999 ประสบการณ์วัตถุมงคล หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ 999

คนป่วน ก็ป่วนได้เรื่อยๆละนะครับ เดี๋วมาเรื่องโน้นที เรื่องนี้ที เป็นธรรมดาครับ มีปากก็พูดไป หมดรุ่นนั้นเชียร์รุ่นนี้ เจตนามันมาอย่างนั้น หรือว่าไม่จริงครับ อยากถามเหมือนกันว่าลูกศิษย์หลวงปู่จริงๆเหรอ

ถ้าเป็นลูกศิษย์ท่านจริงๆก้ต้องทราบสิครับ ว่าตอนนี้ทำไมลูกหลานถึงต้องช่วยกันหาเงินเพื่อที่จะถวายหลวงปู่เพื่อซื้อที่ดินรอบๆสุสานทุ่งมน เพื่อสร้าปราสาทพระเจ้าห้าพระองค์

ถ้าเพิ่งทราบก็หยุดเสียที มัวแต่มายุยงให้แตก สามัคคีเพื่ออะไรครับ คนโน้นสร้าง คนนี้สร้างแล้วไงครับ ผมไม่ได้นับถือตัวคนสร้าง ผมนับถือที่เจตานาที่เป็นกุศลของเค้าที่มาช่วยหลวงปู่ เห็นแล้วจะอยู่เฉยได้อย่างไรครับ มีแรงก็ลงแรง มีสตางค์ก็ทำบุญ ก็ว่ากันไป ระยะทางพิสูจน์ม้าครับ

กรรมใคร กรรมมัน ใครทำใครได้ครับ ของแบบนี้

ฝากไว้แค่นี้ละครับ

 

ความสามัคคี

ลูกศิษย์หลวงปู่ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว ไกล้วันทอดกฐินมาทุกขณะแล้ว ชาตินี้ถ้ายังใม่เข้าถึงนิพพาน ชาติหน้าคงจะใด้มาเกิดเจอหลวงปู่กันอีก ร่ามสร้างบุญร่วมกัน สาธุ

 

,,,,,, ระวังบาปกรรมบ้างนะครับจะพูดจะจาอะไร.....คุณสงสัยหลวงพ่อสิริ ก็ทีหนึ่งท่านอยู่ส่วนท่าน......ช่างสงสัยจังเลย.....พระที่ออกหากไม่ใช่จากกองทุนปลูกป่าก็ว่าเค้าไปทั่ว.....คนอื่นเค้าช่วยหลวงปู่ตั้งมากมาย.....ถามตัวเองบ้างนะทำอะไรให้หลวงปู่บ้าง....พวกมือไม่พายแต่เอาเท้าแช่น้ำ ( แย่กว่าราน้ำ ) หัดมองตัวเองบ้างนะครับเที่ยวไปสงสัย...จับผิดคนไปทั่ว.....บัวมันมีสี่เหล่าขึ้นอยู่ว่าจะเป็นดอกไหนหากเป็นดอกที่อยู่ในอาจม.....ก็สมหละครับรอวันเน่าได้เลย.....เคยได้ยินไหมไม่มีมาร.....บารมีไม่เกิด....การที่คุณพูดทุกครั้ง.....ตั้งคำถามแบบชี้นำ.....เจตนาที่คุณต้องการ....แฝงอะไรไว้คนที่เค้าอ่านเค้ารู้เอง.....พระที่ออกมาช่วงนี้เพื่อช่วยหลวงปู่...คนเช่าพระ..เค้าไม่ได้กินหญ้านะครับ....เค้าดูออก....โตๆกันแล้ว.มีการงานทำ....รุ่นไหนคนสร้างได้บุญแต่จนเงินกับรุ่นไหนคนสร้างรวยแต่วัดเท่าเดิม.....คุณน่าจะคิดได้นะ......เพราะชอบวิเคราะห์......คุณดูที่ผลตอบรับหากรุ่นไหนเจตนาดีไม่นานก็หมด......เอาเวลามาพิจารณาเหตุแห่งทุกข์....แล้วหาทางดับมันซะ......ไม่นานก็จากโลกนี้แล้ว.....ทุกอย่างคือ..อนิจจัง

