พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    สวัสดีตอนเช้าวันอาทิตย์หรรษาครับ

    เรื่องของประวัิติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พี่เชื่อเพียงหนังสือประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่ท่านอาจารย์ประถม เขียนขึ้นเท่านั้น

    ส่วนหนังสือเล่มอื่นๆ พี่ไม่เชื่อเลยครับ และบางครั้งก็มีการลอกแล้วนำไปดัดแปลงเช่นกัน


    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    [SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย
    "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน"
    [/SIZE]
    ฉบับที่ 22 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2553
    ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. นี้ หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง
    สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย
    อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. 53 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา

    ประกาศ ณ วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553
    ออกประกาศ เวลา 05.30 น.

    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

    ����صع����Է��

    .

    พยากรณ์อากาศประจำวัน

    <table border="1" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr class="14BWhite" align="center" bgcolor="#0f6aaa"><td colspan="2" align="center" height="35">ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2553</td> </tr> <tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. </td> <td> ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. นี้ หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง
    สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย
    อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. 53 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" class="14BWhite" align="center" bgcolor="#0f6aaa" height="35"> พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. </td> </tr><tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคเหนือ </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์
    อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 34 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    </td> </tr><tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดหนองคาย นครพนม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์
    ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 30 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    </td> </tr><tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคกลาง </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ
    จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี และสุพรรณบุรี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 30 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    </td> </tr><tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคตะวันออก </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 30 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    </td> </tr><tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    </td> </tr><tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 32 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    </td> </tr><tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> กรุงเทพมหานครและปริมณฑล </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 29 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. </td></tr></tbody></table>

    .

    ����صع����Է��--��ҡó��ҡ�Ȼ�Ш��ѹ

    กรมอุตุนิยมวิทยา
    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ภาวะแวดล้อมบ่อเกิด"โรคผิวหนัง"


    [​IMG]

    โรค ผิวหนัง เป็นโรคที่ใครหลายคนคงเคยเป็นกันมาแล้ว บางโรคเป็นแล้วหายยาก บางโรคเป็น ๆ หาย ๆ ส่วนบางโรคสามารถวินิจฉัยและดูแลหรือหายามาทานหรือทาเองได้ ขณะที่บางโรคจำเป็นต้องวินิจฉัย และรักษาให้เร็วมิฉะนั้นอาจลุกลาม!!

    พญ.อรณิชา ประภาพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง มูลนิธิไลออนส์สุพรรณหงส์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิดของโรคผิวหนังว่า คนเราจะอยู่เป็นปกติสุขโดยปราศจากโรคผิวหนัง ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ประการ คือ ยีน หรือหน่วยพันธุกรรม ซึ่งถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูก ถ้าเราได้รับยีนที่ดีการเกิดอาการต่าง ๆ ก็จะน้อยลงและ สิ่งแวดล้อม ถ้าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี โอกาสเกิดอาการจะน้อย แต่ถ้าเจอสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ไม่ดี หรือที่เรียกว่าเป็นภาวะคุกคามต่าง ๆ เข้ามา กระทบกับร่างกาย ถ้าร่างกายสามารถปรับตัวกลับมาสู่ดุลยภาพเดิมได้ก็จะ ไม่เป็นโรค แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่ปรับตัวไม่ได้ ก็จะเกิดอาการของโรคขึ้นมาได้

    โรคผิวหนังเกิดจาก 5 สาเหตุหลักด้วยกัน สาเหตุแรก เกิดจากความผิดปกติของยีน หรือพันธุกรรม ซึ่งบางโรคทำให้เกิดเกร็ดหรือขุยทั่วตัว บางโรคอาจทำให้ไม่มีการสร้างเม็ดสีเกิดขึ้นหรือที่มักเรียกว่า คน ผิวเผือก ต่อมา คือ เกิดจากการอักเสบ เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นผื่น เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง รวมทั้ง ผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน มีลักษณะเป็นผื่นแดง มักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ทีโซน หัวคิ้ว ซอกจมูก ไรผมและบริเวณใบหู

    สาเหตุต่อมา เกิดจากการติดเชื้อ มีหลายชนิด ทั้ง แบค ทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และปรสิต ซึ่งแต่ละเชื้อโรคจะทำให้เกิดอาการที่แตกต่างกัน ในส่วนของเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน เป็นผื่นสีขาว และคัน ส่วนเชื้อไวรัส อย่าง อีสุกอีใส งูสวัด เริม จะเป็นตุ่มน้ำ หรือถ้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ก็ทำให้เกิดเป็นฝี หนอง ขึ้นได้

    โรคเนื้องอกต่าง ๆ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคผิวหนังได้ เกิดจากมีการแบ่งตัวของเซลล์นั้น ๆ มากผิดปกติ เช่น มะเร็งผิวหนังชนิดต่าง ๆ มีลักษณะได้ตั้งแต่เป็นก้อน เป็นแผล หรือเป็นผื่น และสุดท้าย เกิดจากการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ เช่น ภาวะหรือโรคที่ทำให้สีผิวเข้ม มากขึ้นกว่าปกติ เช่น ฝ้า กระ หน้าหมองคล้ำ รวมทั้ง ภาวะหรือโรคที่ทำให้สีผิวขาวกว่าปกติ เช่น ด่างขาว

    “เมื่อได้รับผลกระทบจากภาวะคุกคามต่าง ๆ หรือสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ไม่ดีเข้ามากระทบกับร่างกาย เช่น สารเคมี รังสียูวี และมลพิษต่าง ๆ ทำให้สภาพผิวหนังเปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้การทำหน้าที่ต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามปกติ ถ้าร่างกายสามารถปรับตัวให้กลับมาสู่สภาวะ เดิมหรือดุลยภาพเดิมได้ ก็อาจจะเกิดแค่อาการแล้วก็หายไป ไม่กลายเป็นโรค แต่ถ้าร่างกายปรับตัวไม่ได้ หรือเกิดภาวะคุกคามมาก ๆ ทำให้ดุลยภาพเสีย ก็อาจจะกลายเป็นโรคขึ้นมาได้ ดังนั้น หากสามารถปกป้องภาวะคุกคามต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาทำให้เกิดการเสียดุลยภาพก็จะเป็นแนวทางที่ดีในการป้องกันการ เกิดโรคผิวหนังได้”

    โฮมีโอสเตติค แอพโพรช (Homeostatic Approach) เป็นแนวทางหนึ่งในการปรับดุลยภาพของผิว ซึ่งหมายถึง การปรับตัวของเซลล์ เนื้อเยื่อ หรืออวัยวะของสิ่งมีชีวิตเพื่อให้ทำงานได้ตามปกติ แม้จะมีภาวะคุกคามหรือภาวะเครียด โดยการปรับเปลี่ยนภาวะนั้น ๆ ให้กลับสู่สภาวะปกติ เพื่อให้คงสภาพผิวที่มีสุขภาพดีได้อย่างยาวนาน โดยเน้นที่การป้องกัน การลดผลกระทบที่เกิดจากภาวะคุกคามต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการหรือโรค

    “เป็นการรักษาในระดับเซลล์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ เช่น พืชต่าง ๆ หรือ ผลิตภัณฑ์เลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุด เพราะคำสั่งในร่างกายของเราส่วนใหญ่จะเป็นพันธะของโปรตีนอย่าง ฮอร์โมน หรือจำพวกไขมัน ทำให้โอกาสในการเกิดผลข้างเคียงมีน้อย เพราะในร่างกายเรามีอยู่แล้ว”

    พญ.อรณิชา อธิบายเพิ่มเติมว่า การปรับดุลยภาพ เป็นการปรับตัวของเซลล์ ถ้ามีสิ่งมากระทบจากภายนอกเซลล์ จะมีการปรับตัวกันเพื่อกลับมาสู่สภาวะเดิม หรือกลับมาสู่สภาวะ ที่ทำงานได้ตามปกติ เรียกว่า ดุลยภาพ เหมือนเวลาเป็นไข้ แล้วร่างกายมีการปรับตัวโดย ขับเหงื่อออกมามากขึ้น มีอะไรแสดงออกมาเพื่อทำให้อุณหภูมิในร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ

    การปรับดุลยภาพจะต้องอาศัยการขัดขวางหรือการส่งเสริมในหลาย ๆ ขั้นตอน เพื่อให้ผลออกมาดียิ่งขึ้น เป็นการป้องกันก่อนที่จะเป็นโรค เป็นเหมือนการเสริมเพื่อให้ผลการรักษาคงอยู่ได้ยาวนานขึ้น โดยสามารถใช้ป้องกันได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ เป็นโรคหรือยังไม่มีอาการแสดง ซึ่งการปรับดุลยภาพจะช่วยลดภาวะคุกคามหรือผลกระทบต่าง ๆ ทำให้โอกาสที่จะเกิดอาการแสดง ต่าง ๆ น้อยลง เช่น พ่อ แม่ เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกที่ออกมาก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพราะเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ การป้องกันทำได้ เช่น ป้องกัน การเจอแสงแดด ป้องกันภาวะคุกคามของการเกิดภูมิแพ้ ก็จะทำให้โอกาส ที่โรคจะแสดงออกมาน้อยลง ถึงแม้จะแสดงอาการออกมา ก็น่าจะรุนแรงน้อยลง ซึ่งตรงนี้ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและค่ารักษามาก ถ้ารู้จักการ ป้องกัน ก็น่าจะดีกว่า

    ส่วนกลุ่มคนไข้ที่มีอาการแต่ยังไม่เป็นโรค เช่น มีผื่นแดง ตุ่มใส ก็จะช่วยปรับให้ผิวสามารถ กลับมาสู่สภาวะปกติได้ หรือถ้าเป็นโรคไปแล้วจะใช้ควบคู่ไปกับการรักษาได้ อาทิ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ก็อาจใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ให้ความชุ่มชื้นควบคู่กับการปรับดุลยภาพ เพื่อให้การฟื้นฟูหลังโรคบรรเทาแล้วจะกลับเป็นปกติได้เร็วขึ้น และช่วยลดโอกาสในการกลับเป็นซ้ำได้ หรือหากเป็นซ้ำ ก็จะรุนแรงน้อยลง โดยวิธีการปรับ ดุลยภาพจะให้ผลค่อนข้างช้ากว่า การใช้ยาในการรักษา แต่ปลอดภัย และมีผลข้างเคียงน้อย หากต้องการให้ได้ผลเร็วอาจใช้ วิธีนี้ควบคู่ไปกับการรักษาตามปกติได้

    พญ.อรณิชา ทิ้งท้ายว่า “ควรระมัดระวังในการใช้ผลิต ภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง เพราะอาจเกิดอาการแพ้หรือ ทำให้ผิวหนังอักเสบ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้ หากเกิดอาการแพ้ หรือมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นต้องเลิกใช้ทันที และเมื่อมี สิ่งผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์”.

    "เคล็ดลับสุขภาพดี"

    การใช้ชีวิตประจำวันของคนเรานั้นอยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและยาวนานทั้งท่ายืน เดิน นั่ง นอน ซึ่งท่านทราบหรือไม่ว่า อิริยาบถต่าง ๆ ที่เราทำกันอยู่ทุกวันนั้นถูกต้องและเหมาะสมแล้วหรือยัง หากยังไม่ทราบหรือไม่แน่ใจ วันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีมีวิธีทดสอบรวมทั้งผลกระทบของวิธีการยืน เดิน นั่ง นอน ที่ไม่ถูกต้องมาฝากกันค่ะ

    เริ่มเช็กตัวเองที่ ท่ายืน 1.ยืนพักลงขา ลงน้ำหนักไว้ขาข้างใดข้างหนึ่ง ยืนกอดอก หลังค่อม หรือ 2.ยืนกางขาเท่ากับข้อตะโพก ลงน้ำหนักขาทั้ง 2 ข้างเท่ากัน ปลายเท้าชี้ ท่าเดิน 1.เดินไม่งอตะโพก งอเข่า ไม่เกร็งกล้ามเนื้อก้นและต้นขา บิดปลายเท้าออกด้านนอก หรือ 2.เดินงอเข่า งอตะโพก ปลายเท้าชี้ตรง เกร็งกล้ามเนื้อก้นและต้นขา เดินลงน้ำหนักที่เท้าทั้ง 2 ข้างเท่ากัน ท่านั่ง 1.นั่งไขว่ห้าง นั่งกึ่งนอน นั่งเก้าอี้ไม่เต็มก้น นั่งหลังค่อม นั่งกอดอก หรือ 2.นั่งหลังตรง ก้นและหลังชิดพนักเก้าอี้ น้ำหนักลงที่ก้น 2 ข้างเท่ากัน เท้าวางแนบกับพื้น ไม่ลอย ขาท่อนบนตั้งฉากกับลำตัว และ ท่านอน 1.นอนตะแคงทับข้างซ้ายหรือขวา นอนคว่ำ หรือนอนหงายโดยไม่มีหมอนรองใต้เข่า หรือ 2.นอนหงาย หมอนรองศีรษะตั้งแต่ท้ายทอย ถึงบ่าทั้ง 2 ข้าง และมีหมอนรองใต้เข่า

    ถ้าคำตอบของคุณผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นข้อ 1 แสดงว่ามีแนวโน้มที่โครงสร้างร่างกายน่าจะมีปัญหา ถึงเวลาที่ต้องหันมาดูแลโครงสร้างร่างกายให้แข็งแรงแล้วโดย เพ็ญพิชชากร แสนคำ นักกายภาพบำบัดจากสถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ ให้ความรู้ว่า จากแบบทดสอบถ้าใครตอบข้อ 2 จะเป็นอิริยาบถที่ถูกต้อง แต่ ปกติแล้วท่ายืนของคนเราชอบยืนนิ้วเท้าชี้ออกข้างลำตัว ซึ่งจริง ๆ แล้วนิ้วเท้าต้องตรงไปข้างหน้าเหมือนเลข 11 หรือหากใครติดนิสัยชอบยืนกอดหน้าอก จะมีผลเสียมาก เพราะทำให้กล้ามเนื้อยืดข้างหน้า ซึ่งปกติแล้ว กล้ามเนื้อด้านหน้าทำงานหนักอยู่แล้วก็ยิ่งหนักเข้าไปอีกอาจทำให้หลังค่อม วิธีแก้ไขคือพยายามฝึกยืนเอามือไขว้หลังและแขม่วหน้าท้องน้อย ๆ

