เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    วิสัชนาธรรมโดยหลวงปู่พุทธะอิสระ

    ปุจฉา-วิสัชนา ที่ผมนำมาเผยแผ่ก็เพื่อ ให้กลุ่ม บุคคลทั้ง สามฝ่าย รวมทั้งผมด้วย ได้เข้าใจกัน ให้ถูกตรง

    ปุจฉา : ผู้ที่ไม่ยอมทำบุญ หรือทำแบบขัดไม่ได้ ไปอ้างว่าตนเองไม่ได้ทำความชั่ว ก็ถือว่าดีแล้ว มันอยู่ที่ใจ โดยเน้นว่าบุญมันอยู่ที่ใจ เราจะอธิบายเรื่องของการทำบุญอย่างไร
    วิสัชนา : ไม่ต้องอธิบายอะไรเลย ปล่อยให้มันตายไปเอง ถือว่าคนพวกนี้ไม่รักตัวเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของตนเองได้มาจากอะไร เค้าคิดว่าพ่อแม่ผสมพันธุ์กันก็ออกมาเป็นตัวเค้าแค่นี้ก็จบ คนพวกนี้มีมิจฉาทิฐิ ถ้าจะช่วยเค้าด้วยความเอื้ออาทร บริสุทธิ์ใจจริง ๆ ก็ต้องบอกเค้าว่าสิ่งที่คุณเป็นอยู่นี้ เพราะมีของติดตามคุณมา คุณใช้ของเก่าหมดไป คุณก็ไม่เหลืออะไร สุดท้ายคุณก็ไม่มีอะไรจะใช้ และก็ตกเป็นทาสของอะไรๆ เยอะแยะที่คุณเผลอทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะฉะนั้น คนที่มีมิจฉาทิฐิ อย่างนี้เป็นคนที่ค่อนข้างที่ยากจะชักจูงและก็จำไว้ว่าบุญที่บริสุทธิ์นั้นเค้าไม่ชักจูงกันหรอก
    เมื่อใดที่มีคนมาชวนเราทำบุญ เราทำแบบเสียไม่ได้ ทำไปหนึ่งร้อยอาจได้บุญหนึ่งสลึง แต่ถ้าเมื่อใดที่เราคิดเห็นคนอื่นทำบุญแล้วเกิดศรัทธา ปรารถนาจะทำ ถึงแม้ไม่มีอะไรเลย แค่มีข้าวมื้อเดียว ที่เหลือจานสุดท้าย หรือทัพพีสุดท้าย ถ้าทำไป ก็จะได้บุญมหาศาล จำได้ว่า สมัยที่หลวงปู่อยู่แถวสลัมคลองเตย ตอนนั้นออกบิณฑบาตตอนเช้ามืดตีห้ากว่า มีคนขาขาดข้างหนึ่งและแขนขาดข้างหนึ่ง มีอาชีพขอทานอยู่แถวๆ ทางรถไฟ หลวงปู่ก็เดินนับหมอนรถไฟไปบิณฑบาต พอเค้าเห็นหลวงปู่เดินผ่านมา เค้านึกยังไงไม่รู้ บอก นิมนต์เจ้าค่ะ ขออภัยด้วย ท่าทางจะไม่ประณีตนัก เหลือไข่เค็มครึ่งลูก กับข้าวต้มร้อนๆ หนึ่งชาม นี้มื้อสุดท้าย เดี๋ยวค่อยหาเอาใหม่ แล้วก็ใส่บาตร สิ่งที่หลวงปู่อธิษฐานตอนนั้นในใจก็คือ ขอท่านผู้มีคุณจงสำเร็จสมหวังดังท่านปรารถนา ตอนนั้นเค้าตั้งจิตอธิษฐานว่าลูกที่ทิ้งเค้าไป พลัดพรากจากกันไป ขอให้ได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข หลังจากนั้นอีกสองอาทิตย์ ผลปรากกฏว่าลูกที่หายไปนั้นกลับมาหาและก็พาเค้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ ใหญ่โตมโหฬาร
    แสดงให้เห็นว่า บุญน่ะทำด้วยหัวใจ ก่อนทำเต็มใจ ขณะที่ทำตั้งใจ ทำแล้วสบายใจ เป็นบุญอันยิ่งใหญ่ มหาศาล ถึงแม้จะเป็นเพียงไข่เค็มเหลือๆ ข้าวต้มชามน้อย ก็เป็นบุญมหาศาล ตรงกันข้ามกับการที่ไปทอดกฐิน เดี๋ยวใส่บาตร ใส่ซองหน่อย บ่น โอ๊ย! เอาอีกแล้ว วันทั้งวันเจอแต่ซอง จะถือเคล็ดอยู่แล้ว อะไรอย่างนี้เป็นต้น เอาเงินมันมาก็ไม่ได้ประโยชน์ แล้วหลวงปู่ว่าเป็นบุญของคนพวกนี้ก็จะไม่เอา หรือย่างมีคนเอาสตางค์มาวางไว้ข้างหน้าเป็นล้านบอกหลวงปู่ครับมาถวายเงินหนึ่งล้านบาท แต่เขียนชื่อผมด้วยบนหน้าบัน หลวงปู่บอกเลยว่า มึงเก็บคืนไป แล้วถามว่าจะเอาบุญหรือเอาชื่อถ้าเอาบุญที่นี่มีแต่บุญให้ แต่เอาชื่อที่นี่ไม่รับ ทำบุญที่นี่เป็นบุญบริสุทธิ์ ที่ไม่ได้มุ่งหวังขอให้อะไรกลับมา ให้เงินมากกว่าล้าน ให้เป็นสิบล้าน ร้อยล้าน ที่นี่ก็ไม่รับ แต่ไม่ใช่อวดรวย อวดมั่ง อวดมี ตอนหลวงปู่สร้างวัดก็มีสตางค์ ๓ บาทติดกระเป๋า ถึงวันนี้ก็มี ๓ บาทไม่เคยเพิ่ม ไม่เคยลด และก็ไม่เคยได้ใช้มัน เพราะฉะนั้นก็มีอยู่แค่นี้ ก็ไม่เคยคิดว่าตนเองต้องการหรือตะกละในความไร้สาระของคนที่มาทำบุญ อยากจะมียศ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
    เพราะฉะนั้น คนทำบุญที่นี่ต้องบุญบริสุทธิ์ บุญที่เกิดจากการชักชวน เป็นบุญที่ไม่บริสุทธิ์ บุญที่เกิดจากความตั้งใจ เป็นบุญบริสุทธิ์ ถึงจะเป็นทานที่ไม่ประณีตนักเป็นทานที่ค่อนข้างจะหยาบ ตัวอย่างเช่น มีนางทาสีท่านหนึ่งในสมัยพระศาสดายังมีชีวิตอยู่ นางทาสีโดนเศรษฐีใช้ให้ไปเก็บข้าวที่เค้าเกี่ยวเอาไว้และวางที่หัวคันนานางเดินผ่านมาเห็นพระศาสดา บิณฑบาต แต่นางไม่รู้จัก นางเป็นแค่คนรับใช้ของเศรษฐีอาหารอย่างดีก็คือแป้งจี่ที่ทำด้วยรำหยาบกับแป้ง ทำเป็นโรตีพกมาไว้กินตอนกลางวัน เห็นพระศาสดามาบิณฑบาต ก็ขอนิมนต์รับอาหาร แล้วนางก็หยิบแป้งจี่จากชายพกถวายพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงเห็นว่านางผู้นี้จะมีอายุสั้น แล้วนางก็มีบุญที่จะได้ฟังธรรม มีโอกาสจะได้เกิดเป็นเทพบุตร เทพธิดา วันนี้นางก็จะตาย ก็เลยเปิดฝาบาตรรับ รับแป้งจี่อันนั้น แค่แป้งจี่ที่เป็นอาหารชั้นหยาบ ทำด้วยรำหยาบ นางใส่บาตรด้วยความรู้สึกที่เป็นสุข หลังจากใส่แล้วพระศาสดาก็ทรงอนุโมทนา พอนางเดินไปหัวคันนาก็โดนงูกัดตาย แต่บุญที่นางได้ทำไว้เมื่อครู่นี้ยังเต็มเปี่ยมในหัวใจ นางไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดกับพิษงูร้ายที่กัดข้อเท้าทำให้จิตวิญญาณของนางไปสู่สุคติ โลกสวรรค์ไปเกิดเป็นเทพธิดาที่มีบริวารมากมายมหาศาล มีแสงสว่างพุ่งออกมาจากกายของนาง นี่แค่แป้งจี่แผ่นเดียวเท่านั้นเอง แต่เพราะทำด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมที่จะทำให้
    เพราะฉะนั้น เวลาที่หลวงปู่ทำบุญนั้น หลวงปู่จะไม่ใส่ใจหรอกว่าใครจะคิดอย่างไรแต่ถ้าเป็นบุญแล้วหลวงปู่จะเป็นคนชอบทำบุญ คิดว่าเราทำ เราได้เราจะอาศัยคนอื่นมาทำให้เราคงทำไม่ได้ ถามว่าทำไมหลวงปู่ต้องไปทำกับข้าวเอง เลี้ยงเด็กตั้งสัปดาห์ละ ๖,๐๐๐ คน ต้องไปนั่งทำกับข้าวเองทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงสิบโมงเช้า ก็ถ้าให้คนอื่นทำคนอื่นก็ได้บุญไปหมดเราทำเอง เราก็ยังได้บุญของเราบ้าง เราทำเองเราก็สบายใจ
    การที่หลวงปู่เลี้ยงเด็กสัปดาห์ละตั้ง ๖,๐๐๐ คน ไม่ใช่เลี้ยงเพื่ออยากเอาชื่อเสียงเกียรติยศ แต่เลี้ยงเพื่อที่จะเป็นข้อต่อรองของโรงเรียน มีโครงการเยอะแยะที่หลวงปู่คิดขึ้นเพื่อที่จะทำให้ศาสนามันเจริญรุดหน้ารุ่งเรือง สมัยก่อนไปขอโรงเรียนบอกว่าฉันจะส่งพระมาช่วยสอนในโรงเรียนนะ เค้าบอกว่าไม่ว่าง ไม่มีเวลา ตารางสอนไม่มี แต่หลังจากที่เราเอาอาหารไปเลี้ยงเค้าทั้ง ๑๗ โรงเรียน ๔ อำเภอ เค้าบอกว่ามีเวลาว่าง พร้อมที่จะจัดตารางสอนให้เราเพราะฉะนั้นเมื่อเค้าว่าง มีเวลาพร้อมจะจัดตารางสอนให้เรา ก็ทำให้เราสามารถที่จะเผยแพร่ธรรมในโรงเรียนได้ เราก็จะมีโอกาสไปสอนเด็กนักเรียน ให้รู้จักเรียนธรรมะชั้นนักธรรมตรี โท เอก ได้ ขณะเดียวกันเรามีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสชีวิตเด็ก ก็จะได้รู้ว่าเราจะช่วยเหลือ สนับสนุนการศึกษาเด็กอย่างไร จะให้เงินไปเป็นทุนปลูกผักสวนครัวปลูกรั้วกินได้ เลี้ยงสัตว์ ถ้าเราให้ไปโดยไม่ได้ไปดูแล คิดว่าเดี๋ยวก็สูญ นี่คือวิธี
    ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ มานั่งคุยกับหลวงปู่ ถามว่า แล้วท่านจะเลี้ยงอย่างนี้ไปตลอดชาติเหรอ หลวงปู่บอก ไม่ใช่! แต่มีวิธีที่จะต้องเลี้ยงคือหาเรื่องต่อรอง ไม่งั้นเราจะไม่ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนเท่าที่ควร ส่วนใหญ่เวลาจะไปขอเข้าไปสอนในโรงเรียนเค้ามักบอกไม่ว่าง ไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ตารางสอนเต็ม แต่พอเรามีบทต่อรองกับโรงเรียนได้นี่เค้าเปิดโอกาสให้เรา ทุกโรงเรียนก็แจ้งความจำนงว่าปีหน้าเค้ายินดีให้เราไปสอนเด็กนักเรียนได้สัปดาห์ละ ๓ ชั่วโมง อย่างนี้เป็นต้น
    นี่คือวิธีการ หลายคนดูหลวงปู่ทำกับข้าวแล้วก็สมเพช สงสารและก็ไม่เข้าใจว่าทำทำไม แต่นี่คือคำตอบแล้วล่ะ หลวงปู่ทำเพื่อให้มีโอกาสได้เผยแผ่ธรรมะในโรงเรียน พวกเค้าจะได้ปลดปล่อยตัวเองจากวิถีชีวิตอันเลวร้าย ที่ต้องตกเป็นทาสของยา ตกเป็นทาสของความฉุดกระชากลากถู จากสิ่งต่างๆ จากสังคมรอบข้าง และได้มีโอกาสพบเห็นชีวิตจริงๆ ของพวกเค้าด้วย จะได้แก้ไขได้ถูกต้อง แก้ปัญหาได้ถูกจุด
     
