เรียบเรียงข้อมูลการวีวของผมทุกบทความ มีทั้งปริศนา Nibiru/2010-2012/NWO/Fallens..etc.

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย echonight, 20 สิงหาคม 2010.

  1. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ดีจังได้ภาพล่าสุดของดาวปริศนาแล้ว แสดงว่าหลบๆซ่อนๆอยู่นี่เอง ไม่ได้ไปไหนไกล อาจเป็นไปได้ว่าเขาอยากแสดงตัวให้เห็นว่ายังอยู่นะ จึงดลใจให้คุณ blackangel เข้าไปดู ^^ แบบเดียวกับการโผล่มาแสดงตัวของจานบินเป็นระยะๆ จะว่าไปแล้วภาพที่ห่างกันไม่นาน จู่ๆจะโผล่มาแบบนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นดาวปกติก็ต้องเห็นการเคลื่อนที่ขยับไปทีละน้อย นี่คือหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บอกได้ว่าเขาพรางตัวเองได้
     
  2. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    หรือยานบินเขาวาปได้ ?
    ตอนแรกมันจะมีเป็นรูปล่าสุดนะครับ ซึ่งเป็นรูปใหญ่ แต่ผมไม่ได้เซฟไว้ แล้วพอผ่านไปรูปที่มันอัพเดทใหม่มาแทนรูปเดิมไป ก็เลยมีแต่รูปเล็ก เสียดายๆๆไม่งั้นได้เห็นรูปใหญ่ๆชัดกว่านี้

    เข้าเวปนี้ไปดูได้นะ
    SOHO Data
    มีดูภาพย้อนหลัง เป็นไฟล์ vdo เป็นไฟล์ภาพ gif ก็มี แต่เท่าๆที่ผมไล่ๆดูแล้วน่าจะมีแค่รูปเดียวมั้ง ขี้เกียจไล่ๆดูมันเยอะเกิน
     
  3. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมได้ภาพสำคัญมาครับ เป็นภาพในปี ค.ศ. 1998 วันที่ 1 มิถุนายน
    SOHO ถ่ายภาพได้ 4 ภาพในเวลาที่แตกต่างกัน จะเห็นภาพดาวหางปริศนา
    ซึ่งในครั้งนั้นเขาคาดว่าเป็นดาวหางสองดวงวิ่งเข้าหาดวงอาทิตย์ แต่ลองสังเกตดีๆ ดาวหางที่มีปีก ด้านล่างสุดว่าจะใช่ดาวนิบิรุหรือไม่ เพราะเวลาห่างกันราว 12 ปี เขาก็ยังอยู่แถวนั้นอยู่เลย

    http://sohowww.nascom.nasa.gov/gallery/SolarCorona/large/las023_prev.jpg

    ภาพจาก
    SOHO-Gallery: Best Of SOHO
     
  4. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    รูปของคุณ aries น่าจะเป็นดาวหางมั้งครับ พอ 17.56 มันเริ่มจะดูเหมือนดาวหางธรรมดาแล้ว พอ 20.13 ก็เหมือนดาวหางเข้าไปอีก แล้วในรูปนั้นมันวิ่งเข้าหาดวงอาทิตย์ นะครับ เหมือนมีแรงดึงดูดจากดวงอาทิตย์

    แต่รูปที่ผมโผสวันนี้ มันเหมือนวิ่งออกจากทางดวงอาทิตย์เลยแหะ
     
  5. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมกลับมาค้นรูปดาวหางเก่าๆที่ SOHO ถ่ายได้ พบว่าดาวหางที่สว่างๆจะมีแสงคล้ายปีกเหมือนกันครับ แสดงว่ากล้องตัวนี้มีฟิลเตอร์บางอย่างทำให้ภาพเป็นแบบนี้ ก็เป็นไปได้สูงที่ภาพที่ผมนำมาจะเป็นดาวหางครับ

    แบบนี้ภาพของคุณ blackangel ที่นำมาลงถ้าไม่ใช่ดาวนิบิรุก็อาจเป็นวัตถุในอวกาศที่สะท้อนแสงได้ดี ทำให้เห็นว่ามีปีกได้ เช่น ดาวเทียม ยานอวกาศ ซึ่งอาจโคจรอยู่ไม่ไกลนักจึงหลบออกจากมุมกล้องได้เร็วมาก ต้องหาภาพวิดิโอที่ถ่ายเวลาติดๆกันมากๆมาดูจึงจะสรุปได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ครับ

    ปล.ตอนนี้ผมพบวิดิโอของภาพที่ผมเอามาแล้ว เป็นดาวหางจริงๆด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2010
  6. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ผมก็งงเหมือนกันรูปของผม แค่ 10 นาทีกว่าๆวัตถุนั้นก็หายไปจากกล้อง
    แต่รูปที่คุณ Aries ให้ผมดู ถ่ายไว้ 4 ชั่วโมงกว่าเลยนะครับ

    ผมค้นหารูปเก่าให้ดูนะครับ 1998-06-01 ดูภาพขนาดมาตรฐานเอานะครับ
    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]

    จากรูปนี้เปรียบเทียบรูปที่ผมโผสอันแรกๆดูจากลักษณะของวัตถุเหมือนจะต่างกันเลยนะครับ


    โดยส่วนตัวผมคิดว่า ไม่น่าจะเป็นยานอวกาศ และดาวเทียม ของโลกเรา เพราะมันอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากซะขนาดนั้น แต่ก็มีโอกาสที่น่าจะเป็นดาวหางได้นะ

