ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ขอบคุณน้าที่เฉลยวิธีทำทองให้สุก ต้องลองให้ได้ครับเพราะของมีเกือบครบแระ ขาดแต่

น้ำยาเคลือบเล็บกะแล็คเกอร์

 

.............ขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับครับ.....
..อย่างนี้..เขาเรียกว่า..มีโชคดี..ใน..โชคไม่ดี...เพราะอย่างน้อย..ยังมีพระเต็มบ้าน..ได้ศึกษา..เนื้อ..รูปแบบ..ดีกว่า..พวกที่เริ่มเก็บ..สะสม..โดย..ไม่มีมรดก..พวกนี้เหนื่อยกว่าเยอะครับ..กว่าจะเก่ง....
..ตอนนี้ที่ทำได้..ก็เริ่ม..แยกเนื้อพระ..จัดหมวดหมู่..ครับ..ไม่ต้องสนใจเก่า-ใหม่...แล้วในแต่ละเนื้อ..ถ้ารู้ก็แยกยุค..อันนี้สร้างปีนี้ถึงปีนั้น..ทำนองนี้..แล้วก็เริ่มส่อง..ทำความเข้าใจ..ไปเรื่อยๆ..พระเยอะยิ่งดี..มีตัวอย่างให้ศึกษา..เยอะ..

 

..................................................
...ต้องแยกก่อนครับ...คือ..มี๒ กรณี
คือ..๑.เอาเบี้ยที่มันเก่าอยู่แล้วมาทำ
๒. เอาเบี้ยมาทำให้เก่า....
กรณีแรก...ความจริง..ผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่า..ตอนพูดถึงรับซื้อของเก่า..ที่อยุธยา..มันขาดตัวสำคัญไปอีกอัน..คือ..เบี้ย..คือนอกเหนือจากของเก่า..ทั้งหลายที่ผมว่าไป..สิ่งหนึ่งที่พบมาก..ตามบ้านเก่านั้นคือ..เบี้ย..ซึ่งส่วนใหญ่..จะเป็น..เบี้ยจั่น(เบี้ยตัวเล็ก..หลังเหลือง..ขอบขาว)..นอกจากเก็บกันเป็นมรดก..เพราะสมัยก่อนเขาใช้แทนเงินแล้ว..เขายังนิยมไว้..แขวนคอ..หรือ..แขวน..เอวเด็กด้วย..เพราะเชื่อว่ามันจะช่วยคุ้มครองได้..มีเกราะคุ้มครองเหมือน..ตัวเนื้อหอย..ก็มีตัวเบี้ยคุ้มครอง..เยอะครับ..บางอันก็เอาง่ายๆ..เจาะรู(ซึ่งส่วนใหญ่..จะอยู่ชิดปลาย..ไม่มีปัญหา..เพราะขอบตะกั่ว..กับรัก..จะมาบังไว้..ไม่เห็น)..ไม่เจาะรูก็มีเหมือนกัน..ก็ใช้เชือกร้อยผ่านปาก..แล้วเอาครั่งมาหยอดปิดปาก....พวกนี้ของเก่าแก่..เป็นร้อยปี..ผิวที่หลังนี่แตกราน..แทบทั้งนั้น...