  2. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    ของฝากให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมและผู้ขวนขวายในบุญกุศลทั้งปวง

    คนเรานั้นจะดีนั้นไม่ใช่เพราะการสรรเสริญ คนเราจะเลวได้ไม่ใช่เพราะถูกแช่งด่าหรือถูกติเตียน ความดีจะมีขึ้นมาได้ หรือความไม่ดี จะมีขึ้นมาได้ ก็เพราะอาศัยเราปฏิบัติเท่านั้น

    สรรเสริญ นินทา ความถูกความผิด มันอยู่ที่ความเห็นของเราที่มีต่อคนอื่น ถ้าเราเห็นคนอื่นผิด ก็มีแต่ผิด และขัดขวาง ความขัดข้องหมองใจย่อมเกิดขึ้น ถ้าเห็นคนอื่นดี คนนั้นเราก็สรรเสริญ เราก็พึงพอใจไม่ต่อต้าน ตามจริงแล้วคนที่ดีอยู่แล้ว ถึงไม่สรรเสริญคนนั้นก็ยังคงความเป็นคนดี คนเลวนั้นถึงไม่แช่งด่าคนๆนั้นความเลวก็ยังมีอยู่ ดังนั้นเราทุกคนจึงไม่ควรหักหาญน้ำใจซึ่งกันและกัน ควรปรับปรุงตนเองไปในทางที่ถูกที่ควรดีกว่า รู้รักสามัคคีกันดีกว่า