    แต่เท่าที่รู้คือวันก่อนผมอยากดูรูปล่าสุดของวัตถุนี้ที่ถ่ายในปี 2010 หาในเวปไหนก็ไม่เจอ แล้ววันนี้ก็ เลยเข้าเวป nasa ไปดูเองซะเลยพอเข้าไปก็เจอเข้าเต็มๆเซอไพรซ์ ^^"


    ดวงอาทิตย์ใหญ่กว่าโลก 109 เท่า
    แล้ว นิบิรุ ใหญ่กว่าโลกกี่เท่าใครพอรู้มั้ยครับ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2010
  7. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมเจอรูปใหญ่อีกภาพ(จากภาพเดิมที่ผมเอามาลง)ครับ สงสัยเหมือนกันว่าทำไมในช่วงวันเวลาเดียวกันที่คุณ blackangel เอามาฝากให้ดูจึงไม่เห็นดาวหางแบบในรูปของผมนะ ชักงงแฮะ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่านะ ภาพวันที่ 1 june 1998 เหมือนกันด้วย หรือว่าเขามีกล้องหลายตัว? หรือมองคนละมุม ผมยังไม่ได้ค้นรายละเอียดของ SOHO เลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

    http://sohowww.nascom.nasa.gov/gallery/images/large/2comets.jpg

    ถ้าจะดูวิดิโอก็ดูได้จากลิ้งนี้ คลิกที่ภาพบนด้านขวามือ(สังเกตวันเดือนปีของวิดิโอที่บันทึก)
    SOHO-Gallery: Best of SOHO
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2010
  8. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ภาพของ 1998 ที่ผมเอาให้ดู ขนาดมันพอดีกับรูปที่ผมโผสวันนี้ครับ ลองสังเกตุใกล้ๆจุดวงกลมๆๆตรงกลางนั้นดูครับ นั้นหละดาวหาง 2 ดวงในรูปใหญ่มันซูมกี่เท่าก็ไม่รู้
     
  9. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    อ้อ พบแล้วครับ ขนาดเล็กมากแทบไม่เห็นหางเลย ^^

    ผมเจอเว็บที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับนิบิรุแล้วครับ มีภาพประกอบสวยงามเชียว จากภาพดาวนิบิรุมีขนาดใหญ่พอๆกับดาวพฤหัสเลยครับ เข้าไปดูได้ที่นี่ครับ

    Nibiru and the Dark Star

    และที่นี่

    http://www.darkstar1.co.uk/solution.html

    ฝากเว็บเพิ่มเติมไว้สำหรับศึกษาเรื่องลึกลับต่างๆ (เป็นภาษาไทย)
    http://www.mythland.org/intro/v3/slideintro.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2010
  10. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2010
  11. Tawan1990

    Tawan1990 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +320
    เข้ามาเก็บข้อมูลครับ ผมคนนึงละที่ติดตามผลงานของคุณมาตลอด
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/OZa5CJDUc8E&color1=0xb1b1b1&color2=0xd0d0d0&hl=en_US&feature=player_embedded&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/OZa5CJDUc8E&color1=0xb1b1b1&color2=0xd0d0d0&hl=en_US&feature=player_embedded&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="385"></embed></object>

    <object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/6FWGxOvdi0w&color1=0xb1b1b1&color2=0xd0d0d0&hl=en_US&feature=player_embedded&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/6FWGxOvdi0w&color1=0xb1b1b1&color2=0xd0d0d0&hl=en_US&feature=player_embedded&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="385"></embed></object>
     
  13. echonight

    echonight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +257
    ตอนนี้นาซ่าและรัฐบาลอเมริกันรู้อะไรมากกว่าที่เราคาดซะอีก :mad:
    ในอุโมงค์ยักษ์ใต้ดินในเขตพื้นที่แอเรีย 51 มีข้อมูล Nibiru อยู่เพียบไปหมด

    วันหลังจะลงข้อมูลของ Time reaper (known as Key master, Key keeper) ผู้เก็บเกี่ยวกาลเวลา พร้อมด้วยความสามารถที่แตกต่างกันระหว่าง Time reaper กับ Remote viewer ครับ วันนี้ลืมเอาเอกสารมา (-_-")
     
  14. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    เห็นโรงเก็บ UFO ใน Area 51 มั้ยครับ ?
     
  15. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    อันนี้จริงเปล่า

    ถ้าจริง น่ากลัวนะ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=BMPVgIsbxW8&feature=related]YouTube - Reptilian Shapeshifter - U.S. President Obama[/ame]
     
  16. echonight

    echonight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +257

    คงเป็นกล้องกับตากล้องที่สะท้อนในกระจกตาครับ
     
  17. echonight

    echonight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +257


    มาแล้วฮะ ต่อไปนี้คือเรื่องราวของเพื่อนของเพื่อนผมครับคนนี้ผมทราบว่าเป็นพวก KM ที่หายากมากในส่วนของผู้ปลุก DNA แล้วครับ เพราะรายนี้จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติครับผม เรียกว่าเป็นอัจริยะผู้มีความสามารถพิเศษติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยล่ะครับ และนี่คือข้อมูลที่ผมได้รับมาจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง เพื่อนผมเป็นคนไทยและเพื่อนของมันที่เป็น KM เป็นฝรั่งกั๊บ...