    ส่วนท่านั่งบางคนชอบนั่งไขว่ห้าง หลังค่อม ช่วงอายุน้อย ๆ อาจยังไม่เห็นความผิดปกติ แต่ถ้าทำไปนาน ๆ เป็นประจำจะมีผลเสีย เช่น ความโค้งของคอผิดรูปคือโค้งไปข้างหน้าทำให้กระดูกคอเสื่อมง่าย หรือหลังค่อมก็อาจทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือระบบหายใจมีปัญหา เนื่องจากนั่งหลังค่อมจะมีผลต่อช่องอก หายใจไม่สะดวก ปอดขยายได้น้อย หัวใจทำงานหนัก ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ดี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องกัน สำหรับท่าเดินเท้าจะต้องไม่ฉีกออกด้านข้าง แต่ทั้งนี้แล้วแต่สรีระของแต่ละคนด้วย

    ท่านอนเป็นอิริยาบถที่สำคัญ โดยท่านอนที่ถูกต้องที่สุดคือ นอนหงายมีหมอนรองใต้เข่า แต่ถ้าคนที่มีโครงสร้างไม่ถูกต้องจะนอน ไม่ได้ และนอนตะแคงแทน ซึ่งการนอนตะแคงมีผลเสียคือ ทำให้น้ำหนักตัวกดทับหัวไหล่ตลอด หัวไหล่เป็นอวัยวะที่อยู่ใกล้คอ ซึ่งในคอมีระบบเส้นประสาท เส้นเลือดมากมายที่คอยไปเลี้ยงสมอง แรก ๆ อาจมีอาการปวดหัวไหล่ กระดูกเสื่อม กล้ามเนื้อเกร็ง และสุดท้ายมีปัญหาไปถึงระบบสมอง ทำให้มีอาการหน้ามืด เวียนศีรษะง่าย หากใครรู้ตัวว่านอนหงายไม่ได้แสดงว่าโครงสร้างผิดรูปแล้วควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อแก้ไขก่อนที่อาการต่าง ๆ จะกลายเป็นโรคทำให้รักษายากกว่าเดิม

    ทราบกันแบบนี้แล้วหากใครเช็กตัวเองจากแบบทดสอบนี้แล้วพบว่ามีแนวโน้มที่โครง สร้างร่างกายน่าจะมีปัญหาควรรีบปรึกษาแพทย์ก่อนจะสายเกินแก้นะคะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงค่ะ.

    "สรรหามาบอก"

    - โรงพยาบาลรามาธิบดี ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพอนามัยสู่ประชาชน เรื่อง “มะเร็งเต้านม...รู้เร็วรักษาได้” ในวันพุธที่ 27 ตุลาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมอรรถสิทธิ์ ชั้น 5 ตึกศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สอบถามข้อมูลหรือสมัครเข้าฟังการบรรยายได้ที่ โทร. 0-2201-1091-3 หรือ 0-2201-2521 (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น)

    - โรงพยาบาลศรีวิชัย 3 อ้อมน้อย ร่วมกับมูลนิธิโรคตับ จัดงาน “เรารักตับ” (Liver Lover) โดยจัดให้มีการตรวจค่าเอนไซม์ตับ (ALT) ฟรี! ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2553 ณ โรงพยาบาลศรีวิชัย 3 อ้อมน้อย สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2431-0262 ต่อ 1111, 2222

    - โรงพยาบาลเจ้าพระยา ขอเชิญร่วมงานสัมมนา “รู้จริง...รู้ทัน ก่อนทำศัลยกรรมพลาสติก” ใน วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553 เวลา 08.00-12.00 น. ณ ห้องกรุงเทพบอลรูม โรงแรมรอยัลซิตี้-ปิ่นเกล้า ผู้สนใจรับคำปรึกษาก่อนทำศัลยกรรมตกแต่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือสำรองที่นั่งได้ที่ 0-2433-8222, 0-2433-5666

    - ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญประชาชนร่วมโครงการ “ปันโลหิตให้น้อง” บริจาคโลหิตตลอดเดือนตุลาคม 2553 เนื่องจากเดือนนี้สถานศึกษาต่าง ๆ ซึ่งเป็นหน่วยรับบริจาคโลหิตปิดภาคเรียนไม่มีการรับบริจาคโลหิต จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยเฉพาะ ผู้ป่วยเด็กโรคเลือด สนใจร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ศูนย์บริการโลหิต สภากาชาดไทย สอบถามโทร. 0-2256-4300, 0-2263-9600-99 ต่อ 1760


    ทีมวาไรตี้




    Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ภาวะแวดล้อมบ่อเกิด"โรคผิวหนัง"
    .



    .



    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เปิด ′เคล็ดลับ′ รับพนักงานใหม่ เพิ่มโอกาส-ลดความเสี่ยงองค์กร

    <style>p { margin: 0px; }</style> <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"> <tbody> <tr bgcolor="#400040"> <td>[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>ต้อง ยอมรับว่าในยุคปัจจุบันการรับพนักงานใหม่ขององค์กร ต่าง ๆ มีกลยุทธ์ที่น่าสนใจ แตกต่างกันออกไปอย่างน่าสนใจ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้บริหารในหลายองค์กรได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ที่ผ่านมาว่า พนักงานทุกคนไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม ล้วนแต่มีผลต่อความรุ่งโรจน์ของบริษัททั้งสิ้น

    ไม่ว่าองค์กรเล็กหรือ องค์กรใหญ่จึงใส่ใจให้ความสำคัญกับเรื่องการคัดสรร พนักงานใหม่เป็นอันดับต้น ๆ ในงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์กร

    ใน งานสัมมนาร้านโชห่วยระดับภูมิภาค ครั้งที่ 9 ในหัวข้อ "ทำโชห่วยให้รวยอย่างยั่งยืน" ซึ่งสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย ร่วมกับเซเว่น อีเลฟเว่น จับมือกับกรมการค้าภายใน และสถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี "นริศ ธรรมเกื้อกูล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย ได้หยิบประเด็นนี้มาชี้ให้เถ้าแก่ยุคใหม่ได้ตระหนักคิดอย่างน่าสนใจ

    "นริศ" บอกว่า ในอดีตเวลารับ พนักงานใหม่ไม่เคยต้องคิดมาก ขอให้มีแขนขาครบ รับหมด ปรากฏว่า พอรับเข้ามาแล้วเหนื่อยมากกว่าจะเทรนให้ทุกคนเป็นคนเก่งและทำงานได้ตามเป้า หมายที่องค์กรตั้งไว้ วันนี้จึงเปลี่ยนระบบคิดในการรับพนักงานใหม่ กำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกพนักงานใหม่ที่สามารถเพิ่มโอกาสและลดความเสี่ยงให้ กับองค์กรได้