    แท้ที่จริงแล้วคนเรานั้น และสัตว์ทั้งหลายก็มีธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เสมอกัน มีอาการ 32 เสมอกัน มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น ความเปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และความแตกดับเป็นที่สุด เสมอกัน ไม่ว่าเป็นคนดี คนชั่ว บารมีมาก บารมีน้อย ไม่มีความแตกต่างกันเลย

    ท่านทั้งหลายอย่ามองคน ด้วยฐานะ อย่ามองคน ด้วยศักดิ์ศรี อย่ามองคน ด้วยความรู้ ความสามารถ

    ให้พากันมองผู้อื่น สัตว์ว่า เป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมด มีเมตตาต่อกันทั้งกายวาจาใจ อย่าพากันดูถูกดูแคลนกัน อย่าพากันลุ่มหลงในตน ในบุญ ในบาป ในความสามารถตนเอง ในครูบาอาจารย์ ผิด-ถูกให้เรียนรู้ ให้ใช้ปัญญาในการบุญการกุศล ในการเคารพเชื่อฟังครูอาจารย์ มีศรัทธาอันถูกต้องที่นำไปสู่การพัฒนาตน ไม่ให้เป็นทาสของกิเลสตัณหา

    ถ้ายังพากันทำบุญกุศล มีกิเลสตัณหานำหน้า สร้างวัด สร้างพระพุทธรูป ถวายพระไตรปิฎกเป็นจำนวนมากตลอดชีวิต ก็ยังไม่ถึงบุญถึงกุศลอยู่ดี เพราะเป็นเหมือนผู้บกพร่องอยู่เสมอ จงทำบุญกุศลด้วยความอิ่มเอิบใจ ด้วยศรัทธาบิรสุทธิ์อันไม่มีกิเลสเจือปน บุญนั้นทำแล้วจึงจะส่งผลให้เย็นกาย เย็นวาจา เย็นใจ เกิดความสุข ความเจริญ ความศิริมงคลแก่ตนยิ่งนัก

    กุศลทำแล้วกายวาจาใจต้องฉลาดขึ้นไม่เป็นทาสของกิเลส ทั้งก่อนทำ ระหว่างทำ และหลังทำ ก็ควรอยู่ในอาการเสมอกัน



    ขออนุโมทนาการบุญการกุศลของทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2006
  3. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    สงสัยว่ากว่าระบบของ 3 โพธิสัตว์จะลงตัวได้ ผมคงต้องเหนื่อยหอบอีกหลายวาระ หลวงปู่ท่านเคยบอกผมว่า เบื้องบนเขาให้ 3 โพธิสัตว์ลงมาช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนา ผมก็เข้าใจว่าเมื่อสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์และ ม้าแก้วมณีกาบตัวที่ 3 เสร็จ เมื่อทุกส่วนประดิษฐานบนแท่นที่พระธาตุวัดป่าสีดาฯแล้ว ผู้ขี่ม้าคือพระโพธิสัตว์อีกสองท่าน คงจะแสดงตัวออกมาชัดเจน ถึงเวลานั้นผมคงจะหายเหนื่อยไปเยอะครับ

    พิจารณาไปก็คงใกล้จะถึงกาลเวลาที่หลวงปู่ท่านเคยบอกคณะของผมที่เข้าไปในปี 2540 ว่า "ทนเอาหน่อยไม่ได้หรือไง อีกไม่นานก็ถึงยุคของพวกเราแล้ว ถึงเวลานั้นพวกโต(ตัว) จะได้เห็นเทวดาตัวเป็นๆแบบคนนี่ และ จะได้เห็นกันว่าพระอรหันต์แท้ๆนั้นเขาเป็นกันอย่างไร ก็จะเป็นเหมือนยุคพุทธกาลอีกครั้งนึง ที่พระศรีฯมายกยอพระศาสนา"

    ขณะเดียวกัน ก็อดคิดไม่ได้ว่า หลวงปู่ท่านเคยพูดถึงเรื่องนิวเคลียร์ให้ผมฟัง 2-3 ครั้ง ท่านว่าเขายิงมาก็สู้ความบริสุทธิ์ของโลกอุดรไม่ได้ ผู้ที่ถึงโลกอุดรนั้นเขาสามารถปรุงภพภูมิเก็บนิวเคลียร์ได้ ก็ไม่โดนโลกมนุษย์ ท่านบอกว่า นิวเคลียร์โลกภายในก็มีนะผู้พัน เขาก็ยิงมาที่วัดอยู่ เขายิงมาทดสอบปู่ ปู่ก็สะกดมันไว้" ตอนนี้หลวงปู่ท่านก็ไม่อยู่ ผมก็สงสัยว่า ที่พระครูโลกอุดรท่านบอกผมว่า อีกหน่อยโลกก็จะมืดเจ็ดวันเจ็ดคืน ผมก็เลยเข้าใจว่า วันนึงในอนาคตอันใกล้บนโลกมนุษย์นี่อาจจะมีความเป็นไปได้สูงที่นิวเคลียร์จะลงเพราะเท่าที่ศึกษาดูสิ่งที่จะทำให้โลกมนุษย์มืดมิดได้เจ็ดวันเจ็ดคืนนี่อาจจะมาจากนิวเคลียร์ก็เป็นได้ครับ

    ก็เข้าใจว่าเมื่อเทวดา 6 จำพวกที่ทำหน้าที่เสี่ยงทายคัดมนุษย์ด้วยศีลธรรม และความดีของมนุษย์จากการทำบุญกุศล เทวดาอีกพวกนึงก็จะทำหน้าที่ล้างมนุษย์ผู้ไม่มีศีลธรรม ด้วยระบบวิบัติของ ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและภัยสงคราม จะเหลือมนุษย์ที่ดี มีศีลธรรมจำนวนเท่าไหร่ ก็ต้องรอดูหลังวันเวลาที่โลกมืดมิดเจ็ดวันเจ็ดคืน ช่วงเวลาใกล้ๆนี้น่าจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อไปสู่ยุคพระจักรพรรดิ์หรือยุคของสามร่มโพธิ์ศรี ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกไว้ครับ เท่าที่สังเกตดูตอนนี้คนที่เขามีอภิญญาหรือมีบุญญฤทธิ์แปลกๆ เริ่มปรากฏตัวและสื่อถึงกันมากขึ้นเรื่อย
     
  4. เอกชัย_ส

    เอกชัย_ส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +10
    อะไรกันหรือครับอาจารย์

    อาจารย์ครับ ผมไปเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย แล้วมีไปพาดพิงอะไรกับที่ผมรถคว่ำด้วยหละครับ ผมไม่ช่ายศิวดล หรอกนะครับ ช่วงหลัง ๆ นี้ สัปห์ดา หนึ่ง ๆ ผมก็แทบจะไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว ใจก็ห่วงแต่จะช่วยสร้างหอฯ โดดงานเป็นประจำ แล้วจะเอาเวลาไหนมาเขียนกระทู้ยาว ๆ ผมรู้เรื่องนี้ก็จากคนอื่น ๆที่เค้าอ่านเว็บ แล้วแวะมาที่วัดนี่แหละ