    Key Master, Time Reaper, Key Of Life Keeper Master

    พวกนี้กล่าวได้ว่าเป็นพวกอัจริยะตั้งแต่เกิด พวกเขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการรับรู้ข้อมูลต่างๆของทุกสรรพสิ่ง พวกเขาเชื่อว่าในโครงสร้างของทุกๆอณูทุกๆสรรพสิ่ง จะมีแหล่งเก็บข้อมูลเป็นองค์ประกอบด้วยเสมอ ซึ่งในส่วนของสิ่งมีชีวิตจะอยู่ในรูปของ DNA (ขดเกลียวแห่งชีวิต) และในวัตถุธาตุที่ไร้ชีวิตจะอยู่ในรูปของพลังงานอณุภาค (
    Higgs Boson
    ) ข้อมูลของทุกสรรพสิ่งตั้งแต่เกิด ดำรงอยู่ และสิ้นอายุขัย จะถูกจัดเก็บรวบรวมไว้ทั้งหมดในแหล่งเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ซึ่งพวกเขาเพียงแค่สัมผัส หรือใช้จิตสัมผัสกับสิ่งของนั้นๆหรือกระแสพลังงานนั้นๆ ก็จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลสรรพสิ่งเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย พวกเขามีสมองที่มหัศจรรย์มาก! หากคุณลองทำการจำแนกข้อมูลของมนุษย์หนึ่งคน ชำแหละออกมาทุกๆเซลล์ทุกๆอนุภาค ตำแหน่ง หน้าที่ และโครงสร้างของมันทุกส่วน แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นบรรจุลงบนแผ่นดิสก์ คุณจะได้แผ่นดิสก์ขนาดกองเท่าภูเขาหรือพอๆกับตึกอย่างตึกเอ็มไพร์สเตทนับล้านๆตึกเลยทีเดียว!! ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับจุดเล็กๆจุดหนึ่งในสมองของพวก KM เท่านั้นเอง ..สุดยอด !

    ปล.ความสามารถของพวก KM นั้นหากใช้เทคโนโลยีก็สามารถทำได้ แต่คงต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงมากจริงๆ ซึ่งในปัจจุบันคงเป็นไปไม่ได้ อย่างตอนนี้ CERN ก็กำลังทำการทดลองหาอนุภาค Higgs Boson อยู่เพื่อไขความลับกำเนิดจักรวาล! แต่ตอนนี้ทราบว่าเพิ่งได้ข้อมูลมายังไม่ถึง 5% ซะด้วยซ้ำ แต่ต้องใช้แผ่นดิสก์เก็บข้อมูลไปแล้วเป็นล้านแผ่น!! ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกนักวิทยาศาสตร์ทราบว่ามีข้อมูลแห่งจักรวาลอยู่ในพลังงานมืดจริงๆ และแม้แต่พวก KM ก็ไม่สามารถสัมผัสหรือเข้าถึงแหล่งพลังงานนี้ได้ เพราะมันเป็นอากาศธาตุ ทางนักวิทยาศาสตร์จึงต้องอาศัยเทคโนโลยีของเครื่อง LHC ในการฉีกพลังงานมืดให้ขาดในช่วงเวลาที่สั้นมากนับเป็นเสี้ยวของเสี้ยววินาที! และนั่นอาจจะทำให้อนุภาคโบซอนซึ่งเป็น DNA ของจักรวาลเผยตัวออกมาจนสามารถตรวจจับและเข้าถึงข้อมูลต้นกำเนิดแห่งจักรวาลได้ต่อไปนั่นเอง !!!



    และต่อไปนี้ผมจะเทียบความสามารถและความแตกต่างกันของ Remote Viewer กับ Key Master ให้เห็นกันไปเลยนะครับ

    Remote Viewer
    -มองอนาคตได้
    -มองอดีตและอนาคตได้ไม่ไกลจากปัจจุบันมากนัก
    -สามารถฝึกกันได้เกือบทุกคน


    Key Master
    -ไม่สามารถมองอนาคตได้
    -รับรู้ย้อนอดีตได้ไกลไม่จำกัด
    -เป็นพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิด(จึงหาได้ยากมาก)
    -มีมันสมองอัจฉริยะ

    จบแล้วครับ ยาวจริงๆ ให้ตายเหอะโรบิ้น :boo: และต่อไปนี้ไม่ต้องให้ผมย้อนไปดูเหตุการณ์ในอดีตที่ไกลๆอย่างดูไดโนเสาร์อะไรเทือกนี้นะครับ เพราะมันไกลมาก ไม่สารถทำได้ หรือหากมี RV คนใดทำได้ มันคงต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อย้อนไปดูกิ้งก่ายักษ์แค่ตัวเดียวแหง๋ ๆ (=_=)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2010
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ( 5.1 ) ภิกษุรูปนั้นได้เล่าให้ผมฟังว่า จักรวาล เกิดจากเส้นแสง ( ศัพธ์ที่ท่านบัญญัติเอง ) ตัว ' เส้นแสง ' นี้ ไม่รู้ว่ามีต้นกำเนิดที่ไหน มันไม่มีจุดเริ่มต้นที่ไหนรู้แต่ว่ามันมีอยู่เต็มไปหมดเลยทั่วทั้งจักรวาล มนุษย์ต่างดาวค้นพบ ' เส้นแสง ' นี้ได้ จึงเดินทางทั่วทั้งจักรวาลได้ ผมถามท่านว่าจักรวาลกำเนิดจากการระเบิดที่เรีบกว่า ' บิ๊กแบง ' ไม่ใช่หรือครับ ท่านปฏิเสธว่าไม่ใช่ ( ต่อมาภายหลัง เมื่อผมได้ไป อ่านเอกสารเกี่ยวกับ UFO และมนุษยต่างดาว ผมก็พบข้อความที่กล่าวถึงมนุษย์ต่างดาวที่เดินทางมาพบกับมนุษย์และก็ปฏิเสธ ทฤษฎีบิ๊กแบงว่าเป็นกำเนิดจักรวาลด้วยเช่นกัน )