 

ตอบกระทู้ ข้างบน

ไม่รู้ไปโกรธใครมา ถึงได้จัดมาซะ 1 ชุด ถามผม ใครจะว่าอะไรก็ชั่ง เพราะผมรู้ว่า " ดีชั่วอยู่ที่ตัวคนทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่การทำอยู่ " และ " สิ่งที่ควรทำคือความดี และ สิ่งที่ควรมี คือ คุณธรรม "

ชิวชิว

 

ขอให้พี่น้องทุกๆท่านจงมีสติครับ...

ขอให้ศิตย์หลวงปู่ทุกท่านจงมีพยายามตั้งสติให้แน่วแน่นะครับ...
ยกตัวอย่างสมัยพุทธกาล..พระเทวทัตมีฤทธิมากมายแต่ขาดสติ
ทำให้ความโลภ โกรธ และหลงครอบงำ กว่าจะมีสติระลึกได้ ก็พยายาม
จะไปกราบขอขมาพระพุทธองค์ แต่ก็ช้าเสียแล้ว...เพราะกรรมที่ทำสะสมไว้
รวมตัวจนไม่สามารถ กลับตัวได้ หนักมากจนธรณีสูบ........ไปในอเวจี
ในส่วนตัว ถ้าเห็นใครทำดี...หรือทำให้หลวงปู่ยิ้มได้ผมจะขออนุโมทนาอย่างเดียวครับ!!!ไม่แบ่งหรือแยกแยะอะไร....เราทุกคนเป็นลูกหลานหลวงปู่ ก็คือเป็นพี่เป็นน้องกันนั่นแหละครับ และตอนนี้ผมว่าเราควรจะช่วยท่านในทุกๆทางนะครับ...โดยเฉพาะค่ายาซึ่ง เดือนนึงหลายมากๆ...............................
อย่าลืมนะครับ หลวงปู่เรา 93แล้ว แล้วยังอาพาธบ่อยๆอีก ผมอายุเพิ่ง 35เวลาป่วยที่ยังไม่ไหวเลยครับ...แล้วครูบาอาจารย์เรา 93แล้วนะครับ...........
และส่วนตัวผมขอรักทุกๆท่านทีโพสต์ทุกๆข้อความในเวปนี้หรือสื่ออื่นๆ...
ที่เกี่ยวกับครูอาจารย์องค์หลวงปู่หงษ์พระผู้มีเมตตาต่อลูกหลาน เปรียบดังพระโพธิสัตว์เจ้าที่ยังทรงธาตุขันธ์ อยู่ในยุคนี้จริงๆ
รักพี่น้องทุกท่านและขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยครับ......................
กราบนมัสการองค์ปฐมครูของผม

 

มีหลักธรรมมาฝาก

1ว่างสูญใม่มีรากคือมหาว่าง ว่างถึงที่สุดคือมหาว่าง ใม่มีปัจจุบันใม่มีอตีตเหมือน รกร้างว่างเปล่า หากคนรู้หลักมหาว่าง คือที่วิญญาญภูผาเห็นตถาคต 2 ประทีปหนึ่งดวงสามารถเป็นสมุฏฐาน จุดประทีปให้ลุกโพลงขึ้นอีกหลายร้อยหลายพันดวง ผู้ตกอยู่ในความมืดให้ใด้รับแสงสว่าง และแสงสว่างนี้มิขาดสิ้นไป พระโพธิสัตว์องหนึ่งๆ ย่อมเป็นผู้กล่าวคำแนะนำชี้ทางแก่สรรพสัตว์หลายร้อยหลายพันยังสัตว์เหล่านั้นให้ตั้งจิต มุ่งต่อพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาญ มีจิตมุงปฏิบัตรธรรมใม่รุ้จักขาดสิ้น แสดงพระสัทธรรมตามฐานะอันสมควร ยังกุศลให้ทวีไพบูลย์ขึ้น นี้แลชื่อว่าอนันตประทีป (วาทะท่านวิมลเกียรติโพธิสัตว์ ขอให้ลุกศิษย์หลวงปู่ทุกๆๆๆๆๆๆคน ถ้าชาตินี้ยังใม่ใด้เข้านิพพาน ขอไห้ไปรวมกันที่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ ทุกๆๆท่านทุกๆๆคน สาธุ จะใด้ลงมาสร้าง บารมีกันใหม่