    อาจารย์มาพูดแบบนี้ทำให้ผมน้อยใจไม่น้อยนะครับ ผมหนะศรัทธาอาจารย์หลาย ๆ เรื่องนะครับ อย่างเรื่องของการทำทาน อาจารย์ก็ให้แง่คิดผมหลายอย่าง และคำพูดหนึ่ง ที่ผมจำขึ้นใจก็คือ "ใครประมาทหลวงพี่นะ เข้าวัดไม่ได้สักคน" อาจารย์ยังยกตัวอย่างพี่ วัฒ... ให้ผมฟังผมก็เชื่อมาตลอด ตอนหลัง ๆ ผมก็เห็นอาจารย์แปลก ๆ ไป ไม่ค่อยพูดคุยกับหลวงพ่อเลย แล้วก็ไม่ค่อยเห็นมาวัดด้วย ผมเป็นห่วงอาจารย์นะครับ ไม่อยากให้อาจารย์เป็นไปตามคำพูดของอาจารย์เอง
     
  5. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    "...วัยของเราตถาคตแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราเป็นของน้อย เราจะละพวกเธอไป เรากระทำที่พึ่งแก่ตนแล้ว พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีล อันดีเถิด จงเป็นผู้มีความคิดตั้งมั่นดี แล้วตามรักษาจิตของตน

    ผู้ใดเป็นผู้ไม่ประมาท อยู่ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้น จะละซึ่ง การเวียนว่ายตายเกิด แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้..."
     
  6. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ขอให้สมปรารถนาอย่างที่ตั้งใจไว้ สาธุ
     
  7. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เอก...พี่ๆเขาคุยกันหมดแล้ว ว่าใครทำอะไร ใครให้ข้อมูลใคร อาจารย์คุยกับอบ กับแจ็คแล้วด้วย ได้ข้อมูลมาแทบทุกอย่างแล้ว ใครทำอะไรไว้นั้นปกปิดกันไม่ได้หรอก เอกเป็นคนละคนกับศิวดลก็จริง แต่ข้อมูลบางอย่างนั้นได้จากใครบ้างล่ะ พวกเราตอนนี้ที่เข้าๆ-ออกๆ อยู่ในวัดนั้นเหลืออยู่ 2-3 คนเอง

    หลายสิ่งหลายอย่างครูบาอาจารย์บางท่านรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ อย่างเรื่องอุบัติเหตุ อาจารย์ก็บอกแจ็คไปแล้วว่าขออภัยที่อาจารย์รู้ล่วงหน้าว่าแจ็คจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่ได้บอกให้แจ็คระมัดระวัง เพราะคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ ก็พิจารณาว่าแต่ก่อนเราพาคนมาทำบุญที่วัด เราไม่เคยพบกับอุบัติเหตุใดๆที่ทำให้เสียเลือด หัวร้างข้างแตก แต่ปัจจุบันนี้เมื่อแยกกันทำบารมี หลายคนเจออุบัติเหตุกันบ่อย ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมบุพกรรมมันเข้ามามากตอนที่น้องๆทำบุญกันเยอะแล้ว หรือว่ามีอะไรที่ทำกันในวัดผิดพลาดหรือเปล่า อาจารย์มองเห็นว่ามีอยู่ แต่คนในวัดหรือน้องๆที่ทำอยู่ที่วัด มองไม่เห็นก็ต้องปล่อยไป สักวันคงจะรู้เอง ถ้าคิดว่าเป็นบุพกรรมละก็หาให้พบว่าเป็นกรรมอะไรหรือให้ไปรู้เหตุของกรรมนั้นด้วย

    ลองเอาข้อพิจารณาของพี่ๆหลายคนที่เคยให้ข้อคิด ซึ่งสอดคล้องกับที่หลวงปู่ท่านสอนไว้ก็คือ เราต้องปฏิบัติให้ถูกทั้งทางโลกและถูกทั้งทางธรรม หากเราละเลยหรือไม่ใส่ใจเรื่องการทำงานทำการก็จะเป็นการผิดทางโลก สำหรับเรื่องทางธรรมนั้นก็หลงผิดกันได้ไม่ยาก แค่หลงนิมิต หรือมีอุปาทาน ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว

    เรื่องการไปวัดนั้น อาจารย์ไปในวาระที่สำคัญจริงๆก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไปวัดบ่อยๆโดยไม่มีจุดมุ่งหมายว่าจะไปทำอะไร ก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ สู้เก็บเงินค่าน้ำมันเอาไปทำบุญอย่างอื่นจะดีกว่า ปัจจุบันอาจารย์ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปวัดบ่อยๆเพราะพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่ทำอยู่นั้นทำอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ครูบาอาจารย์บางท่านก็ทำบารมีในสิ่งที่เราไม่เคยทำ เราก็ไปร่วมบุญกุศลกับท่านเพื่อการเรียนรู้
    เอกคิดว่าทำไมอาจารย์ต้องไปวัดบ่อยๆล่ะ วัดเราตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรมาก มีแค่การก่อสร้างที่เอกทำอยู่เท่านั้น สำหรับการพูดคุยกับหลวงพี่นั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรต้องคุยกันมากเพราะการปฏิบัตินั้นส่วนใหญ่ไปคนละแบบ ผลการปฏิบัติก็แตกต่างกันออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าไปคิดว่าการทำบารมีนั้นจะต้องเข้าไปทำในวัดอย่างเดียวล่ะ หลวงปู่ท่านไม่ได้สอนแบบนั้นนะ

    อย่างวัฒ...นั้นแม้เขาจะไม่มาวัดเขาก็ไปทำบารมีอยู่กับหลวงพ่อวิรพล ไปช่วยสร้างพระแก้วมรกตขนาดใหญ่ และเขาก็ยังทำบารมีอยู่กับอาจารย์คือเขารับผิดชอบเรื่องสร้างม้าแก้วมณีกาบกันอยู่ครับ

    ดังนั้นเอกไม่ต้องห่วงอาจารย์หรอก ให้ห่วงตัวเองให้มากๆเข้าไว้ บริหารจัดการตัวเองให้เป็น อาจารย์คิดว่าแม่ของเอกก็คงห่วงเอกมากเช่นกัน ดูแลแม่ให้มีความสุขตามอัตภาพก่อนจะดีกว่านะ เรื่องวัดค่อยๆทำไปอย่าทำอะไรจนตัวเองเกิดทุกข์ เพราะแทนที่จะมีความสุขจากการทำบุญ ก็จะเป็นความทุกข์เข้ามาแทน ให้เป็นตัวของตัวเองให้มากก็จะดีขึ้น
     
  8. KEN_BP

    KEN_BP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +544
    ขออนุญาต ท่าน Aunyasit และต้องขอขมากับทุกท่านด้วยครับ
    กระผมขออนุญาตเขียนตอบนิดหนึ่งนะครับ
    /////
    เรียนคุณ KEN_BP
    ขอโทษครับ ผมไม่มีเจตนาให้วัดนี้มัวหมองนะ ถ้าใครเข้าใจแบบนั้นก็ผิดครับ ผมไม่เคยพูดเรื่องที่มัวหมองด้วยซ้ำ แต่คุณจุดประเด็นนี้มาก็ขออธิบายนิดนะว่า เรื่องที่พวกคุณกับคณะสร้างทำกับวัดนี้เป็นเรื่องน่ามัวหมองมากกว่านะ ทางออกที่มี ผมและหลายคนในที่นี้ก็แนะนำไว้จนขี้เกียจจะพูดแล้ว ตัวคุณเองก็น่าจะสำรวจดูตัวเองบ้างนะ ถ้าให้ดีก็ลองไปวัดนี้ดูบ้าง ไม่ใช่จำจากใครมาเขียน หรือใครเขียนให้อ่านแล้วก็เชื่อง่ายๆ มันไม่ใช่ปัญญาที่แท้จริง..ขอโทษที่พูดแรง
    /////
    ขอขอบคุณครับที่เตือนผม ผมจะมีปัญญา หรือไม่มีปัญญา ไม่สำคัญหรอกครับ
    แค่ผมอยากให้ทุกท่านลองพิจารณากันใหม่ และไม่อยากให้มีความขัดแย้งครับผม
    และก็เห็นมีหลายคนพยายามเตือนกันดีแล้ว กระผมคงไม่ขอยุ่งอีกต่อไป

    สักวันหนึ่งกระผมก็คงตาย พ่อก็ตาย แม่ก็ตาย มันก็ธรรมดาครับ สำหรับผม
    กระผมขออนุญาติให้ความเห็นเพิ่มนิดหนึ่งนะครับ

    พระสงฆ์หลายรูปเป็นพระอริยเจ้าก็มากมาย ดูอาจจะไม่ยากนัก
    และก็มีพระสงฆ์ไม่น้อยเมื่อตายไป ก็อาจจะไปอบายภูมิได้ เฉกเช่นปุถุชน
    บุคคลบางท่านก็สามารถเป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่ขั้นโสดาบันได้เป็นต้นไป

    แต่ไม่ใช่ผมนะครับ ต้องรีบบอกก่อน
    พุทธภูมิบางท่านบารมีก็ไม่น้อย ก็ขอให้ทุกท่านระวังกันให้ดี เผลอปรามาสเข้าจะลำบาก

    ขออนุโมทนาบุญกุศลกับทุกท่านที่เป็นคนดีด้วยนะครับ
    สวัสดี<!-- / message -->
     
  9. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    ...การบำเพ็ญเพียรใดๆก็ดี การสร้างบารมีใดๆก็ดี ต้องออกจากจิตอันประกอบด้วยศรัทธาอันบริสุทธิ์ ประกอบด้วยสติปัญญา ประกอบด้วยขันติ ตบะ เมตตาต่อกันและกัน ผู้น้อยให้ความเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ชี้นำทางผู้น้อยในทางที่ถูกต้อง คุยปรึกษากันให้เกียรติกันและกัน ประชุมกันเป็นเนืองนิจ ปรึกษาข้อปัญหาด้วยกัน

    งานต่างๆนั้นจะสำเร็จได้ต้องอาศัยบุคคลหลายบุคคลร่วมกัน มีศรัทธาเดียวถึงจะสำเร็จไปด้วยดี

    การเดินทางในวัฏฏสงสารนั้น ยาวนานและเต็มไปด้วยอันตราย อันตรายเพราะความเกิดในจตุราบาย เกิดสถานที่อันไม่น่าปรารถนาแห่งตน อันตรายเพราะต้องแก่ เจ็บ ต้องพลัดพราก อันตรายเพราะความโลภบ้าง อันตรายเพราะความหลงบ้าง อันตรายเพราะโกรธขัดข้องหมองใจบ้าง ท่างทั้งหลายพึงพิจารณาให้มากๆ...พึงระลึกเสมอว่า...ท่านทั้งหลายที่ได้มร่วมทำกุศลด้วยกันในชาตินี้ ในสถานที่เดียวกัน ในสำนักครูอาจารย์คนเดียวกัน ในพระพุทธศาสนาเพราะท่านทั้งหลายได้เคยปรารถนาร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน เคยเป็นพ่อแม่พี่น้องกันมา เคยเป็นเพื่อนกันมา มาร่วมกันบุญเพื่ออะไร เพื่อแสวงหาสิ่งอันประเสริฐ เพื่อจะได้สดับตรับฟังคำสอนจากผู้ที่เต็มเปี่ยมด้วยบารมี เพื่อนำไปประพฤติ ปฏิบัติให้เกิดขึ้นในตน อย่างที่ท่านเป็นและได้บำเพ็ญมา

    อย่าลืมจุดประสงค์ดั้งเดิมกัน พากันเสาะแสวงหาครูอาจารย์กัน เมือ่พบแล้ว เห็นแล้ว ต้องพากันดำรงไว้ซึ่งปฏิปทาท่านโดยการปฏิบัติตาม จริงอยู่อามิสบูชาก็มีผลอานิสงส์มาก แต่ก็ยังไม่สู้ปฏิบัติบูชาตามคำสั่งสอนท่านผู้เป็นอาจารย์ และเมื่อบูชาทานด้วยอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาเสมอกันแล้ว ความประเสริฐเป็นเลิศย่อมเกิดขึ้นเป็นแน่แท้

    ยุคสามร่มโพธิ์ศรี หรือไปเกิดในสมัยพระศรีอาริยเมตตรัย ไม่ได้สำเร็จไปด้วยการถวายทานอย่างเดียว หรือการบำเพ็ญเพียรรักษาศีลให้บริสุทธิ์ หรือการเจริญภาวนาอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เสมอกัน ทั้งภายนอกและภายใน ทำไปพร้อมๆกัน ถ้ามีโอกาสทำทานสร้างวัด สร้างพระก็ทำตามแต่โอกาสและความสะดวกแห่งตนอำนวยให้ ไม่ก่อให้เกิดทุกข์แก่ตนและผู้อื่น ทำบุญด้วยปัญญา มันต่างจากทำบุญด้วยความหลงงมงาย

    เมื่อว่างจากการให้ทาน สร้างวัดวาอาราม การกุศลภายนอกต่างแล้ว ต้องเจริญภายในให้สมบูรณ์ตามไปด้วย

    โพธิ์ที่ 1 คือพระพุทธเจ้าอันคือพระมหาโพธิสัตว์พระศรีอาริยเมตไตรย ผู้บารมีเต็มเปี่ยมแล้ว พร้อมตรัสรู้แล้วเสด็จลงมาประกาศธรรมอันไม่ตายแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง
    โพธิ์ที่ 2 คือพระธรรมอันเป็นคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าที่กล่าวไว้ดี ตรัสไว้ดีแล้วว่านำออกจากทุกข์ได้จริง
    โพธิ์ที่ 3 คือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วสำเร็จซึ่งมรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1