    " ถ้านักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาเรื่องของพลัง ( งาน ) เรื่องของการทรง การเคลื่อนตัวและการเปลี่ยนแปลงของพลังจากหยาบเป็นละเอียด เป็นถี่ สักวันหนึ่งพวกเขาก็คงจะเจอเส้นแสง พอเจอเส้นแสงพวกเขาก็จะรู้ว่า กำเนิดจักรวาลเป็นอย่างไร รู้ว่าการเดินทางของมนุษย์ ต่างดาวเป็นอย่างไร "

    - คัดจาก มังกรจักรวาล ภาค สมาธิหมุน -
    ที่มา http://www.sookjai.com/index.php?topic=2865.0
    <!-- google_ad_section_end -->+++++++++++++++++++++++++++++++++++

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ธัมมะอาสา [​IMG]
    โคตรเลเซอร์....อาวุธใหม่ของสหรัฐ

    [​IMG]

    ซานฟรานซิสโก-สหรัฐเปิดตัว ซูเปอร์เลเซอร์ ราคาแสนกว่าล้านบาท หวังใช้เป็นอาวุธชนิดใหม่แทนนิวเคลียร์ ขนาดใหญ่เท่ากับสนามแข่งม้า
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&lmt=1283822826&channel=8724309246&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=10.0.45.2&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff2%2F%E0%B9%80%E0%B8%99%E2%82%AC%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%89%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%99%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%83%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%87%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%88%E0%B9%80%E0%B8%99%E2%82%AC%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%85%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%87%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%81-%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%85%E0%B9%80%E0%B8%99%E2%82%AC%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%85%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92-%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%91%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%99%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%A2%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%A2%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%94.254622/%23post3735372%23post3735372&dt=1283822826194&shv=r20100818&jsv=r20100903&prev_slotnames=6922411748%2C7486718593&correlator=1283822776979&frm=0&adk=3698733892&ga_vid=2008874596.1282709192&ga_sid=1283822777&ga_hid=1097904678&ga_fc=1&ga_wpids=UA-7034934-1&u_tz=420&u_his=3&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1003&bih=599&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Fsearch%3Fhl%3Dth%26source%3Dhp%26q%3D%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2587%2B%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%26btnG%3D%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%2BGoogle%26meta%3D%26aq%3Df%26aqi%3Dg5g-s2g1%26aql%3D%26oq%3D%26gs_rfai%3D&fu=0&ifi=3&dtd=15"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&lmt=1283235683&channel=8724309246&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=10.0.45.2&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%81.248273/page-16&dt=1283235683164&shv=r20100818&jsv=r20100825&prev_slotnames=6922411748%2C7486718593&correlator=1283235681335&frm=0&adk=582750156&ga_vid=2008874596.1282709192&ga_sid=1283233223&ga_hid=568896806&ga_fc=1&ga_wpids=UA-7034934-1&u_tz=420&u_his=72&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1003&bih=599&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%2F&fu=0&ifi=3&dtd=31"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&lmt=1282972960&num_ads=3&channel=8724309246&ad_type=text&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=10.1.53.64&url=http%3A%2F%2Fwww.bangkokbiznews.com%2Fhome%2Fdetail%2Fit%2Fscience%2F20090602%2F47443%2F%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%258C..%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2598%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2590.html&dt=1282972960828&shv=r20100818&jsv=r20100825&correlator=1282972960890&frm=0&adk=892370135&ga_vid=1837837098.1282972961&ga_sid=1282972961&ga_hid=582456617&ga_fc=0&u_tz=420&u_his=2&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=16&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1003&bih=513&ref=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fl.php%3Fu%3Dhttp%253A%252F%252Fwww.bangkokbiznews.com%252Fhome%252Fdetail%252Fit%252Fscience%252F20090602%252F47443%252F%2525E0%2525B9%252582%2525E0%2525B8%252584%2525E0%2525B8%252595%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%2525A5%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%25258B%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B9%25258C..%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525A7%2525E0%2525B8%2525B8%2525E0%2525B8%252598%2525E0%2525B9%252583%2525E0%2525B8%2525AB%2525E0%2525B8%2525A1%2525E0%2525B9%252588%2525E0%2525B8%252582%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%252587%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525AB%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B1%2525E0%2525B8%252590.html%26h%3Da6160&fu=0&ifi=1&dtd=109"></SCRIPT>นายอาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐ ได้เดินทางไปร่วมพิธีเปิดเครื่องยิงแสงเลเซอร์ทรงพลังที่สุดในโลกที่ห้องปฏิบัติการณ์แห่งชาติลิเวอร์มอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ท่ามกลางบุคคลสำคัญในวงการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานถึง 3,500 คน เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.)
    เครื่องยิงแสงเลเซอร์นี้ในเวลาในการคิดค้นและสร้างนานกว่า 20 ปี พร้อมงบประมาณอีก 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 122,000 ล้านบาท)
    รายงานข่าวเผยว่า เครื่องยิงแสงเลเซอร์นี้มีชื่อว่า เนชั่นแนล อิกนิชั่น แฟซิลิตี้ (นิฟ) สามารถจำลองพลังงานของระเบิดไฮโดรเจน และดวงอาทิตย์ได้ มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามแข่งม้า ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ยิงแสงเลเซอร์ออกมาได้ถึง 192 ลำแสงไปรวมยังเป้าหมายที่มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วได้ ซึ่งเท่ากับการจุดระเบิดแบบฟิวชั่น ทำให้เกิดพลังงาน และแรงกดดันเทียบเท่ากับแกนกลางของดวงดาวหรือดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่มีความร้อนมหาศาล
    นายเอ็ดเวิร์ด โมเสส ผู้อำนวยการนิฟอธิบายว่า ปฏิกิริยาฟิวชั่นเกิดขึ้นจากการที่ซูเปอร์เลเซอร์กระทบกับอะตอมไฮโดรเจนซึ่งจะก่อให้เกิดพลังงานที่มีความร้อนมากพอที่จะจุดระเบิดขึ้น ทั้งยังเชื่อด้วยว่า เครื่องจะสามารถทำการทดลองที่ไม่เคยมีทางเป็นไปได้โลกขึ้นด้วย โดยคาดว่า หลังจากเปิดตัวแล้ว นักวิทยาศาสตร์จะทดลองกำลังของระบบราว 1 ปี ก่อนจะทดลองระบบเต็มกำลังในปีหน้า
    ทั้งนี้ เครื่องที่เริ่มต้นสร้างเมื่อปี 2540 ได้รับงบประมาณจากสำนักงานความปลอดภัยด้านพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติ (เอ็นเอ็นเอสเอ) ของกระทรวงพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการช่วยรับประกันเรื่องความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอายุเก่าแก่ลงทุกปีของประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ด้านฟิวชั่นเคยตั้งเป้าไว้มานานถึงครึ่งศตวรรษ
    ขณะที่นายทอม ดีอากอสติโน ผู้อำนวยการสำนักงานเอ็นเอ็นเอสเอกล่าวว่า เครื่องนิฟเป็นเสาหลักสำคัญของเอ็นเอ็นเอสเอในการยับยั้งนิวเคลียร์โดยไม่จำเป็นต้องทำการทดลองนิวเคลียร์ และยังจะมีบทบาทสำคัญในการแปลงโฉมการรักษาความมั่นคงของประเทศในศตวรรษที่ 21 นี้ด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ตัวนี้คือพลังงานที่จะทำให้ กลางคืนสว่างเป็นกลางวัน
    พระอาทิตย์ดวงใหม่?


    National Ignition Facility

    [​IMG]




    [​IMG]

    [​IMG]

    Lawrence Livermore National Laboratory

    Weapons and Complex Integration

    สหรัฐฯ เตรียมยิงซูเปอร์เลเซอร์ทดสอบ “นิวเคลียร์ฟิวชัน” ต.ค.นี้


    [SIZE=-1]<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body style="FONT-SIZE: x-small; MARGIN: 0px; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=baseline align=middle>ห้องปฏิบัติการของเอ็นไอเอฟที่จะปล่อยลำเลเซอร์พลังงานสูง 192 ลำ ไปยังเป้าที่มีขนาดเพียงเมล็ดพริกไทย เพื่อให้เกิดการระเบิดจากภายในแล้วสร้างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันขึ้น (บีบีซีนิวส์)
    [/SIZE]


    สหรัฐฯ ได้ฤกษ์ยิงซูเปอร์เลเซอร์ทดสอบ “นิวเคลียร์ฟิวชัน” แหล่งพลังงานแห่งอนาคต รูปแบบเดียวกับปฏิกิริยาบนดวงอาทิตย์ แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ก็เป็นก้าวสำคัญ ที่อาจเปลี่ยนแปลงวงการวิทยาศาสตร์และนโยบายพลังงานไปตลอดกาล

    หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ดิอินดิเพนเดนท์รายงานว่า หน่วยงานการเผาไหม้เครื่องยนต์แห่งสหรัฐฯ หรือเอ็นไอเอฟ (The US National Ignition Facility : NIF) จะยิงซูเปอร์เลเซอร์ 192 ลำ จากห้องปฏิบัติการขนาด 3 เท่าของสนามฟุตบอล ให้รวมกันที่จุดเดียวซึ่งมีขนาดประมาณเมล็ดพริกไทย เพื่อให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันขึ้นในเดือน ต.ค.นี้

    ทั้งนี้ ปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบฟิวชันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดการเผาไหม้ขึ้นที่ใจกลางดวงอาทิตย์ ขณะเดียวกันก็เป็นเสมือน “จอกศักดิ์สิทธิ์” ของวงการพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน และแม้ว่าจะเป็นเพียงการเดินเครื่องเพื่อทดสอบเทคโนโลยี แต่การทดลองครั้งสำคัญนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏฺวัติที่จะเปลี่ยนแปลงวิทยาศาสตร์ด้านพลังงานและนโนบายพลังงานไปตลอดกาล

    นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ ใช้เวลาหลายทศวรรษ เพื่อไล่ตามความฝันในการสร้างพลังงานจากนิวเคลียร์ฟิวชันที่จะสร้างพลังงานสะอาดอันไม่จำกัดจากไฮโดรเจน ธาตุที่มีอยู่เกลื่อนเอกภพ โดยปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน จะเกิดขึ้นเมื่อนิวเคลียสของ 2 อะตอมผลักกันได้อย่างยากลำบาก ที่สุดจะหลอมรวมกันกลายเป็นอนุภาคที่หนักขึ้น และปฏิกิริยาลูกโซ่ที่คงที่จะเกิดขึ้นเมื่อนิวเคลียสของอะตอมชนกันมากขึ้น และในกระบวนการนั้นจะปลดปล่อยพลังงานปริมาณมหาศาลออกมา

    ดวงดาวทั้งหลายต่างเจิดจ้าด้วยปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน แต่ยังไม่มีใครที่จะสามารถจัดการปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันให้มั่นคงและยั่งยืนภายใต้เงื่อนไขที่ควบคุมได้ ส่วนปัญหาใหญ่ที่นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ฟิวชันต้องเผชิญคือ จะเพิ่มอุณหภูมิมหาศาลและความดันที่จำเป็นให้เพียงต่อพื้นที่อันจำกัดได้อย่างไร

    การสร้างพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันที่ยั่งยืน จำเป็นต้องมีเงื่อนไขที่สุดขั้วมากกว่าใจกลางดวงอาทิตย์ ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 100 ล้านองศาเซลเซียส และนักวิทยาศาสตร์ของเอ็นไอเอฟที่ห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์ลิเวอร์มอร์สหรัฐฯ (Lawrence Livermore National Laboratory) ในแคลิฟอร์เนีย ได้มาถึงจุดที่เข้าใกล้ชัยชนะเหลือสิ่งกีดขวางมากกว่าที่ใครเคยทำได้มาก่อน

    ห้องปฏิบัติการของเอ็นไอเอฟเพิ่งจะแล้วเสร็จเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่ง ภายในห้องปฏิบัติมีอุปกรณ์ทางแสงและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ออกแบบให้ปลดปล่อยเลเซอร์ใน 192 ทิศทาง เพื่อสร้างพลังงานให้กับลำแสงที่รวมแล้วมีพลังงานมากถึง 1.8 เมกะจูลส์ แต่หัวใจสำคัญของห้องปฏิบัติการคือแคปซูลเบอริลเลียมที่มีขนาดเท่าเมล็ดพริกไทย ซึ่งออกแบบให้รองรับการกระแทกอย่างรุนแรงของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่อยู่ในรูปดิวเทอเรียม (deuterium) และทริเทียม (tritium) ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นไอโซโทปของไฮโดรเจน แต่มีความแตกต่างของมวลอะตอม

    เป้าหมายในการทดลองคือพุ่งลำเลเซอร์ทั้งหมดไปยังแคปซูล แล้วจุดระเบิดด้วยพัลส์หรือคลื่นสั้นเป็นช่วงๆ ของพลังงาน ซึ่งการทดลองดังกล่าวจะทำให้เชื้อเพลิงระเบิดอยู่ภายในทันทีที่อุณหภูมิและความดันสูงยิ่งกว่าที่มีอยู่ในใจกลางดวงอาทิตย์

    เมื่อพุ่งชนกันแล้ว นิวเคลียสดิวเทอเรียมและทริเทียมจะหลอมรวมกันและปลดปล่อยพลังงานออกมาวูบหนึ่ง หากการทดลองสำเร็จ จะมีพลังงานปริมาณมากกกว่าที่ใส่เข้าไปในแคปซูลออกมา และการศึกษาล่าสุดที่รายงานในวารสารไซน์ได้แสดงให้เห็นว่า นักวิทยาศาสตร์ได้มาถึงเป้าหมายดังกล่าวแล้ว

    ดร.ซีกฟรีด เกลนเซอร์ (Dr.Siegfried Glenzer) และคณะได้อธิบายถึงการทดลองแรก ซึ่งเลเซอร์ทั้ง 192 ลำถูกยิงทดสอบไปยังเป้าหมายที่ไม่ได้ใส่เชื้อเพลิง แต่สามารถสร้างพลังงานได้ถึง 40% ของพลังงานสูงสุดที่เอ็นไอเอฟจะสร้างได้ หากแต่ปัญหาสำคัญที่ต้องเอาชนะให้ได้คือ การทำให้แคปซูลเกิดระเบิดภายใน

    “เรากำลังทำของจริง และดูท่าจะดีกว่าที่คาดไว้” ดร.เกลนเซอร์เขียนไว้ในรายงานที่เผยแพร่ในวารสารไซน์

    การทดลองสร้างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันนี้เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนแคปซูลภายในทรงกระบอกทรงคำที่เรียกว่า “ฮอล์รอม” (hohlraum) ซึ่งมีรูปให้ลำเลเซอร์พุ่งไปชน และการทดลองจุดระเบิดเผาไหม้ให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่ยั่งยืนนั้นจะเริ่มทำอย่างจริงจังในเดือน พ.ค.53 นี้ ส่วนการตัดสินใจว่าจะเดินเครื่องเต็มกำลังในเดือน ต.ค.นี้เลยหรือไม่นั้น จะตัดสินใจอีกครั้งในเดือน ก.ค.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    เมื่อใดที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก!!

