ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ยึดมั่นในความดี ให้ความดีคุ้มครองทุกอย่าง ถึงเเม้ว่าตายก็จะไม่เสียใจ​
     
  2. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ทำใจ ทำใจ เตรียมใจ เตรียมการ แค่ที่บ้านยังไม่เชื่อเรยคับ
     
  3. ชัยธนันท์

    ชัยธนันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    859
    ค่าพลัง:
    +1,488
    ไม่น่าเชื่อเลยครับน้ำท่วมโคราช เห็นบอกหนักสุดในรอบ 50 ปี ทำไมๆยังมีข่าวตัดไม้ ทำลายป่าแทบทุกวัน บางคนก็ตัดเพื่อจับจองพื้นที่ ธรรมชาติกำลังเอาคืนแล้วยังไม่รู้ตัวกันอีก
     
  4. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    โดยส่วนตัวนะ คิดว่าน่าจะมีฐานสำรอง ในพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงได้เเล้ว

    อพยพคนที่ติดๆอยู่ในน้ำตอนนี้ออกมาได้เเล้ว เพราะไม่รุ้ว่าจะมีกระหนำ่มาอีกเมื่อไร

    ถ้ากระหน่ำมาอีกไอพวกจังหวัดที่เพิ่งโดนกระหน่ำใหม่ๆอ่ะไม่เท่าไร เเต่ไอจังหวัดที่ท่วมขังอยุ่นานเเล้วอ่ะ ลำบาก เพราะฉนั้นตอนนี้ถ้าเป็นไปได้ อยากให้มีเรือโนอาห์พาคนชุนเเรกไปที่ปลอดภัยก่อนเลย
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    Typhoon MEGI (15W) # 16 CAT5 : ประกาศเตือนภัยเรื่อง “ไต้ฝุ่น MEGI (เมกี/15W) ระดับ 5 ”
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 000.jpg
      000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      166.1 KB
      เปิดดู:
      133
  6. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258

    เคยขับรถสำรวจมาแล้วเริ่มต้นจากเขาแผงม้า จนออกปากทางอุทยาน
    ได้เห็นสภาพเขาใหญ่ตลอดทางมีการถ่างโล่งเตียนหลายจุด หัวโล้น
    เห็นดินแดงๆ ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย นึกแล้ววันนึงต้องมีสภาพแบบนี้
    เอาความเจริญทางวัตถุเข้าไปตรงไหน ได้เรื่องตรงนั้น..


    สนามกีฬา 80 พรรษา เคยเป็นอ่างเก็บน้ำเก่า นักการเมืองก็ถมทำสนามกีฬา
    คนโคราชไม่อยากได้สนามกีฬาหรอก


    สงสารคนที่อยู่หมู่บ้านจามจุรีมากๆ ปีต่อไปยังไงก็โดนอีก เพราะที่มันเป็นแอ่งเจ้าของหมู่บ้านลอยตัว
    ท่านนายกเทศฯ บอกจะทำอ่างแถวๆ นั้นเพื่อแก้ปัญหาจามจุรึ ฟังดูเข้าท่าดี
    แต่ตอนนี้เห็นอ่างแตกหลายที่แล้วไม่น่าแก้ได้ อาจจะเจอหนักไปกว่าเดิมอีก


    ข่าวสารจากจิตจักรวาล
    บอกไว้ น้ำจะไหลหลากถึงฐานย่าโม มีความแรงด้วย
    ตอนนี้เห็นภาพที่มาที่ไปชัดเจนมาก จะเกิดปีไหนไม่รู้ ที่แน่ๆ เขามาไกด์ให้แล้ว
    ว่าน้ำจะมาจากทางไหนบ้างที่จะมารวมในตัวเมือง
     
  7. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    http://palungjit.org/threads/รวมพล-...บัติ-สายภาคตะวันออก.200586/page-8#post3808659

    อ่านด้วยสตินะจ๊ะ
     
  8. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    <TABLE style="MARGIN: 0px; FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', 'Microsoft Sans Serif', Tahoma; COLOR: rgb(34,34,34); FONT-SIZE: 14px; TEXT-DECORATION: none" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; BORDER-RIGHT: gray 1px solid" width="100%" colSpan=3 align=middle>[SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย
    " ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน"
    [/SIZE]
    ฉบับที่ 24 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2553
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-RIGHT: gray 1px solid; PADDING-TOP: 10px" width="100%" colSpan=3 align=middle> <DD>ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. นี้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางและภาคตะวันออกที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง</DD><DD>สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย</DD><DD>อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. 53 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา

    <CENTER>ประกาศ ณ วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553
    ออกประกาศ เวลา 16.00 น.