ส่วนเบี้ยพลู(สีน้ำตาลอมเหลือง..มีจุดสีขาวประปราย)..ซึ่งตัวใหญ่กว่าหน่อย..ก็มีเช่นกัน..ที่บ้านปู่ผม..นี่มีทั้ง..คู่เลย..หลังนี่แตกรานสวยงาม..โดยเฉพาะเบี้ยจั่น........นี่แหละครับที่ผมบอก..ทำให้เหมือนมันยุ่งยากก็เอาของเก่า..มาใช้ซะเลยหมดเรื่อง..เก่าสมใจ..อีกอย่างหนึ่งคติโบราณ..เขาจะใส่เบี้ยไว้ในกำปั่น..หรือ..ที่เก็บเงิน..เป็นเคล็ดว่า..ใช้ยังไงก็ยังมีเบี้ยเหลือเก็บ..อันเบี้ยแทนความหมายของเงิน..ไม่งั้นไม่เกิดคำว่า..เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน..หรอกครับ
๒.กรณี..ทำให้เก่า..เบี้ยแข็งมาก..อย่างที่ผมเคยเล่าเรื่องอุณหภูมิมาแล้ว..ว่า..การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิทันที..ซึ่งผลคือการยืด-หดของวัตถุแข็งเปราะ..มันจะทำให้เกิดการแตกร้าวได้ทันที....คุณไปซื้อเบี้ยที่จตุจักรมา..หลายๆตัว..เอาใส่เตาไฟฟ้าให้ร้อนจัด..เอาออกมา..ราดด้วยน้ำเย็นจัดจากตู้เย็นทันที..แตก..เลยครับ..ไม่ใช่แค่ร้าว..นี่คือขั้นแรกให้เห็นผลของมัน..จากนั้น..คุณก็ลอง..ปรับอุณหภูมิ..ให้ร้อนน้อยลง..ก็ทำนองนี้..เดี๋ยวคุณอาจได้เห็นรอยแตก..คล้ายที่คุณว่าก็ได้..เพราะจากแตก..จะเปลี่ยนเป็นร้าว..และ..รานต่อๆไป..นี่เป็นแค่หลักการง่ายๆ..ซึ่งปัจจุบัน..อาจมีเทคนิค..อุปกรณ์เสริมยังไงไม่ทราบ..แต่มันเป็นการเร่งขบวนการธรรมชาติ..นั่นเอง..จากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยรวดเร็วไม่มากนัก..เริ่มเกิดรอยร้าวเล็กๆบางๆแทบมองไม่เห็น..เกิดขึ้นอีกบ่อยๆ..เป็นเวลานาน..หลายสิบปี..ไอ้รอยเล็กๆมันก็พัฒนาขึ้นมาอย่างที่เห็นได้.............
..ปลอมระดับ..ป.เอก...คุณไม่ทราบหรือเซียนไหน..ก็ไม่ทราบ..ก็คือ..หลอกได้หมด........
ป.โท..เซียนใหญ่(ต้องเก่งด้วยนะ)..สายตรง..ถึงจะจับได้........
ป.ตรี..เซียนทั่วๆไปจับไม่ได้..สายตรงมือใหม่..จับไม่ได้
(ไอ้นี่..ผมตั้งเกณฑ์..ขึ้นมาเอง..อย่าคิดมาก)

