาของโอกาสทอง ที่จะเข้ามาในชีวิตของผมซักครั้งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสบินไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ผมได้เรียนรู้ชีวิตในแง่มุมต่างๆ ผมรู้สึกว่า ชีวิตเป็นอิสระ ปลอดโปร่ง สบายๆ อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจปารถนา ไม่ต้องคอยห่วง คอยกังวลว่าใครจะมาบังคับหรือว่ากล่าวตักเตือนใดๆทั้งสิ้น ชีวิตเป็นของผมเอง ผมมีสิทธิที่จะจัดการกับชีวิตของผมเต็มที่ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ต่างประเทศ ผมก็โทรติดต่อกับแม่และน้องสาว บางครั้งก็ส่งเงินมาให้
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    สำหรับปู่กับย่านั้นผมก็ติดต่อเป็นบางครั้งแล้วแต่อารมณ์ ผมไม่อยากที่จะพูดคุยกับพวกท่าน เพราะทุกครั้งๆที่คุยกันพวกท่านมักจะคุยกันคนละภาษา คนละความคิด โดยพวกท่านชอบพูดบังคับให้ผมเรียนต่อให้สูงที่สุด (ซึ่งผมไม่ชอบ ผมใจแล้วที่ผมจบแค่ปริญญาตรี อีกอย่างผมต้องทำงานหนักหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง ไม่มีเวลามาทุ่มเทกับการเรียนทั้งวันทั้งคืนหรอกครับ เสียเวลาเปล่าๆ บางครั้งผมรำคาญผมก็เถียงหัวชนฝา แต่พวกท่านก็ยังพยายามสอนผมอีกว่า มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน จริงอยู่ครับผมเห็นด้วยกับวลีนี้ แต่การสมัครเข้าเรียนนั้นมันต้องใช้เงินจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งผมเองก็ไม่มีปัญญาหามาจ่าย สู้อยู่อย่างพอเพียงแต่มีความสุขเป็นดีที่สุด ไม่รู้จะต้องไปดิ้นรนอะไรนักหนา ทำงานแค่ พอกิน พอใช้ พอเที่ยว หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยว เป็นดีที่สุด เรื่องอะไรจะต้องเรียนหนักๆให้เครียดเปล่าๆ)


    ผมใช้ชีวิตอยู่เป็นระยะเวลาเกือบๆสิบปี โดยที่ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมบ้าน เพราะผมเบื่อหน่าย ปวดประสาทที่จะต้องมานั่งฟังคนโน้นคนนี้พูดกรอกหูอย่างโน้นอย่างนี้
    <o:p> </o:p>
     
  8. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    เมื่อสองปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านอีกครั้ง กลับมาคราวนี้ หมู่บ้านดูเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากเหมือนกัน บ้านของผมเปลี่ยนไปมากๆ ดูทรุดโทรมลง เนื่องจากว่า แม่ไม่ได้ซ่อมแซมปรับปรุง (เพราะแม่รู้มาว่า ปู่กับย่าจะยกที่ดินของบ้านผมให้กับอาคนใดคนหนึ่ง แล้วจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวของผมในที่ดินอีกที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไปอีกเกือบๆกิโล แต่เหตุการณ์กลับพลิกไปอีกอย่าง ผมจะเล่าให้ฟังในตอนท้าย) โดยเฉพาะห้องน้ำที่ชำรุดทรุดโทรมมากๆจนใช้การใช้งานไม่ได้ แม่และน้องสาวของผมได้ไปใช้ห้องน้ำที่โรงงานเย็บผ้า ซึ่งบางครั้งแม่ก็ไปทำงาน part time อยู่ที่นั่น (แม่ของผมมีฝีมือในการเย็บผ้า-ตัดเสื้อ โรงงานเย็บผ้าที่ว่านี้ เป็นโรงงานขนาดเล็กโดยใช้บ้านมาดัดแปลงเป็นโรงงาน ข้างล่างเป็นที่ตัดเย็บผ้า ข้างบนใช้เป็นที่พัก) ส่วนน้องสาวของผม ตอนนี้ได้เข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาในจังหวัดใกล้ๆ โดยจะกลับมาบ้านเดือนละครั้งสองครั้ง หรือแล้วแต่ว่าง


