ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    กลอน ทุกบทของคุณพี่ ดอกไม้เมืองบน ไพเราะมากค่ะ ^_ู^

    จิตใต้สำนึกและภพชาติ ใน ทัศนะ ของพี่จงรักภักดี เ
    ป็นวิทยาศาสตร์จริงๆค่ะ ชัดเจน เข้าใจง่าย


    ทุกคนเกิดมา ภพชาตินี้ เพื่อถอดถอนสัญญาและจบสัญญา ด้วยปัญญา
    ทุกครั้งเมื่อ่จิตของโมเยระลึกได้ ว่าเจอสัญญาเก่า มาทวง มาสะกิด

    จิตจะเป็นอัตโนมัติ และจะรีบมีสติ ดึงสติ
    และขอให้สัญญานี้ ถือเป็น โมฆะสัญญา โมฆะกรรม


    บุญและความเข้าใจ เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด ในการตัดสัญญา จบสัญญา
    อะไร อะไร ก็ตาม หากเราเข้าใจ ก็จะจบ...เช่นนั้น แค่นั้นเอง ตามหลักไตรลักษณ์


    สัญญา เมื่อพิจารณาให้ดี จะมีหน้าที่ตามมาด้วย
    เมื่อจบความเป็นคนในภพนี้ไป จะได้ทำหน้าที่ให้เสร็จ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2010
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ลายดอกโบตั๋นบนเครื่องทองวัดราชบูรณะ ทางสายธาตุจะลองตามทฤษฏีที่ว่า วัดราชบูรณะเป็นทรงระฆังคว่ำมาก่อนจะเป็นทรงพระปรางค์ใช่หรือไม่ แล้วเครื่องทองในกรุจะเป็นของพระองค์ใดได้บ้าง ถ้าในทางจิตญาน อาจารย์ตาที่สาม ผู้ล่วงลับไปแล้วเคยให้ความเห็นไว้เวปไซด์พันทิป

    ทางสายธาตุตามหลักฐานเพราะเป็นไปตามธรรมชาติของตัวตนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องอะไรๆง่ายๆ จึงต้องอุตสาหะตามหาหลักฐานเสียก่อน จึงจะปักใจเชื่อ ท่านผู้อ่านอาจจะอ่านตาแฉะ เมื่อยตาๆอ่านข้ามไปบ้างก็ได้ค่ะ ข้อมูลเยอะมากทางสายธาตุยังไม่อยากเขียนทั้งหมดเลย มันจะนอกประเด็นธรรมนูญกระทู้นี้ที่จะมีไว้เพื่อการเทิดพระเกียรติพระมหาบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงพระคุณต่อชาวไทยทั้งปวง




    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=2 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#204080 rowSpan=2 width="100%" colSpan=2>
    • [​IMG] <!--WapAllow0=Yes--><!--pda content="begin"--><B><BIG><BIG><!--Topic-->กรุวัด ราชบูรณะ [​IMG] </BIG></BIG></B>

    • <!--MsgIDBody=0-->ถ้าสมาชิกที่ติดตามมาตลอด จะพบว่า ทีอยู่กระทู้หนึ่งที่พยายาม โปส ขึ้นมา สอง สามครั้ง วา ตาที่สามมั่วแหลก โกหก ชาวบ้าน คนที่ มาอ่านทีหลังคงจะตามเรื่อง ไม่ทัน ผม จึง อยาก จะเล่า ย้อนหลังกลับไป ใหม่ เป็นการย้อยรอย

      วันแรกที่รูป พระมาลา หรือ พระศิราภรณ์ปรากฏ ตามข่าวหนังสือพิมพ์ ผม กำหนด จิต ขอ ทราบว่า เป็น ของผู้ใด ปรากฏ ว่า มี ผู้เข้ามาในจิต และบอกว่า เป็นของ เขา และ เขาคือ ศรีสรรเพชญที่สอง ผม ไม่เคยได้ยินมาก่อน จึง โทรไปถามเพื่อนที่เก่งทางประวัติศาสตร์ เขาค้นให้ ตอบมาว่า ศรีสรรเพชญ คือ พระนามเต็ม ของ สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ผู้ที่ชนชาวไทย รู้จัก พระองค์ ดี เพราะเป็น พระมหากษัตริญย์ที่ กู้ชาติจาก พม่าเป็นครั้งแรก

      อีกสองวันต่อมา ผมจึงไปที่ วัดราชบูรณะ พบทีม ถ่ายทำ ข่าว ไอทีวี ที่มีคุณ ทองเจือ ทองเผ่า เป็ผู้ดำเนินการ เราพบกันแต่ไม่ได้เสวนากันแต่อย่างใด ณ ที่นั้น สมาชิกที่ไปด้วยกัน มีสาม คน ล้วนแล้วแต่มีตาทิพย์ มอง ทะลุดิน ได้ เรา พบ หีบสมบัติที่ฝังอยู่ใต้ ดินบ

      ต่อมา เราจึงไปที่ พิพิธภัณฑ์ เจ้าสวามพระยา ซึ่งเก็บของที่ตกค้างอยู่ในกรุเอามาเก็บไว้
      จุดเด่นอยู่ที่ดาบแสงศัตราวุธ ซึ่งเป็นดาบอาญาสิทธิ์ ของพระเจ้าแผ่นดิน
      ผมได้อัญเชิญ องค์สมเด็จพระนเรศวร เจ้า มา อีกครั้ง พระองค์ ได้เสด็จ มา และ รับสั่งว่า เครื่องราชูปโภค และ ราชกกุภัณฑ์ ที่ปรากฏ เป็นของ พระองค์ ที่พระองค์ได้ มาเข้าฝัน องด์ขาวให้เอามาถวายวัด เพื่อ พระองค์จะได้ ละวาง ทั้งศักดิ์ และสิทธิ์ ที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินคืนไป

      พระองค์ จะได้ ลอยตัว ปฏิบัติธรรม ในจิต เพื่อ แก้บาปที่พระองค์เป็นต้นเหตุแห่งการฆ่าฟันคนมากมาในการกู้ชาติ และเป็นบาป

      การจะลอยตัว คือ ต้อง เอา ศักิดิ์และสิทธิมาถวายวัด
      พระองค์ยังทรงขอให้ แจ้งแก่ทุกคนว่า ในงานพิธีกรรมที่เกี่ยวกับ การทหาร เชิญวิญญาณ พระองค์มาเป้นหลัก ชัย ขอ ให้ยกเลิก พระองค์ จะไม่เสด็จมา อีก ต่อ

      เรื่องทั้งหมด ขัดแย้ง กับ การอธิบายของ นักประวัติศาสตร์ ไทย ที่ใช้หลักทางการสร้างเป็นหลัก และ ถ้าคิดเป็น ตรรก หรือ โลจิกเป็นฐาน จะเห็นความแตกต่างดังนี้

      ๑. ถ้า เจ้าสามพระยา สร้าง พระปรางค์ให้แก่ เจ้า อ้ายพระยา กับเจ้า สอง พระยา ที่มาฆ่าฟันกันเอง ในการแย่ง ราชสมบัติ และตายทั้งคู่ สิ่งที่เก็บ น่าจะเป็น ธุลี เถ้า และทั้งคู่ที่ตายก็ไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วจะเอา เครื่อง ราชกกุภัณฑฎ์ ที่ไหนมาใส่ในพระปรางค์ที่ว่า

      ๒ ถ้า สมเด็จเจ้า สามพระยาเป็น กษัตริย์ เป็นไปได้หรือ ที่พระองค์ จะเอา เครื่อง ราชกกุภัณฑ์ ของตนเองมาใส่ไว้ ในพระปรางค์ เพราะเท่ากับว่า พระองค์สละ ราชสมบัติ

      ดังนั้น สิ่งของที่ใส่ไว้ในพระปรางค์จึงไม่ควรจะเป็น เรื่องที่เกี่ยวข้อง กับ เจ้า อ้ายพระยา/เจ้า ยี่พระยา และเจ้า สามพระยา ส่วน การก่อสร้าง พระปรางค์ ก็คงจะเป็นไปตาม ประวัติศาสตร์

      จึงขอเล่ามาให้ฟัง เป็นสังเขป ว่า ในเรื่องห้อง

      หรือ ถ้าไม่ชอบ แบบนี้ คราวหลัง จะได้ไม่เล่าให้ฟัง รู้ไว้คนเดียวดีกว่า จะได้ไม่มีใครมา ทำบาป ว่า เรา <!--MsgFile=0-->จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->ตาที่สาม [​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->4 เม.ย. 48 13:06:14 <!--MsgIP=0-->] <!--pda content="end"-->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    พระมาลาทองคำ หรือ พระศิราภรณ์ทองคำ กรุลายก้านขด ลายดอกโบตั๋น ดุนไข่ปลา และกรุลายดอกบัวด้านบน​

    [​IMG]

    พระแสงขรรค์ชัยศรี ขุดพบที่กรุ วัดราชบูรณะ​

    [​IMG]

    พระสุวรรณภิงคาร ขุดพบที่กรุ วัดราชบูรณะ​

    [​IMG]

    มรกู่ลายกลีบบัวมีไส้ศิลปะราชวงศ์หมิง ขุดพบที่กรุ วัดราชบูรณะ​

    [​IMG]

    เครื่องราชูปโภคบุลายดอกโบตั๋น ขุดพบที่กรุ วัดราชบูรณะ​

    [​IMG]

    ตลับแป้งรูปสิงโตปักกิ่ง ขุดพบที่กรุ วัดราชบูรณะ (คาดเดาเองว่าน่าจะเป็นสินค้านำเข้าค่ะ)

    [​IMG]

    ทางสายธาตุเดาเล่นๆว่า เจดีย์ทองคำองค์นี้จำลองรูปทรงเจดีย์องค์เดิมก่อนจะสร้างเป็นพระปรางค์หรือเปล่า
    คาดเอาเองโดยไม่มีหลักฐานเรื่องทรงพระเจดีย์นอกจากรูปวาดของฝรั่งที่นำเสนอไว้ข้างต้นแล้วค่ะ​


    ถ้าทางสายธาตุคุยเรื่องเครื่องทองก็ไปได้อีกเรื่อยๆแต่จะเลี้ยวกลับยาก ยังมีเรื่องถ้วยกระเบี้องยุคสมัยราชวงศ์หมิง เห็นในรูปบนเวปไซด์วัดทองบ่อ มีโชว์ถ้วยกระเบื้องไว้ก็ไม่รู้มีส่วนอะไรไหม และพระพุทธรูปปั้นแบบไทยผสมจีนและพระพุทธรูปแบบมอญ ในพิพิธภัณฑ์วัดทองบ่อ ยังมีเรื่องให้เขียนอีกเยอะ