    ในเบื้องต้นจะดูหลัก ๆ 4 เรื่อง ระดับปริญญาตรี เกณฑ์ที่กำหนด เกรดเฉลี่ยจะต้องไม่ต่ำกว่า 3.00 ส่วนปริญญาโทเกรดเฉลี่ยต้องมากกว่า 3.5 ไม่อย่างนั้นไม่รับเข้ามาทำงาน

    เหตุผล เพราะคนกลุ่มนี้เก่ง มีความคิด ที่เป็นระบบ ซ้ายเหตุ ขวาผล สามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ได้ ที่สำคัญรู้จักลำดับความสำคัญว่าอะไรควรทำก่อน อะไรควรทำทีหลัง และมีระเบียบวินัยในตัวเอง

    เมื่อผ่านเกณฑ์ขั้นแรกก็มาถึงด่านที่ 2 จะดูว่ามีเหรียญทองอะไรติดตัวมาบ้าง เช่น เหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองหุ่นยนต์ เหรียญทองความประพฤติดี เหรียญทองฟันดาบ เหรียญทองว่ายน้ำ เหรียญทองฟุตบอล เรียกว่าเหรียญทองอะไรก็ได้สักตัวหนึ่ง เนื่องจากคนกลุ่มนี้นอกจากจะมีความมุ่งมั่นในการทำงาน แถมยังมีเทคนิคมีกลยุทธ์ในการฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เพราะแต่ละคนกว่าจะได้เหรียญทองมาครอบครองได้ต้อง อึดพอสมควร <table align="right" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"> <tbody> <tr bgcolor="#400040"> <td>
    </td></tr></tbody></table>

    [​IMG]

    เกณฑ์ ที่ 3 ที่นำมาพิจารณา จะคล้าย ๆ กับองค์กรใหญ่ ๆ ที่นำมาใช้กันในปัจจุบันนั่นคือ เป็นนักกิจกรรมหรือเปล่า เช่น เคยเป็นประธานนักศึกษา หรือประธานชมรมอะไรหรือไม่ หรือเคยออกค่ายอาสาพัฒนาที่ไหนมาบ้าง

    "นริศ" มองว่า เด็กที่เป็นนักกิจกรรมนอกจากจะมีลักษณะของความเป็นผู้นำ อยู่ในตัวแล้ว ในการทำงานยังมีความประนีประนอมสูง แตกต่างทางความคิดได้แต่ขอให้มีจุดหมายเดียวกัน ทีมจึงไม่แตกแยก

    สุด ท้าย "นริศ" บอกว่า บุคลิกภาพเป็นอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้ 3 ข้อแรก ดังนั้นในการรับพนักงานใหม่ต้องดูว่าเป็นอดีตดัชชี่บอยหรือดัชชี่เกิร์ล 1 ใน 10 คนสุดท้ายหรือเปล่า

    "เรื่องของความสวยความหล่อถือว่าเป็น เรื่องที่เชิดชูศักดิ์ศรีของบริษัท เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้เพื่อนร่วมงานผู้บริหารก็อยากมาทำงานเช้า ขึ้น เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่า ความสวยความหล่อมีผลต่อการทำงานมาก ถ้าเอาเด็กสวย ๆ หล่อ ๆ ไปฝากให้รุ่นพี่ให้ช่วยฝึกงานให้น้อง ๆ ทุกคนจะต้อนรับเป็นอย่างดี สอนงาน ทุกรูปแบบ พักเที่ยงพาน้องไปทานข้าว ทีมงานทุกคนสดชื่น ทำงานกันด้วยความกระปรี้กระเปร่า แต่ถ้ารับคนไม่สวยไม่หล่อเข้ามา ฝากให้รุ่นพี่ช่วยสอนงาน พอตกเย็นถามน้อง ๆ ว่าวันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง น้องใหม่ก็จะตอบเหมือนกันเลยว่า พี่สอนให้ชงกาแฟ ถ่ายเอกสารแค่ 2 อย่าง"

    สิ่ง ที่สำคัญกว่านั้นในการรับคนสวย คนเก่งเข้ามาทำงานในองค์กร "นริศ" บอกว่า คนกลุ่มนี้จะดึงดูดคนสวยคนเก่งที่อยู่นอกองค์กรเข้ามาในองค์กร บริษัทก็เติบโตแบบก้าวกระโดด

    นี่คือกลยุทธ์ในการคัดเลือกพนักงานใหม่ที่ทำให้ธุรกิจที่ "นริศ" บริหารงานมี ผลประกอบการพุ่งกระฉูดทุกปี

    ด้าน "ชัยรัตน์ คงศุภมานนท์" ผู้จัดการทั่วไป บริษัท กรีนเดย์ โกลบอล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว เพื่อสุขภาพ ตรากรีนเดย์ ก็มีกลยุทธ์ ในการรับสมัครพนักงานที่น่าสนใจอีก แบบหนึ่ง

    "ชัยรัตน์" บอกว่า การรับพนักงาน ของกรีนเดย์ จะไม่ดูวุฒิ ไม่ดูวัย แต่จะดูว่าคนที่จะมาร่วมงานกับกรีนเดย์นั้นมองเห็นภาพธุรกิจเดียวกันหรือ เปล่า มีแรงบันดาลใจในการทำงานแบบเดียวกันหรือเปล่ายกตัวอย่างน้อง ๆ ที่ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิตในปัจจุบัน อายุเพียง 24-25 ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังเด็กมากแต่หลังจากที่ได้พูดคุยแล้ว มองว่าเขาสามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้ ก็ให้ทำ

    "ในการเรียนหนังสือทุก คนจะมองเห็นภาพในการทำงานเป็นภาพกว้าง ๆ แต่เวลาทำงานจริงจะต้องเจาะลึกลงไปในงาน ลงลึกไปในไลน์ธุรกิจนั้น ๆ เพราะฉะนั้นการรับพนักงานใหม่จึงต้องดูความตั้งใจในการทำงาน ดูมุมมอง ความคิดในการทำงานประกอบด้วย เพราะถ้าได้คนที่มีหลักคิดที่ดี ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเข้ามาก็จะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้"

    ดังนั้น หลัก ๆ ในการรับสมัครพนักงานใหม่ "ชัยรัตน์" จึงใช้วิธีสัมภาษณ์ด้วยตัวเองเพื่อจะดูว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร สามารถทำงานกับทีมงานที่มีอยู่ได้หรือไม่

    ในขณะที่ "ภูวเดช เลาหะมณฑลกุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท 3เอ็ม ฟูด โปรดัก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์มะขามอบบ๊วย ตราจี๊ดจ๊าด แสดงความคิดเห็นในประเด็นเดียวกันว่า จริง ๆ แล้ว 3เอ็ม ฟูด โปรดัก ไม่ใช่องค์กรที่ใหญ่โตอะไร ทุกคนจะอยู่กันแบบพี่น้อง คนกลุ่มแรกก็จะเติบโตมากับองค์กรเรียนรู้มาด้วยกัน แต่เมื่อองค์กรเติบโตขึ้น ความต้องการบุคลากรก็มีมากขึ้น การรับสมัครบุคลากรใหม่จึงต้องมียุทธวิธีที่ดี เพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมกับงานมากขึ้น

    ในอดีตเวลารับสมัครพนักงานใหม่ จะใช้คำถามว่า "คุณน่าจะทำงานกับเรา ได้ไหม ?"