 

โว้วววววว


เก็บๆ จำๆๆๆ

ยังกะ ทีมงาน สเปเชียลเอฟเฟค ฮฮลลีวูด อิอิ

 

สาระดี
คม ชัด ลึก
สุดยอดมากครับ

 

ขอขอบคุณ..คุณOrkar..คุณLynn..คุณนักสถิติ..คุณโอ ท่าซุง..คุณChopper1972..คุณกำธร นครปฐม
คุณน้าต๋อย เซมเบ้..คุณTeera-chang..คุณNamitta..คุณBuakaew
ที่post มาให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

............................................................สวัสดีทุกท่าน...................................................

...เรื่องอุปกรณ์เสริม..มีต่อครับ..ดังนี้...
๕. ค้อตต้อนบัด..อันนี้..เป็นเสริมจริงๆ..เพราะหน้าที่มันคล้ายกับ..พู่กันปากแบน..แต่
ในบางจุด..หรือ..บางกรณีใช้ง่ายกว่า..คือ..เป็น..ร่องเว้าๆ..กว้าง..จะใช้ไล้แผ่นทอง..ได้เร็ว..
และง่ายกว่า..บางคนอาจไม่ใช้..แต่ผมจะมีเตรียมไว้..แล้วแต่ถนัดครับ....
๖.แผ่นกระจก..หรือ..แผ่นพลาสติกแข็ง..ที่เรียบ...พร้อมกับ..มีดขนาดเล็ก..ที่มีคมโค้ง
.......อันนี้จำเป็นครับ..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ถ้าจะปิดทองประเภทพระเครื่อง..หน้าที่ของชุดนี้คือ
เอาไว้..ตัดแผ่นทอง..เพื่อประสงค์คือ..
ก. เติมช่องโหว่..ที่เราปิดทองเต็มแผ่นไปแล้ว..เกิดช่องที่โหว่ขึ้น
ข. เติม..หรือ.ซ่อม..จุดที่แหว่ง..ขาด..ปริ
ค. ใช้กับจุดที่..จำเป็น..และไม่เหมาะสม..ที่จะใช้ทองเต็มแผ่น...เช่น..ซอกเล็กๆ
ที่ๆนูนมากๆ..ร่องลึก..แต่แคบ..สันนูน..สันคม..ที่ๆเรียวยาว..อย่างเช่น ปลายเกศพระบูชา
...คือ.บริเวณที่ผมกล่าวมาเหล่านี้..ถ้าใช้ทองเต็มแผ่น..นอกจากจะเปลืองแล้ว..อย่างข้อ ค. จะ
ทำให้แผ่นทอง..ขาดหรือ..ฉีก..ปริ ออกได้ง่าย.............
...ทำไมต้องใช้..๒ อย่างนี่..มันมีที่มาจากวิธีการใช้ครับ..คือ..เราจะตัดแบ่งที่ตัวแผ่นทองโดย
ตรงไม่ได้..เพราะทองนิ่มมาก..และบาง..สิ่งที่ตามมาคือ..เละตุ้มเปะ..ทองพับไปติดมีด..ทองฉีก
ออกนอกแนว..คุมรูปแบบที่ตั้งใจไว้ไม่ได้................
........ดังนั้น..เราจึงจะใช้วิธี..ตัดที่กระดาษที่หุ้มแผ่นทอง..เนื่องจาก..ท่านเวลาสังเกต..แผ่นทอง
คำเปลวแต่ละแผ่น..ที่มีกระดาษหุ้มนั้น..ท่านสามารถมองเห็น..รูปทองได้ชัดเจน..เพราะกระดาษ
ค่อนข้างโปร่งแสง..แต่แผ่นทองทึบแสง..เราจะเห็นขอบ..และรูปร่างมัน..ค่อนข้างชัด.......
...เทคนิคตัดที่ใช้..มาจากคนขายผลไม้รถเข็น..คุณจะสังเกตได้ว่า..ถ้าเราสั่ง..เอามะละกอมา
ชิ้นนึง..เขาจะเอามะละกอใส่ลงในถุง..แล้วเขาใช้มีด.หั่นที่ข้างนอกถุง..เพื่อแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆได้
เลย..โดยไม่ได้หั่น..ที่มะละกอ..โดยตรง..แถมถุงพลาสติก..ไม่ขาดด้วย..รอยตัดก็ใกล้เคียงกับ