 

ได้ยินเสียงอาจารย์เทศน์ ทีไรปวดหัวทู้กที สงสัยธรรมะลึกซึ้งเกินไป หุหุ

 

จะทำบุญอย่าสงสัย............ ถ้าเชื่อใจ จึงได้บุญ
คิดทำให้หลวงปู่ย่อมได้บุญทุกคน

 

ผมขอเสนอนิดนะครับ ว่าพระน่ะใครอยากสร้าง ก็สร้างเข้าไป ถ้ามีเจตนาดี ทำให้ดีแล้วคนเขาเอาไปบูชาอย่างน้อย ก่อนจะเอามาใส่คล้องคอ เขาก็ต้องนึกถึงพระก่อน คงไม่มีใครก่อนเอาพระมาคล้องคอแล้วนึกอาราธณา ว่า ภริยังสรณังคัจฉามิ เขานึกถึงพระกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครสร้าง ขอให้หลวงปู่ ฯ ท่านเสก ก็ดีทั้งนั้น
ใครมีปัญญาสร้างเท่าไหร่ก็สร้างเข้าไป ถ้าคิดว่าดี มีเจตนาดี คิดหาเหตุผลว่ามันดี ก็สร้างเข้าไป เอาเงินมาสร้างพระ ดีกว่าเอาเงินไปเผาทิ้ง ดีกว่าเอาไปถมทะเลเล่น นี่เขาเรียกว่าใช้เงินเป็น ความสุขใน ความภาคภูมิในในการที่ได้สร้าง ได้ทำ ให้ครูบาอาจารย์ มันซาบซึ้งตรึงใจ เป็นความปิติใจอยู่ทุกครั้งไม่รู้หาย
เขาทำดี ทำพระถายครูบาอาจารย์ แค่ปีละ 5 ครั้ง 10 ครั้งนี่มันน้อยเกินไป ถ้ามากกว่านั้น ผมว่ายิ่งดี คนที่เบื่อหน่ายท้อแท้ อิดหนาระอาใจในเรื่องทำความดีไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม ผมว่าต้องย้อนกลับมาคิดใหม่สักนิดว่าใจเราสะดุดที่ตรงใหนหรือเปล่า หาให้เจอแล้วคลี่คลายให้ได้มันก็สบายครับ
สร้างเถอะครับพระน่ะ ใครติดขัดกันตรงไหนหันหน้าเข้าหากัน ลูกศิษย์หลวงปู่ฯเหมือนกัน ช่วยกันได้ช่วยกันไป แจมกันทำบุญ ดีกว่าจอยกันไปทำบาป

ป.ล.หลวงปู่ท่านเคยบอกว่าของ หลวงปู่ทุกชิ้นมีเจ้าของอยู่แล้ว ถึงเวลาเจ้าของเขาจะมาเอาเอง

 