    แต่ปัจจุบันเปลี่ยนวิธีสัมภาษณ์ใหม่ จะใช้คำว่า "คุณเคยทำงานอะไรมาบ้าง ?"

    แล้วให้ผู้สมัครเล่าประวัติการทำงานของตัวเอง เพื่อดูว่าเขาเหมาะสม กับงานที่องค์กรจะมอบหมายให้เขาทำ หรือไม่

    เมื่อได้คนทำงานในแบบที่ถูกวิธีมากขึ้น ก็ต้องจัดโครงสร้างองค์กรให้มีความชัดเจนมากขึ้น

    และ เพื่อการทำงานเดินไปอย่างไม่สะดุด ผู้บริหารองค์กรจึงต้องหาวิธีให้ ทุกคนรับรู้ว่าความฝันขององค์กรคืออะไร ต้องการจะก้าวไปที่ไหน อย่างไร

    ใน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาองค์กรแห่งนี้จึงได้จัดกิจกรรมละลายพฤติกรรมพนักงานให้ทุกคนรับ รู้ว่า ณ วันนี้องค์กรอยู่ตรงไหน ทำให้ทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจกับแบรนด์ ของตัวเอง จากนั้นก็ส่งพนักงานไปอบรมเรื่องต่าง ๆ เพื่อเติมความรู้ในส่วนที่ พนักงานยังขาดอยู่

    ที่มากกว่านั้นองค์กรแห่งนี้ยังได้สร้าง ค่านิยมให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในองค์กรอย่างมีความสุข

    "ภูว เดช" บอกว่า จี๊ดจ๊าดวาดฝัน ไว้ค่อนข้างไกล โดยวางเป้าหมายว่า จะต้องก้าวไปเป็นผู้จัดจำหน่ายผลไม้แปรรูปชั้นนำภายใน 5 ปี ดังนั้นจึงต้องทำให้พนักงานภูมิใจในตัวสินค้า เพื่อให้พนักงานไปแชร์ประสบการณ์ให้กับลูกค้า เพราะเมื่อไรที่พนักงานมั่นใจในตัวสินค้า เขาก็จะไปสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้า กับร้านค้า ในส่วนของร้านค้าก็จะไปสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้ากับผู้บริโภค เส้นทางที่องค์กรจะก้าวไปอีกฝันก็จะใกล้มากขึ้น

    ทั้งหมดคือเคล็ดลับ ฉบับย่อในการสร้างและพัฒนาบุคลากรขององค์กรธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กที่เริ่ม ตั้งแต่ต้นน้ำนั่นคือ การคัดเลือกบุคลากรที่ ไม่ใช่เรื่องที่องค์กรต่าง ๆ จะมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะทุกอย่างคือต้นทุนทางธุรกิจ



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ผลสำรวจความรู้สึก ของคนวัยทำงานในแต่ละวัน





    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดอะซัน ของอังกฤษ ได้เปิดเผยผลสำรวจของทีมวิจัยสถาบันเศรษฐกิจแห่งลอนดอน ที่สำรวจเกี่ยวกับความรู้สึกของคนวัยทำงานในแต่ละวัน แล้วพบว่า ความรู้สึกนึกคิดและภาวะความเครียดในแต่ละวัน ส่งผลต่อการกระทำในแต่ละวันด้วย โดยงานสำรวจได้ระบุว่า วันจันทร์เป็นวันที่เครียดมากที่สุด ส่วนวันพฤหัสและวันเสาร์นั้นเหมาะที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนรักมากที่สุด

    สำหรับผลการสำรวจในแต่ละวัน เป็นดังนี้

    [​IMG]วันจันทร์ เป็นวันที่ควรจะผ่อนคลายความเครียด ควรที่จะหาเวลาพักผ่อน จากการสำรวจของ British Medical Journal ระบุว่า 20% ของผู้ป่วยหัวใจวายมักจะมีอาการในวันจันทร์ เนื่องจากความเครียดที่เป็นวันเริ่มต้นทำงาน และเพิ่งจะสร่างเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ในสุดสัปดาห์ และคนจะเครียดมากที่สุดช่วง 8 โมงเช้าถึง 10 โมง

    [​IMG]วันอังคาร เป็นวันที่สมองเริ่มจะปรับความเคยชินกับอะไรหนัก ๆ แล้ว ก็จะรู้สึกว่าสามารถจัดระบบความคิดตัวเองได้ดี ถือเป็นวันที่อารมณ์ดี เพราะสมองได้ปรับเพื่อรับมือกับวันต่อ ๆ ไป

    [​IMG]วันพุธ เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการมองหาใครสักคน เพื่อนัดเดทแรก ก่อนที่จะนัดเดทครั้งต่อไปในวันศุกร์ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า 40% ของคู่รักมักจะนัดเดทกันเป็นครั้งแรกในวันพุธ

    [​IMG]วันพฤหัสบดี เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ เพราะฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนของผู้ชาย และเอสโตรเจนของผู้หญิงจะเพิ่มสูงกว่าปกติถึง 5 เท่า จึงเป็นวันที่ดีสำหรับการปลุกนาฬิกาปลุก เพื่อทำการบ้านในเช้าวันนี้

    [​IMG]วันศุกร์ เป็นวันที่ดีสำหรับการเลิกบุหรี่ เพราะวันนี้ใกล้จะสุดสัปดาห์แล้ว คนเราจะมีพลังในการทำอะไรได้อย่างเต็มที่ และสำเร็จได้ง่าย เป็นวันที่ควรตัดสินใจทำอะไรที่ดีเพื่อตัวเองสักอย่าง

    [​IMG]วันเสาร์ เป็นวันที่ดีสำหรับการพักผ่อน จากการสำรวจพบว่ากว่า 70% ของคนทำงานมักจะใช้วันเสาร์เป็นวันพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวไปดื่มกับเพื่อน ๆ ในตอนกลางคืน และนอกจากนี้ วันเสาร์ยังเป็นวันที่เหมาะสำหรับการมีลูกอีกวันด้วย เพราะอารมณ์มักจะดี และมันส่งผลต่อความรู้สึกทางเพศเวลาอยู่ใกล้คู่รักมากกว่าวันอื่น

    [​IMG]วันอาทิตย์ เป็นวันที่เหมาะสำหรับการทานอาหารนอกบ้าน และเป็นวันที่ดีสำหรับส่งอีเมลไปชวนเพื่อน ๆ ออกไปข้างนอก เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเปิดอ่านอีเมลในวันอาทิตย์มากที่สุด เนื่องจากเป็นเพราะมีเวลาว่างหลังจากพักผ่อนวันเสาร์ไปแล้ว




    .