    ทั้งนี้และทั้งนั้นทางสายธาตุขอเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระราชวงศ์เป็นหลักค่ะ

    http://www.inform.collection9.net/index.php?doc=doc_detail&id=0043
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2010
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เพลง บ้านเกิดเมืองนอน

    บ้านเกิดเมืองนอน

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1127879/[/MUSIC]​


    เป็นเพลงของวงสุนทราภรณ์ ประพันธ์ ทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน และคำร้องโดย แก้ว อัจฉริยะกุลเป็นเพลงจังหวะฟร็อกทร็อต ชนะการประกวดการแต่งเพลงปลุกใจ เมื่อปี 2488 ในอดีตเพลงนี้ขับร้องโดย มัณฑนา โมรากุล-ชวลีย์ ช่วงวิทย์-สุปาณี พุกสมบุญ-เพ็ญศรี พุ่มชูศรี แต่ไม่ได้บันทึกเป็นแผ่นเสียงไว้

    <CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER></CENTER>
    [​IMG]


    <DL><DD><DL><DD>บ้านเมืองเรารุ่งเรืองพร้อมอยู่ หมู่เหล่า<DD>พวกเราล้วนพงศ์เผ่า ศิวิไลซ์<DD>เพราะฉะนั้นชวนกันยินดี<DD>เปรมปรีดิ์ดีใจเรียกตนว่า ไทย<DD>แดนดินผืนใหญ่มิใช่ทาสเขา<DD>ก่อนนี้มีเขตแดนนับว่ากว้างใหญ่<DD>ได้ไว้พลีเลือดเนื้อแลกเอา<DD>รบ รบ รบ ไม่หวั่นใคร<DD>มอบความเป็นไทยให้พวกเรา<DD>แต่ครั้งนานกาลเก่า<DD>ชาติเราเขาเรียก ชาติไทย</DD></DL></DD></DL><DL><DD>บ้านเมืองควรประเทืองไว้ดั่งแต่ก่อน<DD>แน่นอนเนื้อและเลือดพลีไป<DD>เพราะฉะนั้นเราควรยินดีมีความภูมิใจ<DD>แดนดินถิ่นไทยรวบรวมไว้ได้แสนจะยากเข็ญ</DD></DL><DL><DD><DL><DD>ยากแค้นเคยกู้แดนไว้อย่างบากบั่น<DD>ก่อนนั้นเคยแตกฉานซ่านเซ็น<DD>แม้กระนั้นยังร่วมใจ<DD>ช่วยกันรวมไทยให้ร่มเย็น<DD>บัดนี้ไทยดีเด่นร่มเย็นสมสุขเรื่อยมา</DD></DL></DD></DL><DL><DD>อยู่กินบนแผ่นดินท้องถิ่นกว้างใหญ่<DD>ชาติไทยนั้นเคยใหญ่ในบูรพา<DD>ทุกทุกเช้าเราดู ธงไทยใจจงปรีดา<DD>ว่าไทยอยู่มาด้วยความผาสุกถาวรสดใส</DD></DL><DL><DD><DL><DD>บัดนี้ไทยเจริญวิสุทธิ์ผุดผ่อง<DD>พี่น้องจงแซ่ซ้องชาติไทย<DD>รักษาไว้ให้มั่นคง<DD>เทิดธงไตรรงค์ให้เด่นไกล<DD>ชาติเชื้อเรายิ่งใหญ่<DD>ชาติไทย บ้านเกิดเมืองนอน<DD> </DD></DL></DD></DL>หมายเหตุ เนื้อเพลง 2 ท่อนสุดท้ายเกิดในยุคกรณีพิพาทระหว่างไทยกับอินโดจีน ฝรั่งเศส บันทึกเสียงขับร้องโดยนักร้องหญิง 4 คนของวงสุนทราภรณ์คือ ศรีสุดา รัชตะวรรณ, มาริษา อมาตยกุล, บุษยา รังสี และวรนุช อารีย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2010
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เอ ! เคยมีหลักฐานใดๆบ้างไหมนะครับ ที่กล่าวถึงเพลงหรือคำปลุกใจที่ใช้ก่อนการออกรบ ทราบแต่เพียงว่าจะมีการไหว้พระสวดมนต์ ทำพิธีลั่นฆ้องชัย ตัดไม้ข่มนาม อาจมีการนั่งสมาธิหรือถือศิลบ้างในระดับขุนพล แม่ทัพ น่าสนใจนะครับ ไม่ทราบว่าคุณไก่เหลืองหางขาวหรือท่านอื่นๆมีไอเดีย บ้าง ???
     
