{[พระสายหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง}]แบ่งให้ผู้มีศรัทธาได้บูชาครับ

บัญชีบุญรายการนี้.......
ธนาคารกสิกรไทย สาขาซอยวิภาวดีรังสิต2
ชื่อบัญชีคณะตามรอยบาทพระราชพรหมยาน...
เลขที่671-2-05166-1

เห็นช้างพระเจ้าพรหมมหาราชแล้ว ข้าพเจ้าเด็กพระจะขอโม้ให้คุณหมอน้อยและพี่น้องชาวเว็ปพลังจิตฟังสักนิด
"อย่าลืมนะว่าโม้จะเอาเป็นนิทานก็ไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องโกหก"
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ ถึง ๑๒ ธันวาคมที่ผ่านมา มีพระนวกะองค์หนึ่งท่านได้เมตตาเล่าให้เด็กพระฟังว่า หลังจากทำวัตรเย็นสวดมนต์เจริญพระกรรมฐานที่ศาลา ๑๒ ไร่ แล้วพระนวกะรูปนั้นท่านก็เดินกลับกรดเข้าป่าธุดงค์ สรงน้ำเสร็จเข้ากรดสวดเจริญพระกรรมฐาน นั่งสมาธิ นั่งๆได้สักพักปวดหลังท่านก็นอน นอนภาวนาไปหลับเมื่อไรก็ไม่ทราบ มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นขุนศึกแต่งชุดดำนั่งอยู่บนคอช้าง (คล้ายๆชุดพระนเรศวรใส่หมวกกะโล) มากมายนับร้อยนับพันกำลังจะทำสงครามกัน เห็นหลวงพ่อยืนบัญชาการสอนอยู่ (คล้ายๆกับปัจจุบันที่หลวงพ่อท่านสอนธรรมะและมีพวกเรามากมายนั่งฟังอยู่) พระนวกะรูปนั้น ท่านบอกว่าในนั้นเห็นมีเด็กพระอยู่ในชุดขุนศึกนั่งอยู่บนคอช้าง ใกล้ๆหลวงพ่อด้วย (หลวงพ่อท่านสอนท่านปลุกทหารหารของท่าน) จนขุนศึกทุกคนมีคึกคนองกระหายที่จะทำสงคราม โดยเฉพราะเด็กพระคึกคนองจัด แต่อนิจจัง หลวงพ่อให้เห็นแค่นี้ ไม่ทราบว่าเหตุใด ขุนศึกเด็กพระประหารข้าศึกหรือโดนข้าศึกประหารก็ไม่ทราบ หน้าเสียดายจริงๆเห็นแค่นี้ ขอขยายความท่านเคยดูหนังเรื่องพระนเรศวรไหมระทึกกึกก้องยิ่งใหญ่กว่านั้นอีกนี้มันของจริง ส่วนพระนเรศวรท่านมุ้ยแต่ง ไว้ปีหน้าถ้ามีโอกาสเด็กพระจะไปถามพระนวกะรูปนั้นอีกถ้ายังสนใจอยู่ ปล อย่าลืมว่าเป็นเรื่องโม้นะเป็นนิทานก็ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องโกหกจ้า
ที่จริงเข้าวัดตั้งแต่ ๙-๑๗ มีเรื่องเล่ามากมาย เกรงใจท่านจะรำคราญ บางท่าน
อาจจะมีดีมากนัก แต่ท่านทำตนปิด หน้าสงสารลูกหลานรุ่นหลัง แต่แนวทางหลวงพ่อทำไว้ทุกระดับ เว้นเสียแต่ท่านไม่เอาเอง

 

หวัดดีครับพี่ครับ ขอให้รวยๆเฮงๆนะครับ
โอ้โหพี่แก้วเทพเจ้าแห่งพันติบเข้าใจตั้งชื่อเน้อ

 

อุ๊ย..ทำไมกระทู้ตกมาหน้า 7-8 เลยล่ะพี่ ดัน ดัน ดัน....

 

สวัสดีครับพี่ วันนั้นเจอกันที่วิหารแก้ว 100 เมตร สบายดีนะครับ

 

ขอให้คุณเด็กพระรวยทั้งทางโลกและทางธรรมเลยนะครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

^^​

 

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕ And Happy New Year 2012
"ธรรมทาน" ธรรมะที่นำไปสู่ความหลุดพ้น พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนั้น
ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๕ กระผม"เด็กพระ"ผู้น้อยด้อยปัญญา แถมยังยากไร้ ไม่มีอะไรจะแจกพี่ๆน้องๆ ลูกพ่อเดียวกัน จึงจะขอมอบความรู้เล็กๆน้อยที่ได้สะสมมาเป็นเวลานาน เป็นของขวัญวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยความจริงใจ แด่พี่ๆน้องๆผู้มีความรักเคารพบูชาต่อคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีสมเด็จองค์ปฐมจนถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน มหาเถรานุเถระ (ให้เฉพราะผู้อยู่ในศีลในธรรมเท่านั้น) เป็นความรู้เล็กๆน้อย ที่ได้มาจากผู้ทรงพรหมวิหารสี่บ้าง จากท่านผู้รู้หลายท่านบ้าง เพื่อมีประโยชน์เป็นแนวทาง ความรู้รอบตัว กับท่านบ้าง (ไม่มากก็น้อย) เพื่อมิให้พี่น้องที่เข้ามาใหม่ในวงการพระเครื่องสมบัติพ่อหลวงพ่อฤาษีลิงดำ มิให้ถูกพวกมิจฉาทิฐิลอกเอาได้ (ถ้าจะให้ดีท่านต้องขยันหาความรู้เพิ่มจากหลายๆแหล่งนะครับ)
วิธีดู สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๑ พอเป็นแนวทางเล็กๆน้อยๆ ครับ
ต้องหาของจริงดูก่อน (เป็นรูปหรือหรือองค์จริงยิ่งดี) ถามผู้รู้บ้าง จำให้แม่นเป็นครู
(อุปมาเหมือนเราไปเที่ยวทะเล ใครจะบอกว่าภูเขาเป็นทะเล ก็หลอกเราไม่ได้)
ดูพิมพ์ ดูขนาด ดูความคมชัดด้านหน้าด้านหลัง ใต้ฐาน ดูรอยตัด ดูรอยตะไบ ดูกริ่งตัว นะ รุ่น ๑ ตัวใหญ่เต็มตัวยันต์ทองแดง ดูแน่นๆ ขนาดองค์จริงรุ่น ๑ กับ ๒ ขนาดเท่ากัน ส่วนรุ่น ๓ จะเล็กลงมาหน่อยครับ รุ่น ๓ นะ บนกริ่งทองแดงจะมีเส้นยันต์เล็กผอมๆ ดูหลวมๆ ส่วนตัว นะ รุ่น ๑ โตใหญ่จะเต็มกริ่งทองแดง ดูอ้วนๆแน่นๆตัวกริ่งกริ่งจะอยู่ค่อนไปข้างหลังเล็กน้อย (บ้างองค์ก็ดูเหมือนอยู่ตรงกลาง) ผิดกับรุ่น ๓ อยู่ชิดด้านหลังมากกว่า กริ่งเป็นระบบอัดเข้าไปต้องมีรอยปรุดออกมา เพราะเป็นแรงดันอัดบีบเข้าไป แกนชนวนก็เหมือนกับรุ่น ๒ ครับ เขาจะดูพิมพ์ก่อน พิมพ์ได้ก็ ดูรอยตัด รอยตะไบ ดูกริ่ง เป็นหัวใจหลักว่าแท้ว่าปลอมกัน ฟันธงกันตรงนี้และครับ แนะนำได้เล็กน้อยเพื่อมีประโยชน์กับทุกท่าน พอเป็นแนวทางเล็กๆน้อยๆ สำหรับพี่น้องครับ
"ดูรูปภาพประกอบด้านล่างครับ"