     
  6. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบพระคุณครับพี่หนุ่มที่ได้ให้ข้อคิดครับ ได้อ่านคงได้รับความกระจ่างและเห็นได้ถึงความแตกต่างจากนักเขียนท่านอื่นอย่างแน่นอนครับพี่หนุ่ม ขอบพระคุณครับพี่
     
  7. THANOP

    THANOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +421
    ผมเหมือนกัน บุคคลที่มีความคิด การศึกษา เป็นต้นแบบเรามาตั้งแต่ตอนเราเด็กๆ พร่ำสอนเรา ถ้าจริงก็ร้สึกแย่ครับ รับไม่ได้เหมือนกัน
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    จะไปวิแคะกันอีกทำไม ในเมื่อนำไปเลี่ยมกรอบแล้วยังงั้น....

    พิมพ์นี้มีกูรูคอยตอบให้อยู่แล้วนะครับ s6s6s6s6
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    องค์นี้ดีปล่าวแรงปล่าวครับ ตาลุงข้างบ้านไป ฉกมาจากตาลุงร้านส้มตำ ห้อยแทนอัศนีองค์ละ ล้านเลยครับ s6 s6
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ตาลุงคนนี้ มีพลังไฟดูดแปลกๆ ดูดแน่นเกาะไม่ปล่อยด้วยนะ s6..s6
     
  11. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    เนื้อสวยมากเรยครับ VBVB
     
  12. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    คุณลุงข้างบ้านนี่ไม่ธรรดาเลยนะครับ มีของดีๆงามๆทั้งนั้นเลยนะครับคุณลุง
    ขอบพระคุณที่นำมาให้ชมนะครับ ว่าแต่ชิ้นไหนจะเป็นของรักของหวงของคุณลุงนะเห็นมีออกมากมายปานนั้น หุหุหุ
     
  13. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    sithiphong, ปฐม
    สวัสดียามดึกอ่อนๆ ครับ
    อิอิ วันนี้ออกเจ เมื่อเช้าทานกล้วยเป็นอาหารเช้าเจ สายๆถูกเพื่อนบ้านมาลากไปทาน Buffet ที่ Cafe@2 Conrad อิ่มไปถึงเย็นเรยครับ
     
  14. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ช่ายครับ คุณลุงข้างบ้านช่วยโชว์เด็ดๆเรยนะครับ ขอชมแบบ Top-3 เรยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้านะคร๊าบ:cool:
     
  15. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    Pinkcivil, sithiphong สวัสดีครับพี่ท่านทั้ง2
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ที่มา .... ความหมาย ของ อสงไขย , กัป , มหากัป .... - DMC Forum

    .... ความหมาย ของ อสงไขย , กัป , มหากัป ....



    ความหมาย ของ อสงไขย , กัป , มหากัป


    ( ๑ อันตรกัป เท่ากับระยะเวลาที่อายุของมนุษย์ ไขลงจากอสงไขยปีจนถึง ๑๐ ปี แล้ว
    ไขขึ้นจาก ๑๐ ปี จนถึงอสงไขยปีอีก ครบ ๑ คู่ เรียกว่า ๑ อันตรกัป )
    อสงไขยปีเท่ากับเลข ๑ ตามด้วยเลขศูนย์ ๑๔๐ ตัว


    ๑ มหากัปประกอบด้วย ๔ ช่วง ของจักรวาล


    ๑.๑ สังวัฏฏ (ช่วงที่กำลังถูกทำลาย ) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป
    ๑.๒ สังวัฏฏฐายี ( เป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความว่างเปล่า หลังจากจักรวาลถูกทำลาย ) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป
    ๑.๓ วิวัฏฏ ( กำลังก่อตัวขึ้นของจักรวาล ) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป
    ๑.๔ วิวัฏฏฐายี (จักรวาลที่ตั้งขึ้นใหม่เรียบร้อยเป็นปกติตามเดิม) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป


    ..... ดังนั้น ๑ มหากัป จึงเท่ากับ ๒๕๖ อันตรกัป .....


    เพราะฉะนั้น ๑ มหากัปจึงมีการทำลาย เพียง ๑ ครั้ง


    นับตั้งแต่จักรวาลถูกทำลาย จนกระทั่งเกิดใหม่ และพินาศอีกครั้งจึงเป็น
    เวลา ๔ อสงไขยกัป หรือ ๒๕๖ อันตรกัป นับเป็น ๑ มหากัป


    สรุป

    ๑ รอบอสงไขยปี เป็น ๑ อันตรกัป
    ๖๔ อันตรกัป เป็น ๑ อสงไขยกัป
    ๔ อสงไขยกัป เป็น ๑ มหากัป


    ** ( อสงไขยปี กับ อสงไขยกัป จะต่างกันตามที่กล่าว ) **


    ...ส่วนคำว่า " กัป " หมายถึงเวลาที่ยาวนานนับประมาณไม่ได้ เปรียบเหมือน
    มีภูเขาแท่งศิลาทึบ กว้าง ยาว สูง อย่างละ ๑ โยชน์ ( ประมาณ ๑๖ กิโลเมตร )
    ครบร้อยทิพย์ปี มีเทวดาเอาผ้าทิพย์ที่บางเบาราวกับควันไฟมาลูบภูเขานี้ ๑ ครั้ง
    เมื่อใดภูเขาสึกกร่อนจนเรียบเสมอพื้นดิน เรียกว่า ๑ กัป


    คำว่า " กัป " กับ " มหากัป " ต่างกันดังที่กล่าว


    ในมหากัปหนึ่งๆจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้น ๑ พระองค์
    ๒ พระองค์ ๓ พระองค์บ้าง แต่ไม่เกิน ๕ พระองค์ มหากัปที่ไม่
    มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้นเลยก็มีเรียกว่า สุญกัป


    มหากัปของเรานี้จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้น ๕ พระองค์
    เรียกว่า ภัทรกัป ซึ่งเป็นกัปที่เจริญที่สุด


    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงอุบัติขึ้นแล้วคือ

    ๑. สมเด็จพระกกุสันธะพุทธเจ้า
    ๒. สมเด็จพระโกนาคมนะพุทธเจ้า
    ๓. สมเด็จพระกัสสปะพุทธเจ้า
    ๔. สมเด็จพระสมณโคดมพุทธเจ้า
    และจักเสด็จอบัติตรัสเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์สุดท้าย
    ในภัทรกัปนี้ ทรงพระนามว่า
    ๕.สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า


    ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่เรียกว่า กัปไขยลง คือทุก ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะลด
    ลง ๑ ปี อายุของพวกเราจะลดลงเรื่อยจนไปถึง ๑๐ ปี แล้วสูงขึ้นเรื่อยๆ
    ใหม่ จนกระทั่งอายุมนุษย์มีกำหนด ๘ หมื่นปี สตรีมี่อายุ ๕๐๐ ปี จึงมี
    ครอบครัว

    เวลานั้นมีความทุกข์เรื่องโรคภัยไข้เจ็บอยู่เพียง ๓ อย่าง คือ ความหิว
    ความง่วง และความแก่ ผู้คนยังทำความดีเพิ่มขึ้น อายุยิ่งทวีตาม จนกระ
    ทั่งอายุอสงไขยปี