ตัดโดยตรง..อันนี้คือ..เทคนิคการตัดของนิ่ม..เช่นเดียวกับทอง..แต่ถ้าตัวรองมันไม่แข็ง..มันก็จะ
ยู่ตามมีด..ไม่ขาด..ส่วนมีด..ที่ผมเลือก..เป็นคมโค้ง..เพราะเราไม่ใช้..การลากมีด..มาตามแนว
ที่จะตัด..กระดาษจะขาดซะก่อน..จึงใช้พวกCutter..ไม่ได้..เราใช้วิธีการกดและคลึง..คือ..จรด
ปลายมีด..ที่จุดเริ่ม..กดแล้วคลึงให้คมมีดลากผ่านแนวที่จะตัดแทน..จึงต้องใช้มีดที่มีคมโค้ง..
...ไม่ลาก..คลึงไล่คมมีดแทน...ที่ผมใช้แผ่นกระจกอีกอย่างนึง..คือ..แสงมันผ่านได้..จะทำให้
แผ่นทอง..ในกระดาษชัดขึ้นเท่านั้นเอง.........อย่าลืมว่า..มีดไม่ต้องคม..แค่มีคมบ้างพอแล้ว..
๗. แผ่นโฟมหนาอย่างน้อย ๑ ซม...และ..กล่องแข็ง(กระดาษ..กล่องพลาสติก..หรือ..
กล่องใส่อาหารเข้าไมโครเวฟ..ไม่ใหญ่มาก..และเอามือจับหมุนได้สะดวก)...อันนี้เฉพาะ..พระ
เครื่อง..เครื่องราง..สำหรับพระบูชาไม่ต้อง...หน้าที่มันคือ..ล็อกพระให้อยู่กับที่..เพราะตอนที่เรา
ปิดทอง..มันต้องมีแรงมากระทำ..พระซึ่งน้ำหนักไม่มาก..อาจเคลื่อนที่ไป..หรือ..หมุน..ทำให้การ
ติดผิดพลาดตำแหน่ง..แล้วทำให้เสียเวลามาปิดซ่อม..และเปลืองทองโดยใช่เหตุ..การทำงาน
ต้องมาคอย..ระวัง..พระจะหมุน..จะเลื่อนยุ่งยาก...การเตรียมการก็คือ..ตัดแผ่นโฟมให้เล็กกว่า
ตัวกล่อง..เราจะปิดทองพระอะไรก็เอามาวางนอนทาบกลางแผ่นโฟม..เจาะ..หรือ..เซาะแผ่นลง
ไปให้เล็กกว่าหน่อย..เอาแค่พอจับให้อยู่เท่านั้น..ไม่ต้องแน่นมาก..ผมแนะนำให้วางพระนอน
..เพราะการ..ปิดทองแนวตั้ง..ยาก..และเราจะปิดทอง..ทีละด้าน..ไม่ปิดครั้งเดียวจบ..จะง่ายกว่า
จากนั้น..เอาพระออก..เอาเทปสองหน้า..มายึดกับแผ่นโฟม..แล้วกดติดกับ..ฝากล่องเป็นเสร็จ
........อย่าลืมนะครับ..ว่าพระที่ยึดกับโฟม..อย่าให้จมลงไปหมด..ให้โผล่เลยที่เราจะปิดทองไว้
อีกอย่าง..ข้อดี..ของการทำแท่นไว้..คือ..เราสามารถหมุนได้..ทำให้การทำงานถนัดขึ้น
..............................................................................................................................
....วิธีการ..หรือ..อุปกรณ์เสริม..นี่แค่เป็น..ไก้ด์..เพื่อสำหรับคนที่ไม่ถนัด..ทางช่าง..อย่างผู้หญิง
เป็นต้น..ทุกอย่างดัดแปลงได้หมด..ตามความถนัด..หรือ..วัสดุที่มีอยู่..ผมแนะนำ..และมีการ
เตรียมการเยอะนี่..จะได้สะดวก..และขจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้น..ระหว่างทำ..เพราะที่postมากัน
มีคนสนใจ..จะลองทำหลายคน..ก็เลยแจงให้ละเอียด.............................................
....................ตอนหน้า..ก็จะเริ่มเข้าสู่การทำ..การเลือกซื้อแผ่นทอง..ที่เหมาะสม...............