    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
    </CENTER>
    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อยุธยา-เขื่อนป่าสักน้ำล้นไหลท่วมย่านธุรกิจท่าเรืออ่วม

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระบายเพิ่มอีกเป็น 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ท่วมย่านการค้าธุรกิจอำเภอท่าเรืออ่วม สถานที่ราชการ บ้านเรือนประชาชนจมน้ำ ชาวบ้านขนของหนีจ้าละหวั่น หลวงพ่อโตวัดสะตือ แหล่งท่องเที่ยวจมน้ำ

    น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ระบายลงสู่ท้ายน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่ามีปริมาณไหลมาเป็นจำนวนมากไหลเอ่อเข้าท่วมย่านธุรกิจการค้าสำคัญของอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงระดับน้ำได้สูง่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อเนือ่งมาจากเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ระดับสูงสุดที่วัดได้สูงถึง 3 เมตร ส่งผลให้ศูนย์ราชการของอำเภอท่าเรือหลายแห่งจมน้ำ รถยนต์บางคันไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทันต้องปล่อยจมน้ำ โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบออนไลน์ของสำนักงานเทศบาลท่าเรือ จมน้ำได้รับความเสียหายมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

    นอกจากนี้ชาวบ้านตลอดริมฝั่งต้องได้รับความเดือดร้อนไม่ต่างกัน ไม่สามารถออกจากบ้านได้เนื่องจากระดับน้ำที่สูงขึ้น นายวิทิต ปั่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ ได้นำเรือท้องแบนและเรือพาสติก เข้ามารับส่งชาวบ้านออกจากบ้านไปทำงานและขนย้ายสิ่งของหนีน้ำกันโกลาหล ไม่ต่างจากภายฝนตลาดการค้า น้ำได้ไหลเอ่อขึ้นทุกวินาที ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้า ต้องเร่งรีบขนของหนีไปอยู่ที่สูงกันโกลาหน ชาวบ้านรับว่าน้ำมาเร็วมากเพียงไม่กี่ชั่วโมงน้ำขึ้นสูงเป็นเมตรไม่เคยพบมาก่อนในรอบ 15 ปี ที่ผ่านมา และได้มีการประเมินว่าระดับน้ำปีนี้จะสูงกว่าปี 38 ที่เคยประสบมา

    นอกจากน้ำจะไหลเข้าท่วมย่านธุรกิจการค้าบ้านเรือนประชาชนแล้ว น้ำที่ระบายผ่านเขื่อนพระราม 6 ลงมาท้ายเขื่อนได้ไหลบ่าเข้าท่วมชุมชนวัดสะตือ อ.ท่าเรือ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้สักการะหลวงพ่อโต พระนอนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งพบว่าระดับน้ำได้ไหลเอ่อเข้าท่วมไปถึงฐานของหลวงพ่อโต วัดสะตือแล้วซึ่งระดับน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยอยู่ในขณะนี้

    ด้านการช่วยเหลือ นายวิทิต นายอำเภอท่าเรือ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยของเทศบาลตำบลท่าเรือ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่าง ของจังหวัดสระบุรีที่นำกำลังมาช่วยเหลือนำเรือท้องแบนช่วยชาวบ้านขนของ ความเสียหายในเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินได้ มีประชาชนจำนวน 52 หมู่บ้าน ใน 8 ตำบลของอำเภอท่าเรือได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้

    ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนจากเขื่อนป่าสักที่ระบายลงมายังท้ายเขื่อน แต่กลับไปพบว่า ลุงเล็ก อายุ 57 ปี มีอาชีพขับซาเล็งเก็บของเก่าขาย กับมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องออกแรงเหนื่อยเหมือนกับทุกวัน อาศัยเก็บขวดน้ำพาสติก ขวดต่างๆ ถังน้ำมัน ถังพาสติก จำนวนมากที่ไหลบ่ามากับน้ำลอยมาติดเป็นแพขนาดใหญ่บริเวณหน้าเขื่อนพระราม 6 ที่อำเภอท่าเรือ สร้างรายได้ได้รับลุงเล็กวันละเกือบ 1,000 บาททุกวันอย่างไม่ต้องออกแรงเหมืนอกับทุกวันที่ผ่านมา กลายเป็นที่อิจฉาของชาวบ้านมาดูน้ำที่บริเวณหน้าเขื่อนพระราม 6