  6. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    พระราชมนูยังเข้ามาหรือเปล่าคะ ทางสายธาตุได้อ่านพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเทพฯเกี่ยวกับการเมืองการปกครองไทยสมัยกรุงศรีฯและรัตนโกสินทร์ พระองค์ท่านเรียนวิชาประวัติศาสตร์กับ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ และทรงบันทึกไว้ก่อนจะทรงเสด็จเข้าศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในคณะอักษรศาสตร์ ทางสายธาตุเจอตำแหน่งที่จะต้องกำกับดูแลความสงบของพระนคร มี 4 ตำแหน่งจริงๆด้วย สังกัดกรมวัง (แล้วจะเอาส่วนนี้มาอ่านเขียนให้อ่าน แต่ที่มีถึง 7 คนคงเหมือนทีมฟุตบอล ผู้เล่นตัวจริง 4 คน ผู้เล่นตัวสำรอง 3 คน[/QUOTE]
    ตำแหน่งนั้นๆมีอะไรบ้างครับพี่
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    มีทหารอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่ต้องตามไปทัพ แต่มีหน้าที่รักษาพระราชวัง ก็คือ ทหารล้อมวัง ยามมีศึกสงคราม ทหารล้อมวังจะต้องดูแลความปลอดภัยของพระบรมมหาราชวังและถวายความปลอดภัยแด่พระราชวงศ์

    ส่วนทหารล้อมวังจะมีตำแหน่งอะไรบ้าง ในหนังสือมิได้ระบุ

    ส่วนทหารที่รักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินภายในพระนคร เป็นทหารสังกัดกรมเวียงและกรมวัง ทหารเหล่านี้มีหน้าที่ออกรบด้วยในยามศึกสงคราม

    เย็นนี้จะพิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับกรมเวียงและกรมวังในหนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพฯให้อ่านค่ะ
    -------------------------------------------------------------------------------

    ครั้งก่อนๆ พี่จงรักภักดีกับคุณFort_gordon เคยบอกความหมายของหน่วยส่งเสบียงบำรุงกองทัพ คือหน้าที่ของกรมพลาธิการ

    "อิ่มท้อง ของครบ รบเงียบ เฉียบบริการ" คำขวัญของกรมพลาธิการในปัจจุบัน

    เคยอ่านเจอว่ากองเสบียงถูกตั้งขึ้นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และที่อ่านเจอบ่อยๆตำแหน่งคุมกองเกียกกายมักจะเป็น พระยาเพชรบุรี คุมกองเรือเสบียงในระหว่างออกรบด้วย เท่าทีเคยอ่านเช่น พระยาเพชรบุรี(เรือง)ที่เป็นกองหน้าของทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินออกรบกับพม่า ตำแหน่งพระยาเพชรบุรี นี้มักจะเป็นคนไทยที่มีเชื้อสายจีนมาหลายยุคหลายสมัย

    ที่บริเวณเกาะบ้านเลนแห่งนี้น่าจะเป็นอีกแหล่งหนึ่งในการผลิตเสบียงกองทัพ คล้ายๆกับว่ามีการซื้อหาปลาโดยการเหมามาทั้งลำเรือ อาจจะเป็นปลาทะเล โดยชาวเลจะล่องเรือปลาเข้าหลังจากจับได้ นำมาทั้งลำเรือเข้ามาที่นี่ทันทีที่เต็มลำโดยไม่มีการคัด เมื่อมาถึงชาวพนักงานหลายๆร้อยคนก็จะมาช่วยกันขนลง ช่วยกันล้าง ทำความสะอาดต้องเสร็จทั้งหมดพร้อมให้นำตากแดดให้ได้ภายในวันนั้น ปลาจึงจะไม่เสีย คิดว่าเห็นแบบนี้นะคะ (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ทั้งร้านมีสองเล่มเท่านั้นและมีเจ้าของหมดแล้ว ดิฉันขอร้องเจ้าของร้านว่าดิฉันอยากได้มาก โปรดขายให้ดิฉันเถิด.... จึ่งได้มาค่ะ​
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ตำแหน่งเจ้าพระยามหาอุปราช ศักดินา ๑๐๐๐๐ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นคนกลางระหว่างสมุหพระกลาโหมและสมุหนายก แต่ตำแหน่งนี้เลิกไปภายหลัง

    ฝ่ายพลเรือนแบ่งเป็น กรม หัวหน้ากรมตำแหน่ง เจ้ากรม รองลงไปเป็นปลัดกรม แต่ถ้ากรมนั้นมีเจ้ากรมเป็นเสนาบดี ปลัดกรมจะเป็นที่ปลัดทูลฉลอง (ตรงกับปลัดกระทรวงในปัจจุบัน) ถ้ากรมใหญ่มากจะมีตำแหน่ง เสมียนตรา เพิ่มขึ้นอีกตำแหน่งหนึ่ง คอยดูแลหนังสือราชการ รักษาตราประจำกรม

    กรมสำคัญมากที่สุดกรมหนึ่งคือ กรมมหาดไทย มีอัครมหาเสนาบดีสมุหนายมเป็นเจ้ากรม และมีจตุสดมภ์ กรมย่อยที่สำคัญทั้ง ๔

    สมุหนายกเป็นที่ เจ้าพระยาจักรี ศักดินา ๑๐๐๐๐
    หลวงมหาอำมาตย์ รับผิดชอบในการเกณฑ์คนในหัวเมืองชั้นใน ศักดินา ๓๐๐๐
    จ่าแสนธิบดี รับผิดชอบในการเกณฑ์คนจากหัวเมืองชั้นนอก ศักดินา ๒๔๐๐

    ภายหลังมีตั้งกรมขึ้นใหม่อีก เรียกว่ากรมมนตรีทั้ง ๖ ขึ้นตรงต่อพระเจ้าแผ่นดิน ได้แก่ กรมธรรมการ กรมภูษามาลา กรมพระคลังมหาสมบัติ กรมอาลักษณ์ กรมพราหมณ์หลวง กรมพระนครบาล
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สมุหกลาโหมเป็นที่ เจ้าพระยามหาเสนาบดี ศักดินา ๑๐๐๐๐
    พระธรรมไตรโลก มีหน้าที่เกณฑ์คนในหัวเมืองชั้นใน ศักดินา ๓๐๐๐
    หลวงศรีเสาวราชภักดี มีหน้าที่เกณฑ์คนในหัวเมืองชั้นนอก ศักดินา ๒๕๐๐

