พระคาถาต่าง ๆ ที่คณาจารย์หรือผู้รู้ในอดีตบัญญัติขึ้นนั้น หากจะนำมาใช้กับชีวิตประจำวันจะได้ผลจริงหรือ? และผู้ใช้แต่ละท่านจะมีผลสำเร็จเท็จจริงต่างกันอย่างไร? <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o> จะขอเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องแปลก ๆ ให้ฟัง (อ่าน) ในสมัยผู้เขียนยังเป็นเด็ก ดังที่เคยกล่าวมาแล้วว่า บุพการีเป็นคริสต์ชนที่เคร่งครัด เข้าโบสถ์รับศีลกับบาทหลวงทุกวันอาทิตย์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนประหลาดใจก็คือ... <o></o> หากแม้นใครเกิดก้างปลาหรือกระดูกติดคอ จะมาหาคุณพ่อของผู้เขียนให้รักษา!<o></o> การรักษานั้นก็ไม่ได้ใช้เครื่องไม้เครื่องมืออะไร นอกจากน้ำสะอาดหนึ่งขัน ธูปหนึ่งดอก ไม่มีการกำนัลครู หรือค่ายกครูอะไรทั้งสิ้น ถึงเวลา คุณพ่อก็จะจุดธูปท่องคาถาเป่าลงในน้ำ ให้คนที่ก้างปลาติดคอกิน น่าแปลกครับ <o></o> ก็เห็นหายกันทุกราย! <o></o> พอผู้เขียนอายุมากขึ้น จึงถามคุณพ่อด้วยความอยากรู้ว่าเป็นคริสต์ทำไมใช้คาถาได้ และเอามาจากไหน? <o></o> ท่านได้เล่าให้ฟังตอนแรก ๆ ท่านก็ไม่เชื่อหรอก แต่เคยเห็นกันจะๆ มาแล้วว่าพวกคาถาอาคมนั้นใช้ได้ผลจริง ท่านเคยมีเพื่อนเป็น ‘นายฮ้อย’ นายฮ้อยอันนี้เป็นภาษาอีสานที่ไม่ได้เพี้ยนมาจาก ‘นายร้อย’ นะครับ นายฮ้อยเป็นตำแหน่งของผู้คุมกองคาราวานในสมัยก่อนเป็นกองคาราวานต้อนวัวควายลงมาขายแถวทางใต้ คือทางภาคกลางในปัจจุบัน <o></o> พวกนายฮ้อยจะเป็นพวกมีคาถาอาคมขลังหนังเหนียว เพราะในอดีต ห้าหกสิบปีที่ผ่านมา บ้านเมืองมีแต่ป่าเขา มีเสือปล้นอยู่ทุกหัวระแหง นายฮ้อยจึงเป็นผู้คุ้มครองขบวนเดินทางให้ปลอดภัยนั่นแหละครับ! <o></o> คุณพ่อของผู้เขียนได้คาถาเหล่านั้นมาจากนายฮ้อยที่เป็นเพื่อนคนนั้น <o></o> “ลองใช้ดูเวลาคับขัน เห็นว่าใช้ได้ผลก็ใช้มาเรื่อย ๆ” คุณสุรศักดิ์บอกกับลูกชายอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังสั่งให้ผู้เขียนไปเอาดอกไม้ขาวเก้าดอก เทียนเก้าเล่มมาไหว้ครู จะประสิทธิ์ประสาทคาถาให้ <o></o> และผู้เขียนก็ได้วิชาคาถามาสองอย่างคือ คาถาตัดเลือดกับ คาถาสะเดาะก้างปลาสะเดาะกระดูกติดคอ <o></o> พอได้มาก็ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง น่าแปลกนะครับ ใหม่ ๆ ใช้ได้ผลทุกครั้ง พอนานไปใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็เลยอยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงศึกษาเพิ่มเติมด้วยการหาหนังสือมาอ่าน โดยเฉพาะคัมภีร์พระเวทที่อาจารย์เทพ สาริกบุตร รวบรวมไว้ถึงหกเล่มใหญ่ ๆ จึงเข้าใจถึงความนัย <o></o> ในอดีตเพราะความรู้น้อย การท่องคาถาเกิดจากความเชื่อมั่นประการเดียว ทำให้จิตแน่วแน่ พออายุมากหน่อย จิตแส่ส่ายคิดถึงคนโน้นคนนี้ มีปัญหาเรื่องงานบ้าง เรื่องเพื่อนบ้าง เวลาใช้จึงมักจะไม่ได้ผล <o></o> ยิ่งตอนหลังเริ่มแปลภาษาบาลีออก ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะแปลความแล้วก็มีความหมายพื้น ๆ ไม่น่าจะขลังขึ้นมาได้... <o></o> คาถาเลยชักจะไม่ขลังอย่างเก่า <o></o> เรียกว่ารู้มาก เรียนมาก ทำให้ขาดความเชื่อมั่น <o></o> ส่วนมากพระคาถาต่าง ๆ มักจะถอดมาจากบทสวดมนต์ที่เกี่ยวข้องกับ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ทั้งสิ้นแต่เพราะบทสวดมนต์ยาวเกินไปทำให้ลำบาก หรือในเวลาคับขันใช้ไม่ทัน โบราณาจารย์เจ้าทั้งหลาย จึงย่อส่วนให้สั้นลง เพื่อความสะดวกใช้ได้รวดเร็ว ง่ายต่อการจดจำ...ซึ่งผลสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับภาวะนิสัย-บารมีของแต่ละบุคคลที่ใช้ <o></o> และทุกวันนี้ ภูเตศวรก็ยังใช้พระคาถาอยู่เป็นประจำไม่เคยขาด <o></o> ถ้ามีเวลาว่างมากก็ท่องคาถายาว ๆ อย่างพระคาถาชินบัญชรของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี อย่างเช่นเวลาก่อนนอน หรือนั่งรถนั่งเรือเดินทางไกล <o></o> ...เป็นการฝึกสมาธิอีกแบบหนึ่งด้วยการสวดมนต์ <o></o> บางทีก็ท่องบทสรรเสริญพระพุทธคุณ ‘อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ...ฯลฯ ไปเรื่อย ๆ ...พอเบื่อก็ท่องอิติปิโสถอยหลัง ‘ภะคะวาติ พุทโธ มนุสสานัง สัตถา เทวา สาระติ ปุริสะทัมมะยะนุตตะโร โลกะวิทู สุคะโต สัมปัณโณ จะระณะวิชาสัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา ปิโสติอิ...’อะไรอย่างนี้เป็นต้น... <o></o> อิติปิโสถอยหลังยังมีอีกหลายรูปแบบ...บางท่านท่องถอยกันเป็นตัว ๆเช่น...ภะคะวาติ เป็น... ‘ติวาคะภะ’ ยากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง... เชื่อกันว่าการท่องอิติปิโสถอยหลัง จะได้ผลอานิสงส์ เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยไปไหน ๆ ก็ได้กลับบ้าน เป็นมหาอำนาจ มีฤทธิ์ดุจพระนารายณ์เลยทีเดียว <o></o> ข้อควรจำในการท่องพระคาถาหรือสวดมนต์ ไม่ว่าบทไหนก็ตาม คุณทั้งหลายควรปฏิบัติดังนี้... <o></o> 1. ต้องยึดมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อในอำนาจบารมีแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างไม่คลอนแคลน อย่างสิ้นสงสัย <o></o> 2. ท่องบทพระคาถาอย่างมีสมาธิ คือจิตใจแน่วแน่ ท่องให้ขึ้นเป็นตัวอักษรในใจได้เลยยิ่งดี <o></o> 3. ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้มากแล้วแผ่บุญกุศลนั้นให้กับท่านผู้บัญญัติพระคาถาขึ้น จะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตั้งใจกำหนดตามนั้น รู้จักแผ่เมตตาให้เป็นนิสัย <o></o> 4. หมั่นท่องทบทวนให้แม่นยำ อย่าให้อักขระวิบัติผิดเพี้ยนไปจากเดิม เพราะความผิดเพี้ยนอาจทำให้อานุภาพเสื่อมถอยลง <o></o> ส่วนผลอานิสงส์ในการสวดท่องพระคาถานั้น ผู้ภาวนาจิต จะสงบเหมือนหนึ่งการทำสมาธิ สมาธิที่เกิดสามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวัน ช่วยป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ได้ <o></o> หลักฐานแห่งผลอานิสงส์ของพระคาถานั้น สังเกตได้จากพระอริยเจ้าทั้งหลาย อย่างเช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร นั้น ท่านยังใช้พระคาถาลุงทองประทับหลังวัตถุมงคลของท่านเกือบทุกรุ่น คาถานั้นคือ... <o></o> นะโม วิมุตตา นัง<o></o> นะโม วิมุตติยา <o></o> เป็นคาถาบทย่อที่มีอำนาจส่งผลทาง ‘แคล้วคลาด’ จากภยันตรายสูงมาก ดังจะเห็นจากผู้ใช้วัตถุมงคลของท่านพ้นจากอุบัติเหตุอยู่เสมอ... <o></o> และท่านทั้งหลายจะนำมาท่องบ่นบ้างก็ไม่เป็นการผิดกติกาใด ๆ <o></o> ท้ายสุดแห่งข้อเขียนวันนี้ จะใช้พระคาถาหรือไม่ก็ตาม...ความหมายนั้นก็คือการรู้จักรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณแห่งครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่เราทุกท่านควรยกขึ้นเอาไว้เหนือเกล้าเกศา...ยกเอาไว้ในหัวใจอยู่เสมอ...<o></o> จะเป็นบทสวดมนต์หรือพระคาถาใด ๆ ก็ล้วนมีรากฐานสำคัญในศีล และสมาธิ เป็นหลัก ถ้าได้ ‘ ทาน’ คือการให้เป็นทุนอยู่ด้วยแล้ว ผลบุญนั้นจะส่งผลให้ท่านสามารถนำผลบุญเหล่านั้นมาหนุนส่งความสำเร็จได้มากและเร็วยิ่งขึ้น... www.dhamma5minutes.com
อนุโมทนา สาธุ<!-- google_ad_section_end --> จริงต้อง ต้องยึดมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อในอำนาจบารมีแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นะถึงจะดี
สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O> *
คาถา(นก)ยูงทองครับ เป็นท่อนที่อยู่ในบทพระปริตรชื่อว่า โมรปริตร ครับ เป็นชาติที่พระพุทธองค์ท่านเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์นกยูง ครับ (โมระ แปลว่านกยูงครับ)
เวลาระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ ควรระลึกถึงท่านผู้รจนาคาถาที่เราสวด ด้วยนะครับ เพราะเราไม่มีโอกาสเรียนกับท่านโดยตรง ได้แต่อ่านจากตำรา
อิติปิโสถอยหลัง คาถาอิติปิโสถอยหลัง ติวาคะภะโธ พุทนังสา นุตมะวะเทถาสัตถิระ สามะธัมสะริปุโรตะ นุตอะทูวิกะโรโตคะ สุโนปันสัมนะระจะชา วิชโธพุทสัมมาสัมหังระ อะวาคะภะโสปิติอิ
วิทยาศาสตร์เจริญรุดหน้าได้ไวเพราะความเชื่อที่ถูกต้องแบบพุทธะ คือ เชื่ออย่างมีสติ ค้นคว้าทดสอบทดลอง ไตร่ตรอง หาความจริงอันถูกต้องจนพบหนทางอันแท้จริง ยังผลประโยชน์อันสูงสุด พัฒนามิหยุดยั้ง เวทย์มนต์พระคาถาก้อเช่นกัน ถ้าเราหมั่น ทดสอบทดลองเข้าใจถึงหลักการใช้อย่างแท้จริง วิวัฒนาการ แห่งพลังเวทย์ก้อจะเจริญไม่แพ้ วิทยาการวิทยาศาสตร์ จนเป็นที่มาแห่ง วิทยาการพระคาถา
เอิ่ม ดิฉันคงไม่ได้ใช้หายตัว นึกไม่ออกว่าจะต้องหายตัวจริงๆไปทำไม แต่ท่องอิติปิโสถอยหลังได้แล้ว ตอนแรกท่องอิติปิโสธรรมดา วันนึงระหว่างรอรถก็นั่งท่องถอยหลังผิดๆถูกๆจนท่องได้ คือท่องไว้เอามัน บางคนบอกว่า108จบสะเดาห์กลอนได้ เลยท่องไว้เผื่อยามคับขัน 555