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    จากการที่ห้องน้ำชำรุดและประจวบเหมาะกับที่เจ้าของโรงงานเย็บผ้าเป็นผู้ชายอยู่ในวัยใกล้เคียงแม่ และที่สำคัญก็คือ เป็นพ่อม่าย นี้เอง ทำให้ปู่กับย่าคิดไปต่างๆนานา โดยปักใจเชื่อว่า แม่คบชู้สู่ชาย และเอาเงินที่พ่อส่งมาให้นั้นไปให้กับผู้ชายที่เป็นเจ้าของโรงงานเย็บผ้าทำทุน (เพราะว่าเมื่อก่อนผู้ชายคนนี้ยากจนมาก โดยใช้กระต๊อบเล็กๆเปิดเป็นร้านตัดเสื้อ แต่พอได้มารู้จักกับแม่ของผมได้ไม่กี่ปี จากกระต๊อบเล็กๆก็กลายมาเป็นบ้านตึกสองชั้น)


    <o:p> </o:p>
    ตอนแรกๆผมก็สงสัยและก็เคืองๆแม่อยู่เหมือนกัน แต่พอผมถามแม่แล้ว แม่ว่าไม่มีอะไรเป็นแค่คนรู้จักเฉยๆ ผมก็เชื่อแม่ ผมพยายามมองโลกในแง่ดี สมมุติว่าถ้าเป็นเรื่องจริงผมคงจะต้องเสียใจแน่ๆ ผมเชื่อว่า คนเราถ้าจะหลอกใครก็สามารถหลอกได้ แต่หลอกตัวเองนั้นหลอกไม่ได้ ผมพยายามไม่เก็บเอาไปคิด แต่ในใจลึกๆแล้ว ก็แอบคิดบ้าง โดยผมคิดวิธีที่จะเตรียมตัวรับสถานการณ์
     
  9. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    สำหรับผมแล้ว ผมมีพ่อคนเดียว แม่คนเดียว เท่านั้น ผมรับไม่ได้ในเรื่องของพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง เพราะคนพวกนั้นไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดผม ผมเต็มใจที่จะเลี้ยงดูพ่อและแม่ของผม แต่ถ้าจะให้ผมเลี้ยงดูคนพวกนั้นด้วยแล้ว ผมรับไม่ได้ ญาติโกโหติกาก็ไม่ใช่ (จะว่าผมมีอคติก็ได้นะครับ) ถ้าฝ่ายไหนหาพ่อเลี้ยง หรือแม่เลี้ยง มาให้ผม ผมจะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวเลย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหากันในภายหลัง


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    หลังจากกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยเรียบร้อยแล้ว เวลาผ่านไปประมาณ 4 เดือน ผมก็ได้รับโทรศัพท์ที่ช็อคและสะเทือนใจผมมากๆ แม่โทรมาด้วยน้ำเสียงที่ร้องให้อย่างฟูมฟาย แม่บอกว่า ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา พ่อไม่ได้ส่งเงินมาให้แม่เลย แม่เพิ่งจะมารู้ภายหลังว่า พ่อกลับมาเมืองไทยได้เดือนกว่าๆแล้ว (สาเหตุที่แม่รู้ช้าก็เพราะว่า แม่เป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ติดบ้าน พอตื่นเช้าก็ออกจากบ้านไปโรงงานเย็บผ้าเลย โดยกินข้าวเช้า กลางวัน เย็น รวมถึงอาบน้ำ ที่นั่นเสร็จสรรพ พอตอนสองทุ่มกว่าๆก็กลับมานอนที่บ้าน) และตอนนี้ก็ได้พักอยู่ที่บ้านของปู่กับย่า โดยที่พ่อไม่ยอมติดต่อและมาหาแม่ที่บ้านเลย พอน้องสาวของผมไปหาพ่อที่บ้านของปู่กับย่า น้องสาวของผมได้คุยกับพ่อนิดหน่อย โดยพ่อบอกกับน้องสาวของผมว่า ยังไงพ่อก็จะไม่ทิ้งลูก จะส่งเสียให้ลูกเรียนต่อจนจบ (หมายถึงน้องสาวของผม) ที่เหลือปู่กับย่าเป็นคนจัดการทุกอย่างหมด โดยปู่กับย่าสั่งน้องสาวของผมให้ไปบอกแม่ว่า ให้แม่ขนข้าวออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้ โดยไล่ให้แม่ไปอยู่กับเจ้าของโรงงานเย็บผ้า ส่วนที่บ้านของผมพร้อมกับที่ดิน ปู่กับย่าจะยกให้อาคนที่สาม และบ้านหลังใหญ่ที่กำลังจะสร้างให้ครอบครัวผมนั้น ปู่กับย่าจะเข้ามาอยู่กับพ่อเอง
    <o:p> </o:p>
     