..........................................................สวัสดี............................................................

 

สุดยอด.. รอตอนต่อไปนะครับ ราตรีสวัสดิ์ แฟนกระทู้ทุกท่าน รักษาสุขภาพกันนะครับ

 

ติดตามตอนต่อไปเช่นกันค่ะ คุณ ลุง เป็นกำลังใจให้ทุกๆวันค่ะ :z7:z5:z2

 

ยิ่งติดตามอ่านยิ่งได้ความรู้มาก สุดยอดครับอนุโมทนาสาธุ เป็นกำลังใจให้

 

สวัสดียามเช้าครับคุณลุง สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน ^ ^

 

ติดตามอยู่ครับ

 

คุณลุงครับ....
1. รักเก่า (ไม่ใช่วันวานอันขมขื่นนะครับ)
2. เงินเก่า (ที่เป็นโลหะ ไม่ใช่หนี้เก่า)
3. ทองเก่า
4. ทองแดงเก่า

แต่ละสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น มีวิธีสังเกตยังไงครับ
ว่ามีอายุมาก เก่าตามสภาพ ตามหลักวิทยาศาสตร์
เช่น คราบ ไข ตะกรัน การเปลี่ยนสภาพ อะไรอย่างนี้
จริงๆ ผมก็สงสัยนานแล้ว แต่หาคนสอนไม่ได้ เพราะคนส่วนใหญ่
พากันไปดูพระซะหมด ถ้าจบวิชาลุงเมื่อไร คงผันตัวไปเป็นหลงจู๊ สบายๆ ...555

ขอบคุณมากครับ คุณลุง
ที่ให้ความรู้ และความอนุเคราะห์เสมอมา

 

ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ต่างๆ ผมติดตามเสมอนะครับ แม้จะไม่ค่อยโพสท์

 

สวัสดีครับพี่modpong
รอติดตามตอนต่อไปครับ

 

..................................................
...ทั้ง๔ อย่าง..นี่วิธีดีที่สุด..ง่ายๆ..อย่างที่ผมเคยบอก..อยากเก่งอยากรู้จริง..ต้องดูของจริง..บ่อยๆครับ..ผมเคยบอกไปหลายครั้ง..ไม่ว่าเนื้อพระ..คราบกรุ..สนิมต่างๆ..
ถ้าไม่เห็นบ่อยๆ..สร้างความคุ้นเคย..ก็ลำบาก..บอกก็ยาก..เห็นในรูป..มันก็ไม่เหมือนของจริง...
๑. รักเก่า..เขียนไปเยอะแล้วครับ
๒. เงินเก่า..นี่ก็ลำบาก..ขึ้นกับคนที่ใช้..คนเหงื่อเค็ม..ใส่เงินดำปี๋..ไม่มีราศรี..ทำปลอมเหมือนเดะ..ทำยังไง..ก็เหมือนที่ผมทำนวะโลหะให้กลับดำ..นั่นแหละ...