    ในสมัยมนุษย์มีอายุอสงไขยปี มองเห็นความแก่ความตายได้ยาก ความ
    เจ็บไม่มี เลยทำให้เกิดความประมาท ทิฎฐิมานะก็เกิดอีก เวียนเป็นวัฎฎ
    จักรของมนุษย์ในยุคต้นกัปใหม่ เมื่อมีกิเลสเกิด อายุมนุษย์ก็เริ่มลดลงกระ
    ทั่งเหลือ ๘ หมื่นปี เมื่อนั้นพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จ
    มาอุบัติขึ้นในโลก อันเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ องค์สุดท้ายใน
    ภัทรกัปนี้

    .......ช่วงระยะเวลาระหว่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งไปยัง
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งเรียกว่า หนึ่งพุทธธันดร

    [​IMG][​IMG] 3/11/2006 7:39

    QUOTE
    ...๑ อันตรกัป เท่ากับ ระยะเวลาที่ อายุของมนุษย์ ไขลงจากอสงไขยปีจนถึง ๑๐ ปี แล้ว ไขขึ้นจาก ๑๐ ปี จนถึงอสงไขยปีอีก ครบ ๑ คู่ เรียกว่า ๑ อันตรกัป...___By ท่าน 'foox'
    นานๆที ข้าพเจ้าถึงจะได้เห็น ท่าน foox ได้โพสท์ตั้งกระทู้นะครับ [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ตามที่ข้าพเจ้าได้เคยศึกษาจากหนังสืออยู่บ้าง (ความสำเร็จที่มาจาก พระพุทธเจ้า โดย ท่านอาจารย์ ศิริพงษ์ อัครศรีประยุกต์ คลิ๊กที่นี้) ข้าพเจ้าได้เข้าใจว่า 1 กัลป์ จะเท่ากับ 6,420 ล้านปี (ในภพภูมิโลกมนุษย์เรา)

    ข้าพเจ้า ใคร่ขออนุญาต ท่าน foox ในการเพิ่มเติมข้อมูลจากกระทู้ก่อนหน้านี้นะครับ เผื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่ท่านผู้สนใจ ไม่มากก็น้อยจ้า [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    QUOTE
    อสงไขย เป็น หน่วยนับ อย่างที่ทางวิทยาศาตร์ใช้ กิโล เมกะ กิกะ ฯลฯ
    ตามความหมายของคุณ 10^140 (10 ยกกำลัง 140 หรือ 1 กับ จำนวนศูษย์อีก 140 ตัว )

    กัลป์ ก็คือ อสงไขยกัลป์ นั้นเองครับ ดังนั้น อสงไขย ไม่ใช่หน่วยเวลา เป็นเพียง prefix (คำที่ถูกใช้เติมหน้าคำนามต่างๆ ซึ้งตรงกันข้ามกับ suffix ซึ้งก็คือคำที่ถูกใช้เติมหลังคำนามต่างๆ โดยทั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมความหมายของคำนามนั้นๆ said me!!!) ที่นำมาใช้เท่านั้น___By ท่าน 'yasavanso'หมายเหตุ ข้าพเจ้าได้แก้ไขเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ
    ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ความคิดเห็นที่ 3




    QUOTE
    ...สำหรับระยะเวลาหนึ่งกัปนั้น อุปมาว่า มี ภูเขาศิลาแท่งทึบ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ 1 โยชน์ประมาณเท่ากับ 16 กิโลเมตร ทุกๆ ร้อยปี เทวดานำผ้าที่บางราวกับควันไฟมาลูบที่ยอดเขานี้ครั้งหนึ่ง กระทำเช่นนี้เรื่อยไป ตราบจนภูเขาศิลานี้ราบเรียบเสมอผิวดิน เมื่อนั้นนับเป็น เวลา 1 กัป
    ที่มา: คลิ๊กที่นี้

    หน่วยต่างๆ ที่ควรทราบ คลิ๊กที่นี้

    กำหนดให้ (กำหนดให้เป็นดังนี้ เพื่อสะดวกแก่การคำนวนต่อไปจากนี้) 1 กัลป์ = 6,420 ล้านปี และ
    1 อสงไขยกัลป์ = 1 กับ จำนวนศูษย์อีก 140 ตัว กัลป์

    และจากที่ ข้าพเจ้าได้ลองพยายามที่จะ ศึกษา เรียนรู้ และสังเกตุ จากเหล่า ท่านกัลยาณมิตรทั้งหลายๆ ส่วนมากแล้ว จะเห็นหลายท่านนิยมเขียนเพียงแต่ อสงไขย เท่านั้น จะไม่นิยมเขียน อสงไขยกัลป์

    ดังนั้น (ตามความเข้าใจของข้าพเจ้าเองแล้ว)

    1 อสงไขย (กัลป์) = 6,420 ล้านปี กับ จำนวนศูษย์อีก 140 ตัว หรือ
    1 อสงไขย (กัลป์) = 642 กับ จำนวนศูษย์อีก 147 ตัว ปี (642 * 10^147 หรือ642 คูณ 10 ยกกำลัง 147) หรือ
    1 อสงไขย (กัลป์) = 642 * 10^147 ปี

    เพราะฉะนั้นแล้ว

    4 อสงไขยกัลป์ = 4* (642 กับ จำนวนศูษย์อีก 147 ตัว) = 2,568 กับ จำนวนศูษย์อีก 147 ตัว หรือ
    4 อสงไขยกัลป์ = 2,568 * 10^147 ปี

    4 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = { (2,568 * 10^147) + [ 100,000 * (6,420) ] } ปี หรือ
    4 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = { (2,568 * 10^147) + (642 * 10^6) } ปี หรือ
    4 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = มากกว่าจำนวน 2,568 * 10^147 ปี กับอีก 642 * 10^6 ปี

    8 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = 2 * { (2,568 * 10^147) + [ 100,000 * (6,420) ] } ปี หรือ
    8 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = 2 * { (2,568 * 10^147) + (642 * 10^6) } ปี หรือ
    8 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = มากกว่าจำนวน 2,568 * 10^147 ปี กับอีก 642 * 10^6 ปี ถึง สองเท่า

    ..4 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = 4 * { (2,568 * 10^147) + [ 100,000 * (6,420) ] } ปี หรือ
    16 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = 4 * { (2,568 * 10^147) + (642 * 10^6) } ปี หรือ
    16 อสงไขย กับอีก หนึ่งแสนกัป = มากกว่าจำนวน 2,568 * 10^147 ปี กับอีก 642 * 10^6 ปี ถึง สี่เท่า



    QUOTE
    QUOTE
    1) อยากทราบว่า กัป แบ่งเป็น 2 ประเภท มีอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร
    สุญญกัป คือ มหากัปที่ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเสด็จอุบัติแม้แต่พระองค์เดียว
    อสุญญกัป คือ มหากัปที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเสด็จอุบัติ

    QUOTE
    2) กัปที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น มีกี่ชนิด ชื่อว่าอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร
    1. สารกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ เพียง 1 พระองค์
    2. มัณฑกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 2 พระองค์
    3. วรกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 3 พระองค์
    4. สารมัณฑกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 4 พระองค์
    5. ภัทรกัป (ภัททกัป) มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 5 พระองค์...___By ท่าน 'MiraclE...DrEaM' (I cAn AlwayS MakE U SmilE)
    ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ความคิดเห็นที่ 15


    <table class="ipbtable" style="clear: both; border: 1px solid rgb(160, 160, 160); margin: 20px auto; width: 85%;" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="row2" style="border-bottom: 1px solid rgb(160, 160, 160);" valign="top" width="99%">นักเรียนอนุบาล koonpatt
    จำนวนความเห็น: 495


    ความคิดเห็น #3
    </td></tr><tr><td class="post2" id="post-main-60796" style="padding: 15px;" valign="top" width="100%">อสงไขย [ ADJ ] countless
    [ English ]incalculable; innumerable; infinite [ Syn ] นับไม่ถ้วน [ Def ] มากจนนับไม่ถ้วน, ไม่รู้จบ, ไม่มีที่สิ้นสุด

    อสงไขย [ N ] number followed by 140 ciphers
    [ English ]one followed by 140 zeros; highest of the numerals [ Def ] ชื่อมาตรานับจำนวนใหญ่ที่สุด คือ โกฏิยกกำลัง 20

    โกฏิ ชื่อมาตรานับ เท่ากับสิบล้าน

    ....................................................................................................................................................