    โบราณจารย์กล่าวไว้เป็นธรรมาธิษฐานไว้ให้คิดสำหรับคนมีปัญญา เมื่อบุคคลใดก็ดีเอาโพธิ์ต้นใดต้นหนึ่งเป็นที่พึ่งเป็นสรณะแล้ว ความขัดข้องใจ ความพ้นทุกข์ ความไม่มีกังวลย่อมเกิดแก่บุคคลนั้นๆ ชีวิตอันประเสริฐ ความร่มเย็นย่อมสำเร็จแก่ตนเป็นแน่แท้ ภัยพิบัติต่างๆย่อมไม่ทำอันตรายได้เพราะพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพเหมือนดังที่พระศรีศากยมุนีได้ตรัสไว้ในธชัคคสูตร

    อนุโนทนา
     
  10. xchan

    xchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +106
    ก็อย่างที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้นน่ะครับว่าให้เราพิจารณาเป็นธรรมมะดังนั้นก็ขอเชิญแต่ละท่านแลกเปลี่ยนธรรมมะได้เลยครับ และขอยก โคลงโลกนิติ บทหนึ่งคือ

    ศาสตร์ใดจะล้ำเท่า________ธรรมทาน
    ทรัพย์สิ่งใดไกรทาน _______ที่ให้
    รักใดจักปูนปาน__________รักสัตย์ ศีลนา
    สุขสิ่งใดจักได้___________สุขเพี้ยงนฤพาน ฯ


    สมเด็จฯกรมพระยาเดชาดิศร

    ขอโพสรูปสักนิดนะครับ "เบื้องหลังความสำเร็จ" ที่จะฉลองวันที่ 5 นี้แล้ว

    ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pic01.jpg
      pic01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49 KB
      เปิดดู:
      57
    • pic02.jpg
      pic02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.3 KB
      เปิดดู:
      46
    • pic03.jpg
      pic03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.9 KB
      เปิดดู:
      53
    • pic04.jpg
      pic04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.4 KB
      เปิดดู:
      47
    • pic05.jpg
      pic05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.9 KB
      เปิดดู:
      52
    • pic06.jpg
      pic06.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60 KB
      เปิดดู:
      45
  11. tomon2

    tomon2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +77
    ชู 2 นิ้ว สู้ตายเลยนะ ! ดูเหมือนจะเป็นพวกบล็อกพิมพ์หุ่นไฟเบอร์ สงสัยจะเป็นแบบของเทวดาองค์โตๆ แน่ ใช่ไหมครับ อนุโมทนาบุญทุกท่านครับ แต่จะให้แจ๋วนี่ ถ้ามีบรรยายใต้ภาพก็จะทำให้ได้เข้าใจรายละเอียดดียิ่งขึ้นครับ...
     
  12. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    ฎีกาถวายหอทองธรณีจักรแก้ว ที่วัดป่าสีดาฯ ครับ

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี<O:p</O:p

    เพื่อสมโภชถวายหอทองธรณีจักรแก้ว<O:p</O:p
    และพิธีมงคลฤกษ์เริ่มสร้างวิหารพระศรีอาริยเมตไตร<O:p
    ถวายแด่หลวงพ่อทองคำศรี รัตนโคตร(หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย)<O:p
    ณ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร<O:p
    บ้านฝายแตก(สังคมพัฒนา) หมู่ที่ ๘ ต.สีกาย อ.เมือง จ.หนองคาย<O:p
    ในวันอังคาร ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ (ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ ปีจอ)<O:p</O:p
    ความเป็นมา<O:p</O:p





    ในวันที่เจ้าชายสิทธัตถะจะทรงตรัสรู้เป็นพระศรีศากยมุนีพระพุทธโคดมบรมครู ได้มีกองทัพพญามารยกทัพมารังควาญพระโพธิสัตว์ในการบำเพ็ญธรรม และตอนนั้น เหล่าเทวดาทั้งปวงก็มิอาจอยู่คุ้มครองพระโพธิสัตว์ได้ ด้วยเพราะเกรงอำนาจแห่งกองทัพพญามาร แล้วพญามารจึงอ้างถึงว่าไม่มีผู้ใดที่เป็นพยานในบุญกุศลของพระโพธิสัตว์ได้เลย ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระแม่ธรณีจึงทรงปรากฏพระวรกายขึ้น แล้วทรงแสดงตนเป็นพยานในบุญกุศลของพระโพธิสัตว์ แล้วทรงบีบน้ำจากมวยผมซึ่งคือบุญกุศลทั้งหมดของพระโพธิสัตว์นั่นเอง น้ำจากมวยผมของพระแม่ธรณีนี้ได้ท่วมท้น และขับไล่กองทัพพญามารให้พ่ายแพ้ไป ดังนั้น สมเด็จพระแม่ธรณี จึงเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะแห่งธรรม และทรงเป็นทิพย์พยานในการบำเพ็ญบุญบารมีของมนุษย์ และบุญกุศลความดีของบุคคลนี้เอง ที่จะช่วยให้บุคคลนั้นเอาชนะอุปสรรคได้ <O:p</O:p
    และในอนาคตกาล พระบรมศาสดาองค์สุดท้ายในภัทรกัปป์นี้คือพระศรีอาริยเมตไตร ผู้ที่ออกผนวชพร้อมญาติพงศ์และบริวาร ทำความเพียรเพียง ๗ วัน ก็บรรลุซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ พญามารได้อัปราชัยไปตั้งแต่ตระเตรียมทัพ ดังนั้น วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร จึงได้มีการสร้างหอทองธรณีจักรแก้ว บรรจุสมเด็จพระแม่ธรณีบีบมวยผมและเครื่องธรรม เพื่อสมโภชพุทธบารมีแห่งองค์พระศรีอาริยเมตไตร และอธิษฐานบารมีให้เหนือมารไพรี ตั้งแต่แรกเริ่มสร้างวิหารพระศรีอาริยเมตไตรถวายแด่หลวงพ่อทองคำศรี รัตนโคตร(หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย) และเป็นที่เก็บรักษาสรีระสังขารของท่านให้สมพระเกียรติแห่งมหาบูรพาจารย์ต่อไป<O:p</O:p

    กำหนดการ<O:p</O:p

    วันอาทิตย์ ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๙ : พิธีขานนาคสู่ขวัญก่อนอุปสมบทหมู่<O:p
    วันจันทร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๙ : พิธีอุปสมบทหมู่ <O:p

    <O:p

    วันอังคาร ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๙ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ ปีจอ)<O:p</O:p




    เวลา ๐๖.๐๙ น. พิธีบวงสรวงเทพยดา<O:p</O:p
    เวลา ๐๙.๐๙ น. พิธีมงคลฤกษ์ เริ่มสร้างวิหารพระศรีอาริยเมตไตร เพื่อถวายแด่ หลวงพ่อทองคำศรี รัตนโคตร(หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย)<O:p</O:p
    เวลา ๑๐.๐๙ น. พระภิกษุสวดพระปริตร, พระเถระเทศนา<O:p</O:p
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุสงฆ์ ๓๐ รูป<O:p</O:p
    เวลา ๑๙.๐๙ น. พระภิกษุสวดพระอภิธรรมสหัสนัย<O:p</O:p