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    ภาพการเคลื่อนตัวของพายุเมกี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SEch2.1.jpg
      SEch2.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      203.7 KB
      เปิดดู:
      125
  11. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    จากน้ำท่วมโคราช...ถึงวันสิ้นโลก 2012


    <TABLE class=ecxcontentpaneopen><TBODY><TR><TD class=ecxcreatedate vAlign=top>Saturday, 21 November 2009 02:08 </TD></TR><TR><TD vAlign=top>

    ใบลานสามสีที่ตกมาถึงในวัดแห่งหนึ่งของจังหวัดอัตตะปือ (ประเทศลาว) ว่าถึงพุทธทำนายเรื่องคลื่นน้ำสูง 200 เมตร จะเข้าช่องแคบสระบุรี ละโคราชตอนล่าง อันเป็นที่มาของข่าวลือในยุคหนึ่งว่า น้ำจะท่วมโคราช

    จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราช สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 187 เมตร ความคิดขณะนั้นคือเป็นไปไม่ได้ แต่ความคิดขณะนี้ อะไรก็เป็นไปได้หมด

    นั่นก็เพราะ ภัยพิบัติทางธรรมชาติของโลก ส่อเค้าความหฤโหดมากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ กลับกลายเป็นจริง ล่าสุดคือวันสิ้นโลก 21 ธ.ค. 2012 ที่นับจากวันนี้คือ 3 ปีสุดท้ายของโลก

    3 ปีสุดท้าย ก่อนอารยธรรมโลกจะสิ้นสูญ นี่จะเป็น 3 ปี ที่มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่......?



    21/12/12 - วันสิ้นโลกตามปฏิทินของชาวมายา

    21 ธ.ค. 2012 วันสิ้นโลกที่ทั่วทั้งโลกกำลังพูดถึง เรื่องราวและร่องรอยแห่งปมปริศนา คำพยากรณ์แห่งอนาคตที่แพร่สะพัดอยู่ในเว็บไซต์ชนิดเป็นหมื่นๆ เว็บ ภาพยนตร์ หนังสือ และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ร้อนจัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดสะท้อนความสนใจถึงขีดสุดต่อหายนะที่กำลังจะนำมาซึ่งวันสุดท้ายของโลก ความแตกตื่นย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 5,000 ปีก่อน ในดินแดน
    เมโสโปเตเมีย ที่ซึ่งปฏิทินโบราณฉบับหนึ่งถูกเขียนขึ้น

    วันแรกของปฏิทินแห่งวันสุดท้ายถูกเขียนขึ้นโดยเผ่ามายา ชนเผ่าโบราณที่ว่ากันว่ามีอารยธรรมสูงสุดในยุคแรกๆ ของโลก ร่องรอยที่ทิ้งไว้อลังการชนิดเหลือเชื่อ ตั้งแต่พีระมิด และศาสนสถานขนาดใหญ่ อารยธรรมรุ่งเรืองสูงสุดด้วยความรู้ด้านศาสนา ปรัชญา คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ การประดิษฐ์ตัวเลข ตัวอักษร ระบบดวงดาวแห่งจักรวาล รวมทั้งการจัดทำปฏิทินลองเคาต์ (Long Count) กลุ่มตัวเลขที่กำหนดผลลัพธ์หรือโชคชะตาแห่งมนุษยชาติทั้งมวล

    “ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์” คอลัมนิสต์และนักเขียนอิสระ ผู้เขียนหนังสือ 21 ธันวา 2012 วันพลิกชะตาโลก ให้ความรู้เกี่ยวกับปฏิทินสะท้านโลกว่า พวกมายาได้คิดค้นปฏิทินขึ้น 3 แบบ คือ ปฏิทินที่ใช้สำหรับพิธีทางศาสนา ปฏิทินที่ใช้ทั่วไป และปฏิทินที่เรียกว่าลองเคาต์ ซึ่งไม่ได้นับช่วงเวลาแค่ปีต่อปี 365 วันแล้วตัดยอดไปปีหน้าแบบปฏิทินเกรเกอเรียนในปัจจุบัน หากปฏิทินได้คำนวณช่วงเวลาทั้งหมดนับตั้งแต่มีโลกใบนี้จนกระทั่งวันสุดท้ายของโลกเอาไว้