    เครดิต คุณธัมมะอาสา
    ที่มา ตามรอย "พระมหาชนก"<!-- google_ad_section_end -->
    __________________

    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&channel=8724309246&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=10.0.45.2&dt=1283824155729&shv=r20100818&jsv=r20100903&correlator=1283824155729&dblk=1&frm=1&adk=471399028&ga_vid=2008874596.1282709192&ga_sid=1283822777&ga_hid=1511412816&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=13&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1003&bih=599&ifk=3113128709&fu=4&ifi=1&dtd=171"></SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2010
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันที่มนุษย์โลกก้าวไปถึงครั้งล่าสุด คือการสร้าง “ปรมาณู” เป็นอาวุธร้ายแรง และนำมาทำลายล้างมนุษย์ชาติ ดังเช่นการใช้ระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฺฮิโรชิมา และนางาซากิของประเทศญี่ปุ่น เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2541-2542 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบพลังงานตัวใหม่คือ “เส้นแสง” และเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุดว่า “เส้นแสง” จะได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นอาวุธชนิดใหม่ที่ทรงอานุภาพยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูเสียอีก “อาวุธเส้นแสง” เป็นอาวุธที่ผลิตขึ้นเพื่อทำลายนิวเคลียสและเซลล์ในร่างกาย ซึ่งตรงกันข้ามกับระเบิดปรมาณูซึ่งจะทำลายวัตถุ เช่นอาคารบ้านเรือน อาวุธเส้นแสงชนิดใหม่นี้สามารถปรับความถี่และอำนาจของการกระจายของเส้นแสงได้ตามความต้องการ เหมือนกับการทำงานของเตาไมโครเวฟ
    ชาวดาวอังคารมีความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ทางจิตไปจนถึงระดับการใช้พลังจิตเปลี่ยนวัตถุให้เป็นพลังงานแสง และเปลี่ยนจากพลังงานแสงให้กลับเป็นวัตถุอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของพลังงาน ซึ่งสูงกว่าพลังงาน “เส้นแสง”
    จากแอตแลนติสสู่อียิปต์
    มนุษย์โลกเมื่อครั้ง 10,000 ปีที่ผ่านมา ในยุคของอารยธรรมแอตแลนตีส ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้เคยพัฒนามาจนถึงการสร้าง “อาวุธเส้นแสง” แล้ว ความมีอำนาจ ความแตกต่างกันในแนวความคิด และความศรัทธาความเชื่อ ได้ทำร้ายเหล่ามวลมนุษยชาติมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งกระหายอำนาจมากเท่าใด ย่อมส่งผลร้ายได้มากเท่านั้น
    บนทวีปแอตแลนติกในครั้งนั้นประชาชนได้แตกแยกออกเป็นหลายกลุ่ม จนในที่สุดเหลือประชาชนเพียง 2 กลุ่มใหญ่ที่ไม่สามารถปรองดองกันได้ ต่างผ่ายต่างมียุทโธปกรณ์ที่ล้ำหน้า ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้โดยสันติวิธี สงครามและอาวุธที่ทันสมัยมีอานุภาพร้ายแรงที่สุด คือศักดิ์ศรีของจอมทัพผู้อหังการ
    ในครั้งนั้นนักบวชนามว่า รตะ (อ่านว่าระตะ) เป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ความเมตตา ได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 1 เดือน ว่าจะเกิดสงครามใหญ่และอาณาจักรแอตแลนตีสจะถึงวาระของการล่มสลาย กลุ่มที่เชื่อคำพยากรณ์ของท่านรตะได้ต่อเรือขนาดใหญ่ บรรทุกผู้คนอพยพออกจากอาณาจักรแอตแลนตีส มาขึ้นฝั่งที่ดินแดนของประเทศอียิปต์โบราณ
    เมื่อครบ 1 เดือน ตามคำพยากรณ์ของท่านรตะ สงครามใหญ่ได้เปิดฉากขึ้น และเนื่องจากผู้นำของทั้งสองกลุ่มต่างแข็งกร้าวเข้ากัน อาวุธ “เส้นแสง” ที่ทันสมัยที่สุดจึงถูกนำมาใช้ แรงกดอย่างมหาศาลที่เกิดจากการยิงอาวุธเส้นแสงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดต่อมนุษยชาติ และการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นผิวโลกตามลำดับ คือ
    1. อาณาจักรแอตแลนตีส ซึ่งตั้งอยู่บนทวีปแอตแลนติก ที่เคยเป็นศูนย์กลางของคาวามเจริญในแทบทุกด้าน ได้ถึงกาลอวสานล่มสลาย พื้นทวีปทรุดตัวลงไปอย่างรวดเร็วกลายสภาพเป็นพื้นน้ำในชั่วพริบตา ประชาชนที่กำลังสนุกสนานร่าเริง หรือขลุกอยู่กับภารกิจประจำวันต้องจบชีวิตลงอย่างเอน็จอนาจโดยที่ไม่ทันจะรู้ตัว หมดโอกาสที่จะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากอันตรายได้ มนุษย์ สัตว์ อาคารบ้านเรือน พีระมิดคริสตัล และเค้าโครงของอารยธรรมทั้งหลาย ยังคงฝังซากของอดีตอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร เพื่อรอจังหวะเวลาของการวนรอบของเหตุการณ์ที่จะเวียนมาบรรจบอีกครั้ง และถ้าหากคู่อริทั้ง 2 กลุ่มในอดีต ไม่สามารถก้าวพ้นไปจากวิบากหรือเหตุที่ได้สร้างไว้ได้ การย้อนรอยของกรรมหรือพลังงานคงจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงเวลา
    2. เพื่อเป็นการรักษาสภาพสมดุลของลักษณะทางกายภาพตามอัตราส่วนของการมีพื้นดิน 1 ส่วน และพื้นน้ำ 3 ส่วน จึงทำให้พื้นน้ำแถบทะเลอาหรับ เปลี่ยนสภาพเป็นทะเลทราย ที่เรียกว่าสะฮาราในปัจจุบันนี้ เนื่องจากปริมาณของน้ำได้ถ่ายเทไปรวมตัวกันที่มหาสมุทรแอตแลนติกและฝังอาณาจักรแอตแลนตีสอยู่ใต้มหาสมุทร บริเวณกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลทรายสะฮาราและคาบสมุทรอาหรับจึงกลายเป็นดินแดนมหาเศรษฐีของโลก เนื่องจากมีทรัพยากรที่ล้ำค่าคือ น้ำมัน การใช้อาวุธเส้นแสงคือ เหตุ หรือพลังงานที่คู่อริได้ร่วมกันสร้างไว้แล้ว ตั้งแต่ในอดีตเมื่อ 10,000 ปีที่ผ่านมา
    3. การเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทำให้เกิดการเคลื่อนที่และการเปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นน้ำและพื้นดินอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ ทำให้แผ่นดินของทวีปยุโรปและทวีปเอเชียเคลื่อนเข้ามาชนกันในทันที แรงปะทะทำให้แผ่นดินทั้งสองทวีปถูกบีบ กลายเป็นภูเขาหิมาลัยสูงเสียดฟ้า และช่องว่างที่เกิดจากการคลายตัวของพื้นดินจะปรากฏให้เห็นเป็นแนวยาวจากภูเขาหิมาลัยในประเทศอินเดียผ่านหลายจังหวัดในประเทศไทย และไปสิ้นสุดที่ จ.กาญจนบุรี นักธรณีวิทยาเรียกช่องว่างที่เกิดขึ้นนี้ว่า “รอยเลื่อน” และ ถ้าเมื่อใด “อาวุธเส้นแสง” ถูกนำมาใช้อีกครั้ง เมื่อนั้นยอดเขาหิมาลัยจะเปลี่ยนสภาพจากยอดเขาสูง กลายเป็นที่ราบกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่สุดของเอเชียและของโลก และอาณาจักรแอตแลนตีสคงจะถูกดันให้โผล่พ้นจากก้นมหาสมุทรเปลี่ยนสภาพไปเป็นพื้นทวีปที่กว้างใหญ่อีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพื้นน้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติกจะไหลไปรวมอยู่ที่ใดของโลก เพื่อทำให้เกิดความสมดุลตามอัตราส่วนของการมีพื้นน้ำ 3 ส่วนและพื้นดิน 1 ส่วน เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนั้น อาณาจักรแอตแลนตีสเป็นผู้ยิงอาวุธเส้นแสงจึงทำให้เกิดแรงกดอย่างมหาศาลลงไปบนพื้นทวีปจนจมลงไป ชาวแอตแลนตีส จึงต้องรับผลของเหตุที่ได้สร้างขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นในอนาคตหากมีประเทศใดยิงอาวุธเส้นแสงขึ้นอีกครั้ง ประเทศนั้นก็จะถูกกดให้จมลงไปกลายเป็นพื้นน้ำในพริบตาเช่นกัน และแรงกดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง รวดเร็วนี้ จะไปดันอาณาจักรแอตแลนตีส ให้โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอีกครั้ง
    ท่านรตะสามารถล่วงรู้ว่า “อาวุธเส้นแสง” จะเป็นทั้งเหตุและผลของการล่มสลาย และฟื้นคืนกลับมาใหม่ ของอาณาจักรแอตแลนตีส ตามกฎของการวนรอบในทุกๆ 10,000 ปี ความรู้สึกเสียดายอาณาจักรแห่งความศิวิไลซ์และความโศกสลดเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติเดียวกันได้ ในครั้งนั้นท่านรตะจึงได้ให้สัจจะหรือให้คำมั่นสัญญา ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างเหตุของท่านไว้ ซึ่งสัจจะนั้นมีความหมายว่า “เมื่อใดที่ถึงวาระการวนรอบของเหตุการณ์เดิมท่านจะเป็นผู้มาช่วยฉุดแอตแลนตีสคืนกลับขึ้นมา”
    สัจจะที่ได้ให้ไว้ถือว่าเป็นภารกิจผูกมัด จดบันทึกเก็บเป็นพลังงานไว้ในใจ ซึ่งเจ้าของสัจจะ จะเพิกเฉยหรือลืมไม่ได้ เพราะเป็นเหตุที่ตนได้สร้างไว้ในอดีต
    คณะของท่านรตะที่รอดชีวิตมา ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวพื้นเมือง อารยธรรมแอตแลนตีสจึงได้แพร่กระจายในดินแดนของประเทศอียิปต์โบราณ จนพัฒนากลายเป็นอารยธรรมแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ในยุคต่อมา
    knowledge5 - ingdhamma
     
  20. rwoot

    rwoot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +191


    ข้อมูลนี้สุดๆไปเลยครับ...ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...