<legend>รูปขนาดเล็ก</legend>

วิธีดู สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒
ดูของจริงเป็นแนวก่อน จำด้านหน้าและด้านหลังให้ได้ ดูพิมพ์ แล้วดูใต้ฐาน ดูรูกริ่ง ดูรอยตะไบลบเหลี่ยมด้านนอก ดูรอยแกนชนวนประกอบ * ลูกศรสีน้ำเงินรอยตะไบรบคม ในวงกลมแดง แกนชนวน ลูกศรเขียว รอยขยัก
ใส่กริ่ง และรอยนำก่อนจะเจาะทิ้งไว้ตามคำสั่งหลวงพ่อ ถ้าองค์ไหนตัดชิดเข้าไปไหนหน่อยก็จะไม่เห็น แกนชนวน แต่รอยตะไบ รอยตัดก็คงยังเป็นเอกลักษณ์อยู่ครับ รอยตัด รอยตะไบ รอยแกนชนวน รอยเจาะนำ เป็นสัญญลักษณ์ของรุ่นหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ของปลอมยังทำห่างไกลอยู่ครับ
จะเหมือนกันทั้งรุ่น ๑ และรุ่น ๒ ครับ ส่วนรุ่น ๓ ก็เป็นอีกแบบครับ
"บรรยายภาพประกอบ"






<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>







</fieldset>
สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๓ ยันต์ตัว นะ มีแบบทองแดงและชุบทอง
และใต้ฐานแบบยันต์ มะอะอุ
ดูพิมพ์ด้านหน้าและด้านหลัง จำครับ จุดตายดูใต้พระบาท (ใต้เท้า) มีเนื้อเกิน
รุ่น ๓ จะมีเนื้อเกินทุกองค์ และดูด้านหลังขวาตรงเอวจะมีรอยเหมือนรองน้ำยาวลงมามีทุกองค์
ดูรอยตัดใต้ฐาน ดูรอยตะไบ ดูกริ่งใต้ฐาน ก็คล้ายๆ รุ่น ๑ และ รุ่น ๒ ครับ
สำหรับรุ่น ๓ มี ๓ แบบ "ดูรูปประกอบด้านล่าง" นะครับ





<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>











</fieldset>
<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕And Happy New Year 2012
ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๕
สุขสดชื่น สมความปารถนา ทุกประการ รวยรวยรวย จงมีแด่พี่น้องทุกท่าน

รูปหล่อหลวงพ่อฤาษีฯ รุ่น ๑ นั่งบัว "แท้และทำเรียนแบบ"

ของเรียนแบบองค์เล็กกว่าของจริง และความคมชัดก็สู้ไม่ได้ งานก็ยังไม่เรียบร้อย
(แต่ถ้าเรายังไม่เคยเห็นของจริงก็นั้นและน๊า)

<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>


</fieldset>
ไฟลวกมือ
ก็ต้องเคยเห็นของจริงเป็นครูมาบ้างจำด้านหน้า ด้านหลังต้องมีรอยผ้ามุ้ง
ด้านหลังของเรียนแบบจะไม่มีรอยผ้ามุ้งครับ
องค์บนแท้ องค์ล่างเรียนแบบครับ


องค์ล่างปลอมครับ


เหรียญทำน้ำมนต์ (ปลอมครับ) เรียนแบบเลี่ยมเดิม
เหรียญทำน้ำมนต์เรียนแบบเลี่ยมเดิม

ผมโดนมาเองแต่ก็ไม่ออกให้พี่น้องบูชาครับ
</fieldset>​

<!-- google_ad_section_end -->

 

หลวงพ่อเงินไหลมา หลวงพ่อชัยวัฒน์สร้างแจกในงานกฐินวัดสิริเขตคีรี
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เอมัชฌิมา<!-- google_ad_section_end --><script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_4292320", true); </script> ถ้าน้องเอและพี่ๆน้องๆ ต้องการฟังละก็เด็กพระจะขี้โม้ให้ฟังต่อไป
ตอนนี้ให้ชื่อว่า ตอนนางฟ้าปล้นสวาท
ขอเล่าย่อๆเลยนะครับ ถ้าพระนวกะหรือพระโยคาวจรท่านใดปฏิบัติถึงจุดใดจุดหนึ่งก็จะมีเทวดา-นางฟ้า
มาทดสอบวิชาที่ท่านบำเพ็ญมา หลังจากเลิกเจริญพระกรรมฐานที่ศาลา ๑๒ ไร่ ไม่ว่าพระใหม่พระเก่าก็จะเดินมาเป็นกลุ่มๆละ ๓ องค์บ้าง ๕ องค์บ้าง ถ้ายังมาเป็นกลุ่มละก็ยังกลัว จะคุยกันมาตลอดทาง แต่มีบางท่านชอบเดินมาองค์เดียวไม่คุย เดินมาเงียบๆท่าอย่างนี้หน้าจะไม่กลัว มันมึดป่าทึบ สงัด วิเวก ท่านลองจินตนาการดูเถอะว่ามันหน้ากลัวแค่ไหน แต่พระนวกะองค์นั้นท่านชอบมาองค์เดียว ชอบที่สงัด ดูเหมือนท่านจะไม่กลัว(เหมือนกับที่หลวงพ่อบอกนักปฏิบัติชอบอยู่ที่ป่าช้า) หลังจากสรงน้ำกลับเข้ากรดแล้ว พอดึกสงัดสักหน่อยประมาณเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง เสียงหมาหอนโหยหวนหน้ากลัวจับจิตจับใจ ต่างองค์ต่างอยู่ในกรดหน้าจะได้ยินกันทั่วหน้า พระนวกะองค์นั้นท่านก็สวดเจริญพระกรรมฐานแบบฉบับของพระธุดงค์ พอจิตดิ่งถึงอุปจารสมาธิ ท่านบอกว่าท่าจิตนิ่งแค่อุปจารสมาธิก็สามรถจะเห็นสัญญาเก่าหมายถึงอดีตชาติๆ มีพระบางองค์ท่านบอกหลับตาก็เห็นลืมตาก็เห็นแต่ละองค์เห็นไม่เหมือนกันเรื่องนี้ขอผ่านไป แต่มีอยู่อย่างโดนคล้ายๆกัน ตามมาตามไปดูกันว่าโดนอะไร หลังจากนั่งสมาธิกันนานพอสมควรก็
นอนภาวนาต่อจนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อยหล้า มารู้สึกตัวอีกทีก็คล้ายๆกับหนังเจาะเวลาย้อนอดีต เห็นตัวเองนั่งอยู่มีสาวๆสวยๆหุ่นถูกใจเป็นบ้า เดินมาหาความรู้สึกไม่รอช้า ทำอย่างที่ผู้ชายหนุ่มๆทำเมื่อเจอะคนรักกัน ทำเกือบสำเร็จความไคร พอรู้สึกตัวว่าเราเป็นพระ อุ๊ยเราเกือบเลวไป การมาบวชในครั้งนี้เราต้องการบุญบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างเดียว นี่เราจะเลวเสียแล้ว ก็นอนภาวนาต่ออีกจนหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นสาวๆสวยๆถูกใจมาก ชุดเดิมเข้ามาหาแล้วเราก็ทำปฏิบัติการแบบหนุ่มๆที่กระหายรักอีกเกือบสำเร็จความไคร่ โชคยังดีรู้สึกตัวก่อน รู้สึกเสียใจมาก ลุกขึ้นนั่งกราบพระสามที รวบรวมกำลังใจจะขึ้นไปกราบหลวงพ่อที่พระนิพพาน กำลังจะพรุ่งขึ้นไปได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดสวนลงมาว่า"ลูกเอ๊ยเขาทดสอบทุกองค์ละ"เป็นไงน้องเอฯคุณหมออยากโดนนางฟ้าปล้นสวาทบ้างไหม เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เด็กพระขี้โม้ให้น้องเอฯคุณหมอและพี่ๆน้องๆฟัง แก้เคลียดเท่านั้น โดยปล้นสวาทเกือบทุกองค์ในกลุ่ม
นั้น (บางองค์ฝันเปียกเลยก็มีพระบางองค์เข้าใจว่าตัวเองต้องอาบัติแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านว่าไม่อาบัติ)ถ้าอยากรู้ดูในศีลพระ

