มนุษย์ควรคล้อยตามธรรมชาติ ไม่ควรฝืนธรรมชาติ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 4 ตุลาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : หน้าฝน ฝนตกมากน้ำจะท่วม ผมไม่ได้หยุดฝน แต่ผมจะทำให้ฝนชลอ ตกเป็นช่วงๆ ไม่ให้มาก ถ้ามากแล้วน้ำจะท่วม เพราะพื้นที่จะระบายไม่ทัน ไม่ทราบว่าจะไปรอดไหมครับ ?

    ตอบ : ก็ขึ้นอยู่ว่าคุณทำได้จริงไหม ? อย่างนี้จริงๆ ก็เป็นแค่ know how เอาไว้ก่อน แล้วต้องมีการทดสอบเพื่อยืนยันผล แล้วผลที่ยืนยันจะเป็นผลแล็ปไม่ได้ ต้องเป็นของจริงด้วย ถ้าหากว่าของคุณเอาเขาไปพิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่รอดหรอก ความคิดดี มีโอกาสเป็นไปได้ ต้องลองดูก่อน นี่แหละ...คือสิ่งที่คุณจะเริ่ม ฝืนกฎของกรรม ลองดูก็แล้วกัน

    ถาม : ผมไม่ได้ฝืนมากครับ ผมฝืนนิดหนึ่ง

    ตอบ : นิดหนึ่งก็แค่ทั่วกรุงเทพฯ ไม่มากหรอก ๑๐ กว่าล้านคน คือถ้าเขาเคยกระทำสิ่งที่เป็นโทษมา ถึงเวลาเขาก็ต้องลำบากเดือดร้อน ลองดูก็แล้วกัน ถ้าหากว่าทำไปแล้วมีแต่คนขวางรอบข้าง แสดงว่าสิ่งนั้นยังไม่สมควร ถ้าทำไปแล้วมีแต่คนสนับสนุนก็สมควรทำแล้ว

    ถาม : พอรู้จริงๆ ว่าเป็นกฎแห่งกรรม กฎนี้ห้ามทำ กฎนี้ห้ามละเมิด

    ตอบ : ไม่ได้ว่าอะไร บอกให้ไปทำเลย เพียงแต่บอกให้รู้ว่า จริงๆ แล้วไปฝืนเรื่องของธรรมชาติเขา ธรรมชาติเขาให้คล้อยตาม เขาไม่ให้ไปขัดขวาง

    ถาม : คนที่เขาโดนน้ำท่วม แสดงว่าเขาเคยทำกรรมมา ?

    ตอบ : จะต้องมีกรรมที่เป็น อทินนาทาน มาแน่นอนเลย

    ถาม : ถ้าหากว่าเราไม่เคยทำ สมมติว่าจะโทษมีเหตุร้าย ?

    ตอบ : เอาอย่างนี้ จะยกตัวอย่างให้ฟัง คือ หลวงตาปรีชา แกไปจำพรรษาที่ วัดถ้ำสุมะโน พัทลุง วันนั้นน่ะน้ำท่วมหาดใหญ่ แกดันทะลึ่งคิดจะไปเยี่ยมโยมน่ะ แล้วแกก็ไปติดอยู่ ๕ วัน ยังดีที่กรรมน้อยหน่อย ห้องที่โยมเขายกให้ มีตู้เย็นมีอาหารเต็มตู้พอดีเลย แต่ก็ติดอยู่ ๕ วัน ตอนที่รถลอยตุ๊บป่องทั้งหาดใหญ่นั่นแหละ

    [​IMG]

    ถาม : ผมไม่เข้าใจครับ ผมเรียนทางโลกมา ฝรั่งเขาคิดว่า อะไรที่ต้องแก้ต้องแก้ทุกอย่าง ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าคนไทยคิดว่ากฎแห่งกรรม ไม่ต้องไปแก้มัน ทุกอย่างไม่แก้ๆ ก็ไม่ไปไหนสิครับ ?

    ตอบ : ก็บอกว่าลองดูได้ ถ้าหากว่าสำเร็จก็แปลว่าสมควรแล้ว ถ้าหากว่าไม่สำเร็จก็แปลว่าไม่สมควร ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ค้านนี่หว่า บอกให้ลองเสียด้วยซ้ำไป

    ถาม : กรรมที่ว่าบ้านพัง ของหายบ่อยๆ นี่ ?

    ตอบ : อทินนาทาน ทั้งนั้นแหละจ้ะ พวกทรัพย์สินสูญหาย หรือว่าโดนภัยธรรรมชาติ พวกนี้เป็นเศษกรรมจากอทินนาทาน

    ถาม : แล้วกรรมพวกหลงทางไปไหนไม่ถูก ลืมง่าย ?

    ตอบ : เจตนาชี้ทางผิดให้คนอื่นหรือเปล่า ?



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ (ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ



    .
     
  2. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    อนุโมทนาสาธุครับ ถือเป็นความรู้อีกอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้ที่บ้านไม่เคยเจอน้ำท่วม อาจจะเพราะอยู่ในชัยภูมิที่ดี หรือเพราะด้วยทำกรรมดีมา ก็มิทราบได้ แต่ถ้าน้ำท่วมใหญ่มาถึงก็ไม่แน่ใจแล้ว
     
  3. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    อยู่ที่ว่าเราจะอยู่กับธรรมชาติได้อย่างไร ไปหยุดธรรมชาตินั้นทำไม่ได้ แต่หาวิธีอยู่รวมกันดีกว่า
     
  4. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    อนุโมทนาสาธุึีครับ บ้านผมเนี่ยของหายบ่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ สงสัยคงจะเป็นอทินนาทาน แน่ๆเลย
     
  5. F๐rNirvana

    F๐rNirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +317
    อนุโมนาครับ ตอนนี้ผมก็กำลังฝืนธรรมชาติอยู่

    ธรรมชาติของกิเลสสิ่งชั่วร้าย ต้องกำจัดมันออกให้ได้ ^^ (f)
     
  6. ชัยธนันท์

    ชัยธนันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    859
    ค่าพลัง:
    +1,488
    อนุโมทนาสาธุครับ ถูกแล้วครับอย่าฝืนธรรมชาติ คุณไม่มีทางเอาชนะธรรมชาติได้หรอก เช่นตอนนี้จีนกำลังทำเขื่อนยักษ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ ธรรมชาติก็กำลังทดสอบเขื่อนเขาอยู่เหมือนกัน ส่วนบ้านเราก็เอาหินไปถมชายทะเล แต่น้ำทะเลก็ซัดแรงขึ้นๆสุดท้ายก็ต้านไม่ไหว
     
  7. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,261
    ....บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด อยู่โดดเดี่ยวในสวน เรียกว่า อยู่หลังเดียว ห่างออกไปมีโรงสี ไซโลใหญ่ คนงานต่างด้าวเยอะ แต่คราวไหนที่พ่อกับแม่ ไม่อยู่บ้าน ก็ไม่เห็นท่านฝากบ้านไว้กับญาติคนไหน เพราะกลางคืน มืดๆคงไม่มีใครอยากมาดูให้ และทุกครั้งก็ไม่เคยมีคนขโมยของหรืองัดแงะอะไร...อย่างที่ทราบ นอกจากขโมยอาชีพแล้วยังมีพวกติดยาเยอะแยะที่หมู่บ้าน แต่ก็ไม่เห็นมีใครคนใด ประสงค์จะขโมยของที่บ้านสักที(ไม่อยากให้มีหรอกนะคะ) ก็เลยเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ที่บ้านคงไม่มีใครทำผิดศีลข้อ 2 เป็นแน่
    .....เคยสังเกตุบางบ้านที่เป็นข่าว ขโมยขึ้นบ้าน 7 ครั้งบ้าง โดนขโมยแล้วขโมยอีกจนต้องติดป้ายบอกโจรว่า ไม่มีของให้ขโมยแล้ว ทั้งๆที่บ้านเหล่านี้ ก็อยู่ในเมืองมีผู้คนสัญจรไปมา บางบ้านก็อยู่ติดกันเป็นทาวเฮาส์ ก็ยังโดนทีเีดียวหลายบ้านในคราวเดียวกัน
    ....พอมาเทียบกับบ้านเกิดของตัวเอง ต่างกันลิบเลย แต่ก็ปลอดภัยมาึถึงเดียวนี้ แต่ไม่ใช่ว่า ของไม่เคยหายนะคะ แต่ของที่หายไปนั้น เกิดจาก คนยืมใช้ แล้ว ยืมต่อๆกันไป อย่างเช่น มอเตอร์ไซด์ มีคนยืมไปใช้ แล้วก็มียืมไปอีกทอด แล้วหาย แต่ว่า จะตามเจอทุกครั้งไป แล้วทุกครั้งจะเจอแบบเดียวกันคือ จอดไว้ข้างทางเฉยๆ ในหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปตามภูเขาน่ะคะ(ไปไกลมาก)แม่มีเคล็ดลับคือ จุดธูปกลางแจ้ง บอกกล่าว พระแม่ธรณีค่ะ ไม่เกิน 7 วันได้คืน ของทุกอย่าง อะไหล่ทุกชิ้นอยู่ดีมีสุข
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...