..ถ้าคนเหงื่อเปรี้ยว..เงินจะสุก..วาว..และจะมีมันเลื่อม..เหมือนเคลือบแล็กเก้อร์..และตรงที่มีสนิม..ขึ้น..มันไม่ดำ..แต่ออกเหลือบ..น้ำเงินวาวๆ..ละก้อ..นั่นแหละเก่าแน่(มากกว่า ๕๐ ปีขึ้นไป)..ปลอมให้เหมือนได้..แต่ยาก..ไม่คุ้ม.....
๓.ทองเก่า..สีทองอมส้ม..ดีกว่า..เหลืองอ๋อย..เหลืองจืดแน่..แต่ก็ทำได้..ไอ้ตัวที่พอจะช่วยตัดสินใจได้..ใช้ได้ทั้งทองเก่า..และเงินเก่า..คือต้องรู้พื้นฐาน(จะจำอะไร..อย่าเชื่อส่งเดช..ต้องใช้เหตุผลประกอบด้วย)....ทองเก่า..และ..เงินเก่า..ที่ว่าเก่านี้ผมหมายถึง..๕๐ ปีขึ้น..เปอร์เซนต์..ของ..ทอง..และ..เงิน..จะสูง..ต่างกว่าปัจจุบันมาก..ทำให้..โลหะทั้งสองตัวนี่..ค่อนข้างนิ่ม..ไม่แข็งโป๊ก..ดัดได้..ช่วงเวลาที่มันถูกใช้งาน(ผมพูดถึง..ของใช้งานนะ..ไม่ใช่เก่าเก็บ..แต่ถ้าเก่าเก็บ..ให้สังเกต..ถ้าเจอร่องรอยมี.."ชุบเคลือบผิว"..โอกาศจริงยาก..เพราะสมัยก่อน..ทั้งเงินและทองรูปพรรณ..จะไม่มีการชุบเงินหรือทองเคลือบแบบสมัยนี้...ตัวช่วย..คือกล้องส่อง..ขนาด ๓๐x..หรือใกล้เคียง..คุณจะเห็นผิวได้ัชัด..ของเก่าบอกแล้วว่า..นิ่ม..มันจะไม่เรียบครับ..ผิวมีร่องรอยการถูกขูดขีดให้เห็น..จะมีหลุมเล็กๆกระจายไปด้วย..ในหลุมหรือร่องที่เห็น..เราจะเห็น..สีที่เข้มกว่าให้เห็น..หลุมเล็กๆ..พวกนี้เกิดจากการกร่อน..ทั้งธรรมชาติ..และการใช้งานด้วย..ขัดยังไงไม่หายแน่ผมเคยลอง..เพราะความจริงมันไม่ตื้น..เราดูด้วยกล้อง๑๐X..เห็นไม่ชัดหรอกครับ..ก็ดูผิวเรียบดี...สรุป...ขยายใหญ่ๆ..ผิวจะไม่เรียบครับ...
๔.ทองแดงเก่า..แน่นอนสีต้องแดงจัดไว้ก่อน..สีสนิมเขียวอมฟ้า..อย่างตะกรุดทองแดงโบราณ..จำไว้ครับ..ยิ่งเก่า..ยิ่งแดง..ยิ่งเก่า..ยิ่งบาง..ตะกรุดทองแดง..สมัย ร.๔ ต้น ร.๕..นี่..แดงจัด..และบางยังกับกระดาษเลย..ย่นอีกต่างหาก...
..แต่อย่างเหรียญ..นี่..ถ้าระดับ ป.ตรี-โทขึ้นไป..เขาไม่มานั่งเสียเวลาครับ..เหรียญรุ่นปี ๒๔๖๐-๗๕...เขาื้ใช้..สตางค์แดงที่มีรู..ครับ..รุ่นเดียวกัน..เปอร์เซนต์..ทองแดงสูง..แดงจัด..หลอม..แล้วเอาไปปั๊ม..หมดเรื่อง..แต่งหน่อย..อบผิว..ทำผิวเลือน..จบ
..ดูไม่ออก..ถ้าปลอมแบบใช้งานมา..ก็ยืดรูห่วงให้แนบเนียน..แต่งสึก..