  10. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    น้องสาวของผมเสียใจมากๆ ร้องให้จนไม่มีน้ำตา ผมรู้สึกสงสารน้องสาวมากๆ ทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่มีเหตุผลอย่างนี้ ทำแบบนี้เท่ากับเป็นการฆ่าเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างเลือดเย็น แล้วยิ่งช่วงนี้เป็นเวลาที่น้องสาวของผมใกล้จะสอบแล้วด้วย ทำแบบนี้แล้วเด็กจะเอาสมาธิที่ไหนไปเตรียมตัวสอบ ดีไม่ดีก็จะเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    ผมฟังดังนั้นถึงกับเสียศูนย์เลย ผมกลุ้มใจมากๆจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมืองด้วยแล้ว ช่วยอะไรไม่ได้เลย อย่างมากก็แค่รับฟัง ผมรู้สึกโกรธปู่กับย่ามากๆ ที่ทำแบบนี้



    ผมโทรไปหาพ่อ ผมตัดพ้อปนน้อยใจนิดๆที่พ่อกลับมาเมืองไทยแล้วทำไมถึงไม่บอกผม ถ้าแม่ไม่โทรมาบอกผม ผมคงไม่รู้ว่าพ่อกลับมาแล้ว พ่อบอกว่า พ่อไม่มีที่อยู่และเบอร์โทรของผม ซึ่งผมก็ได้ตอบกลับไปว่า ถ้าพ่อไม่มี ปู่กับย่าก็มี พ่อบอกผมว่า ไม่เห็นปู่กับย่าบอกอะไรพ่อเกี่ยวกับผมเลย เท่านั้นแหละครับ ผู้รู้สึกโกรธปู่กับย่าทันที ที่ไม่ยอมบอกผมว่าพ่อกลับมาแล้ว และที่สำคัญคือ พวกท่านเป็นตัวต้นเหตุของปัญหาในครอบครัวของผมทั้งหมด ผมบอกพวกท่านว่าไม่ต้องติดต่ออะไรกับผมทั้งสิ้น ผมไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น และจะไม่ติดต่ออะไรกับพวกท่านเลย อยากสร้างปัญหากันดีนัก
    <o:p> </o:p>
     
  11. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    พ่อของผมเป็นคนที่มีจิตใจดี รักครอบครัว แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมน้อยใจท่านอยู่คือ ท่านเป็นคนที่ไม่ค่อยตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องถามปู่กับย่าก่อน หรือให้ปู่กับย่าตัดสินใจให้ทุกอย่าง ถ้าทั้งหมดมาจากการตัดสินใจโดยตรงของพ่อเอง ผมก็จะเคารพในการตัดสินใจของพ่อ



    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    ผมรู้สึกเก็บกดและก็กดดันมากๆ รู้เรื่องแต่ทำอะไรไม่ได้นี่มันอึดอัดนะครับ อีกอย่างผมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผมเลย ผมอายุ 30 กว่าแล้ว แก่เกินไปที่จะเป็นทุกข์เป็นโศกกับปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน เลยวัยสำหรับเป็นเด็กบ้านแตกมีปัญหา


    <o:p> </o:p>
    ตอนนี้สิ่งที่ผมจะต้องทำคือ ช่วยแม่ของผมให้ได้รับความยุติธรรมมากที่สุด ผมทำในสิ่งที่ลูกที่ดีควรจะทำ แต่ในทางตรงกันข้าม ผมก็กลัวบาปนะครับ ที่รู้สึกโกรธและมีอคติกับปู่กับย่า (พวกท่านก็แก่มากแล้ว) การที่จะควบคุมจิตใจและอารมณ์ไม่ให้อ่อนไหวไปตามเหตุการณ์ต่างๆนั้นมันยากเหลือเกินครับ รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะครับ ผมอยากจะรู้ว่าเพราะกรรมใดหนอ
     
  12. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ... สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกอย่างย่ิิอมเป็นไปตามกรรมกำหนด

    รู้ว่าเป็นเพราะกรรมใดแล้วได้อะไรดีขึ้นมา

    ในเมื่อยังมีสำนึกส่วนดีที่ยังละอายเกรงกลัวต่อบาป

    ก็สู้ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ใช้พระธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนหล่อเลี้ยงจิตใจ

    ให้พ้นจากความทุกข์ภายในใจและหมั่นปฎิบัติเพื่อหาทางพ้นทุกข์จะดีกว่าหรือไม่
     
  13. julanee

    julanee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +41
    ทุกคนย่อมมีปัญหา มากน้อยต่างกันนะค่ะ ชีวิตก็ไม่มีอะไรแน่นอน หลายคนที่มีปัญหาหนักมากๆในชีวิต