    บรรดาบทมาติกาทั้งหลายเหล่านั้น บทว่า อสงฺเขยฺยา มีความว่า นับไม่ได้.

    ที่ชื่อว่า อสงไขย เพราะอรรถว่า ไม่ควรนับ.

    คือเริ่มนับตั้งแต่ ๑ เป็นต้นไปกระทั้งถึงจำนวนที่ยังพอประมาณได้ ชื่อว่า อสงไขย. เลยจากนั้นไป กระทั้งกำหนดลักษณะหรือประมาณไม่ได้ ก็ชื่อว่า อสงไขย. ก็อสงไขย นั้น มี ๒ อย่าง คือ สุญอสงไขย และ อสุญอสงไขย. เมื่อว่าโดยชื่อของตนแล้ว อสงไขยก็มีหลายอย่าง. บรรดาสุญอสงไขยและอสุญอสงไขย ๒ อย่างนั้น เป็นอย่างไร ฯ

    คือ ในเวลาใด พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย ทรงบำเพ็ญบารมีตลอด ๒๐ อสงไขยกำไรแสนกัป จวบกระทั่งได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า. ในระหว่างนี้ พึงทราบว่าเป็นทั้งสุญอสงไขย และอสุญอสงไขย. สมจริงดังคำที่พระโบราณาจารย์กล่าวไว้ว่า “อสงไขย ๒ อย่าง คือ สุญอสงไขย และอสุญอสงไขย” พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศไว้แล้ว และ อสุญอสงไขย มากไปด้วยการอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือ ท่านผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวก และพระเจ้าจักรพรรดิทั้งหลาย ทรงอุบัติในอสุญอสงไขยแล. อสงไขยแต่ละอย่าง (นอกจากที่กล่าวถึงนี้) ก็พึงทราบเช่นเดียวกันนี้ ฯ

    พระอานนท์เถระ ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “พระเจ้าข้า กัปหนึ่ง มีระยะเวลายาวเพียงไร” พระพุทธเจ้าตรัสวิสัชนาว่า “อานนท์ กัปหนึ่ง มีระยะเวลายาวมาก”. พระอานนท์เถระทูลถามอีกว่า “พวกข้าพระองค์ทั้งหลายจะพึงทราบได้อย่างไร ขอพระองค์ทรงโปรดยกอุปมาด้วย พระเจ้าข้า” ฯ

    พระพุทธเจ้า จึงตรัสว่า “อานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงตั้งใจฟัง” ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถา ดังนี้ว่า


    ๑๐ สิบ..............เป็น....................หนึ่งร้อย
    ๑๐ ร้อย.............เป็น....................หนึ่งพัน
    ๑๐ พัน..............เป็น....................หนึ่งหมื่น
    ๑๐ หมื่น............เป็น....................หนึ่งแสน
    ๑๐ แสน............เป็น....................หนึ่งล้าน
    ๑๐ ล้าน ............เป็น....................หนึ่งโกฏิ
    ๑๐ โกฏิ.............เป็น....................หนึ่งปโกฏิ
    ๑๐ ปโกฏิ...........เป็น....................หนึ่งโกฏิปโกฏิ
    ๑๐ โกฏิปโกฏิ......เป็น....................หนึ่งนหุต
    ๑๐ นหุต............เป็น....................หนึ่งนินนหุต
    ๑๐ นินิหุต..........เป็น.....................หนึ่งอักโขภินี
    ๑๐ อักโขภินี.......เป็น.....................หนึ่งพินทุ
    ๑๐ พินทุ............เป็น.....................หนึ่งอัพภุทะ
    ๑๐ อัพภุทะ.........เป็น.....................หนึ่งนิรัพภุทะ
    ๑๐ นิรัพภุทะ........เป็น.....................หนึ่งอหหะ
    ๑๐ อหหะ...........เป็น.....................หนึ่งอัฏฏะ
    ๑๐ อัฎฎะ ..........เป็น.....................หนึ่งอัพภัพพะ
    ๑๐ อัพภัพพะ.......เป็น.....................หนึ่งโสคันธิกะ
    ๑๐ โสคันธิกะ ......เป็น....................หนึ่งอุปละ
    ๑๐ อุปละ............เป็น....................หนึ่งกุมุทะ
    ๑๐ กุมุทะ............เป็น....................หนึ่งปทุมะ
    ๑๐ ปทุมะ ............เป็น...................หนึ่งปุณฑริกะ
    ๑๐ ปุณฑริกะ.........เป็น...................หนึ่งกถานัง
    ๑๐ กถานัง ...........เป็น...................หนึ่งมหากถานัง
    ๑๐ มหากถานัง.......เป็น...................หนึ่งอสงไขย

    นักปราชญ์ผู้มีปัญญาเห็นแจ้ง ท่านนับไว้อย่างนี้แล ฯ

    อสงไขยมี ๒๐ คือ
    1. นันทอสงไขย
    2. สุนันทอสงไขย
    3. ปฐวีอสงไขย
    4. มัณฑอสงไขย
    5. ธรณีอสงไขย
    6. สาครอสงไขย
    7. ปุณฑริกอสงไขย
    8. สัพพภัททอสงไขย
    9. สัพพผุลลอสงไขย
    10. สัพพรัตนอสงไขย
    11. สภักขันธอสงไขย
    12. มานิภัททอสงไขย
    13. ปทุมอสงไขย
    14. อุสภอสงไขย
    15. ขันธุตตมอสงไขย
    16. สัพพผาลอสงไขย
    17. เสลอสงไขย
    18. ภาสอสงไขย
    19. ไชยอสงไขย
    20. รูปิยอสงไขย ดังนี้
    [​IMG] 3/11/2006 9:30


    --------------------
    จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
    แด่
    เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
    </td></tr></tbody></table>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  19. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ระยิบระยับงามตาจริงๆเลยครับพี่หนุ่มขอบพระคุณที่นำมาให้ชมนะครับ ว่าแต่ชุดนี้เรียกว่าอะไรรึครับสร้างสมัยใดครับพี่ท่าน
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    [​IMG]

    สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2428 ครับ

    ไว้มาบอกอีกครั้งครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...