เมื่อประมาณปี 2543 ได้ไปขออังษะจากพระเถราจารย์หลาย ๆ รูปมาย่อยเป็นผงมวลสารเพื่อผสมทำพระเครื่อง ก่อนที่จะเอามาผสมลงพระเครื่อง ผ้าอังษะทุกผืน จะตัดแบ่งแล้วไปถวายให้หลวงปู่ฯท่านพิจจารณา ก่อนทุกครั้งว่าพระองค์ทีเป็นเจ้าของอังษะเก่งและดีจริงหรือไม่ ถ้าดีก็เอามาทำมวลสาร ถ้าไม่ดีก็xxx หลวงพ่อสิริ วัดตาล ก็เช่นกันผมได้ไปขออังษะท่านมา และ ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไปถวายให้หลวงปู่ฯท่านพิจารรณา คราวนั้นมีอังษะหลวงปู่เมตตาธรรมคุณ วัดโพธิเลื่อน ที่ได้น้อมนำไปให้หลวงปู่ฯท่านพิจจารณาด้วย
ก็กราบเรียนท่านว่าให้ท่านช่วยพิจจารณา ท่านก็รับไปถือไว้ในมือสักอึดใจ หลวงปู่ฯท่านก็ยกเอา ผ้า2ชิ้นนั้น ขึ้นมาจบที่หน้าผากแล้วกล่าวว่า พระสององค์นี้ดีม๊ากมาก
คนอื่นว่าไม่ดี ไม่เป็นไร หลวงปู่ฯท่านว่าดี ก็พอ

 

บรรยากาศเริ่มตรึงเครียด วันนี้นำบทกลอนดีๆ ให้อ่านเพื่อเตือนสติกันเอาไว้ครับ

 

คำสอนจากปรัชญาจีน เป็นวลีสั้นๆ แต่ได้ใจความดี

 

คำสอนจาก ในหลวงของเรา

 

คำสอนจากในหลวง อีกบทประพันธ์ที่ประทับใจ

 

สำหรับบทกลอนดีๆ ข้างบน หากท่านใดอ่านไม่ได้ตัวเล็กเกินไป ให้คลิกซ้ำอีกครั้งหนึ่งจะปรากฎรูปที่ใหญ่ขึ้น

 

กราบหลวงปู่ครับ รูปเก็บตกงานไหว้ครูที่ผ่านมาครับ

 

เอาใจคนนอนดึกครับ ขณะนี้ทางคณะกรรมการจัดสร้าง กำลังจัดเตรียมมวลสารที่จะบรรจุใต้ฐานรูปเหมือนขนาด 12 นิ้ว โดยได้รับความเมตตาจาก

1หลวงพี่ถวิล สุสานทุ่งมน จัดเตรียมตะกรุดทั้งหมดเพื่อใช้ในการบรรจุ
2คณะศิษย์หลวงปู่หลายท่านร่วมบริจาค ของมงคลต่างๆ อาทิเช่น เหรียญกองทุนดูแลสุขภาพหลวงปู่หงษ์ - เหรียญพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ - ปัถวีธาตุกลางแม่น้ำโขง - ชานหมากหลวงปู่หงษ์ - มวลสารที่เป็นผง - พระผงต่างๆ ฯลฯ

ต้องขอขอบพระคุณและร่วมโมทนาบุญทุกๆท่าน มี่ได้มีส่วนร่วมในงานบุญในครั้งนี้

ในลำดับต่อไปกำลังเรียบเรียงชนวนมวลสารที่เป็นโลหะ และเป็นผงทั้งหมด รวมถึงรูปถ่ายปัถวีธาตุ ที่ใช้ในการทำวัตถุมงคลรุ่นฉลองมงคล ๙๓ ให้ทราบในลำดับต่อไป

 

ขออภัยครับ มวลสารที่ใช้อุดจะใส่ทั้งใน พระรูปหล่อ 12 นิ้ว และ พระยอดขุนพลขนาด 3 นิ้ว เฉพาะชนวนมวลสารที่ใช้ในงานนี้ก็ประมาณ 25 หน้ากระดาษแล้วครับ ต้องขอขอบพระคุณทาง
พระอาจารย์หลายท่าน - รวมถึงฆราวาสทุกท่านที่ร่วมบริจาคชนวนใส่กันสุดๆ เพื่อให้วัตถุมงคลชุดนี้ออกมาให้ดี และคุ้มค่ากับการรอคอย และที่สำคัญสามารถบูชาได้สนิทใจจริงๆว่าใส่อะไรกันลงไปบ้าง