 

โอเคครับท่านพี่ ตามที่ตกลงกันไว้ครับ

 

การฝึกมโนยิทธิแบบเต็มกำลัง
ตามสูตรปกติที่หลวงพ่อสอนมาแต่เดิม
เราก็ภาวนา...นะมะ...พะทะ...ตามที่พวกเราได้รู้ได้ศึกษามา
เรา จะขึ้นไปแบบครึ่งกำลังกันก่อนแล้วไปสว่างข้างบนบ้างก็มีทำได้..หรือจะ ภาวนา..นะมะ..พะทะ..จนได้ฌาน ๔ รอจนมีพระมารับไปก็มีครับ..หรือตามแบบพระอาจารย์พระอาจินต์ท่านสอนและท่านก็ สอนให้พรุ่งดวงจิตออกไปให้ไกลสุดๆพรุ่งไปข้างหน้าและข้างหลังพรุ่งไปซ้ายขวา เพื่อเตียมปฏิบัติเต็มกำลัง และบางท่านก็ภาวนา...นะมะ..พะทะ..ไปจนกว่าจะได้ฌานสี่..ถ้าบุคคลใดไม่เคยได้ ฌานสี่มาก่อนก็จะมีอาการร้อนหน้าอกหายใจไม่ออกถ้าจิตแข็งภาวนาไปเลื่อยๆจน มันจะขาดใจจนใกล้จะตายหรือสู้จนตายบ้างท่านก็ไปได้เลย..บางท่านก็ตีหน้าออก ไปได้บ้างไม่ได้บางท่านกรรมเก่ามาขวางก็ทำให้ปวดหลังปวดขาแทบจะแตก(เป็นเฉ พราะวันเต็มกำลังเสียด้วย)หลังจากหมดวันเต็มกำลังอาการปวดก็หายไปแทบจะไปก็ มีเลยก็ว่าได้...ทำแบบนี้กระผมเองก็คลายๆนี้เลยยังไปไม่ได้เหมือนกัน

เวลา ได้เข้าใกล้ผู้ที่เป็นอาจารย์สัมผัสได้เยือกเย็นมีตวามสุขเปี่ยมไปด้วยความ เมตตาเยือกเย็นสบายใจจิตเป็นสุข...ท่านสอนให้ตัดมานะให้ได้ให้ขาดกระจุย เจริญพรหมวิหารสี่ตัดขันห้าให้ได้เด็ดขาดละสังโยชน์สิบและละอวิชา...ถ้าทำ ได้ก็ใกล้จะไปได้แล้ว...ที่เหลือว่างอารมณ์ให้สมดุล...ไปได้แน่ๆ...ท่านผู้ มีความชำนาญกล่าวไว้ครับ

เรามาเริ่มต่อยอดกันเลยนะครับ
(สูตรที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาลงมาสอน)
หลังจากสมาทานพระกรรมฐานแล้ว
สูดลมหายใจเข้าถึงเหนือสะเดือ...ภาวนาว่า...พุท
ผ่อนลมออกถึงปลายจมูก...แล้วภาวนาว่า...โธ..ทำ๓รอบ
ทิ้งคำภาวนา...ทำจิตใจให้เป็นสุข...อารมณ์ดี..ยิ้ม...หรือเจริญพรหมวิหารสี่...พอจิตเป็นสุขดีแล้ว
ภาวนาต่อ...นะมะ...พะทะ...ต่อ
ดึงลมหายใจเข้าถึงเหนือสะเดือ...ภาวนาว่า...นะมะ
ผ่อนลมหายใจออกถึงปลายจมูก..ภาวนาว่า..พะทะ...๓..รอบ
ทำใจให้สบายเยือกเย็นใจเป็นสุข..อารมณ์ดี..
ทิ้ง คำภาวนา...พิจรณาตัดขันห้า...ละอวิชา...มีอารมณ์จับพระนิพพาน...พิจรณาให้ ได้จริงๆ...ทำได้แล้ว...ทำจิตให้เยือกเย็นมีความสุข...ภาวนาต่อ...นิพพา ณัง...สุขัง

ดึงลมหายใจเข้าให้ถึงเหนือสะดือ...ภาวนาว่า...นิพพาณัง
ผ่อนลมหายใจออกถึงปลายจมูก....ภาวนาว่า...สุขัง...๓..รอบ
ทิ้งคำภาวนา...มองดูตัวเองดูอทิสสมานกาย..
มองดูตั้งแต่เท้าถึงหัวเข่าเป็นแก้ว...ทำอารมณ์ให้สบายทำใจให้เป็นสุขเยือกเย็น
มองดูตั้งแต่หัวเข่าถึงเอวเป็นแก้ว.ทำอารมณ์สบายทำใจให้เป็สุขเยือกเย็น
มองดูตั้งแต่เอวถึงคอเป็นแก้ว...ทำอารมณ์สบายทำใจให้เป็นสุขเยือกเย็น
มองดูตั้งแต่คอถึงผมบนหัวเป็นแก้ว..ทำอารมณ์สบายทำใจให้เป็นสุขเยือกเยือนยิ่งดี
หายใจเข้าถึงสะเดือ ๓ รอบอวัยวะภายในเป็นแก้ว
มองดูตั้งแต่หัวลงมาถึงเท้าคิดให้เป็นแก้วประกายพรืก
(ถ้ามีความคล่องขณะนี้เป็นฌานสี่แล้วนะครับพี่น้อง)