    คณะกรรมการดำเนินงานฝ่ายสงฆ์วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร<O:p

    พระสุวิทยา จันตะธัมโม ประธานดำเนินงาน<O:p</O:p
    พระนพดล กิตติวัณโณ กรรมการ<O:p</O:p
    พระเสถียร ธนปัญโญ กรรมการ<O:p</O:p

    คณะผู้ดำเนินงานฝ่ายฆราวาส ได้แก่คณะลูกศิษย์วัดป่าสีดาฯ


    ทั้งนี้ทางวัด เรียนเชิญผู้ศรัทธาทุกท่านครับ
    ขอให้ได้พบดวงแก้ว ให้แคล้วบ่วงมาร พบหน้าพระศรีอารย์...เบื้องหน้าเทอญ
     
  13. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    เพิ่งไปโรงพิมพ์วันนี้ สัปดาห์หน้าพี่น้องเราช่วยกันแจกซองด้วยล่ะ เวลามีไม่มาก
    เรื่องวิหาร ได้ซื้อเหล็กมาแล้วสองแสนกว่าบาท ท่านใดอยากทำบุญเพิ่ม ทางวัดก็เรียนเชิญครับ ผมเองพอมีความรู้พื้นฐานด้านวิศวกรรมโยธาบ้าง(เรื้อตำราอยู่เหมือนกัน) ปลายปีนี้จะช่วยหลวงพ่อเขียนแบบโครงสร้าง... ดังนั้น หากท่านใดมีความรู้เรื่องวิศวกรรมการก่อสร้าง(โครงสร้าง) หรือสถาปัตย์ หากเมตตาก็กรุณาชี้แนะผม และทางวัดได้นะครับ ขอบคุณมาก
     
  14. ดาวมงคล

    ดาวมงคล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +75
    ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในวันนี้ หอทองธรณีจักรแก้ว

    (verygood)
    [​IMG]
    ทางเข้าวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ครับ
    [​IMG]
    วันบวงสรวงสมเด็จพระแม่ธรณีใครเป็นใคร ดูกันเอาเองนะ

    [​IMG]
    อันนี้มีเสา มีคานแล้ว เอ คุ้น ๆ หน้าคล้ายๆ เจ้าของกระทู้แฮะ

    [​IMG]
    เอ้ารับปูนนะข้างบน เอ มีสาวๆ ยกปูนอยู่ข้างหลังด้วย

    [​IMG]
    ผ่านกาลเวลา เป็นรูปเป็นร่างขึ้น เรื่อยๆ

    [​IMG]
    อัญเชิญสมเด็จพระแม่ธรณีขึ้นประทับบนหอฯครั้งแรก

    [​IMG]
    คนละไม้ละมือช่วยกันบรรจุของบูชาลงในพิมพ์หน้าบรรณมงกุฎ

    [​IMG]
    ใครเอ่ย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-1.jpg
      Untitled-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.9 KB
      เปิดดู:
      707
    • Untitled-2.jpg
      Untitled-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.9 KB
      เปิดดู:
      858
    • Untitled-3.jpg
      Untitled-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.5 KB
      เปิดดู:
      712
    • Untitled-4.jpg
      Untitled-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.3 KB
      เปิดดู:
      712
    • Untitled-5.jpg
      Untitled-5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.5 KB
      เปิดดู:
      691
    • Untitled-6.jpg
      Untitled-6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.6 KB
      เปิดดู:
      695
    • Untitled-7-1.jpg
      Untitled-7-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33 KB
      เปิดดู:
      712
    • Untitled-8.jpg
      Untitled-8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.1 KB
      เปิดดู:
      711
    • Untitled-7.jpg
      Untitled-7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.3 KB
      เปิดดู:
      537
    • Untitled-9.jpg
      Untitled-9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.3 KB
      เปิดดู:
      543
    • Untitled-10.jpg
      Untitled-10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.1 KB
      เปิดดู:
      542
    • Untitled-11.jpg
      Untitled-11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.6 KB
      เปิดดู:
      548
    • Untitled-12.jpg
      Untitled-12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.9 KB
      เปิดดู:
      542
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤศจิกายน 2006
  15. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    -สู้ตายครับ...เสื้อครอปไฟเบอร์กลาสท้าวมหาราช...มันทั้งเหม็น ทั้งคัน...ไม่เป็นไรมีชุดเก่ง อิอิ...ถือสกัดไว้ในมือเตรียมสะกัดตรงจุดไม่ออกครับ อ่ะ.

    -รูปต่อมา แกะแม่พิมพ์ยางซิลิโคลนแล้ว...ที่หล่อด้วยเซริน น่าจะเป็นองค์แรก....ออกมาสวยพอดู....แต่เอ๋ มันเปลืองน้ำยาไม่ใช่น้อย...สงสัยเปลี่ยนมาใช้ปูนดีกว่า ประหยัดได้อีกเยอะ...น้ำยามันแพง อิอิ.

    -รูปต่อมา ก็ไม่มีอะไรกำลังวางแผนอะไรในใจเสียหน่อย...เอาอย่างไรดีนะ.

    -รูปต่อมา สะกัดตรงข้างลาย ตรงที่มันแล็บออกมาจนติดกันไปหมด....เครื่องมือ หินเจียรมันเข้าไม่ได้ก็สะกัดเอาก็แล้วกันนะ.

    -รูปนี้ไม่มีอะไร...ส่งต่อ อ่ะ...ก็มันสูงออกอย่างนั้น.....อะไรนิดอะไรหน่อยก็ต้องส่งต่อซิ.

    -รูปสุดท้าย...ลายตัวนี้ใช้เยอะทั้ง ใช้ตั้ง ทั้งใช้ห้อย....เล่นมันกลางแดดนี่แหละ แห้งไวดี....ไม่ต้องรอนาน....พิมพ์มันไว้เยอะ ๆ มันอยากใช้มากนี่.

    ผิดพลาดประการด้วยขออภัยด้วย....บรรยายไปตามรูปที่เห็น...อิอิ....ขอมีส่วนร่วมนิดหนึ่ง..ไม่รู้ตรงตามนั้นเปล่านะ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2006
  16. narit108

    narit108 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +16
    ตื่นเต้นจริงๆแทบจะรอวันฉลองหอพระแม่ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมานานเลยนะครับ แต่หายเหนื่อยทุกครั้งตอนเห็นรอยยิ้มหลวงพ่อ ตอนลากลับ เรียนเชิญผู้สนใจไปร่วมสร้างได้นะครับ ยังเหลืองานอีกพอสมควร
     
  17. tomon2

    tomon2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +77
    เห็นในรูปคณะผู้สร้าง ที่คุณบัวญี่ปุ่นโพสมา มีแต่พวกคนหนุ่มคนสาวทั้งนั้น ขออนุโมทนาในความเพียรครับทุกท่าน แต่ดูรู้สึกผู้พันจะอ้วนไปนิดนึง(อันนี้แซวเล่นนะครับ) :cool:

    ขอบคุณ chatyman ครับ:p คุณเป็นช่างเหมือนกัน คงดูออก ได้ยินว่าคุณติดกระจกสีต่างๆได้ใช่ไหมครับ เห็นจากวัดท่าซุงสวยมั่ก มั่ก เห็นว่าสมัยก่อนหลวงพ่อฤาษีลิงดำเองก็เคยสร้างเองแบบนี้กับลูกศิษย์ใกล้ชิดและช่างเหมือนกัน ไม่ทราบว่าเคยได้ยินไหมครับ....