 

ปฐวีธาตุ คือหินที่อยู่ในน้ำที่ผ่านการเจียรไนจากธรรมชาติเป็นร้อยเป็นพันปี

จนใสแสงผ่านได้ เมื่อเอามือไปบังที่ก้อนปฐวีธาตุจะแลเห็นและต้องเป็นหิน

จากใต้แม่น้ำโขง ณ ตำแหน่งบริเวณที่ท่านได้กำหนดบอกให้ไปเก็บเท่านั้น

เนื่องจากพญานาคราชได้ถวายให้ท่านดุจเดียวกัน หินที่ได้รับการถวายจาก

พญานาคราชนี้ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุลมมีกายสิทธิ์ฝ่ายสัมมาทิฐิ

เข้าครองซึ่งส่วนใหญ่กายสิทธิ์เหล่านี้จะบรรลุธรรมขั้นสูงอีกทั้งได้รับการอธิษ

ฐานจิตจากพระเถระเจ้าที่ทรงคุณวิเศษจึงกล่าวได้ว่ามี อิทธิปาฎิหาริย์ และ

พุทธานุภาพ เหนือชั้นกว่าเหล็กไหลและให้คุณแก่ผู้ครอบครอง ล้วน

แล้วแต่สร้างอภินิหารและประสบการณ์ให้กับผู้บูชานับจำนวนไม่ถ้วน

ทั้งเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน ปลอดภัย โชคลาภ และเมตตามหานิยม

นำไปแช่น้ำทำน้ำมนต์แก้คุณไสยได้ ถ้าจะให้ได้ผลดีควรให้ได้สัมผัสไอตัวผู้

ใช้ให้มากที่สุด



ปฐวีธาตุต่างจากพระเครื่องตรงที่กรวดจากแม่น้ำโขงซึ่งหลวงปู่นำมาอธิษฐานเหล่านั้น พวกนาคเขาถือว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของเขา กรวดเหล่านั้นจึงมีพลังงานของพวกเขาติดมาด้วย และเมื่อได้รับการอธิษฐานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนอย่างยากที่เราจะเข้าใจ ก็จะทำให้กรวดเหล่านั้นเกิดพลังงานมหาศาลชนิดที่เราก็ไม่เข้าใจอีกอยู่ดีว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ​

พลังงานมหาศาลที่ว่านี้ "หลวงปู่คำพันธ์"รับรองว่า กันนิวเคลียร์ได้

เมื่อปฐวีธาตุซึ่งมีพลังงานแฝงอยู่แล้ว ได้รับการอธิษฐานจากจิตที่มีพลังงานมหาศาลเพราะได้รับการฝึกฝนมาดีเยี่ยม พุ่งกระแสลงไปสู่หินเป็นจุดเดียว กระแสจิตที่แรงกล้าเกิดกระทบกับพลังงานที่อยู่ในหินแล้วกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง เป็นคลื่นรังสีที่มีพลัง งานแรงสูง พอที่จะให้ความคุ้มครองผู้บูชาตามที่ผู้อธิษฐานได้ "ตั้งโปรแกรม” ไว้

นอกเหนือไปจากหมู่นาคทั้งหลายที่จะขึ้นมาพิทักษ์รักษาผู้ครอบครองปฐวีธาตุเมื่อยามเกิดภัยพิบัติตามคำทำนาย ชนิดปฐวีธาตุ 1 องค์ ต่อพญานาค 1 ตน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่อาจมีในพระเครื่องที่ถูก "สร้าง" ขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ผิดกับ "ปฐวีธาตุ" ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากผลงานของธรรมชาติ จึงเก็บประจุพลังงานจากธาตุทั้งสี่และรังสีจากจักรวาลมาเนิ่นนานนับได้เป็นล้าน ๆ ปี