ต่อไปให้ตั้งนะโม ๓ จบ
แล้ว ขอราธนาพุทธบารมี...อำนาจฉัพพรรณรังสีขององค์สมเด็จองค์ปฐมปรากฏพระรูปพระ โฉมขึ้นณ เบื่องหน้าแห่งข้าพพระพุทธเจ้าค่า...คิดเอาว่าพระพุทธองค์ท่านมาประทับนะ เบื่องหน้าบางท่านอาจจะเห็นเลยก็ได้ (แต่หน้าจะเห็นถ้าคล่องตัวดีแล้ว)
แล้วอารธนาบารมีท่านนำไปสู่วิมานของท่าน...ใหม่ๆให้กำหนดจิตเอาว่าขณะนี้ท่านประทับนะ
เบื่องหน้าองค์ใหญ่มากที่สุด
ให้กำหนดจิตตั้งนะโม ๓ จบ แล้วขอขมาคุณพระศรีรัตนตรัย
แล้ว ขอบารมีท่านให้แยกอทิสมานกายเราให้มีเท่ากับพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ทุกพระองค์ แล้วกำหนดจิตกราบแนบพระบาททุกพระองค์...แล้วแยกอทิสมานกายไปให้เท่ากับพระ ปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระ..แล้วกราบแนบพระบาท..แล้วหันมาทางหลังเรานึกเอาเป็น พระอรหัต์สาวกทุกพระองค์หลวงปู่หลวงพ่อท่านปู่พระอินทร์ท่านย่าท่านแม่ทั้ง ๓ ท่านกำหนดจิตกราบแนมเท้าทุกพระองค์
แล้วกำหนดจิตขอบารมีองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมและทุกพระองค์ร่วมจิตของข้าพพระ พุทธเจ้าที่แยกออกไปกลับมาเป็นหนึ่งเดียว..กำหนดจิตกราบแนบพระบาททุกพระองค์ (พระพุทธเจ้า) ข้าพพระพุทธเจ้าขออราธนาบารมี...ตอนนี้ถ้ามีความ คล่องหมายถึงฝึกจนชำนาญท่านจะไปที่ไหนก็ได้แล้วเพราะเป็นฌานสี่ละเอียดนะขอ รับ...พระอรหันตมรรคท่านจะไปที่ห้อง(พระชินะ)ไปเรียนวิชาต่างๆกับพระผู้มี พระเจ้าบางท่านเรียนมาหลายๆปีก็ยังไม่หมด..จะมีอาจารย์ตั้งพระพุทธเจ้าพระ อรหันต์ที่นิพพานไปแล้วมาสอนท่าน..บางท่านก็ไปเรียนกสิณ ๑๐ ที่นี้เป็นเร็วสำหรับผู้ที่มีวิสัย..วิชาสาม..อภิญญาหก..ปฏิสัมภิทัปปัต โต......ท่านจะไปเที่ยวที่ไหนหรือท่านจะอยู่เรียนศึกษาพระคาถาที่ห้องอรหันตมรรค(หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งห้องพระชินะ)
ถ้าท่านจะกลับมายังร่างของท่าน..ให้ขออำนาจฉัพพรรณรังสีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือหลวงปู่หลวงพ่อนำมาส่งแล้วเราก็กราบท่านแล้วเราก็มานั่งซ้อนร่างของเรา
(หายใจเข้าออก..พุท..โธ..๓..ครั้งแล้วก็ลืมตาครับ)
(อย่า กลัวนะครับถ้ากลัวไม่มีผล..ถ้าไม่เคารพก็ไม่มีผล..ถ้าคิดจะมาทดสอบแต่ไม่มี ความเคารพก็ไม่ต้องมาไม่เกิดผล...พุทธศาสตร์...ไม่ใช้วิทยาศาสตร์)หลวงพ่อ ท่านกล่าวไว้หน้ากลัวครับ

ขอเรียนเชิญพี่ๆน้องๆผู้มีความ รักในการปฏิบัติศึกษาเอาตามสบายเลยครับ...ท่านนำไปปฏิบัติเกิดผลอย่างไร... อย่าลืมมาเล่าสู่ให้พี่น้องได้ฟังกันทั่วหน้านะครับ...ขอให้ทุกท่านโชคดี
__________________

 