    [b-wai]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2006
  18. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    อย่างน้อย...ธรรมข้อนี้ก็สอนให้หลายคนรู้ว่า
    สามัคคี คือพลัง อันทำให้เราปลอดภัย และทำอานิสงส์ต่างๆ สำเร็จตามที่ตั้งจิตไว้ มีหัวหน้า คือครูบาอาจารย์ไว้นำทาง คนเดินตามก็ไม่หลงทาง ถ้าไม่แตกแถว กองกำลังแห่งจิตที่มุ่งทำความดี ยิ่งจะมีอานุภาพ
    ในประเทศไทยเรา... ยังมีกลุ่มคนร่วมกระทำความดี เพื่ออธิษฐานสิ่งดีๆ ให้กับพระประมุขของชาติ ให้กับโลก อีกหลายกลุ่ม วันหนึ่ง เขาเหล่านั้นหลาย ๆ กลุ่ม คงได้รวมใจกัน
     
  19. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    ศิษย์เก่าวัดดง(วัดป่าสีดาฯ)

    อยากบอกกล่าวให้ชนรุ่นหลังรับรู้ด้วยว่า สมัยก่อนที่หลวงปู่ทองทิพย์สร้างพระธาตุเจดีย์ ศรีมหาโพธิ์ ในวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร กับลูกศิษย์รุ่นเก่าๆ(ยังมีชีวิตอยู่หลายคน) ท่านก็มาควบคุม และลงไม้ลงมือเอง ดูแล้วคล้ายๆ พวกน้องๆ ที่มาสร้างหอทองธรณีจักรแก้วตอนนี้แหละ คนก็ช่วยกันแบกหิน ทราย ตำปูนกันเอง แบกจากปากซอยมา ไกลตั้ง 3 กิโล
    คนสร้างวัดสร้างวา มือย่อมเปื้อนปูน ทั้งหญิงทั้งชาย
    เมื่อทานดีตามวาสนาโอกาส, ศีลพร้อมตามหน้าที่ แล้วภาวนาก็จักดีเองพัฒนาจิตให้สะอาดปราศจากมัวหมองด้วยกิเลสนาๆ
     
  20. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ช่วยกันขวนขวายในการบุญ การกุศลไม่ว่าจะเป็นที่วัดไหนๆ ก็ได้บุญกุศลเหมือนกัน ถ้าจิตประกอบศรัทธาในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระมาตาปิตุคุณ และพระคุรุอาจารยคุณอันบริสุทธิ์

    การบูชาที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา และอาจาริยบูชา และบูชาผู้มีพระคุณต่างไม่ว่าจะเคยให้อาหาร ให้วิชาความรู้ ให้ปัจจัยต่างๆนั้น ควรเป็นการบูชาที่นำไปสู่การสำนึกบาปอกุศลที่ตนได้เคยกระทำมาในอดีตจนถึงปัจจุบัน ให้หยุดกระทำบาปอกุศล สำรวมจิตตนในการละบาปอกุศลที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เกิดอีก แล้วตั้งมั่นในการประกอบคุณงามความดีให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป ไม่ว่าทั้งทางโลกและทางธรรม

    การประกอบคุณงามความดีใดๆ ควรตั้งจิตไว้ให้เป็นกุศลตลอดเวลา ไม่ควรอิจฉาริษยากัน มิเช่นนั้นจะไม่ใช่การทำบุญให้ถึงบุญแท้

    บุญแท้นั้น ใจเราต้องรู้ ตื่น เบิกบาน เมตตาอันไม่มีประมาณในหมู่สัตว์ เกิดความฉลาดในการรู้จักตน ไม่เป็นทาสของกิเลสตัณหา

    การสร้างหอจักรพรรดิ์นั้นไม่ว่าจะหลวงปู่ท่านจะให้สร้าง หรือใครให้สร้างนั้นไม่เป็นประมาณ แต่เมื่อสร้างแล้วให้พึงใช้ปัญญาว่า หอนั้นประกอบด้วยส่วนต่างๆของจักรวาล ประกอบไปด้วยสามโลก ภพภูมิต่างๆ อันมีแผ่นดินคั่นกลาง น้ำล้อมรอบอันหมายถึงมหาสมุทรทั้งสี่ แกนกลางจักรวาลคือเขาพระสุเมรุ ในจักรวาลนี้มีภพภูมิต่างๆอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนาค ครุฑ เทวดา พรหมชั้นต่างๆ มนุษย์ เบื้องบนสูงสุดคือพระพุทธเจ้า ผู้ชนะทั้งสามโลก ผู้ประกาศธรรมอันไม่ตายไปในสามโลก เป็นผู้ไม่มีใครเสมอเหมือน เป็นผู้รู้แจ้งโลกธรรม

    เป็นธรรมานุบายของพระมหาโพธิสัตว์อย่างหนึ่ง ถ้าทั้งสามโลกดำเนินชีวิตภายใต้ธรรมะพระพุทธเจ้า ก็จะมีแต่สันติสุข ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน มีแต่ความเจริญฝ่ายเดียว ผู้ที่ร่วมกันสร้างควรพิจารณาธรรมอันลึกซึ้งเข้ามาในตน ให้เกิดขึ้นในตน

    พึงเจริญสามัคคีธรรม เมตตาธรรม ขันติธรรมเข้ามาสู่ตน ตามเจตนาของหลวงปู่ท่าน

    อนึ่งโลกทั้งสามนี้ ก็บังเกิดขึ้นอำนาจของบุญบาป ไปเกิดตามอำนาจบุญบาป เสวยวิบากตามอำนาจบุญที่ได้กระทำไว้ตอนที่แบกภาระขันธ์อยู่

    คำว่าพระพุทธเจ้าเปิดโลก พึงนำสัญลักษณ์นี้ไปพิจารณา แล้วน้อมให้เห็นด้วยธรรมจักษุจะได้เห็นสัจจะว่า อันแท้จริงแล้ว สามโลกนี้ก็มีอยู่ในตนอันพาให้เวียนว่ายตายเกิดแล้วแต่เราจะยึดมั่นถือมั่นสภาวะอะไรเป็นอารมณ์

    ม้าแก้ว นั้นคือสัญลักษณ์แห่งปัญญาอันรวดเร็วเปรียบดังความเร็วของม้า แก้วคือความบริสุทธิ์ไม่มีมลทินของจิต ผู้ใดได้ถือเอาโพธิ์สามต้น เป็นสรณะแล้วปัญญาอันบริสุทธิ์ที่รวดเร็วดั่งม้าแก้วสามารถชำระล้างกิเลสตัณหาที่มีอยู่ในตนให้หมดไปได้

    ขออนุโมทนาบุญกุศลทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤศจิกายน 2006
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...