    [​IMG]


    หน้าตาของปฏิทินโบราณมีลักษณะเหมือนวงกลม 2 วงที่ซ้อนกันอยู่ วงนอกและวงในเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันเหมือน “เฟือง” กับ “เกียร์” ต่างหมุนวนไปรอบๆ คล้ายเฟืองของเครื่องจักร ซี่เฟืองแต่ละซี่ทำงานสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนแต่ลงตัวหมดจด ถอดรหัสออกมาเป็นตัวเลข 5 หลัก มายาแบ่งเวลาออกเป็น 5 ตะวัน เราทั้งหลายขณะนี้อยู่ในช่วงของตะวันที่ 5 หรือตะวันสุดท้าย นับหนึ่งวันแรกเมื่อวันที่ 11 ส.ค. เมื่อ 3,114 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือเมื่อ 5,122 ปีก่อน





    มหาพายุสุริยะ



    “ปฏิทินผู้นับกาลแห่งโลก ระยะเวลาอันยาวนานมาสิ้นสุดการนับลง ณ วันที่ 21 ธ.ค. 2012 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่านี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายของโลก วันสิ้นสุดอารยธรรมของมวลมนุษย์โลก” ชัชรินทร์ กล่าว

    ไม่ใช่แค่กำหนดจุดจบโลกไว้ลอยๆ หากวันสุดท้ายบนปฏิทินโบราณยังสอดคล้องกับแนวคิดและข้อมูลใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์โลกปัจจุบันอย่างสุดจะเชื่อ จีนกับสหรัฐอเมริกาตรงกันในเรื่องนี้ ศูนย์โนอา หรือองค์กรสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmosphere Administration-NOAA) ระบุว่า จะเกิดพายุสุริยะครั้งรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว

    เช่นเดียวกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาดาวเทียมแห่งชาติ (NCMC) ประเทศจีน ซึ่งกล่าวไว้ตั้งแต่ 13 มี.ค. 2007 ว่า ได้ตรวจพบปรากฏการณ์พายุสุริยะครั้งใหญ่ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนพ.ค. 2012 ก่อนจะทวีความรุนแรงสูงสุดในเดือนธ.ค. 2012




    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์มีแนวคิดในเรื่องนี้ค่อนข้างหลากหลาย เช่น แนวคิดเรื่องจุดสมดุลของวงโคจรดวงอาทิตย์ ปรากฏการณ์การเรียงตัวของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ (Great Chronocrator) หรือแนวคิดเรื่องการเรียงตัวของระบบสุริยะกับจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือก (The Galactic Alignment) รวมทั้งอีกมากมายที่มหัศจรรย์พันลึกเสียยิ่งกว่าไหน เป็นวิทยาศาสตร์ผสมจินตนาการไซ-ไฟ ที่จะนำมาซึ่งปฏิกิริยาแบบวินาศสันตะโรจริงๆ หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดและไตร่ตรองให้หนัก


    เกิดดับแห่งจักรวาล


    ดร.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเกิดดับของจักรวาลเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิต จึงเป็นเรื่องที่คนสนใจ และยิ่งเร้าใจเมื่อเป็นเรื่องที่มีเงื่อนเวลา แต่ต้องระวังสำหรับคนที่ผิดปกติทางความคิด รับข้อมูลแล้วเกิดความเครียด วิตกกังวล และมีความเชื่อที่หลุดไปจากความจริง โดยเฉพาะพวก Thinking Disorder จิตเภท กลุ่มโรคหลงผิด ในต่างประเทศถึงขั้นชิงฆ่าตัวตายไปก่อนก็มี โดยต้องรับรู้ในเชิงบวก คิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผล

    พระนักคิด ว.วชิรเมธี กล่าวว่า วันสิ้นโลกใน 3 ปีหน้า จะจริงไม่จริงก็ยังไม่แน่ แต่ถ้าจะมองผ่านมุมของพุทธศาสนาก็คือ วิธีคิดและวิถีชีวิต กับอารยธรรมของโลกเวลานี้ มนุษย์เดินอยู่บนสายพานแห่งความเร่งที่รวดเร็ว เข้มข้น รุนแรง และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อโลกได้ทุกเมื่อ ปฏิทินวันสุดท้ายของโลก มองในมุมหนึ่ง ก็เป็นข้อดี ที่ทำให้เราไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาท ก็สามารถลุกขึ้นมาคิดหาวิธีรับมือกับความเสื่อม