สวัสดีครับ...พี่น้องทุกท่าน
ที่สนใจรายการขี้โม้ของเด็กพระ (อย่าลืมนะว่าเป็นเรื่องขี้โม้)
คราวที่แล้วได้เสนอตอนนางฟ้าปล้นสวาท (ที่จริงเป็นการทดสอบพรหมจันทร์ของนักบวช)
จะขอคุยเพิ่มอีกสักนิด พระบวชใหม่ชุดนั้นเจอทดสอบหลายองค์รวมทั้งพระเก่าด้วย
พระใหม่บางองค์ท่านเจอแบบนี้ มีผู้หญิงสาวสวยเข้ามาหาที่กรด (พระองค์ไหนชอบสตรีแบบไหนเทวดาท่านก็จะบันดาลให้เป็นแบบนั้นมา) เมื่อมีสาวสวยเข้ามาหาท่าน พระบางองค์ท่านมีสติดีก็บอกให้สาวสวยผู้นั้นเข้าไปรอที่กรด หลังจากนั้นท่านก็เผ่นหนี้ไปที่อื่น พระอีกองค์ท่านเจอแบบนี้ พระท่านนอนอยู่แม่สาวสวยเข้าไปปล้ำถึงในกรด ปล้ำกันใหญ่ พระท่านก็ดิ้นหนี้จนหลุด (นักบวชแต่ละองค์ท่านรักเพทพรหมจันทร์ของท่าน และกลัวศีลขาดถ้าเต็มใจร่วมเสบกามกับเธอแล้วต้องปรชิกขาดจากการเป็นพระ) บางองค์สมัยยังไม่ได้บวชชอบดาราคนไหน ท่านเทวดาก็จะบันดาลให้เป็นดาราคนนั้นเข้ามาหา หนวดแขน แล้วถามว่าชอบไหม พระท่านก็นิ่ง แม่นางฟ้าท่านก็หนวดขาหนวดไหล่ แล้วก็ถามว่าทำแบบนี้ชอบไหม พระท่านก็นิ่ง ทีนี้แม่นางฟ้าเข้ามากอดแอวแล้วถามว่าทำอย่างนี้ชอบไหม พระองค์นั้นหลุดปากออกมาว่า "ชอบ" (แม้เป็นดาราเชียวนะใครจะไมชอบ) แค่นั้นแล่ะแม่นางฟ้าหัวเราะดังลั่น แล้วเดินหายไปในอากาศ (ถ้าบังเอิญท่านเจ้าของเรื่องมาอ่านเจอ เด็กพระกราบขอขภัยท่านด้วยนะ ที่นำเรืองของท่านมาเขียนโดยไม่ได้ขออนุญาติ คิดว่าเป็นธรรมทานก็แล้วกันนะครับ) ไม่ใช้จะโดนทดสอบแต่พระนะครับ
พารหมณ์หญิงพารหมณ์ชายก็โดนเทวดาทดสอบเหมือนกัน (ถ้าปฏิบัติบูชาถึง) ถ้าพารหมณ์หญิงก็จะเจอเทวดาหนุ่มหล่อเข้ามาหาถ้าใจอ่อนร่วมรักกันละก็พัง (แพ้) พารมณ์ชายก็เจอสาวสวยถ้าร่วมรักกับเธอเข้า ก็เป็นอันว่าท่านแพ้ ในงานธุดงค์ไม่ว่าพระว่าพารมณ์ชายหรือพารมณ์หญิงก็ตาม ถ้ากำลังใจของท่านเข้มแข็งพอสมควรท่านก็จะโดนทดสอบ แต่ถ้ายังกลัวเป็นกำลังจิตอ่อนท่านจะไม่เจออะไรเลย มโนยิทธิเต็มกำลังก็ไม่ได้ จะไม่มีผลอะไรเลย นี้เป็นเรื่องขี้โม้นะท่านอย่าลืม
ต่อไปนี้จะเสนอตอน "เทวดามีจริง"
เริ่มตั้งแต่วันอุปสมบทเสร็จ ค้างคืนที่หลังศาลา ๒ ไร่ ที่พักนาค ๑ คืน ตอนเช้าฉันเช้าที่ศาลา ๑๒ ไร่ หลังจากฉันเช้าเสร็จ ท่านเจ้าอาวาส พระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง จัดแถวพระเก่า พระใหม่ พารมณ์ชายต่อหลัง เสร็จแล้วก็เดินเข้าป่าธุดงค์ตามระดับอาวุโส ระยะทางประมาณ ๒ กิโลนิดๆ เข้าไปปักกรด แล้วกลับออกมาที่ศาลา ๑๒ ไร่ ตอน ๔.๓๐ น.เย็น เพื่อร่วมทำวตรเย็น สวดมนต์เจริญพระกรรมฐาน แบบฉบับของหลวงพ่อ เสร็จพิธี ๒ ทุ่ม เลิกเจริญพระกรรมฐาน ฉันน้ำปานะ เสร็จแล้วเดินกลับกรด ถึงกรดใกล้ๆ ๓ ทุ่ม เดินจากกรดไปที่สรงน้ำประมาณ ๓๐๐ เมตร+ - บางองค์ก็ไกล คืนแรกเป็นคืนพิชิตความกลัว แต่จะขอข้ามไปก่อนไว้คุยกันวันหน้า ตื่นตี ๓ ไปสรงน้ำกลับมาแต่งตัวแบบพระ เสร็จแล้วเดินออกจากป่าธุดงค์ไปรวมกันที่ ลานธรรม ๒๕ ไร่ พร้อมกันทั้งพระพารมณ์ชายหญิง ไปถึงตี่ ๓.๓๐ บ้าง ตี่ ๓ นิดๆบ้าง พอถึงตี่ ๔ ก็ก็เริ่มพิธีฟังเทปหลวงพ่อสอนครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็นั่งสมาธิกัน ๓๐ นาที เสร็จแล้วก็ไกล้ๆ๖ โมงเช้าก็บิณฑบาต เป็นนักบินประมาณ ๒ ช.ม.หลังนั้นก็ไปรวมกันที่ศาลา ๑๒ ไร่ ธรรมวัตรเช้าให้พรฉันอาหารเช้า เสร็จ ๙.๐๐ น.หลังจากนั้นก็กลับกรดป่าธุดงค์ กลับมาที่ ศาลา ๑๒ ไร่อีก ๑๑.๐๐น.+ - บ้าง เที่ยงสวดมนต์เจริญพระกรรมฐาน เลิกบ่าย ๒ เดินกลับกรดเข้าป่าธุดงค์ บางองค์ก็ไม่กลับ ไปพักที่ศาลา ๔ ไร่ ๕ โมงเย็น ทำวตรเย็นเจริญพระกรรมฐาน เลิก ๒ ทุ่ม เดินกลับกรดเข้าป่าธุดงค์ เป็นอย่างนี้ทุกวัน เป็นอย่างนี้ ๔-๕ วัน เดินไปกลับ ๓ เที่ยว ๖ กิโลเมตร + - ร่างกายเมื่อยหล้า กลับกรดแล้วสรงน้ำก็ต้องเจริญพระกรรมฐานจนหลับไปด้วยความเมื่อยหล้า ปวดเมื่อยระบมไปทั้งตัว คืนที ๕ หรือ ๖ นี่แล่ะ อาจจะหลังตี่ ๓ หลับไม่ตื่นสักที โดนตีด้วยค้อน ๒ หัวตันคล้ายๆค้อนทุบตึก ตี่จากใต้ดินขึ้นมาที่หน้าอกพอดี เสียงดั่งตึ้งฯสะเทือนไปทั้งตัว ดังก้องกังวาลไปทั้ง ๒ รูหู ทีที่๑เริ่มรู้สึกตัวแต่ยังลุกไม่ไหว ท่านก็ยิ่งตีนักขึ้นเลือยๆ ตี่ครั้งที่ ๒-๓- ๔ ลุกขึ้นได้พอดี (ต้องรีบลุกไม่งั่นโดนตีแย่ทั้งๆทีร่างกายปวดระบม) ลุกขึ้นได้หลุดปากออกไปว่าเออขอบใจว๊ะ (ถ้าท่านเทวดาไม่มาตีเราก็คงยังไม่ตื่น)การได้สัมผัสโดนตี่ในครั้งนี้ โอหนอเทวดามีจริงหนอ เราได้สัมผัสแล้ว เราได้เจอแล้ว ตี่ดั่งมาก สะเทือนแรงมากขึ้นเลือยๆแต่ไม่เจ็บ หลังจากนั้นยังไม่ตี ๓ ก็จะตื่นเองทุกวัน เทวดาท่านจะคอยให้ความสงเคราะห์คอยเตือนตลอดตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายถ้าทำอะไรผิดหรือลืม ตั้งแต่ป่าธุดงค์จนถึงลานธรรม หลังจากลาสิกขากลับมาบ้านแล้วคิดถึงเทวดาขออัญเชิญให้เทวดามาหามาสงเคราะห์ที่บ้าน เงียบกิ๊บไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ขอจบตอนเทวดามีจริงไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอสวัสดี วันนี้ขี้โม้ยาวหน่อย

 

สมเด็จองค์ปฐม วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ รุ่นสร้างศาลา บูชา ๙๐๐ บาท

ลดราครับ ๔๙๐ บาท

จองครับ
​

 

คุณเด็กพระ....ไปบวชมาเป็นอย่างไรบ้างครับ

ยังไม่เล่าให้พวกเราได้โมทนาบุญกันเลยนะได้ข่าวว่าประทับใจมากมายไม่ใช่เหรอ....​

ถ้าพอมีเวลาเล่าสู่กันฟังให้ชื่นใจบ้างเด้อ

ตอบ/เรียนคุณหมอน้อย และสมาชิกคณะตามรอยบาทพระราชพรหมยาน และสมาชิกชาวเว็บพลังจิตทุกท่าน ด้วยความเคารพ
กระผมเด็กพระจะขอนำเอาประสบการณ์ ที่ได้ไปบวชธุดงควัตรที่ป่าวัดท่าซุงมาเล่าให้ฟังโดยสังเขป?
ความจริงแล้วเด็กพระยังเป็นนักปฎิบัติใหม่ที่ยังหาคุณค่าความดีมิได้

แต่ไม่เป็นไร เด็กพระได้มีโอกาสได้รู้จักกับนักปฏิบัติท่านหนึ่ง ท่านมีความรักเคารพในพระรัตนตรัยและรักหลวงพ่อหลวงปู่มากที่สุดคนหนึ่ง
ท่านได้เมตตาเล่าให้เด็กพระฟังบ้างตามโอกาสที่จะพึ่งมี ปีนี้เป็นปีที่ ๒ ที่ท่านได้มีโอกาส แสดงความรักเคารพบูชาต่อพระรัตนตรัยและหลวงพ่อพระราชฯ​

ปีนี้พอท่านไปถึงวัดท่าซุง วันที่ ๖/๑๒/๕๓ ตอยบ่ายเห็นพระท่านโกนหัวให้นาคอยู่แล้ว พระพี่เลี้ยงท่านบอกว่าปีนี้บวชกันมาก ใครจะมาโกนหัวก็มาเลย
ท่านผู้นี้ไม่รอท่า เข้าไปโกนหัวทันที ปกติทันผู้นี้ท่านจะภาวนาของท่านเกือบตลอดวัน ยกเว้นเวลามีแขกมาหาหรืออาจจะเผลอไปบ้าง พอมีสติท่านก็จะรีบภาวนาต่อไป ท่านไม่เคยเสียดายทรงผมของท่านเลย ขณะโกนหัวท่านก็ภาวนาอิติปิโสฯตลอด ท่านบอกว่าท่านมีความสุขมาก ปิติเกิดตลอดท่านก็ข่มมันไว้ด้วยอุเบกขา ท่านบอกเหมือนได้เข้าใกล้หลวงพ่อฯและเข้าใกล้พระพุทธเจ้าเข้าไปทุกที วันบวชเวลาเวียนอุโบสถ

ท่านบอกปิติเกิดขึ้น มากแต่ท่านพอจะทรงอุเบกขาได้บ้าง มีบ้างท่านพึ้งจะมาบวชครั้งแรกและหลายท่านที่ปิติเกิดขึ้นขณะเดินภาวนาไป ร้องไห้ไป ผมว่าเป็นทุกท่าน แต่บ้างท่านมาบ่อยแล้วอาจจะทรงอยู่ในอุเบกขา แต่ท่านที่จะเล่าให้ผมฟังท่านบอกท่านก็เป็นแต่ปีนี้เป็นปีที่ ๒ พอจะทรงอุเบกขาได้บ้าง แต่ปีที่แล้วท่านก็ปิติเต็มที่ทั้ง ๓ รอบ ( ความรู้สึกเมื่อท่านปฏิติถึงแล้วท่านจะรู้เองไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจเข้าถึงได้ เหมือนที่ท่านมหาหินพูดไว้นิรา มิสสุขไม่ติดอยู่ในสุขไม่ติดอยู่ในทุกข์ อยู่ตรงกลางเป็นความสุขที่พระพุทธเจ้าท่านต้องการให้สาวกของท่านได้สัมผัส คืออุเบกขา ส่วนของพระอริยะสังขารุเปกขาณาณ เมื่อบวชเสร็จขอเล่าย่อๆวันที่ ๑๑ หลังฉันอาหารเช้า ท่านก็พากันเข้าไปปักกลดในป่า ห่างจากศาลา ๑๒ ไร่ไปถึงป่าธุดงค์ บ้างท่านก็ว่า ๑ กิโล แต่ผมว่า ๒ กิโล +หรื่อ- เมื่อไปถึงท่านก็ปักกลดว่าคาถาตามแบบฉบับหลวงพ่อสอนและแผ่เมตตาไปให้กว้าง ที่สุด"ท่านลองคิดดูก็แล้วกันที่นั้นมันอยู่ในป่าคล้ายๆป่าดงดิบ"
แล้วก็กับมาให้ทันเจริญพระกรรมฐาน เที่ยงที่ศาลา ๑๒ไร่ เจริญพระกรรมฐานเสร็จบ่าย ๒ ฉันน้ำปานะเสร็จท่านก็กลับมาที่กลดของท่านอีกเพื่อทำภาระกิจให้เสร็จสมบูรณ์ ทำไปแผ่เมตตาไป ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยบ้างหลวงปู่หลวงพ่อบ้าง และก็สนทนากับเทวดาบูชาเทวดาบ้างไปตามภาษาคนบ้า พอ ๕ โมงเย็นท่านก็รีบสงน้ำแต่งกายแบบภาษาพระแล้วก็รีบไปที่ศาลา ๑๒ ไร่เพื่อทำวัตรเย็นและก็เจริญพระกรรมฐาน เสร็จประมาณ ๒ ทุ่มฉันน้ำปานะเสร็จท่านก็ตั้งใจไปไหว้พระอาจารย์ท่านที่วิหารสมเด็จองค์ปฐม ใช้เวลาพอสมควร ท่านก็ลาพระอาจารย์กับเข้าป่าธุดงค์ ถึงใกล้ๆ ๓ ทุ่ม เหงื่อเต็มกายเพราะอากาสร้อน ถึงแล้วนั่งหน่อยก็เตียมตัวไปสงน้ำ
ต่อไปเป็นบรรยากาสที่ดีสำหรับนักปฏิบัติขอบอก!
พอท่านไปถึงที่สงน้ำเป็นเวลาดึกหลัง๓ทุ่มมีพระสงน้ำเหลือ อยู่องค์สององค์ มืดก็มืดจุดเทียนแสงริบรี่ไม่มีไฟฟ้า หลังจากนั้นพระกลับกลดหมด เหลื่อท่านองค์เดียวจุดเทียน ๑ ดอกพอมีแสงสว่างนิดหน่อย ลมพัดใบไม้เสียงดังแล้วลมพัดวูบมาที่ท่าน ท่านบอกขนลุกขนพองความกลัวกลับมาอีกครั้ง ท่านบอกไหนๆก็ไหนๆแล้วท่านพอจะจำคำสอนของหลวงพ่อได้ ท่านเลยตัดสินใจอธิษฐานบริจาคร่างกายเป็นทาน ใครอยากได้ก็ขอเชิญมาเอาไปได้เลย อยากได้เนื้อ อยากได้หัว อยากได้ตับไต หรือส่วนไหนของร่างกาย หรือยักษ์อยากจะกินก็ขอเชิญมาเอาไปได้เลย แล้วน้ำตาท่านก็ปิซึมๆออกมาหน่อยๆ แล้วท่านก็อธิษฐานอีกต่อไป การบริจาคร่างกายเป็นทานในครั้งนี้ ถ้าจะพึงมีผลบุญบ้างสักนิดหน่อย ก็จะขอถวายความดีอันน้อยนิดนี้เพื่อบูชาคุณพระศรีรัตนตรัยและหลวงพ่อหลวงปู่ ถ้ามียักษ์มาเอาชีวิตหรือต้องตายจริงตัดสินใจแน่ไม่ห่วงร่างกายแม้แต่นิด ถ้าจะตายเวลานี้ก็เชิญตาย ตายแล้วก็จะไปอยู่กับหลวงพ่อฯอยู่กับพระพุทธเจ้าที่พระนิพพาน ตัดสินใจไปตามนั้นน้ำตาก็ไหลนิดหน่อย เพราะฝึกทรงอุเบกขาได้พอสมควร หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมพี่น้อง
หลวงพ่อเคยสอนไว้ถ้าทิ้งร่างกายได้ไม่ห่วง อย่างอื่นก็ทิ้งได้หมด "ท่านบอกเท่านี้ก็ลอยตัวแล้วพี่น้อง"เป็นจริงอย่างที่หลวงพ่อสอนไว้ ท่านบอกมันโล่งมันเบา มีความสุขเหมือนนิรามิสสุข
เหมื่อนอย่างที่ท่านมหาหินได้กล่าวไว้ (ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองปฏิบัติดู) หลังจากสงน้ำเสร็จท่านก็กลับกลดที่พักของท่าน ความกลัวทั้งหมดไม่มีเหลือแม้แต่นิดท่านมีความสุข"แบบนิรามิสสุข"นอนไม่หลับ ร่างกายมันพองโตมันเบามันโปงท่านเลยตัดสินใจไปเดินจงกลมต่อมุ่งหน้าไปทิศ ตะวันตก ไปเจอะคนบ้าประเภทเดียวกันเข้า ๒ ท่าน ท่านหนึ่งเดินจงกลมไปมาเร็วมากมีความคล้องชำนาญ
อีกท่านหนึ่งยืนอยู่กับที่แต่ได้ธรรมปิติ แล้วก็มุ่งหน้ากลับท่านถือไฟฉายส่องดูเลยเท้าไปสัก ๑ เมตร ไฟฉายส่องไปเพระเกรงว่าจะไปเยียบ สัตว์ตาย ยามปกติท่านรักษาศีลห้ากรรมบทสิบมาได้พอสมควรท่านจะไม่ยอมให้ศีลของท่านต้อง เศร้าหมอง ยิ่งตอนนี้ศีล ๒๑๗ เสขิยวัตรอีก ๗๕ จะไม่ยอมให้ด่างพล้อย วันนั้นท่านบอกมีความสุขและทรงอารมณ์ได้อีก ๑ วันถึงวันรุ่งขึ้น พอตกตอนบ่ายๆท่านบอกวันนี้จะกลับไปบำเพ็ญเดินจงกลมให้หนัก พอกลับมาถึงที่พักมันเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมพี่น้อง ก็เราว่าจะกลับทำความเพียรให้หนัก พอสงน้ำเสร็จเตียมชุดไตรไว้คองในวันพรุ่งนี้ตอนตี ๓ ก็เพลียสวดมนต์เจริญพระกรรมฐานก็หลับไปลุกไม่ไหว มีความจำไว้ว่าจะไปทำความเพียรเดินจงกลมให้หนักก็ลุกไปไม่ได้ (โดนลองของเสียสัจจะบารมีแพ้เสียแล้ว)ยังฯ ยังไม่จบโปรดรออ่านนิทานตอนต่อไป อย่าฯ อย่าพึ่งเบื่อและลำคราญ สนใจนิทานรออ่านต่อตอนหน้า ​