    ตัวดิฉันเองก็มีปัญหาในชีวิต แต่ก็พยายามแก้ไขปัญหาช่วงที่ประสบปัญหาก็ทรมานมากๆเลย ใช้สติในการแก้ไขนะค่ะ เวลาจะช่วยได้กับทุกสิ่ง มองปัจจุบัน อดีตที่เลวร้ายมันก็แค่อดีตที่ไม่หวลกลับมา ปัจจุบันถ้าแก้ไขได้ก็รีบแก้ไข
    แผ่เมตตาให้มากๆ ให้เจ้ากรรมนายเวร ขอให้คุณได้ความสุขกลับมาในเร็ววันนะค่ะ
     
  14. L.sooksun.E

    L.sooksun.E Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +50
    ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนะครับ ทำหน้าที่ลูกที่ดี หลานที่ดีไป ใครจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่เราต้องดูแลจิตดูแลใจให้ดี อย่าให้ความโกรธเกลียดอาฆาตมาควบคุมและทำลายเราได้นะ


    เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆๆต่อไป ชาติที่แล้วเราคงทำเค้ามา ชาตินี้ก็ถูกเค้าเอาคืน อโหสิกรรมต่อกันนะครับ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก อดทนมากๆๆๆครับ ^__^
     
  15. nui_sirada

    nui_sirada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2008
    โพสต์:
    399
    ค่าพลัง:
    +371
    อย่างที่ใครๆก็เคยพูดเรื่องจริงเน่ายิ่งกว่านิยายอีกค่ะ เอาใจช่วยน่ะค่ะ ขอให้คิดทำอะไรด้วยเหตุผลแล้วกันค่ะ ลองอ่านหนังสือธรรมะดูซิค่ะ อาจจะทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น และหาหนทางดับทุกข์ได้น่ะค่ะ ขอให้คุณแม่เข้มแข็งไว้ค่ะ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าคุณแม่ไม่ได้ทำผิด สักวันคุณพ่อจะรู้เอง ให้คุณแม่หมั่นทำบุญทำทาน เข้าวัด ฟังธรรมบ้างก็ดีน่ะค่ะ จะได้ใจสบายไม่เครียด ส่วนคุณก็พยายามคุยกับคุณแม่ ให้ท่านสบายใจ พูดแต่สิ่งดีๆ ถ้าจะให้ยิ่งดี คุณน่าจะสวดมนต์ แผ่เมตตาให้คุณพ่อคุณแม่ และคุณปู่คุณย่าทุกวัน แล้วทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นเอง ไม่เชื่อลองดูน่ะค่ะ
     
  16. ยากูช่า

    ยากูช่า สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +8
    คุณ pinkrosepaper ให้คุณแม่แยกบ้านมาอยู่ข้างนอกจะดีกว่าและน้องสาวด้วยคุณจะให้แม่มีความทุูกข์ไปตลอดชีวิตหรือ ในเมื่อพ่อคูณไม่พร้อมจะเป็นผู้นำ ชีวิตเป็นของเรานะคะ ขอเป็นกำลังใจให้
     
  17. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    เจ้ากรรมนายเวร ......คนเคยทำ บุญทำกรรม กันมา ......... วิธีการแก้ไขปัญหา

    ต้องแก้ที่ต้นเกตุ ........มี ผลเกิดขึ้น ก็ต้องมีเหตุ ผมเชื่อว่าหลายคนก็มีปัญหากับ

    ครอบครัว คนใกล้ชิดกันยังไงมันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง

    ส่วนเรื่องของ จขทก ถ้าถามผมว่า จะทำอย่างไรใช่ไหมครับ..............

    เรื่องแบบนี้ อย่าหาว่า ยุ่งเลยนะครับ ......ถ้าเป็นผม ผมจะนัดวันเวลาที่แน่นอนมา

    ให้ คุณ พ่อ แม่ ปู่ ย่า มาอยู่ด้วยกัน พร้อมกัน ....ไม่ต้องให้ญาติคนอื่นเข้ามายุ่งนะ

    จับเข่าคุยกันเลย ให้คุณเป็นคนดำเนินเรื่อง เป็นคนพูดเคลียร์ปัญหา..... ต้นเหตุคือ

    ปู่ กับ ย่า เป็นเจ้ากรรมนายเวร ของแม่.......แสดงว่าในอดีต แม่ของคุณอาจจะเคย

    ไปทำอะไร ปู่ กับย่าไว้ .....(สิ่งที่ผมแนะนำต่อไปนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุด)

    คุณต้องให้ แม่ของคุณ นำดอกไม้ธูปเทียน ไปกราบขออโหสิกรรม กับปู่ย่า ปู่ย่า ก็คือ

    พ่อแม่ของ พ่อคุณใช่ไหมครับ ชีวิตคนเราจะเจริญได้ เราต้องเคารพพ่อแม่

    ซึ่งตรงนี้ไม่รู้ว่าแม่คุณจะยอมหรือไม่... และต้องทำด้วยใจจริงไม่ใช่สักแต่ทำนะ

    คือทำพิธีขอขมา......จากนั้นคุณก็ดำเนินการต่อ พูดกับปู่ และย่า ให้เข้าใจว่า ต่อจากนี้ไป

    ขอให้ครอบครัวของคุณ จัดการชีวิตกันเอง พ่อ กับ แม่ ก็โตแล้ว หรือคุณจะพูดอะไรก็พูด

    ไป ขอให้ ปู่ กับ ย่า อโหสิกรรม ในสิ่งที่แม่คุณทำ และให้แม่ อโหสิกรรม ให้ปู่กับย่า

    เมื่อทั้งสองฝ่ายทำด้วยความเต็มใจ ก็ไม่ต้องจองเวรกัน ชาติหน้าก็ไม่ต้องมาวนเวียน

    ใช้หนี้กันอีก สิ่งที่ผมแนะนำมานี้เป็นสิ่งที่ยากมาก ถ้าคุณไม่กล้าลงมือทำ

    เมื่อทั้งสองฝ่าย อโหสิกรรมให้กัน กรรมก็จบ คุณก็เริ่มชีวิตใหม่ กับคุณแม่ได้เลย

    สุดท้าย ขอให้ตั้งใจรักษาศีล 5 ให้ครบ นำพาพ่อ แม่ เข้าสู่ทางธรรม ทำทาน รักษาศีล

    เจริญภาวนา ........เป็นการตอบแทนที่สูงสุดในชีวิต มากกว่าการให้เงิน ทอง แก่พ่อแม่

    ขอให้คุณโชคดีครับ
     
  18. shimagu

    shimagu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +35
    ขอให้ เรื่อง จบด้วยดี ด้วยเถอะนะครับ เป็นกำลังใจให้พี่ครับ
     
  19. ตรีเพชร์

    ตรีเพชร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +528
    เอาใจช่วยนะครับ สงบซักนิดให้มีสติเสียก่อน เมื่อมีสติแล้วจงใช้ปัญญาแก้ไขนะครับ สู้ๆ
     
  20. vanil

    vanil Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +73
    พยายามใจเย็นและรวบรวมสติให้ดีนะคะ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะก่อน น่าจะนำคุณแม่และน้องออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อน เพราะท่าทางคุณปู่คุณย่าคงไม่ยอมรับฟังอะไรจากคุณแม่ของคุณเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นปัญหายืดเยื้อเรื้อรังกันมานานแล้วและมีอคติค่อนข้างมาก ตอนนี้คุณควรเป็นกำลังใจให้คุณแม่และน้องเพราะเหลือกันอยู่แค่นี้ ต้องรักกันให้กำลังใจกันให้เข้มแข็งไว้ให้มีสติเข้าไว้ ต้องช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคของชีวิตในครั้งนี้ร่วมกัน และคุณต้องเป็นผู้นำครอบครัวที่เหลือของคุณ ไม่จำเป็นต้องไปตอบโต้อะไรกับคูณปู่คุณย่าอีกเพราะท่านคงไม่เข้าใจและจะปานปลายเสียเวลาเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ช่วยคุณแม่และน้องออกมาก่อนแล้วค่อยๆสร้างบ้านของเราเองให้ได้อยู่อย่างสงบสุข พยายามให้คุณแม่และน้องและตัวคุณได้เข้าวัดฟังธรรม ทำบุญทำทาน หมั่นแผ่เมตตาให้คุณปู่คุณย่า และคุณพ่อของคุณโดยพยายามทำบ่อยๆเป็นประจำ พอนานๆเข้าจิตก็จะเบาสบาย เมื่อนึกถึงพวกเค้าก็จะไม่โกรธแค้น น้อยใจ เมื่ออารมณ์ต่างๆเบาบางลงจะมองเห็นวิธีการแก้ปัญหาได้ชัดเจนขึ้น ส่วนการทำทานตามกำลังมากน้อยไม่สำคัญของให้เจตนาดีเป็นกุศลเต็มร้อย เวลาเรามีปัญหาชีวิตที่หนักๆหลายๆครั้งหาคำตอบได้จากธรรมะทั้งสิ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • gg.bmp
      ขนาดไฟล์:
      109.6 KB
      เปิดดู:
      49

แชร์หน้านี้

Loading...