    “ถ้าโลกนี้จะวิบัติ ก็วิบัติเพราะน้ำมือมนุษย์ และก็ด้วยน้ำมือมนุษย์อีกเช่นกันที่จะทำให้โลกนี้หลุดพ้นจากความสิ้นสูญ” ว.วชิรเมธี กล่าวว่า ควรใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะสิ่งที่คาดการณ์ยังอยู่ในอนาคต อย่าเอาความกลัวในอนาคตมาทำให้วันนี้ไม่มีความสุข โลกอาจถึงกาลวิบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันวิบัติในวันนี้เสียหน่อย วันนี้ยังคงอยู่ในมือเรา ลุกขึ้นมาบริหารจัดการวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า

    รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คณะทำงาน IPCC และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า อวสานโลกจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีใครตอบได้ แต่ความจริงก็คือ ถ้าไม่รีบแก้ไข อวสานโลกจะมาถึงแน่ด้วยภัยโลกร้อน

    ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า 50 ปีจากนี้ โลกจะประสบภัยจากภาวะโลกร้อนขั้นเลวร้าย ทั้งสึนามิ แผ่นดินไหว และภาวะน้ำแข็งละลายระดับทวีป “อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นอีก 2 องศา ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นอีก 1.6 เมตร เรียกได้ว่าขั้นหายนะ ถ้าโลกไม่วิกฤตใน 3 ปีนี้ ก็ภายในไม่เกิน 50 ปี”



    [​IMG]


    ตายเสียก่อนตาย


    ไม่ว่าจะอีก 3 ปี หรือ 50 ปี โลกก็แย่แน่ มุมมองต่อวันสิ้นโลกในฐานะนักคิดอิสระ ชัชรินทร์ กล่าวว่า ต้องมีสติและเตรียมใจ เตรียมความคิด เตรียมใจ คือ การเข้าใจและปลงใจต่อสิ่งที่จะเกิด เตรียมความคิด คือ การศึกษาทำความเข้าใจเหตุปัจจัย รวมทั้งศึกษาว่าเราจะเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างไร จริงๆ แล้วก็เปลี่ยนได้ แต่ต้องหมายถึงการเปลี่ยนย้ายทั้งกระบวนทัศน์ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง

    วันสุดท้ายที่จะมาถึง ควรกระตุ้นให้มนุษย์เกิดสติ เกิดการเตรียมใจ ยอมรับสภาพด้วยความเข้าใจ เกิดความคิดที่จะหมุนเปลี่ยนตัวเองไปสู่การใช้ชีวิตตามหลักศาสนา หรือดังที่ท่านพุทธทาส กล่าวว่า ตายเสียก่อนตาย เรื่องกลียุควันสิ้นโลกนัยหนึ่งแล้วก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อม ความดับ ความไม่จีรัง หรือความไม่แน่นอนของโลก เพื่อที่เราจะได้หาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมาะสมสอดคล้องกับความไม่แน่นอนนั้น

    “คนไทยใกล้กับศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ ก็ควรหันมาสนใจอย่างจริงจัง แล้วเราจะพบคำตอบของการดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่กำลังใกล้จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์” ชัชรินทร์ กล่าว
    เชิญชมภาพวันสิ้นโลก 2012 ได้ที่

    http://www.visitwallpapers.com/gallery/main.php?g2_itemId=29768
    <HR>ที่มาจาก : หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
    ขอบคุณข้อมูล - ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ หนังสือ “21 ธันวา 2012 วันพลิกชะตาโลก” สำนักพิมพ์ กรีน-ปัญญาญาณ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    ผมว่าถ้าเป็น วันที่ 13 จะเป็น แรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) หมดปีพอดี

    วันที่ 21 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้ายละ
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เกิดแต่กรรม (การกระทำ) ของจริง ทั้งตัดต้นไม้ขยายถนน ถมหนองน้ำสร้างสนามกีฬา ปลูกรีสอร์ทขวางทางน้ำ และสารพัดจะทำลายธรรมชาติ สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามการกระทำของตัวเอง แต่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือมีส่วนร่วม ก็ยังพลอยอ่วมไปด้วย
     
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ดร.อาจองพูดเรื่องนี้ตอนปี 52 แต่คงไม่มีใครฟัง เพราะไม่เห็นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เข้าตำรา เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ปากเปียกปากแฉะไปก็เท่านั้น ถึงเวลาน้ำท่วมจ่อถึงจมูก คงโทษกันวุ่นวายตามเคย

    -----------------------------------------

    "ดร.อาจอง" เตือน ย้ายเมืองหลวง คาดอีก 10 ปีกรุงเทพฯ จมน้ำ
    <!--\"ดร.อาจอง\"เตือนย้ายเมืองหลวง คาดอีก 10 ปีกรุงเทพฯจมน้ำ-->

    จากกรณีที่องค์การกองทุนสัตว์ป่าสากล ( World Wild Life Fund for Nature หรือ WWF) เปิดเผยผลการศึกษาสภาพภูมิอากาศของเมืองใหญ่ ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งกรุงเทพมหานคร ติดโผเมืองใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง

    คือ ระดับ 5 ที่จะเกิดภัยธรรมชาติ เนื่องจากภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

    โดยได้มีนักวิชาการออกมาสนับสนุนผลการศึกษา และหวาดวิตกกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

    ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า สิ่งที่ตนเคยคาดการณ์ไว้ว่า ประเทศไทยจะมีหิมะตก โดยเฉพาะทางบนภูเขาทางภาคเหนือ ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย ขณะนี้ขาดเพียงความชื้นเท่านั้น

    ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ จนในอนาคตกรุงเทพฯ จะอยู่ใต้น้ำทะเล รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ด้วย จากนี้ไม่เกิน 10 ปี จะเริ่มเห็นอย่างชัดเจน

    ดังนั้น กทม.ควรเตรียมความพร้อมในการย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่อื่น ซึ่งสถานที่ที่ปลอดภัย และมีความเหมาะสมที่สุด คือ อีสานใต้ เพราะสูงจากระดับน้ำทะเลเกินกว่า 100 เมตร และไม่มีรอยร้าวในแผ่นดิน

    ขณะที่จังหวัดทางภาคเหนือมีรอยร้าวของเปลือกโลกที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ หากไม่ย้ายควรวางแผนสร้างเขื่อนในอ่าวไทย ความสูง 30 เมตร

    ตั้งแต่สัตหีบ จ.ชลบุรี ถึง ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสูบน้ำออกไปข้างนอก จึงจะสามารถป้องกันไม่ให้น้ำทะเลทะลักเข้ามา

    ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญและเร่งศึกษาโดยเร็ว หากไม่ดำเนินการน้ำเค็มจะเริ่มเข้ามาในพื้นที่ กทม. และเมื่อน้ำเค็มเข้าสู่ระบบประปาประชาชนจำนวนมากจะได้รับความเดือดร้อน

    "รัฐบาลต้องรีบดำเนินการว่าจะเก็บรักษาจังหวัดทางภาคกลางไว้ หรือจะย้ายเมืองหลวงไปที่อื่น หากไม่ย้ายก็ต้องสร้างเขื่อนในอ่าวไทย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลเข้ามา

    เพราะน้ำทะเลจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่รีบทำจังหวัดในภาคกลาง ทั้งกรุงเทพฯ และโบราณสถานสำคัญใน จ.อยุธยา จะจมอยู่ใต้น้ำทะเลทั้งหมด

    วันนี้รัฐบาลควรเลิกทะเลาะกันได้แล้ว และรีบตัดสินใจไม่อย่างนั้นจะไม่ทันการณ์ และการที่จะย้ายรัฐสภาไปอยู่ที่เกียกกายก็ไม่ดี เพราะจะไม่เกิดผลอะไร ควรย้ายไปในที่ๆ เมืองหลวงใหม่จะไปอยู่" ดร.อาจอง กล่าว

    นายพิจิตต รัตตกุล ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center-ADPC) กล่าวว่า ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่กทม.นั้น ตามรายงานการติดตามของศูนย์เอดีพีซีพบว่าจะมี 2 อย่าง ที่จะเกิดขึ้นได้

    คือ ปริมาณน้ำทะเล น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นดิน ได้นานกว่าปกติ และกระแสลมที่มีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งพื้นที่ กทม.นั้นถือว่าเป็นพื้นที่ต่ำ
    และขณะนี้พบว่า ระดับความสูงของพื้นดินนั้นสูงเพียง 40 เซนติเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

    ซึ่งจะทำให้เกิดปรากฎการณ์น้ำทะเลหนุนสูง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ คลองเอ่อล้น เข้าท่วมพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่า กทม.จะมีระบบระบายน้ำ ระบบแก้ปัญหาที่รองรับ แต่ก็จะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมามีสัญญาณเตือนแล้วคือ แผ่นดิน กทม.ในเขตบางขุนเทียนถูกกระแสลม และคลื่นซัดแผ่นดินหายไป

    ซึ่งตามรายงานพบว่าระยะเวลา 1 ปี พื้นดินเขตบางขุนเทียนถูกกระแสลม และถูกคลื่นกัดเซาะหายไปประมาณ 6-7 เมตรแล้ว

    วิธีที่ตนเคยเสนอคือการสร้างเขื่อน สร้างคันกั้นน้ำในพื้นที่เสี่ยงของ กทม. และจังหวัดรอบข้างยังถือว่าเป็นวิธีแก้ไขเฉพาะหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งทำ
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    บ้านพี่เกษมท่วมไหมครับ


    ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านครับ ตอนนี้ดูท่า พายุยังทวีกำลังแรงขึ้นไปเป็นระดับ 5 น่าจะยังมีฝนเป็นระยะอยู่ต่อไป

    น่าจะยังมีฝนเป็นระยะอยู่
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตอนนี้ยังไม่ท่วมครับ แต่ในตลาดท่าเรือบริเวณที่ผมเคยพาคุณคณานันท์ไปทานข้าวด้วยกันนั้น ท่วมไปหมดแล้วครับ โชคดีที่บ้านผมอยู่ในที่สูง พวกพ่อค้าแม่ค้าต้องย้ายมาขายแถวบ้านผมหมดเลยครับ
     
  17. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    คงมาเตรียมการเรื่องการจัดทำแพ(แบบแสวงเครื่อง) คือสร้างแพด้วยท่อพีวีซี ตอนนั้นได้เห็นแพแถวกาญจนบุรี เขาทำด้วยท่อพีวีซี แต่ไม่ทราบขนาดของท่อ แต่ถ้าให้สันนิฐาน น่าจะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3- 4 นิ้ว และแต่ชั้นจะต้องใช้กี่ท่อและมีกี่ชั้น ตัวแพควรจะมีความกว้างและยาวเท่าใดที่เพียงพอสำหรับคน 4-6 คนพร้อมสัมภาระ 200 กก.เพราะจะมีคนถอหน้าและหลัง เคยหาภาพมาได้ แต่เครื่องคอมฯไปซ่อม หายเกลี้ยง
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <table style="" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td class="c1" width="4" height="4">
    </td> <td style="border-top: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
    </td></tr></tbody></table> </td> <td class="c2" width="4">
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> [SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย
    "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน"
    [/SIZE]
    ฉบับที่ 26 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2553
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="padding: 10px; border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> <dd>ในวันนี้ (18 ต.ค.53) หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคกลางเคลื่อนทางตะวันตกตามแนวร่องมรสุมที่พาด ผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังมีมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลาย พื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหล ผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง </dd><dd>สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย </dd><dd>อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. 53 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา

    <center>ประกาศ ณ วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553
    ออกประกาศ เวลา 05.30 น.

    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
    </center>

    </dd></td> </tr> <tr> <td class="c3" width="4" height="4">
    </td> <td style="border-bottom: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
    </td></tr></tbody></table> </td> <td class="c4" width="4">
    </td> </tr> </tbody></table>
     
  19. Supernova

    Supernova เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +2,488
    จริงๆ แล้วพื้นที่ภาคกลางก็น้ำท่วมหนักเหมือนกันครับ
    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ผ่านแถวอ.วิเชียรบุรี เพชรบูรณ์ น้ำท่วมจนถนนหลวงใช้การได้ช่องทางเดียว จนรถเก๋งไปกันไม่ได้
    มีแต่รถใหญ่ๆ ถึงผ่านไปได้
    แล้วฝนก็ตกหนักตลอดเลยตั้งแต่ วิเชียรบุรีถึงสระบุรี (ก็ร่วมๆ 100 Km)
    ผมว่าวันนี้ แถวอยุธยา สระบุรี คงจะน้ำท่วมกันบ้างแล้ว
     
  20. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "เมกี" พัดถล่มตอนเหนือปินส์เกิดดินถล่มหลายพื้นที่ดับแล้ว 1
    เอเอฟพี - ซูเปอร์ไต้ฝุ่น เมกี พัดถล่มทางเหนือสุดของฟิลิปปินส์แล้ววันนี้ (18) ส่งผลให้เกิดดินถล่มในหลายพื้นที่ที่เป็นเขตภูเขา ทั้งยังทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ตามแนวชายฝั่ง จนมีชาวประมงจมน้ำเสียชีวิต 1 ราย

    เบนิโต รามอส หัวหน้าหน่วยป้องกันพลเมืองเผยว่า ชาวประมงรายหนึ่งจมน้ำเสียชีวิตในแม่น้ำของเมืองตูกวยการาโอ เมื่อพายุเมกีเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ดังกล่าว

    จังหวัดคากายัน ซึ่งเมืองตูกวยการาโอตั้งอยู่ และจังหวัดอิสเบลา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เป็นจุดแรกที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของพายุดังกล่าวในเช้าวันนี้

    ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งบนเกาะลูซอนต้องปิดการเรียนการสอน ขณะที่มีการอพยพประชาชนหลายพันคน เพื่อเตรียมรับมือกับพายุเมกี ซึ่งคาดว่าจะเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี

    กราซิเอโน ยูโมล หัวหน้าสำนักอุตุนิยมวิทยาของรัฐบาลเผยว่า ภัยธรรมชาติจากพายุลูกนี้เกิดขึ้นแล้ว โดยในพื้นที่เขตภูเขาหลายแห่งมีดินถล่ม และแรงลมพายุพัดให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ตามแนวชายฝั่ง จนต้องมีการประกาศเตือนภัยน้ำท่วมด้วย

    เมื่อเวลา 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 10.30 น.ตามเวลาของไทย สำนักอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์พบว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่นเมกีเคลื่อนตัวถึงชายฝั่งจังหวัดอิสเบลา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางเหนือประมาณ 320 กิโลเมตรแล้ว

    อย่างไรก็ตาม คาดว่าพายุลูกนี้จะไม่พัดถล่มเมืองหลวงของฟิลิปปินส์โดยตรง แต่ยูโมลเตือนว่ากรุงมะนิลา ซึ่งมีประชากรอยู่ราว 12 ล้านคนนั้นยังต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติรุนแรงเช่นกัน

    เกิดเหตุโกลาหลในเทศกาลดุรกาบูชาที่อินเดีย ตาย 10
    [​IMG]
    เอเอฟพี -เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายในงานเทศกาลดุรกาบูชาของศาสนาฮินดู ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายหมื่นคนที่โบส์แห่งหนึ่งในรัฐพิหาร ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสกล่าววันนี้ (17)

    มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 15 คนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันเสาร์ (16) บริเวณด้านนอกของโบถส์แห่งหนึ่งในเมืองพันกา ซึ่งอยู่ห่างกรุงปัฏนา เมืองหลวงของรัฐพิหาร 200 กิโลเมตร พี.เค. ทาคูร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสกล่าว

    ทาคูร์ระบุว่า เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเข้าร่วมชุมนุมเป็นพยานพิธีบูชายัญแพะร่วมกับผู้นับถือศาสนาฮินดูอีก 40,000 คน ซึ่งเนืองแน่นกันที่โบสถ์ดังกล่าวในขณะที่เกิดความโกลาหล โดยมีหญิง 4 คนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้

    รัฐบาลอินเดียให้เงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิตที่โบสถ์ดังกล่าวซึ่งมีการเฉลิมฉลองเทศกาล ดุรกา บูชา (Durga Puga) หนึ่งในเทศกาลสำคัญของศาสนาฮินดู

    "ลือกันว่าความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นเพราะพื้นที่บางส่วนของโบสถ์พังลงมา หรือไม่ก็เป็นเพราะงูตัวหนึ่งเลื้อยเข้าไปในกลุ่มคนที่อยู่กันอย่างแออัดยัดเยียด" เจ้าหน้าที่ของรัฐคนหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนามกล่าวกับเอเอฟพี

    ความแตกตื่นโกลาหลในอินเดียนับว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จากการที่มีคนจำนวนมากเบียดเสียดเข้าไปในพื้นที่ที่แออัด จนเป็นผลทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นประจำ

    เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจในรัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของอินเดียตำหนิเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่ละหลวมในเหตุการณ์ความวุ่นวายภายนอกโบสถ์แห่งหนึ่งของศาสนาฮินดู เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 63 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงและเด็ก
     

แชร์หน้านี้

Loading...