 

สวัสดีครับคุณอา..และทุกท่าน

 

ติดตามต่อครับ...

 

เร่เข้ามา
เร่เข้ามา
สาระดีมีประโยชน์จ้า

 

ขอขอบคุณ..คุณLynn..คุณเส้นทางแห่งธรรม..คุณ๑๕ค่ำ..คุณHerun..คุณSuppasit..คุณเฉียวฟง
คุณโอ ท่าซุง..คุณน้าต๋อยเซมเบ้..คุณJoenok..คุณBuakaew2007
ที่postมา ให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

...................................................สวัสดีทุกท่าน..........................................................

...........ตอนที่แล้ว..ผมลืมอุปกรณ์เสริมสำคัญไปอีกอย่างคือ
......๘. หน้ากากปลอดเชื้อ..หรือ..ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก..คือความจริง..มันไม่ได้เกี่ยวกับเชื้อ..หรือ
กลิ่นอะไรหรอกครับ..มันเกี่ยวกับ..ลมหายใจออกที่มาจากจมูก..เพราะถ้าขณะที่เราเปิดกระดาษ
หุ้มทองคำเปลว..หรือ..กำลังเอาแผ่นทองออกจาก..กระดาษไปติดที่เราหมายไว้..บางคนจะก้ม
หน้างไปค่อนข้างใกล้(สายตาไม่ค่อยดี..แบบผม)..ลมหายใจที่พ่นมาจากจมูก..จะพัดให้ทอง..
ปลิว..หรือ..พับ..ได้เพราะ..ทองคำเปลว..เบามากๆ..และนิ่มด้วย..อย่างที่ผมบอกไป..ว่า..พัดลม
..เปิดไม่ได้..แม้กระทั่ง..แอร์เป่าลงมาตรงๆก็ไม่ได้..ปลิว..พับหมด...แต่ก็ไม่แน่ครับ..ผมอาจจะ
เป็นคนหายใจแรง..ไอ้ที่ผมบอกว่า..”หน้ากากปลอดเชื้อ”..เพราะว่าสะดวก..แล้วก็เดี๋ยวนี้..หา
ง่าย....
..................................................................................................................................
....ก่อนอื่น..ผมบอกอีกทีว่า..บางคนไม่เข้าใจ..ไอ้ที่เราต้องเตรียมการเยอะ..อุปกรณ์เสิรมแยะ
...เพราะ..เรามันมือสมัครเล่น..ไม่ได้มีทักษะทางนี้..ไม่ได้สืบทอด..วิชาลงรักปิดทอง..มา..ไม่มี
มืออาชีพมาสอนให้..ฉะนั้นถ้าคนที่มีทักษะ..หรือ..มีอาชีพนี้..หรือ..ได้เรียนมา..ก็ขออย่าหัวเราะ
ครับ...ผมเตรียมทุกอย่างเพื่อให้มือสมัครเล่น..แบบผม..ทำให้มันง่าย..เท่านั้นเอง..ขอให้เข้าใจ
.................................................................................................................................
............ตอนนี้ผมจะมาพูดถึง..วัสดุตัวสำคัญ..คือ..ทองคำเปลว...ถ้าคนไม่เน้น..สีสัน..คุณภาพ
มาก..ก็ซื้อไปเหอะ..ตามร้านสังฆภัณฑ์..จะมีขาย..หลายขนาด..ก็เลือกซื้อตามถนัด..เพราะมัน
บางทีก็สะดวก..จะได้ไม่ต้องตัดบ่อยๆ..ถ้าเรามีขนาดเล็กด้วย..แต่ถ้าเน้นคุณภาพ..และสีสวยสุก
ปลั่ง..เหลืองอมส้ม..คล้ายๆทองสมัยเก่า..ผมพบอยู่ที่นึง..ไม่ใช่อยู่ในร้าน..แต่อยู่ที่วัดครับ(ที่ผม
บอกนี่..หลายปีมากแล้ว..ถ้ามีแล้วไม่เหมือนที่ผมบอกก็..อย่าว่ากัน)..วัดเพชรสมุทร..หรือ..
วัดบ้านแหลม..สมุทรสงคราม..วัดที่องค์หลวงพ่อบ้านแหลม..ตั้งอยู่นั่นแหละครับ..แต่ต้องเป็น
แผ่นทอง..ที่ขายอยู่ด้านในใกล้ประตูวิหารหลวงพ่อ..เป็นของวัดเอง...ไม่ใช่ข้างนอกที่เป็นของ
เอกชน..จะมีแม่ชีเป็นคนขาย..ทองแผ่นใหญ่ครับ..ขนาด ๓ ซม.x๓ ซม...สีสวยเหมือนทองเก่า
คุณภาพดี..ผมซื้อเป็นร้อยแผ่นเลย..(ตอนนั้นทองยังถูก..เดี๋ยวนี้ไปถามราคาแผ่นทองคำเปลว
ที่ร้าน..แถบช็อค..โคตรแพงเลย..ผมถึงเน้น..การปิดแบบประหยัด..และให้เสียน้อยที่สุด)....