ธาตุกายสิทธิ์ จะปรากฏต่อเมื่อมีผู้ทรงคุณวิเศษปฏิบัติได้ถึงขั้นกายสิทธิ์ อย่างเช่น ปฐวีธาตุ ของท่านเจ้าคุณนร ท่านให้ไปเก็บหินใต้น้ำที่บางบ่อเท่านั้น ห้ามเก็บจากที่อื่น เนื่องจากที่นั่นได้มีพญานาคราชได้ถวายกายสิทธิ์ให้แก่ท่าน เช่นเดียวกันกับปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ที่ต้องเป็นหินจากใต้แม่น้ำโขง ณ ตำแหน่งบริเวณที่ท่านได้กำหนดบอกให้ไปเก็บ เนื่องจากพญานาคราชได้ถวายให้ท่านดุจเดียวกัน หินที่ได้รับการถวายจากพญานาคราชนี้ ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุลม มีกายสิทธิ์ฝ่ายสัมมาทิฐิเข้าครอง ซึ่งส่วนใหญ่กายสิทธิ์เหล่านี้จะบรรลุธรรมขั้นสูง อีกทั้งได้รับการอธิษฐานจิตจากพระเถระเจ้าที่ทรงคุณวิเศษ จึงกล่าวได้ว่ามีอิทธิปาฎิหาริย์ และพุทธานุภาพ เหนือชั้นกว่าเหล็กไหล และให้คุณแก่ผู้ครอบครอง

ทางทีมงานใช้เวลาร่วมกว่า 5 เดือน ถึงจะได้ปัถวีธาตุกลางลำน้ำโขงครบตามจำนวนซึ่งผมได้รับมอบจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เคารพแจ้งว่าปัจจุบันหาได้ยากมาก กว่าจะได้สักหนึ่งเม็ดต้องตักหินดินทรายจากกลางลำน้ำโขงขึ้นมาประมาณ 10-20ตันกว่าจะพบ 1 เม็ดที่มีความใสบริสุทธิ์พอที่จะใช้ได้

ต้องขอขอบพระคุณท่านมากๆครับที่ใช้ความเพียรพยายามสรรหามาให้อย่างที่ผมและทีมงานตั้งใจเอาไว้​

 

แก้วนาคราช หรือ "ปัฐวีธาตุ" จากลำน้ำโขง

......ธาตุกายสิทธิ์อีกชนิดนึ่งที่พบได้ในบ้านเรา กายสิทธิ์ชนิดนี้เป็น "หินแก้ว" ที่เกิดอยู่ภายใต้ลำน้ำโขง กายสิทธิ์ชนิดนี้แหละครับที่เราจัดว่าเป็น "เพชรพญานาค" โดยแท้เพราะมีอิทธิฤทธิ์สูงส่งมาก ครูบาอาจารย์ที่มีญาณสื่อกับพญานาคได้ ท่านจะนำเอาหินชนิดนี้มาทำการเสกอธิฐานให้เป็นของที่มีฤทธิ์เพิ่มขึ้นตามใจปราถนา ฝากให้พญานาคท่านช่วยดูแลคุ้มครองผู้ที่ได้รับ



ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ไป ผู้ที่ได้ฌานได้ญาณหลายท่านเมื่อนั่งตรวจดูด้วยทางใน ก็มักพบว่ามีเทพยดาที่เป็นนาคราช หรือพญานาครักษาดูแลอยู่ แม้ว่าเป็นหินที่อาจหาพอได้ตามแม่น้ำลำธารแต่ก็ประมาทไม่ได้ ในธรรมชาตินั้นมีสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นเสมอดั่ง เช่น "หินแก้วใต้น้ำ" หรือที่เรียกกันว่า "ปฐวีธาตุ"