    ดูแลการเเกณฑ์คนในมณฑลทางใต้ ในขณะที่สมุหนายกดูแลการเกณฑ์คนในภาคเหนือ
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    การปกครองส่วนกลาง

    ๑ กรมเมือง มีเจ้าพระยาหรือพระยายมราช เป็นเจ้ากรม ศักดินา ๑๐๐๐๐

    ดูแลทุกกิจการ ซ่อมแซมสถานที่สำคัญ ป้อมค่าย รักษาความสงบ ดูแลคดีความปล้นฆ่าหรือลักทรัพย์ที่เป็นเงินไม่เกิน ๕๐๐ บาท ภายในพระนครถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่คนตายก็เผาภายในกำแพงพระนครไม่ได้ พระบรมราชวงศ์ชั้นสูงจริงๆจึงจะเผาที่พระเมรุกลางเมืองได้

    ศาลพระนคร มีหน้าที่พิพากษาคดีในพระนคร มีเสภาพระนคร(คุกพระนคร) พะทำมะรงมีตำแหน่งเป็น พันรักษาทิวา และ พันรักษาราตรี

    ๒ กรมนา เจ้ากรมเป็นที่ พระยาพลเทพ ศักดินา ๑๐๐๐๐ (ทางสายธาตุุไม่ใส่รายละเอียดเยอะนะคะ หาหนังสือเล่มนี้ได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ราคา ๑๕๐ บาท)

    ในสมัยก่อนไทยถือว่าสัตว์ ๒ ประเภท คือ ช้างและควาย มีความสำคัญมาก ฝูงควายมีมากที่กาญจนบุรี ดังนั้น กรมอาทมาต ซึ่งส่วนมากเป็นพวกอาสามอญประจำอยู่ที่ชายแดน มีหน้าที่สืบราชการในพม่า จึงได้รับหน้าที่ให้รักษาฝูงควายที่เมืองกาญจนบุรีด้วย ในเรื่องขุนช้างขุนแผน ขุนไกรพลพ่ายต้องพระราชอาญาประหารเพราะฆ่าควายตายมาก
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ๓ กรมคลัง (โกษาธิบดี) เจ้ากรมเป็นที่ เจ้าพระยาพระคลัง ศักดินา ๑๐๐๐๐ ดูแลการรับจ่ายเงินทั้งหมด และมีอีกสองกรมย่อย กรมท่าขวา มีพระยาจุฬาราชมนตรีเป็นเจ้ากรม และกรมท่าซ้าย มีพระยาโชฏึกราชเศรษฐีเป็นเจ้ากรม ดูแลงานต่างประเทศด้วย

    ๔ กรมวัง (ธรรมาธิกรณ์) เจ้ากรมเป็นที่ เจ้าพระยาธรรมาธิบดี ศักดินา ๑๐๐๐๐ ดูแลการรับจ่ายในวัง ซ่อมแซมวัง จัดพระราชพิธีใหญ่ๆ บังคับบัญชาคนในวังทั้งหมดยกเว้นคนของกรมมหาดเล็ก ไทยถือว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นต้นของความยุติธรรมในสังคม ทรงเป็นใหญ่ที่สุดในตระลาการ เสนาบดีกรมวังเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินทีสุด จึงต้องมีหน้าที่ดูแลศาลหลวงทั้งหมด กรมวังเป็นกรมที่ใหญ่มาก มีกรมย่อยหลายกรม

    ๑ กรมตำรวจวัง (ซ้าย ขวา)
    ๒ กรมพระราชยาน
    ๓ กรมพิมานอากาศ (เครื่องสูง)
    ๔ กรมช่างทองช่างเงิน
    ๕ กรมพระสุคนธ์
    ๖ กรมพระแสงใน
    ๗ คลังข้าวสาร
    ๘ กรมศุภรัตน์(ผ้าอัฐบริขารใช้บำเพ็ญพระราชกุศล)
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    กรมล้อมพระราชวัง

    เจ้ากรมเรียกว่า จางวาง ที่พระเพ็ชรพิชัย กรมนี้ทำหน้าที่ทหารแต่ทำเนียบขึ้นกับพลเรือน เพราะมีหน้าที่ดูแลแต่เฉพาะในพระราชวัง เวลามีการศึกก็ไม่ต้องไปทัพ นอกจากเวลาแประพระราชทานต้องไปดูแลรักษาพลับพลาและรักษาพระองค์

    กรมนี้มีหน้าที่ยิงปืนอาฏานา คนในกรมนี้กรมพระสุรัสวดีไม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่มีใครทราบจำนวนหรือถือบัญชี ถือว่าเป็นคนใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินจริงๆ

    ทางสายธาตุคิดว่า ผู้ที่อยู่ดูแลความสงบพระนครโดยไม่ต้องออกสนามรบในยามศึกน่าจะเป็นกรมนี้ค่ะเพื่อตอบพระราชมนูค่ะ เพราะการตั้งใครให้มีหน้าที่ดูแลพระนครอยู่ในพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้นเพราะกรมนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนใกล้ชิดของพระเจ้าแผ่นดินค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  14. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    วันนี้ได้ไปวัดประดู่โรงธรรมมาครับได้พบกับเจดีย์พระเจ้าทรงธรรมภายในบรรจุพระบรมอัฐิท่านครับดีใจมากเลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    วันเวลาล่วงผ่านแล้วพลันลับ
    ทุกสิ่งสรรพคืนสู่ดินสิ้นสงสัย
    เคยงดงามอร่ามเรืองผ่องอำไพ
    ทุกสิ่งไซร้ดังเทพปั้นลออองค์

    จะพิศองค์พงศ์กษัตริย์ก็มัดจิต
    พระเอยดังรูปนิมิตให้ใหลหลง
    สง่าแสนทั่วแดนไตรใฝ่พะวง
    ประดับทรงเครื่องสุวรรณพรรณราย

    มาบัดนี้ พระลับกายไปแล้วหรือ
    แม้พระนามคนขาม ลือยังจางหาย.
    ทอดทิ้งแม้ราชูปโภคถอดวางวาย
    ตามพระไปคือความดีที่ทรงทำ

    ทอดตามองผองสุพรรณอันงามงด
    หวนกำสรดปริศนาเป็นเช่นคำถาม
    ทองล้ำค่า ฤาจักเท่า..พระทัยงาม
    ดุจประทีปส่องแวววามนำพระไป

    กฎเที่ยงแท้ พระไตรลักษณ์ไยจักเหลิง
    เฮ๊อะ ..ระเริง แย่ง ชิง ฆ่า..บ้าไฉน
    องค์กษัตริย์ผลัดแผ่นดินสิ้นเวียงชัย
    ท้องพระคลัง..ยังทิ้งไว้..เราได้ชม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2010
  16. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    เห็นด้วยกับคุณโมเย...ในเรื่องคำอธิบายของคุณจงรักภักดี
    ได้แง่คิดดีดี ที่เข้าใจง่าย เป็นธรรมทาน สมควรอนุโมทนา

    ข้อคิดเห็นคุณโมเย ...ก็ถูกต้องทั้งสิ้น ถ้า....เราทำได้หมด
    แต่พี่ว่าจิตมนุษย์ที่ยังไม่ล่วงพ้นวงเวียนชีวิต ที่กรรมขีดวงไว้
    การตัดภพตัดชาติอาจง่าย..ถ้า (อีกครั้ง)เราไม่ล่วงรู้ภพชาตินั้น ๆ
    ให้ผ่านมา แล้วผ่านไป....ซึ่งอันนี้ เป็นปกติธรรมดาโลก

    แต่..ยามใด ใครก้าวล่วงกรอบที่กำหนด บังเอิญไปล่วงรู้
    ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ เยื่อใย สัญญา และสัญญาณต่อติด
    ใจมิใช่สวิตท์ ที่เปิด ปิดได้ทันที...

    แล้วจู่ ๆ ประกาศเป็นโมฆะกรรม นำไปร้องต่อผู้คุ้มกฏเป็นโมฆะ
    สัญญาดื้อ ๆ ...ยากแท้หนอ...ยากแท้หนอ..!


    สายใยที่ตัดยากที่สุด คือ สายใยแห่งความทรงจำ ทั้งดีและร้าย
    และถ้าเป็นสายใยดี...เหนื่อยแท้หนอ... เหนื่อยแท้หนอ

    พระองคุลิมาล หยุดกรรม ด้วยเดชบารมีแห่งพระพุทธองคทรงชี้นำ
    ์.....เราหยุดแล้ว..ท่านสิยังไม่หยุด...

    แต่ เรา ไม่มีบุญบารมี ที่จะมีผู้มาโปรดให้หยุดแบบองคุลิมาล
    จึงต้องเปล่งได้แค่....กายหยุดแล้ว แต่ใจยังไม่หยุด.....

    พี่ว่าสายใยนี้แหละที่ลากจูงให้เราวกกลับเข้าวงกลม
    วัฏสงสารไม่สิ้นสุด....นอกจากแหวกวงล้อมพุ่งตรงเข้า
    ประตูพระนิพพาน ที่ใครก็ฝันถึง แต่น้องจ๋า.....

    "อันพระนิพพาน หาใช่พาน ให้หยิบฉวย
    บุญทำ ..กรรมแต่งด้วย มหาศาล
    จักเวียนวน ทนกันไป..กี่กัปกัลป์
    จึงจักผ่าน...หอมกลิ่นแล้ว...แก้วนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2010
  17. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    พระลับไป ทรงไม่ถึง ซึ่ง เมืองนาย

    ลุ 2143 ณ ยามนั้น
    จอมราชันย์พระนเรศร์ เกศกรุงศรี
    ปณิธานพระแน่วแน่ในฤดี
    ร่วมก่อตั้ง..ราชอาณาจักรมี...ไทยรวมไต...