...อันนี้..ก็ไม่เสมอไป..นะครับว่าที่นี่สวยกว่าเพื่อน..ที่อื่นที่สวยกว่า..ก็คงมี..แต่ผมพอดีเห็นที่นี่
สวย..เลยแนะนำ...แต่ถ้า..ทองเปลว..ที่สีจืด..เหลืองอ่อนๆ..นี่ควรหลีกเลี่ยงเพราะเปอร์เซนต์
ทองน้อย..ปิดไป..นอกจากรอบ..ฉีกง่าย..สียังเปลี่ยน..และ..จะด้านง่าย.....
..............................................................................................................................
.............การเตรียมการเบื้องต้น..ส่วนขององค์พระ..ต้องทำความสะอาด..ให้ผิวแห้ง..และไม่มี
คราบมัน..ไม่ใช่หยิบพระออกมา..จะปิดทองเลย..เดี๋ยวแล็กเก้อร์..หรือ..ยาเคลือบเล็บ..อาจหลุด
..ได้ในอนาคต..เพราะติดได้ไม่แน่น..ที่ๆจะนั่งปิดทอง..ควรต้องมีโป๊ะไฟ..แบบตั้งโต๊ะ..ไว้เพราะ
งานปิดทองเป็นงานประณีต..ต้องการความชัดเจน..ดินสอ..กับ..ไม้บรรทัด..ต้องมีไว้วัด..ขนาด
ที่เราจะตัดแบ่งแผ่นทอง..ดินสอ..เอาไว้ขีดขนาดที่เราต้องการจะตัดที่..กระดาษหุ้มทองคำเปลว
...ความจริง..ก่อนจะปิดทององค์พระ..ควรซ้อม..ปิดทองที่ราบๆ..ก่อน..เพื่อจะได้มีทักษะซะก่อน
..หา..แผ่นกระดาษแข็งเนียนๆ..อย่างพวกปฏิทินตั้งโต๊ะ..ก็ได้..มาลองทา..แล็คเก้อร์.พยายาม
ทาให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ..แต่อย่าให้หนา..ขนาดกว้างยาว..มากกว่า..แผ่นทอง..สองแผ่น..ต่อกัน
..ทิ้งไว้..สักพัก..(นาทีเดียว)..ก็เริ่มเอา..นิ้วแตะเบาๆ..ทดสอบ..ให้มันพอหมาดๆ..ถ้ายังไม่หมาด
(เนอะนิดๆ)..รอต่อ..ควรดูเวลาไว้ด้วย(เวลานี่ไม่แน่นอน..นะครับ..ทาผิวโลหะอาจช้าหน่อย...
ทา..เนื้อผงอาจเร็วหน่อย)..กะเอา..ว่าหมาดดีแล้ว..ก็เอาแผ่นทองเปลวที่เตรียมไว้..วางลง..
ค่อยๆเปิดกระดาษที่หุ้ม..แล้วเอาแผ่นตัวแซะที่เตรียมไว้..สอดเข้าข้างใต้..ให้ปลายขอบแผ่นทอง
ด้านใกล..หุ้มปลายแผ่นแซะสัก ๒-๓ มม...แล้วยกแผ่นทองขึ้น..มาค่อยๆวางที่ตำแหน่ง..ที่ทา
แล็คเกอร์(โดยการซ้อมนี้..จะทำการปิดทอง ๒แผ่น..ต่อเนื่องกัน).....................................
..เมื่อ..มาถึงตำแหน่ง..เอียงตัวแซะให้ส่วนปลายขอบแผ่นทอง..ค่อยๆลงแตะที่ตำแหน่ง..ทองจะ
เริ่มติดกับน้ำยา..เมื่อมั่นใจว่าปลายของเริ่มติด..ค่อยๆถอนตัวแซะออก..โดยลากปลายแผ่นแซะ
ออกไป(จะรูดไปแตะ..น้ำยาบ้างไม่เป็นไร..ขอให้แผ่นทอง..ค่อยๆทิ้งตัวลง..จนติด..น้ำยาทั้ง
แผ่น)..แผ่นทองทิ้งตัวลงติดกับน้ำยา..จะเรียบร้อย..และไม่ย่นมาก...จากนั้น..ก็..พู่กัน..ค่อยๆ
ลูบไล้..(หรือ..ลูกชุบ(ที่เราเตรียมมา..ทำจากสำลีแผ่น..แปะๆน้ำเล็กน้อยให้พอเปียกด้านนอก..ที่
จะเอาไปกด..แผ่นทอง..ถ้าเปียกไป..ต้องทิ้งไว้ให้หมาด(สำลี..จะได้ไม่ติดกับน้ำยา))..กดลงไป
ตรง..และไล้เล็กน้อย..แผ่นทองก็จะติดเรียบแน่น)...ถ้าเกิดพับย่น..ก็ควรรีบเอาพู่กัน..(หรือ...
ค้อตต้อนบัด..หมาดน้ำ)..แต่ให้เรียบ..แล้วมาเริ่มใหม่ที่แผ่นที่ ๒
.......................................ต่อตอนหน้าครับ..การวางทองแผ่นที่สอง..............................

......................................................สวัสดี.................................................................

 

ขอบคุณมากครับ รอติดตามต่อไปครับ