ลักษณะของ "ปฐวีธาตุ" นั้นมีรูปร่างกลมบ้าง แบนบ้าง บางชิ้นเรียวยาวเป็นรูปลักบี้ และมักมีลัษณะมน เนื่องจากถูกกระแสน้ำพัดกลิ้งไปมาอยู่โดยตลอด อำนาจจากกระแสน้ำได้ทำการเจียหิน กลึงหิน ด้วยอำนาจจากธรรมชาติจึงทำให้หินแก้วเหล่านี้มีลักษณะกลมมน ดูแล้วสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ บางชิ้นอาจมีรูปทรงที่ไม่แน่นอน สีขาวใสคล้ายสาคู โปร่งแสน บางชิ้นก็ขาวขุ่น ใครเห็นแล้วก็จะรู้สึกชอบในรูปร่างของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทันที


บางท่านอาจเรียกว่า "เพชรพญานาค" ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะสิ่งนี้มีญาณพญานาครักษาดูแลอยู่ ในความเป็นจริงเราอาจพบปฐวีธาตุหรือหินแก้วใต้น้ำได้จากหลายๆ สถานที่ แต่สำหรับสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแก้วใต้น้ำที่มีคุณภาพดีที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดต้องเป็นหินแก้วใต้น้ำที่มาจากแม่น้ำโขงเท่านั้น ทั้งนี้เพราะแม่น้ำโขงเป็นเวียงวังของเหล่าบรรดา "นาคราช" ทั้งปวง เป็นสายน้ำแห่งความศักดิ์สิทธิ์


หินปฐวีธาตุนี้ ถือว่าเป็นกายสิทธิ์จากเมืองบาดาล เป็นบริวารของดวงแก้วบรมจักรพรรดิ บางชิ้นนี้มีกายทิพย์ชั้นจุลจักรรักษา บางชิ้นมีกายในเป็นพระมหาจักรพรรดิ บางชิ้นมีกายในเป็นพระบรมจักรพรรดิ์ก็มี ต้องให้ผู้ที่ได้ตาใน หรือได้ธรรมกายตรวจสอบดูจึงทราบได้แน่ชัด


นอกจากนี้กายสิทธิ์จากลำน้ำโขง ปฐวีธาตุยังถือว่าเป็นกายสิทธิ์ที่มีพลานุภาพจากธาตุน้ำ หรือเด่นในอาโปธาตุ ผู้ที่บูชาจะพบกับความร่มเย็นเป็นสุข และเกิดความอุดมสมบูรณ์แก่บุคคลผู้นั้น เพราะตามธรรมชาติธาตุน้ำ เป็นธาตุแห่งความอุดมสมบูรณ์ และยังมีอำนาจทางเส่นห์เมตตามหานิยมอย่างยอดเยี่ยมด้วย


แก้วกายสิทธิ์จากลำน้ำโขง ที่เรียกว่า "ปฐวีธาตุ" นี้นับว่าเป็นแก้วจักรพรรดิชนิดนึง ที่ให้คุณทางด้าน บันดาลลางสังหรณ์ บันคาลความสำเร็จ ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง เป็นวัตถุธาตุที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารกับพญานาคได้ ผู้ที่ได้สมาธิจิตมีศีล สมาธิ ปัญญาอันอบรมดีแล้วท่านั้นจึงสามารถครอบครองกายสิทธิ์ชนิดนี้ได้ และสามารถนำกายสิทธิ์ชนิดนี้มาอธิฐานจิต เพื่อประกอบการกุศลได้ด้วย


"แก้วปฐวีธาตุ" หรือ "แก้วนาคราช" นี้ถือว่าเป็นดวงแก้วที่มีตัว คำว่า "มีตัว" ในภาษาชาวบ้านนั้นหมายถึงมีชีวิต มีจิตใจจิตวิญญาณอยู่ภายในนั้นเอง สามารถแสดงฤทธิ์ด้วยตัวเองได้ ดูเป็นของตายแต่ที่จริงเป็นของมีชีวิต หากดวงแก้วนาคราชเห็นว่าผู้ใดไม่ควรอยู่ด้วยท่านก็จะเสด็จหนีหายไป แต่หากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านย่อมบันดาลสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้น รวมทั้งอาจทำให้องค์อื่นๆ เสด็จมาเพิ่มอีกอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง​