ตกลง..จิต..มีจริงมั้ย?? อธิบายยังไง?..ด้วยวิทยาศาสตร์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ไม้บรรทัด, 4 กันยายน 2010.

  1. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ๓. เผณปิณฑสูตร
    ว่าด้วยขันธ์ ๕ เปรียบด้วยฟองน้ำเป็นต้น
    [๒๔๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับที่ฝั่งแม่น้ำคงคา

    เมืองอโยธยา. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย

    มาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคานี้ พัดพาเอาฟองน้ำ

    ก้อนใหญ่มา บุรุษผู้มีตาดี จะพึงเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย

    ซึ่งฟองน้ำจำนวนมากนั้น เมื่อเขาเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย

    ฟองน้ำนั้น พึงปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า หาสาระมิได้เลย

    สาระในฟองน้ำนั้น จะพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต เป็นอนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ

    หรืออยู่ที่ไกลที่ใกล้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุเพ่งพินิจพิจารณาดูรูปนั้น

    โดยแยบคาย เมื่อเธอเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย รูปนั้นก็จะปรากฏ

    เป็นของว่าง เป็นของเปล่า หาสาระมิได้เลย สาระในรูป จะพึงมีได้

    อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย.

    [๒๔๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อฝนเม็ดใหญ่ตกอยู่ในสรทสมัย

    ต่อมน้ำจะเกิดขึ้นและดับไปในน้ำ บุรุษผู้มีตาดี จะพึงเพ่งพิจารณาดู

    ต่อมน้ำนั้นโดยแยบคาย เมื่อเธอเพ่งพิจารณาดูโดยแยบคาย ต่อมน้ำนั้น

    ก็จะปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า หาสาระมิได้เลย สาระในต่อมน้ำ

    จะพึงมีได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย ฉันใด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนา

    อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ หรืออยู่

    ในที่ไกลที่ใกล้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุเพ่งพินิจพิจารณาดูเวทนานั้น

    โดยแยบคาย เมื่อเธอเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย เวทนานั้นจะ

    ปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า เป็นของหาสาระมิได้เลย สาระใน

    เวทนา จะพึงมีได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย.
     
  2. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=8 width=580 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center><TBODY><TR><TD>
    [๒๔๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเดือนสุดท้ายแห่งฤดูคิมหันต์

    ดำรงอยู่แล้ว ในเวลาเที่ยง พะยับแดดเต้นระยิบระยับ บุรุษผู้มีตาดี พึง

    เพ่งพินิจพิจารณาดูพะยับแดดนั้นโดยแยบคาย เมื่อเขาเพ่งพินิจพิจารณาดู

    โดยแยบคาย พะยับแดดนั้นจะปรากฏเป็นของว่างทีเดียว ฯลฯ ดูก่อน

    ภิกษุทั้งหลาย สาระในพะยับแดด จะพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล.

    [๒๔๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้มีความต้องการด้วยแก่นไม้

    เสาะหาแก่นไม้ เที่ยวแสวงหาแก่นไม้ ถือเอาผึ่งที่คมเข้าไปป่า เขามอง

    เห็นต้นกล้วยใหญ่ ลำต้นตรง ยังใหม่ ยังไม่เกิดหยวกแข็ง ในป่านั้น

    เขาพึงตัดต้นกล้วยนั้นที่โคน ครั้นตัดโคนแล้ว ก็ทอนปลาย ครั้น

    ทอนปลายแล้ว ก็ลอกกาบออก เมื่อลอกกาบกล้วยนั้นออก แม้แต่กระพี้

    เขาก็จะไม่ได้ในต้นกล้วยนั้น จะได้แก่นมาแต่ไหน ? บุรุษผู้มีตาดี

    คงเพ่งพินิจพิจารณาดูต้นกล้วยนั้นโดยแยบคาย เมื่อเพ่งพินิจพิจารณาดู

    โดยแยบคาย ต้นกล้วยก็จะปรากฏว่าเป็นของว่าง เป็นของเปล่า

    ไม่มีแก่นเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แก่นในต้นกล้วยนั้น จะมีได้อย่างไร

    ฉันใด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต

    ทั้งที่เป็นอนาคต ทั้งที่เป็นปัจจุบัน หรือที่มีอยู่ในที่ไกลหรือที่ใกล้

    ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุ เพ่งพินิจพิจารณาดู สังขารนั้นโดยแยบคาย

    เมื่อเธอเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย สังขารนั้นจะปรากฏเป็น

    ของว่าง เป็นของเปล่า หาสาระมิได้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาระใน

    สังขารทั้งหลาย จะพึงมีได้อย่างไร ?

    [๒๔๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นักเล่นกล หรือลูกมือของนักเล่นกล

    แสดงมายากลที่สี่แยก บุรุษมีตาดี พึงเพ่งพินิจพิจารณาดูมายากลนั้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#eeeeee> </TD><TD bgColor=#999999 width=1></TD><TD bgColor=#eeeeee height=24 width=600 align=right> </TD></TR><TR><TD bgColor=#999999 height=1 colSpan=3></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=1 cellSpacing=1 borderColor=#eeeeee cellPadding=2 width=780 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR borderColor=#999999 bgColor=#ffffff><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#999999 height=1 colSpan=3></TD></TR><TR><TD vAlign=top background=/images/bg/bg_j01.jpg><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD height=24 background=/images/bg/gd_yellow_t.gif align=middle>JANYAPINPARD</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR><TR><TD>วันที่ 11 ส.ค. 2553 08:21</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#999999 width=1></TD><TD vAlign=top width=600 align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#eeeeee><TD height=24> ความคิดเห็นที่ 2 </TD><TD height=24 align=right><INPUT class=nostyle value=2 align=absMiddle type=checkbox name=c_sel[2]> </TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc height=1 colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=8 width=580 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center><TBODY><TR><TD>
    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 318

    โดยแยบคาย เมื่อเขาเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย มายากล ก็จะ

    ปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า ไม่จริงเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    ความจริง (สาระ) ในมายากล จักมีได้อย่างไร ฉันใด. ดูก่อน

    ภิกษุทั้งหลาย วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต ทั้งที่เป็นอนาคต

    ทั้งที่เป็นปัจจุบัน ฯลฯ หรืออยู่ในที่ไกลที่ใกล้ ก็ฉันนั้น เหมือนกันแล

    ภิกษุเพ่งพินิจพิจารณาดูวิญญาณนั้นโดยแยบคาย เมื่อเธอเพ่งพินิจ

    พิจารณาดูโดยแยบคาย วิญญาณก็จะปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า

    หาสาระมิได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้

    จะเบื่อหน่ายในรูปบ้าง ในเวทนาบ้าง ในสัญญาบ้าง ในสังขารทั้งหลาย

    บ้าง ในวิญญาณบ้าง เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด

    จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่า เราหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า

    ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

    พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสเวยยากรณพจน์

    แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า

    [๒๔๗ ] พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์

    ทรงแสดงรูป อุปมาด้วยฟองน้ำ เวทนา อุปมา

    ด้วยต่อมน้ำ สัญญาอุปมาด้วยพะยับแดด สังขาร

    อุปมาด้วยต้นกล้วย และวิญญาณอุปมาด้วย

    มายากล. ภิกษุเพ่งพินิจพิจารณา (เบญจขันธ์) อยู่

    โดยแยบคาย ด้วยประการใด ๆ เบญจขันธ์ย่อม

    ปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า ด้วยประการ

    นั้น ๆ แก่เธอผู้เห็นอยู่โดยแยบคาย ก็การละ

    ธรรม ๓ อย่าง ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงมี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#eeeeee> </TD><TD bgColor=#999999 width=1></TD><TD bgColor=#eeeeee height=24 width=600 align=right> </TD></TR><TR><TD bgColor=#999999 height=1 colSpan=3></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=1 cellSpacing=1 borderColor=#eeeeee cellPadding=2 width=780 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR borderColor=#999999 bgColor=#ffffff><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#999999 height=1 colSpan=3></TD></TR><TR><TD vAlign=top background=/images/bg/bg_j01.jpg><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD height=24 background=/images/bg/gd_yellow_t.gif align=middle>JANYAPINPARD</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR><TR><TD>วันที่ 11 ส.ค. 2553 08:22</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#999999 width=1></TD><TD vAlign=top width=600 align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#eeeeee><TD height=24> ความคิดเห็นที่ 3 </TD><TD height=24 align=right><INPUT class=nostyle value=3 align=absMiddle type=checkbox name=c_sel[3]> </TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc height=1 colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=8 width=580 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center><TBODY><TR><TD>
    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 319

    ปัญญาเสมอแผ่นดิน ทรงปรารภกายนี้แล้ว

    แสดงไว้ เธอทั้งหลาย จงดูรูปที่เขาทิ้งแล้วเถิด.

    อายุ ไออุ่น และวิญญาณ ละกายนี้ไปเมื่อใด เมื่อ

    นั้นกายนี้จะถูกเขาทอดทิ้ง นอนอยู่ ไม่มีจิตใจ

    เป็นเหยื่อของสัตว์. การสืบเนื่องกันนี้เป็นเช่นนี้

    นี้เป็นมายากล ที่คนโง่พร่ำเพ้อถึง ขันธ์ เรา

    ตถาคตกล่าวว่า เป็นเพชฌฆาต ตนหนึ่ง สาระใน

    เบญจขันธ์นี้ไม่มี ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแล้ว

    มีสติ สัมปชัญญะ พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลาย

    อย่างนี้ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน. ภิกษุเมื่อ

    ปรารถนา อจุติบท (นิพพาน) พึงละสังโยชน์

    ทั้งปวง ทำที่พึ่งแก่ตน ประพฤติดุจบุคคลผู้มี

    ไฟไหม้ศีรษะ ฉะนั้น ดังนี้.

    จบ เผณปิณฑสูตรที่ ๓

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    สรุปกีคือการพยายามหักล้างเรื่องจิตโดยเอาวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงนั้น เป็นแค่การตีโวหารเท่านั้น
    แท้ที่สุดไม่ว่ามนุษย์คนไหนจะปฏิเสธเรื่องจิตแต่คนๆนั้นยังกลัวตายอยู่ ประมาทอยู่ มีตัณหา อุปปาทานอยู่ คนๆนั้นก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ดี
    การเข้าถึงพระนิพพานไม่ใช่เข้าได้โดยการปฏิเสธความจริง
    เราเข้าถึงพระนิพพานได้โดยการเข้าใจความจริงของธรรมชาติ ถึงเหตุและปัจจัย ถึงโทษของการยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นตน อย่างใช้ปัญญาญาณ
     
  4. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    อธิบายแบบวิทยาศาสตร์ เอาง่ายๆก็เปรียบกับ คอมพิวเตอร์นี่แหละ
    กายหรือรูป ก็คือ ฮารด์แวร์
    จิตหรือนาม ก็คือ ซอฟแวร์
    สมองก็คือส่วนหนึ่งของฮารด์แวร์ คือหน่วยประมวลผล

    ถ้าเทียบแบบนี้แล้วสมองจะทำงานได้ ก็ต้องมีซอฟแวร์เป็นผู้ออกคำสั่ง เปรียบดังจิต
    ที่ควบคุมร่างกาย โดยสั่งการไปที่สมองเพื่อประมวลผลแล้วร่างกายก็ทำตามที่จิตสั่ง
    อีกทีนึง

    ส่วนฮารด์แวร์ หรือคอมพิวเตอร์ เมื่อถูกทำลายลง หรือสมองถูกทำลาย แต่ซอฟแวร์ยัง
    อยู่ ก็เอาไปใส่คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ คอมพิวเตอร์หรือฮารด์แวร์ หรือรวมทั้งหน่วยประ
    มวลผล ก็ถูกสั่งโดยซอฟแวร์เดิม หรือเปรียบดังกายที่ดับลงหรือสมองที่ดับลง แต่จิตยัง
    อยู่รอการเกิดในร่างใหม่นั่นเอง.....
     
  5. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    หยุดดับ ขยับเกิด
    เป็นเรื่องของนามธรรม ไม่เหมือนหัวใจ ไม่เหมือนสมอง

    สัญญาอาศัยในไหน เวทนาอาศัยในไหน สติอาศัยในไหน ศิลตัวตนเป็นอย่างไร บาปกับบุญมันเป็นอย่างไร รู้ก็รู้อยู่ว่ามันมีแต่หารูปบ่เจอ ทั้งหมดทั้งปวงเป็นนามธรรม จิตก็เหมือนกัน

    รอล่างๆมาต่อ ตอบตามความเข้าใจแบบปุถุชน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2010
  6. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ถ้าอยากพิสูจน์เรื่องจิตเรื่องเดียว ทำง่ายมากค่ะ ^^

    ถ้าแค่อยากรู้ว่า จิตกับสมองแยกกันไหม

    บอกให้เพื่อนคุณ.......... (วิธีนี้ เห็นผลเร็วมาก ไม่เกิน 3 วัน)

    บอกให้เพื่อนคุณ ก่อนนอน.. เวลาจะล้มตัวลงนอนบนเตียงอ่ะ ปิดไฟในห้องแล้ว..

    พูดง่ายๆคือ กำลังจะหลับอ่ะ.. ลองบอกให้เค้า จับลมหายใจเข้า-ออก ทำไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มหลับตาจนหลับ..

    จับลมหายใจเข้าออก ก็คือการทำสมาธิอ่ะแหละ ... หลับตาแล้ว อย่าคิดฟุ้งซ่าน จับลมหายใจเข้าออกไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆ เรื่อยๆๆๆๆๆๆๆ จนหลับ

    ทำแบบนี้ ไม่เกิน 3 คืน.....

    แล้วเพื่อนคุณจะรู้ด้วยตัวเองเลยแหละ ว่าจิตมีจริงไหม อิอิ ^^

    นี่พูดจริงๆนะ

    mamboo ทำทีไร ไม่เกิน 3 วัน... ติดต่อกัน ทำก่อนนอน มันจะมีเรื่องแปลกเกิดขึ้นตลอดเลย..

    เช่น......

    บางคืน อยู่ดีๆก็ตื่นมากลางดึก จะลุกจากเตียงก็ลุกไม่ได้ มันขยับตัวไม่ได้ ลืมตาได้อย่างเดียว ก็เลยลองขยับมือดู ขยับไปขยับมา ปรากฏ มือมันเป็นโปร่งแสงๆทะลุออกมาจากผ้าห่มด้วยอ่ะ O_O!! เอิ้กๆๆๆๆๆ O_O!!

    แล้วบางคืน ก็ชอบเห็นอะไรในห้องก็ไม่รู้..

    เอาเป็นว่า มันแล้วแต่คนนะ.. แต่ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

    ทำติดต่อกัน อย่างต่ำ 3 คืน

    ถ้าทำทุกคืน.. ทำมากกว่า 3 คืน ก็จะสามารถรู้ตัวในฝันได้ด้วย...

    ถ้าทำบ่อยๆเข้า... บางที วิญญาณลอยออกจากร่างก็มี

    แต่วิธีนี้ไม่ใช่วิธีการถอดกายทิพย์นะคะ

    แค่เป็นวิธี ที่ได้ผลเร็วที่สุด สำหรับคนที่อยากพิสูจน์ว่า ... จิต หรือ วิญญาณ หรือ จิตวิญญาณ หรือ การทำงานของสมองกับจิต เหล่านี้ มีจริงไหม ?? ^^

    เจ้าของกระทู้ก่อนจะไปบอกให้เพื่อนทำ คุณลองทำก่อนสิ่.. ตอนไปบอกเพื่อนทำ จะได้เล่าประสบการณ์ตัวเองให้เพื่อนฟังได้ด้วย ^^
     
  7. ไม้บรรทัด

    ไม้บรรทัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +293
    ได้ความรู้มากมาย ขอขอบคุณน้ำจิตน้ำใจ ในการขนขวายข้อมูลของ กัลยาณมิตร ทุกๆท่าน ขอความสุขความเจริญในธรรม มีแด่ทุกท่านเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...