    พระมุ่งสร้างสองอาณาจักรเป็นหลักฐาน
    ให้เข้มแข็ง..แกร่งตระการ..กว่าชาติไหน
    ทรงรับสั่ง คำก่ายน้อย เจ้าฟ้าไต
    พระสหายคู่หทัย ..ให้ไคลคลา

    เจรจา.เจ้าฟ้าไท ....ใหญ่ทุกที่
    เพื่อผนึก...เลือดไท...นี้ทุกสาขา
    ไทยรวมไท...อริหรือหือ.. บีฑา
    จีน..พม่า ...รุกราน...ไต ...ได้เห็นกัน

    ทรงปรึกษา เจ้าฟ้า..ไท ใหญ่แล้ว
    สองกษัตริย์กำหนดแนวทางสร้างสรรค์
    ทัพราชอาณาจักร ไทยและไท ยิ่งใหญ่พลัน
    คำก่ายน้อย..เร่งบุกบั่น เข้าเมืองนาย

    ทั้งยองห้วย เมืองปั่น. ต่างพรั่นศึก
    จีน พม่า อึกทึก ..ขวัญเมืองหาย
    จอมบดินทร์ รีบนำ ทัพติดตามไป
    หมายสมทบ พระสหาย เข้าโรมรัน

    จะยึดคืน เมืองนาย ..พระหมายมั่น
    ต่อ ตี มัน ผู้รุกราน...ให้สลาย
    โอ้...ถึงคราว จักเสียเมือง สายเลือดไท เ
    เหตุพลิกผัน..ดังฝันร้าย พระประชวร


    จำยั้งทัพ หยุดครั้งนี้ ที่ ...เมืองหาง
    สิ้นหนทาง...รัฐฉาน คล้าย ไกลเกินหวน
    ทรงห่วงศึก พระสหาย ..หทัยครวญ
    พระอนุชา เอกา...ด่วน รับบัญชา


    น้ำพระทัย สมควรแล้ว..มหาราช
    แม้ พระทัย จวนเจียนขาด ดับสังขาร์
    ยังทรงย้ำ ..ให้รีบรุก บุกกรีฑา
    นำ วรกาย ไร้ชีวา.....ฝ่าเข้าไป


    สิ้นรับสั่ง..ห่วงใย.. พระเนตรหลับ..
    สิ้นรับสั่ง..พระทรงลับ....ทัพใจสลาย
    อนิจจา..คำก่ายน้อย..สู้เดียวดาย
    เมืองแสนหวี....พระชนม์วายกลางสงคราม

    แสนอาดูร..เจ็บปวดร้าว..พระเจ้าข้า ...
    ยังหอมกลิ่น....พระยาตรา.....สู่สนาม
    รอยบาทยังไม่จางรอย...คล้อยสักยาม

    พระเมตตายัง..อร่าม...งามบารมี


    โอ้ว่า ...พระทูลกระหม่อมแก้ว...
    เมืองนาย..ลับ ...พระเนตรแล้ว...แก้วราศี
    เมืองนายล่ม..พระคืนกลับ ...สุขาวดี
    นับแต่นั้น.....จนบัดนี้....ไม่มี...เมืองนาย
     
  18. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    จากลำนำเพลง..ใจถึงเมืองนาย"
    จายสายมาว ขับร้อง


    อำมีวันเต๋จ่างลืม
    จะรอกัน ฝันไกล....ไม่ลืมได้
    ค่หันทุ่งเวียง"เมืองนาย
    อยากเห็นทุ่ง เมืองนาย..ดังใจฝัน
    หมากมู่ต้นผ่านสากเส่
    พฤกษ์ไสว ใบพลู ..เห็นเป็นสำคัญ
    ยาแหลนมีตางลางเคอ อ้างอานคืนเมออยู่เออ
    ฝากความฝัน คงมีวัน....ฉันไปเยือน

    มุ่งมองวันเมอกว่าถึง
    จะรอคอย..วันดี..ที่ได้กลับ
    พาดมาคราวหึง
    พลัดพรากลับ มานานแสน... แค้นใดเหมือน
    ไค่คืนฮอดถึง"เมืองนาย"ลางเคอ
    อยากคืนกลับ...เมืองนาย.....ก็ลางเลือน
    หว่ายคืนว่นขานใจ
    ครวญคิดเตือน..แล้วทุกข์ท้อ....หนอดวงใจ


    คืนไค่หัน"เมืองนาย"ลางเคอ
    อยากกลับไป หาเมืองนาย....อาลัยแล้ว
    จ้อมืดกือกั๋น
    โอ้...เพื่อนแก้ว ยังมีสุข..ดีไฉน
    ต่อเหลี่ยวมีไว้เจิ่งหือ ใจ๋ถึงน่าเย้า คุกใจ๋ไล้น่าเย้า
    ให้คิดถึง เหลือเกินที่...จักบรรยาย
    ฮิมฝั่งนำเต๋ง
    ยังจำได้ ริมน้ำ..เต๋ง..เพ่งสายชล

    ว่านไตอ่อนสูเฮา
    ยังถิ่นแดน ชนบท.....คนไต..เล่า
    ล้เซากิ๋นอยู่เจิ้งหือ
    อิ่ม..หิว.. เจ้า เป็นเช่นไร....ใจสับสน
    อ้อ อ๋อ ไค่ฮอดเมือหันน่าเย้า
    โอ้.....เมืองนาย.....อยากเห็นเจ้า....เฝ้าดิ้นรน
    ขิ่งคราวเหลือน��ี่ปี้จาย
    เมื่อเดือนสี่ เคยได้ยล.....ภาพพี่ชาย


    ไล้ขี่ม้าเมือน้ำ
    ขี่ม้า..กลับ ลัดเลาะ... ธารน้ำผ่าน
    ว่านหาดป้นเมือว่านจื้ด
    มุ่งสู่ บ้านจึ้ด...นั้น ..วันสดใส
    ด้ตือกุ๊ปเพิง
    สวมหมวกกุ๊ป .รื่นร่าเริง... บันเทิงใจ..
    "เมืองนาย"เมืองปั่นใจ๋หันคืนค่อยจูกั๋น
    ทั้ง...เมืองปั่น เมืองนาย... ฝังใจจำ


    ฮิมว่านหมากอุ่นเลา เฮาไล่อยู่ไล่เซา
    ริมบ้านตรง .ดงมะพร้าว.....เราเคยอยู่
    ไก้อูปลาดเคอ
    เคยเอื้อนสู่ กันเสมอ.....เผลอใจถลำ
    ยินข่าวว่าเฮาค่ายเมืออยู่จำเวียงเย้า
    ยิน...ความว่า ...ทิ้งสู่เมืองฤาละจำ
    "อ้อ อ๋อ เป๋มาไค่หันหน้าหนอ
    อยากเห็นหน้า...สุดระกำ....ไกล....เหลือเกิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2010
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อวานแวะวัดวระเชษฐ์เป็นวัดสุดท้าย ไปถึงเกือบจะทุ่มแล้วฝนตกหนัก พระอาจารย์สิงห์ทนจำวัดแล้ว หลวงพ่อสัมฤทธิ์ออกมาต้อนรับแทน ได้ถวายพระรูปถ่ายพระพี่นางสุพรรณกัลยาไว้ที่วัดวรเชษฐ์ 190 รูป (พี่แขกนำไปแจกญาติโยมทางสุรินทร์ 50 ใบเพื่อประกาศพระเกียรติ อีก10 ใบถวายหลวงพ่อสุทัศน์ วัดทองบ่อ จาก 250 รูปจึงเหลือ 190 รูปค่ะ) ได้ขอเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องแม่ชีเจี๊ยบ วัดวรเชษฐ์ เพราะห้องน้ำรวมมืดมาก จึงได้สนทนากับท่านแม่ชีจึงทราบว่ามีข่าวดีเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในการปกครองคณะสงฆ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแล้ว เกี่ยวกับท่านสาธุคุณ Sparkle ญาติโยมคณะศรัทธาวัดวรเชษฐ์ คงจะได้รับข่าวดีในเร็วๆนี้ แม่ชีท่านกระซิบมาแบบนี้


    เช้าเมื่อวานไปวัดชุมพลฯเป็นวัดแรกเลยค่ะ ได้ทราบว่าคุณชินกร ไกรลาศ ศิลปินแห่งชาติได้เข้ามาเป็นเจ้าภาพในการบุญครั้งนี้และได้ประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญเพื่อบูรณะช่อฟ้าใบระกาพระอุโบสถ วัดชุมพลนิกายารามราชวรวิหาร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคม พ.ศ. 2553 ดิฉันได้รับแจกวีดีโอบันทึกงานพิธีนี้มาสองแผ่นค่ะ เป็นไฟล์ .VOB เปิดในเวปพลังจิตนี้ไม่ได้ จึงหาโปรแกรมแปลงไฟล์เป็น .WMA แปลงแล้วมันมีตัวหนังสือติดอยู่หน้าจอเป็นชื่อโปรแกรมแปลงไฟล์ ขอเอาบทสัมภาษณ์คุณชินกรในวันงานวันนั้นมาถ่ายถอดให้ฟัง วันนั้นมีทั้งพิธีไทยและพิธีจีน จัดยิ่งใหญ่มากค่ะ ตอนนี้กำลังบอกบุญบูรณะช่อฟ้าใบระกาวัดชุมพลฯ เป็นบุญต่อยอดบุญทั้งหลายเพราะทำส่วนที่สูงที่สุดของพระอุโบสถเลยค่ะ



    พี่ดอกไม้... บทกลอนของพี่ลึกซึ้งในความรู้สึกมากค่ะ

    คุณพระราชมนู ทางสายธาตุอ่านแล้วเข้าใจว่าตำแหน่ง เสนาบดี เจ้ากรม ปลัดกรม ปลัดทูลฉลอง จะเป็นตำแหน่งของ 4 ท่านที่คุณพระราชมนูสนใจเสียอีก ทีแท้ทางสายธาตุยังหาข้อมูล 4 ตำแหน่งที่ว่านั้นไม่เจอค่ะ ขออภัย

    วันนี้ติดภารกิจต้องไปกับญาติทำธุระแต่เช้า ไว้กลับจากธุระจะเอารูปและเรื่องราวต่างๆมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • VTS_01_2.wmv
      ขนาดไฟล์:
      29.2 MB
      เปิดดู:
      788
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2010
  20. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนา ค่ะคุณพี่ดอกไม้เมืองบน

    เข้าใจ ในสัญญา และสายใย ที่อยู่ใน วาระจิตของพี่ทุกประการ

    โมเย ก็เคยเจอ หนักมา เรื่องสัญญาเก่า จึงเข้าใจ ในพี่

    เป็นกำลังใจให้ นะคะ
    ยึดมั่นในคำสอน ของพระพุทธองค์

    วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ คนล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร


    เครื่องทดสอบ ความเพียร จะถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ และยากขึ้น ไปตามลำดับ



    เมื่อ มีเหตุ ก็ย่อม มีผล
    สัญญาที่เกิด ประกอบกับปัญญา
    สืบสานพระปณิธาน เพื่อผืนแผ่นดิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...