"ไม่มีอัฐรสผิดตกก็ขออภัยเพราะความรู้น้อยเบาปัญญาขอสวัสดี"​

 

มาช่วยดันกระทู้คร้าบ.บ.บ.....พี่เด็กพระ....ดันๆๆๆๆๆๆ

 

วิธีดู เหรียญทำน้ำมนต์ " ของแท้
คอขีดนิยม" เลี่ยมเดิมจากวัดครับ พิมพ์ที่๑
พิมพ์นี้จะมีควมคมชัดมาก สังเกตุเส้นเกษาหลวงพ่อคมชัดมากจริงๆ
ด้านหน้าตรงสระเอ คำว่าเถระมีเส้นตรงทะลุสระเอ
ด้านหลัง ยันต์แถวกลางตัวหน้ามีเส้นตรงเกินชนขอบเส้นสี่เหลี่ยมด้านหลัง (เอกลักษณ์ของพิมพ์คอขีดครับ)


<fieldset class="fieldset">

วิธีดู เหรียญทำน้ำมนต์ " ของแท้
"คอนูน" เลี่ยมเดิมจากวัดครับ พิมพ์ที่๒
พิมพ์นี้จะมีควมคมชัดรองลงมาจากพิมพ์คอขีด
สังเกตุเส้นเกษาหลวงพ่อจะไม่ค่อยคมชัดเท่ากับพิมพ์ที่๑
และด้านหน้าตรงสระเอ มีแต่สระเอไม่มีเส้นตรงทะลุสระเอ
ด้านหลัง ยันต์แถวกลางตัวหน้ามีเส้นตรงเกินชนขอบเส้นสี่เหลี่ยมด้านหลังยังคงมีอยู่ (เอกลักษณ์ของพิมพ์คอนูนครับ)

แอบจำเขามาครับพี่น้อง อิอิ ตีแผ่เป็นธรรมทานครับ

วิธีดู เหรียญทำน้ำมนต์ " ของแท้
"บล๊อกซ้อน" เลี่ยมเดิมจากวัดครับ พิมพ์ที่๓
บล๊อกซ้อน ด้านหน้าหลวงพ่อไม่มีเส้นเกินตรงสระเอ ความคมชัดก็น้อยกว่า พิมพ์คอนูนครับ
ส่วนยันต์ด้านหลังแถวหน้าตรงกลางมีเส้น\ยาวต่อจากยันต์ชนขอบสี่เหลี่ยมนอกครับ
ที่พิเศษของพิมพ์นี้ก็คือมีตัวหนังสือโค้งซ้อนอยู่ด้านบนจึงเป็นที่มาของบล๊อกซ้อนครับ





พิมพ์ที่ ๔ เส้นยันต์ใหญ่ ครับ
พิมพ์นี้ความคมชัดน้อยที่สุดเพราะแม่พิมพ์ปั๊มมามากแล้ว เลยสึกมากจนทำให้พิมพ์นี้ตื้นที่สุด
สังเกตุด้านหน้าเส้นเกษาหลวงพ่อเบลอๆไม่คมชัด ด้านเส้นยันต์กลางแถวหน้า\ไม่มี
แต่มีคำว่า ทำน้ำมนต์ ตัวอ้วนใหญ่กว่าทุกพิมพ์ จึงเป็นที่มาคำว่า เส้นยันต์ใหญ่
พิมพ์เส้นยันต์ใหญ่ ๒ เหรียญท้ายสุดครับพี่ครับ ข้อความนี้พอเป็นแนวทางเท่านั้นครับ
(ท่านต้องได้เห็นของจริง และดูบ่อยๆ จนแลเห็นพระเห็นเหรียญแว็บเดียวก็ทราบทันที่ว่าแท้ว่าปลอมครับ)


เหรียญล่างนี้ของปลอมครับ สังเกตุดูก็มีความแตกต่างกันพอสมควรครับ

<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>




</fieldset>

</fieldset> <!-- google_ad_section_end --><hr style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" size="1">

 

ป๊าด.ด.ด.ด.....เซียนที่ไหนคร้าบ.บ.บ... พี่เด็กพระ ยังเป็นเด็กอมมือ อยู่เลยก๊าบ....ยังดูพระไม่ขาดเหมือนกันจ้า... แหะๆๆๆ (ตอบแบบไม่อายเลย....)

 

ผมโอนเงินให้แล้วนะครับ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 53 ที่อยู่แจ้งทาง PM ครับ
ขอบคุณมากครับ

 

ราคาเท่าไหร่ครับ....

 

มรรคแปด อริยสัจสี่
สวัสดีครับ...พี่น้องเราทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม...
ผมต้องขออภัยทุกท่าน...ที่ไม่มีเวลาเข้ามาดูอัปเดสกระทู้ต้องขออภัยกันจริงๆ
ถ้ามีบุญพาวาสนาส่งและโอกาสมาถึงเมื่อไร...เราก็คงต้องจากกันจริงอย่างถาวร
คงไม่ได้เจอกัน...อย่าว่าใจดำกันเลยครับ...ต่างคนต่างมา...ต่างคนต่างไปเป็นสัจจะธรรม
แต่ถ้ายังไม่มีโอกาสมาถึงก็ต้องเจอกันร่ำไป...เอ๊กๆๆๆๆ...(ขออภัยคนบ้าๆบวมๆครับ)

จะขอนำพระธรรมในพระชาดกและพระสูตร (เรื่องของพระพุทธเจ้า และพระสาวก) ที่นับถอยหลังไปไม่กี่ปีนี้เอง มา่เล่าสู่พี่น้องเราทั้งใหม่และเก่าได้ฟังพอสังเขป...

ชาติปิทักขา...ความเกิดเป็นทุกข์...ความแก่เป็นทุกข์...ความเจ็บไข้ไม่สบายเป็นทุกข์...ความตายเป็นทุกข์...(กิเลสตันหาความทะยานอยากคื่อรากเหง้าใหญ่แห่งการเกิดทุกข์ในวัฎจักร)

องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนพระสาวกรูปหนึ่ง..เริ่มตั้งแต่อยูในครรภ์มารดา
โดยคนทั่วไปว่าคิดว่าและเข้าใจว่าอยู่ในท้องมารดา ๙ เดือน แต่องค์สมเด็จพระบรมครูฯทรงตรัสว่ามนุษย์เราอยู่ในครรภ์มารดา ๑๐ เดือน นั่งชันเข่าอยู่ในท้องมารดามันสุขหรือทุกข์(ท่านบอกว่าถ้าอยากจะรู้ก็ทดลองนั่งแล้วกอดเข่าดูสักชั่วโมง ถ้ายังไม่รู้ก็ลองนั่งดูสัก ๑ วันว่ามันทุกข์หรือสุข)
ความหิวเป็นทุกข์ (องค์สมเด็จพระทศพลฯท่านตรัสว่าความหิวเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย)ปวดอุจจาระปวดปัสสาวะเป็นทุกข์ การประกอบการงานเลี้ยงชีพเป็นปัจใจแห่งความทุกข์ ความไม่สมหวังเป็นปัจใจแห่งความทุกข์ การครองเรือนฆารวาสเต็มไปด้วยความทุกข์ ความเจ็บไข้ไม่สบายเป็นปัจใจแห่งความทุกข์ การผลัดพรากจากของรักเป็นเหตุแห่งความทุกข์ ความชราเป็นปัจใจแห่งความบรมทุกข์ ความตายเป็นหายนะแห่งความทุกข์ ทุกข์ใหญ่จริงๆ ความตาย ...ทุกคนทุกชีวิตกลัวตาย สัตว์ทุกตัวก็กลัวตาย...แต่ก็ต้องตายไม่มีใครหนีพ้น ตายแน่ๆ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดแล้วก็แก่ แล้วก็เจ็บ แล้วก็ตาย
เป็นอยู่แบบนี้ เกิดแต่ละคราวก็เต็มไปด้วยความทุกข์ องค์สมเด็จพระศาสดาฯ ท่านทรงสอนมาเป็นแบบนี้ แล้วท่านก็ตรัสว่าพวกเราไปพระนิพพานกันเทอะ เป็นแดนที่มีแต่ความสุข เป็นอมตะ ไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหนมีแต่ความสุข ท่านทรงตรัสสอนบรรดาเหล่าสาวกของท่านแบบนี้ สืบๆมาทุกยุคทุกสมัย เป็นเช่นนี้แหล

ปล. ถ้าท่านยังไม่มีศีลจิตท่านจะคิดแบบหนึ่ง ถ้ามีศีลห้าบริบูรณ์ก็คิดอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้ามีศีลแปดก็จะคิดและรับอารมณ์ได้อีกแบบหนึ่ง ท่านมีศีลแปดมีสมถก็สัมผัสได้อีกแบบหนึ่ง
มีศีลแปดมีสมถวิปัสนาญาณก็สัมผัสได้ละเอียดอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าท่านทำศีล ๒๒๗+เสขิยวัตร (ข้อวัตรปฎิบัติพระ) มีการสวดมนต์เจริญพระกรรมฐาน ทุกท่านจะว่าอย่างไร (ทำได้ยาก) แต่เมื่อบวชเข้ามาแล้วก็ต้องทำได้ (อาจจะทดลองบวชสั้นๆ แต่ก่อนบวชต้องดูศีลพระ ๒๒๗ ข้อให้จำได้ เพื่อรักษาพรหมจรรย์ให้ตลอดรอดฝั่ง ถ้าจะทำได้ต้องมีใจรักใจศรัทธาอย่างแรงกล้าทำได้แน่นอน หนทางเส้นทางพระโยคาวจร ปฎิบัติจริงปฎิบัติถึงรู้เองมีการทดสอบอารมณ์ตลอดทุกเส้นทาง (อย่าเข้าใจว่าเป็นความรู้ผม ก็บอกแล้วว่าจะำนำพระธรรมพระชาดกพระสูตรมาเล่าสู่ท่านทั้งหลายฟัง จะได้อะไรหรือไม่แล้วแต่ตัวท่านว่าอยู่ส่วนไหนของบัวสี่เหล่า.....ขอสวัสดี

 

***รายการสารสนเทเทศ***​

ดาวฟ้าดาวแดงดาวขาวที่ระลึกเป่ายันต์ครั้งที่ ๕และ ๗​

 

ดาวยันต์ล้อมเพชร พลอยขาว รายการสารสนเทศ